หนังสือที่ลึกลับที่สุดในโลก - สตีเฟ่น แบ็กซ์ (Stephen Bax)
-
0:07 - 0:11ลึกเข้าไปในห้องสมุดสำหรับหนังสือและเอกสารหายาก
เบเนคกี ของมหาวิทยาลัยเยล -
0:11 - 0:15มีหนังสือหนา 240 หน้าอยู่เล่มหนึ่ง
-
0:15 - 0:18การตรวจอายุด้วยคาร์บอนเมื่อไม่นานมานี้
ระบุว่ามันมีอายุอยู่ในช่วงราวปี ค.ศ. 1420 -
0:18 - 0:20บนหน้ากระดาษทีทำจากหนังวัว
ปรากฏอักษรที่มีลักษณะเป็นบ่วง -
0:20 - 0:24และภาพวาดด้วยมือ
ที่เหมือนหลุดออกมาจากความฝัน -
0:24 - 0:26พืชในโลกแห่งความจริงและจากจินตนาการ
-
0:26 - 0:27ปราสาทลอยฟ้า
-
0:27 - 0:29หญิงสาวอาบน้ำ
-
0:29 - 0:30แผนภาพดวงดาว
-
0:30 - 0:31วงแหวนจักรราศี
-
0:31 - 0:37ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ที่มีใบหน้า
และข้อความประกอบ -
0:37 - 0:42หนังสือขนาด 24x16 ซม.เล่มนี้
ถูกเรียกว่า เอกสารวอยนิช -
0:42 - 0:45มันเป็นหนึ่งในปริศนาที่ยังแก้ไม่ได้
ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ -
0:45 - 0:46ทำไมน่ะหรือ
-
0:46 - 0:49เพราะไม่มีใครรู้ว่ามันเขียนไว้ว่าอะไร
-
0:49 - 0:51ชื่อของมันมาจาก วิลฟริด วอยนิช
-
0:51 - 0:55คนขายหนังสือชาวโปแลนด์ที่พบมัน
โดยบังเอิญที่วิทยาลัยเยสุอิต -
0:55 - 0:57ในอิตาลีเมื่อปี ค.ศ. 1912
-
0:57 - 0:58เขาได้แต่ฉงน
-
0:58 - 0:59ว่าใครเป็นคนเขียน
-
0:59 - 1:00มันถูกเขียนขึ้นที่ไหน
-
1:00 - 1:04แล้วคำประหลาดกับภาพวาดที่ดูมีชีวิตชีวา
นี้สื่อถึงอะไรกัน -
1:04 - 1:07หน้ากระดาษเหล่านี้ซ่อนความลับอะไรเอาไว้
-
1:07 - 1:10เขาซื้อเอกสารนี้
มาจากบาทหลวงยากจนที่วิทยาลัย -
1:10 - 1:12และนำมันมายังอเมริกาในที่สุด
-
1:12 - 1:16ที่ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างพากันฉงน
เกี่ยวกับมันเรื่อยมาอีกกว่าศตวรรษ -
1:16 - 1:20นักรหัสวิทยากล่าวว่า ข้อเขียนนี้
มีลักษณะของภาษาจริง ๆ -
1:20 - 1:23แค่เป็นภาษาที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน
-
1:23 - 1:25สิ่งที่ทำให้มันดูเสมือนจริงก็คือ
ในภาษาจริง ๆ นั้น -
1:25 - 1:29ตัวอักษรและกลุ่มของตัวอักษร
จะปรากฏในความถี่ที่สม่ำเสมอ -
1:29 - 1:32และภาษาที่ใช้ในเอกสารวอยนิชนี้
-
1:32 - 1:35ก็มีรูปแบบที่ไม่สามารถพบได้
จากการสร้างตัวหนังสือขึ้นมาแบบสุ่ม -
1:35 - 1:39นอกจากนั้น
เราแทบไม่รู้อะไรมากไปกว่าที่เราเห็นเลย -
1:39 - 1:41ตัวอักษรมีรูปแบบและขนาดที่หลากหลาย
-
1:41 - 1:45บางตัวยืมมาจากอักษรภาษาอื่น
แต่หลายตัวก็มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ -
1:45 - 1:48ตัวอักษรที่สูงกว่าถูกเรียกว่า
ตัวอักษรแขวนคอ -
1:48 - 1:50เอกสารนี้ถูกตกแต่งอย่างมากตลอดทั้งฉบับ
-
1:50 - 1:53ด้วยการประดับประดาลวดลายที่ม้วนเป็นวง
-
1:53 - 1:55ดูเหมือนว่ามันจะถูกเขียนขึ้น
โดยคนสองคนหรือมากกว่านั้น -
1:55 - 1:58โดยที่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่รับหน้าที่วาดภาพ
-
1:58 - 2:04ตลอดช่วงเวลาหลายปี ก็เกิดทฤษฎีหลัก
เกี่ยวกับข้อความวอยนิชขึ้นสามทฤษฎี -
2:04 - 2:06ทฤษฎีแรกกล่าวว่า
มันถูกเขียนขึ้นในลักษณะซ่อนเงื่อน -
2:06 - 2:10เป็นรหัสลับที่จงใจออกแบบมา
เพื่อซ่อนความหมายลับ -
2:10 - 2:13ทฤษฎีต่อมาคือเอกสารนี้เป็นเรื่องหลอกลวง
-
2:13 - 2:16ที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างไร้ความหมาย
เพื่อหลอกเอาเงินจากผู้ซื้อที่โง่เขลา -
2:16 - 2:19บ้างก็คาดว่าผู้เขียนคือนักโทษในยุคกลาง
-
2:19 - 2:23บ้างก็ว่าผู้เขียนก็คือตัววอยนิชเองนั่นแหละ
-
2:23 - 2:27ทฤษฎีที่สามกล่าวว่าเอกสารนี้ถูกเขียนขึ้น
ด้วยภาษาจริง -
2:27 - 2:29แต่ด้วยอักษรที่ไม่มีใครรู้จัก
-
2:29 - 2:32บางทีนักวิชาการในยุคกลาง
อาจพยายามประดิษฐ์ตัวอักขระ -
2:32 - 2:35ให้กับภาษาที่ใช้พูดกัน
แต่ยังไม่มีตัวเขียนในขณะนั้น -
2:35 - 2:39หากเป็นเช่นนั้น เอกสารวอยนิช
ก็อาจเป็นเหมือนอักษรรองโกรองโก -
2:39 - 2:41ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นบนเกาะอีสเตอร์
-
2:41 - 2:45ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอ่านมันได้แล้ว
หลังจากที่อารยธรรมนั้นล่มสลาย -
2:45 - 2:47แม้ว่าจะไม่มีใครอ่านเอกสารวอยนิชได้
-
2:47 - 2:50แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้คน
หยุดคาดเดาความหมายของมัน -
2:50 - 2:53คนที่เชื่อว่าข้อเขียนนี้
คือความพยายามที่จะสร้าง -
2:53 - 2:55ภาษาเขียนรูปแบบใหม่ขึ้นมา
-
2:55 - 2:57พวกเขาคาดเดาว่ามันอาจเป็นสารานุกรม
-
2:57 - 3:00ที่รวบรวมองค์ความรู้
ของอารยธรรมที่สร้างมันขึ้นมา -
3:00 - 3:04บ้างก็เชื่อว่ามันถูกเขียนขึ้นโดย
นักปราชญ์ในศตวรรษที่ 13 โรเจอร์ เบคอน -
3:04 - 3:08ผู้พยายามทำความเข้าใจ
ถึงกฎเกณฑ์สากลของไวยากรณ์ภาษา -
3:08 - 3:12หรือจอห์น ดี ผู้ลึกลับ จากศตวรรษที่ 16
-
3:12 - 3:15ผู้ชำนาญการเล่นแร่แปรธาตุและทำนายอนาคต
-
3:15 - 3:19ทฤษฎีอื่นที่แปลก ๆ มีทั้งที่บอกว่า
หนังสือถูกเขียนขึ้นโดยกลุ่มแม่มดชาวอิตาลี -
3:19 - 3:22หรืออาจเป็นมนุษย์ดาวอังคารก็ได้
-
3:22 - 3:24หลังจากคว้าน้ำเหลวมาเป็น 100 ปี
-
3:24 - 3:28นักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มคลี่คลาย
ความลึกลับของข้อเขียนลงได้บ้าง -
3:28 - 3:30อย่างแรกก็คือการตรวจวัดอายุด้วยคาร์บอน
-
3:30 - 3:34นอกจากนี้ นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
ได้พบว่าแหล่งที่มาของงานเขียนนี้ -
3:34 - 3:38ย้อนกลับไปไกลถึงกรุงโรมและปราก
ในปี ค.ศ. 1612 -
3:38 - 3:41เมื่อมันอาจถูกส่งต่อจากจักรพรรดิรูดอล์ฟที่ 2
แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ -
3:41 - 3:44ไปยังแพทย์ของพระองค์ ยาโคบุส ซินาเพียส
-
3:44 - 3:47นอกจากการค้นพบใหม่ทางประวัติศาสตร์นี้แล้ว
-
3:47 - 3:51นักวิจัยทางภาษาศาสตร์ได้เสนอ
ให้ระบุบางคำในบทความนี้ขึ้น -
3:51 - 3:54เป็นการชั่วคราว
-
3:54 - 3:57เป็นไปได้ไหมว่าตัวอักษรข้างดาวเจ็ดดวง
เขียนว่าทัวรัน (Tauran) -
3:57 - 3:59ชื่อของกลุ่มดาววัว (Taurus)
-
3:59 - 4:02ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่ประกอบด้วยดาวเจ็ดดวง
ที่เรียกว่ากลุ่มดาวลูกไก่ -
4:02 - 4:07หรือคำนี้อาจจะเป็นเซนทัวรัน (Centauran)
ที่หมายถึงรูปต้นเซนทัวเรีย (Centaurea) -
4:07 - 4:10ก็อาจจะใช่ แต่ความคืบหน้าก็เป็นไปอย่างช้า ๆ
-
4:10 - 4:13ถ้าเราสามารถถอดรหัสได้ เราจะเจอกับอะไร
-
4:13 - 4:15บันทึกความฝันของนักวาดในศตวรรษที่ 15
-
4:15 - 4:17รวมเรื่องไร้สาระ
-
4:17 - 4:19หรือความรู้ที่สูญหาย
ของอารยธรรมที่สาบสูญ -
4:19 - 4:21คุณล่ะ คิดว่ามันคืออะไร
- Title:
- หนังสือที่ลึกลับที่สุดในโลก - สตีเฟ่น แบ็กซ์ (Stephen Bax)
- Speaker:
- สตีเฟ่น แบ็กซ์ (Stephen Bax)
- Description:
-
ชมบทเรียนแบบเต็มได้ที่: http://ed.ted.com/lessons/the-world-s-most-mysterious-book-stephen-bax
ลึกเข้าไปในห้องสมุดเบเนคกีของมหาวิทยาลัยเยลสำหรับหนังสือและเอกสารหายาก มีหนังสือจำนวน 240 หน้าอยู่เล่มหนึ่ง การตรวจอายุด้วยคาร์บอนเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่ามันมีอายุอยู่ในช่วงราวปี ค.ศ. 1420 หน้ากระดาษของมันมีลายมือที่มีลักษณะเป็นบ่วงและภาพวาดด้วยมือที่เหมือนหลุดออกมาจากความฝัน มันถูกเรียกว่า เอกสารวอยนิช และมันคือหนึ่งในปริศนาที่ยังแก้ไม่ได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เหตุผลน่ะหรือ ก็เพราะไม่มีใครรู้น่ะสิว่ามันเขียนไว้ว่าอะไร สตีเฟ่น แบ็กซ์ จะพาคุณไปชมสิ่งลึกลับนี้
บทเรียนโดยสตีเฟ่น แบ็กซ์ แอนิเมชั่นโดย TED-Ed
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 04:43
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for The world’s most mysterious book - Stephen Bax | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for The world’s most mysterious book - Stephen Bax | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The world’s most mysterious book - Stephen Bax | ||
Chutiwat Chotapisitkul edited Thai subtitles for The world’s most mysterious book - Stephen Bax | ||
Chutiwat Chotapisitkul edited Thai subtitles for The world’s most mysterious book - Stephen Bax | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut declined Thai subtitles for The world’s most mysterious book - Stephen Bax | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The world’s most mysterious book - Stephen Bax | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The world’s most mysterious book - Stephen Bax |