ลูกสาวของผม, มาลาลา
-
0:01 - 0:05ในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ และในชนพื้นเมืองต่างๆ
-
0:05 - 0:10ลูกชายมักเป็นผู้นำชื่อเสียงมาสู่บิดา
-
0:10 - 0:14แต่ผมเป็นหนึ่งในพ่อไม่กี่คน
-
0:14 - 0:16ที่เป็นที่รู้จักเพราะลูกสาว
-
0:16 - 0:17และผมก็ภาคภูมิใจ
-
0:17 - 0:22(เสียงปรบมือ)
-
0:24 - 0:27มาลาลาเริ่มโครงการรณรงค์เพื่อการศึกษา
-
0:27 - 0:30และยืนหยัดเพื่อสิทธิของเธอ ในปี 2007
-
0:30 - 0:34และเมื่อความพยายามของเธอ
ได้รับการยกย่องในปี 2011 -
0:34 - 0:38เธอได้รับรางวัลเยาวชนเพื่อสันติภาพแห่งชาติ
-
0:38 - 0:39แล้วเธอก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
-
0:39 - 0:43เป็นสาวน้อยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศ
-
0:43 - 0:47ก่อนหน้านั้น เธอมีฐานะเป็นลูกสาวของผม
-
0:47 - 0:50แต่ตอนนี้ผมมีฐานะเป็นพ่อของเธอ
-
0:51 - 0:52ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
-
0:52 - 0:56ถ้าเรามองเข้าไปในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
-
0:56 - 0:58เรื่องราวของผู้หญิง
-
0:58 - 1:02เป็นเรื่องราวของความอยุติธรรม
-
1:02 - 1:04ความไม่เท่าเทียม
-
1:04 - 1:09ความรุนแรง และการถูกใช้ตักตวงผลประโยชน์
-
1:09 - 1:11คุณจะเห็นว่า
-
1:11 - 1:15ในสังคมปิตาธิปไตย
-
1:15 - 1:18ตั้งแต่แรกเริ่มเลยทีเดียว
-
1:18 - 1:21เมื่อเด็กผู้หญิงเกิดมา
-
1:21 - 1:25ไม่มีการเฉลิมฉลองแด่การกำเนิดของเธอ
-
1:25 - 1:27ไม่มีใครยินดีต้อนรับเธอ
-
1:27 - 1:30ไม่ว่าจะพ่อหรือแม่
-
1:30 - 1:32เพื่อนบ้านจะมา
-
1:32 - 1:34แสดงความเวทนาต่อผู้เป็นแม่
-
1:34 - 1:39และไม่มีใครแสดงความยินดีต่อผู้เป็นพ่อ
-
1:39 - 1:43และแม่เด็กจะรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน
-
1:43 - 1:48ที่มีลูกผู้หญิง
-
1:48 - 1:51เมื่อเธอให้กำเนิดลูกคนแรกเป็นหญิง
-
1:51 - 1:55ลูกคนแรกเป็นลูกสาว เธอจะเศร้าใจ
-
1:55 - 1:59เมื่อเธอมีลูกคนที่สองเป็นลูกสาว
-
1:59 - 2:01เธอจะหวาดผวา
-
2:01 - 2:04และด้วยความคาดหวังที่จะมีลูกชาย
-
2:04 - 2:07เมื่อเธอให้กำเนิดลูกสาวคนที่สาม
-
2:07 - 2:13เธอจะรู้สึกผิดเหมือนเป็นอาชญากร
-
2:13 - 2:16ไม่เพียงแค่แม่เด็กที่ต้องทุกข์ระทม
-
2:16 - 2:18แต่ลูกสาว ลูกสาวที่เพิ่งเกิดใหม่
-
2:18 - 2:20เมื่อเธอเติบโตขึ้น
-
2:20 - 2:23เธอจะต้องตรอมใจเช่นกัน
-
2:23 - 2:25เมื่อเธออายุได้ห้าขวบ
-
2:25 - 2:28ช่วงที่เธอควรจะได้ไปโรงเรียน
-
2:28 - 2:30เธอต้องอยู่กับบ้าน
-
2:30 - 2:34ขณะที่พี่ชายน้องชายของเธอได้เข้าโรงเรียน
-
2:34 - 2:37จนกระทั่งเธออายุ 12 ปี แม้ว่า
-
2:37 - 2:40เธอจะได้มีชีวิตที่ดี
-
2:40 - 2:41เธอจะได้สนุกสนาน
-
2:41 - 2:44เธอสามารถออกไปเล่นกับเพื่อนตามถนนหนทาง
-
2:44 - 2:46และเธอสามารถโบยบินไปตามท้องถนน
-
2:46 - 2:49ดั่งผีเสื้อ
-
2:49 - 2:53แต่เมื่อเธอย่างเข้าช่วงวัยรุ่น
-
2:53 - 2:55เมื่อเธออายุ 13 ปี
-
2:55 - 2:59เธอจะถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน
-
2:59 - 3:02หากไม่มีญาติผู้ชายเป็นผู้ติดตาม
-
3:02 - 3:08เธอถูกกักตัวไว้ภายในกำแพงสี่ด้านของบ้าน
-
3:08 - 3:13หมดสิ้นเสรีของปัจเจก
-
3:13 - 3:16เธอกลายเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า "เกียรติยศ"
-
3:16 - 3:19ของพ่อ ของพี่น้องผู้ชาย
-
3:19 - 3:22และของครอบครัวเธอ
-
3:22 - 3:25และหากเธอละเมิด
-
3:25 - 3:28หลักเกณฑ์ของสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศนั้น
-
3:28 - 3:32เธออาจถูกฆ่า
-
3:32 - 3:36และมันยังน่าสนใจในสิ่งที่เรียกว่า
-
3:36 - 3:38กฎเกณฑ์ของเกียรติยศ
-
3:38 - 3:41ไม่ได้ส่งผลต่อผู้หญิงเพียงอย่างเดียว
-
3:41 - 3:43ยังส่งผลต่อชีวิต
-
3:43 - 3:48ของสมาชิกผู้ชายในครอบครัว
-
3:48 - 3:55ผมรู้จักครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกสาวเจ็ดคน
และมีลูกชายหนึ่งคน -
3:55 - 3:57และลูกชายคนนั้น
-
3:57 - 4:00ต้องย้ายไปอยู่ที่รัฐรอบอ่าวเปอร์เซีย
-
4:00 - 4:03เพื่อหาเลี้ยงพี่สาวน้องสาวทั้งเจ็ด
-
4:03 - 4:05และพ่อแม่
-
4:05 - 4:11เพราะเขาคิดว่ามันน่าอับอาย
-
4:11 - 4:14หากพี่สาวน้องสาวทั้งเจ็ดของเขาจะต้องฝึกทักษะ
-
4:14 - 4:16และออกจากบ้าน
-
4:16 - 4:20ไปหาเลี้ยงชีพ
-
4:20 - 4:22ดังนั้นชายคนนี้
-
4:22 - 4:25จึงต้องสละความสำราญในชีวิตของเขา
-
4:25 - 4:29และความสุขในชีวิตพี่สาวน้องสาวของเขา
-
4:29 - 4:33ณ แท่นบูชาของสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศ
-
4:33 - 4:35และยังมีอีกอย่างที่เป็นบรรทัดฐาน
-
4:36 - 4:37ในสังคมชายเป็นใหญ่
-
4:37 - 4:42นั่นคือการอยู่ในโอวาท
-
4:42 - 4:45ผู้หญิงที่ดีจะต้อง
-
4:45 - 4:51สงบปากสงบคำ อ่อนน้อมถ่อมตน
-
4:51 - 4:55และว่าง่ายสุดๆ
-
4:55 - 4:56นี่เป็นหลักเกณฑ์
-
4:56 - 5:00แบบอย่างของผู้หญิงที่ดีควรจะต้องสงบปากสงบคำ
-
5:00 - 5:02จะต้องเงียบไว้
-
5:02 - 5:05และต้องยอมรับการตัดสินใจ
-
5:05 - 5:07ของพ่อ ของแม่
-
5:07 - 5:11และของผู้ใหญ่
-
5:11 - 5:13แม้ว่าจริงๆ แล้ว เธอจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
-
5:13 - 5:16ถ้าเธอต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้ชอบพอ
-
5:16 - 5:19หรือต้องแต่งงานกับชายแก่
-
5:19 - 5:21เธอก็ต้องยอมรับ
-
5:21 - 5:23เพราะเธอไม่ต้องการถูกตราหน้าว่า
-
5:23 - 5:26ไม่อยู่ในโอวาท
-
5:26 - 5:27ถ้าเธอต้องแต่งงานตอนยังเด็กมาก
-
5:27 - 5:29เธอก็ต้องยอม
-
5:29 - 5:33ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกตราหน้าว่าไม่อยู่ในโอวาท
-
5:33 - 5:36แล้วจะเกิดอะไรขึ้นในตอนสุดท้าย
-
5:36 - 5:38ในโลกของหญิงสาว
-
5:38 - 5:40เธอแต่งงาน ร่วมหลับนอน
-
5:40 - 5:45แล้วก็ให้กำเนิดลูกชายลูกสาว
-
5:45 - 5:48และนี่เป็นเหตุการณ์ตลกร้าย
-
5:48 - 5:51ที่แม่คนนี้
-
5:51 - 5:54ก็จะสั่งสอนเรื่องการอยู่ในโอวาท
-
5:54 - 5:55ให้กับลูกสาว
-
5:55 - 5:59และสั่งสอนเรื่องเกียรติยศให้แก่ลูกชาย
-
5:59 - 6:04และวงจรอุบาทว์นี้ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
-
6:06 - 6:09ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
-
6:09 - 6:12ชะตาของหญิงสาวนับล้านคน
-
6:12 - 6:15สามารถเปลี่ยนแปลงได้
-
6:15 - 6:17หากเราคิดให้ต่างออกไป
-
6:17 - 6:21หากผู้หญิงและผู้ชายคิดต่างไปจากเดิม
-
6:21 - 6:25ถ้าชายและหญิงในชนพื้นเมือง
และในสังคมปิตาธิปไตย -
6:25 - 6:27ในประเทศกำลังพัฒนา
-
6:27 - 6:30หากพวกเขาสามารถยกเลิกบรรทัดฐานบางอย่าง
-
6:30 - 6:35ของครอบครัวและสังคม
-
6:35 - 6:40หากพวกเขาสามารถล้มล้างกฏหมาย
ซึ่งสร้างความไม่เท่าเทียม -
6:40 - 6:43ในระบบของบ้านเมืองของเขา
-
6:43 - 6:45ซึ่งขัดแย้งกับหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
-
6:45 - 6:49ของผู้หญิง
-
6:49 - 6:54พี่น้องชายหญิงที่รัก เมื่อตอนมาลาลาเกิด
-
6:54 - 6:56และนั่นเป็นครั้งแรก
-
6:56 - 6:57เชื่อผมเถอะ
-
6:57 - 7:02ผมไม่ชอบเด็กอ่อนเลยจริงๆ สาบานได้
-
7:02 - 7:06แต่เมื่อผมมองเข้าไปในดวงตาของเธอ
-
7:06 - 7:08เชื่อผมมั้ย
-
7:08 - 7:12ผมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างที่สุด
-
7:12 - 7:14และเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะเกิด
-
7:14 - 7:17ผมคิดเรื่องตั้งชื่อเธอ
-
7:17 - 7:21แล้วผมก็หลงใหลในเรื่องของวีรสตรีคนหนึ่ง
-
7:21 - 7:25ผู้เป็นนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพในตำนานของอัฟกานิสถาน
-
7:25 - 7:30ชื่อของเธอคือ มาลาลี (Malalai)
แห่ง มาไลวันด์ (Maiwand) -
7:30 - 7:34ผมตั้งชื่อลูกสาวของผมตามชื่อของเธอ
-
7:34 - 7:37ไม่กี่วันหลังจากที่มาลาลาเกิด
-
7:37 - 7:39ลูกสาวของผมเกิด
-
7:39 - 7:40ญาติของผมมาหา
-
7:40 - 7:42มันบังเอิญพอดี
-
7:42 - 7:45เขามาที่บ้านของผม
-
7:45 - 7:48และเอาแผนผังครอบครัวมาด้วย
-
7:48 - 7:51แผนผังตระกูลยูซาฟไซ (Yousafzai)
-
7:51 - 7:54เมื่อผมดูแผนผังครอบครัวของผม
-
7:54 - 8:00มันโยงย้อนกลับไปถึง 300 ปี
ของประวัติบรรพบุรุษของเรา -
8:00 - 8:04แต่เมื่อผมมองไป ก็เห็นแต่ชื่อของผู้ชาย
-
8:04 - 8:07แล้วผมก็หยิบปากกา
-
8:07 - 8:09ขีดเส้นจากชื่อของผม
-
8:09 - 8:12แล้วเขียนชื่อ "มาลาลา"
-
8:14 - 8:16และเมื่อเธอโตขึ้น
-
8:16 - 8:20เมื่อเธออายุได้สี่ขวบครึ่ง
-
8:20 - 8:23ผมก็รับเธอเข้าเรียนในโรงเรียนของผม
-
8:23 - 8:26คุณคงจะถามว่า แล้วไง? ทำไมผมต้องพูดถึง
-
8:26 - 8:29เรื่องการรับเด็กผู้หญิงเข้าเรียนในโรงเรียน
-
8:29 - 8:31ครับ ผมต้องกล่าวถึงมัน
-
8:31 - 8:34มันอาจเป็นเรื่องธรรมดาในแคนาดา
-
8:34 - 8:38ในอเมริกา ในหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว
-
8:38 - 8:40แต่ในประเทศยากจน
-
8:40 - 8:44ในสังคมแบบปิตาธิปไตย ในสังคมชนพื้นเมือง
-
8:44 - 8:47นี่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิตของเด็กผู้หญิง
-
8:47 - 8:51การลงทะเบียนเป็นนักเรียนในโรงเรียนหมายถึง
-
8:51 - 8:57การได้รู้จักอัตลักษณ์และชื่อของเธอ
-
8:57 - 8:59การเข้าโรงเรียนหมายถึง
-
8:59 - 9:02เธอเข้าสู่โลกแห่งความฝัน
-
9:02 - 9:04และความมุ่งมาดปรารถนา
-
9:04 - 9:07ที่ที่เธอสามารถจะค้นพบศักยภาพของเธอ
-
9:07 - 9:11เพื่ออนาคตของชีวิตเธอ
-
9:11 - 9:13ผมมีพี่น้องผู้หญิงห้าคน
-
9:13 - 9:16และไม่มีสักคนที่ได้เข้าโรงเรียน
-
9:16 - 9:18และคุณคงจะประหลาดใจ
-
9:18 - 9:22สองอาทิตย์ก่อนหน้านี้
-
9:22 - 9:26ตอนผมกำลังกรอกเอกสารวีซ่าแคนาดา
-
9:26 - 9:31และตอนผมกำลังกรอกส่วนเรื่องครอบครัว
-
9:31 - 9:33ผมไม่สามารถนึก
-
9:33 - 9:37นามสกุลของพี่น้องบางคนออกได้
-
9:37 - 9:39และเหตุผลก็คือ
-
9:39 - 9:42ผมไม่เคย ไม่เคยเลย ที่จะเห็นชื่อ
-
9:42 - 9:48ของพี่น้องผมในเอกสารใดๆ
-
9:48 - 9:51นั่นเป็นเหตุผลที่
-
9:51 - 9:54ผมให้คุณค่ากับลูกสาวของผม
-
9:54 - 9:59สิ่งที่พ่อของผมไม่สามารถให้แก่พี่น้องของผมได้
-
9:59 - 10:00ไม่สามารถให้กับลูกสาวของเขาได้
-
10:00 - 10:05ผมคิดว่าผมจะต้องเปลี่ยนแปลงมัน
-
10:05 - 10:08ผมชื่นชมในความฉลาด
-
10:08 - 10:11และความสามารถของลูกสาวผม
-
10:11 - 10:14ผมให้เธอนั่งอยู่กับผม
-
10:14 - 10:15เมื่อเพื่อนของผมมาเยี่ยมเยือน
-
10:15 - 10:20ผมพาเธอไปออกงานตามที่ต่างๆ
-
10:20 - 10:22สิ่งที่ผมทำนั้นคุ้มค่า
-
10:22 - 10:25ผมพยายามที่จะเสริมสร้างบุคลิกภาพของเธอ
-
10:25 - 10:29และไม่ใช่เฉพาะแต่กับมาลาลาเท่านั้น
-
10:29 - 10:32ผมยังสั่งสอนสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้
-
10:32 - 10:36ในโรงเรียนของผม
ให้กับนักเรียนทั้งหญิงและชายเช่นกัน -
10:36 - 10:40ผมใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือปลดปล่อย
-
10:40 - 10:42ผมสอนเด็กสาว
-
10:42 - 10:44ผมสอนนักเรียนหญิงของผม
-
10:44 - 10:49ให้ลืมบทเรียนของการอยู่ในโอวาท
-
10:49 - 10:52ผมสอนลูกศิษย์ผู้ชาย
-
10:52 - 10:58ให้ลืมบทเรียนของไอ้ที่เรียกว่า
เกียรติยศจอมปลอมนั่น -
11:02 - 11:06พี่น้องที่รัก
-
11:06 - 11:10เรามุ่งมั่นฝ่าฟันเพื่อสิทธิของผู้หญิง
-
11:10 - 11:14และเราดิ้นรนเพื่อที่จะให้มี
-
11:14 - 11:18พื้นที่ของผู้หญิงในสังคมเพิ่มมากขึ้น
-
11:18 - 11:21แต่เราก็ได้พบกับอุบัติการณ์ใหม่
-
11:21 - 11:24ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสิทธิมนุษยชน
-
11:24 - 11:27โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิสตรี
-
11:27 - 11:32มันเรียกว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มตาลีบัน
(Talibanization) -
11:32 - 11:36มันหมายถึงการปฏิเสธบทบาท
-
11:36 - 11:38การมีส่วนร่วมของผู้หญิงโดยสิ้นเชิง
-
11:38 - 11:44ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และกิจกรรมทางสังคม
-
11:44 - 11:48โรงเรียนหลายร้อยโรงถูกทำลาย
-
11:48 - 11:54เด็กผู้หญิงถูกห้ามไม่ให้ไปโรงเรียน
-
11:54 - 11:58ผู้หญิงถูกบังคับให้ใส่ผ้าคลุมหน้า
-
11:58 - 12:01และถูกห้ามไม่ให้ออกไปตลาด
-
12:01 - 12:04นักดนตรีถูกห้ามไม่ให้บรรเลงเพลง
-
12:04 - 12:06เด็กผู้หญิงถูกเฆี่ยนตี
-
12:06 - 12:09และนักร้องถูกสังหาร
-
12:09 - 12:11ผู้คนนับล้านต้องทนทุกข์
-
12:11 - 12:14แต่มีคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ไม่ทนเงียบเฉย
-
12:14 - 12:16และมันเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด
-
12:16 - 12:23เมื่อผู้คนที่อยู่รายรอบตัวคุณ
-
12:23 - 12:25เป็นคนที่ฆ่าและทำร้าย
-
12:25 - 12:26แต่คุณยังประกาศสิทธิของตน
-
12:26 - 12:30มันช่างเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดจริงๆ
-
12:30 - 12:32เมื่ออายุได้ 10 ขวบ
-
12:32 - 12:36มาลาลายืนหยัด และเธอยืนหยัดเพื่อสิทธิ
-
12:36 - 12:39ในการศึกษา
-
12:39 - 12:43เธอเขียนไดอารี่ให้กับบล๊อกของ บีบีซี (BCC)
-
12:43 - 12:45เธออาสาตัวเอง
-
12:45 - 12:49ให้กับการถ่ายทำสารคดีของ นิวยอร์ค ไทม์
(New York Times) -
12:49 - 12:54และป่าวประกาศไปในทุกทางที่เธอจะสามารถ
-
12:54 - 12:58และเสียงของเธอเป็นเสียงที่ทรงพลังมากที่สุด
-
12:58 - 13:05มันแพร่กระจายและดังขึ้นเรื่อยๆ ไปทั่วโลก
-
13:05 - 13:06และนั่นเป็นเหตุผลที่พวกตาลีบัน
-
13:06 - 13:11ไม่สามารถทนต่อโครงการของเธอได้
-
13:11 - 13:14และในวันที่ 9 ตุลาคม 2012
-
13:14 - 13:19เธอถูกยิงเข้าที่ศีรษะในระยะประชิด
-
13:19 - 13:24มันเป็นวันโลกาวินาศ
สำหรับครอบครัวของผมและตัวผม -
13:24 - 13:29โลกกลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่
-
13:29 - 13:31ในขณะที่ลูกสาวของผม
-
13:31 - 13:34อยู่ที่ทางแยกระหว่างความเป็นกับความตาย
-
13:34 - 13:38ผมกระซิบที่ข้างหูของภรรยาว่า
-
13:38 - 13:41นี่เป็นความผิดของผมหรือเปล่า
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น -
13:41 - 13:45กับลูกสาวของผมและลูกสาวของคุณ?
-
13:45 - 13:48เธอพูดขึ้นมาทันทีว่า
-
13:48 - 13:50โปรดอย่าโทษตัวเองเลย
-
13:50 - 13:53คุณยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง
-
13:53 - 13:55คุณเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน
-
13:55 - 13:57ในการต่อสู้เพื่อความจริง
-
13:57 - 13:58ต่อสู้เพื่อสันติภาพ
-
13:58 - 14:00ต่อสู้เพื่อการศึกษา
-
14:00 - 14:02และลูกสาวของเราได้แรงบันดาลใจจากคุณ
-
14:02 - 14:04เธอจึงเข้าร่วมทางเดินเดียวกับคุณ
-
14:04 - 14:06คุณทั้งคู่อยู่บนทางที่ถูกต้อง
-
14:06 - 14:10และพระเจ้าจะคุ้มครองเธอ
-
14:10 - 14:13คำไม่กี่คำเหล่านี้มีความหมายมากมายสำหรับผม
-
14:13 - 14:17และผมก็ไม่เคยถามคำถามนี้อีกเลย
-
14:17 - 14:21เมื่อตอนที่มาลาลาอยู่ในโรงพยาบาล
-
14:21 - 14:24เธอได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
-
14:24 - 14:27เธอปวดหัวอย่างหนัก
-
14:27 - 14:30เพราะเส้นประสาทใบหน้าของเธอขาด
-
14:30 - 14:33ผมเห็นเงามืด
-
14:33 - 14:38ฉายทาบบนหน้าของภรรยาผม
-
14:38 - 14:44แต่ลูกสาวของผมไม่เคยบ่น
-
14:44 - 14:46เธอบอกพวกเราว่า
-
14:46 - 14:48หนูสบายดี แค่ยิ้มได้เบี้ยว
-
14:48 - 14:51และรู้สึกชาบนใบหน้า
-
14:51 - 14:53หนูจะไม่เป็นไร อย่ากังวลเลย
-
14:53 - 14:55เธอเป็นสิ่งประโลมใจของเรา
-
14:55 - 14:58เธอปลอบโยนเราให้สบายใจ
-
15:00 - 15:04พี่น้องที่รัก
-
15:04 - 15:07เราเรียนรู้จากเธอว่าจะกลับสู่ภาวะปกติอย่างไร
-
15:07 - 15:10ในเวลาที่ยากลำบากที่สุด
-
15:10 - 15:13และผมยินดีที่จะแบ่งปันกับพวกคุณ
-
15:13 - 15:19ว่าแม้ว่าเธอจะเป็นบุคคลที่เป็นสัญลักษณ์
-
15:19 - 15:22ของสิทธิเด็กและสตรี
-
15:22 - 15:27เธอก็เป็นเหมือนเด็กสาวอายุสิบหกคนอื่นๆ
-
15:27 - 15:32เธอร้องไห้เมื่อทำการบ้านไม่เสร็จ
-
15:32 - 15:34เธอตีกันกับพี่น้องผู้ชาย
-
15:34 - 15:38แต่ผมก็มีความสุขมาก
-
15:38 - 15:41คนมากมายถามผมว่า
-
15:41 - 15:44มีอะไรพิเศษในการเลี้ยงดูของผม
-
15:44 - 15:47ที่ทำให้มาลาลาพร้อมที่จะต่อสู้
-
15:47 - 15:51มีความกล้าหาญ กล้าที่จะแสดงความเห็น
และมีสติ -
15:51 - 15:57ผมตอบพวกเขาว่า อย่าถามเลยว่าผมทำอะไร
-
15:57 - 16:01ถามสิว่าผมไม่ได้ทำอะไร
-
16:01 - 16:07ผมแค่ไม่ได้ตัดปีกของเธอออก
ก็แค่นั้นเอง -
16:07 - 16:09ขอบคุณมากๆ ครับ
-
16:09 - 16:15(เสียงปรบมือ)
-
16:15 - 16:19ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก ขอบคุณ
(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ลูกสาวของผม, มาลาลา
- Speaker:
- ไซอุดดิน ยูซาฟไซ (Ziauddin Yousafzai)
- Description:
-
นักศึกษาศาสตร์ชาวปากีสถาน ไซอุดดิน ยูยาฟไซ (Ziauddin Yousafzai) เตือนให้โลกระลึกถึงความจริงที่หลายคนไม่อยากได้ยิน นั่นคือหญิงและชายควรได้รับโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมกัน สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเองเป็นอิสระจากการควบคุมจัดการของผู้อื่น และมีอัตลักษณ์เป็นตัวของตัวเอง
เขาเล่าเรื่องชีวิตตนเองและลูกสาวของเขา มาลาลา ผู้ที่ถูกยิงโดยกลุ่มตาลีบันในปี 2012 เพียงเพราะว่ากล้าที่จะไปโรงเรียน "เหตุใดลูกสาวของผมจึงเข้มแข็งน่ะหรือ?" ไซอุดดินถาม "ก็เพราะผมไม่ได้ตัดปีกของเธอออกไง" - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 16:36
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for My daughter, Malala | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My daughter, Malala | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My daughter, Malala | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My daughter, Malala | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My daughter, Malala | ||
Tisa Tontiwatkul accepted Thai subtitles for My daughter, Malala | ||
Tisa Tontiwatkul edited Thai subtitles for My daughter, Malala | ||
Tisa Tontiwatkul edited Thai subtitles for My daughter, Malala |