ทำไมฉลามถึงเจ๋ง - เทียร์นี่ ทายส์ (Tierney Thys)
-
0:08 - 0:11ฉลามได้รับการยกย่อง
โดยวัฒนธรรมพื้นเมืองบางแห่ง -
0:11 - 0:13ว่าเป็นเทพผู้ทรงพลัง
-
0:13 - 0:17ยกตัวอย่างเช่น ชาวฟิจิเชื่อว่า
เทพฉลาม ดาคูวาคา -
0:17 - 0:20สามารถปกป้องชาวประมง
จากภยันตรายในทะเลได้ -
0:20 - 0:24และทุกวันนี้ ฉลามถูกมองว่า
เป็นสุดยอดนักล่าของมหาสมุทรของโลก -
0:24 - 0:27และเป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง
ที่อยู่บนโลกมายาวนานที่สุดด้วย -
0:27 - 0:31อะไรกันที่ทำให้ปลาชนิดนี้
คู่ควรกับตำนานโบราณ -
0:31 - 0:33และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในทะเล
-
0:33 - 0:37ความสามารถในการล่าส่วนใหญ่
มาจากลักษณะทางชีวภาพที่โดดเด่นของมัน -
0:37 - 0:42ที่ถูกขัดเกลามายาวนานกว่า 400 ล้านปี
-
0:42 - 0:45โครงกระดูกอ่อนของมัน
มีความหนาแน่นน้อยกว่ากระดูกแข็ง -
0:45 - 0:48และใช้พลังงานในการเคลื่อนที่น้อยกว่า
-
0:48 - 0:52ตับขนาดใหญ่ที่เป็นมันช่วยทำให้
ร่างกายที่ปราดเปรียวของมันลอยตัวได้ -
0:52 - 0:56และในขณะที่มัดกล้ามเนื้อของปลากระดูกแข็ง
ยึดกับโครงกระดูกของมันโดยตรง -
0:56 - 0:59กล้ามเนื้อของฉลามยังเชื่อมกับผิวหนังของมัน
-
0:59 - 1:02การออกแบบที่แสนพิเศษนี้
ทำให้พวกมันกลายเป็นหลอดอัดความดัน -
1:02 - 1:07ซึ่งผิวหนังที่เป็นหนามแหลมสามารถส่งแรง
จากกล้ามเนื้อไปยังหางได้อย่างมีประสิทธิภาพ -
1:07 - 1:10ผิวหนังของฉลามยังมีลักษณะที่น่าทึ่งอีก
-
1:10 - 1:12แม้ว่าภายนอกของมันจะดูราบเรียบ
-
1:12 - 1:16ที่ระดับเล็ก ๆ มันมีผิวสัมผัสที่หยาบ
-
1:16 - 1:18นั่นเป็นเพราะเกล็ด
ที่หน้าตาเหมือนฟันเล็ก ๆ หลายพัน -
1:18 - 1:20ที่เรียกว่า เกล็ดที่มีลักษณะเหมือนฟันบนผิว
(dermal denticle) -
1:20 - 1:24แต่ละเกล็ดถูกเคลือบด้วยสารที่เรียกว่า
อีนามีลอย (enameloid) -
1:24 - 1:27ซึ่งทำให้ผิวหนังกลายเป็นโล่ห์
-
1:27 - 1:29นอกจากนี้ โครงสร้างเกล็ดยังแตกต่างกัน
ไปตลอดลำตัว -
1:29 - 1:32เพื่อลดเสียงและแรงต้าน
-
1:32 - 1:34เมื่อฉลามเคลื่อนที่แหวกน้ำ
-
1:34 - 1:36ฟันในปากของพวกมันก็เช่นกัน
-
1:36 - 1:40ฉลามผลิตฟันได้มากถึง 50,000 ซึ่
ในชั่วชีวิตของมัน -
1:40 - 1:42โดยเฉลี่ย พวกมันสามารถเสียฟัน
ได้หนึ่งซึ่ต่อสัปดาห์ -
1:42 - 1:44และแต่ละครั้งที่มันเสียฟันไปนั้น
-
1:44 - 1:46ฟันจะถูกแทนที่อย่างรวดเร็ว
-
1:46 - 1:48เนื่องจากชั้นของฟลูออไรด์
ที่เคลือบฟันของพวกมัน -
1:48 - 1:50ฟันฉลามยังไม่ผุอีกด้วย
-
1:50 - 1:52แต่ฟันของฉลามไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด
-
1:52 - 1:55พวกมันแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์
และอาหารที่บริโภค -
1:55 - 1:57บ้างก็แน่นและแบน
-
1:57 - 1:59ซึ่งเหมาะสำหรับการจับหอย
-
1:59 - 2:02บางพวกก็มีฟันคล้ายเข็ม
สำหรับการจับกินลูกปลา -
2:02 - 2:07ปากของฉลามวาฬมีฟันล่างปลายแหลม
เอาไว้สำหรับยึดเหยื่อ -
2:07 - 2:10และฟันบนรูปร่างสามเหลี่ยม
เอาไว้เฉือน -
2:10 - 2:16ความหลากหลายนี้ทำให้ฉลามกำหนดเหยื่อ
ที่เป็นเป้าหมายได้ในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ -
2:16 - 2:20หลายสายพันธุ์ยังมีลักษณะจำเพาะ
-
2:20 - 2:22ซึ่งคือความสามารถในการดันขากรรไกรของมัน
ให้ยื่นออกมานอกปาก -
2:22 - 2:24ทำให้เปิดปากได้กว้างกว่าเดิม
-
2:24 - 2:26และจับเหยื่อได้แบบไม่ให้ทันตั้งตัว
-
2:26 - 2:28ตลอดการวิวัฒนาการ
-
2:28 - 2:29สมองของฉลามได้ถูกขยาย
-
2:29 - 2:32พร้อม ๆ กับการเจริญเติบโต
ของอวัยวะรับสัมผัสของมัน -
2:32 - 2:35ฉลามในยุคปัจจุบัน
สามารถดมกลิ่นเลือดไม่กี่หยด -
2:35 - 2:39และได้ยินเสียงใต้น้ำ
จากระยะที่ห่างออกไป 800 เมตร -
2:39 - 2:42พวกมันรับฟังความถี่ต่ำ ๆ ได้ค่อนข้างดี
-
2:42 - 2:44รวมถึงสัญญาณที่ถูกปล่อยออกมา
โดยปลาที่กำลังจะตาย -
2:44 - 2:49เช่นเดียวกับแมว พวกมันมีเยื่อสะท้อน
ที่เรียกว่า ทาเพตา ลูซิดา (tapeta lucida) -
2:49 - 2:50ที่ด้านหลังของดวงตา
-
2:50 - 2:53ซึ่งช่วยปรับปรุงการมองเห็นของมัน
ในที่ที่มีแสงสว่างน้อยได้อย่างมาก -
2:53 - 2:55ถ้าหากความสามารถเจ๋ง ๆ เหล่านี้
ยังไม่พอแล้วล่ะก็ -
2:55 - 2:58ฉลามยังมีสัมผัสที่หกที่เฉียบคม
-
2:58 - 3:01พวกมันยังสามารถล่า
โดยใช้เครือข่ายเซลล์รับสัมผัสไฟฟ้า -
3:01 - 3:04ที่เรียกว่า แอมพูลา ออฟ ลอเรนซินิ
(ampullae of Lorenzini) -
3:04 - 3:07เซลล์เหล่านี้ถูกบรรจุด้วยเจลที่มีความไวมาก
-
3:07 - 3:10ซึ่งทำให้พวกมันรับสัญญาณไฟฟ้าจากเหยื่อได้
-
3:10 - 3:12ซึ่งรวมถึงการกระตุกเพียงเล็กน้อย
ของกล้ามเนื้อ -
3:12 - 3:14บางสายพันธุ์ของฉลามที่โดดเด่นที่สุด
-
3:14 - 3:19อย่างฉลามขาวใหญ่ มาโก (Mako)
พอร์บีเกิล (Porbeagle) และฉลามแซลมอน -
3:19 - 3:22ประสบความสำเร็จจากลักษณะที่น่าทึ่งอีกอย่าง
-
3:22 - 3:25นั่นก็คือ เป็นสิ่งมีชีวิตเลือดเย็น
ที่มีเลือดอุ่น -
3:25 - 3:26ภายในร่างกายของมัน
-
3:26 - 3:28พวกมันมีหลอดเลือดแดงและดำ
-
3:28 - 3:31ซึ่งเรียกว่า เรเต มิราบิลี (rate mirabile)
-
3:31 - 3:34ที่นี่เอง หลอดเลือดดำที่ถูกทำให้อุ่น
โดยการทำงานของกล้ามเนื้อของฉลาม -
3:34 - 3:38วางตัวอยู่ข้าง ๆ หลอดเลือดแดงที่ลำเลียงเลือด
ที่เย็นและมีออกซิเจนสูงมาจากเหงือก -
3:38 - 3:41การวางตัวนี้ส่งผ่านความร้อนให้กับเลือด
-
3:41 - 3:43ที่ถูกไหลเวียน
กลับไปยังอวัยวะสำคัญของร่างกาย -
3:43 - 3:46กล้ามเนื้อที่อุ่นกว่าจะสามารถว่ายน้ำ
ได้อย่างรวดเร็ว และทรงพลังกว่า -
3:46 - 3:48ในขณะที่ช่วงท้องที่อุ่นช่วยในการย่อยอาหาร
-
3:48 - 3:52และทำให้ตัวอ่อนในมดลูกมีพัฒนาการที่รวดเร็ว
-
3:52 - 3:56ตาและสมองที่อุ่นกว่า
ทำให้ฉลามตื่นตัวในน้ำที่เย็น -
3:56 - 4:00ด้วยการปรับตัวที่น่าทึ่งนี้
มันน่าเกรงขามมากกว่าน่าหวาดกลัว -
4:00 - 4:03จากฉลาม 500 สายพันธุ์
ที่ท่องไปทั่วมหาสมุทรของเรา -
4:03 - 4:07น่าเสียดาย ที่หนึ่งในสาม
ของสายพันธุ์เหล่านี้กำลังถูกคุกคาม -
4:07 - 4:08เนื่องจากการจับปลาที่มากเกินไป
-
4:08 - 4:10หลังจากการก่อร่างสร้างตัวมานับล้านปี
-
4:10 - 4:14สุดยอดนักล่าเหล่านี้ อาจต้องมาพบ
กับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน
- Title:
- ทำไมฉลามถึงเจ๋ง - เทียร์นี่ ทายส์ (Tierney Thys)
- Description:
-
ชมบทเรียนเต็มได้ที่: http://ed.ted.com/lessons/why-are-sharks-so-awesome-tierney-thys
ฉลามถูกยกย่องโดยวัฒนธรรมพื้นเมืองบางแห่งว่าเป็นเทพผู้ทรงพลัง และทุกวันนี้ ฉลามถูกมองว่าเป็นสุดยอดนักล่าของมหาสมุทรของโลก อะไรกันที่ทำให้ปลาชนิดนี้คู่ควรกับตำนานโบราณ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในทะเล เทียร์นี่ ทายส์ พาเราสู่มหาสมุทรเพื่อหาคำตอบ
บทเรียนโดย Tierney Thys, แอนิเมชันโดย TED-Ed
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 04:36
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Why are sharks so awesome? - Tierney Thys | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for Why are sharks so awesome? - Tierney Thys | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Why are sharks so awesome? - Tierney Thys | ||
Rawee Ma declined Thai subtitles for Why are sharks so awesome? - Tierney Thys | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for Why are sharks so awesome? - Tierney Thys | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for Why are sharks so awesome? - Tierney Thys | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Why are sharks so awesome? - Tierney Thys |