คุณจะอธิบายสติสัมปชัญญะอย่างไร?
-
0:01 - 0:03ตอนนี้
-
0:03 - 0:06คุณมีหนังที่กำลังฉายอยู่ในหัวของคุณ
-
0:06 - 0:09มันเป็นหนังที่มีหลายบทบาทซ้อนกัน
-
0:09 - 0:12เป็นหนังสามมิติ และมีเสียงรอบทิศทาง
-
0:12 - 0:14สำหรับสิ่งที่คุณกำลังดูและฟังอยู่ตอนนี้
-
0:14 - 0:17แต่มันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นแหละ
-
0:17 - 0:22หนังของคุณมีทั้งกลิ่น รสชาติและสัมผัสได้
-
0:22 - 0:25มันรับรู้ได้โดยร่างกายคุณ
-
0:25 - 0:29ความเจ็บปวด ความหิวกระหาย จุดสุดยอด
-
0:29 - 0:31มีอารมณ์ต่างๆ
-
0:31 - 0:34ความโกรธและความสุข
-
0:34 - 0:38มันมีความทรงจำ เหมือนกับฉากในวัยเด็กของคุณ
-
0:38 - 0:41เล่นอยู่ในหัวของคุณ
-
0:41 - 0:45และมันยังมีเสียงพากย์
-
0:45 - 0:50ในความคิดของคุณตลอดด้วยครับ
-
0:50 - 0:55หัวใจของหนังเรื่องนี้คือคุณ
-
0:55 - 0:59คุณกำลังเผชิญหน้ากับมันโดยตรง
-
0:59 - 1:05หนังเรื่องนี้คือกระแสสติสัมปชัญญะ
ของคุณครับ -
1:05 - 1:06เป็นประสบการณ์
-
1:06 - 1:11ของจิตและโลกใบนี้
-
1:11 - 1:14สติสัมปชัญญะเป็นหนึ่งในข้อเท็จจริงพื้นฐาน
-
1:14 - 1:16ของเผ่าพันธ์ุมนุษย์
-
1:16 - 1:19เราแต่ละคนนั้นมีสติ
-
1:19 - 1:21เราทุกคนมีหนังของเราเองทั้งนั้น
-
1:21 - 1:24คุณ คุณ และคุณ
-
1:24 - 1:28แต่ไม่มีอะไรที่เรารู้โดยตรงไปมากกว่านั้น
-
1:28 - 1:31อย่างน้อย ผมก็รู้ถึงสติสัมปชัญญะโดยตรง
-
1:31 - 1:35แต่ผมไม่สามารถบอกได้ว่าพวกคุณกำลังมีสติอยู่
-
1:35 - 1:39สติสัมปชัญญะนั้นยังเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเรา
คุ้มค่าที่จะดำรงอยู่ -
1:39 - 1:42ถ้าเราไม่มีสติ จะไม่มีสิ่งใดในชีวิตเรา
-
1:42 - 1:46ที่มีความหมายหรือมีค่า
-
1:46 - 1:47แต่ในเวลาเดียวกันนั้น
-
1:47 - 1:51มันก็ยังเป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดในจักรวาล
-
1:51 - 1:54ทำไมเราถึงมีสติ?
-
1:54 - 1:56ทำไมเราถึงมีหนังพวกนี้ฉายในหัว
-
1:56 - 1:58ทำไมเราไม่ได้เป็นแค่หุ่นยนต์
-
1:58 - 2:00ที่รับข้อมูลเข้ามา
-
2:00 - 2:02แล้วผลิตข้อมูลส่งออกไป
-
2:02 - 2:06โดยที่ไม่ต้องรู้สึกถึงหนังที่เล่นในหัวเราเลย
-
2:06 - 2:09ตอนนี้ ไม่มีใครที่รู้คำตอบ
-
2:09 - 2:11ของคำถามพวกนี้เลย
-
2:11 - 2:14ผมอยากแนะนำว่า การที่จะรวบรวมสติสัมปชัญญะ
-
2:14 - 2:19ให้เป็นวิทยาศาสตร์นั้น
เราอาจต้องใช้ความคิดที่สุดขั้ว -
2:19 - 2:22บางคนบอกว่า วิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะนั้น
-
2:22 - 2:24เป็นไปไม่ได้
-
2:24 - 2:28วิทยาศาสตร์ ตามหลักของมันแล้ว เป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือรูปธรรม
-
2:28 - 2:31สติสัมปชัญญะ ตามหลักของมัน
เป็นแค่ความคิดหรือนามธรรม -
2:31 - 2:36ดังนั้นวิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะนั้น
คงไม่มีทางเกิดขึ้น -
2:36 - 2:39ความคิดนี้มีอิทธิพลอย่างมากในศตวรรษที่ 20
-
2:39 - 2:43นักจิตวิทยาศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมอย่างเป็นรูปธรรม
-
2:43 - 2:47นักประสาทวิทยาศึกษาสมองแบบรูปธรรม
-
2:47 - 2:50และไม่มีใครที่กล่าวถึงสติสัมปชัญญะเลย
-
2:50 - 2:53แม้แต่ 30 ที่แล้ว ตอนที่ TED เพิ่งเริ่ม
-
2:53 - 2:55ก็ยังมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์น้อยมาก
-
2:55 - 2:58เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ
-
2:58 - 3:00ตอนนี้ ประมาณยี่สิบปีที่แล้ว
-
3:00 - 3:03ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป
-
3:03 - 3:05นักประสาทวิทยาอย่าง ฟรานซิส คริก
-
3:05 - 3:08และนักฟิสิกส์อย่าง โรเจอร์ เพนโรส
-
3:08 - 3:10ได้กล่าวว่า ตอนนี้ ถึงเวลาของวิทยาศาสตร์
-
3:10 - 3:13ที่จะเข้าสู่พรมแดนของสติสัมปชัญญะ
-
3:13 - 3:15จากนั้นเป็นต้นมา เหมือนกับการระเบิดออก
-
3:15 - 3:18ของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
-
3:18 - 3:19ที่เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ
-
3:19 - 3:21และงานนี้ก็ยอดเยี่ยมมากด้วยครับ
-
3:21 - 3:23แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดพื้นฐาน
-
3:23 - 3:27อยู่บ้าง
-
3:27 - 3:29จุดกึ่งกลาง
-
3:29 - 3:31ของวิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะในไม่กี่ปีมานี้
-
3:31 - 3:34คือการหาความสัมพันธ์
-
3:34 - 3:37ระหว่างพื้นที่ของสมองแบบเจาะจง
-
3:37 - 3:41เทียบกับระดับของสติสัมปชัญญะ
-
3:41 - 3:42เราได้เห็นงานบางชิ้น
-
3:42 - 3:44จากแนนซี่ คานวิชเชอร์
ที่สุดแสนวิเศษ -
3:44 - 3:47และเธอได้นำเสนอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
-
3:47 - 3:51ตอนนี้เราได้เข้าใจมากขึ้นครับ อย่างเช่นว่า
-
3:51 - 3:53พื้นที่บางส่วนของสมองนั้น
-
3:53 - 3:56มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดสติรับรู้
เวลาที่เราเห็นใบหน้าคน -
3:56 - 4:00หรือรับรู้ความเจ็บปวด
-
4:00 - 4:02หรือรู้สึกถึงความสุข
-
4:02 - 4:05แต่มันยังคงเกี่ยวกับความสัมพันธ์
-
4:05 - 4:08ไม่ใช่การอธิบายการเกิดโดยตรง
-
4:08 - 4:11เราแค่รู้ว่าพื้นที่ในสมอง
-
4:11 - 4:15มีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีสติ
รับรู้ประสบการณ์บางอย่าง -
4:15 - 4:18แต่เรายังไม่ทราบว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
-
4:18 - 4:21ผมชอบที่จะอธิบายมันอย่างนี้ครับ
-
4:21 - 4:24งานพวกนี้จากนักประสาทวิทยา
-
4:24 - 4:26สามารถตอบได้แค่บางคำถาม
-
4:26 - 4:28ที่เราต้องการคำตอบเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ
-
4:28 - 4:32คำถามพวกที่ว่า
พื้นที่สมองส่วนนี้ทำหน้าที่อะไรนั้น -
4:32 - 4:34และอะไรที่มันมีความสัมพันธ์ด้วย
-
4:34 - 4:37แต่ที่แน่ๆ พวกนั้นเป็นปัญหาง่ายๆ
-
4:37 - 4:39ไม่ต้องถามนักประสาทวิทยาก็ได้ครับ
-
4:39 - 4:42มันไม่มีอะไรง่าย
เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะหรอกครับ -
4:42 - 4:46แต่มันก็ไม่ได้กล่าวถึงความลึกลับที่แท้จริง
-
4:46 - 4:48ที่ใจความของเรื่องนี้
-
4:48 - 4:53ทำไมกระบวนการทางกายภาพต่าง ๆ ในสมอง
-
4:53 - 4:56นั้นควรจะเกิดขึ้นร่วมกับสติสัมปชัญญะด้วย?
-
4:56 - 4:59ทำไมต้องมีหนังฉายอยู่ในหัวเราด้วย?
-
4:59 - 5:02ตอนนี้ เรายังไม่มีคำตอบครับ
-
5:02 - 5:04และคุณอาจจะบอกว่า
-
5:04 - 5:08ให้เวลาแก่นักประสาทวิทยาสักสองสามปี
-
5:08 - 5:11มันจะเกิดเป็นอีกปรากฏการณ์
-
5:11 - 5:16เหมือนรถติด เหมือนพายุเฮอริเคน
-
5:16 - 5:19เหมือนกับชีวิต แล้วเราจะคิดมันออกเอง
-
5:19 - 5:21พวกกรณีดั้งเดิมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
-
5:21 - 5:24เกิดจากพฤติกรรมทั้งนั้น
-
5:24 - 5:27รถนั้นติดได้อย่างไร
-
5:27 - 5:28พายุเฮอริเคนทำงานอย่างไร
-
5:28 - 5:30สิ่งมีชีวิตขยายพันธ์ุได้อย่างไร
-
5:30 - 5:34และปรับตัวและเผาผลาญอาหารอย่างไร
-
5:34 - 5:36พวกคำถามเกี่ยวกับการทำงานต่างๆน่ะครับ
-
5:36 - 5:39คุณสามารถนำไปใช้กับสมองของมนุษย์
-
5:39 - 5:41โดยอธิบายถึงพฤติกรรม
-
5:41 - 5:43และระบบของสมองมนุษย์บางอย่าง
-
5:43 - 5:44ว่าเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง
-
5:44 - 5:48การเดินของเรา การพูดของเรา การเล่นหมากรุก
-
5:48 - 5:50พวกคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ
-
5:50 - 5:52แต่เวลาที่มันจะต้องมาเกี่ยวพันกับสติสัมปชัญญะ
-
5:52 - 5:54พวกคำถามเรื่องพฤติกรรม
-
5:54 - 5:57กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย
-
5:57 - 5:59เรื่องที่ยากกว่านั้นก็คือ
-
5:59 - 6:01คำถามที่ว่า
-
6:01 - 6:03ทำไมทุกพฤติกรรม
-
6:03 - 6:06ถึงเกิดพร้อมกับประสบการณ์แบบนามธรรม
-
6:06 - 6:08และทีนี้ แบบจำลองมาตรฐาน
-
6:08 - 6:09ของสิ่งที่เกิดขึ้น
-
6:09 - 6:12ไม่ว่าจะเป็นทางประสาทวิทยา
-
6:12 - 6:17ไม่ได้บอกอะไรเรามากขนาดนั้นเลยครับ
-
6:17 - 6:20ผมเป็นพวกที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์
เป็นชีวิตจิตใจ -
6:20 - 6:24ผมจึงอยากจะให้มันมีทฤษฎีของสติสัมปชัญญะ
-
6:24 - 6:27ที่ใช้งานได้
-
6:27 - 6:29เป็นช่วงเวลานานมาแล้ว
-
6:29 - 6:31ที่ผมอยากให้มันเกิดขึ้น
-
6:31 - 6:33ผมพยายามหาทฤษฎีที่ว่ามาตลอด
-
6:33 - 6:35ในรูปแบบที่จับต้องได้
-
6:35 - 6:36ที่ใช้การได้
-
6:36 - 6:38แต่ผมก็ได้บทสรุปที่ว่า
-
6:38 - 6:42มันยังใช้ไม่ได้ ด้วยเหตุผลบางประการ
-
6:42 - 6:44เรื่องมันยาวครับ
-
6:44 - 6:46แต่ที่แน่ ๆ แก่นของความคิดนี้ก็คือ
สิ่งที่คุณได้ -
6:46 - 6:49จากการหาคำวิเคราะห์และอธิบาย
-
6:49 - 6:51ที่เป็นรูปเป็นร่าง ในเชิงของสมอง
-
6:51 - 6:54คือเรื่องเกี่ยวกับระบบการทำงาน
-
6:54 - 6:56โครงสร้าง การเคลื่อนที่
-
6:56 - 6:58พฤติกรรมที่มันสร้างขึ้น
-
6:58 - 7:00การแก้ไขปัญหาที่ง่าย ๆ
-
7:00 - 7:02อย่างเช่น เราปฏิบัติตัวได้อย่างไร ระบบทำงานอยางไร
-
7:02 - 7:06แต่พอมันเป็นเรื่องของประสบการณ์เรานั้น
-
7:06 - 7:09อย่างเช่น ภายในใจเรารู้สึกเช่นไร
-
7:09 - 7:11มันกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่เลยครับ
-
7:11 - 7:15และมันยังมีคำถามหลังจากนั้นอีกมากมาย
-
7:15 - 7:21ดังนั้น ผมจึงคิดว่า เราถึงทางตันซะแล้วครับ
-
7:21 - 7:24เรามีคำอธิบายที่ดีมาก
-
7:24 - 7:27และเราก็คุ้นเคยกับมัน
เรามักจะใช้กฎทางฟิสิกส์ไปอธิบายเคมี -
7:27 - 7:31กฎทางเคมีไปอธิบายชีววิทยา
-
7:31 - 7:35ชีววิทยาไปอธิบายจิตวิทยาบางส่วน
-
7:35 - 7:36แต่ทว่า สติสัมปชัญญะนั้น
-
7:36 - 7:39ไม่สามารถใช้หลักการแบบนี้อธิบายได้
-
7:39 - 7:41เพราะข้อมูลต่างๆ
-
7:41 - 7:43ที่เรารับรู้
-
7:43 - 7:44และเพราะ เราไม่รู้ว่า
-
7:44 - 7:48เราจะปรับข้อมูลเหล่านั้นให้สามารถอธิบายในแบบวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร
-
7:48 - 7:50ผมจึงคิดว่า สติสัมปชัญญะ ที่เรารู้ในตอนนี้
-
7:50 - 7:52เป็นเรื่องที่ประหลาด
-
7:52 - 7:54ที่เราจำเป็นต้องผสมเข้ากับ
-
7:54 - 7:58มุมมองของเราที่มีต่อโลก
แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร -
7:58 - 8:00การเผชิญกับสิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้
-
8:00 - 8:03เราอาจต้องการความคิดที่สุดโต่ง
-
8:03 - 8:06และผมคิดว่า
เราอาจจะต้องการหนึ่งหรือสองความคิด -
8:06 - 8:09ที่ตอนแรกอาจจะดูเหมือนบ้า
-
8:09 - 8:12ก่อนที่เราจะสามารถสรุป
เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะได้ -
8:12 - 8:14อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
-
8:14 - 8:15ในตอนนี้ ก็มีความคิดที่บ้าๆ
-
8:15 - 8:18ที่เราคิดว่ามันอาจจะเป็นความคิดที่เราตามหากันอยู่บ้างแล้วล่ะครับ
-
8:18 - 8:22เพื่อนของผม แดน เดนเนท ที่อยู่กับเราวันนี้ด้วย
ก็มีความคิดแบบนั้นอยู่ -
8:22 - 8:25ความคิดบ้าๆของเขาคือ ไม่มีอะไรที่ยาก
-
8:25 - 8:26เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ
-
8:26 - 8:30ความคิดทั้งหมดที่เกี่ยวกับหนัง
ที่เล่นอยู่ในหัวของเรานั้น -
8:30 - 8:34มันเกี่ยวกับภาพลวงตาหรือความสับสน
-
8:34 - 8:36จริงๆแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือ อธิบาย
-
8:36 - 8:39ระบบที่เป็นรูปธรรม พฤติกรรมของสมอง
-
8:39 - 8:41แล้วเราจะสามารถอธิบายสิ่งอื่นๆ
-
8:41 - 8:44ที่ต้องการคำอธิบายได้ครับ
-
8:44 - 8:46ผมบอกว่า มันน่าจะเป็นไปได้นะครับ
-
8:46 - 8:48มันเป็นความคิดสุดโต่งที่เรา
-
8:48 - 8:50ควรจะศึกษาให้มากขึ้น
-
8:50 - 8:53หากคุณต้องการทฤษฎีวิเคราะห์
-
8:53 - 8:56สติสัมปชัญญะที่มาจากสมองแบบล้วนๆ
-
8:56 - 8:58ในเวลาเดียวกัน สำหรับผมและหลายๆคน
-
8:58 - 9:00มุมมองนี้อาจจะดูง่ายไปหน่อย
-
9:00 - 9:02ที่ว่าการปฏิเสธข้อมูลต่าง ๆ
ของสติสัมปชัญญะ -
9:02 - 9:04เพื่อที่จะพอรับได้
-
9:04 - 9:07ฉะนั้น ผมจึงไปในทิศทางตรงกันข้าม
-
9:07 - 9:08ในเวลาที่เหลือ
-
9:08 - 9:11ผมอยากจะค้นพบความคิดบ้า ๆ อีกสองความคิด
-
9:11 - 9:15ที่ผมค่อนข้างสนใจ
-
9:15 - 9:16ความคิดแรกคือ
-
9:16 - 9:21สติสัมปชัญญะเป็นสิ่งพื้นฐาน
-
9:21 - 9:24นักฟิสิกส์บางครั้งมองจักรวาลว่า
-
9:24 - 9:26เป็นตัวต่อพื้นฐานต่าง ๆ
-
9:26 - 9:30ที่ว่าง เวลา และมวล
-
9:30 - 9:33พวกเขาตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับกฎพื้นฐาน
ที่ครอบมันอยู่ -
9:33 - 9:37อย่างเช่นกฎของแรงดึงดูด
หรือกลศาสตร์ควอนตัม -
9:37 - 9:39คุณสมบัติและกฎพื้นฐานหล่านี้
-
9:39 - 9:43ไม่ได้รับการอธิบายอย่างง่าย ๆ
-
9:43 - 9:45แต่ทว่า มันกลับกลายเป็นสิ่งพื้นฐาน
-
9:45 - 9:49และคุณก็ต่อยอดทุกอย่างจากกฏเหล่านั้น
-
9:49 - 9:54บางที รายการของหลักพื้นฐานต่างๆ กำลังเพิ่มขึ้น
-
9:54 - 9:56ในศตวรรศที่ 19 แม็กซ์เวลล์ค้นพบว่า
-
9:56 - 10:00เราไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์แม่เหล็กไฟฟ้า
-
10:00 - 10:02โดยใช้หลักการต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วได้
-
10:02 - 10:05พื้นที่ เวลา มวล กฏของนิวตัน
-
10:05 - 10:08ฉะนั้น เขาจึงตั้งสมมติฐาน
-
10:08 - 10:09เกี่ยวกับแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นมาเอง
-
10:09 - 10:12รวมไปถึงสมมติฐานประจุไฟฟ้า
-
10:12 - 10:14และใช้เป็นกฎพื้นฐาน
-
10:14 - 10:16ที่กฎอื่น ๆ นั้นครอบคลุมอยู่
-
10:16 - 10:20ผมคิดว่ามันเป็นสถานการณ์ที่เราเป็นกันอยู่
-
10:20 - 10:21ในเรื่องของสติสัมปชัญญะ
-
10:21 - 10:24ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายสติสัมปชัญญะ
-
10:24 - 10:26โดยใช้ทฤษฎีที่มีอยู่
-
10:26 - 10:29เกี่ยวกับพื้นที่ เวลา มวล และประจุไฟฟ้า
-
10:29 - 10:32และตามตรรกะ คุณจำเป็นที่จะต้องขยายมันออกไป
-
10:32 - 10:35โดยธรรมชาติ คุณจะต้องตั้งสมมติฐาน
-
10:35 - 10:38ว่าสติสัมปชัญญะนั้นคือพื้นฐานอย่างหนึ่ง
-
10:38 - 10:41พื้นฐานที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
-
10:41 - 10:44แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณใช้วิทยาศาสตร์เข้าช่วยไม่ได้นะครับ
-
10:44 - 10:48มันแค่เปิดทางให้คุณได้ใช้วิทยาศาสตร์นั่นเอง
-
10:48 - 10:50แล้วสิ่งที่เราควรศึกษาต่อไปนั้นก็คือ
-
10:50 - 10:53กฎพื้นฐานที่ครอบคลุมเรื่องสติสัมปชัญญะ
-
10:53 - 10:55กฎที่เชื่อมโยงสติสัมปชัญญะ
-
10:55 - 10:58เข้ากับหลักอื่นๆได้แก่ พื้นที่ เวลา มวล
-
10:58 - 11:01กระบวนการทางกายภาพต่างๆ
-
11:01 - 11:03บางครั้ง นักฟิสิกส์บอกว่า
-
11:03 - 11:06เราอยากให้มีกฎพื้นฐานที่ง่าย ๆ
-
11:06 - 11:10ที่เราจะสามารถสกรีนลงบนเสื้อได้
-
11:10 - 11:11ผมคิดว่า แบบนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ
-
11:11 - 11:13ที่เรากำลังเผชิญอยู่
-
11:13 - 11:16เราอยากให้กฎที่ตั้งขึ้นนั้นง่าย
-
11:16 - 11:18ที่เราจะสามารถสกรีนลงบนเสื้อได้เลย
-
11:18 - 11:20เรายังไม่รู้ว่ากฎเหล่านั้นคืออะไร
-
11:20 - 11:24แต่มันเป็นสิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่ครับ
-
11:24 - 11:26ความที่บ้า ๆ เรื่องที่สองครับ
-
11:26 - 11:29คือ สติสัมปชัญญะอาจเป็นเรื่องที่เกิดทุกที่
-
11:29 - 11:33ทุก ๆ ระบบอาจจะมีระดับของ
-
11:33 - 11:36สติสัมปชัญญะของมันเอง
-
11:36 - 11:39แนวคิดนี่เรียกว่าจิตครอบคลุม (panpsychism) ครับ
-
11:39 - 11:42ครอบคลุมไปทั้งหมด
-
11:42 - 11:44ทุก ๆ ระบบนั้นมีสติของมันเอง
-
11:44 - 11:48ไม่ใช่แค่มนุษย์ สุนัข หนู แมลงวัน
-
11:48 - 11:51แม้แต่จุลินทรีย์ของร็อบ ไนท์
-
11:51 - 11:53สสารเล็ก ๆ
-
11:53 - 11:56แม้แต่โฟตอนก็มีสติของมัน
-
11:56 - 11:59แต่ไม่ได้หมายความว่าโฟตอนนั้นอัจฉริยะ
-
11:59 - 12:01หรือคิดเป็นนะครับ
-
12:01 - 12:02โฟตอนไม่ได้
-
12:02 - 12:03รู้สึกทุกข์ได้
-
12:03 - 12:07เพราะมันคิดว่า
"โอ้ ชั้นต้องโคจรใกล้ๆความเร็วแสงตลอดเลย -
12:07 - 12:10ชั้นไม่เคยวิ่งช้าลงแล้วเชยชมกลิ่นกุหลาบเลย"
-
12:10 - 12:12ไม่ใช่อย่างนั้นครับ
-
12:12 - 12:15แต่เป็นความคิดที่ว่า บางทีโฟตอนอาจจะมี
-
12:15 - 12:18ความดิบ ความรู้สึก
-
12:18 - 12:22หรือสติสัมปชัญญะบ้าง
-
12:22 - 12:25มันอาจจะฟังดูเหมือนบ้านะครับ
-
12:25 - 12:27หมายถึง ทำไมคนเรา
ถึงคิดอะไรได้บ้ามากขนาดนี้? -
12:27 - 12:31แรงจูงใจบางอย่างก็มาจาก
ไอเดียบ้า ๆ แบบนี้ล่ะครับ -
12:31 - 12:33ว่าสติสัมปชัญญะเป็นสิ่งพื้นฐาน
-
12:33 - 12:37และถ้ามันเป็นสิ่งพื้นฐาน เหมือนกับพื้นที่ เวลา และมวล
-
12:37 - 12:40ก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่
เราจะคิดว่าสติสัมปชัญญะนั้นสากล -
12:40 - 12:42เหมือนกับสิ่งอื่น ๆ
-
12:42 - 12:44และมันก็ไม่มีค่าพอ แม้ว่าความคิดนี้
-
12:44 - 12:46อาจจะขัดกับสิ่งที่เราคิดไปบ้าง
-
12:46 - 12:49แต่มันอาจจะเข้ากับคน
-
12:49 - 12:50ที่มาจากวัฒนธรรมอื่นเช่นกันนะครับ
-
12:50 - 12:52จิตใจของมนุษย์นั้น เหมือนจะ
-
12:52 - 12:55ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ
-
12:55 - 12:59แรงจูงใจที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น มาจากความคิดที่ว่า
-
12:59 - 13:01บางทีเรื่องที่ง่ายและมีพลังมากที่สุด
-
13:01 - 13:03ที่จะหาหลักพื้นฐานที่เชื่อมโยงสติสัมปชัญญะ
-
13:03 - 13:05กับกระบวนการทางกายภาพ
-
13:05 - 13:08นั้น คือการเชื่อมโยงสติสัมปชัญญะเข้ากับข้อมูล
-
13:08 - 13:10ที่ซึ่งข้อมูลกำลังถูกประมวล
-
13:10 - 13:11ที่นั้นจะมีสติสัมปชัญญะ
-
13:11 - 13:14ข้อมูลที่ซับซ้อนกำลังถูกจัดการ
เช่น ในมนุษย์ -
13:14 - 13:15สติสัมปชัญญะอันซับซ้อนก็เช่นเดียวกัน
-
13:15 - 13:17ข้อมูลที่ง่ายในการประมวล
-
13:17 - 13:19สติสัมปชัญญะง่าย ๆ ก็เช่นกัน
-
13:19 - 13:22สิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่กี่ปีมานี้
-
13:22 - 13:25นักประสาทวิทยา จูลิโอ โทโนนี
-
13:25 - 13:26ได้ตั้งทฤษฏีลักษณะนี้ขึ้นมา
-
13:26 - 13:28และพัฒนาต่อยอดอย่างกว้างขวาง
-
13:28 - 13:30ด้วยทฤษฎีของคณิตศาสตร์
-
13:30 - 13:32เขาได้คำนวณ
-
13:32 - 13:33ข้อมูลที่ผสมผสานกัน
-
13:33 - 13:35ที่เขาเรียกมันว่า "ฟาย" (phi)
-
13:35 - 13:37ที่ใช้วัดจำนวนข้อมูล
-
13:37 - 13:38ที่ผสมผสานอยู่ในระบบ
-
13:38 - 13:41เขาเชื่อว่าฟายนั้นใช้ได้กับ
-
13:41 - 13:42สติสัมปชัญญะ
-
13:42 - 13:44ดังนั้น ในสมองของมนุษย์
-
13:44 - 13:46ที่รวบรวมข้อมูลมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ
-
13:46 - 13:48มีฟายอยู่มากมาย
-
13:48 - 13:50และมีสติสัมปชัญญะมากมายด้วยเช่นกัน
-
13:50 - 13:53ในหนู ข้อมูลที่มีอยู่ในสมองนั้น
-
13:53 - 13:54ก็ยังถือว่ามีอยู่พอสมควร
-
13:54 - 13:56เช่นเดียวกับปริมาณสติสัมปชัญญะ
-
13:56 - 13:59แต่ถ้าคุณมองต่อไปถึงตัวหนอน
-
13:59 - 14:02จุลินทรีย์ อนุภาค
-
14:02 - 14:04ขนาดของฟายจะลดลง
-
14:04 - 14:06เพราะขนาดของข้อมูลนั้นลดลง
-
14:06 - 14:08แต่ไม่ถึงกับเป็นศูนย์นะครับ
-
14:08 - 14:10ทฤษฎีของโทโนนิ
-
14:10 - 14:12สติสัมปชัญญะ
-
14:12 - 14:14จะไม่เป็นศูนย์เลย
-
14:14 - 14:16ผลคือ เขาเสนอกฎพื้นฐาน
-
14:16 - 14:19ของสติสัมปชัญญะว่า
ฟายสูง เท่ากับ สติสัมปชัญญะมาก -
14:19 - 14:22ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าทฤษฎีนี้ถูกต้องหรือไม่
-
14:22 - 14:25แต่จริง ๆ แล้ว มันอาจจะเป็นทฤษฎี
มีบทบาทนำอยู่ในขณะนี้ -
14:25 - 14:27ในเชิงวิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะ
-
14:27 - 14:29และมันก็ถูกใช้เพื่อรวบรวม
-
14:29 - 14:31ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในหลาย ๆ รูปแบบ
-
14:31 - 14:34และมันยังมีคุณสมบัติที่ดี คือมันง่ายพอ
-
14:34 - 14:37ที่จะสามารถสกรีนลงบนเสื้อยืดของคุณได้
-
14:37 - 14:40และแรงจูงใจสุดท้ายก็คือ
-
14:40 - 14:42ทฤษฎีจิตครอบคลุมอาจจะช่วยให้เราผสาน
-
14:42 - 14:45สติสัมปชัญญะให้เข้ากับโลกกายภาพได้
-
14:45 - 14:48นักฟิสิกส์และนักปรัชญามักจะสังเกต
-
14:48 - 14:51ว่าฟิสิกส์นั้นเป็นเรื่องของนามธรรม
-
14:51 - 14:53มันอธิบายโครงสร้างของความเป็นจริง
-
14:53 - 14:55โดยใช้สมการมากมาย
-
14:55 - 14:58แต่มันไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับความเป็นจริง
-
14:58 - 14:59ที่เป็นจุดตั้งต้นของสิ่งเหล่านั้น
-
14:59 - 15:01ดั่งที่สตีเฟน ฮอว์กินได้กล่าวไว้ว่า
-
15:01 - 15:05สิ่งใดที่เติมไฟเข้าไปในสมการ?
-
15:05 - 15:08ในมุมมองของนักทฤษฎีจิตครอบคลุม
-
15:08 - 15:11คุณสามารถปล่อยสมการของฟิสิกส์ให้เป็นไปเช่นนั้น
-
15:11 - 15:12แต่คุณไม่สามารถนำสมการนั้นไปอธิบาย
-
15:12 - 15:14เกี่ยวกับความต่อเนื่องของสติสัมปชัญญะได้
-
15:14 - 15:16นั่นคือสิ่งที่ฟิสิกส์ทำได้ดีที่สุดแล้ว
-
15:16 - 15:18เมื่อมันต้องอธิบายความต่อเนื่องของสติสัมปชัญญะ
-
15:18 - 15:20ในมุมมองนี้ สติสัมปชัญญะคือตัวที่
-
15:20 - 15:24นำไฟไปใส่ในสมการ
-
15:24 - 15:26มุมมองนี้สติสัมปชัญญะไม่ได้มีความหละหลวม
-
15:26 - 15:27ในโลกที่จับต้องได้
-
15:27 - 15:29เหมือนกับว่าเป็นแค่ตัวเสริมเท่านั้น
-
15:29 - 15:32จริง ๆ แล้วมันเป็นใจความเลยก็ว่าได้
-
15:32 - 15:35มุมมองนี้ ในมุมของนักทฤษฎีจิตครอบคลุม
ผมคิดว่า -
15:35 - 15:38มันมีศักยภาพมากพอที่จะไขความสัมพันธ์ของเรา
-
15:38 - 15:40กับธรรมชาติได้
-
15:40 - 15:42และมันอาจจะส่งผลกระทบด้านสังคม
-
15:42 - 15:46และศีลธรรม
-
15:46 - 15:48ซึ่งบางที ผลนั้นมันอาจจะธรรมดามาก
-
15:48 - 15:51ผมเคยคิดว่าผมไม่ควรกินอะไรเลย
-
15:51 - 15:54นั่นคือสติครับ
-
15:54 - 15:56ดังนั้น ผมจึงควรเป็นมังสวิรัติ
-
15:56 - 15:59ถ้าหากคุณเป็นนักทฤษฎีจิตครอบคลุม และมองจากมุมนั้น
-
15:59 - 16:02คุณจะหิวมาก
-
16:02 - 16:03ดังนั้น ผมคิดว่าเวลาที่คุณคิดถึงมัน
-
16:03 - 16:05มันมีแนวโน้วที่จะเปลี่ยนแนวคิดของคุณ
-
16:05 - 16:07จากอะไรก็ตามที่สำคัญตามหลักของจรรยาบรรณ
-
16:07 - 16:08และศีลธรรม
-
16:08 - 16:12ไม่ค่อยเกี่ยวข้องมากนักกับข้อเท็จจริงของสติสัมปชัญญะ
-
16:12 - 16:16แต่เกี่ยวมากกว่าในเรื่องของระดับและความซับซ้อนของสติ
-
16:16 - 16:17มันเป็นเรื่องธรรมชาติเช่นกันที่จะถามถึงสติสัมปชัญญะ
-
16:17 - 16:20ในระบบอื่นๆ อย่างเช่นความพิวเตอร์
-
16:20 - 16:22เรื่องของระบบอัจฉริยะภาพที่ถูกสร้างขึ้นในคอมพิวเตอร์
-
16:22 - 16:26อย่างในเรื่อง"Her" ซาแมนธา?
-
16:26 - 16:27เธอมีสติหรือไม่
-
16:27 - 16:29ครับ ถ้าคุณดูจากข้อมูล
-
16:29 - 16:30มองแบบนักทฤษฎีจิตครองคลุม
-
16:30 - 16:33เธอมีการดำเนินการข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด
-
16:33 - 16:35รวมไปถึงการเรียบเรียง
-
16:35 - 16:37ดังนั้น คำตอบนั้นมีแนวโน้มมากว่าเธอจะมีสติครับ
-
16:37 - 16:40และถ้ามันถูกต้อง มันจะทำให้เกิด
-
16:40 - 16:43เรื่องเกี่ยวกับจรรยาบรรณเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง
-
16:43 - 16:46ในเรื่องของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ
-
16:46 - 16:49และเรื่องของการหยุดยั้งมัน
-
16:49 - 16:51ท้ายที่สุด คุณอาจจะถามเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ
-
16:51 - 16:53ของทั้งกลุ่ม
-
16:53 - 16:55ของดาวทั้งดวงนี้
-
16:55 - 16:58ประเทศแคนาดามีสติหรือไม่
-
16:58 - 17:00หรือย่อยลงมาหน่อย
-
17:00 - 17:01กลุ่มที่มีการผสมผสานกัน
-
17:01 - 17:04อย่างผู้ชมของTED
-
17:04 - 17:07มีสติร่วมกันกับTEDหรือไม่
-
17:07 - 17:09และหนังภายในใจเรา
-
17:09 - 17:11สำหรับกลุ่มผู้ชมกลุ่มนี้ล่ะ
-
17:11 - 17:13ที่แตกต่างกัน
-
17:13 - 17:14สำหรับแต่ละคน
-
17:14 - 17:16ผมก็ไม่ทราบคำตอบนั้นหรอกครับ
-
17:16 - 17:18แต่ผมคิดว่า อย่างน้อย
-
17:18 - 17:20มันก็คุ้มค่าที่จะคิดนะครับ
-
17:20 - 17:22โอเคครับ นี่คือมุมมองของนักทฤษฎีจิตครอบคลุม
-
17:22 - 17:24ซึ่งค่อนข้างสุดโต่ง
-
17:24 - 17:26และผมไม่ทราบว่ามันถูกต้องไหม
-
17:26 - 17:28จริงๆแล้วผมค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับ
-
17:28 - 17:30ไอเดียบ้า ๆ อันแรกนะครับ
-
17:30 - 17:32ที่ว่าสติสัมปชัญญะเป็นเรื่องพื้นฐาน
-
17:32 - 17:34มากกว่าไอเดียที่สองนะครับ
-
17:34 - 17:36ที่ว่าสติสัมปชัญญะเป็นสากล
-
17:36 - 17:38ผมหมายถึง มุมมองนี้ทำให้เกิดคำถามมากมาย
-
17:38 - 17:40ความท้าทายมากมาย
-
17:40 - 17:41เหมือนกับเวลาที่เราทำอะไร
-
17:41 - 17:43แล้วมีสติมากขึ้น
-
17:43 - 17:45เวลาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
-
17:45 - 17:47ทั้งในแบบที่เรารู้และรัก
-
17:47 - 17:49ถ้าเราสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้
-
17:49 - 17:50ผมคิดว่าเราจะดีขึ้นครับ
-
17:50 - 17:54ในเรื่องของทฤษฎีของสติสัมปชัญญะ
-
17:54 - 17:57ถ้าไม่ ผมคิดว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด
-
17:57 - 17:59ในหมวดวิทยาศาสตร์และปรัชญา
-
17:59 - 18:02เราไม่สามารถคาดหวังที่จะแก้ปัญหานี้ภายในข้ามคืน
-
18:02 - 18:06แต่ผมคิดว่าในที่สุดเราคงจะไขมันออกล่ะครับ
-
18:06 - 18:09การเข้าใจสติสัมปชัญญะคือกุญแจที่สำคัญที่สุด ผมว่างั้นนะครับ
-
18:09 - 18:11เพื่อเข้าใจจักรวาล
-
18:11 - 18:14และเพื่อเข้าใจพวกเราเอง
-
18:14 - 18:17อาจแค่ต้องเลือกความคิดบ้า ๆ
ให้ถูกเท่านั้นแหละครับ -
18:17 - 18:19ขอบคุณครับ
-
18:19 - 18:20(ปรบมือ)
- Title:
- คุณจะอธิบายสติสัมปชัญญะอย่างไร?
- Speaker:
- เดวิด คาร์ลเมอร์
- Description:
-
สติสัมปชัญญะของเราเป็นเรื่องพื้นฐานของการมีชีวิตอยู่ นักปรัชญา เดวิด คาร์ลเมอร์: "ไม่มีอะไรที่เราทราบอย่างตรงๆ แต่ในเวลาเดียวกันมันเป็นเรื่องที่ลึกลับที่สุดในจักรวาล" เดวิดได้แบ่งปันวิธีการคิดบางอย่างเกี่ยวกับหนังที่เล่นอยู่ในหัวของเรา
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 18:37
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for How do you explain consciousness? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for How do you explain consciousness? | ||
Suppadej Mahapokai accepted Thai subtitles for How do you explain consciousness? | ||
Suppadej Mahapokai edited Thai subtitles for How do you explain consciousness? | ||
Suppadej Mahapokai edited Thai subtitles for How do you explain consciousness? | ||
Suppadej Mahapokai edited Thai subtitles for How do you explain consciousness? | ||
Suppadej Mahapokai edited Thai subtitles for How do you explain consciousness? | ||
Sakunphat Jirawuthitanant edited Thai subtitles for How do you explain consciousness? |