WEBVTT 00:00:00.543 --> 00:00:03.286 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2011 00:00:03.286 --> 00:00:06.293 ผมอยู่ที่ MIT Media Lab ในเคมบริดจ์ (Massachusetts Institute of Technology) 00:00:06.293 --> 00:00:09.522 กำลังพบปะกับอาจารย์ นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ 00:00:09.522 --> 00:00:11.238 ตอนนั้นเขากำลังพิจารณาว่า 00:00:11.238 --> 00:00:13.671 ควรให้ผมเป็นผู้อำนวยการคนต่อไป ของแล็บนี้หรือเปล่า NOTE Paragraph 00:00:13.671 --> 00:00:16.040 คืนนั้น ตอนเที่ยงคืน 00:00:16.040 --> 00:00:17.810 เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 9 00:00:17.810 --> 00:00:20.676 ที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของญี่ปุ่น 00:00:20.676 --> 00:00:22.961 ภรรยาและครอบครัวของผมอยู่ในญี่ปุ่น 00:00:22.961 --> 00:00:26.271 ตอนที่เริ่มมีข่าวเข้ามา 00:00:26.271 --> 00:00:27.970 ผมตื่นตกใจมาก 00:00:27.970 --> 00:00:29.232 ผมเฝ้าติดตามรายงานข่าว 00:00:29.232 --> 00:00:32.060 คอยฟังแถลงการณ์ 00:00:32.060 --> 00:00:34.270 ของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล 00:00:34.270 --> 00:00:35.860 และบริษัทผลิตไฟฟ้า Tokyo Power 00:00:35.860 --> 00:00:38.411 แล้วก็ได้ข่าวการระเบิด 00:00:38.411 --> 00:00:39.610 ของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 00:00:39.610 --> 00:00:41.291 และกลุ่มฝุ่นกัมมันตรังสี 00:00:41.291 --> 00:00:43.190 ที่กำลังเคลื่อนตัวไปทางบ้านของเรา 00:00:43.190 --> 00:00:46.089 ซึ่งอยู่ห่างออกไปแต่ 200 กิโลเมตร 00:00:46.089 --> 00:00:48.920 คนที่ออกทีวี ไม่มีใครบอกข้อมูล 00:00:48.920 --> 00:00:50.860 ที่เราต้องการรู้เลยสักนิด 00:00:50.860 --> 00:00:52.820 ผมอยากรู้ว่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มีสภาพเป็นอย่างไร 00:00:52.820 --> 00:00:54.242 สถานการณ์การรั่วไหลของกัมมันตรังสีเป็นอย่างไร 00:00:54.242 --> 00:00:56.570 ครอบครัวผมตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า NOTE Paragraph 00:00:56.570 --> 00:00:59.759 ผมก็เลยลงมือทำสิ่งที่ผมรู้สึกตามสัญชาตญาณว่าควรทำ 00:00:59.759 --> 00:01:01.430 นั่นคือเข้าอินเตอร์เน็ต 00:01:01.430 --> 00:01:02.772 และพยายามค้นหาว่า 00:01:02.772 --> 00:01:05.183 ผมจะทำอะไรได้บ้างด้วยมือของผม 00:01:05.183 --> 00:01:07.024 บนอินเตอร์เน็ต ผมได้พบกับคนอื่นๆ อีกมากมาย 00:01:07.024 --> 00:01:09.090 ที่กำลังหาข้อมูลเหมือนกับผม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น 00:01:09.090 --> 00:01:11.306 แล้วเราก็มารวมตัวกันหลวมๆ 00:01:11.306 --> 00:01:13.777 เรียกว่ากลุ่มเซฟแคส (Safecast) 00:01:13.777 --> 00:01:14.949 เราตัดสินใจว่าเราจะลอง 00:01:14.949 --> 00:01:16.695 วัดระดับกัมมันตรังสี 00:01:16.695 --> 00:01:18.469 และเผยแพร่ข้อมูลออกไปให้ทุกคนรู้ 00:01:18.469 --> 00:01:20.141 เพราะตอนนั้นเราเห็นชัดแล้วว่า 00:01:20.141 --> 00:01:23.043 รัฐบาลจะไม่ทำเรื่องนี้ให้เรา NOTE Paragraph 00:01:23.043 --> 00:01:24.460 สามปีต่อมา 00:01:24.460 --> 00:01:27.554 เรามีข้อมูล 16 ล้านหน่วย 00:01:27.554 --> 00:01:30.299 เราออกแบบเครื่องวัดกัมมันตรังสีของเราเอง 00:01:30.299 --> 00:01:31.952 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดแบบไปทำเอง 00:01:31.952 --> 00:01:32.826 แล้วเอาไปเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย 00:01:32.826 --> 00:01:34.730 แล้วเราก็มีแอพพลิเคชั่นที่แสดง 00:01:34.730 --> 00:01:37.757 ระดับกัมมันตรังสีบนพื้นที่ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น และส่วนอื่นๆ ของโลก 00:01:37.757 --> 00:01:39.962 เรียกได้ว่า นี่เป็นโครงการวิทยาศาสตร์ ภาคพลเมือง 00:01:39.962 --> 00:01:41.817 ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในโลก 00:01:41.817 --> 00:01:44.169 และเราได้สร้างฐานข้อมูลสาธารณะ 00:01:44.169 --> 00:01:47.670 ด้านระดับกัมมันตรังสี ที่ใหญ่ที่สุด NOTE Paragraph 00:01:47.670 --> 00:01:50.412 สิ่งที่น่าสนใจคือ ... 00:01:50.412 --> 00:01:55.060 (เสียงปรบมือ) ขอบคุณครับ 00:01:55.060 --> 00:01:57.151 เป็นไปได้อย่างไร ที่มือสมัครเล่นกลุ่มหนึ่ง 00:01:57.151 --> 00:01:59.320 ซึ่งไม่รู้หรอกว่าเรากำลังทำอะไรกัน 00:01:59.320 --> 00:02:01.009 มารวมตัวกัน 00:02:01.009 --> 00:02:04.193 แล้วทำสิ่งที่เอ็นจีโอและรัฐบาล 00:02:04.193 --> 00:02:06.611 ทำไม่ได้เลยโดยสิ้นเชิง 00:02:06.611 --> 00:02:09.369 ผมอยากบอกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ 00:02:09.369 --> 00:02:11.129 อินเตอร์เน็ตครับ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 00:02:11.129 --> 00:02:13.980 ไม่ใช่ดวง และไม่ใช่เพราะ พวกเราเป็นคนพิเศษอะไร 00:02:13.980 --> 00:02:15.398 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 00:02:15.398 --> 00:02:17.033 ช่วยดึงทุกคนเข้าหากัน 00:02:17.033 --> 00:02:18.791 แต่เป็นเพราะวิธีทำงานรูปแบบใหม่ๆ 00:02:18.791 --> 00:02:20.870 ที่เกิดขึ้นได้เพราะอินเตอร์เน็ต 00:02:20.870 --> 00:02:22.462 และอะไรอีกมากมายที่เกิดขึ้นช่วงนั้น 00:02:22.462 --> 00:02:24.475 ผมเลยอยากจะพูดถึงสักนิดว่า 00:02:24.475 --> 00:02:27.144 หลักการใหม่ๆ เหล่านั้นคืออะไร NOTE Paragraph 00:02:27.144 --> 00:02:31.952 เอาล่ะ คุณจำสมัยที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตได้ไหม (เสียงหัวเราะ) 00:02:31.952 --> 00:02:33.740 ผมเรียกมันว่ายุค ก.อ. (ก่อนอินเตอร์เน็ต) 00:02:33.740 --> 00:02:37.351 สมัยก่อนอินเตอร์เน็ต ชีวิตก็เรียบง่าย 00:02:37.351 --> 00:02:40.097 อะไรๆ ก็เป็นไปตามหลักของยูคลิด นิวตัน 00:02:40.097 --> 00:02:41.556 ค่อนข้างทำนายได้ 00:02:41.556 --> 00:02:43.966 คนเราก็พยายามทำนายอนาคต 00:02:43.966 --> 00:02:45.680 แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ 00:02:45.680 --> 00:02:48.894 แล้วพออินเตอร์เน็ตเกิดขึ้น 00:02:48.894 --> 00:02:50.965 โลกเราก็เริ่มซับซ้อนสุดๆ 00:02:50.965 --> 00:02:53.602 ต้นทุนการสื่อสารถูกสุดๆ และเร็วสุดๆ 00:02:53.602 --> 00:02:55.720 และกฎของนิวตันทั้งหลาย 00:02:55.720 --> 00:02:57.519 ที่เราเคยทนุถนอมชื่นชม 00:02:57.519 --> 00:02:59.716 ก็กลายเป็นความเชื่อท้องถิ่น 00:02:59.716 --> 00:03:01.467 และเราก็พบว่า 00:03:01.467 --> 00:03:04.080 ในโลกที่ไม่อาจทำนายอะไรได้เลยแบบนี้ 00:03:04.080 --> 00:03:06.112 คนส่วนใหญ่ที่มีชีวิตรอดอยู่ได้ 00:03:06.112 --> 00:03:09.445 คือคนที่ทำอะไรโดยใช้หลักการที่แตกต่างไป 00:03:09.445 --> 00:03:12.076 ผมจึงอยากพูดถึงเรื่องนี้สักหน่อย NOTE Paragraph 00:03:12.076 --> 00:03:13.440 ก่อนยุคอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณจำได้ 00:03:13.440 --> 00:03:15.345 เวลาเราพยายามสร้างบริการ 00:03:15.345 --> 00:03:16.371 เราจะเริ่มจากการสร้าง 00:03:16.371 --> 00:03:18.683 ฮาร์ดแวร์ เครือข่าย และซอฟต์แวร์ 00:03:18.683 --> 00:03:20.711 ซึ่งมีต้นทุนหลายล้านดอลลาร์ 00:03:20.711 --> 00:03:23.018 เพื่อทำงานใหญ่ๆ สำคัญๆ 00:03:23.018 --> 00:03:25.457 เมื่อการทำงานใหญ่ๆ มีต้นทุนสูงหลายล้านดอลลาร์ 00:03:25.457 --> 00:03:27.529 สิ่งที่คุณต้องทำคือ หาคนที่จบปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) 00:03:27.529 --> 00:03:28.987 มาเขียนแผนธุรกิจ 00:03:28.987 --> 00:03:29.930 และหาเงินทุน 00:03:29.930 --> 00:03:31.674 จากนักลงทุนหรือบริษัทใหญ่ๆ 00:03:31.674 --> 00:03:33.787 แล้วคุณก็จ้างนักออกแบบและวิศวกร 00:03:33.787 --> 00:03:34.810 ให้เขาสร้างผลิตภัณฑ์ออกมา 00:03:34.810 --> 00:03:39.429 นั่นคือโมเดลการสร้างนวัตกรรม ยุคก่อนอินเตอร์เน็ต 00:03:39.429 --> 00:03:41.736 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเรามีอินเตอร์เน็ตแล้วคือ 00:03:41.736 --> 00:03:43.492 ต้นทุนการสร้างนวัตกรรมถูกลงมากๆ 00:03:43.492 --> 00:03:45.979 เพราะต้นทุนในการประสานความร่วมมือ การกระจายสินค้า การสื่อสาร 00:03:45.979 --> 00:03:48.622 และกฎของมัวร์ (Moore's Law) (เรื่องความสามารถของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) 00:03:48.622 --> 00:03:51.298 ทำให้ต้นทุนของการลองทำสิ่งใหม่ๆ 00:03:51.298 --> 00:03:52.692 ลดลงเหลือเกือบศูนย์ 00:03:52.692 --> 00:03:54.961 แล้วคุณก็มีกูเกิ้ล เฟซบุค ยาฮู 00:03:54.961 --> 00:03:56.732 มีนักเรียนที่ทำอะไรโดยไม่ต้องขออนุญาต 00:03:56.732 --> 00:03:58.105 นวัตกรรมที่ไม่ต้องรอการอนุมัติ 00:03:58.105 --> 00:03:59.725 ไม่มีการขออนุมัติ ไม่มีพาวเวอร์พอยท์ 00:03:59.725 --> 00:04:01.828 เด็กๆ เหล่านี้แค่ลงมือสร้างอะไรสักอย่างขึ้นมา 00:04:01.828 --> 00:04:03.272 แล้วค่อยไปหาเงินทุน 00:04:03.272 --> 00:04:05.473 แล้วก็เริ่มคิดแผนธุรกิจขึ้นมา 00:04:05.473 --> 00:04:07.830 และภายหลังก็อาจจะจ้างคนที่จบบริหารธุรกิจ (MBA) มาช่วย 00:04:07.830 --> 00:04:10.141 ดังนั้น อินเตอร์เน็ตจึงทำให้เกิดนวัตกรรม 00:04:10.141 --> 00:04:11.265 อย่างน้อยก็ในวงการซอฟต์แวร์และการบริการ 00:04:11.265 --> 00:04:14.124 เราเปลี่ยนจากโมเดลนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย บัณฑิตบริหารธุรกิจ (MBA) 00:04:14.124 --> 00:04:18.027 ไปสู่โมเดลนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย นักออกแบบและวิศวกร 00:04:18.027 --> 00:04:20.125 ซึ่งผลักให้นวัตกรรมไปสู่แนวหน้า 00:04:20.125 --> 00:04:21.671 ไปสู่หอพักนักศึกษา ไปสู่บริษัทแรกก่อตั้ง 00:04:21.671 --> 00:04:23.357 ห่างไกลจากสถาบันใหญ่ๆ 00:04:23.357 --> 00:04:25.712 สถาบันเก่าแก่คร่ำครึที่มีอำนาจ 00:04:25.712 --> 00:04:27.399 มีเงิน และมีสิทธิมีเสียงในการสั่งการ 00:04:27.399 --> 00:04:30.008 เราต่างก็รู้ดี ว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นบนอินเตอร์เน็ต 00:04:30.008 --> 00:04:32.773 แต่นอกจากนี้ มันยังเกิดขึ้นในวงการอื่นด้วย 00:04:32.773 --> 00:04:36.015 ผมขอยกตัวอย่างให้ฟัง NOTE Paragraph 00:04:36.015 --> 00:04:38.800 ที่ MIT Media Lab เราไม่เพียงแค่สร้างฮาร์ดแวร์ 00:04:38.800 --> 00:04:39.842 เราทำทุกอย่าง 00:04:39.842 --> 00:04:41.727 ทั้งชีววิทยาด้วย ฮาร์ดแวร์ด้วย 00:04:41.727 --> 00:04:45.348 ดังประโยคฮิตของนิโคลัส นีโกรปอนติ (อดีต ผอ. MIT Media Lab) ที่ว่า "สร้างต้นแบบมา ไม่งั้นตาย" 00:04:45.348 --> 00:04:47.070 แทนที่จะเป็น "ตีพิมพ์งานวิจัย ไม่งั้นตาย" 00:04:47.070 --> 00:04:49.250 ซึ่งเป็นวิธีคิดทางวิชาการแบบโบราณ 00:04:49.250 --> 00:04:52.875 เขามักจะพูดว่า ขอให้ต้นแบบมันทำงานได้แค่ครั้งเดียวแหละ 00:04:52.875 --> 00:04:55.691 เพราะช่องทางหลักที่งานของเรา จะมีผลต่อโลกได้ 00:04:55.691 --> 00:04:57.469 ก็ต้องผ่านบริษัทใหญ่ๆ 00:04:57.469 --> 00:04:58.732 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรา 00:04:58.732 --> 00:05:02.248 แล้วสร้างสินค้าอย่าง Kindle หรือ Lego Mindstorms ออกมา 00:05:02.248 --> 00:05:04.190 แต่วันนี้ ด้วยความสามารถ 00:05:04.190 --> 00:05:06.499 ที่จะสร้างสิ่งต่างๆ ออกมาสู่โลกความจริงด้วยต้นทุนต่ำขนาดนั้น 00:05:06.499 --> 00:05:08.649 ผมกำลังจะเปลี่ยนคำขวัญละ 00:05:08.649 --> 00:05:10.462 และนี่คือการแถลงต่อหน้าสาธารณะอย่างเป็นทางการ 00:05:10.462 --> 00:05:12.959 ผมขอกล่าวอย่างเป็นทางการว่า "ผลิตสินค้าจริงออกมา ไม่งั้นตาย" 00:05:12.959 --> 00:05:15.180 คุณต้องสร้างสิ่งประดิษฐ์ของคุณออกสู่โลกความจริง 00:05:15.180 --> 00:05:16.536 มันถึงจะมีความหมายที่แท้จริง 00:05:16.536 --> 00:05:18.415 บางทีเราอาจต้องการบริษัทใหญ่ๆ 00:05:18.415 --> 00:05:20.372 นิโคลัสอาจจะพูดถึงดาวเทียม 00:05:20.372 --> 00:05:21.658 (เสียงปรบมือ) 00:05:21.658 --> 00:05:22.740 ขอบคุณครับ 00:05:22.740 --> 00:05:24.514 แต่เราควรออกไปสู่ตลาดด้วยตัวเราเอง 00:05:24.514 --> 00:05:28.098 ไม่ใช่หวังให้สถาบันใหญ่ๆ จัดการให้ NOTE Paragraph 00:05:28.098 --> 00:05:30.800 เมื่อปีที่แล้ว เราเลยพานักศึกษากลุ่มหนึ่ง ไปเสิ่นเจิ้น 00:05:30.800 --> 00:05:32.380 พวกเขานั่งบนพื้นโรงงาน 00:05:32.380 --> 00:05:34.685 กับนักสร้างนวัตกรรมในเสิ่นเจิ้น มันน่าทึ่งมาก 00:05:34.685 --> 00:05:36.162 สิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นคือ 00:05:36.162 --> 00:05:38.346 ทุกคนมีอุปกรณ์การผลิตเหล่านี้ 00:05:38.346 --> 00:05:40.539 พวกเขาไม่ได้สร้างต้นแบบหรือพาวเวอร์พอยท์ 00:05:40.539 --> 00:05:43.004 แต่ทำงานมือเป็นระวิง กับอุปกรณ์การผลิตเหล่านี้ 00:05:43.004 --> 00:05:46.214 แล้วสร้างนวัตกรรมขึ้นมาตรงนั้นเลย 00:05:46.214 --> 00:05:48.100 โรงงานนั้นอยู่ในตัวนักออกแบบ 00:05:48.100 --> 00:05:50.374 และนักออกแบบก็อยู่ในโรงงานจริงๆ 00:05:50.374 --> 00:05:52.000 สิ่งที่คุณทำคือ 00:05:52.000 --> 00:05:53.241 ลงไปดูที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือ 00:05:53.241 --> 00:05:55.797 คุณจะเห็นโทรศัพท์มือถือพวกนี้ 00:05:55.797 --> 00:05:58.322 แทนที่จะสร้างเว็บไซต์เล็กๆ 00:05:58.322 --> 00:05:59.870 เหมือนเด็กๆ ที่พาโล อัลโตทำกัน 00:05:59.870 --> 00:06:02.410 เด็กๆ ในเสิ่นเจิ้น จะสร้างโทรศัพท์มือถือใหม่ๆ ขึ้นมา 00:06:02.410 --> 00:06:05.107 เหมือนกับที่เด็กๆ ในพาโล อัลโต 00:06:05.107 --> 00:06:06.365 สร้างเว็บไซต์ 00:06:06.365 --> 00:06:08.478 และนั่นคือป่าอันอุดมสมบูรณ์ 00:06:08.478 --> 00:06:10.034 ของนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือ 00:06:10.034 --> 00:06:11.634 เด็กพวกนี้สร้างโทรศัพท์มือถือ 00:06:11.634 --> 00:06:13.858 ลงไปที่ร้าน เอาไปขายจริง 00:06:13.858 --> 00:06:16.183 ดูว่าเด็กคนอื่นทำอะไรบ้าง แล้วกลับขึ้นไป 00:06:16.183 --> 00:06:18.774 ทำมือถือใหม่ออกมาอีกสองสามพันเครื่อง แล้วลงไปขายใหม่ 00:06:18.774 --> 00:06:20.765 ฟังดูเหมือนวงการซอฟต์แวร์ไหมครับ 00:06:20.765 --> 00:06:22.412 เหมือนกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่มีความคล่องตัวสูงมาก 00:06:22.412 --> 00:06:25.340 ทดลองใช้เทียบกับของเก่าแล้วปรับปรุงอีก 00:06:25.340 --> 00:06:27.423 สิ่งที่เราคิดว่าเราทำได้กับซอฟต์แวร์เท่านั้น 00:06:27.423 --> 00:06:29.693 เด็กๆ ในเสิ่นเจิ้นทำได้กับฮาร์ดแวร์ 00:06:29.693 --> 00:06:31.160 ผมหวังอยู่ว่า นักศึกษาคนใหม่ในทีมของผม 00:06:31.160 --> 00:06:32.785 จะเป็นหนึ่งในนักสร้างนวัตกรรม จากเสิ่นเจิ้นนี่ล่ะ NOTE Paragraph 00:06:32.785 --> 00:06:34.310 สิ่งที่คุณเห็นนี่คือ 00:06:34.310 --> 00:06:36.279 การผลักนวัตกรรมออกไปยังแนวหน้า 00:06:36.279 --> 00:06:38.384 เราพูดถึงเครื่องพิมพ์สามมิติอะไรพวกนั้น 00:06:38.384 --> 00:06:40.375 ซึ่งเจ๋งมาก แต่นี่คือลิมอร์ 00:06:40.375 --> 00:06:42.634 เธอเป็นหนึ่งในบัณฑิตคนโปรดของเรา 00:06:42.634 --> 00:06:44.710 รูปนี้เธอยืนอยู่หน้าเครื่อง 00:06:44.710 --> 00:06:46.543 Techwin Pick and Place ของซัมซุง 00:06:46.543 --> 00:06:50.467 ซึ่งสามารถประกอบชิ้นส่วน 23,000 ชิ้น 00:06:50.467 --> 00:06:52.460 ลงบนบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ภายใน 1 ชั่วโมง 00:06:52.460 --> 00:06:54.283 นี่คือโรงงานในกล่อง 00:06:54.283 --> 00:06:56.681 อะไรที่เราเคยต้องใช้โรงงานที่มีคน 00:06:56.681 --> 00:06:57.800 ทำงานด้วยมือเต็มโรงงาน 00:06:57.800 --> 00:06:59.489 พอมีเจ้ากล่องเล็กๆ นี่ในนิวยอร์ค 00:06:59.489 --> 00:07:00.559 เธอก็ทำได้เหมือนกัน 00:07:00.559 --> 00:07:02.192 เธอไม่ต้องไปถึงเสิ่นเจิ้น 00:07:02.192 --> 00:07:03.436 เพื่อผลิตสินค้าพวกนี้ 00:07:03.436 --> 00:07:05.697 เธอสามารถซื้อเจ้ากล่องนี้แล้วลงมือผลิตเลย 00:07:05.697 --> 00:07:07.940 ดังนั้น การผลิต ต้นทุนการสร้างนวัตกรรม 00:07:07.940 --> 00:07:10.630 การสร้างต้นแบบ กระจายสินค้า การผลิต ฮาร์ดแวร์ 00:07:10.630 --> 00:07:12.093 ราคาถูกลงมาก 00:07:12.093 --> 00:07:14.410 จนนวัตกรรมเกิดได้ที่แนวหน้า 00:07:14.410 --> 00:07:16.838 นักเรียนและบริษัทเปิดใหม่ก็สร้างนวัตกรรมได้ 00:07:16.838 --> 00:07:18.716 ปรากฏการณ์นี้เพิ่งเริ่ม แต่มันจะเกิดขึ้น 00:07:18.716 --> 00:07:20.199 และมันจะเปลี่ยนโลก 00:07:20.199 --> 00:07:22.624 เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในวงการซอฟต์แวร์ NOTE Paragraph 00:07:22.624 --> 00:07:25.870 โซโรนา เป็นกระบวนการที่ดูปองต์คิดขึ้น 00:07:25.870 --> 00:07:28.890 โดยใช้จุลินทรีย์ที่ตัดต่อพันธุกรรม 00:07:28.890 --> 00:07:32.840 ให้สามารถเปลี่ยนน้ำตาลข้าวโพดเป็นโพลีเอสเตอร์ 00:07:32.840 --> 00:07:35.318 ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลถึง 30 เปอร์เซนต์ 00:07:35.318 --> 00:07:38.977 และก็ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเยอะ 00:07:38.977 --> 00:07:40.382 พันธุวิศวกรรม และวิศวกรรมชีวภาพ 00:07:40.382 --> 00:07:42.243 กำลังสร้างโอกาสดีๆ ใหม่ๆ 00:07:42.243 --> 00:07:43.671 อีกมากมาย 00:07:43.671 --> 00:07:46.500 สำหรับวงการเคมี การคำนวณ และความจำ 00:07:46.500 --> 00:07:48.550 แน่นอนว่าเราคงทำเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพเยอะ 00:07:48.550 --> 00:07:50.754 แต่อนาคตเราอาจจะปลูกเก้าอี้ 00:07:50.754 --> 00:07:51.794 หรือปลูกตึกได้จริงๆ 00:07:51.794 --> 00:07:55.704 ปัญหาคือ เจ้าเครื่องโซโรนานั้น ราคา 400 ล้านดอลลาร์ 00:07:55.704 --> 00:07:57.085 และใช้เวลาสร้าง 7 ปี 00:07:57.085 --> 00:08:00.762 คงทำให้คุณนึกถึง เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมสมัยก่อน 00:08:00.762 --> 00:08:02.656 ประเด็นคือ ต้นทุนของนวัตกรรม 00:08:02.656 --> 00:08:04.242 ด้านวิศวกรรมชีวภาพก็กำลังลดลง 00:08:04.242 --> 00:08:06.211 นี่คือเครื่องจัดเรียงยีนแบบตั้งโต๊ะ 00:08:06.211 --> 00:08:09.765 เมื่อก่อนการตัดต่อยีนใช้เงินเป็นล้านๆ ดอลลาร์ 00:08:09.765 --> 00:08:11.509 ตอนนี้คุณทำเองได้บนเครื่องตั้งโต๊ะแบบนี้ 00:08:11.509 --> 00:08:13.602 เด็กๆ ก็ทำได้ในหอพักตัวเอง 00:08:13.602 --> 00:08:16.290 นี่คือเครื่องประกอบยีนรุ่น Gen 9 00:08:16.290 --> 00:08:18.369 ปัจจุบันเมื่อคุณพยายามพิมพ์ยีน 00:08:18.369 --> 00:08:19.637 ก็ต้องให้ใครบางคนในโรงงาน 00:08:19.637 --> 00:08:21.577 ผสมสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันในหลอดแก้ว 00:08:21.577 --> 00:08:23.928 คุณจะเจอความผิดพลาดหนึ่งแห่งต่อร้อยคู่เบส 00:08:23.928 --> 00:08:26.504 และใช้เวลานานกับเงินอีกมหาศาล 00:08:26.504 --> 00:08:27.890 เจ้าเครื่องใหม่นี้ 00:08:27.890 --> 00:08:29.564 ประกอบยืนเข้าด้วยกันบนชิพ 00:08:29.564 --> 00:08:31.713 แทนที่ความผิดพลาดจะเป็นหนึ่งต่อ 100 คู่เบส 00:08:31.713 --> 00:08:33.839 ก็กลายเป็นหนึ่งต่อ 10,000 คู่เบส 00:08:33.839 --> 00:08:36.584 ในแล็บเราจะมีเครื่องพิมพ์ยีน ที่ประสิทธิภาพสูงสุดในโลก 00:08:36.584 --> 00:08:38.687 ภายในเวลาหนึ่งปีข้างหน้า 00:08:38.687 --> 00:08:41.299 ซึ่งตัดต่อยีนได้ 200 ล้านคู่เบสต่อปี 00:08:41.299 --> 00:08:43.432 นี่ก็เหมือนตอนที่เราเปลี่ยน 00:08:43.432 --> 00:08:46.123 จากวิทยุทรานซิสเตอร์ประดิษฐ์ด้วยมือ 00:08:46.123 --> 00:08:47.394 ไปสู่ชิพเพนเทียม 00:08:47.394 --> 00:08:49.790 นวัตกรรมนี้จะเป็นเพนเทียมของ วงการวิศวกรรมชีวภาพ 00:08:49.790 --> 00:08:51.826 ผลักดันวิศวกรรมชีวภาพไปสู่มือของ 00:08:51.826 --> 00:08:54.427 นักศึกษาในหอพักและบริษัทเปิดใหม่ NOTE Paragraph 00:08:54.427 --> 00:08:57.200 สิ่งนี้เกิดขึ้นทั้งในวงการซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ 00:08:57.200 --> 00:08:58.163 และวิศวกรรมชีวภาพ 00:08:58.163 --> 00:09:01.444 นี่คือวิธีคิดเกี่ยวกับนวัตกรม ที่ใหม่เอี่ยม 00:09:01.444 --> 00:09:04.121 มันเป็นกระบวนการที่มาจากคนทั่วไป เป็นประชาธิปไตย 00:09:04.121 --> 00:09:06.325 มันโกลาหล ควบคุมยาก 00:09:06.325 --> 00:09:08.632 ไม่ใช่ไม่ดี เพียงแค่แตกต่าง 00:09:08.632 --> 00:09:10.599 และผมคิดว่ากฎเกณฑ์เดิมๆ ที่เรามี 00:09:10.599 --> 00:09:12.671 สำหรับสถาบันต่างๆ ใช้ไม่ได้อีกแล้ว 00:09:12.671 --> 00:09:14.350 และพวกเราหลายคน ณ ที่นี้ 00:09:14.350 --> 00:09:17.433 ก็ทำงานบนหลักการที่แตกต่างกันไป 00:09:17.433 --> 00:09:20.269 หนึ่งในหลักการที่ผมชอบที่สุดคือพลังการดึง 00:09:20.269 --> 00:09:22.560 นั่นคือแนวคิดการดึงทรัพยากร 00:09:22.560 --> 00:09:24.326 มาจากเครือข่ายเมื่อคุณต้องการใช้ 00:09:24.326 --> 00:09:26.171 แทนที่จะเก็บสะสมไว้ที่ศูนย์กลาง 00:09:26.171 --> 00:09:27.756 แล้วควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง NOTE Paragraph 00:09:27.756 --> 00:09:30.520 อย่างในกรณีของเซฟแคส 00:09:30.520 --> 00:09:32.362 ผมไม่รู้อะไรเลย ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว 00:09:32.362 --> 00:09:33.990 แต่ผมสามารถหาตัวฌอน 00:09:33.990 --> 00:09:36.186 ซึ่งเป็นคนจัดตั้งชุมชนนักประดิษฐ์คิดค้น ด้านคอมพิวเตอร์ 00:09:36.186 --> 00:09:37.972 และปีเตอร์ นักดัดแปลงอุปกรณ์อนาล็อก 00:09:37.972 --> 00:09:39.688 ซึ่งสร้างเครื่องวัดกัมมันตรังสีเครื่องแรกให้เรา 00:09:39.688 --> 00:09:41.686 และแดน ผู้สร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เมือง Three Miles Island 00:09:41.686 --> 00:09:45.020 เป็นคนดูแลระบบหลังเกิดเหตุเตาปฏิกรณ์ที่นั่น ร้อนจัดจนหลอมละลาย 00:09:45.020 --> 00:09:47.406 ผมไม่สามารถหาคนพวกนี้เจอได้ก่อนล่วงหน้า 00:09:47.406 --> 00:09:49.840 และอาจจะดีกว่า 00:09:49.840 --> 00:09:52.967 ที่ผมเจอเขาในเครือข่ายในเวลาที่เหมาะเจาะ NOTE Paragraph 00:09:52.967 --> 00:09:54.834 ผมลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันสามครั้ง 00:09:54.834 --> 00:09:56.507 ดังนั้น การเรียนรู้สำคัญกว่าการศึกษา 00:09:56.507 --> 00:09:57.932 เป็นสิ่งที่ผมเชื่อสุดหัวใจ 00:09:57.932 --> 00:10:00.456 สำหรับผม การศึกษาคือสิ่งที่คนอื่นทำกับคุณ 00:10:00.456 --> 00:10:03.455 แต่การเรียนรู้คือสิ่งที่คุณทำกับตัวเอง NOTE Paragraph 00:10:03.455 --> 00:10:07.231 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:10:07.231 --> 00:10:08.990 ผมรู้สึกว่า คือผมก็อคตินะ 00:10:08.990 --> 00:10:11.787 ผมรู้สึกเหมือนว่า การศึกษาพยายามให้คุณท่องจำ 00:10:11.787 --> 00:10:14.901 สารานุกรมทั้งเล่ม ก่อนจะปล่อยให้คุณออกไปเล่นข้างนอก 00:10:14.901 --> 00:10:18.998 สำหรับผม ผมมีวิกิพีเดียบนมือถือนี่ 00:10:18.998 --> 00:10:20.701 และผมว่าเขาเชื่อโดยไม่มีเหตุผล 00:10:20.701 --> 00:10:22.488 ว่าคุณจะต้องขึ้นไปอยู่บนยอดเขาสักแห่ง 00:10:22.488 --> 00:10:24.949 เพียงลำพัง กับดินสอ 2B แท่งหนึ่ง 00:10:24.949 --> 00:10:26.332 พยายามคิดว่าจะทำอย่างไร 00:10:26.332 --> 00:10:28.448 ทั้งที่จริงคุณเชื่อมโยงติดต่อกับคนอื่นตลอด 00:10:28.448 --> 00:10:30.093 คุณจะมีเพื่อนอยู่เสมอ 00:10:30.093 --> 00:10:32.052 และคุณสามารถเปิดวิกิพีเดียเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ 00:10:32.052 --> 00:10:35.500 สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้คือ วิธีการเรียนรู้ 00:10:35.500 --> 00:10:38.144 ในกรณีเซฟแคส คือมือสมัครเล่นกลุ่มหนึ่ง 00:10:38.144 --> 00:10:39.742 ตอนที่เราเริ่มต้นเมื่อสามปีที่แล้ว 00:10:39.742 --> 00:10:42.250 ตอนนี้ผมว่า ทีมของเราอาจจะ 00:10:42.250 --> 00:10:44.666 รู้ดีกว่าองค์กรใดๆ ในโลกนี้ 00:10:44.666 --> 00:10:47.875 ว่าการเก็บข้อมูล เผยแพร่ข้อมูล 00:10:47.875 --> 00:10:50.647 และทำโครงการทางวิทยาศาสตร์ภาคประชาชนนั้น ทำอย่างไร NOTE Paragraph 00:10:50.647 --> 00:10:52.297 เข็มทิศสำคัญกว่าแผนที่ 00:10:52.297 --> 00:10:55.492 ประเด็นของข้อนี้คือ ต้นทุนการเขียนแผน 00:10:55.492 --> 00:10:58.595 หรือสร้างแผนที่ของอะไรสักอย่างนั้นแพงมาก 00:10:58.595 --> 00:11:01.768 และมันก็ไม่ค่อยแม่นยำ หรือมีประโยชน์นักหรอก 00:11:01.768 --> 00:11:04.880 ในกรณีเซฟแคส เรารู้ว่าเราต้องเก็บข้อมูล 00:11:04.880 --> 00:11:07.303 เรารู้ว่าเราต้องการเผยแพร่ข้อมูล 00:11:07.303 --> 00:11:10.192 แทนที่เราจะคิดแผนโดยละเอียดขึ้นมา 00:11:10.192 --> 00:11:12.600 เราเริ่มจากบอกว่า ไปหาเครื่องวัดกัมมันตรังสีมาดีกว่า 00:11:12.600 --> 00:11:14.366 อ่าว หาไม่ได้ ของหมด 00:11:14.366 --> 00:11:16.369 งั้นมาสร้างกันเอง อ่าว มีเซนเซอร์ไม่พอ 00:11:16.369 --> 00:11:18.596 นั่นล่ะ เราก็สร้างเครื่องวัดกัมมันตรังสีเคลื่อนที่ จนสำเร็จ 00:11:18.596 --> 00:11:20.643 เราขับรถไปทั่ว เราหาอาสาสมัคร 00:11:20.643 --> 00:11:22.522 เรามีเงินไม่พอ งั้นระดมทุนผ่านเว็บ Kickstarter กัน 00:11:22.522 --> 00:11:24.513 เราวางแผนทั้งหมดนี้ไม่ได้หรอกครับ 00:11:24.513 --> 00:11:26.257 แต่เรามีเข็มทิศที่ดีมาก 00:11:26.257 --> 00:11:27.692 ในที่สุดเราก็ไปถึงที่ที่เราต้องการ 00:11:27.692 --> 00:11:30.110 ผมว่ามันเหมือนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งมีความคล่องตัวสูง 00:11:30.110 --> 00:11:33.468 แต่แนวคิดเรื่องเข็มทิศนี่สำคัญมาก NOTE Paragraph 00:11:33.468 --> 00:11:35.409 ผมคิดว่า ข่าวดีคือ 00:11:35.409 --> 00:11:38.910 แม้โลกจะซับซ้อนสุดๆ 00:11:38.920 --> 00:11:41.302 แต่สิ่งที่คุณต้องทำนั้นเรียบง่ายมาก 00:11:41.302 --> 00:11:44.000 ผมว่าคุณต้องหยุดคิดว่า 00:11:44.000 --> 00:11:45.572 คุณต้องวางแผนทุกอย่างล่วงหน้า 00:11:45.572 --> 00:11:46.664 คุณต้องเก็บสำรองทุกอย่างไว้ 00:11:46.664 --> 00:11:48.134 แต่คุณต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ 00:11:48.134 --> 00:11:51.128 และมุ่งความสนใจ ไปที่การติดต่อทำความรู้จักผู้คน 00:11:51.128 --> 00:11:52.979 เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา 00:11:52.979 --> 00:11:54.840 ตื่นตัวรับรู้สิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ 00:11:54.840 --> 00:11:56.620 และอยู่กับปัจจุบันสุดๆ NOTE Paragraph 00:11:56.620 --> 00:11:59.566 ผมเลยไม่ชอบคำว่า "นักอนาคตนิยม" 00:11:59.566 --> 00:12:05.181 ผมว่าเราควรเป็น "นักปัจจุบันนิยม" 00:12:05.181 --> 00:12:07.227 อย่างที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ NOTE Paragraph 00:12:07.227 --> 00:12:09.070 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:12:09.070 --> 00:12:13.049 (เสียงปรบมือ)