แบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ที่สร้างอาหารอร่อย ๆ - เอเรซ การ์ตี (Erez Garty)
-
0:07 - 0:09ทำไมขนมปังถึงฟูนุ่ม
-
0:09 - 0:11ทำไมเนยแข็งสวิสถึงมีรู
-
0:11 - 0:14และอะไรที่ทำให้น้ำสมสายชูมีรสเปรี้ยว
-
0:14 - 0:16อาหารเหล่านี้อาจมีรสชาติต่างกันไป
-
0:16 - 0:21แต่ปรากฏการณ์ทั้งหมด เกิดจากการย่อยน้ำตาล
ของสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ -
0:21 - 0:24และการพ่นผลิตภัณฑ์ข้างเคียง
ที่เป็นอาหารออกมา -
0:24 - 0:27เรามาเริ่มกันที่ยีส
-
0:27 - 0:32ยีสเป็นราเซลล์เดียว
ที่ใช้ในการผลิตขนมปัง เบียร์ และไวน์ -
0:32 - 0:34และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
-
0:34 - 0:36ยีสย่อยคาร์โบไฮเดรต เช่น น้ำตาล
-
0:36 - 0:40เพื่อให้ได้พลังงาน และโมเลกุล
ที่พวกมันต้องการในการดำรงชีพ -
0:40 - 0:42พวกมันสามารถทำได้สองวิธีการ
-
0:42 - 0:45คือแบบที่ใช้ออกซิเจน หรือแอโรบิก
-
0:45 - 0:48และแบบไม่ใช้ออกซิเจน หรือแอนาโรบิก
-
0:48 - 0:51ซึ่งยังถูกเรียกอีกชื่อว่า การหมัก
-
0:51 - 0:54เมื่อคุณอบขนมปัง
ยีสสามารถใช้ได้ทั้งสองวิธี -
0:54 - 0:59แต่ตามปกติพวกมันชอบที่จะเริ่มด้วย
กระบวนการแอนาโรบิก กระบวนการหมัก -
0:59 - 1:03ในกระบวนการนี้ เอธานอลถูกผลิตขึ้น
แทนที่จะเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ -
1:03 - 1:05ไม่ ขนมปังไม่ใช่ของมึนเมา
-
1:05 - 1:10แอลกอฮอล์ปริมาณเพียงเล็กน้อยที่ถูกหลั่งออกมา
ระเหยไประหว่างการอบ -
1:10 - 1:13ในแอโรบิก หรือวิธีการที่ใช้ออกซิเจน
-
1:13 - 1:15ยีสกินน้ำตาลไปบ้าง
-
1:15 - 1:20และผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
หรือ CO2 และน้ำ -
1:20 - 1:25ในทั้งสองกระบวนการ CO2 สะสม
และสร้างฟองอากาศเล็ก ๆ -
1:25 - 1:29ฟองอากาศเหล่านี้ถูกขังอยู่ในกลูเตน
และสร้างโครงสร้างที่คล้ายกับฟองน้ำ -
1:29 - 1:32ที่ทำให้ขนมปังมีเนื้อที่นุ่ม
-
1:32 - 1:34ไวน์ก็ต้องพึ่งพายีสเหมือนกัน
-
1:34 - 1:38แต่สถานที่ทำไวน์
มีการควบคุมระดับออกซิเจนให้อยู่ในระดับต่ำ -
1:38 - 1:41เพื่อที่ยีสจะได้กินน้ำตาล
โดยใช้การหมัก -
1:41 - 1:43หรือวิธีแอนาโรบิก
-
1:43 - 1:48กระบวนการนี้ มักเริ่มต้นด้วยยีสในธรรมชาติ
ที่มีอยู่ในองุ่นอยู่แล้ว -
1:48 - 1:50แต่เพื่อให้ได้ผลลัพท์
ที่มีความแน่นอนสม่ำเสมอ -
1:50 - 1:54ผู้ผลิตไวน์ส่วนใหญ่ยังเติมสายพันธุ์ยีส
ที่ทนต่อแอลกอฮอล์ระดับสูงได้ -
1:54 - 1:57ลงไปอย่างระมัดระวัง
-
1:57 - 2:00ยีสกินน้ำตาลในน้ำองุ่น
-
2:00 - 2:01และเมื่อระดับน้ำตาลตก
-
2:01 - 2:04ระดับแอลกอฮอล์ก็สูงขึ้น
-
2:04 - 2:07นั่นไม่ได้หมายความว่า
ไวน์ที่หวานกว่าจะมีแอลกอฮอล์น้อยกว่าเสมอไป -
2:07 - 2:10องุ่นชนิดต่าง ๆ
มีปริมาณน้ำตาลเริ่มต้นที่ต่างกัน -
2:10 - 2:12และน้ำตาลก็ยังสามารถถูกเติมลงไปได้
-
2:12 - 2:14แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคาร์บอนไดออกไซด์
-
2:14 - 2:16มันก็แค่ลอยเป็นฟองอากาศออกไปผ่านช่อง
-
2:16 - 2:20ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีคาร์บอนไดออกไซด์
เช่นแชมเปญหรือเบียร์ -
2:20 - 2:24ภาชนะที่ถูกปิดถูกใช้เป็น
ที่หมักครั้งแรกหรือครั้งที่สอง -
2:24 - 2:27เพื่อรักษาคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ในขวด
-
2:27 - 2:32ไวน์ยังนำเราไปสู่
จุลชีพที่ผลิตอาหารประเภทที่สอง -
2:32 - 2:33แบคทีเรีย
-
2:33 - 2:35แบคทีเรียสายพันธุ์จำเพาะ
-
2:35 - 2:40เปลี่ยนองค์ประกอบรสเปรี้ยวจัดในน้ำองุ่น
ให้มีรสอ่อนลง -
2:40 - 2:45ที่ทำให้เกิดรสชาติบางส่วนของไวน์แดง
และชาร์ดองเนย์ (Chardonnay) -
2:45 - 2:48แบคทีเรียอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า
แบคทีเรียกรดอะซิติก -
2:48 - 2:50ไม่เป็นที่ต้องการในไวน์
-
2:50 - 2:52แต่พวกมันก็มีหน้าที่เหมือนกัน
-
2:52 - 2:53ถ้ามีออกซิเจนอยู่
-
2:53 - 2:59พวกมันจะเปลี่ยนเอธานอลในไวน์
เป็นกรดอะซิติก -
2:59 - 3:03ให้กระบวนการนี้ดำเนินต่อไป
และในที่สุด คุณจะได้น้ำส้มสายชู -
3:03 - 3:06แบคทีเรียเป็นกุญแจสำคัญของเนยแข็งด้วย
-
3:06 - 3:10เพื่อทำเนยแข็ง
แบคทีเรียถูกเติมลงในนม -
3:10 - 3:13แบคทีเรียกินแลคโตส
ซึ่งเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่ง -
3:13 - 3:17และสร้างกรดแลคติก
กับสารเคมีอื่น ๆ -
3:17 - 3:20เมื่อนมเป็นกรดมากขึ้นและมากขึ้น
-
3:20 - 3:23โปรตีนของมันเริ่มที่จะเกาะกัน
และกลายเป็นก้อน -
3:23 - 3:27นั่นเป็นเหตุว่าทำไมนมบูดจึงดูเป็นลิ่ม ๆ
-
3:27 - 3:29ผู้ผลิตชีสมักเติมเอนไซม์
ที่เรียกว่า เรนเนท -
3:29 - 3:33ที่พบได้ตามธรรมชาติในวัว แกะ
และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิด -
3:33 - 3:36เพื่อช่วยในกระบวนการนี้
-
3:36 - 3:39ในที่สุด ลิ่มเล็ก ๆ พวกนั้น
ก็จะกลายเป็นก้อนใหญ่ -
3:39 - 3:42ซึ่งจะถูกบีบอัดเอาน้ำออก
-
3:42 - 3:44และกลายเป็นเนยที่มีเนื้อแข็ง
-
3:44 - 3:47แบคทีเรียสายพันธุ์ที่ต่างกัน
จะให้เนยแข็งที่ไม่เหมือนกัน -
3:47 - 3:51ยกตัวอย่างเช่น แบคทีเรีย
ที่ให้คาร์บอนไดออกไซด์ -
3:51 - 3:55คือสายพันธุ์ที่ทำให้เนยแข็งสวิส
มีรูที่เป็นเอกลักษณ์ -
3:55 - 4:00เนยแข็งบางอย่าง เช่น บรี และกามองแบร์
ใช้จุลชีพชนิดอื่นด้วย -
4:00 - 4:02เชื้อรานั้นเอง
-
4:02 - 4:06ฉะนั้นห้องครัวของคุณ
ทำงานในแบบห้องทดลองเทคโนโลยีชีวภาพ -
4:06 - 4:10ที่กำกับโดยจุลชีพ
ที่สร้างรายการอาหารให้กับคุณ -
4:10 - 4:14โยเกิร์ต, ซอสถั่วเหลือง, ซาวครีม,
ผักกาดดอง, -
4:14 - 4:20คีเฟอร์, กิมจิ, คอมบูชา,
เชดดาชีส, ขนมปังชัลลาห์, ปิต้า และนานน์ -
4:20 - 4:22แต่คงไม่กินหมดนี่ในคราวเดียวนะ
- Title:
- แบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ที่สร้างอาหารอร่อย ๆ - เอเรซ การ์ตี (Erez Garty)
- Description:
-
ชมบทเรียนแบบเต็มที่: http://ed.ted.com/lessons/why-is-bread-fluffy-vinegar-sour-and-swiss-cheese-holey-erez-garty
ทำไมขนมปังถึงฟูนุ่ม ทำไมเนยแข็งสวิสถึงมีรู และอะไรที่ทำให้น้ำสมสายชูมีรสเปรี้ยว อาหารเหล่านี้อาจมีรสชาติต่างกันไป แต่ปรากฏการณ์ทั้งหมดเกิดจากการย่อยน้ำตาลและของจุลขีพและการพ่นผลิตภัณฑ์ข้างเคียงที่เป็นอาหารออกมา เอเรซ การ์ตี แสงว่าครัวของคุณทำงานอย่างไรในแบบห้องทดลองเทคโนโลยีชีวภาพ ที่กำกับโดยจุลชีพที่สร้างรายการอาหารให้กับคุณ
บทเรียนโดย Erez Garty, แอนิเมชันโดย Smart Party
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 04:40
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for The beneficial bacteria that make delicious food - Erez Garty | ||
Rawee Ma accepted Thai subtitles for The beneficial bacteria that make delicious food - Erez Garty | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The beneficial bacteria that make delicious food - Erez Garty | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The beneficial bacteria that make delicious food - Erez Garty | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The beneficial bacteria that make delicious food - Erez Garty | ||
Rawee Ma declined Thai subtitles for The beneficial bacteria that make delicious food - Erez Garty | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for The beneficial bacteria that make delicious food - Erez Garty | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for The beneficial bacteria that make delicious food - Erez Garty |