Return to Video

เราจะทำอย่างไรเมื่อยาปฏิชีวนะไม่ได้ผลอีกแล้ว

  • 0:01 - 0:03
    นี่คือคุณลุงทวดของฉัน
  • 0:03 - 0:06
    ซึ่งก็คือ น้องชายของคุณพ่อของคุณพ่อของฉัน
  • 0:06 - 0:08
    ชื่อของเขาคือ โจ แม็คเคนนา
  • 0:08 - 0:13
    เขาเป็นสามีหนุ่ม และนักเล่นบาสเกตบอลกึ่งอาชีพ
  • 0:13 - 0:16
    และนักผจญเพลิงในนิวยอร์คซิตตี้
  • 0:17 - 0:20
    ประวัติครอบครัวบอกว่า
    เขาชอบอาชีพนักผจญเพลิง
  • 0:20 - 0:24
    และในปี ค.ศ. 1935 ในวันหยุดวันหนึ่งของเขา
  • 0:24 - 0:26
    เขาเลือกที่จะไปเที่ยวที่สถานีดับเพลิง
  • 0:27 - 0:31
    เพื่อทำตัวเองให้เป็นประโยชน์ในวันนั้น
    เขาเริ่มที่จะขัดทองเหลืองทั้งหมด
  • 0:31 - 0:35
    ทั้งราวบนรถดับเพลิง และที่จับบนผนัง
  • 0:35 - 0:37
    และหัวฉีดสายยางหัวหนึ่ง
  • 0:37 - 0:39
    ที่เป็นโลหะน้ำหนักมาก ขนาดใหญ่
  • 0:39 - 0:43
    ได้ตกลงมาจากหิ้งและกระแทกเขา
  • 0:44 - 0:47
    ไม่กี่วันต่อมา
    เขาเริ่มปวดไหล่
  • 0:47 - 0:51
    สองวันหลังจากนั้น เขามีไข้
  • 0:51 - 0:53
    และไข้ก็สูงขึ้น และสูงขึ้น
  • 0:53 - 0:55
    ภรรยาของเขาได้ดูแลเขา
  • 0:55 - 0:59
    แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
    และเมื่อพวกเขาให้คุณหมอในพื้นที่มาตรวจ
  • 0:59 - 1:02
    คุณหมอก็ทำอะไรไม่ได้มากเช่นกัน
  • 1:02 - 1:05
    พวกเขาโบกรถแท็กซี่
    แล้วพาเขาไปโรงพยาบาล
  • 1:06 - 1:10
    บรรดาพยาบาลที่นั่นรู้ได้โดยทันที
    ว่าเขาติดเชื้อ
  • 1:10 - 1:14
    ที่ในยุคนั้นเรียกว่า "เป็นพิษในกระแสโลหิต"
  • 1:14 - 1:16
    และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูด
  • 1:16 - 1:18
    พวกเขาคงจะรู้ได้ในทันที
  • 1:18 - 1:21
    ว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
  • 1:22 - 1:25
    ไม่มีอะไรอีกแล้วที่พวกเขาจะช่วยได้
    เพราะว่าสิ่งที่เราใช้ในตอนนี้
  • 1:25 - 1:27
    ในการรักษาการติดเชื้อ ยังไม่มีอยู่ในตอนนั้น
  • 1:28 - 1:31
    การทดสอบครั้งแรกของเพนิซิลลิน
    ยาปฏิชีวนะชนิดแรก
  • 1:31 - 1:34
    ยังอยู่อีกสามปีในอนาคต
  • 1:34 - 1:39
    คนที่ติดเชื้ออาจหาย ถ้าเขาโชคดี
  • 1:39 - 1:40
    หรือเสียชีวิต
  • 1:40 - 1:42
    ลุงทวดของฉันไม่ได้โชคดี
  • 1:42 - 1:46
    เขาอยู่ในโรงพยาบาลหนึ่งสัปดาห์
    ตัวสั่นด้วยความหนาว
  • 1:46 - 1:48
    เสียน้ำ และคุมสติไม่ได้
  • 1:48 - 1:50
    ตกเข้าสู่ภาวะโคม่าเมื่ออวัยวะล้มเหลว
  • 1:50 - 1:53
    อาการของเขาน่าเป็นห่วงขึ้นเรื่อยๆ
  • 1:53 - 1:57
    จนคนจากสถานีดับเพลิง
    เข้าแถวกันมาถ่ายเลือดให้เขา
  • 1:57 - 2:01
    โดยหวังว่ามันจะช่วยเจือจางการติดเชื้อ
    ที่เพิ่มขึ้นในกระแสโลหิต
  • 2:01 - 2:05
    ไม่มีอะไรที่ได้ผล เขาเสียชีวิต
  • 2:05 - 2:08
    เขามีอายุได้ 30 ปี
  • 2:08 - 2:10
    ถ้าคุณมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์
  • 2:10 - 2:13
    คนส่วนใหญ่เสียชีวิตในแบบเดียวกับลุงทวดของฉัน
  • 2:13 - 2:16
    คนส่วนใหญ่ไม่ได้เสียชีวิตจากมะเร็งหรือโรคหัวใจ
  • 2:16 - 2:20
    โรคที่ได้รับอิทธิพลจากความเป็นอยู่
    ที่ส่งผลต่อพวกเราในตะวันตกทุกวันนี้
  • 2:20 - 2:24
    พวกเขาไม่ได้เสียชีวิตจากโรคเหล่านั้น
    เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีชีวิตยืนยาวพอ
  • 2:24 - 2:26
    ที่จะพัฒนาไปจนมีอาการเหล่านั้น
  • 2:26 - 2:28
    พวกเขาเสียชีวิตจากการบาดเจ็บ
  • 2:28 - 2:31
    ถูกวัวขวิด
  • 2:31 - 2:33
    ถูกยิงในสนามรบ
  • 2:33 - 2:36
    ถูกกระแทกในโรงงานในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม --
  • 2:36 - 2:40
    และส่วนใหญ่ ก็เป็นจากการติดเชื้อ
  • 2:40 - 2:43
    ที่มาปิดท้ายอาการบาดเจ็บเหล่านั้น
  • 2:44 - 2:48
    ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อยาปฏิชีวนะมาถึง
  • 2:49 - 2:52
    การติดเชื้อที่เคยเป็นเหมือนประกาศิตสั่งตาย
  • 2:52 - 2:56
    ก็กลายเป็นอะไรบางอย่างที่คนหายกันได้
    ในเวลาไม่กี่วัน
  • 2:56 - 2:59
    มันราวกับปาฏิหาริย์
  • 2:59 - 3:05
    และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราก็อยู่ในยุคทอง
    ของยามหัศจรรย์
  • 3:05 - 3:09
    และตอนนี้ พวกเรากำลังมาถึงจุดจบของมัน
  • 3:09 - 3:14
    ลุงทวดของฉันเสียชีวิตในวันท้ายๆ
    ของยุคก่อนยาปฏิชีวนะ
  • 3:14 - 3:19
    เรายืนอยู่ในวันนี้ บนเส้นแบ่ง
    ของยุคหลังยาปฏิชีวนะ
  • 3:19 - 3:23
    ซึ่งเป็นช่วงแรกของช่วงเวลา
    ที่การติดเชื้อธรรมดา
  • 3:23 - 3:28
    เช่นอย่างที่โจเป็น จะกลับมาฆ่าคนอีกครั้ง
  • 3:29 - 3:32
    อันที่จริง พวกมันได้เริ่มทำสิ่งนี้แล้ว
  • 3:33 - 3:36
    คนกำลังเสียชีวิตจากการติดเชื้อ
    อีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าเหตุการณ์
  • 3:36 - 3:38
    ที่เรียกว่า การดื้อยาปฏิชีวนะ
  • 3:38 - 3:40
    สั้นๆ คือมันมีกลไกดังนี้
  • 3:40 - 3:45
    แบคทีเรียแข่งขันกันและกัน
    เพื่อทรัพยากร เพื่ออาหาร
  • 3:45 - 3:50
    โดยการสร้างสารประกอบที่เป็นพิษถึงตาย
    ที่พวกมันสาดใส่กันและกัน
  • 3:50 - 3:52
    เพื่อเป็นการป้องกันตัว แบคทีเรียอื่น
  • 3:52 - 3:55
    ก็จะพัฒนาการป้องกันตัว
    จากการโจมตีทางเคมีนี้
  • 3:55 - 3:58
    เมื่อเราสร้างยาปฏิชีวนะเป็นครั้งแรก
  • 3:58 - 4:02
    เรานำสารประกอบนั้นเข้าห้องทดลอง
    แล้วสร้างแบบของเราเองออกมา
  • 4:02 - 4:06
    และแบคทีเรียก็ตอบโต้การโจมตีของเรา
    ในแบบที่พวกมันทำเสมอ
  • 4:08 - 4:10
    นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น
  • 4:10 - 4:13
    เพนิซิลลินเริ่มแพร่หลายในปี ค.ศ. 1943
  • 4:13 - 4:19
    และการดื้อยาเพนิซิลลินก็เริ่มแพร่หลาย
    ในปี ค.ศ.1945
  • 4:19 - 4:22
    แวนโคไมซิน เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1972
  • 4:22 - 4:25
    การดื้อยาแวนโคไมซินเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1988
  • 4:25 - 4:27
    อิมิเพเนม ในปี ค.ศ. 1985
  • 4:27 - 4:30
    และการดื้อยาดังกล่าวเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1998
  • 4:30 - 4:34
    แด็ปโตไมซิน หนึ่งในยาที่ทันสมัยมากที่สุด
    เริ่มในปี ค.ศ. 2003
  • 4:34 - 4:38
    และการดื้อยาดังกล่าวก็เกิดขึ้น
    เพียงหนึ่งปีให้หลังในปี ค.ศ. 2004
  • 4:39 - 4:42
    เป็นเวลา 70 ปี ที่เราเล่น
    เกมส์ก้าวกระโดด --
  • 4:42 - 4:45
    ยาของเราและการดื้อยา
  • 4:45 - 4:49
    และจากนั้นก็ยาอื่น
    และจากนั้นก็การดื้อยาก็มาอีก --
  • 4:49 - 4:51
    และตอนนี้เกมส์กำลังจะจบแล้ว
  • 4:51 - 4:55
    แบคทีเรียพัฒนาการต้านยาได้อย่างรวดเร็ว
    และบริษัทยา
  • 4:55 - 5:00
    ได้ตัดสินใจว่าการสร้างยาปฏิชีวนะ
    ไม่ใด้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุด
  • 5:00 - 5:03
    ฉะนั้น มันจึงมี
    การติดเชื้อที่แพร่กระจายไปทั่วโลก
  • 5:03 - 5:06
    ที่ยาปฏิชีวนะมากกว่า 100 ขนาน
  • 5:06 - 5:08
    ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด
  • 5:08 - 5:12
    อาจเหลือยาสองตัวที่ได้ผล แต่มีผลข้างเคียง
  • 5:12 - 5:14
    หรือยาตัวเดียว
  • 5:14 - 5:16
    หรือไม่มีเลย
  • 5:16 - 5:18
    มันมีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ
  • 5:18 - 5:22
    ในปี ค.ศ. 2000 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค
    หรือ ซีดีซี (CDC)
  • 5:22 - 5:25
    รายงานกรณีหนึ่ง
  • 5:25 - 5:27
    ในโรงพยาบาลในรัฐนอร์ทแคโรไลนา
  • 5:27 - 5:30
    ถึงการดื้อยาทุกอย่างยกเว้นยาสองตัว
  • 5:31 - 5:35
    วันนี้ การติดเชื้อดังกล่าว
    เป็นที่รู้จักกันว่า เคพีซี (KPC)
  • 5:35 - 5:38
    ได้กระจายไปทุกรัฐ ยกเว้นสามรัฐ
  • 5:38 - 5:40
    และอเมริกาใต้ ยุโรป
  • 5:40 - 5:42
    และตะวันออกกลาง
  • 5:43 - 5:45
    ในปี ค.ศ. 2008 หมอในสวีเดน
  • 5:45 - 5:48
    พบว่าชายจากอินเดียมีการติดเชื้อที่แตกต่าง
  • 5:48 - 5:52
    ซึ่งมันดื้อต่อยาทุกอย่าง
    ยกเว้นยาตัวเดียวในเวลานั้น
  • 5:52 - 5:54
    ยีนที่สร้างความดื้อยา
  • 5:54 - 6:00
    รู้จักกันในนาม NDM ได้แพร่กระจาย
    จากอินเดียไปสู่จีน เอเชีย แอฟริกา
  • 6:00 - 6:05
    ยุโรป และแคนาดา และสหรัฐอเมริกา
  • 6:05 - 6:08
    มันเป็นธรรมดาที่จะหวัง
  • 6:08 - 6:11
    ว่าการติดเชื้อเหล่านี้เป็นกรณีที่ไม่ปกติ
  • 6:11 - 6:13
    แต่อันที่จริงแล้ว
  • 6:13 - 6:16
    ในสหรัฐอเมริกา และยุโรป
  • 6:16 - 6:18
    คน 50,000 รายต่อปี
  • 6:18 - 6:22
    เสียชีวิตจากการติดเชื้อ ซึ่งไม่มียาใดช่วยได้
  • 6:23 - 6:26
    โครงการที่ได้รับอนุญาตโดยรัฐบาลอังกฤษ
  • 6:26 - 6:30
    ที่รู้จักกันในนาม เดอะ รีวิว ออน
    แอนไทไมโครไบโอติก รีซิสแทนท์
  • 6:30 - 6:37
    คาดว่าถึงตอนนี้การสูญเสียชีวิตทั่วโลก
    คิดเป็น 700,000 รายต่อปี
  • 6:38 - 6:43
    จำนวนผู้เสียชีวิตนั่นมันเยอะมาก
  • 6:43 - 6:46
    แต่ว่า มันเป็นไปได้สูง
    ที่คุณจะว่าคุณไม่มีความเสี่ยง
  • 6:46 - 6:49
    ที่คุณจะคิดว่าคนเหล่านั้น
    คือคนที่อยู่ในโรงพยาบาล
  • 6:49 - 6:51
    ในหน่วยที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
  • 6:51 - 6:55
    หรือเป็นผู้ที่อยู่ในสถานพยาบาล
    ที่ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว
  • 6:55 - 6:58
    คนที่ได้รับการติดเชื้อ ซึ่งห่างไกลจากเรา
  • 6:58 - 7:01
    ในสถานการณ์ที่พวกเราไม่เกี่ยวข้อง
  • 7:02 - 7:06
    แต่สิ่งที่คุณไม่ได้คิด
    และที่ทุกคนไม่ได้คิด
  • 7:06 - 7:11
    คือยาปฏิชีวนะนั้นสนับสนุนชีวิต
    ยุคปัจจุบันของพวกเรา เกือบโดยสิ้นเชิง
  • 7:12 - 7:14
    ถ้าเราขาดยาปฏิชีวนะไป
  • 7:14 - 7:15
    นี่คือสิ่งที่เราอาจสูญเสีย
  • 7:16 - 7:20
    อย่างแรก การป้องกันใดๆ ก็ตาม
    สำหรับคนที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง
  • 7:20 - 7:23
    ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์
  • 7:23 - 7:28
    ผู้ที่รับการปลูกถ่ายเนื้อเยื่ออวัยวะ
    เด็กทารกที่เกิดก่อนกำหนด
  • 7:28 - 7:32
    ต่อมาก็คือ การรักษาใดๆ ที่ต้องมีการ
    นำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย
  • 7:32 - 7:36
    การใส่ลวดถ่างขยายหลอดเลือดที่ตีบ
    การปั๊มไหลเวียนสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน
  • 7:36 - 7:40
    การฟอกไต การเปลี่ยนข้อต่อ
  • 7:40 - 7:44
    มีนักกีฬาที่เกิดในยุคเบบี้บูมตั้งกี่คน
    ที่ต้องเปลี่ยนสะโพกและเข่าใหม่
  • 7:44 - 7:47
    การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้คาดว่า
    เมื่อปราศจากยาปฏิชีวนะ
  • 7:47 - 7:50
    หนึ่งในหกคนจะเสียชีวิต
  • 7:51 - 7:54
    ต่อจากนั้น เราอาจจะสูญเสียการผ่าตัด
  • 7:54 - 7:56
    การผ่าตัดหลายอย่าง
    ต้องมีการให้ยาปฏิชีวนะก่อน
  • 7:56 - 7:59
    ในปริมาณที่ใช้ป้องกันโรค
  • 7:59 - 8:01
    เมื่อปราศจากการป้องกันดังกล่าวแล้ว
  • 8:01 - 8:05
    เราก็จะสูญเสียความสามารถ
    ที่จะเปิดส่วนที่ซ่อนอยู่ในร่างกายได้
  • 8:05 - 8:08
    ฉะนั้น มันจะไม่มีการผ่าตัดหัวใจ
  • 8:08 - 8:11
    ไม่มีการตัดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากไปตรวจ
  • 8:11 - 8:13
    ไม่มีการผ่าคลอด
  • 8:14 - 8:18
    เราจะต้องเรียนรู้ที่จะกลัวการติดเชื้อ
    ที่ตอนนี้มันอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย
  • 8:19 - 8:23
    เชื้อสเตรปในลำคอ
    เคยก่อให้เกิดอาการหัวใจล้มเหลว
  • 8:23 - 8:25
    การติดเชื้อที่ผิวหนังนำไปสู่การตัดแขนขา
  • 8:26 - 8:29
    การให้กำเนิด แม้ในโรงพยาบาลที่สะอาดที่สุด
  • 8:29 - 8:31
    อาจทำให้ผู้หญิงหนึ่งในทุกๆ 100 คนเสียชีวิต
  • 8:32 - 8:37
    โรคปอดบวมจะคร่าชีวิตเด็กสามคน
    จากทุก ๆ 10 คน
  • 8:37 - 8:39
    และมากกว่าอะไรทั้งหมด
  • 8:39 - 8:44
    เราจะสูญเสียความมั่นใจ
    ในการใช้ชีวิตปกติ
  • 8:45 - 8:49
    ถ้าคุณรู้ว่าการบาดเจ็บใดๆ สามารถฆ่าคุณได้
  • 8:49 - 8:52
    คุณจะขี่จักรยานยนต์ไหม
  • 8:52 - 8:56
    แล่นรีบไถลลงมาตามทางลาดสกีไหม
  • 8:56 - 8:59
    ปีนบันไดขึ้นไปแขวนไฟต้นคริสต์มาสไหม
  • 8:59 - 9:03
    ปล่อยให้ลูกของคุณ
    วิ่งเสียบเข้าโฮมเบส หรือไม่
  • 9:04 - 9:07
    เพราะที่จริงแล้ว คนแรกที่ได้รับเพนิซิลิน
  • 9:07 - 9:11
    เป็นตำรวจชาวอังกฤษที่มีนามว่า
    อัลเบิร์ต อเล็กซานเดอร์
  • 9:11 - 9:15
    ผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการติดเชื้อ
    จนหนังศีรษะมีหนองไหลซึมออกมา
  • 9:15 - 9:18
    และหมอจำเป็นต้องควักตาเขาออกข้างหนึ่ง
  • 9:18 - 9:21
    เขาติดเชื้อเพราะทำอะไรที่ธรรมดามาก
  • 9:22 - 9:27
    เขาเดินอยู่ในสวน
    และหน้าเขาไปโดนหนามจนถลอก
  • 9:29 - 9:32
    โครงการของอังกฤษที่ฉันพูดถึง
    ได้คาดเดาความเสียหายที่เกิดขึ้นทั่วโลก
  • 9:32 - 9:36
    ว่าตอนนี้ มีผู้เสียชีวิต 700,000 รายต่อปี
  • 9:36 - 9:43
    และยังประมาณไว้ว่า ถ้าเราไม่สามารถ
    ที่จะควบคุมมันได้ภายในปี ค.ศ. 2050
  • 9:43 - 9:50
    ไม่นาน ความเสียหายทั่วโลกจะกลายเป็น
    10 ล้านรายต่อปี
  • 9:50 - 9:53
    เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
  • 9:53 - 9:55
    ที่ซึ่งเราจะต้องเผชิญ
  • 9:55 - 9:58
    กับตัวเลขที่น่ากลัวนี้
  • 9:58 - 10:03
    คำตอบที่ยากคือ เราทำตัวเราเอง
  • 10:03 - 10:06
    การดื้อยาเป็นกระบวนการทางชีววิทยา
    ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
  • 10:06 - 10:10
    แต่เราต้องแบกรับความรับผิดชอบ
    ที่ทำให้มันเกิดเร็วขึ้น
  • 10:10 - 10:14
    เราทำให้มันเกิดขึ้น
    โดยใช้ยาปฏิชีวนะอย่างฟุ่มเฟือย
  • 10:14 - 10:18
    ด้วยความประมาทเลินเล่อ
    ที่ตอนนี้ดูน่าตกใจ
  • 10:19 - 10:23
    เพนิซิลลินมีขายตามร้านยา
    มาตั้งแต่ยุค 1950
  • 10:23 - 10:27
    ในประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่
    ยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ยังหาซื้อได้แบบนั้น
  • 10:27 - 10:31
    ในสหรัฐอเมริกา 50 เปอร์เซ็นต์
  • 10:31 - 10:35
    ของยาปฏิชีวนะที่ให้ในโรงพยาบาล
    ไม่ได้จำเป็นเลย
  • 10:35 - 10:39
    สี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ของใบสั่งจ่ายยา
    ที่เขียนในห้องตรวจของหมอ
  • 10:39 - 10:43
    เป็นใบสั่งสำหรับอาการ
    ที่ยาปฏิชีวนะไม่สามารถช่วยได้
  • 10:45 - 10:47
    และนั่นแค่ในระบบสาธารณสุข
  • 10:47 - 10:52
    ในส่วนใหญ่ของโลก สัตว์ที่เลี้ยงเอาเนื้อ
    ได้รับยาปฏิชีวนะทุกวันตลอดชีวิต
  • 10:52 - 10:54
    ไม่ใช่เพื่อรักษาอาการป่วย
  • 10:54 - 10:58
    แต่เพื่อทำให้พวกมันอ้วนขึ้น
    และป้องกันพวกมัน
  • 10:58 - 11:02
    จากสภาวะโรงงานการเกษตร
    ที่พวกมันได้รับการเลี้ยงดู
  • 11:02 - 11:05
    ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์
  • 11:05 - 11:12
    ของยาปฏิชีวนะที่ขายทุกปี
    นำไปใช้กับปศุสัตว์ ไม่ใช่คน
  • 11:12 - 11:15
    ทำให้เกิดแบคทีเรียดื้อยา ที่ย้ายจากไร่นา
  • 11:15 - 11:18
    ไปยังน้ำ ฝุ่น
  • 11:18 - 11:21
    และเนื้อที่เป็นของสัตว์
  • 11:21 - 11:24
    การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำก็พึ่งพายาปฏิชีวนะเช่นกัน
  • 11:24 - 11:26
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย
  • 11:26 - 11:29
    และการปลูกผลไม้ก็ต้องพึ่งพายาปฏิชีวนะ
  • 11:29 - 11:34
    เพื่อป้องกันแอปเปิ้ล แพร
    ผลไม้พวกส้มมะนาว จากโรค
  • 11:34 - 11:40
    และเพราะว่าแบคทีเรียสามารถส่งต่อ
    ดีเอ็นเอของมันให้กันและกันได้
  • 11:40 - 11:45
    เหมือนกับผู้เดินทาง
    ส่งต่อกระเป๋าเดินทางให้กันที่สนามบิน
  • 11:45 - 11:49
    เมื่อเราสนับสนุนให้เกิดการดื้อยาขึ้น
  • 11:49 - 11:52
    เราไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะกระจายไปทางไหน
  • 11:54 - 11:55
    เหตุการณ์นี้รู้ได้ล่วงหน้า
  • 11:56 - 11:59
    อันที่จริง ได้มีการคาดเดาไว้
  • 11:59 - 12:03
    โดยอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง
    ชายผู้ค้นพบเพนิซิลลิน
  • 12:03 - 12:07
    เขาได้รับรางวัลโนเบลในปี ค.ศ. 1945
    เพื่อเป็นเกียรติ
  • 12:07 - 12:11
    และในการให้สัมภาษณ์ไม่นานหลังจากนั้น
    นี่คือสิ่งที่เขากล่าว
  • 12:11 - 12:16
    "คนไม่รู้จักคิด
    ที่เล่นกับการรักษาที่ใช้เพนิซิลลิน
  • 12:16 - 12:19
    มีส่วนรับผิดชอบทางจริยธรรม
    ต่อการเสียชีวิตของคน
  • 12:19 - 12:21
    ผู้ที่พ่ายต่อการติดเชื้อ
  • 12:21 - 12:24
    ที่ดื้อต่อยาเพนิซิลิน"
  • 12:24 - 12:28
    เขาได้เพิ่มเติมอีกว่า "ผมหวังว่า
    ความชั่วร้ายนี้จะถูกป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น"
  • 12:29 - 12:32
    เราจะป้องกันมันได้หรือไม่
  • 12:32 - 12:36
    มีบริษัทที่กำลังพยายามวิจัยยาปฏิชีวนะใหม่
  • 12:36 - 12:39
    ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื้อร้ายไม่เคยพบมาก่อน
  • 12:39 - 12:42
    เราต้องการยาพวกนั้นเป็นอย่างยิ่ง
  • 12:42 - 12:44
    และเราต้องการสิ่งจูงใจ เช่น
  • 12:44 - 12:47
    ทุนสนับสนุนการค้นพบ การยืดอายุสิทธิบัตร
  • 12:47 - 12:53
    รางวัล เพื่อที่จะล่อให้บริษัทอื่นๆ
    เข้ามาผลิตยาปฏิชีวนะอีกครั้ง
  • 12:53 - 12:56
    แต่นั่นคงจะไม่เพียงพอ
  • 12:56 - 13:00
    นี่เป็นเหตุว่าทำไม วิวัฒนาการย่อมชนะเสมอ
  • 13:01 - 13:05
    แบคทีเรียให้กำเนิดเชื้อรุ่นใหม่
    ทุกๆ 20 นาที
  • 13:05 - 13:09
    เคมีเภสัชกรรมต้องใช้เวลาถึง 10 ปี
    ในการพัฒนายา
  • 13:09 - 13:12
    ทุกครั้งที่เราใช้ยาปฏิชีวนะ
  • 13:12 - 13:16
    เราให้โอกาสกับแบคทีเรียเป็นพันล้าน
  • 13:16 - 13:17
    ในการถอดรหัส
  • 13:17 - 13:20
    ที่เป็นปราการที่เราได้สร้างเอาไว้
  • 13:20 - 13:23
    ยังไม่เคยมียาใด
  • 13:23 - 13:25
    ที่พวกมันเอาชนะไม่ได้
  • 13:25 - 13:29
    นี่เป็นการสงครามที่ไม่ยุติธรรม
  • 13:29 - 13:33
    แต่เราสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้
  • 13:34 - 13:40
    เราสามารถสร้างระบบที่จะเก็บเกี่ยวข้อมูล
    ที่จะบอกเราได้อย่างอัตโนมัติและเจาะจง
  • 13:40 - 13:43
    ว่ายาปฏิชีวนะกำลังถูกใช้อย่างไร
  • 13:43 - 13:46
    เราสามารถสร้างผู้ป้องกันประตู
    ในระบบการสั่งยา
  • 13:46 - 13:50
    เพื่อที่ว่า ทุกๆ ใบสั่งจ่ายยา
    จะได้รับการตรวจสอบ
  • 13:50 - 13:56
    เราสามารถขอให้ภาคการเกษตร
    ยกเลิกการใช้ยาปฏิชีวนะ
  • 13:56 - 13:59
    เราสามารถสร้างระบบตรวจตรา
  • 13:59 - 14:04
    ที่จะบอกเราว่าการดื้อยาต่อไปจะเกิดขึ้นที่ไหน
  • 14:04 - 14:06
    นั่นเป็นการแก้ปัญหาโดยเทคนิค
  • 14:06 - 14:09
    พวกมันอาจจะยังไม่เพียงพอ
  • 14:09 - 14:12
    เว้นเสียแต่ว่าเราจะช่วย
  • 14:16 - 14:18
    การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นนิสัย
  • 14:18 - 14:22
    เรารู้ว่ามันยากแค่ไหน
    ที่จะเปลี่ยนนิสัย
  • 14:22 - 14:26
    แต่ในฐานะที่อยู่ในสังคม
    เราเคยทำได้มาแล้วในอดีต
  • 14:26 - 14:30
    เราเคยทิ้งขยะลงบนถนน
  • 14:30 - 14:32
    เคยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
  • 14:32 - 14:36
    เคยสูบบุหรี่ในที่อาคารสาธารณะ
  • 14:36 - 14:39
    เราไม่ได้ทำอย่างนั้นอีกแล้ว
  • 14:39 - 14:41
    เราไม่ได้ทิ้งขยะเกลื่อน
  • 14:41 - 14:45
    หรือเสี่ยงก่ออุบัติเหตุที่เสียหาย
  • 14:45 - 14:48
    หรือทำให้คนอื่นๆ
    เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
  • 14:48 - 14:51
    เพราะว่าเราตัดสินใจว่า
    สิ่งเหล่านั้นมีผลกระทบราคาแพง
  • 14:51 - 14:55
    เป็นอันตราย และไม่ได้เป็นไป
    เพื่อประโยชน์สูงสุดของเรา
  • 14:56 - 14:59
    เราได้เปลี่ยนความเคยชินของสังคม
  • 14:59 - 15:03
    เราก็อาจจะเปลี่ยนความเคยชินของสังคม
    ในเรื่องยาปฏิชีวนะได้เช่นกัน
  • 15:05 - 15:08
    ฉันรู้ว่าระดับปัญหาการดื้อยาปฏิชีวนะ
  • 15:08 - 15:10
    เหมือนจะท่วมท้น
  • 15:10 - 15:13
    แต่ถ้าคุณเคยที่จะซื้อหลอดไฟฟลูออเรสเซนท์
  • 15:13 - 15:16
    เพราะว่าคุณตระหนักถึง
    การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ
  • 15:16 - 15:19
    หรืออ่านฉลากบนกล่องของขนมปังกรอบ
  • 15:19 - 15:23
    เพราะว่าคุณคำนึงถึงการตัดไม้ทำลายป่า
    เพื่อที่จะได้มาซึ่งน้ำมันปาล์ม
  • 15:23 - 15:26
    คุณรู้แล้วว่ามันรู้สึกอย่างไร
  • 15:26 - 15:31
    ที่จะทำสิ่งเล็กๆ เพื่อที่จะจัดการ
    กับปัญหาที่ยิ่งใหญ่
  • 15:32 - 15:36
    คุณอาจทำสิ่งที่เป็นก้าวเล็กๆ แบบนี้
    กับยาปฏิชีวนะได้เช่นกัน
  • 15:36 - 15:44
    เราสามารถที่จะงดให้ยาปฏิชีวนะ
    ถ้าเราไม่มั่นใจว่าเป็นยาที่ถูกต้อง
  • 15:44 - 15:51
    เราสามารถที่จะหยุดยืนกรานเอาใบสั่งยา
    สำหรับยาแก้การติดเชื้อในหูสำหรับลูกเรา
  • 15:51 - 15:52
    ก่อนที่เราจะแน่ใจว่ามันเกิดจากอะไร
  • 15:54 - 15:57
    เราสามารถที่จะถามร้านอาหารทุกร้าน
  • 15:57 - 15:59
    ถามซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกแห่ง
  • 15:59 - 16:00
    ว่าเนื้อที่ขายเอามาจากไหน
  • 16:01 - 16:03
    เราอาจให้สัญญากันและกันได้
  • 16:03 - 16:07
    ว่าจะไม่ซื้อไก่ หรือกุ้ง หรือผลไม้
  • 16:07 - 16:10
    ที่ใช้ยาปฏิชีวนะในกระบวนการผลิตเป็นปกติ
  • 16:10 - 16:12
    และถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้
  • 16:12 - 16:17
    เราก็จะสามารถชะลอการมาถึง
    ของโลกหลังยุคยาปฏิชีวนะได้
  • 16:18 - 16:22
    แต่เราต้องจัดการมันให้เร็วที่สุด
  • 16:22 - 16:26
    เพนิซิลลิน เป็นจุดเริ่มต้นของยุคยาปฏิชีวนะ
    ในปี ค.ศ. 1947
  • 16:26 - 16:32
    ในเวลาเพียง 70 ปี
    เราได้เดินขึ้นไปถึงขอบความหายนะ
  • 16:32 - 16:35
    เราคงไม่ได้มี 70 ปี
  • 16:35 - 16:38
    เอาไว้เดินย้อนกลับไป
    เพื่อหาทางออกให้ได้อีกครั้ง
  • 16:39 - 16:40
    ขอบคุณมากค่ะ
  • 16:41 - 16:47
    (เสียงปรบมือ)
Title:
เราจะทำอย่างไรเมื่อยาปฏิชีวนะไม่ได้ผลอีกแล้ว
Speaker:
มาริน แม็คเคนนา (Maryn McKenna)
Description:

เพนิซิลินเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง การติดเชื้อที่เมื่อก่อนเคยเป็นอันตรายถึงชีวิต ถูกรักษาให้หายได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่มาริน แม็คเคนนาแบ่งปันเรื่องราวในการบรรยายที่จริงจังนี้ พวกเราได้ใช้คุณประโยชน์ที่เราได้รับจากเพนนิซิลินและยาปฏิชีวนะอื่นๆ ที่ค้นพบหลังจากนั้นกันอย่างสุรุ่ยสุร่าย เมื่อแบคทีเรียดื้อยา หมายถึงเรากำลังเข้าสู่โลกยุคหลังยาปฏิชีวนะ -- และมันคงเป็นโลกที่ไม่สวยแน่ อย่างไรก็ดี ยังมีบางสิ่งที่เราสามารถทำได้ ... ถ้าเราเริ่มต้นกันตอนนี้

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
16:59

Thai subtitles

Revisions