ชีวิตอันแสนสั้นของลูกชายดิฉัน สร้างความแตกต่างไปตลอดกาลได้อย่างไร
-
0:02 - 0:04ดิฉันเคยตั้งท้องลูกแฝดได้สามเดือน
-
0:04 - 0:08ตอนที่ดิฉันและสามี รอส
ไปทำอัลตราซาวน์ครั้งที่สอง -
0:09 - 0:12ตอนนั้นดิฉันอายุได้ 35 ปีค่ะ
-
0:12 - 0:15และดิฉันก็ทราบว่า
นั่นหมายถึงเรามีความเสี่ยงสูงขึ้น -
0:15 - 0:17ในการมีลูกที่มีความผิดปกติแต่กำเนิด
-
0:18 - 0:21ดิฉันกับรอสจึงค้นคว้าเรื่อง
ความผิดปกติแต่กำเนิดที่พบได้บ่อย -
0:21 - 0:23และเราก็รู้สึกว่า
เราเตรียมใจมาอย่างดีแล้ว -
0:24 - 0:26แต่ไม่มีอะไรที่จะเตรียมเราให้ตั้งรับได้
-
0:26 - 0:29สำหรับผลการวินิจฉัยผิดธรรมชาติ
ที่เรากำลังจะได้พบเจอ -
0:30 - 0:34คุณหมอชี้แจงว่า โธมัส
ลูกแฝดคนหนึ่งของเรา -
0:34 - 0:37มีความผิดปกติแต่กำเนิดที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
เรียกว่า สภาพไร้สมอง -
0:37 - 0:41นี่หมายความว่า สมองของเขา
ไม่ได้ถูกสร้างมาอย่างถูกต้อง -
0:41 - 0:43เพราะส่วนที่เป็นกระโหลกศีรษะของเขาหายไป
-
0:44 - 0:47ทารกที่ได้รับการวินิจฉัยด้วยโรคนี้
ตามปกติจะเสียชีวิตในครรภ์มารดา -
0:47 - 0:51หรือในไม่กี่นาที ไม่กี่ชั่วโมง
หรือไม่กี่วันหลังจากที่คลอด -
0:53 - 0:56แต่ลูกแฝดอีกคนของเรา คัลลั่ม
-
0:56 - 1:00ดูสุขภาพแข็งแรงดี
เท่าที่คุณหมอสามารถจะบอกได้ -
1:00 - 1:04และทารกทั้งสองนี้เป็นแฝดเหมือน
-
1:04 - 1:06มีพันธุกรรมชุดเดียวกัน
-
1:08 - 1:13หลังจากคำถามมากมายที่ว่า
เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร -
1:13 - 1:16ก็มีการเสนอเรื่องการเลือกลดจำนวนตัวอ่อน
-
1:16 - 1:19และในเมื่อวิธีการนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
-
1:19 - 1:23แต่มันก็มีความเสี่ยงต่อทารกคนที่แข็งแรง
และตัวดิฉันเอง -
1:23 - 1:26เราจึงตัดสินใจตั้งท้องต่อไปจนครบกำหนด
-
1:27 - 1:31ค่ะ ณ ตอนนั้น ดิฉันยังตั้งท้องได้สามเดือน
และยังเหลืออีกหกเดือนที่ต้องไปต่อ -
1:31 - 1:36ดิฉันต้องจัดการดูแลความดันโลหิต
และความเครียด -
1:37 - 1:42มันรู้สึกเหมือนมีเพื่อนร่วมห้อง
จ่อปืนที่บรรจุเต็มกระสุนไว้ที่คุณถึง 6 เดือน -
1:44 - 1:48แต่ดิฉันจ้องปลายกระบอกปืนนั้นเนิ่นนาน
จนละสายตาไป -
1:49 - 1:51กว่าจะได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
-
1:52 - 1:55ในเมื่อไม่มีอะไรที่เราพอจะทำได้
เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมนี้ -
1:55 - 1:57ดิฉันจึงอยากหาหนทางให้
ชีวิตอันแสนสั้นของโธมัส -
1:57 - 1:59ได้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
-
1:59 - 2:03ดิฉันจึงถามคุณพยาบาลเกี่ยวกับ
การบริจาคอวัยวะ ดวงตา และเนื้อเยื่อ -
2:04 - 2:08เธอได้ติดต่อกับศูนย์ประสานงาน
จัดหาการบริจาคอวัยวะในเขตให้ -
2:08 - 2:10"ชุมชนเพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะ
ส่วนภูมิภาควอชิงตัน" (WRTC) -
2:11 - 2:14ทาง WRTC อธิบายให้ดิฉันฟังว่า
-
2:14 - 2:18โธมัสอาจจะเป็นทารกแรกเกิดที่ร่างเล็ก
เกินกว่าจะบริจาคเพื่อปลูกถ่ายอวัยวะได้ -
2:18 - 2:20ซึ่งดิฉันก็ตกใจ
-
2:20 - 2:22ดิฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
คุณอาจจะถูกปฏิเสธการบริจาคได้ -
2:22 - 2:25แต่เขาบอกว่า โธมัส จะเป็นตัวเลือกที่ดี
ในการบริจาคให้งานวิจัย -
2:26 - 2:28นี่ช่วยให้ดิฉันเห็นภาพใหม่ของโธมัส
-
2:28 - 2:31ที่ไม่ใช่เพียงเหยื่อของโรคร้าย
-
2:31 - 2:35ดิฉันเห็นว่า เขาอาจเป็นกุญแจสำคัญ
ที่จะไขปริศนาทางการแพทย์ -
2:36 - 2:40วันที่ 23 มีนาคม ปี ค.ศ. 2010
-
2:40 - 2:42แฝดทั้งสองได้ถือกำเนิด
และเขาทั้งสองรอดชีวิต -
2:44 - 2:46และเหมือนที่คุณหมอเคยบอก
-
2:46 - 2:49โธมัสไม่มีกระโหลกศีรษะส่วนบน
-
2:49 - 2:50แต่เขาก็รับการดูแลจากเราได้
-
2:50 - 2:52ดื่มนมจากขวด
-
2:52 - 2:55กอดและจับนิ้วของเราได้เหมือนทารกปกติทั่วไป
-
2:55 - 2:57และเขานอนหลับในอ้อมแขนของพวกเรา
-
2:58 - 3:01หลังจากนั้นหกวัน
โธมัสจากไปในอ้อมกอดของรอส -
3:01 - 3:03ห้อมล้อมด้วยครอบครัวของเรา
-
3:05 - 3:09เราโทรหา WRTC ซึ่งได้ส่งรถตู้มาที่บ้าน
-
3:09 - 3:12แล้วรับโธมัสไปที่
สถาบันการแพทย์สำหรับเด็กแห่งชาติ -
3:13 - 3:17หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เราได้รับโทรศัพท์
แจ้งว่าการบริจาคเป็นผลสำเร็จ -
3:17 - 3:20และอวัยวะที่บริจาคของโธมัส
จะถูกส่งไปตามสถานที่ต่าง ๆ สี่แห่ง -
3:20 - 3:23เลือดจากสายสะดือ
จะนำไปไว้ที่มหาวิทยาลัยดยุค -
3:23 - 3:27ตับ ไปให้บริษัทด้านการรักษาด้วยเซลล์
ชื่อว่า "บริษัทไซโตเน็ต" ที่เดอแรม -
3:28 - 3:32กระจกตา จะเอาไปที่
สถาบันวิจัยดวงตาสเคเพ่นส์ -
3:32 - 3:34ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ
โรงเรียนการแพทย์ฮาร์วาร์ด -
3:34 - 3:37ส่วนจอประสาทตาจะนำไปมอบให้
มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย -
3:38 - 3:42หลังจากนั้นสองสามวัน
เราจัดงานศพร่วมกับสมาชิกครอบครัวใกล้ชิด -
3:42 - 3:44ซึ่งรวมถึงเจ้าหนูคัลลั่มด้วย
-
3:44 - 3:47และถือได้ว่า เราก็ได้จบช่วงเวลานี้
ในชีวิตของเราไปแล้ว -
3:48 - 3:51แต่ดิฉันก็ยังรู้สึกสงสัยว่า
ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง -
3:51 - 3:53นักวิจัยได้เรียนรู้อะไร
-
3:53 - 3:55และมันคุ้มหรือไม่ที่บริจาค
-
3:57 - 4:01WRTC ได้เชิญรอสกับดิฉัน
ไปงานเลี้ยงคลายความเศร้า -
4:01 - 4:04และเราได้พบกับอีก 15 ครอบครัวที่สูญเสีย
-
4:04 - 4:06ซึ่งได้บริจาคอวัยวะของคนรักเพื่อการปลูกถ่าย
-
4:07 - 4:10บางครอบครัวก็ได้รับจดหมาย
-
4:10 - 4:13จากผู้ที่รับบริจาคอวัยวะของคนรักพวกเขา
-
4:13 - 4:14เพื่อกล่าวคำขอบคุณ
-
4:15 - 4:17ดิฉันทราบมาว่าพวกเขาสามารถพบกันได้
-
4:17 - 4:19หากทั้งสองฝ่ายเซ็นยิมยอมยกเลิกการรักษาความลับ
-
4:19 - 4:20คล้ายกับการรับบุตรบุญธรรมแบบเปิดเผย
-
4:21 - 4:24ดิฉันรู้สึกตื่นเต้น คิดว่าบางที
คงจะได้เขียนจดหมายสักฉบับ -
4:24 - 4:26หรือได้รับจดหมาย
แล้วรับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง -
4:26 - 4:28แต่ดิฉันก็ผิดหวังเมื่อได้ทราบว่า
-
4:28 - 4:31กระบวนการเช่นนี้มีไว้สำหรับ
ผู้ที่บริจาคเพื่อการปลูกถ่ายเท่านั้น -
4:31 - 4:34ซึ่งดิฉันรู้สึกอิจฉา
ดิฉันคงปลูกถ่ายความอิจฉามามั้งคะ -
4:34 - 4:36(เสียงหัวเราะ)
-
4:36 - 4:38แต่หลายปีต่อมา
-
4:38 - 4:40ดิฉันก็ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น
เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ -
4:41 - 4:43และแม้กระทั่งได้งานในสาขานี้
-
4:43 - 4:44แล้วก็เกิดจุดประกายความคิด
-
4:46 - 4:48ดิฉันเขียนจดหมายขึ้นต้นดังนี้ค่ะ
-
4:48 - 4:49"ถึงคุณนักวิจัย"
-
4:50 - 4:52อธิบายว่าดิฉันคือใคร
-
4:52 - 4:56แล้วถามว่า พวกเขาพอจะบอกได้ไหม
ว่าทำไมถึงได้ขอรับจอประสาทตาทารก -
4:56 - 4:58ในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2010
-
4:58 - 5:01แล้วถามว่า ครอบครัวดิฉัน
จะขอเยี่ยมชมห้องทดลองได้ไหม -
5:02 - 5:05ดิฉันส่งอีเมล์ไปที่ธนาคารดวงตา
ที่จัดการเรื่องการบริจาคอวัยวะ -
5:05 - 5:07มูลนิธิสถาบันดวงตาโอลด์โดมิเนียน
(Old Dominion Eye Foundation) -
5:07 - 5:10และถามว่าพวกเขาพอที่จะ
ส่งยี่นให้ถึงตัวบุคคลเลยได้ไหม -
5:10 - 5:13เขาตอบว่าไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน
-
5:13 - 5:15คงไม่อาจรับประกันเรื่องผลตอบรับได้
-
5:15 - 5:17แต่เขาจะไม่ขัดขวาง และจะนำส่งให้
-
5:19 - 5:21สองวันต่อมา ดิฉันได้รับจดหมายตอบกลับ
-
5:21 - 5:24จาก ดร.อรูป้า แกงกูลี
แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย -
5:25 - 5:26เธอขอบคุณดิฉันสำหรับการบริจาค
-
5:26 - 5:29และอธิบายว่าเธอกำลังศึกษาเรื่อง
"เรติโนบลาสโตม่า" -
5:29 - 5:31ซึ่งก็คือมะเร็งร้ายแรงในจอตา
-
5:31 - 5:33ที่เกิดในเด็กอายุต่ำกว่าห้าปี
-
5:33 - 5:36และเธอบอกว่า "ได้เลย"
เธอเชิญเราให้ไปเยี่ยมชมห้องทดลอง -
5:37 - 5:38หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันทางโทรศัพท์
-
5:38 - 5:40สิ่งแรก ๆ ที่เธอบอกดิฉันคือ
-
5:40 - 5:43เธอไม่อาจจินตนาการได้เลย
ว่าเรารู้สึกอย่างไร -
5:43 - 5:46และโธมัสได้เสียสละอย่างมากมาย
-
5:46 - 5:48และเธอรู้สึกติดหนี้บุญคุณเรา
-
5:49 - 5:52ดิฉันจึงบอกเธอว่า
"ไม่ได้จะขัดงานวิจัยของคุณนะคะ -
5:52 - 5:54แต่เราไม่ได้เป็นคนเลือกค่ะ
-
5:54 - 5:57เราบริจาคไปตามระบบ
แล้วระบบก็เลือกงานวิจัยของคุณ" -
5:57 - 6:02ดิฉันพูดว่า "อีกอย่าง
สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ทุกวัน -
6:02 - 6:04และหากคุณไม่ได้ต้องการจอตาคู่นี้
-
6:04 - 6:07ป่านนี้ก็คงจะถูกฝังอยู่ในดินไปแล้วค่ะ
-
6:07 - 6:10ดังนั้น การได้มีส่วนร่วมในงานวิจัยของคุณ
-
6:10 - 6:14ได้มอบความหมายใหม่ให้ชีวิตของโธมัสแล้ว
-
6:14 - 6:17อย่ารู้สึกผิดที่จะใช้เนื้อเยื่อชิ้นนี้เลยนะคะ"
-
6:18 - 6:20ต่อมา เธอได้อธิบายให้ดิฉันทราบว่า
เนื้อเยื่อนั้นหายากมากเพียงไร -
6:20 - 6:24เธอได้ยื่นขอรับบริจาคเนื้อเยื่อไป
ก่อนหน้านี้ถึงหกปี -
6:24 - 6:26กับสถาบันวิจัยแลกเปลี่ยนพยาธิสภาพแห่งชาติ
-
6:27 - 6:30เธอได้รับเนื้อเยื่อตัวอย่างแค่ชุดเดียว
ที่เข้าได้กับบรรทัดฐานเธอ -
6:31 - 6:32และมันก็เป็นของโธมัสค่ะ
-
6:33 - 6:37จากนั้น เราจึงนัดวันให้ดิฉันไปเยือนห้องทดลอง
-
6:37 - 6:41และเราเลือกวันที่ 23 มีนาคม ปี ค.ศ. 2015
ซึ่งเป็นวันเกิดปีที่ 5 ของคู่แฝด -
6:43 - 6:46หลังจากวางสาย ดิฉันได้ส่งรูป
โธมัสและคัลลั่มให้เธอทางอีเมล -
6:47 - 6:49ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา
เราก็ได้รับเสื้อยืดตัวนี้ในกล่องไปรษณีย์ -
6:51 - 6:54ไม่กี่เดือนต่อมา รอส คัลลั่ม และดิฉัน
พร้อมหน้ากันในรถ -
6:54 - 6:56และออกเดินทาง
-
6:56 - 6:58เราพบ อรูป้าและทีมงานของเธอ
-
6:58 - 7:02อรูป้าพูดว่า ตอนที่ดิฉันบอกเธอว่า
ไม่ต้องรู้สึกผิดนั้น มันทำให้เธอโล่งใจ -
7:02 - 7:05และเธอไม่เคยมองมันจากมุมมองของเราเลย
-
7:06 - 7:10เธอยังอธิบายด้วยว่า โธมัสมีชื่อเป็นรหัสลับ
-
7:11 - 7:14เหมือนที่เฮนริเอตต้า แลคส์ (Henrietta Lacks)
ถูกเรียกว่า "ฮีล่า (HeLa)" -
7:14 - 7:17โธมัสถูกเรียกว่า
"อาร์อีเอส สามหกศูนย์" -
7:17 - 7:19อาร์อีเอส แทน
งานวิจัย (Research) -
7:19 - 7:22และสามหกศูนย์ หมายความว่า
เขาคือเนื้อเยื่อตัวอย่างที่ 360 -
7:22 - 7:24ในเวลาประมาณ 10 ปี
-
7:25 - 7:29เธอได้โชว์เอกสารพิเศษให้เราดู
-
7:29 - 7:32และมันคือฉลากการจัดส่ง
-
7:32 - 7:35ที่ใช้ในการส่งจอตาของโธมัส
จาก ดีซี มาที่ฟิลาเดลเฟีย -
7:36 - 7:40ฉลากการจัดส่งชิ้นนี้
กลายเป็นมรดกของเราไปแล้วค่ะ -
7:40 - 7:44เหมือนกับเหรียญกล้าหาญ
หรือทะเบียนสมรสน่ะค่ะ -
7:45 - 7:50อรูป้ายังอธิบายว่า
เธอใช้จอตาและอาร์เอ็นเอของโธมัส -
7:50 - 7:54ไปหยุดยั้งการทำงานของยีน
ที่กระตุ้นการเกิดเนื้องอก -
7:54 - 7:57และเธอได้ให้เราดูผลการวิจัยบางส่วน
ที่ได้จาก อาร์อีเอส 360 ด้วยค่ะ -
7:58 - 8:00จากนั้นเธอได้พาเราไปที่ตู้แช่แข็ง
-
8:00 - 8:03และให้ดูเนื้อเยื่อสองชิ้นที่เธอยังมีอยู่
-
8:03 - 8:06ซึ่งแปะฉลากไว้ว่า อาร์อีเอส 360
-
8:06 - 8:07เหลืออยู่แค่สองชิ้นเล็ก ๆ เองค่ะ
-
8:08 - 8:09เธอบอกว่าเธอเก็บมันไว้
-
8:09 - 8:11เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้รับบริจาคอีก
-
8:13 - 8:15จากนั้น เราก็ไปกันที่ห้องประชุมค่ะ
-
8:15 - 8:17นั่งพักผ่อน กินอาหารกลางวันด้วยกัน
-
8:17 - 8:22แล้วทีมงานวิจัยก็ได้ให้ของขวัญวันเกิดคัลลั่ม
-
8:22 - 8:24เป็นชุดทดลองสำหรับเด็ก
-
8:24 - 8:27และพวกเขายังเสนอให้มาฝึกงานด้วยค่ะ
-
8:27 - 8:30(เสียงหัวเราะ)
-
8:30 - 8:33ปิดท้ายวันนี้ ดิฉันขอฝากคำพูดง่าย ๆ
2 เรื่อง -
8:34 - 8:37เรื่องแรกคือ เราอาจไม่ค่อยนึกถึง
การบริจาคอวัยวะเพื่องานวิจัย -
8:37 - 8:41ดิฉันก็ไม่เคยคิดค่ะ
คิดแค่ว่าดิฉันเป็นคนธรรมดา -
8:41 - 8:42แต่ดิฉันก็ได้บริจาคไปแล้ว
-
8:42 - 8:44มันเป็นประสบการณ์ที่ดี
ดิฉันขอแนะนำ -
8:44 - 8:46มันทำให้ครอบครัวดิฉัน
พบกับความสุขสงบใจอย่างเปี่ยมล้น -
8:46 - 8:49และอย่างที่สอง
หากคุณทำงานอยู่กับเนื่อเยื่อมนุษย์ -
8:49 - 8:51แล้วมีความสงสัยเกี่ยวกับผู้บริจาค
หรือครอบครัวของเขา -
8:51 - 8:52เขียนจดหมายหาพวกเขาค่ะ
-
8:52 - 8:55บอกพวกเขาว่าคุณได้รับแล้ว
นำไปใช้ในงานวิจัยอย่างไร -
8:55 - 8:57และเชิญให้มาเยี่ยมชมห้องทดลองของคุณ
-
8:57 - 9:00เพราะการเยี่ยมชมนั้น
อาจให้ความอิ่มใจกับคุณมากกว่า -
9:00 - 9:01ที่ให้ครอบครัวเขาเสียอีก
-
9:01 - 9:03และดิฉันอยากขอรบกวนอย่างหนึ่ง
-
9:03 - 9:06หากคุณเคยประสบความสำเร็จ
ในการนัดหมายเหล่านี้ -
9:06 - 9:07ช่วยบอกดิฉันด้วยนะคะ
-
9:08 - 9:10อีกเรื่องหนึ่งของครอบครัวดิฉันคือ
-
9:10 - 9:12พวกเราลงเอยด้วยการไปชมครบทั้งสี่สถาบัน
-
9:12 - 9:14ที่ได้รับการบริจาคอวัยวะของโธมัสไป
-
9:14 - 9:17และเราได้พบผู้คนที่น่าทึ่ง
ทำงานที่ให้แรงบันดาลใจ -
9:18 - 9:23เวลานี้ แบบที่ดิฉันมองก็คือ
โธมัส ได้เข้าเรียนที่ฮาวาร์ด -
9:23 - 9:25ดยุคและเพน..
-
9:25 - 9:29(เสียงหัวเราะ)
-
9:29 - 9:31และเขาได้งานทำที่บริษัทไซโตเน็ต
-
9:31 - 9:34เขามีเพื่อนร่วมชั้น มีเพื่อนร่วมงาน
-
9:34 - 9:36ที่อยู่ในจุดสูงสุดของวงการนั้น ๆ
-
9:36 - 9:38และเพื่อภาระหน้าที่แล้ว
พวกเขาจะขาดโธมัสไปไม่ได้ -
9:39 - 9:44ชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยดูแสนสั้นและไร้ค่า
-
9:44 - 9:49ได้เผยให้เห็นถึงความสำคัญยิ่งชีวิต
เป็นนิรันดร์ และมีความหมาย -
9:50 - 9:53และดิฉันหวังแต่เพียงว่า ชีวิตของดิฉัน
จะมีความหมายได้แบบนั้นเช่นเดียวกัน -
9:54 - 9:55ขอบคุณค่ะ
-
9:55 - 10:04(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ชีวิตอันแสนสั้นของลูกชายดิฉัน สร้างความแตกต่างไปตลอดกาลได้อย่างไร
- Speaker:
- ซาร่า เกรย์ (Sarah Gray)
- Description:
-
ภายหลังจากลูกชายที่ยังอยู่ในครรภ์ของซาร่า เกรย์ ชื่อ "โธมัส" ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค "Anencephaly" (ภาวะที่ทารกไม่มีสมองและกระโหลกศรีษะ) โรคซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนโศกนาฏกรรมของครอบครัวให้กลายเป็นของขวัญสุดพิเศษ และบริจาคอวัยวะของเขาให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นเกียรติแด่ชีวิตและการค้นพบ เธอได้แบ่งปันเรื่องราวการเดินทางเพื่อตามหาความหมายของการสูญเสีย และกระจายสาส์นแห่งความหวังให้แก่บรรดาครอบครัวอื่น ๆ ที่จมอยู่ในความเศร้าโศก
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 10:17
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Sarah Gray speaks at TEDMED 2015 | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Sarah Gray speaks at TEDMED 2015 | ||
Retired user accepted Thai subtitles for Sarah Gray speaks at TEDMED 2015 | ||
Retired user edited Thai subtitles for Sarah Gray speaks at TEDMED 2015 | ||
Retired user edited Thai subtitles for Sarah Gray speaks at TEDMED 2015 | ||
Retired user edited Thai subtitles for Sarah Gray speaks at TEDMED 2015 | ||
Monsicha Suajorn edited Thai subtitles for Sarah Gray speaks at TEDMED 2015 | ||
Ditt Thamma edited Thai subtitles for Sarah Gray speaks at TEDMED 2015 |