ภาพลวงตาหลอกล่อสมองเราอย่างไร - นาธาน เอส. เจคอบส์ (Nathan S. Jacobs)
-
0:09 - 0:10ลองดูนี่
-
0:10 - 0:15นี่คือตาราง ไม่มีอะไรพิเศษ
แค่ตารางธรรมดาทั่วไป -
0:15 - 0:19แต่ดูที่จุดสีขาวตรงกลาง
-
0:19 - 0:23ตรงที่เส้นขวางและเส้นดิ่งตัดกันให้ดี ๆ
-
0:23 - 0:27ดูให้ดี ๆ เห็นอะไรแปลก ๆ ไหม
-
0:27 - 0:28ไม่เห็นจะมีอะไร
-
0:28 - 0:31ดูต่อไป
ลองจ้องต่อไป -
0:31 - 0:34แล้วลองเพ่งที่จุดสีขาวนี้
-
0:34 - 0:37แล้วดูรอบ ๆ ว่าเห็นอะไร
-
0:37 - 0:44จุดอื่นยังเป็นสีขาวไหม
หรือกลายเป็นจุดสีเทากะพริบ -
0:44 - 0:47ลองมาดูถาดอบมัฟฟินนี้บ้าง
-
0:47 - 0:51อุ๊ย ขอโทษที มีหลุมหนึ่ง
นูนออกมาแทนที่จะบุ๋มลงไป -
0:51 - 0:55เดี๋ยวก่อน ลองกลับด้านถาดดู
อีกห้าหลุมกลับปูดออกมาแทน -
0:55 - 0:58จะยังไงเสีย ถาดนี้ก็มีตำหนิ
-
0:58 - 1:02ส่วนนี่คือรูปอับราฮัม ลินคอล์น
และรูปนี้กลับหัว -
1:02 - 1:04ไม่มีอะไรแปลก
-
1:04 - 1:10เดี๋ยวก่อน ลองกลับหัวให้ถูกทิศ
เกิดอะไรขึ้นกับลินคอล์นกันเนี่ย -
1:10 - 1:13ทั้งสามภาพเป็นเหมือนภาพลวงตา
มันหลอกพวกเรา -
1:13 - 1:15มันเป็นไปได้อย่างไรกัน
-
1:15 - 1:18ภาพพวกนี้มีเวทมนตร์หรืออย่างไร
-
1:18 - 1:21หรือพวกเราอาจแอบใส่จุดเทากะพริบ
-
1:21 - 1:24รอบจุดสีขาวในตารางเมื่อครู่นี้ก็เป็นได้
-
1:24 - 1:26แต่ ขอสัญญาเลยว่าเราไม่ได้ทำ
-
1:26 - 1:30คุณจะเห็นแบบเดียวกัน
แม้จะลงมือพิมพ์ลงบนกระดาษธรรมดา -
1:30 - 1:36ที่จริงแล้ว ตารางนี้เป็นแค่ตารางธรรมดา
แต่ไม่ใช่สำหรับระบบรับภาพในสมอง -
1:36 - 1:41นี่คือวิธีที่สมองตีความข้อมูลแสง
จากตารางที่คุณเห็น -
1:41 - 1:46จุดตัดสีขาวถูกล้อมรอบด้วย
เส้นสีขาวทั้งสี่ด้าน -
1:46 - 1:49ซึ่งมีมากกว่าจุดสีขาวในเส้น
-
1:49 - 1:54เซลล์จอประสาทตาตรวจจับได้ว่า
มีสีขาวมากกว่าที่รอบ ๆ จุดตัด -
1:54 - 2:00เพราะพวกมันเพิ่มความแตกต่างของแสง
ด้วยวิธียับยั้งเซลล์ข้างเคียง -
2:00 - 2:03ยิ่งเห็นความแตกต่างของแสงมาก
ยิ่งทำให้เห็นขอบของวัตถุได้ง่าย -
2:03 - 2:08ซึ่งตาและสมองของเรา
วิวัฒนาการมาเพื่อเห็นสิ่งนี้ -
2:08 - 2:12เซลล์จอประสาทตาไม่ตอบสนองต่อสีขาว
ของจุดตัดมากเท่าที่ควร -
2:12 - 2:16เพราะเกิดการยับยั้งเซลล์ข้างเคียง
ที่เส้นสีขาวรอบ ๆ มากกว่า -
2:16 - 2:20ซึ่งเส้นเหล่านั้น
ถูกล้อมรอบด้วยสีดำ -
2:20 - 2:22นี่ไม่ใช่เพราะตาคุณบกพร่อง
-
2:22 - 2:27หากคุณมองเห็นได้ ภาพลวงตา
ก็หลอกคุณได้แม้ว่าจะสวมแว่นตา -
2:27 - 2:30ไม่ว่าจะดูจากกระดาษ
หรือจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า -
2:30 - 2:32ภาพลวงตาแสดงให้เห็นว่า
-
2:32 - 2:37เซลล์รับแสงและสมองนั้น
ประกอบข้อมูลภาพ -
2:37 - 2:40เป็นโลกสามมิติรอบตัวเราได้อย่างไร
-
2:40 - 2:42และเน้นตรงขอบมุมเป็นพิเศษ
-
2:42 - 2:46เพราะวัตถุที่มีขอบคม
อาจช่วยหรือฆ่าเราได้ -
2:46 - 2:49ลองดูถาดมัฟฟินอีกรอบ
รู้ไหมอะไรทำให้คุณสับสน -
2:49 - 2:55สมองส่วนของการมองเห็น
ทำงานโดยคิดว่าแสงในภาพ -
2:55 - 2:59ต้องมาจากแหล่งเดียว
โดยฉายจากด้านบนลงล่าง -
2:59 - 3:04และส่วนของเงา
ต้องเกิดจากแสงที่ส่องลงมา -
3:04 - 3:07ตรงส่วนนูนของโดม
หรือที่ก้นหลุมเท่านั้น -
3:07 - 3:11หากเราวาดภาพแรเงาแบบเดียวกันนี้
-
3:11 - 3:13แม้บนกระดาษเรียบๆ
-
3:13 - 3:17สมองของเราจะสร้างทรงเว้าหรือทรงนูน
โดยอัตโนมัติ -
3:17 - 3:20ทีนี้มาดูรูปลินคอล์นกลับหัวชวนขนลุกกัน
-
3:20 - 3:23ใบหน้ากระตุ้นการทำงาน
ของสมองบริเวณ -
3:23 - 3:27ส่วนที่พัฒนามาเพื่อช่วยเราแยกแยะ
ใบหน้ามนุษย์โดยเฉพาะ -
3:27 - 3:32เช่น เขตรับรู้หน้าในรอยนูนรูปกระสวย
และส่วนอื่น ๆ ในสมองกลีบท้ายทอยและขมับ -
3:32 - 3:35ซึ่งสมเหตุสมผล
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม -
3:35 - 3:38ที่มีวิธีปฏิสัมพันธ์ซับซ้อนอย่างมาก
-
3:38 - 3:41เมื่อเห็นใบหน้า
เราต้องแยกแยะได้ว่านี่คือใบหน้า -
3:41 - 3:44และบอกสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว
-
3:44 - 3:48สิ่งที่เราสนใจที่สุด
คือตาและปาก -
3:48 - 3:52เพราะช่วยบอกเราว่า
คนคนนั้นโกรธเราอยู่หรืออยากผูกมิตร -
3:52 - 3:53ในภาพหน้าลินคอล์นกลับหัว
-
3:53 - 3:56ตาและปากหันถูกทิศแล้ว
-
3:56 - 3:58เราจึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลก
-
3:58 - 4:02แต่เมื่อกลับหัวภาพ
ส่วนที่สำคัญที่สุดของใบหน้า -
4:02 - 4:07นั่นคือตาและปาก ดันกลับหัว
เราจึงรู้ว่าภาพผิดเพี้ยนไป -
4:07 - 4:11เราบอกได้ว่าสมองเราใช้ทางลัด
และมองข้ามบางอย่างไป -
4:11 - 4:15นี่ไม่ใช่เพราะสมองขี้เกียจ
แต่เป็นเพราะมันยุ่งอย่างมาก -
4:15 - 4:18จึงต้องใช้พลังงาน
ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด -
4:18 - 4:25และพึ่งสมมติฐานเกี่ยวกับข้อมูลภาพ
เพื่อสร้างภาพโลกที่ดัดแปลงแก้ไขมาแล้ว -
4:25 - 4:28ลองจินตนาการสมองของเรา
แก้ไขภาพเหล่านี้ทันทีที่เห็น -
4:28 - 4:30“โอเค สี่เหลี่ยมนั้นอาจเป็นสิ่งของ
-
4:30 - 4:34เพิ่มค่าความแตกต่างของแสงตรงขอบ
ด้วยการยับยั้งเซลล์ข้างเคียง -
4:34 - 4:35ทำให้ขอบเข้มขึ้นอีก!
-
4:35 - 4:37ไล่จากเทาเข้มไปเทาอ่อน
-
4:37 - 4:40น่าจะมีแดดเหนือศีรษะ
ตกกระทบส่วนโค้ง ต่อไป! -
4:40 - 4:44ตาคู่นี้เหมือนตาที่เคยเห็นมา
ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน” -
4:44 - 4:47เห็นไหม ภาพลวงตาเหล่านี้
เผยให้เห็นหน้าที่ของสมอง -
4:47 - 4:52ในฐานะผู้กำกับภาพเคลื่อนไหวสามมิติ
ในห้องส่งภายในกะโหลกของเรา -
4:52 - 4:56ทำหน้าที่แบ่งสรรพลังสมอง
และสร้างโลกไปด้วย -
4:56 - 5:01ด้วยกลเม็ดที่ใช้ได้ผลจริงแท้
แม้อาจลวงหลอกบ้างก็ตาม
- Title:
- ภาพลวงตาหลอกล่อสมองเราอย่างไร - นาธาน เอส. เจคอบส์ (Nathan S. Jacobs)
- Speaker:
- Nathan S. Jacobs
- Description:
-
ดูบทเรียนเต็มได้ที่ http://ed.ted.com/lessons/how-optical-illusions-trick-your-brain-nathan-s-jacobs
ภาพลวงตาคือภาพที่ดูจะหลอกล่อเราให้เห็นอะไรที่ต่างออกไปจากภาพจริงที่เป็น แต่ภาพเหล่านี้ทำได้อย่าไร นาธาน เอส. เจคอบส์ พาเราไปดูภาพลวงตาง่าย ๆ และอธิบายถึงลูกเล่นของดวงตาเหล่านี้สามารถบอกถึงสมองของเราที่ประกอบสรางข้อมูลภาพ นำไปสู่โลก 3 มิติที่เราเห็นรอบ ๆ ได้
บทเรียนโดย นาธาน เอส. เจคอบส์ แอนิเมชั่นโดย TED-Ed
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 05:19
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for How optical illusions trick your brain | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How optical illusions trick your brain | ||
Pakawat Wongwaiyut accepted Thai subtitles for How optical illusions trick your brain | ||
Pakawat Wongwaiyut edited Thai subtitles for How optical illusions trick your brain | ||
Pakawat Wongwaiyut edited Thai subtitles for How optical illusions trick your brain | ||
Pakawat Wongwaiyut edited Thai subtitles for How optical illusions trick your brain | ||
Pakawat Wongwaiyut edited Thai subtitles for How optical illusions trick your brain | ||
Panaya Hasitabhan edited Thai subtitles for How optical illusions trick your brain |