0:00:00.774,0:00:02.515 ตอนนี้ 0:00:02.515,0:00:05.989 คุณมีหนังที่กำลังฉายอยู่ในหัวของคุณ 0:00:05.989,0:00:08.516 มันเป็นหนังที่มีหลายบทบาทซ้อนกัน 0:00:08.516,0:00:11.840 เป็นหนังสามมิติ และมีเสียงรอบทิศทาง 0:00:11.840,0:00:14.476 สำหรับสิ่งที่คุณกำลังดูและฟังอยู่ตอนนี้ 0:00:14.476,0:00:16.795 แต่มันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นแหละ 0:00:16.795,0:00:21.978 หนังของคุณมีทั้งกลิ่น รสชาติและสัมผัสได้ 0:00:21.978,0:00:24.530 มันรับรู้ได้โดยร่างกายคุณ 0:00:24.530,0:00:28.849 ความเจ็บปวด ความหิวกระหาย จุดสุดยอด 0:00:28.849,0:00:30.890 มีอารมณ์ต่างๆ 0:00:30.890,0:00:34.426 ความโกรธและความสุข 0:00:34.426,0:00:38.220 มันมีความทรงจำ เหมือนกับฉากในวัยเด็กของคุณ 0:00:38.220,0:00:40.920 เล่นอยู่ในหัวของคุณ 0:00:40.920,0:00:45.375 และมันยังมีเสียงพากย์ 0:00:45.375,0:00:49.751 ในความคิดของคุณตลอดด้วยครับ 0:00:49.751,0:00:54.824 หัวใจของหนังเรื่องนี้คือคุณ 0:00:54.824,0:00:59.189 คุณกำลังเผชิญหน้ากับมันโดยตรง 0:00:59.189,0:01:04.881 หนังเรื่องนี้คือกระแสสติสัมปชัญญะ[br]ของคุณครับ 0:01:04.881,0:01:06.188 เป็นประสบการณ์ 0:01:06.188,0:01:11.326 ของจิตและโลกใบนี้ 0:01:11.326,0:01:13.631 สติสัมปชัญญะเป็นหนึ่งในข้อเท็จจริงพื้นฐาน 0:01:13.631,0:01:15.648 ของเผ่าพันธ์ุมนุษย์ 0:01:15.648,0:01:18.580 เราแต่ละคนนั้นมีสติ 0:01:18.580,0:01:21.309 เราทุกคนมีหนังของเราเองทั้งนั้น 0:01:21.309,0:01:24.040 คุณ คุณ และคุณ 0:01:24.040,0:01:27.760 แต่ไม่มีอะไรที่เรารู้โดยตรงไปมากกว่านั้น 0:01:27.760,0:01:31.232 อย่างน้อย ผมก็รู้ถึงสติสัมปชัญญะโดยตรง 0:01:31.232,0:01:35.230 แต่ผมไม่สามารถบอกได้ว่าพวกคุณกำลังมีสติอยู่ 0:01:35.230,0:01:38.658 สติสัมปชัญญะนั้นยังเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเรา[br]คุ้มค่าที่จะดำรงอยู่ 0:01:38.658,0:01:42.358 ถ้าเราไม่มีสติ จะไม่มีสิ่งใดในชีวิตเรา 0:01:42.358,0:01:45.723 ที่มีความหมายหรือมีค่า 0:01:45.723,0:01:46.889 แต่ในเวลาเดียวกันนั้น 0:01:46.889,0:01:51.059 มันก็ยังเป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดในจักรวาล 0:01:51.059,0:01:54.432 ทำไมเราถึงมีสติ? 0:01:54.432,0:01:55.973 ทำไมเราถึงมีหนังพวกนี้ฉายในหัว 0:01:55.973,0:01:58.226 ทำไมเราไม่ได้เป็นแค่หุ่นยนต์ 0:01:58.226,0:02:00.469 ที่รับข้อมูลเข้ามา 0:02:00.469,0:02:02.486 แล้วผลิตข้อมูลส่งออกไป 0:02:02.486,0:02:06.341 โดยที่ไม่ต้องรู้สึกถึงหนังที่เล่นในหัวเราเลย 0:02:06.341,0:02:08.850 ตอนนี้ ไม่มีใครที่รู้คำตอบ 0:02:08.850,0:02:10.596 ของคำถามพวกนี้เลย 0:02:10.596,0:02:14.305 ผมอยากแนะนำว่า การที่จะรวบรวมสติสัมปชัญญะ 0:02:14.305,0:02:19.000 ให้เป็นวิทยาศาสตร์นั้น[br]เราอาจต้องใช้ความคิดที่สุดขั้ว 0:02:19.000,0:02:21.966 บางคนบอกว่า วิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะนั้น 0:02:21.966,0:02:23.918 เป็นไปไม่ได้ 0:02:23.918,0:02:27.686 วิทยาศาสตร์ ตามหลักของมันแล้ว เป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือรูปธรรม 0:02:27.686,0:02:31.111 สติสัมปชัญญะ ตามหลักของมัน[br]เป็นแค่ความคิดหรือนามธรรม 0:02:31.111,0:02:35.560 ดังนั้นวิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะนั้น[br]คงไม่มีทางเกิดขึ้น 0:02:35.560,0:02:38.780 ความคิดนี้มีอิทธิพลอย่างมากในศตวรรษที่ 20 0:02:38.780,0:02:42.598 นักจิตวิทยาศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมอย่างเป็นรูปธรรม 0:02:42.598,0:02:46.660 นักประสาทวิทยาศึกษาสมองแบบรูปธรรม 0:02:46.660,0:02:50.210 และไม่มีใครที่กล่าวถึงสติสัมปชัญญะเลย 0:02:50.210,0:02:52.966 แม้แต่ 30 ที่แล้ว ตอนที่ TED เพิ่งเริ่ม 0:02:52.966,0:02:55.348 ก็ยังมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์น้อยมาก 0:02:55.348,0:02:57.900 เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ 0:02:57.900,0:02:59.605 ตอนนี้ ประมาณยี่สิบปีที่แล้ว 0:02:59.605,0:03:02.578 ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป 0:03:02.578,0:03:05.355 นักประสาทวิทยาอย่าง ฟรานซิส คริก 0:03:05.355,0:03:08.111 และนักฟิสิกส์อย่าง โรเจอร์ เพนโรส 0:03:08.111,0:03:10.351 ได้กล่าวว่า ตอนนี้ ถึงเวลาของวิทยาศาสตร์ 0:03:10.351,0:03:13.127 ที่จะเข้าสู่พรมแดนของสติสัมปชัญญะ 0:03:13.127,0:03:15.447 จากนั้นเป็นต้นมา เหมือนกับการระเบิดออก 0:03:15.447,0:03:17.784 ของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ 0:03:17.784,0:03:19.048 ที่เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ 0:03:19.048,0:03:21.087 และงานนี้ก็ยอดเยี่ยมมากด้วยครับ 0:03:21.087,0:03:23.175 แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดพื้นฐาน 0:03:23.175,0:03:27.000 อยู่บ้าง 0:03:27.000,0:03:28.658 จุดกึ่งกลาง 0:03:28.658,0:03:31.478 ของวิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะในไม่กี่ปีมานี้ 0:03:31.478,0:03:33.973 คือการหาความสัมพันธ์ 0:03:33.973,0:03:37.102 ระหว่างพื้นที่ของสมองแบบเจาะจง 0:03:37.102,0:03:41.120 เทียบกับระดับของสติสัมปชัญญะ 0:03:41.120,0:03:42.210 เราได้เห็นงานบางชิ้น 0:03:42.210,0:03:43.970 จากแนนซี่ คานวิชเชอร์[br]ที่สุดแสนวิเศษ 0:03:43.970,0:03:47.246 และเธอได้นำเสนอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ 0:03:47.246,0:03:50.809 ตอนนี้เราได้เข้าใจมากขึ้นครับ อย่างเช่นว่า 0:03:50.809,0:03:53.126 พื้นที่บางส่วนของสมองนั้น 0:03:53.126,0:03:56.497 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดสติรับรู้[br]เวลาที่เราเห็นใบหน้าคน 0:03:56.497,0:03:59.617 หรือรับรู้ความเจ็บปวด 0:03:59.617,0:04:02.106 หรือรู้สึกถึงความสุข 0:04:02.106,0:04:04.922 แต่มันยังคงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ 0:04:04.922,0:04:08.278 ไม่ใช่การอธิบายการเกิดโดยตรง 0:04:08.278,0:04:10.901 เราแค่รู้ว่าพื้นที่ในสมอง 0:04:10.901,0:04:14.825 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีสติ[br]รับรู้ประสบการณ์บางอย่าง 0:04:14.825,0:04:18.461 แต่เรายังไม่ทราบว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น 0:04:18.461,0:04:20.786 ผมชอบที่จะอธิบายมันอย่างนี้ครับ 0:04:20.786,0:04:24.183 งานพวกนี้จากนักประสาทวิทยา 0:04:24.183,0:04:25.929 สามารถตอบได้แค่บางคำถาม 0:04:25.929,0:04:27.734 ที่เราต้องการคำตอบเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ 0:04:27.734,0:04:31.507 คำถามพวกที่ว่า[br]พื้นที่สมองส่วนนี้ทำหน้าที่อะไรนั้น 0:04:31.507,0:04:33.616 และอะไรที่มันมีความสัมพันธ์ด้วย 0:04:33.616,0:04:36.772 แต่ที่แน่ๆ พวกนั้นเป็นปัญหาง่ายๆ 0:04:36.772,0:04:39.213 ไม่ต้องถามนักประสาทวิทยาก็ได้ครับ 0:04:39.213,0:04:41.834 มันไม่มีอะไรง่าย[br]เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะหรอกครับ 0:04:41.834,0:04:46.425 แต่มันก็ไม่ได้กล่าวถึงความลึกลับที่แท้จริง 0:04:46.425,0:04:48.355 ที่ใจความของเรื่องนี้ 0:04:48.355,0:04:52.575 ทำไมกระบวนการทางกายภาพต่าง ๆ ในสมอง 0:04:52.575,0:04:55.500 นั้นควรจะเกิดขึ้นร่วมกับสติสัมปชัญญะด้วย? 0:04:55.500,0:04:58.706 ทำไมต้องมีหนังฉายอยู่ในหัวเราด้วย? 0:04:58.706,0:05:01.960 ตอนนี้ เรายังไม่มีคำตอบครับ 0:05:01.960,0:05:03.993 และคุณอาจจะบอกว่า 0:05:03.993,0:05:07.548 ให้เวลาแก่นักประสาทวิทยาสักสองสามปี 0:05:07.548,0:05:11.328 มันจะเกิดเป็นอีกปรากฏการณ์ 0:05:11.328,0:05:16.210 เหมือนรถติด เหมือนพายุเฮอริเคน 0:05:16.210,0:05:18.831 เหมือนกับชีวิต แล้วเราจะคิดมันออกเอง 0:05:18.831,0:05:20.902 พวกกรณีดั้งเดิมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น 0:05:20.902,0:05:24.280 เกิดจากพฤติกรรมทั้งนั้น 0:05:24.280,0:05:26.627 รถนั้นติดได้อย่างไร 0:05:26.627,0:05:28.123 พายุเฮอริเคนทำงานอย่างไร 0:05:28.123,0:05:30.316 สิ่งมีชีวิตขยายพันธ์ุได้อย่างไร 0:05:30.316,0:05:33.905 และปรับตัวและเผาผลาญอาหารอย่างไร 0:05:33.905,0:05:36.188 พวกคำถามเกี่ยวกับการทำงานต่างๆน่ะครับ 0:05:36.188,0:05:39.010 คุณสามารถนำไปใช้กับสมองของมนุษย์ 0:05:39.010,0:05:40.519 โดยอธิบายถึงพฤติกรรม 0:05:40.519,0:05:42.792 และระบบของสมองมนุษย์บางอย่าง 0:05:42.792,0:05:43.951 ว่าเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง 0:05:43.951,0:05:48.349 การเดินของเรา การพูดของเรา การเล่นหมากรุก 0:05:48.349,0:05:50.239 พวกคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ 0:05:50.239,0:05:52.366 แต่เวลาที่มันจะต้องมาเกี่ยวพันกับสติสัมปชัญญะ 0:05:52.366,0:05:54.255 พวกคำถามเรื่องพฤติกรรม 0:05:54.255,0:05:57.180 กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย 0:05:57.180,0:05:58.777 เรื่องที่ยากกว่านั้นก็คือ 0:05:58.777,0:06:01.154 คำถามที่ว่า 0:06:01.154,0:06:02.965 ทำไมทุกพฤติกรรม 0:06:02.965,0:06:05.810 ถึงเกิดพร้อมกับประสบการณ์แบบนามธรรม 0:06:05.810,0:06:07.565 และทีนี้ แบบจำลองมาตรฐาน 0:06:07.565,0:06:09.411 ของสิ่งที่เกิดขึ้น 0:06:09.411,0:06:12.358 ไม่ว่าจะเป็นทางประสาทวิทยา 0:06:12.358,0:06:16.801 ไม่ได้บอกอะไรเรามากขนาดนั้นเลยครับ 0:06:16.801,0:06:20.446 ผมเป็นพวกที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์[br]เป็นชีวิตจิตใจ 0:06:20.446,0:06:24.473 ผมจึงอยากจะให้มันมีทฤษฎีของสติสัมปชัญญะ 0:06:24.473,0:06:26.802 ที่ใช้งานได้ 0:06:26.802,0:06:29.209 เป็นช่วงเวลานานมาแล้ว 0:06:29.209,0:06:30.650 ที่ผมอยากให้มันเกิดขึ้น 0:06:30.650,0:06:32.787 ผมพยายามหาทฤษฎีที่ว่ามาตลอด 0:06:32.787,0:06:34.543 ในรูปแบบที่จับต้องได้ 0:06:34.543,0:06:35.870 ที่ใช้การได้ 0:06:35.870,0:06:37.613 แต่ผมก็ได้บทสรุปที่ว่า 0:06:37.613,0:06:41.798 มันยังใช้ไม่ได้ ด้วยเหตุผลบางประการ 0:06:41.798,0:06:43.733 เรื่องมันยาวครับ 0:06:43.733,0:06:46.450 แต่ที่แน่ ๆ แก่นของความคิดนี้ก็คือ[br]สิ่งที่คุณได้ 0:06:46.450,0:06:48.790 จากการหาคำวิเคราะห์และอธิบาย 0:06:48.790,0:06:51.434 ที่เป็นรูปเป็นร่าง ในเชิงของสมอง 0:06:51.434,0:06:53.549 คือเรื่องเกี่ยวกับระบบการทำงาน 0:06:53.549,0:06:55.675 โครงสร้าง การเคลื่อนที่ 0:06:55.675,0:06:57.667 พฤติกรรมที่มันสร้างขึ้น 0:06:57.667,0:06:59.747 การแก้ไขปัญหาที่ง่าย ๆ 0:06:59.747,0:07:02.245 อย่างเช่น เราปฏิบัติตัวได้อย่างไร ระบบทำงานอยางไร 0:07:02.245,0:07:05.698 แต่พอมันเป็นเรื่องของประสบการณ์เรานั้น 0:07:05.698,0:07:09.259 อย่างเช่น ภายในใจเรารู้สึกเช่นไร 0:07:09.259,0:07:11.334 มันกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่เลยครับ 0:07:11.334,0:07:15.227 และมันยังมีคำถามหลังจากนั้นอีกมากมาย 0:07:15.227,0:07:20.640 ดังนั้น ผมจึงคิดว่า เราถึงทางตันซะแล้วครับ 0:07:20.640,0:07:23.855 เรามีคำอธิบายที่ดีมาก 0:07:23.855,0:07:27.455 และเราก็คุ้นเคยกับมัน [br]เรามักจะใช้กฎทางฟิสิกส์ไปอธิบายเคมี 0:07:27.455,0:07:30.695 กฎทางเคมีไปอธิบายชีววิทยา 0:07:30.695,0:07:34.542 ชีววิทยาไปอธิบายจิตวิทยาบางส่วน 0:07:34.542,0:07:36.000 แต่ทว่า สติสัมปชัญญะนั้น 0:07:36.000,0:07:38.771 ไม่สามารถใช้หลักการแบบนี้อธิบายได้ 0:07:38.771,0:07:40.661 เพราะข้อมูลต่างๆ 0:07:40.661,0:07:42.630 ที่เรารับรู้ 0:07:42.630,0:07:43.916 และเพราะ เราไม่รู้ว่า 0:07:43.916,0:07:47.894 เราจะปรับข้อมูลเหล่านั้นให้สามารถอธิบายในแบบวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร 0:07:47.894,0:07:49.841 ผมจึงคิดว่า สติสัมปชัญญะ ที่เรารู้ในตอนนี้ 0:07:49.841,0:07:52.304 เป็นเรื่องที่ประหลาด 0:07:52.304,0:07:54.340 ที่เราจำเป็นต้องผสมเข้ากับ 0:07:54.340,0:07:58.240 มุมมองของเราที่มีต่อโลก[br]แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร 0:07:58.240,0:08:00.168 การเผชิญกับสิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้ 0:08:00.168,0:08:03.407 เราอาจต้องการความคิดที่สุดโต่ง 0:08:03.407,0:08:06.412 และผมคิดว่า[br]เราอาจจะต้องการหนึ่งหรือสองความคิด 0:08:06.412,0:08:08.852 ที่ตอนแรกอาจจะดูเหมือนบ้า 0:08:08.852,0:08:11.788 ก่อนที่เราจะสามารถสรุป[br]เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะได้ 0:08:11.788,0:08:13.880 อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ 0:08:13.880,0:08:15.479 ในตอนนี้ ก็มีความคิดที่บ้าๆ 0:08:15.479,0:08:17.975 ที่เราคิดว่ามันอาจจะเป็นความคิดที่เราตามหากันอยู่บ้างแล้วล่ะครับ 0:08:17.975,0:08:22.317 เพื่อนของผม แดน เดนเนท ที่อยู่กับเราวันนี้ด้วย[br]ก็มีความคิดแบบนั้นอยู่ 0:08:22.317,0:08:24.714 ความคิดบ้าๆของเขาคือ ไม่มีอะไรที่ยาก 0:08:24.714,0:08:26.457 เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ 0:08:26.457,0:08:29.820 ความคิดทั้งหมดที่เกี่ยวกับหนัง[br]ที่เล่นอยู่ในหัวของเรานั้น 0:08:29.820,0:08:34.432 มันเกี่ยวกับภาพลวงตาหรือความสับสน 0:08:34.432,0:08:36.330 จริงๆแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือ อธิบาย 0:08:36.330,0:08:39.337 ระบบที่เป็นรูปธรรม พฤติกรรมของสมอง 0:08:39.337,0:08:41.362 แล้วเราจะสามารถอธิบายสิ่งอื่นๆ 0:08:41.362,0:08:43.837 ที่ต้องการคำอธิบายได้ครับ 0:08:43.837,0:08:46.446 ผมบอกว่า มันน่าจะเป็นไปได้นะครับ 0:08:46.446,0:08:48.460 มันเป็นความคิดสุดโต่งที่เรา 0:08:48.460,0:08:50.384 ควรจะศึกษาให้มากขึ้น 0:08:50.384,0:08:52.723 หากคุณต้องการทฤษฎีวิเคราะห์ 0:08:52.723,0:08:56.273 สติสัมปชัญญะที่มาจากสมองแบบล้วนๆ 0:08:56.273,0:08:58.344 ในเวลาเดียวกัน สำหรับผมและหลายๆคน 0:08:58.344,0:09:00.171 มุมมองนี้อาจจะดูง่ายไปหน่อย 0:09:00.171,0:09:02.192 ที่ว่าการปฏิเสธข้อมูลต่าง ๆ[br]ของสติสัมปชัญญะ 0:09:02.192,0:09:03.695 เพื่อที่จะพอรับได้ 0:09:03.695,0:09:06.763 ฉะนั้น ผมจึงไปในทิศทางตรงกันข้าม 0:09:06.763,0:09:07.949 ในเวลาที่เหลือ 0:09:07.949,0:09:10.948 ผมอยากจะค้นพบความคิดบ้า ๆ อีกสองความคิด 0:09:10.948,0:09:14.665 ที่ผมค่อนข้างสนใจ 0:09:14.665,0:09:16.285 ความคิดแรกคือ 0:09:16.285,0:09:20.910 สติสัมปชัญญะเป็นสิ่งพื้นฐาน 0:09:20.910,0:09:23.751 นักฟิสิกส์บางครั้งมองจักรวาลว่า 0:09:23.751,0:09:25.911 เป็นตัวต่อพื้นฐานต่าง ๆ 0:09:25.911,0:09:29.660 ที่ว่าง เวลา และมวล 0:09:29.660,0:09:33.270 พวกเขาตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับกฎพื้นฐาน[br]ที่ครอบมันอยู่ 0:09:33.270,0:09:37.160 อย่างเช่นกฎของแรงดึงดูด[br]หรือกลศาสตร์ควอนตัม 0:09:37.160,0:09:39.470 คุณสมบัติและกฎพื้นฐานหล่านี้ 0:09:39.470,0:09:42.687 ไม่ได้รับการอธิบายอย่างง่าย ๆ 0:09:42.687,0:09:45.427 แต่ทว่า มันกลับกลายเป็นสิ่งพื้นฐาน 0:09:45.427,0:09:48.806 และคุณก็ต่อยอดทุกอย่างจากกฏเหล่านั้น 0:09:48.806,0:09:53.905 บางที รายการของหลักพื้นฐานต่างๆ กำลังเพิ่มขึ้น 0:09:53.905,0:09:56.362 ในศตวรรศที่ 19 แม็กซ์เวลล์ค้นพบว่า 0:09:56.362,0:09:59.530 เราไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์แม่เหล็กไฟฟ้า 0:09:59.530,0:10:01.881 โดยใช้หลักการต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วได้ 0:10:01.881,0:10:04.950 พื้นที่ เวลา มวล กฏของนิวตัน 0:10:04.950,0:10:07.521 ฉะนั้น เขาจึงตั้งสมมติฐาน 0:10:07.521,0:10:09.335 เกี่ยวกับแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นมาเอง 0:10:09.335,0:10:11.746 รวมไปถึงสมมติฐานประจุไฟฟ้า 0:10:11.746,0:10:13.514 และใช้เป็นกฎพื้นฐาน 0:10:13.514,0:10:16.473 ที่กฎอื่น ๆ นั้นครอบคลุมอยู่ 0:10:16.473,0:10:19.756 ผมคิดว่ามันเป็นสถานการณ์ที่เราเป็นกันอยู่ 0:10:19.756,0:10:21.366 ในเรื่องของสติสัมปชัญญะ 0:10:21.366,0:10:23.851 ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายสติสัมปชัญญะ 0:10:23.851,0:10:26.269 โดยใช้ทฤษฎีที่มีอยู่ 0:10:26.269,0:10:28.940 เกี่ยวกับพื้นที่ เวลา มวล และประจุไฟฟ้า 0:10:28.940,0:10:32.370 และตามตรรกะ คุณจำเป็นที่จะต้องขยายมันออกไป 0:10:32.370,0:10:34.846 โดยธรรมชาติ คุณจะต้องตั้งสมมติฐาน 0:10:34.846,0:10:38.102 ว่าสติสัมปชัญญะนั้นคือพื้นฐานอย่างหนึ่ง 0:10:38.102,0:10:41.134 พื้นฐานที่ธรรมชาติสร้างขึ้น 0:10:41.134,0:10:44.102 แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณใช้วิทยาศาสตร์เข้าช่วยไม่ได้นะครับ 0:10:44.102,0:10:47.700 มันแค่เปิดทางให้คุณได้ใช้วิทยาศาสตร์นั่นเอง 0:10:47.700,0:10:49.604 แล้วสิ่งที่เราควรศึกษาต่อไปนั้นก็คือ 0:10:49.604,0:10:52.557 กฎพื้นฐานที่ครอบคลุมเรื่องสติสัมปชัญญะ 0:10:52.557,0:10:54.937 กฎที่เชื่อมโยงสติสัมปชัญญะ 0:10:54.937,0:10:57.738 เข้ากับหลักอื่นๆได้แก่ พื้นที่ เวลา มวล 0:10:57.738,0:11:00.674 กระบวนการทางกายภาพต่างๆ 0:11:00.674,0:11:02.856 บางครั้ง นักฟิสิกส์บอกว่า 0:11:02.856,0:11:05.736 เราอยากให้มีกฎพื้นฐานที่ง่าย ๆ 0:11:05.736,0:11:09.538 ที่เราจะสามารถสกรีนลงบนเสื้อได้ 0:11:09.538,0:11:11.259 ผมคิดว่า แบบนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ 0:11:11.259,0:11:13.127 ที่เรากำลังเผชิญอยู่ 0:11:13.127,0:11:15.877 เราอยากให้กฎที่ตั้งขึ้นนั้นง่าย 0:11:15.877,0:11:17.964 ที่เราจะสามารถสกรีนลงบนเสื้อได้เลย 0:11:17.964,0:11:19.539 เรายังไม่รู้ว่ากฎเหล่านั้นคืออะไร 0:11:19.539,0:11:23.566 แต่มันเป็นสิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่ครับ 0:11:23.566,0:11:25.983 ความที่บ้า ๆ เรื่องที่สองครับ 0:11:25.983,0:11:29.461 คือ สติสัมปชัญญะอาจเป็นเรื่องที่เกิดทุกที่ 0:11:29.461,0:11:32.522 ทุก ๆ ระบบอาจจะมีระดับของ 0:11:32.522,0:11:36.247 สติสัมปชัญญะของมันเอง 0:11:36.247,0:11:39.208 แนวคิดนี่เรียกว่าจิตครอบคลุม (panpsychism) ครับ 0:11:39.208,0:11:42.210 ครอบคลุมไปทั้งหมด 0:11:42.210,0:11:43.981 ทุก ๆ ระบบนั้นมีสติของมันเอง 0:11:43.981,0:11:48.228 ไม่ใช่แค่มนุษย์ สุนัข หนู แมลงวัน 0:11:48.228,0:11:50.805 แม้แต่จุลินทรีย์ของร็อบ ไนท์ 0:11:50.805,0:11:52.992 สสารเล็ก ๆ 0:11:52.992,0:11:55.705 แม้แต่โฟตอนก็มีสติของมัน 0:11:55.705,0:11:59.484 แต่ไม่ได้หมายความว่าโฟตอนนั้นอัจฉริยะ 0:11:59.484,0:12:00.561 หรือคิดเป็นนะครับ 0:12:00.561,0:12:01.991 โฟตอนไม่ได้ 0:12:01.991,0:12:03.436 รู้สึกทุกข์ได้ 0:12:03.436,0:12:06.728 เพราะมันคิดว่า[br]"โอ้ ชั้นต้องโคจรใกล้ๆความเร็วแสงตลอดเลย 0:12:06.728,0:12:09.720 ชั้นไม่เคยวิ่งช้าลงแล้วเชยชมกลิ่นกุหลาบเลย" 0:12:09.720,0:12:11.864 ไม่ใช่อย่างนั้นครับ 0:12:11.864,0:12:14.912 แต่เป็นความคิดที่ว่า บางทีโฟตอนอาจจะมี 0:12:14.912,0:12:17.535 ความดิบ ความรู้สึก 0:12:17.535,0:12:21.687 หรือสติสัมปชัญญะบ้าง 0:12:21.687,0:12:24.541 มันอาจจะฟังดูเหมือนบ้านะครับ 0:12:24.541,0:12:27.324 หมายถึง ทำไมคนเรา[br]ถึงคิดอะไรได้บ้ามากขนาดนี้? 0:12:27.324,0:12:30.884 แรงจูงใจบางอย่างก็มาจาก[br]ไอเดียบ้า ๆ แบบนี้ล่ะครับ 0:12:30.884,0:12:33.030 ว่าสติสัมปชัญญะเป็นสิ่งพื้นฐาน 0:12:33.030,0:12:37.405 และถ้ามันเป็นสิ่งพื้นฐาน เหมือนกับพื้นที่ เวลา และมวล 0:12:37.405,0:12:40.070 ก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่[br]เราจะคิดว่าสติสัมปชัญญะนั้นสากล 0:12:40.070,0:12:41.970 เหมือนกับสิ่งอื่น ๆ 0:12:41.970,0:12:43.919 และมันก็ไม่มีค่าพอ แม้ว่าความคิดนี้ 0:12:43.919,0:12:45.943 อาจจะขัดกับสิ่งที่เราคิดไปบ้าง 0:12:45.943,0:12:48.687 แต่มันอาจจะเข้ากับคน 0:12:48.687,0:12:50.418 ที่มาจากวัฒนธรรมอื่นเช่นกันนะครับ 0:12:50.418,0:12:51.938 จิตใจของมนุษย์นั้น เหมือนจะ 0:12:51.938,0:12:55.010 ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ 0:12:55.010,0:12:58.744 แรงจูงใจที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น มาจากความคิดที่ว่า 0:12:58.744,0:13:00.753 บางทีเรื่องที่ง่ายและมีพลังมากที่สุด 0:13:00.753,0:13:02.987 ที่จะหาหลักพื้นฐานที่เชื่อมโยงสติสัมปชัญญะ 0:13:02.987,0:13:04.967 กับกระบวนการทางกายภาพ 0:13:04.967,0:13:08.062 นั้น คือการเชื่อมโยงสติสัมปชัญญะเข้ากับข้อมูล 0:13:08.062,0:13:10.073 ที่ซึ่งข้อมูลกำลังถูกประมวล 0:13:10.073,0:13:11.138 ที่นั้นจะมีสติสัมปชัญญะ 0:13:11.138,0:13:13.678 ข้อมูลที่ซับซ้อนกำลังถูกจัดการ[br]เช่น ในมนุษย์ 0:13:13.688,0:13:15.220 สติสัมปชัญญะอันซับซ้อนก็เช่นเดียวกัน 0:13:15.220,0:13:17.349 ข้อมูลที่ง่ายในการประมวล 0:13:17.349,0:13:19.307 สติสัมปชัญญะง่าย ๆ ก็เช่นกัน 0:13:19.307,0:13:21.638 สิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่กี่ปีมานี้ 0:13:21.638,0:13:24.903 นักประสาทวิทยา จูลิโอ โทโนนี 0:13:24.903,0:13:26.146 ได้ตั้งทฤษฏีลักษณะนี้ขึ้นมา 0:13:26.146,0:13:28.221 และพัฒนาต่อยอดอย่างกว้างขวาง 0:13:28.221,0:13:30.070 ด้วยทฤษฎีของคณิตศาสตร์ 0:13:30.070,0:13:31.587 เขาได้คำนวณ 0:13:31.587,0:13:33.317 ข้อมูลที่ผสมผสานกัน 0:13:33.317,0:13:35.236 ที่เขาเรียกมันว่า "ฟาย" (phi) 0:13:35.236,0:13:36.843 ที่ใช้วัดจำนวนข้อมูล 0:13:36.843,0:13:38.463 ที่ผสมผสานอยู่ในระบบ 0:13:38.463,0:13:40.832 เขาเชื่อว่าฟายนั้นใช้ได้กับ 0:13:40.832,0:13:42.270 สติสัมปชัญญะ 0:13:42.270,0:13:43.591 ดังนั้น ในสมองของมนุษย์ 0:13:43.591,0:13:46.110 ที่รวบรวมข้อมูลมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ 0:13:46.110,0:13:48.144 มีฟายอยู่มากมาย 0:13:48.144,0:13:49.693 และมีสติสัมปชัญญะมากมายด้วยเช่นกัน 0:13:49.693,0:13:53.386 ในหนู ข้อมูลที่มีอยู่ในสมองนั้น 0:13:53.386,0:13:54.405 ก็ยังถือว่ามีอยู่พอสมควร 0:13:54.405,0:13:56.430 เช่นเดียวกับปริมาณสติสัมปชัญญะ 0:13:56.430,0:13:58.695 แต่ถ้าคุณมองต่อไปถึงตัวหนอน 0:13:58.695,0:14:02.172 จุลินทรีย์ อนุภาค 0:14:02.172,0:14:03.706 ขนาดของฟายจะลดลง 0:14:03.706,0:14:06.139 เพราะขนาดของข้อมูลนั้นลดลง 0:14:06.139,0:14:07.587 แต่ไม่ถึงกับเป็นศูนย์นะครับ 0:14:07.587,0:14:09.526 ทฤษฎีของโทโนนิ 0:14:09.526,0:14:11.733 สติสัมปชัญญะ 0:14:11.733,0:14:13.562 จะไม่เป็นศูนย์เลย 0:14:13.562,0:14:16.101 ผลคือ เขาเสนอกฎพื้นฐาน 0:14:16.101,0:14:19.485 ของสติสัมปชัญญะว่า[br]ฟายสูง เท่ากับ สติสัมปชัญญะมาก 0:14:19.485,0:14:22.107 ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าทฤษฎีนี้ถูกต้องหรือไม่ 0:14:22.107,0:14:25.318 แต่จริง ๆ แล้ว มันอาจจะเป็นทฤษฎี[br]มีบทบาทนำอยู่ในขณะนี้ 0:14:25.318,0:14:26.704 ในเชิงวิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะ 0:14:26.704,0:14:28.935 และมันก็ถูกใช้เพื่อรวบรวม 0:14:28.935,0:14:31.322 ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในหลาย ๆ รูปแบบ 0:14:31.322,0:14:33.565 และมันยังมีคุณสมบัติที่ดี คือมันง่ายพอ 0:14:33.565,0:14:37.060 ที่จะสามารถสกรีนลงบนเสื้อยืดของคุณได้ 0:14:37.060,0:14:39.685 และแรงจูงใจสุดท้ายก็คือ 0:14:39.685,0:14:41.736 ทฤษฎีจิตครอบคลุมอาจจะช่วยให้เราผสาน 0:14:41.736,0:14:44.950 สติสัมปชัญญะให้เข้ากับโลกกายภาพได้ 0:14:44.950,0:14:48.127 นักฟิสิกส์และนักปรัชญามักจะสังเกต 0:14:48.127,0:14:50.568 ว่าฟิสิกส์นั้นเป็นเรื่องของนามธรรม 0:14:50.568,0:14:52.716 มันอธิบายโครงสร้างของความเป็นจริง 0:14:52.716,0:14:54.800 โดยใช้สมการมากมาย 0:14:54.800,0:14:57.824 แต่มันไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับความเป็นจริง 0:14:57.824,0:14:59.392 ที่เป็นจุดตั้งต้นของสิ่งเหล่านั้น 0:14:59.392,0:15:01.289 ดั่งที่สตีเฟน ฮอว์กินได้กล่าวไว้ว่า 0:15:01.289,0:15:05.343 สิ่งใดที่เติมไฟเข้าไปในสมการ? 0:15:05.343,0:15:07.961 ในมุมมองของนักทฤษฎีจิตครอบคลุม 0:15:07.961,0:15:10.600 คุณสามารถปล่อยสมการของฟิสิกส์ให้เป็นไปเช่นนั้น 0:15:10.600,0:15:12.164 แต่คุณไม่สามารถนำสมการนั้นไปอธิบาย 0:15:12.164,0:15:13.838 เกี่ยวกับความต่อเนื่องของสติสัมปชัญญะได้ 0:15:13.838,0:15:15.876 นั่นคือสิ่งที่ฟิสิกส์ทำได้ดีที่สุดแล้ว 0:15:15.876,0:15:18.205 เมื่อมันต้องอธิบายความต่อเนื่องของสติสัมปชัญญะ 0:15:18.205,0:15:19.858 ในมุมมองนี้ สติสัมปชัญญะคือตัวที่ 0:15:19.858,0:15:24.104 นำไฟไปใส่ในสมการ 0:15:24.104,0:15:25.764 มุมมองนี้สติสัมปชัญญะไม่ได้มีความหละหลวม 0:15:25.764,0:15:27.440 ในโลกที่จับต้องได้ 0:15:27.440,0:15:28.858 เหมือนกับว่าเป็นแค่ตัวเสริมเท่านั้น 0:15:28.858,0:15:32.314 จริง ๆ แล้วมันเป็นใจความเลยก็ว่าได้ 0:15:32.314,0:15:35.188 มุมมองนี้ ในมุมของนักทฤษฎีจิตครอบคลุม[br]ผมคิดว่า 0:15:35.188,0:15:38.489 มันมีศักยภาพมากพอที่จะไขความสัมพันธ์ของเรา 0:15:38.489,0:15:39.984 กับธรรมชาติได้ 0:15:39.984,0:15:42.219 และมันอาจจะส่งผลกระทบด้านสังคม 0:15:42.219,0:15:45.912 และศีลธรรม 0:15:45.912,0:15:48.071 ซึ่งบางที ผลนั้นมันอาจจะธรรมดามาก 0:15:48.071,0:15:51.142 ผมเคยคิดว่าผมไม่ควรกินอะไรเลย 0:15:51.142,0:15:53.604 นั่นคือสติครับ 0:15:53.604,0:15:56.208 ดังนั้น ผมจึงควรเป็นมังสวิรัติ 0:15:56.208,0:15:58.775 ถ้าหากคุณเป็นนักทฤษฎีจิตครอบคลุม และมองจากมุมนั้น 0:15:58.775,0:16:01.505 คุณจะหิวมาก 0:16:01.505,0:16:02.793 ดังนั้น ผมคิดว่าเวลาที่คุณคิดถึงมัน 0:16:02.793,0:16:04.960 มันมีแนวโน้วที่จะเปลี่ยนแนวคิดของคุณ 0:16:04.960,0:16:07.203 จากอะไรก็ตามที่สำคัญตามหลักของจรรยาบรรณ 0:16:07.203,0:16:08.477 และศีลธรรม 0:16:08.477,0:16:11.554 ไม่ค่อยเกี่ยวข้องมากนักกับข้อเท็จจริงของสติสัมปชัญญะ 0:16:11.554,0:16:15.510 แต่เกี่ยวมากกว่าในเรื่องของระดับและความซับซ้อนของสติ 0:16:15.510,0:16:17.448 มันเป็นเรื่องธรรมชาติเช่นกันที่จะถามถึงสติสัมปชัญญะ 0:16:17.448,0:16:20.498 ในระบบอื่นๆ อย่างเช่นความพิวเตอร์ 0:16:20.498,0:16:22.287 เรื่องของระบบอัจฉริยะภาพที่ถูกสร้างขึ้นในคอมพิวเตอร์ 0:16:22.287,0:16:25.729 อย่างในเรื่อง"Her" ซาแมนธา? 0:16:25.729,0:16:27.129 เธอมีสติหรือไม่ 0:16:27.129,0:16:28.560 ครับ ถ้าคุณดูจากข้อมูล 0:16:28.560,0:16:29.740 มองแบบนักทฤษฎีจิตครองคลุม 0:16:29.740,0:16:33.211 เธอมีการดำเนินการข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด 0:16:33.211,0:16:34.632 รวมไปถึงการเรียบเรียง 0:16:34.632,0:16:37.299 ดังนั้น คำตอบนั้นมีแนวโน้มมากว่าเธอจะมีสติครับ 0:16:37.299,0:16:40.237 และถ้ามันถูกต้อง มันจะทำให้เกิด 0:16:40.237,0:16:42.602 เรื่องเกี่ยวกับจรรยาบรรณเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง 0:16:42.602,0:16:46.123 ในเรื่องของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ 0:16:46.123,0:16:48.859 และเรื่องของการหยุดยั้งมัน 0:16:48.859,0:16:51.359 ท้ายที่สุด คุณอาจจะถามเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ 0:16:51.359,0:16:53.241 ของทั้งกลุ่ม 0:16:53.241,0:16:55.078 ของดาวทั้งดวงนี้ 0:16:55.078,0:16:58.001 ประเทศแคนาดามีสติหรือไม่ 0:16:58.001,0:17:00.100 หรือย่อยลงมาหน่อย 0:17:00.100,0:17:01.308 กลุ่มที่มีการผสมผสานกัน 0:17:01.308,0:17:03.571 อย่างผู้ชมของTED 0:17:03.571,0:17:07.020 มีสติร่วมกันกับTEDหรือไม่ 0:17:07.020,0:17:08.513 และหนังภายในใจเรา 0:17:08.513,0:17:11.319 สำหรับกลุ่มผู้ชมกลุ่มนี้ล่ะ 0:17:11.319,0:17:12.999 ที่แตกต่างกัน 0:17:12.999,0:17:14.088 สำหรับแต่ละคน 0:17:14.088,0:17:16.243 ผมก็ไม่ทราบคำตอบนั้นหรอกครับ 0:17:16.253,0:17:17.624 แต่ผมคิดว่า อย่างน้อย 0:17:17.624,0:17:20.098 มันก็คุ้มค่าที่จะคิดนะครับ 0:17:20.098,0:17:22.435 โอเคครับ นี่คือมุมมองของนักทฤษฎีจิตครอบคลุม 0:17:22.435,0:17:24.248 ซึ่งค่อนข้างสุดโต่ง 0:17:24.248,0:17:26.462 และผมไม่ทราบว่ามันถูกต้องไหม 0:17:26.462,0:17:28.315 จริงๆแล้วผมค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับ 0:17:28.315,0:17:29.948 ไอเดียบ้า ๆ อันแรกนะครับ 0:17:29.948,0:17:32.117 ที่ว่าสติสัมปชัญญะเป็นเรื่องพื้นฐาน 0:17:32.117,0:17:33.920 มากกว่าไอเดียที่สองนะครับ 0:17:33.920,0:17:36.141 ที่ว่าสติสัมปชัญญะเป็นสากล 0:17:36.141,0:17:38.219 ผมหมายถึง มุมมองนี้ทำให้เกิดคำถามมากมาย 0:17:38.219,0:17:39.760 ความท้าทายมากมาย 0:17:39.760,0:17:41.120 เหมือนกับเวลาที่เราทำอะไร 0:17:41.120,0:17:42.860 แล้วมีสติมากขึ้น 0:17:42.860,0:17:45.157 เวลาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น 0:17:45.157,0:17:47.480 ทั้งในแบบที่เรารู้และรัก 0:17:47.480,0:17:48.940 ถ้าเราสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ 0:17:48.940,0:17:50.445 ผมคิดว่าเราจะดีขึ้นครับ 0:17:50.445,0:17:53.532 ในเรื่องของทฤษฎีของสติสัมปชัญญะ 0:17:53.532,0:17:56.920 ถ้าไม่ ผมคิดว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด 0:17:56.920,0:17:58.764 ในหมวดวิทยาศาสตร์และปรัชญา 0:17:58.764,0:18:02.209 เราไม่สามารถคาดหวังที่จะแก้ปัญหานี้ภายในข้ามคืน 0:18:02.209,0:18:05.749 แต่ผมคิดว่าในที่สุดเราคงจะไขมันออกล่ะครับ 0:18:05.749,0:18:08.736 การเข้าใจสติสัมปชัญญะคือกุญแจที่สำคัญที่สุด ผมว่างั้นนะครับ 0:18:08.736,0:18:11.188 เพื่อเข้าใจจักรวาล 0:18:11.188,0:18:13.718 และเพื่อเข้าใจพวกเราเอง 0:18:13.718,0:18:16.621 อาจแค่ต้องเลือกความคิดบ้า ๆ[br]ให้ถูกเท่านั้นแหละครับ 0:18:16.621,0:18:18.612 ขอบคุณครับ 0:18:18.612,0:18:20.300 (ปรบมือ)