ผมถูกจับเป็นตัวประกันกว่า 317 วัน และนี่คือสิ่งที่ผมนึกถึง...
-
0:01 - 0:04ผมไม่สามารถที่จะลืมพวกเขาได้
-
0:04 - 0:08พวกเขาชื่อ อาสลาน อาลีค อังเดรย์
-
0:08 - 0:13เฟอร์นันดา เฟร็ด เยลีน่า กูนีลด์
-
0:13 - 0:18ฮานส์ อิงเกบอร์ก แมททิ นาทาเลีย
-
0:18 - 0:23แนนซี่ เชอร์ริล อุสแมน ซารีม่า
-
0:23 - 0:25และยังมีอีกมาก
-
0:26 - 0:30สำหรับหลายคน การมีตัวตน
และความเป็นมนุษย์ของพวกเขา -
0:30 - 0:33กลับกลายเป็นแค่ข้อมูล
-
0:33 - 0:38ที่ถูกบันทึกอย่างเลือดเย็นว่า
อุบัติเหตุด้านความปลอดภัย -
0:38 - 0:39สำหรับผม พวกเขาคือเพื่อนร่วมงาน
-
0:39 - 0:43ในสังกัดของกลุ่ม
ผู้ให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม -
0:43 - 0:45ที่ได้พยายามนำความสุขแม้เพียงเล็กน้อย
-
0:45 - 0:50ไปมอบให้เหยื่อของสงคราม
ที่เชชเนีย ในช่วงปี 90 -
0:50 - 0:54พวกเขาคือ พยาบาล นักตรรกวิทยา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลี้ภัย -
0:54 - 0:57นักกฏหมาย และล่าม
-
0:57 - 1:01และในการไปให้การช่วยเหลือครั้งนี้
พวกเขาก็ถูกสังหาร -
1:01 - 1:04ครอบครัวพวกเขาต้องแตกสลาย
-
1:04 - 1:06และเรื่องราวของพวกเขาก็ถูกลืม
-
1:07 - 1:10ไม่เคยมีอาชญากรแม้แต่คนเดียว
ที่ถูกพิพากษาในอาชญากรรมครั้งนี้ -
1:11 - 1:13ผมไม่สามารถที่จะลืมพวกเขาได้
-
1:13 - 1:15พวกเขายังมีชีวิตอยู่ในตัวผม
-
1:15 - 1:18ความทรงจำพวกเขา
มอบความหมายให้กับผมทุกวัน -
1:18 - 1:23แต่พวกเขาก็หลอกหลอนผม
อยู่ในส่วนที่มืดมนของจิตใจผม -
1:23 - 1:25ในฐานะผู้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
-
1:25 - 1:28พวกเขาได้เลือกที่จะอยู่
เคียงข้างผู้ประสบภัย -
1:28 - 1:33เพื่อให้ความช่วยเหลือ ปลอบใจ
และให้การคุ้มครอง -
1:33 - 1:36แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องการการคุ้มครอง
-
1:36 - 1:37พวกเขากับไม่ได้รับอะไรเลย
-
1:38 - 1:41เมื่อคุณเห็นพาดหัวข่าว
ในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวันนี้ -
1:41 - 1:44เกี่ยวกับสงครามใน อิรัก หรือใน ซีเรีย
-
1:44 - 1:48อาสาสมัครถูกลักพาตัว
หรือตัวประกันถูกประหาร -
1:48 - 1:50พวกเขาคือใคร?
-
1:50 - 1:52ทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นั่น?
-
1:52 - 1:54อะไรคือสาเหตุ?
-
1:54 - 1:58ทำไมเราถึงไม่รู้สึกอะไรเลบ
กับอาชญากรรมเหล่านี้ -
1:58 - 2:01นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมมาหาพวกคุณที่นี่
-
2:01 - 2:03เราต้องหาวิธีที่ดีกว่านี้ ที่จะจดจำพวกเขา
-
2:05 - 2:11เราต้องอธิบายถึงเรื่องสำคัญ
ที่ทำให้พวกเขายอมเสี่ยงชีวิต -
2:11 - 2:15และเราต้องเรียกร้องความยุติธรรม
-
2:16 - 2:18ในปี 96 ผมถูกส่งไป
-
2:18 - 2:22โดยกรรมาธิการใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ
เพื่อผู้ลี้ภัยทางเหนือของเทือกเขาคอเคซัส -
2:22 - 2:24ผมรู้ดีถึงความเสี่ยง
-
2:24 - 2:26เพื่อนร่วมงานถูกฆ่าตายไป 5 คนแล้ว
-
2:26 - 2:283 คนบาดเจ็บสาหัส
-
2:28 - 2:307 คนถูกจับเป็นตัวประกัน
-
2:30 - 2:32เราจึงต้องระมัดระวัง
-
2:32 - 2:36เราใช้รถหุ้มเกราะ รถนำขบวน
-
2:36 - 2:39เปลี่ยนแผนการเดินทาง เปลี่ยนบ้านพัก
-
2:39 - 2:42ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยทุกอย่าง
-
2:43 - 2:49แต่แล้วในคืนหนาวของเดือนมกราคม
ปี 98 มันก็ถึงเวลาของผม -
2:49 - 2:53เมื่อผมเข้าไปที่แฟลตผมในเมืองวาดิคาฟคัส
พร้อมกับผู้คุ้มกันของผม -
2:53 - 2:55เราก็ถูกล้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ
-
2:57 - 2:59พวกเขาจับผู้คุ้มกันผมกดเขาลงกับพื้น
-
2:59 - 3:02กระทืบเขาต่อหน้าต่อตาผม
-
3:02 - 3:04มัดเขา และลากตัวเขาออกไป
-
3:06 - 3:10ผมถูกมัดข้อมือ ผูกผ้าปิดตา
และถูกบังคับให้คุกเข่าลง -
3:10 - 3:14ในขณะที่ปากกระบอกปืนเก็บเสียง
จ่ออยู่ที่คอของผม -
3:14 - 3:16ถ้าเมื่อมันเกิดขึ้นกับคุณ
-
3:16 - 3:19มันไม่มีเวลาให้คิด ไม่มีเวลาให้ภาวนา
-
3:20 - 3:23สมองของผมทำงานโดยอัตโนมัติ
-
3:23 - 3:27กรอกลับเรื่องราวชีวิตของผม
ที่ผ่านมาอย่างรวดเร็ว -
3:27 - 3:30ผมใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะเข้าใจ
-
3:30 - 3:33ว่าผู้ชายพวกนั้นไม่ได้มาเพื่อฆ่าผม
-
3:33 - 3:37แต่ใครสักคน ที่ไหนสักแห่ง
ได้ออกคำสั่งให้มาลักพาตัวผม -
3:39 - 3:43กระบวนการลดทอนความเป็นมนุษย์
ได้เริ่มต้นขึ้นในวันนั้น -
3:43 - 3:47ผมเป็นอะไรไม่มากไปกว่าตัวสินค้า
-
3:49 - 3:51โดยปกติแล้วผมมักจะไม่พูดถึงเรื่องนี้
-
3:51 - 3:56แต่ผมอยากให้พวกคุณได้รู้บ้างสักเล็กน้อย
ถึงเรื่อง 317 วัน ที่ผมถูกคุมขัง -
3:57 - 4:00ผมถูกขังอยู่ในห้องใต้ดิน
-
4:00 - 4:02ห้องที่มืดสนิท
-
4:02 - 4:05เป็นเวลา 23 ชั่วโมง 45 นาที ทุกวัน
-
4:05 - 4:09แล้วยามจะเข้ามา โดยปกติมากันสองคน
-
4:09 - 4:11พวกเขาเอาขนมปังมาให้ 1 ชิ้น
-
4:11 - 4:14ซุป 1 ชาม และเทียน 1 เล่ม
-
4:15 - 4:19เทียนเล่มนั้นจุดได้ประมาน 15 นาที
-
4:19 - 4:2315 นาทีของแสงสว่างอันล้ำค่า
-
4:23 - 4:27จากนั้นพวกเขาก็เอาเทียนออกไป
แล้วปล่อยให้ผมกลับสู่ความมืดมิด -
4:29 - 4:33ผมถูกล่ามด้วยโซ่ติดกับเตียงนอน
-
4:33 - 4:36ผมเดินได้แค่ 4 ก้าวเล็กๆ
-
4:37 - 4:41ฝันถึงก้าวที่ 5 ตลอดเวลา
-
4:41 - 4:45ไม่มีทีวี ไม่มีวิทยุ ไม่มีหนังสือพิมพ์
ไม่มีใครให้คุยด้วย -
4:45 - 4:49ไม่มีผ้าเช็ดตัว ไม่มีสบู่ ไม่มีกระดาษชำระ
-
4:49 - 4:55มีแค่ถังโลหะ 2 ถัง ถังหนึ่งสำหรับใส่น้ำ
ถังหนึ่งสำหรับใส่ของเสีย -
4:58 - 5:03คุณลองจินตนาการดูได้ไหม การจำลองการฆ่าคน
คือเรื่องที่ยามชอบทำเพื่อฆ่าเวลา -
5:03 - 5:08ในเวลาที่พวกเขามีอารมณ์ซาดิสต์
หรือเวลาที่พวกเขารู้สึกเบื่อ หรือ เมา -
5:10 - 5:13มันทำให้ผมประสาทเสียอย่างช้าๆ
-
5:13 - 5:18ความเหงา และความมืด มันช่างยากที่จะอธิบาย
-
5:18 - 5:20คุณจะอธิบายความว่างเปล่าได้อย่างไร
-
5:20 - 5:23ไม่มีคำที่จะมาแทนความเหงาที่ผมรู้สึกได้
-
5:23 - 5:28มีเส้นขั้นบางๆกั้นระหว่าง
ความปกติกับความบ้าคลั่ง -
5:30 - 5:35ในความมืดมิด บางครั้ง
ผมก็เล่นหมากฮอสในสมอง(จินตนาการ) -
5:35 - 5:38เริ่มจากตัวสีดำ
-
5:38 - 5:39เล่นกับตัวสีขาว
-
5:39 - 5:42กลับมาที่ตัวสีดำ พยายามหลอกล่อฝ่ายตรงข้าม
-
5:43 - 5:47ผมไม่เล่นหมากฮอสอีกแล้ว
-
5:47 - 5:53ผมถูกทรมานทางใจเกี่ยวกับครอบครัว
เพื่อนร่วมงาน และผู้คุ้มกันของผมที่ชื่อ อีดิก -
5:53 - 5:56ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
-
5:56 - 5:58ผมพยายามที่จะไม่คิด
-
5:58 - 6:00ผมพยายามทำตัวให้ไม่ว่าง
-
6:00 - 6:04ด้วยการออกกำลังกายแบบต่างๆ
-
6:04 - 6:08ผมพยายามที่จะสวดมนต์
พยามยามเล่นเกมท่องจำต่างๆ -
6:09 - 6:13แต่ความมืดก็ได้สร้างภาพ
และความคิดที่ไม่ปกติ -
6:13 - 6:20ส่วนหนึ่งของสมองต้องการให้คุณ
ต่อต้าน ตะโกน ร้องไห้ -
6:20 - 6:23อีกส่วนต้องการให้คุณหุบปาก
-
6:23 - 6:26และก้าวผ่านมันไป
-
6:26 - 6:30มันคือการอภิปรายถกเถียงกันภายในใจ
ตลอดเวลาและไม่มีใครจะมาตัดสิน -
6:31 - 6:36ครั้งหนึ่ง ยามเข้ามาหาผมอย่างไม่เป็นมิตรมากๆ
และบอกผมว่า -
6:36 - 6:40วันนี้แกต้องคุกเข่าและร้องขออาหารของแก
-
6:40 - 6:44วันนั้นผมอารมณ์ไม่ดี ผมก็เลยด่าเขาไป
-
6:44 - 6:47ผมด่าแม่มัน ผมด่าบรรพบุรุษมัน
-
6:47 - 6:51ผลลัพธ์ออกมาอย่างพอประมาณ
เขาโยนอาหารผมลงในถังใส่ของเสีย -
6:51 - 6:55วันถัดมาเขากลับมาอีก
พร้อมกับความต้องการแบบเดิม -
6:55 - 6:57เขาได้รับคำตอบ
-
6:57 - 7:02ที่มีผลลัพธ์เหมือนเดิม
-
7:02 - 7:054 วันหลังจากนั้น ร่างกายของผมเจ็บปวดมาก
-
7:05 - 7:10ผมไม่เคยรู้เลยว่าความหิวมันช่างเจ็บปวด
เวลาที่คุณแทบไม่มีอะไรเลย -
7:10 - 7:13ดังนั้น เมื่อยามกลับลงมา
-
7:16 - 7:19ผมคุกเข่า
-
7:19 - 7:22ผมร้องขออาหารของผม
-
7:22 - 7:28การยอมแพ้คือหนทางเดียวที่ทำให้ผม
ได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง -
7:29 - 7:31หลังจากผมถูกลักพาตัวไป
-
7:31 - 7:34ผมถูกย้ายจากทางเหนือของโอสเซเทีย
ไปยังเชชเนีย -
7:34 - 7:393 วันของการเดินอย่างเชื่องช้า
ผ่านการขึ้นลงนั่งในรถหลายคัน -
7:39 - 7:41เมื่อผมมาถึง ผมถูกสอบปากคำ
-
7:41 - 7:45เป็นเวลา 11 วัน โดยชายที่ชื่อ รัสลัน
-
7:45 - 7:46กิจวัตรประจำวันก็เหมือนเดิม
-
7:46 - 7:49แสงสว่างมากกว่าเดิมหน่อย คราวนี้ 45 นาที
-
7:49 - 7:51เขาจะลงมาที่ห้องใต้ดิน
-
7:51 - 7:53เขาจะบอกให้ยามมัดผมกับเก้าอี้
-
7:53 - 7:56แล้วเขาก็จะเปิดเพลงเสียงดัง
-
7:56 - 8:00จากนั้นก็ตะโกนถามเรื่องต่างๆ
-
8:00 - 8:02เขาจะกรีดร้อง เขาจะกระทืบผม
-
8:02 - 8:04ผมจะไม่เล่าถึงรายละเอียดเรื่องนี้
-
8:04 - 8:07มีหลายคำถามที่ผมไม่เข้าใจ
-
8:07 - 8:11และมีอีกหลายคำถามที่ผมไม่อยากเข้าใจ
-
8:12 - 8:16ความยาวของการสอบสวนเท่ากับความยาวของเทป
-
8:16 - 8:2015 เพลง ก็ 45 นาที
-
8:20 - 8:22ผมอยากให้ถึงเพลงสุดท้ายเร็วๆ เสมอ
-
8:23 - 8:26วันหนึ่ง หรือคืนหนึ่งในห้องใต้ดิน
ผมไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น -
8:26 - 8:29ผมได้ยินเสียงเด็กร้องไห้
ด้านบนเหนือหัวของผม -
8:29 - 8:32เด็กผู้ชาย อาจจะ 2 หรือ 3 ขวบ
-
8:32 - 8:36เสียงฝีเท้า เสียงสับสน ผู้คนวิ่งไปมา
-
8:37 - 8:40เมื่อ รัสลัน มาหาผมในวันถัดมา
-
8:40 - 8:42ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไรผม
-
8:42 - 8:46ผมถามว่า วันนี้ลูกของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
เขาดีขึ้นไหม -
8:46 - 8:49รัสลัน ตกใจ
-
8:49 - 8:52เขากราดเกรี้ยวที่ยามอาจทำให้ข้อมูลรั่วไหล
-
8:52 - 8:54ข้อมูลชีวิตส่วนตัวของเขา
-
8:54 - 8:59ผมคุยกับเขาเกี่ยวกับ องค์กรพัฒนาเอกชน
ที่จัดส่งยารักษาโรคให้กับคลินิกท้องถิ่น -
8:59 - 9:02ยาที่อาจทำให้ลูกของเขาดีขึ้น
-
9:02 - 9:06จากนั้นเราคุยเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา
เราคุยเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว -
9:06 - 9:08เขาพูดถึงลูกๆของเขา
-
9:08 - 9:10ผมคุยเรื่องลูกสาวผมกับเขา
-
9:10 - 9:13จากนั้นเขาคุยเรื่องปืน เรื่องรถ และผู้หญิง
-
9:13 - 9:18และผมก็ต้องคุยกับเขา
เรื่องปืน เรื่องรถ และผู้หญิง -
9:18 - 9:21เราคุยกันจนเทปจบ
-
9:21 - 9:27รัสลัน เป็นผู้ชายที่เหี้ยมโหดมากที่สุด
ที่ผมเคยพบเจอ -
9:27 - 9:30แล้วเขาก็ไม่มายุ่งกับผมอีก
-
9:30 - 9:33เขาไม่ถามอะไรผมอีก
-
9:33 - 9:37ผมไม่ได้เป็นแค่ตัวสินค้าอีกต่อไป
-
9:37 - 9:422 วันหลังจากนั้น ผมถูกย้ายไปอีกที่หนึ่ง
-
9:42 - 9:47ที่นั่น ยามคนหนึ่งเข้ามาหาผม
ใกล้มากจนค่อนข้างผิดปกติ -
9:47 - 9:50และเขาพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า
-
9:50 - 9:53ผมอยากจะขอบคุณ
-
9:53 - 9:57สำหรับความเชื่อเหลือที่องค์กรของคุณ
ได้มอบให้กับครอบครัวผม -
9:57 - 10:01ในตอนที่เราพลัดถิ่นใกล้กับดาเกสตาน
-
10:02 - 10:06มีอะไรที่ผมจะตอบเขาได้
-
10:06 - 10:11มันช่างเจ็บปวด
มันเหมือนมีมีดอยู่ในท้องผม -
10:11 - 10:14ผมใช้เวลาหลายอาทิตย์คิดในใจ
พยายามที่จะทำความเข้าใจ -
10:14 - 10:17เหตผลดีๆที่ทำให้เราช่วยเหลือครอบครัวนั้น
-
10:17 - 10:20และการที่เขาเป็นทหารรับจ้าง
-
10:20 - 10:22เขายังเยาว์วัย และเขาก็เขินอาย
-
10:22 - 10:25ผมไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน
-
10:25 - 10:27เขาอาจจะมีเจตนาที่ดี
-
10:27 - 10:30แต่ในช่วง 15 วินาทีนั้น
-
10:30 - 10:33เขาทำให้ผมต้องตั้งคำถาม
เกี่ยวกับเรื่องทุกอย่างที่เราทำ -
10:33 - 10:36การเสียสละทั้งปวง
-
10:36 - 10:39เขาทำให้ผมคิดว่าพวกเขามองเราอย่างไร
-
10:39 - 10:42ถึงตอนนั้น ผมเข้าใจเลยว่า
พวกเขารู้ว่าเราไปที่นั่นทำไม -
10:42 - 10:45และพวกเรากำลังทำอะไร
-
10:45 - 10:48ไม่มีใครสามารถสมมติเรื่องเหล่านี้ได้
-
10:48 - 10:52จะให้อธิบายว่าเราทำเรื่องหล่านี้ไปทำไม
ไม่ใช่ง่าย ๆ -
10:52 - 10:54แม้แต่กับญาติที่สนิทที่สุด
-
10:55 - 10:58เราอาจไม่สมบูรณ์แบบ เราอาจไม่ได้เหนือกว่า
-
10:58 - 11:01เราไม่ใช่หน่วยดับเพลิงโลก
-
11:01 - 11:03เราไม่ใช่ยอดมนุษย์
-
11:03 - 11:05เราหยุดสงครามไม่ได้
-
11:05 - 11:10เรารู้ว่าการตอบสนองด้านมนุษยธรรม
ไม่อาจแทนที่ของทางออกทางการเมืองได้ -
11:10 - 11:15เราทำสิ่งนี้เพราะ 1 ชีวิตก็มีความสำคัญ
-
11:15 - 11:17บางทีมันคือความแตกต่าง
อย่างเดียวที่คุณทำได้ -
11:17 - 11:20คน 1 คน ครอบครัว 1 ครอบครัว
หรือ กลุ่มปัจเจกชนเล็ก 1 กลุ่ม -
11:20 - 11:22และมันมีความสำคัญ
-
11:22 - 11:25เมื่อเกิดเหตุซึนามิ แผ่นดินไหว หรือ พายุไต้ฝุ่น
-
11:25 - 11:29คุณจะเห็นทีมนักกู้ภัยมาจากทั่วโลก
-
11:29 - 11:32มองหาผู้รอดชีวิตเป็นอาทิตย์ๆ
-
11:32 - 11:35ทำไม ไม่มีใครตั้งคำถาม
-
11:35 - 11:37ทุกชีวิตมีความสำคัญ
-
11:37 - 11:41หรือทุกชีวิตควรมีความสำคัญ
-
11:41 - 11:44เช่นเดียวกับพวกเรา เมื่อเราช่วยผู้ลี้ภัย
-
11:44 - 11:49ผู้คนที่ผลัดถิ่นภายในประเทศตนเอง
จากความขัดแย้ง หรือคนไร้สัญชาติ -
11:50 - 11:51ผมรู้จักคนมากมาย
-
11:51 - 11:54เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับ
ความทุกข์ทรมานอันเหลือล้น -
11:54 - 11:58พวกเขาจะรู้สึกอ่อนแอ และหยุดอยู่แค่นั้น
-
11:58 - 12:02เรื่องมันน่าสงสาร เพราะมีหนทางอีกมากมาย
ที่หลายคนสามารถช่วยเหลือได้ -
12:02 - 12:04เราไม่หยุดกับความรู้สึกแบบนั้น
-
12:04 - 12:07เราพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ความช่วยเหลือ
-
12:07 - 12:09ความคุ้มครอง ความสบายใจ
-
12:09 - 12:11เราจำเป็นต้องทำ
-
12:11 - 12:13เราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้
-
12:13 - 12:18มันทำให้เรารู้สึก ผมไม่รู้
เป็นมนุษย์ธรรมดา -
12:18 - 12:22นั่นคือภาพผมวันที่ถูกปล่อยตัว
-
12:22 - 12:27หลายเดือนหลังจากที่ผมถูกปล่อยตัว
ผมได้พบกับนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสในตอนนั้น -
12:27 - 12:29มีสองเรื่องที่เขาได้บอกผมคือ
-
12:29 - 12:32คุณไร้ความรับผิดชอบมาก
ที่ไปตอนเหนือของคอเคซัส -
12:32 - 12:36คุณไม่รู้เลยหรือว่า
คุณได้สร้างปัญหามากมายให้กับพวกเรา -
12:38 - 12:40มันเป็นการพบปะช่วงสั้น ๆ
-
12:40 - 12:42(เสียงหัวเราะ)
-
12:43 - 12:47ผมคิดว่าการช่วยเหลือผู้คน
ที่ตกอยู่ในอันตราย คือหน้าที่ -
12:47 - 12:52ในสงครามที่ไม่มีใครจริงใจที่จะทำให้มันจบลง
-
12:52 - 12:54และในวันนี้เราก็มีสงครามแบบนั้นมากมาย
-
12:54 - 12:59การให้ความช่วยเหลือและความปลอดภัย
ให้กับคนที่ต้องการ -
12:59 - 13:01ไม่ใช่แค่การแสดงออกของความเป็นมนุษย์
-
13:01 - 13:03มันคือการสร้างความแตกต่างสำหรับผู้คน
-
13:03 - 13:07ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้เลย
-
13:07 - 13:09เรามีความรับผิดชอบที่จะพยายาม
-
13:09 - 13:12คุณก็เคยได้ยินเกี่ยวกับแนวคิดนั้น
ความรับผิดชอบที่จะปกป้อง -
13:12 - 13:17ผลลัพท์อาจขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ
-
13:17 - 13:20ไม่แน่เราอาจล้มเหลว
แต่มันมีสิ่งที่แย่กว่าความล้มเหลว -
13:20 - 13:23มันคือ การไม่พยายามทำ ในขณะที่เราทำได้
-
13:24 - 13:28อา ถ้าคุณพบหนทางนี้
ถ้าคุณสมัครจะทำงานแบบนี้ -
13:28 - 13:33ชีวิตของคุณจะเต็มไปด้วย
ความสุข และความเศร้า -
13:33 - 13:36เพราะมีผู้คนอีกมากมาย
ที่เราไม่สามารถช่วยได้ -
13:36 - 13:40ผู้คนอีกมากมายที่เราปกป้องไม่ได้
ผู้คนอีกมากมายที่เราช่วยชีวิตไม่ได้ -
13:40 - 13:42ผมเรียกพวกเขาว่า ปีศาจของผม
-
13:42 - 13:45และการได้พบเห็นความทุกข์
ของผู้คนอย่างใกล้ชิด -
13:45 - 13:49เท่ากับคุณเอาความทุกข์
เล็กน้อยเหล่านั้นมาใส่ตัวเอง -
13:49 - 13:52นักมนุษยธรรมรุ่นเยาว์หลายคน
-
13:52 - 13:55ผ่านประสบการณ์ครั้งแรกของพวกเขา
ด้วยความขมชื่น/ตรอมตรม -
13:55 - 13:58พวกเขาถูกจับโยนเข้าไปยัง
สถานการณ์ที่พวกเขาเป็นประจักษ์พยาน -
13:58 - 14:01แต่ก็อ่อนแอเกินไปที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง
-
14:01 - 14:04พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน
-
14:04 - 14:07และค่อยๆเปลี่ยนให้มันเป็นพลังงานเชิงบวก
-
14:07 - 14:08มันเป็นเรื่องยาก
-
14:08 - 14:11หลายคนไม่ประสบความสำเร็จ
-
14:11 - 14:15แต่สำหรับคนที่ทำงานนี้
ไม่มีงานไหนเหมือนงานนี้ -
14:15 - 14:19คุณเห็นความแตกต่างงานที่คุณทำทุกวัน
-
14:20 - 14:23นักมนุษยธรรมรู้ดีถึงอันตรายที่จะต้องเจอ
-
14:23 - 14:28ในสถานที่ที่มีความขัดแย้ง
ในสภาพแวดล้อมหลังความขัดแย้ง -
14:28 - 14:34แน่นอนชีวิตพวกเรา งานพวกเรา
ก็อันตรายขึ้นเรื่อยๆ -
14:34 - 14:38และศีลธรรมชีวิตคนเราก็จางหายไปเรื่อยๆ
-
14:39 - 14:42คุณรู้รึปล่าวว่า ตั้งแต่สหัสวรรษเป็นต้นมา
-
14:42 - 14:46จำนวนครั้งที่นักมนุษยธรรมถูกโจมตี
เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า -
14:47 - 14:50มีสถิติใหม่ในปี 2013
-
14:51 - 14:54เพื่อนร่วมงานถูกฆ่า 115 คน
-
14:54 - 14:58171 คน บาดเจ็บสาหัส
-
14:58 - 15:01134 คน ถูกลักพาตัว
-
15:01 - 15:05ชีวิตหลายชีวิตต้องแหลกสลาย
-
15:05 - 15:10แม้กระทั่งตอนเริ่มต้นสงครามกลางเมือง
ในโซมาเลีย ในช่วงปี 80 -
15:10 - 15:14นักมนุษยธรรม บางครั้งถูกนับว่าเป็นเหยื่อ
-
15:14 - 15:16กับเรื่องอะไรที่เราเรียกว่า ความเสียหายคู่กัน
-
15:16 - 15:20หากแต่ว่าส่วนใหญ่แล้ว
พวกเราไม่ใช่เป้าหมายการโจมตี -
15:20 - 15:22แต่มันเปลี่ยนไปแล้ว
-
15:22 - 15:23ดูภาพนี้
-
15:23 - 15:26แบกแดด เดือนสิงหาคม ปี 2003
-
15:26 - 15:29เพื่อนร่วมงานถูกฆ่า 24 คน
-
15:29 - 15:32มันผ่านไปแล้ว เรื่องของธงน้ำเงินของ
องค์กรสหประชาชาติ หรือ ของกาชาด -
15:32 - 15:36ที่เคยปกป้องเราอย่างอัตโนมัติ
-
15:36 - 15:39อาชญากร และนักการเมืองบางกลุ่ม
-
15:39 - 15:42ได้เพาะพันธ์ุข้ามสายพันธ์มายาวนานกว่า 20 ปี
-
15:42 - 15:45และพวกเขาได้สร้างพันธ์ุผสมพวกนี้
-
15:45 - 15:48ที่เราไม่มีทางที่จะสื่อสารด้วยได้
-
15:48 - 15:53หลักการทางมนุษยธรรมถูกทดสอบ
ถูกตั้งคำถาม และหลายครั้งถูกละเลย -
15:53 - 15:58แต่บางที สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ
เราละเลยที่จะค้นหาความยุติธรรม -
15:58 - 16:02ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลกระทบอะไรเลย
-
16:02 - 16:05กับการโจมตีนักมนุษยธรรม
-
16:05 - 16:09หลังจากการผมถูกปล่อยตัว
มีคนบอกกับผมว่าไม่ต้องมองหาความยุติธรรมใดๆ -
16:09 - 16:13มันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับผม
-
16:13 - 16:17อีกอย่าง มันจะทำให้ผมเอาชีวิต
เพื่อนร่วมงานคนอื่นไปเสี่ยงด้วย -
16:18 - 16:21หลายปีกว่าที่ผมจะได้เห็นการตัดสินคดี
-
16:21 - 16:25คนที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวผม
-
16:25 - 16:28แต่นี่คือข้อยกเว้น
-
16:28 - 16:32ยังมีความอยุติธรรมกับนักมนุษยธรรมรายอื่น
-
16:32 - 16:37ถูกฆ่าหรือถูกลักพาตัว
ในเชชเนียระหว่างปี 95 และ 99 -
16:37 - 16:39และมันเป็นแบบนี้ทั่วโลก
-
16:40 - 16:43นี่มันไม่ดีพอ
-
16:43 - 16:44ให้อภัยไม่ได้
-
16:44 - 16:49การโจมตีนักมนุษยธรรมคืออาชญากรรมสงคราม
ตามกฏหมายระหว่างประเทศ -
16:49 - 16:52อาชญากรรมเหล่านี้ไม่ควรถูกมองข้าม
-
16:52 - 16:55เราต้องหยุดวงจรอุบาทก์
เรื่องการยกเว้นโทษประเภทนี้ -
16:55 - 16:59เราต้องคำนึงว่าการโจมตีนักมนุษยธรรม
-
16:59 - 17:02ก็คือการโจมตีมนุษยชาติ
-
17:02 - 17:06มันทำให้ผมโกรธ
-
17:06 - 17:11ผมรู้ดีว่าผมโชคดีมาก
เมื่อเทียบกับผู้ลี้ภัยที่ผมให้การช่วยเหลือ -
17:12 - 17:16ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง
เวลาที่เห็นเมืองทั้งเมืองของผมถูกทำลายลง -
17:16 - 17:20ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง
เวลาที่ญาติผมถูกยิงต่อหน้าต่อตาผม -
17:20 - 17:24ผมไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง
ตอนที่ประเทศคุ้มครองผมไม่ได้ -
17:24 - 17:29และผมยังรู้ว่าผมโชคดีมาก
เมื่อเทียบกับตัวประกันคนอื่นๆ -
17:29 - 17:344 วันก่อนที่ผมจะถูกปล่อยตัว
ตัวประกัน 4 คน ถูกตัดหัว -
17:34 - 17:39ห่างไปจากที่ผมถูกคุมขังไปไม่กี่ไมล์
-
17:39 - 17:41ทำไมถึงต้องเป็นพวกเขา
-
17:41 - 17:44ทำไมผมถึงอยู่ที่นี่ในวันนี้
-
17:45 - 17:48ไม่มีคำตอบที่ง่ายเลย
-
17:48 - 17:52ผมได้รับการช่วยเหลือมากมาย จากญาติๆผม
-
17:52 - 17:56จากเพื่อนร่วมงาน จากเพื่อน
จากคนที่ผมไม่รู้จัก -
17:56 - 17:59พวกเขาช่วยเหลือผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ให้ผมออกมาจากคุกที่มืดมิด -
18:00 - 18:04ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับความสนใจแบบนี้
-
18:04 - 18:08เพื่อนร่วมงานของผมกี่คนแล้ว
หลังเหตุการณ์ที่ทำร้าย/ทำลายจิตใจ -
18:08 - 18:11ที่ฆ่าตัวตาย
-
18:11 - 18:15ผมนับได้ 9 คนคนที่ผมรู้จักเป็นการส่วนตัว
-
18:15 - 18:19เพื่อนร่วมงานของผมกี่คน
ที่ต้องหย่าร้างอย่างยากลำบากใจ -
18:19 - 18:21หลังจากผ่านประสบการณ์
ที่ทำร้ายทำลายจิตใจ -
18:21 - 18:26เพราะพวกเขาไม่สามารถอธิบาย
เรื่องราวอะไรที่เกิดขึ้นกับคู่สมรสได้อีกเลย -
18:26 - 18:29ผมนับไม่ไหวแล้ว
-
18:29 - 18:32มีรางวัลสำหรับการใช้ชีวิตแบบนี้
-
18:32 - 18:37ในรัสเซีย อนุเสาวรีย์สงครามทุกอนุเสาวรีย์
จะมีข้อความที่งดงามนี้อยู่ด้านบน -
18:37 - 18:41มันเขียนว่า (ในภาษารัสเซีย)
-
18:41 - 18:44"ไม่มีใครถูกลืม ไม่มีอะไรถูกลืม"
-
18:45 - 18:49ผมไม่ลืมเพื่อนร่วมงานที่ผมสูญเสียไป
-
18:49 - 18:51ผมไม่สามารถลืมอะไรได้
-
18:51 - 18:54ผมเรียกร้องให้พวกคุณจดจำ
การเสียสละของพวกเขา -
18:54 - 18:58และเรียกร้องให้นักมนุษยธรรมทั่วโลก
-
18:58 - 19:00ได้รับการคุ้มครองที่ดีขึ้น
-
19:00 - 19:06เราไม่ควรปล่อยให้แสงสว่างของความหวัง
ที่พวกเขาได้มอบความช่วยเหลือให้ต้องดับลง -
19:06 - 19:10หลังจากผมผ่านพ้นเรื่องทารุณโหดร้าย
เพื่อนร่วมงานหลายคนถามว่า ทำไมยังทำงานต่อ -
19:10 - 19:13ทำไมถึงทำงานแบบนี้อีก
-
19:13 - 19:15ทำไมถึงกลับไปทำงานนี้อีก
-
19:15 - 19:18คำตอบของผมนั้นง่ายมาก
-
19:18 - 19:21ถ้าผมเลิกทำ
-
19:21 - 19:25นั่นหมายความว่าคนที่ลักพาตัวผมชนะ
-
19:25 - 19:27พวกเขาได้ดูดจิตวิญญาณผมไป
-
19:27 - 19:29และความเป็นมนุษย์ผมไปด้วย
-
19:29 - 19:32ขอบคุณครับ
-
19:32 - 19:34(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ผมถูกจับเป็นตัวประกันกว่า 317 วัน และนี่คือสิ่งที่ผมนึกถึง...
- Speaker:
- วินเซ็นต์ โคเช็ชเทล
- Description:
-
วินเซ็นต์ โคเช็ชเทล ถูกจับเป็นตัวประกันเป็นเวลา 317 วัน ในปี 1998 ในขณะที่ทำงานให้กรรมาธิการสูงขององค์กรสหประชาชาติเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยในเช็ชเนีย เป็นครั้งแรกที่เขาย้อนถึงประสบการณ์ — ตั้งแต่ การอยู่ในความมืดมันเป็นอย่างไร การต้องอยู๋ในห้องใต้ดินและถูกล่ามกับเตียงของเขา รวมถึงบทสนทนาที่คาดไม่ถึงของเขากับผู้จับกุมของเขา ด้วยความเป็นกวีและมีพลัง เขาอธิบายว่าทำไมเขาถึงยังคงทำงานของเขาต่อ ในเมื่อตั้งแต่ปี 2000 การโจมตีกลุ่มนักมนุษยธรรมได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า — และเขาแปลกใจว่าการเพิ่มขึ้นนั้นคือสัญญาณอะไรกับโลกของเรา
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 19:47
TED Translators admin approved Thai subtitles for I was held hostage for 317 days. Here's what I thought about… | ||
Rawee Ma accepted Thai subtitles for I was held hostage for 317 days. Here's what I thought about… | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for I was held hostage for 317 days. Here's what I thought about… | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for I was held hostage for 317 days. Here's what I thought about… | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for I was held hostage for 317 days. Here's what I thought about… | ||
Pitpiboon Sermsri edited Thai subtitles for I was held hostage for 317 days. Here's what I thought about… | ||
Pitpiboon Sermsri edited Thai subtitles for I was held hostage for 317 days. Here's what I thought about… |