จะเป็นเพื่อนกับความเครียดได้ยังไง
-
0:00 - 0:05ฉันมีอะไรจะสารภาพค่ะ
-
0:05 - 0:08แต่ก่อนอื่น ฉันอยากให้คุณ
-
0:08 - 0:11สารภาพอะไรเล็กๆ น้อยๆ กับฉันด้วย
-
0:11 - 0:15ในช่วงปีที่ผ่านมา ฉันอยากให้คุณยกมือขึ้น
-
0:15 - 0:18ถ้าคุณได้เจอกับความเครียดเล็กๆ น้อยๆ
-
0:18 - 0:21มีใครบ้างคะ
-
0:21 - 0:23แล้วเครียดพอประมาณล่ะคะ
-
0:23 - 0:26แล้วใครเคยเครียดมากๆ บ้าง
-
0:26 - 0:29ใช่ค่ะ ฉันก็ด้วย
-
0:29 - 0:31แต่นั่นไม่ใช่คำสารภาพของฉันนะคะ
-
0:31 - 0:35คำสารภาพของฉันคือนี่ค่ะ ฉันเป็นนักจิตวิทยาเพื่อสุขภาพ
-
0:35 - 0:39และภารกิจของฉันก็คือการช่วยให้คนมีความสุขมากขึ้น
และสุขภาพดีขึ้น -
0:39 - 0:43แต่ฉันกลัวว่า อะไรบางอย่างที่ฉันสอนมา
-
0:43 - 0:47ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมานั้น
จะเป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ -
0:47 - 0:50และนั่นหมายถึงเรื่องความเครียดค่ะ
-
0:50 - 0:53หลายปีที่ผ่านมา ฉันเฝ้าบอกผู้คนว่าความเครียดทำให้คนป่วย
-
0:53 - 0:56มันเพิ่มความเสี่ยงในทุกๆ ด้าน จากไข้หวัดธรรมดา
-
0:56 - 0:58ไปจนถึงโรคหัวใจ
-
0:58 - 1:02โดยพื้นฐาน ฉันทำให้ความเครียดเป็นศัตรู
-
1:02 - 1:05แต่ฉันได้เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับความเครียดแล้ว
-
1:05 - 1:09และวันนี้ ฉันอยากจะเปลี่ยนความคิดของคุณด้วย
-
1:09 - 1:11ฉันขอเริ่มที่งานวิจัยที่ทำให้ฉันต้องคิดใหม่
-
1:11 - 1:14เกี่ยวกับวิธีการมองความเครียดของฉันนะคะ
-
1:14 - 1:17งานศึกษาชิ้นนี้ติดตามผู้ใหญ่จำนวน 30,000 คน ในสหรัฐฯ
-
1:17 - 1:21เป็นเวลา 8 ปี และพวกเขาเริ่มโดยถามผู้คนว่า
-
1:21 - 1:25"คุณมีความเครียดมากแค่ไหนในปีที่ผ่านมา"
-
1:25 - 1:28พวกเขาถามด้วยว่า "คุณเชื่อรึเปล่าว่า
-
1:28 - 1:32ความเครียดเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ"
-
1:32 - 1:34แล้วพวกเขาก็ดูที่สถิติการตายของรัฐ
-
1:34 - 1:36เพื่อดูว่าใครบ้างที่ตายแล้ว
-
1:36 - 1:37(เสียงหัวเราะ)
-
1:37 - 1:41เอาล่ะ ข่าวร้ายก่อนนะคะ
-
1:41 - 1:45คนที่มีความเครียดมากๆ ในช่วงปีก่อนหน้า
-
1:45 - 1:48มีความเสี่ยง 43 เปอร์เซ็นต์ที่จะเสียชีวิต
-
1:48 - 1:52แต่นั่นเป็นจริงเฉพาะคนที่
-
1:52 - 1:57เชื่อว่าความเครียดนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ
-
1:57 - 1:59(เสียงหัวเราะ)
-
1:59 - 2:01คนที่เจอกับความเครียดมากๆ
-
2:01 - 2:03แต่ไม่ได้มองว่าความเครียดอันตราย
-
2:03 - 2:05มีความเป็นไปได้น้อยกว่าที่จะตาย
-
2:05 - 2:08ที่จริงแล้ว พวกเขามีความเสี่ยงในการตายน้อยที่สุด
-
2:08 - 2:10เปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ในงานวิจัย ซึ่งรวมถึงคนที่
-
2:10 - 2:13มีความเครียดน้อยด้วย
-
2:13 - 2:15ตอนนี้ นักวิจัยประมาณการว่า ในช่วงแปดปี
-
2:15 - 2:17ที่พวกเขาทำการติดตามตัวเลขการเสียชีวิต
-
2:17 - 2:20คนอเมริกัน 182,000 คน ตายก่อนวัยอันควร
-
2:20 - 2:23ไม่ได้เพราะความเครียด แต่เพราะความเชื่อที่ว่า
-
2:23 - 2:26ความเครียดนั้นไม่ดีกับตัวคุณ (เสียงหัวเราะ)
-
2:26 - 2:30นั่นคือ คนตายมากกว่า 20,000 คนต่อปี
-
2:30 - 2:33ค่ะ ถ้าการคาดการณ์นั้นถูกต้อง
-
2:33 - 2:35มันจะทำให้ความเชื่อที่ว่าความเครียดไม่ดีกับตัวคุณ
-
2:35 - 2:37เป็นสาเหตุหลักอันดับที่ 15 ของการตาย
-
2:37 - 2:39ในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว
-
2:39 - 2:41มันฆ่าคนไปมากกว่ามะเร็งผิวหนัง
-
2:41 - 2:44เอดส์ และการฆาตกรรมเสียอีก
-
2:44 - 2:47(เสียงหัวเราะ)
-
2:47 - 2:50คุณจะเห็นได้ว่าทำไมงานวิจัยชิ้นนี้ถึงทำให้ฉันเปลี่ยนไป
-
2:50 - 2:54ฉันใช้พลังงานมากมายในการบอกผู้คนว่า
-
2:54 - 2:57ความเครียดนั้นแย่สำหรับสุขภาพของคุณ
-
2:57 - 2:59ดังนั้น งานวิจัยชิ้นนี้ทำให้ฉันเกิดข้อสงสัย
-
2:59 - 3:01การเปลี่ยนความคิดที่คุณมีต่อความเครียดจะทำให้คุณ
-
3:01 - 3:05มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้หรือไม่ และวิทยาศาสตร์ก็ได้บอกว่า ใช่
-
3:05 - 3:07เมื่อคุณเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับความเครียด
-
3:07 - 3:10คุณจะสามารถเปลี่ยนการตอบสนอง
ของร่างกายของคุณที่มีความเครียดได้ -
3:10 - 3:12ตอนนี้ เพื่อจะอธิบายว่ามันทำงานยังไง
-
3:12 - 3:15ฉันอยากให้คุณทุกคนแสร้งทำเป็นว่า คุณเป็นผู้เข้าร่วม
-
3:15 - 3:18ในงานวิจัยที่ออกแบบมาเพื่อทำให้คุณเครียดแทบบ้า
-
3:18 - 3:21มันชื่อว่า แบบทดสอบความเครียดทางสังคม
-
3:21 - 3:23คุณมาที่ห้องทดลอง
-
3:23 - 3:26และคุณถูกบอกว่าคุณต้อง
-
3:26 - 3:29พูดเกี่ยวกับจุดด้อยของคุณ นาน 5 นาที
โดยที่คุณไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า -
3:29 - 3:33ต่อหน้ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมิน
ที่จะนั่งเรียงกันอยู่ตรงหน้าคุณ -
3:33 - 3:35และเพื่อให้แน่ใจว่าคุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน
-
3:35 - 3:38จะมีแสงไฟสว่างๆ และกล้องฉายมาที่หน้าคุณ
-
3:38 - 3:41ประมาณนี้
-
3:41 - 3:43และผู้ประเมินได้รับการฝึกฝนมา
-
3:43 - 3:48เพื่อทำให้คุณท้อแท้แบบไม่ใช้คำพูดใดๆ ประมาณนี้
-
3:53 - 3:57(เสียงหัวเราะ)
-
3:57 - 3:59ตอนนี้ คุณเสียขวัญไปพอควรแล้ว
-
3:59 - 4:02ได้เวลาสำหรับส่วนที่สอง แบบทดสอบทางคณิตศาสตร์
-
4:02 - 4:04และโดยที่คุณไม่รู้
-
4:04 - 4:08ผู้ทดสอบได้รับการฝึกมาให้ก่อกวนคุณระหว่างการทดสอบ
-
4:08 - 4:11ตอนนี้ เราจะมาทำมันไปพร้อมๆกันค่ะ
-
4:11 - 4:12มันจะต้องสนุกล่ะ
-
4:12 - 4:13สำหรับฉันน่ะนะ
-
4:13 - 4:18เอาล่ะค่ะ ฉันอยากให้คุณทุกคนนับถอยหลัง
-
4:18 - 4:21จาก 996 ไปทีละ 7
-
4:21 - 4:23คุณจะต้องพูดมันออกมานะคะ
-
4:23 - 4:27เร็วที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ เริ่มจาก 996 ค่ะ
-
4:27 - 4:28เริ่มเลยค่ะ!
-
4:28 - 4:29ผู้ชม: (เสียงนับ)
-
4:29 - 4:32เร็วอีกค่ะ เร็วอีกหน่อย
-
4:32 - 4:34คุณช้าไปแล้วค่ะ
-
4:34 - 4:36หยุดๆๆๆ
-
4:36 - 4:38คุณคนนั้นนับผิดค่ะ
-
4:38 - 4:40เราต้องเริ่มกันใหม่ทั้งหมดอีกครั้งค่ะ
(เสียงหัวเราะ) -
4:40 - 4:43คุณทำได้ไม่ค่อยดี ใช่มั้ยคะ
-
4:43 - 4:45เอาล่ะ คุณคงพอนึกภาพออกแล้ว
-
4:45 - 4:46ถ้าคุณไปอยู่ในการศึกษาวิจัยนี้จริงๆ
-
4:46 - 4:48คุณอาจจะเครียดมากไปแล้ว
-
4:48 - 4:50หัวใจของคุณอาจจะเต้นแรง
-
4:50 - 4:53คุณอาจจะหายใจเร็วขึ้น อาจจะเหงือแตก
-
4:53 - 4:56และโดยทั่วไป เราแปลความหมาย
ของการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเหล่านี้ -
4:56 - 4:58ว่า ความวิตกกังวล
-
4:58 - 5:01หรือสัญญาณที่ว่า เราจัดการกับความเครียดได้ไม่ดีนัก
-
5:01 - 5:03แต่ถ้าหากคุณมองพวกมัน
-
5:03 - 5:05เป็นสัญญาณที่ว่าร่างกายของคุณมีชีวิตชีวาขึ้นล่ะ
-
5:05 - 5:09เป็นการเตรียมตัวที่จะได้เจอกับความท้าทายนี้ล่ะ
-
5:09 - 5:12นั่นคือสิ่งที่ผู้เข้าร่วมวิจัยถูกบอก
-
5:12 - 5:14ในงานวิจัยที่ทำโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
-
5:14 - 5:17ก่อนที่พวกเขาจะเข้าทำการทดสอบความเครียดทางสังคม
-
5:17 - 5:20พวกเขาถูกสอนให้คิดเกี่ยวกับ
ปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดเสียใหม่ว่ามีประโยชน์ -
5:20 - 5:24ว่าหัวใจที่เต้นแรงช่วยให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการกระทำ
-
5:24 - 5:27ถ้าคุณหายใจเร็วขึ้น นั่นไม่ใช่ปัญหา
-
5:27 - 5:30มันทำให้ออกซิเจนไปที่สมองคุณมากขึ้น
-
5:30 - 5:33และผู้เข้าร่วมซึ่งเรียนรู้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดนั้น
-
5:33 - 5:35เป็นประโยชน์ต่อความสามารถของพวกเขา
-
5:35 - 5:36ค่ะ พวกเขาเครียดน้อยลง
-
5:36 - 5:38กังวลน้อยลง มั่นใจมากขึ้น
-
5:38 - 5:40แต่ข้อค้นพบที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับฉัน
-
5:40 - 5:44คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับปฏิกิริยาทางร่างกาย
ของพวกเขาที่ตอบสนองต่อความเครียด -
5:44 - 5:46ในการตอบสนองความเครียดทั่วไป
-
5:46 - 5:48อัตราการเต้นหัวใจของคุณสูงขึ้น
-
5:48 - 5:52และเส้นเลือดของคุณจะหดตัวลงแบบนี้
-
5:52 - 5:55และนี่คือหนึ่งในเหตุผลทั้งหลายที่ว่าความเครียดเรื้อรัง
-
5:55 - 5:58บางครั้งมีผลเกี่ยวพันกับโรคหัวใจ
-
5:58 - 6:01มันไม่ดีต่อสุขภาพเลย
ที่จะต้องอยู่ภายในสภาวะแบบนี้ตลอดเวลา -
6:01 - 6:03แต่ในงานวิจัยนี้ เมื่อผู้เข้าร่วมมองว่า
-
6:03 - 6:06ปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดนั้นมีประโยชน์
-
6:06 - 6:09เส้นเลือดของพวกเขาผ่อนคลายแบบนี้
-
6:09 - 6:10หัวใจของพวกเขาก็ยังเต้นแรง
-
6:10 - 6:14แต่มันเป็นระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ดูมีสุขภาพดีกว่า
-
6:14 - 6:16ที่จริง สภาพมันดูเหมือนกับตอนที่
-
6:16 - 6:21คนเราอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุขและกล้าหาญ
-
6:21 - 6:24ตลอดช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ความเครียดต่างๆ
-
6:24 - 6:27การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพนี้
-
6:27 - 6:28สามารถทำให้เกิดความแตกต่าง
-
6:28 - 6:31ระหว่างหัวใจวายจากความเครียดตอนอายุ 50
-
6:31 - 6:34กับการอยู่ดีมีสุขไปจนถึงอายุ 90
-
6:34 - 6:37และนี่ก็คือสิ่งที่วิทยาศาสตร์ด้านความเครียดแนวใหม่
เปิดเผยออกมา -
6:37 - 6:41ว่า วิธีที่คุณคิดเกี่ยวกับความเครียดนั้นสำคัญ
-
6:41 - 6:44ดังนั้น เป้าหมายของฉันในฐานะนักจิตวิทยาสุขภาพได้เปลี่ยนไปแล้ว
-
6:44 - 6:46ฉันไม่ต้องการกำจัดความเครียดของคุณอีกต่อไปแล้ว
-
6:46 - 6:49ฉันอยากทำให้คุณดีขึ้นตอนที่เครียด
-
6:49 - 6:52และเราก็เพียงแค่ทำการแทรกแซงเล็กๆ
-
6:52 - 6:53ถ้าคุณยกมือของคุณและพูดว่า
-
6:53 - 6:56คุณเครียดมากๆ เมื่อปีที่แล้ว
-
6:56 - 6:57เราอาจจะช่วยรักษาชีวิตคุณเอาไว้ก็ได้
-
6:57 - 6:59เพราะหวังว่าในครั้งต่อไป
-
6:59 - 7:01เวลาที่หัวใจคุณเต้นแรงเพราะความเครียด
-
7:01 - 7:03คุณจะจดจำทอล์กนี้
-
7:03 - 7:05และคุณจะบอกกับตัวคุณเองว่า
-
7:05 - 7:10นี่คือการที่ร่างกายของฉันกำลังช่วยฉัน
ให้ลุกขึ้นสู้ต่อความท้าทายนี้ -
7:10 - 7:13และเมื่อคุณมองความเครียดในทางนั้น
-
7:13 - 7:15ร่างกายของคุณจะเชื่อคุณ
-
7:15 - 7:18และความเครียดของคุณจะดีต่อสุขภาพมากขึ้น
-
7:18 - 7:22ฉันพูดไปว่า ฉันใช้เวลามากกว่าสิบปี
ในการมองความเครียดเป็นมารร้าย -
7:22 - 7:24ที่ฉันจะต้องปลดปล่อยตัวเองออกจากมัน
-
7:24 - 7:27ดังนั้น เรากำลังจะทำการแทรกแซงอีกครั้งค่ะ
-
7:27 - 7:29ฉันอยากจะบอกคุณเกี่ยวกับ
-
7:29 - 7:32หนึ่งในด้านที่ถูกมากข้ามมากที่สุด
ในปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียด -
7:32 - 7:34และความคิดนี้ก็คือ:
-
7:34 - 7:37ความเครียดทำให้คุณเข้าสังคม
-
7:37 - 7:39ในการที่จะเข้าใจความเครียดในด้านนี้
-
7:39 - 7:42เราต้องพูดเกี่ยวกับฮอร์โมนที่ชื่อว่า ออกซิโทซิน
-
7:42 - 7:45และฉันรู้ค่ะว่า ออกซิโทซิน ได้รับการ
-
7:45 - 7:47พูดถึงอย่างมากเท่ากับที่ฮอร์โมนได้รับ
-
7:47 - 7:50มันได้แม้กระทั่งชื่อเล่นน่ารักๆ ว่า ฮอร์โมนคลอเคลีย
-
7:50 - 7:53เพราะมันจะถูกหลั่งออกมาเมื่อคุณกอดใครสักคน
-
7:53 - 7:57แต่นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ออกซิโทซินเกี่ยวข้อง
-
7:57 - 8:00ออกซิโทซินเป็นฮอร์โมนประสาท
-
8:00 - 8:03มันปรับสัญชาตญาณการเข้าสังคมของสมองของคุณ
-
8:03 - 8:06มันตระเตรียมคุณให้ทำอะไรๆ
-
8:06 - 8:09ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์แบบใกล้ชิด
-
8:09 - 8:12ออกซิโทซินทำให้คุณต้องการการสัมผัสทางกาย
-
8:12 - 8:14กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ
-
8:14 - 8:16มันเพิ่มการเห็นอกเห็นใจของคุณ
-
8:16 - 8:19มันทำให้คุณอยากที่จะช่วยเหลือและสนับสนุน
-
8:19 - 8:22คนที่คุณเป็นห่วงเป็นใย
-
8:22 - 8:23บางคนแนะนำแม้กระทั่งว่า
-
8:23 - 8:27เราควรจะพ่นออกซิโทซินออกทางจมูก
-
8:27 - 8:31เพื่อที่จะได้มีความเห็นอกเห็นใจและห่วงใยมากขึ้น
-
8:31 - 8:34แต่นี่เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ
-
8:34 - 8:36เกี่ยวกับออกซิโทซิน
-
8:36 - 8:39มันคือ ฮอร์โมนความเครียด
-
8:39 - 8:42ต่อมใต้สมองของคุณผลิตเจ้าสารนี้ออกมา
-
8:42 - 8:44เป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อความเครียด
-
8:44 - 8:46มันเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อความเครียด มากพอๆ กับ
-
8:46 - 8:50อะดรีนาลีนที่ทำให้หัวใจคุณเต้นแรง
-
8:50 - 8:53และเมื่อออกซิโทซินถูกปล่อยออกมา
เพื่อตอบสนองความเครียด -
8:53 - 8:56มันจะกระตุ้นให้คุณมองหากำลังใจ
-
8:56 - 8:58ปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดทางชีวภาพ
-
8:58 - 9:02ได้กระตุ้นให้คุณบอกใครสักคนว่าคุณรู้สึกยังไง
-
9:02 - 9:04มากกว่าที่จะเก็บกดมันเอาไว้
-
9:04 - 9:07ปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดของคุณ
ต้องการที่จะแน่ใจว่า คุณสังเกตเห็น -
9:07 - 9:10ว่าใครสักคนในชีวิตคุณกำลังลำบาก
-
9:10 - 9:12เพื่อที่ว่าคุณจะได้เป็นกำลังใจให้กันและกัน
-
9:12 - 9:16เมื่อชีวิตตกที่นั่งลำบาก
ปฏิกิริยาสนองความเครียดของคุณต้องการให้คุณ -
9:16 - 9:21ถูกห้อมล้อมไปด้วยคนที่ห่วงใยคุณ
-
9:21 - 9:24เอาล่ะ แล้วการได้รู้จักด้านนี้ของความเครียด
-
9:24 - 9:26จะทำให้คุณสุขภาพดีขึ้นได้ยังไงล่ะ
-
9:26 - 9:28ก็ออกซิโทซินมันไม่ได้แค่มีผลต่อสมองเท่านั้นค่ะ
-
9:28 - 9:31มันยังมีผลต่อร่างกายของคุณด้วย
-
9:31 - 9:33และหนึ่งในบทบาทหลักของมันที่มีต่อร่างกายคุณ
-
9:33 - 9:36ก็คือ เพื่อป้องกันระบบหัวใจและหลอดเลือดของคุณ
-
9:36 - 9:38จากผลลัพธ์ทางความเครียดต่างๆ
-
9:38 - 9:41มันเป็นยาแก้อักเสบแบบธรรมชาติ
-
9:41 - 9:44มันยังช่วยให้หลอดเลือดคุณผ่อนคลายระหว่างเครียดอีกด้วย
-
9:44 - 9:47แต่ผลที่มีต่อร่างกายที่ฉันชอบมาก คือผลที่มีต่อหัวใจค่ะ
-
9:47 - 9:51หัวใจของคุณมีหน่วยรับเจ้าฮอร์โมนนี้
-
9:51 - 9:55และออกซิโทซินช่วยผลิตใหม่และรักษาเซลล์หัวใจ
-
9:55 - 9:59ที่เสียหายจากความเครียด
-
9:59 - 10:03ฮอร์โมนความเครียดตัวนี้ทำให้หัวใจของคุณแข็งแรงขึ้น
-
10:03 - 10:07และสิ่งที่เจ๋งก็คือว่า ประโยชน์ที่มีต่อร่างกาย
-
10:07 - 10:10ของออกซิโทซินทั้งหมดนี้ เพิ่มขึ้นได้ด้วยการพบปะทางสังคม
-
10:10 - 10:12และการเกื้อหนุนทางสังคม
-
10:12 - 10:15ดังนั้น เมื่อคุณเอื้อมไปหาคนอื่นตอนที่เครียด
-
10:15 - 10:18ไม่ว่าจะเพื่อหากำลังใจหรือเพื่อช่วยคนอื่น
-
10:18 - 10:20คุณได้หลั่งฮอร์โมนนี้มากขึ้น
-
10:20 - 10:22ปฏิกิริยาสนองความเครียดของคุณดีต่อสุขภาพมากขึ้น
-
10:22 - 10:25และคุณจะฟื้นจากความเครียดได้เร็วขึ้น
-
10:25 - 10:28ฉันพบว่าสิ่งนี้น่ามหัศจรรย์ค่ะ
-
10:28 - 10:32ปฏิกิริยาสนองความเครียดของคุณมีกลไกภายใน
-
10:32 - 10:34สำหรับการฟื้นฟูจากความเครียด
-
10:34 - 10:39และเจ้ากลไกนั้นคือ ความสัมพันธ์ของมนุษย์
-
10:39 - 10:42ฉันอยากจะลงท้ายด้วยการบอกคุณถึงงานวิจัยอีกชิ้นค่ะ
-
10:42 - 10:46และตั้งใจฟังดีๆ นะคะ เพราะงานวิจัยชิ้นนี้สามารถช่วยชีวิตได้ด้วย
-
10:46 - 10:50งานศึกษานี้ติดตามผู้ใหญ่ 1,000 คนในสหรัฐฯ
-
10:50 - 10:54พวกเขาอยู่ในช่วงอายุ 34-93
-
10:54 - 10:56และงานวิจัยเริ่มขึ้นด้วยการถามว่า
-
10:56 - 11:01"คุณเจอความเครียดมากแค่ไหนในปีที่ผ่านมา"
-
11:01 - 11:04พวกเขาถามด้วยว่า "คุณใช้เวลามากแค่ไหน
-
11:04 - 11:07ในการช่วยเหลือเพื่อน เพื่อนบ้าน
-
11:07 - 11:10และคนอื่นๆในชุมชนของคุณ"
-
11:10 - 11:13แล้วพวกเขาก็ดูที่สถิติของรัฐในห้าปีถัดมา
-
11:13 - 11:16ว่าใครตายไปบ้าง
-
11:16 - 11:18เอาล่ะ ข่าวร้ายก่อนนะคะ
-
11:18 - 11:21สำหรับความเครียดหนักมากๆในชีวิต
-
11:21 - 11:24เช่น ความลำบากทางการเงิน หรือวิกฤตครอบครัว
-
11:24 - 11:28นั่นเพิ่มความเสี่ยงในการตายไป 30%
-
11:28 - 11:32แต่ -- จนถึงตอนนี้
ฉันหวังว่าพวกคุณกำลังหวังว่าจะมีคำว่าแต่นะคะ -- -
11:32 - 11:35แต่นั่นไม่จริงสำหรับทุกคน
-
11:35 - 11:39คนที่ใช้เวลาไปกับการดูแลคนอื่น
-
11:39 - 11:45ได้แสดงให้เห็นว่า ไม่มีการเพิ่มขึ้นของการตาย
ที่เกี่ยวข้องกับความเครียดเลย เป็นศูนย์ค่ะ -
11:45 - 11:48การดูแลห่วงใยได้สร้างการฟื้นฟูขึ้น
-
11:48 - 11:50และเราก็ได้เห็นอีกครั้งหนึ่ง
-
11:50 - 11:52ว่าผลลัพธ์ที่อันตรายของความเครียดที่มีต่อสุขภาพของคุณ
-
11:52 - 11:54เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงได้
-
11:54 - 11:57วิธีที่คุณคิดและทำ
-
11:57 - 12:01สามารถเปลี่ยนประสบการณ์ทางความเครียดของคุณได้
-
12:01 - 12:03เมื่อคุณเลือกที่จะมองว่าปฏิกิริยาสนองความเครียดของคุณ
-
12:03 - 12:06มีประโยชน์
-
12:06 - 12:11คุณได้สร้างชีววิทยาของความกล้าหาญขึ้น
-
12:11 - 12:14และเมื่อคุณเลือกที่จะสัมพันธ์กับผู้อื่นระหว่างที่เครียด
-
12:14 - 12:17คุณสามารถสร้างการฟื้นฟูได้
-
12:17 - 12:20ตอนนี้ ฉันไม่จำเป้นต้องถามถึง
-
12:20 - 12:23ประสบการณ์ความเครียดที่มากขึ้นในชีวิตฉัน
-
12:23 - 12:25แต่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์นี้ได้มอบ
-
12:25 - 12:29การรับรู้ความเครียดแบบใหม่โดยสิ้่นเชิงให้กับฉัน
-
12:29 - 12:34ความเครียดมอบหนทางในการเข้าถึงใจของพวกเรา
-
12:34 - 12:38ใจที่เอื้อเฟื้อที่พบเจอความสุขและความหมาย
-
12:38 - 12:39ในการสัมพันธ์กับผู้อื่น
-
12:39 - 12:43และใช่ค่ะ หัวใจที่เต้นแรง
-
12:43 - 12:48ทำงานอย่างหนักเพื่อมอบความเข้มแข็งและกำลังให้กับคุณ
-
12:48 - 12:51และเมื่อคุณเลือกที่จะมองความเครียดในแง่นี้
-
12:51 - 12:54คุณไม่ได้เพียงแค่เครียดได้ดีขึ้น
-
12:54 - 12:58จริงๆแล้ว คุณกำลังบอกกล่าวอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้ง
-
12:58 - 13:01คุณกำลังบอกว่า คุณสามารถเชื่อตัวคุณเอง
-
13:01 - 13:04ในการจัดการความท้าทายในชีวิต
-
13:04 - 13:07และคุณกำลังจดจำว่า
-
13:07 - 13:09คุณไม่จำเป็นต้องเจอกับมันเพียงลำพัง
-
13:09 - 13:11ขอบคุณค่ะ
-
13:11 - 13:20(เสียงปรบมือ)
-
13:20 - 13:23คริส แอนเดอร์สัน (Chris Anderson):
นี่มันน่าทึ่งมากครับ สิ่งที่คุณกำลังบอกพวกเรา -
13:23 - 13:27มันดูน่าทึ่งสำหรับผม ที่ความเชื่อเกี่ยวกับความเครียด
-
13:27 - 13:32สามารถสร้างความแตกต่างมากมาย
ให้กับช่วงอายุขัยของใครสักคน -
13:32 - 13:34คุณจะแนะนำเพิ่มเติมยังไงได้บ้างครับ
-
13:34 - 13:36เช่น ถ้าใครบางคนกำลังเลือกทางชีวิต
-
13:36 - 13:40ระหว่าง งานที่เครียดกับไม่เครียด
-
13:40 - 13:42มันสำคัญมั้ยกับทางที่เขาจะเลือก
-
13:42 - 13:46มันฉลาดพอมั้ยที่จะเลือกงานที่เครียด
-
13:46 - 13:48ตราบเท่าที่เราเชื่อว่าเราจัดการมันได้
-
13:48 - 13:50เคลลี่ แมคกอนนีกัล (Kelly McGonigal):
ใช่ค่ะ และสิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่ๆ -
13:50 - 13:53ก็คือว่าการไล่หาความหมายนั้นดีกับสุขภาพมากกว่า
-
13:53 - 13:54การพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบาย
-
13:54 - 13:57ดังนั้น ฉันก็จะบอกว่า ทางที่ดีที่สุดในการตัดสินใจ
-
13:57 - 14:00คือการไปตามสิ่งที่สร้างความหมายให้กับชีวิตของคุณ
-
14:00 - 14:03แล้วก็เชื่อมั่นในตัวเองในการจัดการกับความเครียดที่จะตามมา
-
14:03 - 14:06คริส แอนเดอร์สัน: ขอบคุณมากครับ เคลลี่ ยอดเยี่ยมมากครับ
เคลลี่ แมคกอนิกัล: ขอบคุณค่ะ -
14:06 - 14:10(เสียงปรบมือ)
- Title:
- จะเป็นเพื่อนกับความเครียดได้ยังไง
- Speaker:
- เคลลี่ แมคกอนิกัล (Kelly McGonigal)
- Description:
-
ความเครียด มันทำให้หัวใจคุณเต้นแรง ลมหายใจถี่ขึ้น และเหงื่อออกบนหน้าผาก แต่ขณะที่ความเครียดกลายเป็นศัตรูทางสุขภาพของคนส่วนใหญ่นั้น งานวิจัยชิ้นใหม่เสนอว่าความเครียดจะไม่ดีต่อคุณก็ต่อเมื่อคุณเชื่อว่ามันเป็นแบบนั้นเท่านั้น นักจิตวิทยา เคลลี่ แมคกอนิกัล ชวนให้พวกเรามองความเครียดในด้านบวก และแนะนำเราให้รู้จักกับกลไกที่ไม่ได้รับการเอ่ยถึงมาก่อนสำหรับการลดความเครียด นั่นก็คือการเข้าหาผู้อื่น
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 14:28
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for How to make stress your friend | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How to make stress your friend | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for How to make stress your friend | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How to make stress your friend | ||
Piyawit SEREEYOTIN accepted Thai subtitles for How to make stress your friend | ||
Piyawit SEREEYOTIN edited Thai subtitles for How to make stress your friend | ||
Piyawit SEREEYOTIN edited Thai subtitles for How to make stress your friend | ||
Piyawit SEREEYOTIN edited Thai subtitles for How to make stress your friend |
Kelwalin Dhanasarnsombut
Good to go! Thanks for your collaboration :)