เคล็ดลับความจำที่ใครๆ ก็ทำได้
-
0:00 - 0:05ผมอยากให้ทุกคนลองหลับตา
-
0:05 - 0:08นึกภาพว่าคุณกำลังยืน
-
0:08 - 0:11อยู่หน้าประตูบ้านของคุณเอง
-
0:11 - 0:15ขอให้คุณสังเกตสีของประตู
-
0:15 - 0:19สังเกตว่าประตูทำจากวัสดุอะไร
-
0:19 - 0:26ทีนี้ลองนึกภาพคนอ้วนเปลือยกลุ่มหนึ่งกำลังขี่จักรยานอยู่
-
0:26 - 0:29พวกเขากำลังแข่งขันปั่นจักรยานเปลือย
-
0:29 - 0:32และกำลังมุ่งหน้าไปยังประตูบ้านของคุณ
-
0:32 - 0:34ผมอยากให้คุณจินตนาการจนเห็นภาพนี้จริงๆ
-
0:34 - 0:38พวกเขาปั่นด้วยความเร็วสูง เหงื่อโทรมกาย
-
0:38 - 0:40กระเด้งกระดอนใหญ่เลย
-
0:40 - 0:44แล้วในที่สุดก็ชนโครมเข้าที่ประตูบ้านคุณ
-
0:44 - 0:48จักรยานกระเด็นเกลื่อนกลาด ล้อหลุดกลิ้งผ่านคุณไป
-
0:48 - 0:52ซี่ล้อกระจายไปทั่ว
-
0:52 - 0:55ทีนี้ลองก้าวข้ามธรณีประตูของคุณ
-
0:55 - 0:58เข้าไปสู่ห้องโถง ทางเดิน หรืออะไรก็ตามที่อยู่อีกฟาก
-
0:58 - 1:02ลองพิจารณาลำแสง
-
1:02 - 1:08ที่สาดส่องมายังเจ้าตัวคุกกี้ มอนสเตอร์
-
1:08 - 1:11คุกกี้ มอนสเตอร์โบกมือให้คุณ
-
1:13 - 1:15จากบนหลังม้าสีแทนที่เขานั่งอยู่
-
1:13 - 1:15มันเป็นม้าพูดได้
-
1:15 - 1:20ขนสีฟ้าของเขาปลิวมาโดนจมูกของคุณจนรู้สึกจั๊กจี้
-
1:20 - 1:24คุณได้กลิ่นคุกกี้ข้าวโอ๊ตกับลูกเกด
ที่เขากำลังจะเขมือบเข้าปาก -
1:24 - 1:28เดินผ่านเขาไปทางห้องนั่งเล่นของคุณ
-
1:28 - 1:31ในห้องนั่งเล่น ใช้จินตนาการให้เต็มที่
-
1:31 - 1:34จนคุณเห็นบริตนี่ย์ สเปียส์
-
1:34 - 1:39เธอนุ่งน้อยห่มน้อย กำลังเต้นอยู่บนโต๊ะกาแฟของคุณ
-
1:39 - 1:42และร้องเพลง "Hit Me Baby One More Time"
-
1:42 - 1:45ทีนี้ตามผมมาในครัวของคุณ
-
1:45 - 1:49ในครัวของคุณ ตอนนี้มีถนนปูอิฐสีเหลืองพาดผ่าน
-
1:49 - 1:53อะไรบางอย่างกำลังเดินออกจากเตาอบมาหาคุณ
-
1:53 - 1:55โดโรธี มนุษย์สังกะสี
-
1:55 - 1:57หุ่นไล่กา และสิงโตจากเรื่องพ่อมดออสซ์
-
1:57 - 2:00กำลังจับมือกันกึ่งเดินกึ่งกระโดดตรงมาหาคุณ
-
2:00 - 2:04โอเคครับ ลืมตาได้
-
2:04 - 2:08ผมอยากเล่าให้คุณฟัง เรื่องการแข่งขันประหลาดๆ
-
2:08 - 2:11ที่จัดขึ้นทุกฤดูใบไม้ผลิในเมืองนิวยอร์ก
-
2:11 - 2:14งานนี้เรียกว่า การชิงแชมป์นักจำแห่งสหรัฐอเมริกา
(United States Memory Championship) -
2:14 - 2:17ผมไปทำข่าวการแข่งขันนี้เมื่อสองสามปีก่อน
-
2:17 - 2:19ในฐานะผู้สื่อข่าวสายวิทยาศาสตร์
-
2:19 - 2:22โดยคาดหวังว่า งานนี้คงน่าตื่นเต้น
-
2:22 - 2:25เหมือนการแข่งซุเปอร์โบวล์ของนักปราชญ์ขั้นเทพ
-
2:25 - 2:28ปรากฏว่า คนเหล่านี้ คือผู้ชายกลุ่มใหญ่ กับผู้หญิงไม่กี่คน
-
2:28 - 2:33ที่มีความหลากหลายสูงมาก
ทั้งเรื่องอายุ และระดับการรักษาสุขอนามัย -
2:33 - 2:35(เสียงหัวเราะ)
-
2:35 - 2:39พวกเขาจำตัวเลขสุ่มนับร้อยๆ ตัว
-
2:39 - 2:41หลังจากมองดูแค่ครั้งเดียว
-
2:41 - 2:45พวกเขาจำชื่อคนแปลกหน้าจำนวนไม่รู้กี่โหลต่อกี่โหล
-
2:45 - 2:49จำบทกวีทั้งบทภายในสองสามนาที
-
2:49 - 2:51พวกเขาแข่งกันเพื่อดูว่าใครจะสามารถ
-
2:51 - 2:55จำลำดับของไพ่ในกองที่สับแล้วได้เร็วที่สุด
-
2:55 - 2:57ผมแบบ... โอ้ นี่มันเหลือเชื่อ
-
2:57 - 3:00คนพวกนี้ต้องเป็นมนุษย์ประหลาดแน่ๆ
-
3:00 - 3:03แล้วผมก็เริ่มคุยกับผู้เข้าแข่งขันสองสามคน
-
3:03 - 3:05ชายคนนี้ชื่อเอ็ด คุก
-
3:05 - 3:06มาจากอังกฤษ
-
3:06 - 3:08เขาเป็นหนึ่งในคนที่ฝึกฝนความจำมาดีที่สุด
-
3:08 - 3:12ผมถามเขาว่า "เอ็ด คุณรู้ตัวเมื่อไหร่
-
3:12 - 3:15ว่าคุณเป็นนักปราชญ์ขั้นเทพ?"
-
3:15 - 3:17เอ็ดตอบมาว่า "ผมไม่ใช่นักปราชญ์ขั้นเทพ
-
3:17 - 3:20ที่จริงผมมีความจำดีปานกลางเท่านั้นแหละ
-
3:20 - 3:22ทุกคนที่มาแข่งในงานนี้
-
3:22 - 3:25จะพูดเหมือนกันหมด ว่าเขาความจำดีปานกลาง
-
3:25 - 3:27แต่เราทุกคนล้วนฝึกฝนตัวเอง
-
3:27 - 3:31ให้สามารถจำได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์
-
3:31 - 3:33โดยใช้เทคนิคโบราณ
-
3:33 - 3:37ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาในประเทศกรีซเมื่อ 2,500 ปีก่อน
-
3:37 - 3:40เทคนิคเดียวกับที่ซิเซโรใช้
-
3:40 - 3:42ในการจดจำปาฐกถาที่เขาจะพูด
-
3:42 - 3:46และที่นักวิชาการในยุคกลาง
ใช้เพื่อช่วยจำหนังสือทั้งเล่ม -
3:46 - 3:49ผมได้ฟังก็แบบ "โว้ว ทำไมผมไม่เคยได้ยิน
เรื่องนี้มาก่อนเลยเนี่ย?" -
3:49 - 3:52แล้วเราก็ออกมายืนกันหน้าหอประชุมที่ใช้จัดการแข่งขัน
-
3:52 - 3:56แล้วเอ็ด ชายนิสัยดี ฉลาดหลักแหลม
-
3:56 - 3:59แต่ท่าทางประหลาด จากประเทศอังกฤษ
-
3:59 - 4:03พูดกับผมว่า "โจช คุณเป็นนักข่าวอเมริกัน
-
4:03 - 4:05คุณสนิทกับบริตนีย์ สเปียส์ไหม?"
-
4:05 - 4:10ผมแบบ "อะไรนะ? ไม่อ่ะ ทำไมเหรอ?"
-
4:10 - 4:13"เพราะผมอยากจะสอนบริตนีย์ สเปียส์
-
4:13 - 4:16ให้จำลำดับของไพ่ในกองที่สับแล้ว
-
4:16 - 4:18ออกโทรทัศน์ในอเมริกา
-
4:18 - 4:21เพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าใครๆ ก็ทำอย่างนี้ได้"
-
4:21 - 4:26(เสียงหัวเราะ)
-
4:26 - 4:29ผมเลยบอกว่า "เอ่อ ผมไม่ใช่บริตนีย์ สเปียส์
-
4:29 - 4:32แต่คุณจะลองสอนผมดูก็ได้นะ
-
4:32 - 4:35คือ คุณต้องลองกับใครสักคนก่อน ใช่ไหมล่ะ?"
-
4:35 - 4:38และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทาง
ที่แสนประหลาดของผม -
4:38 - 4:41กลายเป็นว่า ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในปีถัดมา
-
4:41 - 4:43ไม่เพียงแต่ฝึกฝนความจำของผม
-
4:43 - 4:45แต่ยังศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับความจำ
-
4:45 - 4:47เพื่อพยายามเข้าใจว่ามันทำงานอย่างไร
-
4:47 - 4:50ทำไมบางครั้งมันจึงทำงานได้ไม่ดี
-
4:50 - 4:52และมันมีศักยภาพแค่ไหน
-
4:52 - 4:54ผมพบคนที่น่าสนใจสุดๆ มากมาย
-
4:54 - 4:56ผู้ชายคนนี้ชื่อว่า อี.พี.
-
4:56 - 4:59เขาเป็นโรคความจำเสื่อม
-
4:59 - 5:01และน่าจะเป็นคนที่ความแย่ที่สุดในโลก
-
5:01 - 5:03ความจำของเขาแย่มาก
-
5:03 - 5:06ถึงขั้นที่เขาจำไม่ได้ว่าเขามีปัญหาเรื่องความจำ
-
5:06 - 5:08ซึ่งน่าทึ่งมาก
-
5:08 - 5:09ชีวิตของเขาน่าเศร้าอย่างเหลือเชื่อ
-
5:09 - 5:11แต่เขาก็เป็นหน้าต่างที่ทำให้เราเห็น
-
5:11 - 5:15ว่าความทรงจำสำคัญกับความเป็นตัวตนของเราแค่ไหน
-
5:15 - 5:18ในขั้วตรงกันข้าม ผมพบผู้ชายคนนี้
-
5:18 - 5:20นี่คือคิม พีค (Kim Peek)
-
5:20 - 5:23เขาคือที่มาของตัวละครที่รับบท
โดยดัสติน ฮอฟแมนในเรื่อง Rain Man -
5:23 - 5:26บ่ายวันหนึ่ง
เรานั่งจำชื่อในสมุดโทรศัพท์อยู่ด้วยกัน -
5:26 - 5:30ที่ห้องสมุดสาธารณะ เมืองซอลท์ เลค ซิตี้
-
5:30 - 5:33สนุกมากเลยนะ
-
5:33 - 5:36(เสียงหัวเราะ)
-
5:36 - 5:39แล้วผมก็ย้อนไปอ่านหนังสือโบราณต่างๆ
เกี่ยวกับความทรงจำ -
5:39 - 5:43หนังสือพวกนี้เขียนขึ้นมานานกว่า 2,000 ปีที่แล้ว
-
5:43 - 5:45ในภาษาละติน ตั้งแต่ยุคโบราณ
-
5:45 - 5:47และต่อมาในยุคกลาง
-
5:47 - 5:50ผมได้เรียนรู้อะไรๆ ที่น่าสนใจมากมาย
-
5:50 - 5:53เรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่งที่ผมได้รู้คือ
-
5:53 - 5:56สมัยก่อนนี้
-
5:56 - 6:01การมีความจำที่ได้รับการฝึกฝน ขัดเกลา และปลูกฝังอย่างดี
-
6:01 - 6:06ไม่ใช่เรื่องแปลกอย่างที่ทุกวันนี้เรารู้สึกกัน
-
6:06 - 6:11สมัยก่อน คนเราทุ่มเทฝึกฝนความจำ
-
6:11 - 6:16เพียรพยายามพัฒนาจิตของตน
-
6:16 - 6:18ไม่กี่พันปีมานี้เอง
-
6:18 - 6:21ที่เราเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีหลากหลาย
-
6:21 - 6:23ตั้งแต่ตัวอักษรไปถึงม้วนกระดาษ
-
6:23 - 6:26หนังสือที่เขียนด้วยลายมือ แท่นพิมพ์ ภาพถ่าย
-
6:26 - 6:28คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน
-
6:28 - 6:31ซึ่งทำให้มันง่ายขึ้นเรื่อยๆ
-
6:31 - 6:33ที่จะเก็บความจำไว้นอกสมอง
-
6:33 - 6:35และยกสิ่งที่เป็นความสามารถ
-
6:35 - 6:39ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ข้อนี้
ให้เทคโนโลยีทำแทน -
6:39 - 6:43เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้โลกสมัยใหม่เกิดขึ้นได้
-
6:43 - 6:44แต่มันก็เปลี่ยนแปลงเราไปด้วย
-
6:44 - 6:46มันเปลี่ยนเราในแง่วัฒนธรรม
-
6:46 - 6:50และผมว่า มันเปลี่ยนกระบวนการคิดเราด้วย
-
6:50 - 6:52เมื่อเราไม่จำเป็นต้องจำอะไรมากมายนัก
-
6:52 - 6:55บางทีก็ดูเหมือนเราลืมวิธีจำไป
-
6:55 - 6:57ที่สุดท้ายบนโลกนี้
-
6:57 - 7:00ที่คุณจะยังได้เห็นคนที่หลงใหล
-
7:00 - 7:04เรื่องการฝึกฝน ขัดเกลา และปลูกฝังความจำ
-
7:04 - 7:06ก็คือที่การแข่งขันความจำนี่แหละ
-
7:06 - 7:08ที่จริงงานนี้ไม่ใช่งานเดียว
-
7:08 - 7:10มีการแข่งขันแบบนี้อยู่ทั่วโลก
-
7:10 - 7:14ผมทึ่งกับคนพวกนี้ และอยากรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร
-
7:14 - 7:19สองสามปีที่แล้ว นักวิจัยกลุ่มหนึ่งที่
University College กรุงลอนดอน -
7:19 - 7:22พาแชมป์ความจำหลายคนมาที่แล็บ
-
7:22 - 7:23พวกเราอยากรู้ว่า
-
7:23 - 7:24สมองของคนพวกนี้แตกต่าง
-
7:24 - 7:29จากคนทั่วไปอย่างเราๆ
ในแง่โครงสร้างหรือกายวิภาคหรือเปล่า? -
7:29 - 7:32คำตอบคือ ไม่
-
7:32 - 7:35คนพวกนี้ฉลาดกว่าพวกเราหรือเปล่า?
-
7:35 - 7:37นักวิจัยให้พวกเขาทำแบบทดสอบทางปัญญามากมาย
-
7:37 - 7:39คำตอบคือ ก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่ากันเท่าไหร่
-
7:39 - 7:42แต่มีความแตกต่างอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ
และบอกอะไรเราได้เยอะมาก -
7:42 - 7:44นั่นคือ ความแตกต่างในสมองของแชมป์นักจำ
-
7:44 - 7:47กับกลุ่มควบคุมที่นำมาเปรียบเทียบ
-
7:47 - 7:50เมื่อนำคนสองกลุ่มนี้ไปเข้าเครื่อง fMRI
-
7:50 - 7:52สแกนสมองด้วยคลื่นแม่เหล็ก
-
7:52 - 7:57ขณะที่พวกเขาจดจำตัวเลข ใบหน้าคน และรูปผลึกหิมะ
-
7:57 - 7:59นักวิจัยพบว่า สมองของแชมป์นักจำ
-
7:59 - 8:01มีการทำงานในจุดที่แตกต่าง
-
8:01 - 8:03จากคนทั่วไป
-
8:03 - 8:07ดูเหมือนว่าแชมป์นักจำจะใช้สมอง
-
8:07 - 8:11ส่วนที่ใช้ในการจำภาพพื้นที่และการนำทาง
-
8:11 - 8:17ทำไมล่ะ? แล้วเราจะเรียนรู้อะไรจากข้อค้นพบนี้ได้ไหม?
-
8:17 - 8:21การแข่งขันชิงแชมป์ความจำนั้น
-
8:21 - 8:24ก็เหมือนการแข่งขันสร้างและสะสมอาวุธ
-
8:24 - 8:27ทุกๆ ปี ใครคนหนึ่งจะคิดค้นวิธีใหม่
-
8:27 - 8:30เพื่อให้จำได้มากขึ้นและเร็วขึ้น
-
8:30 - 8:32แล้วคนอื่นที่เหลือก็ต้องพยายามตีตื้น
-
8:32 - 8:34นี่คือเพื่อนของผม ชื่อ เบน พริดมอร์
-
8:34 - 8:35นักจำแชมป์โลกสามสมัย
-
8:35 - 8:37บนโต๊ะตรงหน้าเขา
-
8:37 - 8:41มีไพ่ที่สับแล้ว 36 สำรับ
-
8:41 - 8:44ที่เขาต้องพยายามจำให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง
-
8:44 - 8:48โดยใช้เทคนิคที่เขาคิดค้นขึ้นและฝึกฝนจนชำนาญ
-
8:48 - 8:50เขาใช้เทคนิคคล้ายกันนี้
-
8:50 - 8:52จำลำดับที่ถูกต้องทั้งหมด
-
8:52 - 8:58ของตัวเลขฐานสองที่สุ่มขึ้นมา 4,140 ตัว
-
8:58 - 9:01ภายในครึ่งชั่วโมง
-
9:01 - 9:03ใช่ครับ
-
9:03 - 9:06และแม้จะมีวิธีแตกต่างหลากหลาย
-
9:06 - 9:10ในการจำสิ่งต่างๆ ในการแข่งขันนี้
-
9:10 - 9:13ทุกอย่าง ทุกเทคนิคที่ใช้กัน
-
9:13 - 9:16ที่สุดแล้วก็มาจากแนวคิด
-
9:16 - 9:19ที่นักจิตวิทยาเรียกว่า การเข้ารหัสอย่างละเอียดลึกซึ้ง
-
9:19 - 9:22ซึ่งอธิบายได้ด้วยตัวอย่างเก๋ๆ
-
9:22 - 9:24ที่เรียกว่า ปฏิทรรศน์ เรื่อง Baker กับ baker
-
9:24 - 9:25มันเป็นอย่างนี้ครับ
-
9:25 - 9:28ถ้าผมบอกให้คนสองคนจำคำคำเดียวกัน
-
9:28 - 9:30ผมบอกคุณว่า
-
9:30 - 9:34"ให้จำว่ามีผู้ชายคนหนึ่งชื่อ เบเกอร์ (Baker)"
-
9:34 - 9:35นั่นคือชื่อเขา
-
9:35 - 9:41แล้วผมบอกคุณว่า "ให้จำว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง
มีอาชีพเป็น เบเกอร์ (baker) หรือ คนทำขนมปัง" -
9:41 - 9:44เมื่อเวลาผ่านไป ผมกลับมาถามคุณใหม่
-
9:44 - 9:47ผมถามว่า "คุณจำคำนั้นได้ไหม
-
9:47 - 9:48ที่ผมบอกคุณสักพักก่อนหน้านี้?
-
9:48 - 9:50คุณจำได้ไหมว่าคำนั้นคืออะไร?"
-
9:50 - 9:54คนที่ผมบอกว่า ผู้ชายคนนี้ชื่อเบเกอร์ (Baker)
-
9:54 - 9:56จำคำว่าเบเกอร์ (Baker) ไม่ค่อยได้
-
9:56 - 10:00เมื่อเทียบกับคนที่ผมบอกว่า
เขาทำงานเป็นเบเกอร์ (baker) หรือคนทำขนมปัง -
10:00 - 10:03คำคำเดียวกัน แต่คนจำได้มากน้อยต่างกัน แปลกไหมครับ
-
10:03 - 10:05มันเกิดอะไรขึ้น?
-
10:05 - 10:10นั่นเพราะชื่อเบเกอร์ (Baker)
ไม่ได้มีความหมายอะไรกับคุณ -
10:10 - 10:12มันไม่ได้เชื่อมโยง
-
10:12 - 10:15กับความทรงจำอื่นใดในหัวคุณเลย
-
10:15 - 10:17แต่สามัญนาม คำว่าเบเกอร์ (baker)
-
10:17 - 10:19เรารู้ว่ามันหมายถึงคนทำขนมปัง
-
10:19 - 10:21ที่ใส่หมวกตลกๆ สีขาว
-
10:21 - 10:23มีแป้งเลอะมือ
-
10:23 - 10:25มีกลิ่นขนมอบหอมๆ ติดตัวมาเวลากลับบ้าน
-
10:25 - 10:27หรือเราอาจจะรู้จักคนทำขนมปังสักคน
-
10:27 - 10:28และเมื่อเราได้ยินคำนี้ครั้งแรก
-
10:28 - 10:31เราก็สร้างความเชื่อมโยงเหล่านี้ขึ้น
-
10:31 - 10:35ซึ่งทำให้ในวันหน้าเราดึงความจำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ง่ายกว่า
-
10:35 - 10:38ศาสตร์และศิลป์ของสิ่งที่เกิดขึ้น
-
10:38 - 10:40ในการแข่งขันชิงแชมป์นักจำ
-
10:40 - 10:44และการจำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
-
10:44 - 10:48ก็คือการหาทางแปรรูปคำว่าเบเกอร์ (Baker) ที่เป็นชื่อคน
-
10:48 - 10:50ให้เป็นเบเกอร์ (baker) ที่แปลว่าคนทำขนมปัง
-
10:50 - 10:53เพื่อนำข้อมูลที่ขาดบริบท
-
10:53 - 10:55ความสำคัญ หรือความหมาย
-
10:55 - 10:57แล้วแปรรูปในทางใดทางหนึ่ง
-
10:57 - 10:59ให้มันมีความหมายขึ้นมา
-
10:59 - 11:04ในบริบทของสิ่งอื่นที่คุณมีอยู่ในหัว
-
11:04 - 11:07หนึ่งในเทคนิคอันปราณีตสำหรับช่วยจำนี้
-
11:07 - 11:11มีอายุราว 2,500 ปี ย้อนไปในสมัยกรีกโบราณ
-
11:11 - 11:13โดยมีชื่อเรียกว่า วังแห่งความจำ
-
11:13 - 11:17มีเรื่องเล่าถึงที่มาของเทคนิคนี้ว่า
-
11:17 - 11:20กวีคนหนึ่ง ชื่อไซโมนิดิส
-
11:20 - 11:22ได้ไปงานเลี้ยงงานหนึ่ง
-
11:22 - 11:24เราถูกว่าจ้างให้ไปขับกล่อมแขกผู้มีเกียรติ
-
11:24 - 11:27เพราะสมัยก่อน ถ้าคุณอยากจัดปาร์ตี้มันส์สุดเหวี่ยง
-
11:27 - 11:30คุณไม่จ้างดีเจหรอก คุณต้องจ้างกวี
-
11:30 - 11:35ไซโมนิดิสยืนขึ้น ร่ายบทกวีปากเปล่าจากความจำ
เสร็จแล้วก็เดินออกไปจากประตู -
11:35 - 11:40ทันใดนั้น ห้องโถงที่จัดงานเลี้ยงก็ถล่มลงมา
-
11:40 - 11:43ทุกคนในงานเสียชีวิตหมด
-
11:43 - 11:45ซากปรักหักพังไม่เพียงคร่าชีวิตทุกคนเท่านั้น
-
11:45 - 11:49แต่ยังทำลายศพจนเละเกินกว่าจะจำได้ว่าใครเป็นใคร
-
11:49 - 11:52ไม่มีใครบอกได้ ว่ามีใครอยู่ในนั้นบ้าง
-
11:52 - 11:55ไม่มีใครบอกได้ว่าใครนั่งอยู่ตรงไหน
-
11:55 - 11:57ญาติก็ไม่สามารถนำศพไปฝังให้เรียบร้อยได้
-
11:57 - 12:01เป็นโศกนาฏกรรมซ้ำซ้อนจริงๆ
-
12:01 - 12:04ไซโมนิดิสยืนอยู่ข้างนอก
-
12:04 - 12:06เป็นผู้รอดชีวิตคนเดียว ท่ามกลางซากปรักหักพัง
-
12:06 - 12:09เขาหลับตาลง แล้วก็ตระหนักว่า
-
12:09 - 12:12ภาพในความทรงจำของเขา
-
12:12 - 12:17มองเห็นว่าแขกแต่ละคนนั่งอยู่ตรงไหนในงานเลี้ยง
-
12:17 - 12:19แล้วเขาก็จูงมือญาติของผู้เสียชีวิต
-
12:19 - 12:23พาไปหาศพของคนที่เขารัก ท่ามกลางซากปรักหักพัง
-
12:23 - 12:27สิ่งที่ไซโมนิดิสค้นพบในขณะนั้น
-
12:27 - 12:30คือสิ่งที่ผมคิดว่าเราล้วนรู้อยู่ลึกๆ ในใจอยู่แล้ว
-
12:30 - 12:32นั่นคือ แม้ว่าเราจะความจำแย่
-
12:32 - 12:35เมื่อให้จำชื่อคนและหมายเลขโทรศัพท์
-
12:35 - 12:38และคำอธิบายวิธีการต่างๆ จากเพื่อนร่วมงานให้ครบถ้วน
-
12:38 - 12:44แต่เรามีความจำด้านภาพและสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมาก
-
12:44 - 12:47ถ้าผมให้คุณนึกถึงคำ 10 คำแรก
-
12:47 - 12:50ในเรื่องไซโมนิดิสที่ผมเพิ่งเล่าไป
-
12:50 - 12:52คุณคงนึกไม่ค่อยออกหรอก
-
12:52 - 12:54แต่ผมพนันได้เลยว่า
-
12:54 - 12:57ถ้าผมให้คุณนึก
-
12:57 - 13:02ว่าใครกำลังนั่งอยู่บนหลังม้าสีแทน
-
13:02 - 13:04ในห้องโถงที่บ้านคุณ
-
13:04 - 13:06คุณจะมองเห็นภาพทันที
-
13:06 - 13:08หลักการเบื้องหลังเทคนิควังแห่งความจำ
-
13:08 - 13:13ก็คือการจินตนาการภาพอาคารแห่งหนึ่งไว้ในใจ
-
13:13 - 13:15แล้วเอาภาพต่างๆ
-
13:15 - 13:17ของสิ่งที่คุณต้องการจำใส่เข้าไป
-
13:17 - 13:20ยิ่งเป็นภาพที่บ้าบอ แปลก ประหลาด
-
13:20 - 13:24ตลก เซ็กซี่ มีกลิ่นฉุนเฉียวมากเท่าไหร่
-
13:24 - 13:27มันก็ยิ่งลืมไม่ลงมากเท่านั้น
-
13:27 - 13:30คำแนะนำนี้มีมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว
-
13:30 - 13:33ย้อนไปถึงหนังสือโบราณภาษาละตินที่ว่าด้วยความจำ
-
13:33 - 13:34เอาล่ะ แล้วเทคนิคนี้มันทำงานอย่างไร?
-
13:34 - 13:37สมมติว่าคุณได้รับเชิญ
-
13:37 - 13:41ให้มายืนบนเวที TED แห่งนี้เพื่อกล่าวปาฐกถา
-
13:41 - 13:43คุณอยากพูดจากความจำของคุณ ไม่ใช่โพย
-
13:43 - 13:48และจะพูดอย่างที่ซิเซโรน่าจะทำ
-
13:48 - 13:53ถ้าเขาได้รับเชิญไปพูดที่ TEDx Rome เมื่อ 2,000 ปีก่อน
-
13:53 - 13:55สิ่งที่คุณอาจจะทำ
-
13:55 - 14:00คือจินตนาการตัวคุณเองอยู่ที่ประตูหน้าบ้านของคุณ
-
14:00 - 14:02แล้วนึกถึงภาพอะไรที่
-
14:02 - 14:06บ้าสุดๆ ตลกสุดๆ หรือจำได้ติดตาไม่ลืม
-
14:06 - 14:09เพื่อใช้เตือนให้คุณจำได้ว่า สิ่งแรกที่คุณอยากพูดถึง
-
14:09 - 14:12คือการแข่งขันที่แปลกประหลาดสุดๆ
-
14:12 - 14:15แล้วคุณก็เดินเข้าไปในบ้าน
-
14:15 - 14:17เห็นเจ้าปีศาจคุกกี้ มอนสเตอร์
-
14:17 - 14:19อยู่บนหลังม้าชื่อมิสเตอร์ เอ็ด
-
14:19 - 14:21เพื่อเตือนให้คุณจำได้
-
14:21 - 14:24ว่าคุณอยากพูดถึงเพื่อนของคุณชื่อเอ็ด คุก
-
14:24 - 14:26แล้วคุณก็เห็นภาพบริทนีย์ สเปียร์ส
-
14:26 - 14:29ที่ทำให้คุณจำตัวอย่างขำๆ ที่คุณอยากเล่าได้
-
14:29 - 14:31คุณเดินเข้าไปในครัว
-
14:31 - 14:33และหัวข้อที่สี่ที่คุณจะพูดคือ
-
14:33 - 14:36การเดินทางที่แปลกประหลาดที่คุณผ่านมาเป็นเวลาหนึ่งปี
-
14:36 - 14:41โดยมีเพื่อนๆ ของคุณคอยช่วยให้คุณจำสิ่งเหล่านี้ได้
-
14:41 - 14:45นี่คือวิธีที่นักพูดชาวโรมันจดจำปาฐกถาของเขา
-
14:45 - 14:48ไม่ใช่จำคำต่อคำ ซึ่งจะทำให้คุณสับสน
-
14:48 - 14:51แต่จำใจความสำคัญเป็นรายหัวข้อ (topic)
-
14:51 - 14:54ที่จริง คำว่า ประโยคใจความสำคัญ (Topic sentence)
-
14:54 - 14:57นั้นมาจากรากศัพท์ภาษากรีกว่า "topos"
-
14:57 - 14:59ซึ่งแปลว่า สถานที่
-
14:59 - 15:00นั่นเป็นเบาะแสที่ชี้ว่า
-
15:00 - 15:02เมื่อก่อนคนเราคิดถึงสุนทรพจน์และวาทศิลป์
-
15:02 - 15:05โดยใช้ถ้อยคำที่เกี่ยวกับสถานที่
-
15:05 - 15:07วลีที่ว่า "in the first place" ที่แปลว่า ตั้งแต่แรก
-
15:07 - 15:10ก็หมายถึงจุดแรกในวังแห่งความจำของเรา
-
15:10 - 15:12ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจมาก
-
15:12 - 15:14และผมก็หลงใหลเรื่องนี้มาก
-
15:14 - 15:17ผมไปงานแข่งขันความจำแบบนี้อีกสองสามที่
-
15:17 - 15:19แล้วก็เกิดความคิดว่าผมน่าจะเขียนบทความ
ที่ยาวกว่าเดิม -
15:19 - 15:23เกี่ยวกับวัฒนธรรมกลุ่มย่อย
ของนักแข่งขันชิงแชมป์ความจำ -
15:23 - 15:25แต่มันมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง
-
15:25 - 15:27นั่นคือ การแข่งขันความจำ
-
15:27 - 15:31เป็นการแข่งขันที่น่าเบื่ออย่างแสนสาหัส
-
15:31 - 15:34(เสียงหัวเราะ)
-
15:34 - 15:38จริงๆ นะครับ มันเหมือนกับเอาคนจำนวนมาก
มานั่งทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย -
15:38 - 15:40คือ เหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ แล้ว ก็คือ
-
15:40 - 15:41ตอนที่ใครสักคนเริ่มนวดขมับของเขา แค่นั้นแหละ
-
15:41 - 15:44แล้วผมเป็นนักข่าวนะ ผมต้องการเรื่องไปเขียนข่าว
-
15:44 - 15:48ผมรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะเหลือเชื่อ
ในหัวของคนเหล่านี้ -
15:48 - 15:50แต่ผมไม่สามารถเข้าถึงมันได้
-
15:50 - 15:53ผมจึงนึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าผมจะเล่าเรื่องนี้
-
15:53 - 15:56ผมต้องลองสวมบทบาทเป็นคนเหล่านี้สักหน่อย
-
15:56 - 15:59ผมก็เลยเริ่มใช้เวลา 15 ถึง 20 นาที ทุกๆ เช้า
-
15:59 - 16:02ก่อนจะนั่งลงทำงานที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์
-
16:02 - 16:05พยายามจำอะไรสักอย่าง
-
16:05 - 16:06อาจจะเป็นบทกวี
-
16:06 - 16:08ชื่อคนจากหนังสือรุ่นเก่าๆ
-
16:08 - 16:11ที่ผมซื้อมาจากตลาดขายของมือสอง
-
16:11 - 16:16แล้วผมก็พบว่ามันสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ
-
16:16 - 16:18ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
-
16:18 - 16:22มันสนุกเพราะจริงๆ มันไม่ใช่การฝึกความจำหรอก
-
16:22 - 16:25แต่เป็นการพยายามพัฒนาความสามารถ
-
16:25 - 16:27ในการสร้างสรรค์ จินตนาการ
-
16:27 - 16:30ภาพที่น่าขำ เซ็กซี่ ตลก
-
16:30 - 16:34และจำได้ไม่ลืมในใจของคุณ
-
16:34 - 16:36และผมก็สนุกไปกับมันมาก
-
16:36 - 16:42นี่คือภาพผมในชุดมาตรฐาน
สำหรับฝึกความจำสำหรับแข่งขัน -
16:42 - 16:44นั่นคือที่อุดหูคู่หนึ่ง
-
16:44 - 16:48และแว่นตานิรภัยที่พ่นสีดำทั้งหมด
-
16:48 - 16:50เหลือแค่รูเล็กๆ สองรู
-
16:50 - 16:56เพราะสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจเป็นศัตรูสำคัญ
ของนักแข่งขันชิงแชมป์ความจำ -
16:56 - 17:01ในที่สุด ผมก็กลับไปที่การแข่งขันที่ผมเขียนถึงเมื่อปีก่อน
-
17:01 - 17:03และคิดว่าจะลงแข่งดู
-
17:03 - 17:07เพื่อทดลองทำข่าวแบบมีส่วนร่วม
-
17:07 - 17:11ผมหวังว่า มันน่าจะเป็นบทส่งท้ายเจ๋งๆ
ให้งานวิจัยของผมครั้งนี้ -
17:11 - 17:15ปัญหาคือ การทดลองมันเลยเถิดไปไกล
-
17:15 - 17:18คือ ผมชนะการแข่งขัน
-
17:18 - 17:21ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
-
17:21 - 17:27(เสียงปรบมือ)
-
17:27 - 17:28เอาล่ะ มันก็ดีนะครับ
-
17:28 - 17:31การที่เราสามารถจดจำปาฐกถา
-
17:31 - 17:34เบอร์โทรศัพท์ และรายการจ่ายตลาด
-
17:34 - 17:37แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่สาระสำคัญ
-
17:37 - 17:39มันเป็นแค่เทคนิค
-
17:39 - 17:41หรือลูกเล่นพิเศษที่ได้ผล
-
17:41 - 17:45เพราะมันตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐาน
-
17:45 - 17:46ของการทำงานของสมอง
-
17:46 - 17:50คุณไม่ต้องสร้างวังแห่งความจำ
-
17:50 - 17:52หรือจำไพ่ทั้งสำรับ
-
17:52 - 17:54เพื่อใช้ประโยชน์จากความเข้าใจ
-
17:54 - 17:57ว่าจิตใจของคุณทำงานอย่างไร
-
17:57 - 17:59เรามักพูดถึงคนที่ความจำเป็นเลิศ
-
17:59 - 18:01ราวกับว่ามันเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่เกิด
-
18:01 - 18:03แต่มันไม่ใช่เลย
-
18:03 - 18:07ความจำที่เป็นเลิศนั้นมาจากการเรียนรู้
-
18:07 - 18:10ในระดับพื้นฐานที่สุด เราจะจำอะไรได้เมื่อเราใส่ใจ
-
18:10 - 18:13เราจำได้เมื่อเราเอาใจใส่อย่างลึกซึ้ง
-
18:13 - 18:15เราจำได้เมื่อเราสามารถ
-
18:15 - 18:18นำข้อมูลและประสบการณ์ที่มี
-
18:18 - 18:20มาพิจารณาว่ามันมีความหมายกับเราอย่างไร
-
18:20 - 18:22ทำไมมันจึงสำคัญ ทำไมมันจึงมีสีสันน่าสนใจ
-
18:22 - 18:25เมื่อเราสามารถแปรรูปมัน
-
18:25 - 18:27ให้มีความหมายขึ้นมา
-
18:27 - 18:29ในบริบทของสิ่งอื่นๆ ที่ล่องลอยอยู่ในหัวของเรา
-
18:29 - 18:34เมื่อเราสามารถเปลี่ยนคนชื่อ Bakers
ให้เป็น bakers ที่แปลว่าคนทำขนมปัง -
18:34 - 18:37วังแห่งความจำ เทคนิคช่วยจำพวกนี้
-
18:37 - 18:38มันเป็นแค่ทางลัด
-
18:38 - 18:41ที่จริง มันไม่ใช่ทางลัดด้วยซ้ำ
-
18:41 - 18:44มันได้ผล เพราะมันบังคับให้คุณใช้ความคิดมากขึ้น
-
18:44 - 18:48มันบังคับให้คุณคิด ประมวลผลข้อมูลอย่างลึกซึ้ง
-
18:48 - 18:50ให้คุณมีสติ สมาธิ
-
18:50 - 18:54ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่ไม่ได้ฝึกฝนกันอยู่เป็นประจำ
-
18:54 - 18:57แต่ที่จริง มันไม่มีทางลัด
-
18:57 - 18:59นี่เป็นเทคนิคที่ทำให้สิ่งต่างๆ มันจำง่าย
-
18:59 - 19:04และผมคิดว่า ถ้าจะมีอะไรสักอย่าง
ที่ผมอยากทิ้งท้ายไว้ให้คุณคิด -
19:04 - 19:06ก็คงเป็นสิ่งที่เรื่องราวของชายขื่อ อี พี
-
19:06 - 19:10ชายความจำเสื่อมที่จำไม่ได้ว่าตัวเองความจำเสื่อม
-
19:10 - 19:12ทิ้งท้ายไว้ให้ผมคิด
-
19:12 - 19:14นั่นคือความคิดที่ว่า
-
19:14 - 19:19ชีวิตของเราเป็นผลรวมของความทรงจำของเรา
-
19:19 - 19:25เราจะยอมสูญเสียความทรงจำไปมากแค่ไหน
-
19:25 - 19:28จากชีวิตของเราที่แสนสั้นอยู่แล้ว
-
19:28 - 19:35ด้วยการหมกมุ่นอยู่กับแบล็คเบอรี่หรือไอโฟน
-
19:35 - 19:39ด้วยการไม่เอาใจใส่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเรา
-
19:39 - 19:41คนที่กำลังคุยกับเรา
-
19:41 - 19:43ด้วยความขี้เกียจจนไม่ยอมคิด
-
19:43 - 19:46พิจารณาอะไรให้ลึกซึ้ง
-
19:46 - 19:49ผมเรียนรู้มากับตัวเอง
-
19:49 - 19:52ว่ามีความสามารถในการจำอันเหลือเชื่อ
-
19:52 - 19:54ซ่อนอยู่ในตัวเราทุกคน
-
19:54 - 19:58ถ้าคุณอยากใช้ชีวิตที่น่าจดจำ
-
19:58 - 20:00คุณต้องเป็นคนที่
-
20:00 - 20:03ใส่ใจเสมอที่จะจดจำ
-
20:03 - 20:05ขอบคุณครับ
-
20:05 - 20:08(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เคล็ดลับความจำที่ใครๆ ก็ทำได้
- Speaker:
- โจชัว โฟเออร์ (Joshua Foer)
- Description:
-
คนบางคนสามารถจำชุดตัวเลขเป็นพันๆ ชุด ลำดับของไพ่หนึ่ง (หรือสิบ!) สำรับ และอะไรอีกมากมาย นักเขียนสายวิทยาศาสตร์ โจชัว โฟเออร์ บรรยายให้เราฟังถึงเทคนิคที่เรียกว่า"วังแห่งความจำ" และแสดงให้เห็นคุณสมบัติสำคัญของเทคนิคนี้ นั่นคือ ใครๆ ก็เรียนรู้ที่จะใช้เทคนิคนี้ได้ รวมทั้งตัวเขาเองด้วย
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 20:28
Kanawat Senanan approved Thai subtitles for Feats of memory anyone can do | ||
Kanawat Senanan commented on Thai subtitles for Feats of memory anyone can do | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Feats of memory anyone can do | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Feats of memory anyone can do | ||
Paravee Asava-Anan edited Thai subtitles for Feats of memory anyone can do | ||
Paravee Asava-Anan accepted Thai subtitles for Feats of memory anyone can do | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for Feats of memory anyone can do | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for Feats of memory anyone can do |
Kanawat Senanan
แปลดีมากเลยครับ ผมแบ่งบรรทัดยาวๆ ออกเป็นสองบรรทัด (ตามกฎ 42 ตัวอักษร ที่ TED แนะนำ) เท่านั้นเอง
ขออนุญาต Publish เลยนะครับ - ปั้น