อยากสร้างนวัตกรรมหรือ? จงเป็น "นักปัจจุบันนิยม"
-
0:01 - 0:03เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2011
-
0:03 - 0:06ผมอยู่ที่ MIT Media Lab ในเคมบริดจ์
(Massachusetts Institute of Technology) -
0:06 - 0:10กำลังพบปะกับอาจารย์ นักศึกษา และเจ้าหน้าที่
-
0:10 - 0:11ตอนนั้นเขากำลังพิจารณาว่า
-
0:11 - 0:14ควรให้ผมเป็นผู้อำนวยการคนต่อไป
ของแล็บนี้หรือเปล่า -
0:14 - 0:16คืนนั้น ตอนเที่ยงคืน
-
0:16 - 0:18เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 9
-
0:18 - 0:21ที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของญี่ปุ่น
-
0:21 - 0:23ภรรยาและครอบครัวของผมอยู่ในญี่ปุ่น
-
0:23 - 0:26ตอนที่เริ่มมีข่าวเข้ามา
-
0:26 - 0:28ผมตื่นตกใจมาก
-
0:28 - 0:29ผมเฝ้าติดตามรายงานข่าว
-
0:29 - 0:32คอยฟังแถลงการณ์
-
0:32 - 0:34ของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล
-
0:34 - 0:36และบริษัทผลิตไฟฟ้า Tokyo Power
-
0:36 - 0:38แล้วก็ได้ข่าวการระเบิด
-
0:38 - 0:40ของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
-
0:40 - 0:41และกลุ่มฝุ่นกัมมันตรังสี
-
0:41 - 0:43ที่กำลังเคลื่อนตัวไปทางบ้านของเรา
-
0:43 - 0:46ซึ่งอยู่ห่างออกไปแต่ 200 กิโลเมตร
-
0:46 - 0:49คนที่ออกทีวี ไม่มีใครบอกข้อมูล
-
0:49 - 0:51ที่เราต้องการรู้เลยสักนิด
-
0:51 - 0:53ผมอยากรู้ว่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มีสภาพเป็นอย่างไร
-
0:53 - 0:54สถานการณ์การรั่วไหลของกัมมันตรังสีเป็นอย่างไร
-
0:54 - 0:57ครอบครัวผมตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า
-
0:57 - 1:00ผมก็เลยลงมือทำสิ่งที่ผมรู้สึกตามสัญชาตญาณว่าควรทำ
-
1:00 - 1:01นั่นคือเข้าอินเตอร์เน็ต
-
1:01 - 1:03และพยายามค้นหาว่า
-
1:03 - 1:05ผมจะทำอะไรได้บ้างด้วยมือของผม
-
1:05 - 1:07บนอินเตอร์เน็ต ผมได้พบกับคนอื่นๆ อีกมากมาย
-
1:07 - 1:09ที่กำลังหาข้อมูลเหมือนกับผม
ว่ามันเกิดอะไรขึ้น -
1:09 - 1:11แล้วเราก็มารวมตัวกันหลวมๆ
-
1:11 - 1:14เรียกว่ากลุ่มเซฟแคส (Safecast)
-
1:14 - 1:15เราตัดสินใจว่าเราจะลอง
-
1:15 - 1:17วัดระดับกัมมันตรังสี
-
1:17 - 1:18และเผยแพร่ข้อมูลออกไปให้ทุกคนรู้
-
1:18 - 1:20เพราะตอนนั้นเราเห็นชัดแล้วว่า
-
1:20 - 1:23รัฐบาลจะไม่ทำเรื่องนี้ให้เรา
-
1:23 - 1:24สามปีต่อมา
-
1:24 - 1:28เรามีข้อมูล 16 ล้านหน่วย
-
1:28 - 1:30เราออกแบบเครื่องวัดกัมมันตรังสีของเราเอง
-
1:30 - 1:32ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดแบบไปทำเอง
-
1:32 - 1:33แล้วเอาไปเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย
-
1:33 - 1:35แล้วเราก็มีแอพพลิเคชั่นที่แสดง
-
1:35 - 1:38ระดับกัมมันตรังสีบนพื้นที่ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น
และส่วนอื่นๆ ของโลก -
1:38 - 1:40เรียกได้ว่า นี่เป็นโครงการวิทยาศาสตร์
ภาคพลเมือง -
1:40 - 1:42ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในโลก
-
1:42 - 1:44และเราได้สร้างฐานข้อมูลสาธารณะ
-
1:44 - 1:48ด้านระดับกัมมันตรังสี ที่ใหญ่ที่สุด
-
1:48 - 1:50สิ่งที่น่าสนใจคือ ...
-
1:50 - 1:55(เสียงปรบมือ) ขอบคุณครับ
-
1:55 - 1:57เป็นไปได้อย่างไร ที่มือสมัครเล่นกลุ่มหนึ่ง
-
1:57 - 1:59ซึ่งไม่รู้หรอกว่าเรากำลังทำอะไรกัน
-
1:59 - 2:01มารวมตัวกัน
-
2:01 - 2:04แล้วทำสิ่งที่เอ็นจีโอและรัฐบาล
-
2:04 - 2:07ทำไม่ได้เลยโดยสิ้นเชิง
-
2:07 - 2:09ผมอยากบอกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ
-
2:09 - 2:11อินเตอร์เน็ตครับ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
-
2:11 - 2:14ไม่ใช่ดวง และไม่ใช่เพราะ
พวกเราเป็นคนพิเศษอะไร -
2:14 - 2:15เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
-
2:15 - 2:17ช่วยดึงทุกคนเข้าหากัน
-
2:17 - 2:19แต่เป็นเพราะวิธีทำงานรูปแบบใหม่ๆ
-
2:19 - 2:21ที่เกิดขึ้นได้เพราะอินเตอร์เน็ต
-
2:21 - 2:22และอะไรอีกมากมายที่เกิดขึ้นช่วงนั้น
-
2:22 - 2:24ผมเลยอยากจะพูดถึงสักนิดว่า
-
2:24 - 2:27หลักการใหม่ๆ เหล่านั้นคืออะไร
-
2:27 - 2:32เอาล่ะ คุณจำสมัยที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตได้ไหม
(เสียงหัวเราะ) -
2:32 - 2:34ผมเรียกมันว่ายุค ก.อ.
(ก่อนอินเตอร์เน็ต) -
2:34 - 2:37สมัยก่อนอินเตอร์เน็ต ชีวิตก็เรียบง่าย
-
2:37 - 2:40อะไรๆ ก็เป็นไปตามหลักของยูคลิด นิวตัน
-
2:40 - 2:42ค่อนข้างทำนายได้
-
2:42 - 2:44คนเราก็พยายามทำนายอนาคต
-
2:44 - 2:46แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์
-
2:46 - 2:49แล้วพออินเตอร์เน็ตเกิดขึ้น
-
2:49 - 2:51โลกเราก็เริ่มซับซ้อนสุดๆ
-
2:51 - 2:54ต้นทุนการสื่อสารถูกสุดๆ และเร็วสุดๆ
-
2:54 - 2:56และกฎของนิวตันทั้งหลาย
-
2:56 - 2:58ที่เราเคยทนุถนอมชื่นชม
-
2:58 - 3:00ก็กลายเป็นความเชื่อท้องถิ่น
-
3:00 - 3:01และเราก็พบว่า
-
3:01 - 3:04ในโลกที่ไม่อาจทำนายอะไรได้เลยแบบนี้
-
3:04 - 3:06คนส่วนใหญ่ที่มีชีวิตรอดอยู่ได้
-
3:06 - 3:09คือคนที่ทำอะไรโดยใช้หลักการที่แตกต่างไป
-
3:09 - 3:12ผมจึงอยากพูดถึงเรื่องนี้สักหน่อย
-
3:12 - 3:13ก่อนยุคอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณจำได้
-
3:13 - 3:15เวลาเราพยายามสร้างบริการ
-
3:15 - 3:16เราจะเริ่มจากการสร้าง
-
3:16 - 3:19ฮาร์ดแวร์ เครือข่าย และซอฟต์แวร์
-
3:19 - 3:21ซึ่งมีต้นทุนหลายล้านดอลลาร์
-
3:21 - 3:23เพื่อทำงานใหญ่ๆ สำคัญๆ
-
3:23 - 3:25เมื่อการทำงานใหญ่ๆ
มีต้นทุนสูงหลายล้านดอลลาร์ -
3:25 - 3:28สิ่งที่คุณต้องทำคือ
หาคนที่จบปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) -
3:28 - 3:29มาเขียนแผนธุรกิจ
-
3:29 - 3:30และหาเงินทุน
-
3:30 - 3:32จากนักลงทุนหรือบริษัทใหญ่ๆ
-
3:32 - 3:34แล้วคุณก็จ้างนักออกแบบและวิศวกร
-
3:34 - 3:35ให้เขาสร้างผลิตภัณฑ์ออกมา
-
3:35 - 3:39นั่นคือโมเดลการสร้างนวัตกรรม
ยุคก่อนอินเตอร์เน็ต -
3:39 - 3:42สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเรามีอินเตอร์เน็ตแล้วคือ
-
3:42 - 3:43ต้นทุนการสร้างนวัตกรรมถูกลงมากๆ
-
3:43 - 3:46เพราะต้นทุนในการประสานความร่วมมือ
การกระจายสินค้า การสื่อสาร -
3:46 - 3:49และกฎของมัวร์ (Moore's Law)
(เรื่องความสามารถของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) -
3:49 - 3:51ทำให้ต้นทุนของการลองทำสิ่งใหม่ๆ
-
3:51 - 3:53ลดลงเหลือเกือบศูนย์
-
3:53 - 3:55แล้วคุณก็มีกูเกิ้ล เฟซบุค ยาฮู
-
3:55 - 3:57มีนักเรียนที่ทำอะไรโดยไม่ต้องขออนุญาต
-
3:57 - 3:58นวัตกรรมที่ไม่ต้องรอการอนุมัติ
-
3:58 - 4:00ไม่มีการขออนุมัติ ไม่มีพาวเวอร์พอยท์
-
4:00 - 4:02เด็กๆ เหล่านี้แค่ลงมือสร้างอะไรสักอย่างขึ้นมา
-
4:02 - 4:03แล้วค่อยไปหาเงินทุน
-
4:03 - 4:05แล้วก็เริ่มคิดแผนธุรกิจขึ้นมา
-
4:05 - 4:08และภายหลังก็อาจจะจ้างคนที่จบบริหารธุรกิจ (MBA) มาช่วย
-
4:08 - 4:10ดังนั้น อินเตอร์เน็ตจึงทำให้เกิดนวัตกรรม
-
4:10 - 4:11อย่างน้อยก็ในวงการซอฟต์แวร์และการบริการ
-
4:11 - 4:14เราเปลี่ยนจากโมเดลนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย
บัณฑิตบริหารธุรกิจ (MBA) -
4:14 - 4:18ไปสู่โมเดลนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย
นักออกแบบและวิศวกร -
4:18 - 4:20ซึ่งผลักให้นวัตกรรมไปสู่แนวหน้า
-
4:20 - 4:22ไปสู่หอพักนักศึกษา ไปสู่บริษัทแรกก่อตั้ง
-
4:22 - 4:23ห่างไกลจากสถาบันใหญ่ๆ
-
4:23 - 4:26สถาบันเก่าแก่คร่ำครึที่มีอำนาจ
-
4:26 - 4:27มีเงิน และมีสิทธิมีเสียงในการสั่งการ
-
4:27 - 4:30เราต่างก็รู้ดี ว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นบนอินเตอร์เน็ต
-
4:30 - 4:33แต่นอกจากนี้ มันยังเกิดขึ้นในวงการอื่นด้วย
-
4:33 - 4:36ผมขอยกตัวอย่างให้ฟัง
-
4:36 - 4:39ที่ MIT Media Lab
เราไม่เพียงแค่สร้างฮาร์ดแวร์ -
4:39 - 4:40เราทำทุกอย่าง
-
4:40 - 4:42ทั้งชีววิทยาด้วย ฮาร์ดแวร์ด้วย
-
4:42 - 4:45ดังประโยคฮิตของนิโคลัส นีโกรปอนติ
(อดีต ผอ. MIT Media Lab)
ที่ว่า "สร้างต้นแบบมา ไม่งั้นตาย" -
4:45 - 4:47แทนที่จะเป็น "ตีพิมพ์งานวิจัย ไม่งั้นตาย"
-
4:47 - 4:49ซึ่งเป็นวิธีคิดทางวิชาการแบบโบราณ
-
4:49 - 4:53เขามักจะพูดว่า ขอให้ต้นแบบมันทำงานได้แค่ครั้งเดียวแหละ
-
4:53 - 4:56เพราะช่องทางหลักที่งานของเรา
จะมีผลต่อโลกได้ -
4:56 - 4:57ก็ต้องผ่านบริษัทใหญ่ๆ
-
4:57 - 4:59ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรา
-
4:59 - 5:02แล้วสร้างสินค้าอย่าง Kindle หรือ Lego Mindstorms ออกมา
-
5:02 - 5:04แต่วันนี้ ด้วยความสามารถ
-
5:04 - 5:06ที่จะสร้างสิ่งต่างๆ ออกมาสู่โลกความจริงด้วยต้นทุนต่ำขนาดนั้น
-
5:06 - 5:09ผมกำลังจะเปลี่ยนคำขวัญละ
-
5:09 - 5:10และนี่คือการแถลงต่อหน้าสาธารณะอย่างเป็นทางการ
-
5:10 - 5:13ผมขอกล่าวอย่างเป็นทางการว่า "ผลิตสินค้าจริงออกมา ไม่งั้นตาย"
-
5:13 - 5:15คุณต้องสร้างสิ่งประดิษฐ์ของคุณออกสู่โลกความจริง
-
5:15 - 5:17มันถึงจะมีความหมายที่แท้จริง
-
5:17 - 5:18บางทีเราอาจต้องการบริษัทใหญ่ๆ
-
5:18 - 5:20นิโคลัสอาจจะพูดถึงดาวเทียม
-
5:20 - 5:22(เสียงปรบมือ)
-
5:22 - 5:23ขอบคุณครับ
-
5:23 - 5:25แต่เราควรออกไปสู่ตลาดด้วยตัวเราเอง
-
5:25 - 5:28ไม่ใช่หวังให้สถาบันใหญ่ๆ จัดการให้
-
5:28 - 5:31เมื่อปีที่แล้ว เราเลยพานักศึกษากลุ่มหนึ่ง
ไปเสิ่นเจิ้น -
5:31 - 5:32พวกเขานั่งบนพื้นโรงงาน
-
5:32 - 5:35กับนักสร้างนวัตกรรมในเสิ่นเจิ้น มันน่าทึ่งมาก
-
5:35 - 5:36สิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นคือ
-
5:36 - 5:38ทุกคนมีอุปกรณ์การผลิตเหล่านี้
-
5:38 - 5:41พวกเขาไม่ได้สร้างต้นแบบหรือพาวเวอร์พอยท์
-
5:41 - 5:43แต่ทำงานมือเป็นระวิง
กับอุปกรณ์การผลิตเหล่านี้ -
5:43 - 5:46แล้วสร้างนวัตกรรมขึ้นมาตรงนั้นเลย
-
5:46 - 5:48โรงงานนั้นอยู่ในตัวนักออกแบบ
-
5:48 - 5:50และนักออกแบบก็อยู่ในโรงงานจริงๆ
-
5:50 - 5:52สิ่งที่คุณทำคือ
-
5:52 - 5:53ลงไปดูที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือ
-
5:53 - 5:56คุณจะเห็นโทรศัพท์มือถือพวกนี้
-
5:56 - 5:58แทนที่จะสร้างเว็บไซต์เล็กๆ
-
5:58 - 6:00เหมือนเด็กๆ ที่พาโล อัลโตทำกัน
-
6:00 - 6:02เด็กๆ ในเสิ่นเจิ้น
จะสร้างโทรศัพท์มือถือใหม่ๆ ขึ้นมา -
6:02 - 6:05เหมือนกับที่เด็กๆ ในพาโล อัลโต
-
6:05 - 6:06สร้างเว็บไซต์
-
6:06 - 6:08และนั่นคือป่าอันอุดมสมบูรณ์
-
6:08 - 6:10ของนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือ
-
6:10 - 6:12เด็กพวกนี้สร้างโทรศัพท์มือถือ
-
6:12 - 6:14ลงไปที่ร้าน เอาไปขายจริง
-
6:14 - 6:16ดูว่าเด็กคนอื่นทำอะไรบ้าง แล้วกลับขึ้นไป
-
6:16 - 6:19ทำมือถือใหม่ออกมาอีกสองสามพันเครื่อง
แล้วลงไปขายใหม่ -
6:19 - 6:21ฟังดูเหมือนวงการซอฟต์แวร์ไหมครับ
-
6:21 - 6:22เหมือนกับการพัฒนาซอฟต์แวร์
ที่มีความคล่องตัวสูงมาก -
6:22 - 6:25ทดลองใช้เทียบกับของเก่าแล้วปรับปรุงอีก
-
6:25 - 6:27สิ่งที่เราคิดว่าเราทำได้กับซอฟต์แวร์เท่านั้น
-
6:27 - 6:30เด็กๆ ในเสิ่นเจิ้นทำได้กับฮาร์ดแวร์
-
6:30 - 6:31ผมหวังอยู่ว่า นักศึกษาคนใหม่ในทีมของผม
-
6:31 - 6:33จะเป็นหนึ่งในนักสร้างนวัตกรรม
จากเสิ่นเจิ้นนี่ล่ะ -
6:33 - 6:34สิ่งที่คุณเห็นนี่คือ
-
6:34 - 6:36การผลักนวัตกรรมออกไปยังแนวหน้า
-
6:36 - 6:38เราพูดถึงเครื่องพิมพ์สามมิติอะไรพวกนั้น
-
6:38 - 6:40ซึ่งเจ๋งมาก แต่นี่คือลิมอร์
-
6:40 - 6:43เธอเป็นหนึ่งในบัณฑิตคนโปรดของเรา
-
6:43 - 6:45รูปนี้เธอยืนอยู่หน้าเครื่อง
-
6:45 - 6:47Techwin Pick and Place ของซัมซุง
-
6:47 - 6:50ซึ่งสามารถประกอบชิ้นส่วน 23,000 ชิ้น
-
6:50 - 6:52ลงบนบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ภายใน 1 ชั่วโมง
-
6:52 - 6:54นี่คือโรงงานในกล่อง
-
6:54 - 6:57อะไรที่เราเคยต้องใช้โรงงานที่มีคน
-
6:57 - 6:58ทำงานด้วยมือเต็มโรงงาน
-
6:58 - 6:59พอมีเจ้ากล่องเล็กๆ นี่ในนิวยอร์ค
-
6:59 - 7:01เธอก็ทำได้เหมือนกัน
-
7:01 - 7:02เธอไม่ต้องไปถึงเสิ่นเจิ้น
-
7:02 - 7:03เพื่อผลิตสินค้าพวกนี้
-
7:03 - 7:06เธอสามารถซื้อเจ้ากล่องนี้แล้วลงมือผลิตเลย
-
7:06 - 7:08ดังนั้น การผลิต ต้นทุนการสร้างนวัตกรรม
-
7:08 - 7:11การสร้างต้นแบบ กระจายสินค้า
การผลิต ฮาร์ดแวร์ -
7:11 - 7:12ราคาถูกลงมาก
-
7:12 - 7:14จนนวัตกรรมเกิดได้ที่แนวหน้า
-
7:14 - 7:17นักเรียนและบริษัทเปิดใหม่ก็สร้างนวัตกรรมได้
-
7:17 - 7:19ปรากฏการณ์นี้เพิ่งเริ่ม แต่มันจะเกิดขึ้น
-
7:19 - 7:20และมันจะเปลี่ยนโลก
-
7:20 - 7:23เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในวงการซอฟต์แวร์
-
7:23 - 7:26โซโรนา เป็นกระบวนการที่ดูปองต์คิดขึ้น
-
7:26 - 7:29โดยใช้จุลินทรีย์ที่ตัดต่อพันธุกรรม
-
7:29 - 7:33ให้สามารถเปลี่ยนน้ำตาลข้าวโพดเป็นโพลีเอสเตอร์
-
7:33 - 7:35ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลถึง 30 เปอร์เซนต์
-
7:35 - 7:39และก็ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเยอะ
-
7:39 - 7:40พันธุวิศวกรรม และวิศวกรรมชีวภาพ
-
7:40 - 7:42กำลังสร้างโอกาสดีๆ ใหม่ๆ
-
7:42 - 7:44อีกมากมาย
-
7:44 - 7:46สำหรับวงการเคมี การคำนวณ และความจำ
-
7:46 - 7:49แน่นอนว่าเราคงทำเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพเยอะ
-
7:49 - 7:51แต่อนาคตเราอาจจะปลูกเก้าอี้
-
7:51 - 7:52หรือปลูกตึกได้จริงๆ
-
7:52 - 7:56ปัญหาคือ เจ้าเครื่องโซโรนานั้น
ราคา 400 ล้านดอลลาร์ -
7:56 - 7:57และใช้เวลาสร้าง 7 ปี
-
7:57 - 8:01คงทำให้คุณนึกถึง
เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมสมัยก่อน -
8:01 - 8:03ประเด็นคือ ต้นทุนของนวัตกรรม
-
8:03 - 8:04ด้านวิศวกรรมชีวภาพก็กำลังลดลง
-
8:04 - 8:06นี่คือเครื่องจัดเรียงยีนแบบตั้งโต๊ะ
-
8:06 - 8:10เมื่อก่อนการตัดต่อยีนใช้เงินเป็นล้านๆ ดอลลาร์
-
8:10 - 8:12ตอนนี้คุณทำเองได้บนเครื่องตั้งโต๊ะแบบนี้
-
8:12 - 8:14เด็กๆ ก็ทำได้ในหอพักตัวเอง
-
8:14 - 8:16นี่คือเครื่องประกอบยีนรุ่น Gen 9
-
8:16 - 8:18ปัจจุบันเมื่อคุณพยายามพิมพ์ยีน
-
8:18 - 8:20ก็ต้องให้ใครบางคนในโรงงาน
-
8:20 - 8:22ผสมสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันในหลอดแก้ว
-
8:22 - 8:24คุณจะเจอความผิดพลาดหนึ่งแห่งต่อร้อยคู่เบส
-
8:24 - 8:27และใช้เวลานานกับเงินอีกมหาศาล
-
8:27 - 8:28เจ้าเครื่องใหม่นี้
-
8:28 - 8:30ประกอบยืนเข้าด้วยกันบนชิพ
-
8:30 - 8:32แทนที่ความผิดพลาดจะเป็นหนึ่งต่อ 100 คู่เบส
-
8:32 - 8:34ก็กลายเป็นหนึ่งต่อ 10,000 คู่เบส
-
8:34 - 8:37ในแล็บเราจะมีเครื่องพิมพ์ยีน
ที่ประสิทธิภาพสูงสุดในโลก -
8:37 - 8:39ภายในเวลาหนึ่งปีข้างหน้า
-
8:39 - 8:41ซึ่งตัดต่อยีนได้ 200 ล้านคู่เบสต่อปี
-
8:41 - 8:43นี่ก็เหมือนตอนที่เราเปลี่ยน
-
8:43 - 8:46จากวิทยุทรานซิสเตอร์ประดิษฐ์ด้วยมือ
-
8:46 - 8:47ไปสู่ชิพเพนเทียม
-
8:47 - 8:50นวัตกรรมนี้จะเป็นเพนเทียมของ
วงการวิศวกรรมชีวภาพ -
8:50 - 8:52ผลักดันวิศวกรรมชีวภาพไปสู่มือของ
-
8:52 - 8:54นักศึกษาในหอพักและบริษัทเปิดใหม่
-
8:54 - 8:57สิ่งนี้เกิดขึ้นทั้งในวงการซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์
-
8:57 - 8:58และวิศวกรรมชีวภาพ
-
8:58 - 9:01นี่คือวิธีคิดเกี่ยวกับนวัตกรม
ที่ใหม่เอี่ยม -
9:01 - 9:04มันเป็นกระบวนการที่มาจากคนทั่วไป
เป็นประชาธิปไตย -
9:04 - 9:06มันโกลาหล ควบคุมยาก
-
9:06 - 9:09ไม่ใช่ไม่ดี เพียงแค่แตกต่าง
-
9:09 - 9:11และผมคิดว่ากฎเกณฑ์เดิมๆ ที่เรามี
-
9:11 - 9:13สำหรับสถาบันต่างๆ ใช้ไม่ได้อีกแล้ว
-
9:13 - 9:14และพวกเราหลายคน ณ ที่นี้
-
9:14 - 9:17ก็ทำงานบนหลักการที่แตกต่างกันไป
-
9:17 - 9:20หนึ่งในหลักการที่ผมชอบที่สุดคือพลังการดึง
-
9:20 - 9:23นั่นคือแนวคิดการดึงทรัพยากร
-
9:23 - 9:24มาจากเครือข่ายเมื่อคุณต้องการใช้
-
9:24 - 9:26แทนที่จะเก็บสะสมไว้ที่ศูนย์กลาง
-
9:26 - 9:28แล้วควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง
-
9:28 - 9:31อย่างในกรณีของเซฟแคส
-
9:31 - 9:32ผมไม่รู้อะไรเลย ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว
-
9:32 - 9:34แต่ผมสามารถหาตัวฌอน
-
9:34 - 9:36ซึ่งเป็นคนจัดตั้งชุมชนนักประดิษฐ์คิดค้น
ด้านคอมพิวเตอร์ -
9:36 - 9:38และปีเตอร์ นักดัดแปลงอุปกรณ์อนาล็อก
-
9:38 - 9:40ซึ่งสร้างเครื่องวัดกัมมันตรังสีเครื่องแรกให้เรา
-
9:40 - 9:42และแดน ผู้สร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เมือง
Three Miles Island -
9:42 - 9:45เป็นคนดูแลระบบหลังเกิดเหตุเตาปฏิกรณ์ที่นั่น
ร้อนจัดจนหลอมละลาย -
9:45 - 9:47ผมไม่สามารถหาคนพวกนี้เจอได้ก่อนล่วงหน้า
-
9:47 - 9:50และอาจจะดีกว่า
-
9:50 - 9:53ที่ผมเจอเขาในเครือข่ายในเวลาที่เหมาะเจาะ
-
9:53 - 9:55ผมลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันสามครั้ง
-
9:55 - 9:57ดังนั้น การเรียนรู้สำคัญกว่าการศึกษา
-
9:57 - 9:58เป็นสิ่งที่ผมเชื่อสุดหัวใจ
-
9:58 - 10:00สำหรับผม การศึกษาคือสิ่งที่คนอื่นทำกับคุณ
-
10:00 - 10:03แต่การเรียนรู้คือสิ่งที่คุณทำกับตัวเอง
-
10:03 - 10:07(เสียงปรบมือ)
-
10:07 - 10:09ผมรู้สึกว่า คือผมก็อคตินะ
-
10:09 - 10:12ผมรู้สึกเหมือนว่า
การศึกษาพยายามให้คุณท่องจำ -
10:12 - 10:15สารานุกรมทั้งเล่ม ก่อนจะปล่อยให้คุณออกไปเล่นข้างนอก
-
10:15 - 10:19สำหรับผม ผมมีวิกิพีเดียบนมือถือนี่
-
10:19 - 10:21และผมว่าเขาเชื่อโดยไม่มีเหตุผล
-
10:21 - 10:22ว่าคุณจะต้องขึ้นไปอยู่บนยอดเขาสักแห่ง
-
10:22 - 10:25เพียงลำพัง กับดินสอ 2B แท่งหนึ่ง
-
10:25 - 10:26พยายามคิดว่าจะทำอย่างไร
-
10:26 - 10:28ทั้งที่จริงคุณเชื่อมโยงติดต่อกับคนอื่นตลอด
-
10:28 - 10:30คุณจะมีเพื่อนอยู่เสมอ
-
10:30 - 10:32และคุณสามารถเปิดวิกิพีเดียเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ
-
10:32 - 10:36สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้คือ วิธีการเรียนรู้
-
10:36 - 10:38ในกรณีเซฟแคส คือมือสมัครเล่นกลุ่มหนึ่ง
-
10:38 - 10:40ตอนที่เราเริ่มต้นเมื่อสามปีที่แล้ว
-
10:40 - 10:42ตอนนี้ผมว่า ทีมของเราอาจจะ
-
10:42 - 10:45รู้ดีกว่าองค์กรใดๆ ในโลกนี้
-
10:45 - 10:48ว่าการเก็บข้อมูล เผยแพร่ข้อมูล
-
10:48 - 10:51และทำโครงการทางวิทยาศาสตร์ภาคประชาชนนั้น ทำอย่างไร
-
10:51 - 10:52เข็มทิศสำคัญกว่าแผนที่
-
10:52 - 10:55ประเด็นของข้อนี้คือ ต้นทุนการเขียนแผน
-
10:55 - 10:59หรือสร้างแผนที่ของอะไรสักอย่างนั้นแพงมาก
-
10:59 - 11:02และมันก็ไม่ค่อยแม่นยำ
หรือมีประโยชน์นักหรอก -
11:02 - 11:05ในกรณีเซฟแคส เรารู้ว่าเราต้องเก็บข้อมูล
-
11:05 - 11:07เรารู้ว่าเราต้องการเผยแพร่ข้อมูล
-
11:07 - 11:10แทนที่เราจะคิดแผนโดยละเอียดขึ้นมา
-
11:10 - 11:13เราเริ่มจากบอกว่า
ไปหาเครื่องวัดกัมมันตรังสีมาดีกว่า -
11:13 - 11:14อ่าว หาไม่ได้ ของหมด
-
11:14 - 11:16งั้นมาสร้างกันเอง อ่าว มีเซนเซอร์ไม่พอ
-
11:16 - 11:19นั่นล่ะ เราก็สร้างเครื่องวัดกัมมันตรังสีเคลื่อนที่
จนสำเร็จ -
11:19 - 11:21เราขับรถไปทั่ว เราหาอาสาสมัคร
-
11:21 - 11:23เรามีเงินไม่พอ งั้นระดมทุนผ่านเว็บ Kickstarter กัน
-
11:23 - 11:25เราวางแผนทั้งหมดนี้ไม่ได้หรอกครับ
-
11:25 - 11:26แต่เรามีเข็มทิศที่ดีมาก
-
11:26 - 11:28ในที่สุดเราก็ไปถึงที่ที่เราต้องการ
-
11:28 - 11:30ผมว่ามันเหมือนการพัฒนาซอฟต์แวร์
ซึ่งมีความคล่องตัวสูง -
11:30 - 11:33แต่แนวคิดเรื่องเข็มทิศนี่สำคัญมาก
-
11:33 - 11:35ผมคิดว่า ข่าวดีคือ
-
11:35 - 11:39แม้โลกจะซับซ้อนสุดๆ
-
11:39 - 11:41แต่สิ่งที่คุณต้องทำนั้นเรียบง่ายมาก
-
11:41 - 11:44ผมว่าคุณต้องหยุดคิดว่า
-
11:44 - 11:46คุณต้องวางแผนทุกอย่างล่วงหน้า
-
11:46 - 11:47คุณต้องเก็บสำรองทุกอย่างไว้
-
11:47 - 11:48แต่คุณต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
-
11:48 - 11:51และมุ่งความสนใจ
ไปที่การติดต่อทำความรู้จักผู้คน -
11:51 - 11:53เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
-
11:53 - 11:55ตื่นตัวรับรู้สิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่
-
11:55 - 11:57และอยู่กับปัจจุบันสุดๆ
-
11:57 - 12:00ผมเลยไม่ชอบคำว่า "นักอนาคตนิยม"
-
12:00 - 12:05ผมว่าเราควรเป็น "นักปัจจุบันนิยม"
-
12:05 - 12:07อย่างที่เราเป็นอยู่ตอนนี้
-
12:07 - 12:09ขอบคุณครับ
-
12:09 - 12:13(เสียงปรบมือ)
- Title:
- อยากสร้างนวัตกรรมหรือ? จงเป็น "นักปัจจุบันนิยม"
- Speaker:
- โจอิ อิโตะ (Joi Ito)
- Description:
-
"จำยุคก่อนอินเตอร์เน็ตได้ไหมครับ" โจอิ อิโตะถาม "จำได้ไหมตอนที่คนเราเคยพยายามทำนายอนาคต" ในการพูดที่ดึงดูดความสนใจนี้ หัวหน้าห้องปฏิบัติการด้านสื่อของมหาวิทยาลัยแมสซาจูเซตต์ (MIT Media Lab) มองผ่านเรื่องการทำนายอนาคต และเล่าถึงแนวทางใหม่ของการสร้างสรรค์ในชั่วขณะปัจจุบันแทน นั่นคือเราต้องสร้างสิ่งต่างๆ ออกมาอย่างรวดเร็ว และปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ต้องรอการอนุญาตหรือข้อพิสูจน์ว่าความคิดของคุณถูกต้อง แนวคิดการสร้างนวัตกรรมโดยนักปฏิบัตินี้ มีให้เห็นในโครงการล้ำสมัยอันน่าตื่นตาตื่นใจที่เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ เขากล่าวว่า มันเริ่มต้นจากการเปิดกว้างและตื่นตัวกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณ ณ ปัจจุบันขณะ อย่าเป็นนักอนาคตนิยม จงเป็นนักปัจจุบันนิยม
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 12:31
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Want to innovate? Become a "now-ist" | ||
Thipnapa Huansuriya approved Thai subtitles for Want to innovate? Become a "now-ist" | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for Want to innovate? Become a "now-ist" | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for Want to innovate? Become a "now-ist" | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for Want to innovate? Become a "now-ist" | ||
Yada Sattarujawong accepted Thai subtitles for Want to innovate? Become a "now-ist" | ||
Yada Sattarujawong edited Thai subtitles for Want to innovate? Become a "now-ist" | ||
Yada Sattarujawong edited Thai subtitles for Want to innovate? Become a "now-ist" |