วิทยาศาสตร์เบื้องหลังตำนาน: "โอดิซี" ของโฮเมอร์ - แมท คาเพลน (Matt Kaplan)
-
0:07 - 0:08"โอดิซีย์" ของโฮเมอร์
-
0:08 - 0:10หนึ่งในงานเขียนตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุด
-
0:10 - 0:13ที่เล่าเรื่องการผจญภัยของวีรบุรุษกรีก
โอดิซูส (Odysseus) -
0:13 - 0:16ระหว่างใช้เวลาเดินทางกลับบ้านถึงสิบปี
จากสงครามโทรจัน -
0:16 - 0:19แม้ว่าบางส่วนอาจมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง
-
0:19 - 0:24การพบกับสัตว์ประหลาด ยักษ์
และนักมายากล -
0:24 - 0:26ถูกพิจารณาว่าเป็นนิยายล้วน ๆ
-
0:26 - 0:30แต่มันจะมีอะไรมากไปกว่านี้อีกไหม
สำหรับนิทานปรัมปรานี้ -
0:30 - 0:32ลองมาดูที่บทหนึ่งจากกลอนอันโด่งดัง
-
0:32 - 0:34ในการเดินทางอันยาวนานของพวกเขา
-
0:34 - 0:39โอดิซุอุสและลูกเรือของเขาพบว่า
พวกเขาอยู่บนเกาะปริศนานามว่า อีเลีย (Aeaea) -
0:39 - 0:43พวกเขาทั้งหิวและเหนื่อย
บางคนหลงไปพบบ้านอันโอ่อ่า -
0:43 - 0:47ที่ซึ่งมีหญิงเลอโฉมให้การต้อนรับพวกเขา
ด้วยอาหารอันแสนหรูหรา -
0:47 - 0:51แน่ล่ะ มันฟังดูดีเกินจะเป็นจริง
-
0:51 - 0:55อันที่จริงแล้ว ผู้หญิงคนนั้นคือ
แม่มดจอมชั่วร้าย เซอร์ซี (Circe) -
0:55 - 0:58และเมื่อทหารรับประทานกันจนเต็มพุง
-
0:58 - 1:02นางก็สาปพวกเขากลายร่างเป็นสัตว์
ด้วยการกวาดไม้กายสิทธิ์ -
1:02 - 1:04โชคยังดี ที่ชายคนหนึ่งหนีออกมาได้
-
1:04 - 1:08ตามหาโอดีซุส
และแจ้งเหตุเลวร้ายเกี่ยวกับลูกเรือ -
1:08 - 1:10แต่เมื่อโอดีซุสรุดไปเพื่อช่วยคนของเขา
-
1:10 - 1:13เขาก็พบกับผู้นำสารจากพระเจ้า เฮอเมส (Hermes)
-
1:13 - 1:16ผู้ซึ่งแนะนำให้เขารับประทานสมุนไพรวิเศษเสียก่อน
-
1:16 - 1:18โอดีซุสทำตามคำแนะนำ
-
1:18 - 1:21และในที่สุดเมื่อเขาได้พบกับเซอร์ซี
มนต์ของนางก็ไม่เป็นผลกับเขา -
1:21 - 1:25ทำให้เขาเอาชนะนางได้
และช่วยลูกเรือได้สำเร็จ -
1:25 - 1:29โดยธรรมชาติแล้ว เรื่องราวแม่มดมนต์ดำ
และการกลายร่างเป็นสัตว์ -
1:29 - 1:33ถูกเมิน ว่ามันไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่า
จินตนาการที่เก่าแก่หลายศตวรรษ -
1:33 - 1:37แต่ไม่นานมานี้ การกล่าวถึงสมุนไพรและยา
ตลอดทั้งบทความนั้น -
1:37 - 1:39กระตุ้นความสนใจของนักวิทยาศาสตร์
-
1:39 - 1:41ทำให้มีการเสนอว่า
-
1:41 - 1:46นิทานปรัมปราอาจเป็นการนำเสนอในแบบนิยาย
จากประสบการณ์จริงก็เป็นได้ -
1:46 - 1:49ข้อความของโฮเมอร์ฉบับที่เก่าที่สุด
-
1:49 - 1:52กล่าวว่า เซอร์ซี ผสมยาที่เป็นอันตราย
ลงในอาหาร -
1:52 - 1:56ซึ่งยานั้นจะทำให้ลูกเรือ
ลืมบ้านเกิดของเขาไปอย่างสิ้นเชิง -
1:56 - 2:00ในขณะเดียวกัน พืชอย่างหนึ่ง
ที่เติบโตในเขตเมดิเตอเรเนียน -
2:00 - 2:03คือสมุนไพรที่ฟังดูไร้พิษภัย
ที่รู้จักกันในชื่อ จิมสัน วีด (Jimson weed) -
2:03 - 2:06ซึ่งผลของมันรวมถึงการทำให้เกิด
อาการความจำเสื่อมอย่างชัดเจน -
2:06 - 2:10พืชยังเต็มไปด้วยองค์ประกอบ
ที่ขัดขวางการทำงานของสารส่งประสาทที่สำคัญ -
2:10 - 2:13ที่เรียกว่า อะซิทิลโคลีน
-
2:13 - 2:16การขัดขวางสามารถทำให้
เกิดอาการภาพหลอนอย่างชัดเจน -
2:16 - 2:17มีพฤติกรรมแปลกๆ
-
2:17 - 2:21และโดยทั่วไป จะทำให้ยากที่จะแยก
จินตนาการความฝันออกจากความจริง -
2:21 - 2:22อาจเป็นสิ่งนั้นเอง
-
2:22 - 2:26ซึ่งอาจทำให้คนเชื่อว่า
พวกเขาถูกสาปให้กลายร่างเป็นสัตว์ -
2:26 - 2:29ซึ่งยังเป็นการอธิบายอีกว่า
เซอร์ซีไม่ได้เป็นแม่มด -
2:29 - 2:35แต่อันที่จริง นักเคมีรู้ว่าจะใช้พืชท้องถิ่น
ให้เกิดผลดีได้อย่างไร -
2:35 - 2:37แต่จิมสัน วีด เป็นแค่ครึ่งหนึ่งของเรื่องนี้
-
2:37 - 2:40ไม่เหมือนกับงานส่วนอื่นๆ ในโอดิซี
-
2:40 - 2:44ข้อความเกี่ยวกับสมุนไพรที่เฮอเมส
ให้กับโอดีซุสเป็นอะไรที่จำเพาะอย่างไม่ธรรมดา -
2:44 - 2:46สิ่งที่เรียกว่า ยาแก้มนตร์เสน่ห์โดยพระเจ้า
-
2:46 - 2:49ถูกบรรยายไว้ว่ามันสามารถพบได้ในป่าหุบเขา
-
2:49 - 2:53รากสีดำและดอกไม้สีขาวเหมือนนม
-
2:53 - 2:55เช่นเดียวกันกับบทอื่นที่มี เซอร์ซี
-
2:55 - 2:59ยาแก้มนตร์เสน่ห์ถูกเมิน ว่าเป็นการประดิษฐ์
แนวงานวรรมกรรมมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ -
2:59 - 3:03แต่ในค.ศ. 1951 นักเภสัชศาสตร์ชาวรัสเซีย
มิคาฮิล มาร์ชคอฟสคี -
3:03 - 3:06ค้นพบว่า ชาวเมืองในเทือกเขาอูราล (Ureal)
-
3:06 - 3:09ใช้พืชที่มีดอกสีขาวเหมือนนม และรากดำ
-
3:09 - 3:13เพื่อขจัดอาการอัมพาตในเด็ก
ที่ป่วยเป็นโรคโปลิโอ -
3:13 - 3:14พืชที่เรียกว่า สโนว์ดรอป (snowdrop)
-
3:14 - 3:18กลายเป็นว่ามีองค์ประกอบที่เรียกว่า
กาแลนตาไมน์ (galantamine) -
3:18 - 3:22ที่ป้องกันการขัดขวาง
ของสารสื่อประสาทอะซิทิลโคลีน -
3:22 - 3:24ทำให้มันไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพ
ในการรักษาโปลิโอเท่านั้น -
3:24 - 3:28แต่ยังมีประสิทธิภาพกับโรคอื่น ๆ ด้วย
เช่น อัลไซเมอร์ -
3:28 - 3:30ที่การประชุมประสาทวิทยาโลกครั้งที่ 12
-
3:30 - 3:34นายแพทย์ อันเดรส พลาอิทาคิส
และโรเจอร์ ดูวอยซิน -
3:34 - 3:39ได้เสนอเป็นครั้งแรกว่าอันที่จริง สโนวดรอป
คือพืชที่เฮอเมสให้กับโอดีซุส -
3:39 - 3:42แม้ว่ามันอาจไม่ใช่หลักฐานโดยตรง
ที่ว่าคนในยุคโอเมอร์ -
3:42 - 3:45รู้ถึงผลกระทบของมัน
ที่เกี่ยวข้องกับภาพหลอน -
3:45 - 3:49เรามีบทความจากศตวรรษที่ 4
นักเขียนชาวกรีก ทีโอฟราสทัส (Theophrastus) -
3:49 - 3:54กล่าวไว้ว่ายาแก้มนตร์เสน่ห์
ถูกใช้เพื่อเป็นยาถอน ไว้ต้านพิษ -
3:54 - 3:55ฉะนั้น หรือทั้งหมดนี้หมายความว่า
-
3:55 - 3:59โอซีอุส, เซอร์ซี และตัวละครอื่นๆ
ในโอดิซีส์ มีตัวตนจริง ๆ -
3:59 - 4:01ไม่จำเป็น
-
4:01 - 4:05แต่นั่นเสนอแนวคิดที่ว่า
เรื่องโบราณอาจมีส่วนที่เป็นเรื่องจริงอยู่ -
4:05 - 4:07มากกว่าที่เราเคยคิดเอาไว้
-
4:07 - 4:10และเมื่อเราได้เรียนรู้
เกี่ยวกับโลกรอบ ๆ ตัวเรามากขึ้น -
4:10 - 4:13เราอาจได้เปิดเผยความรู้เดียวกันบางอย่าง
-
4:13 - 4:16ที่ถูกซ่อนอยู่ในนิทานปรัมปราและตำนาน
ที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน
- Title:
- วิทยาศาสตร์เบื้องหลังตำนาน: "โอดิซี" ของโฮเมอร์ - แมท คาเพลน (Matt Kaplan)
- Description:
-
ชมบทเรียนแบบเต็มได้ที่: http://ed.ted.com/lessons/the-science-behind-the-myth-homer-s-odyssey-matt-kaplan
"โอดิซี" ของโฮเมอร์ เล่าเรื่องการผจญภัยของวีรบุรุษกรีก โอดิซีอุส ระหว่างการเดินทางกลับบ้านจากสงครามโทรจัน แม้ว่าบางส่วนอาจมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง การพบกับสัตว์ประหลาด ยักษ์ และนักมายากล ถูกพิจารณาว่าเป็นนิยายล้วนๆ แต่มันจะมีอะไรเกี่ยวกับตำนานนี้ไปมากกว่านี้อีกไหม แมท คาเพลน อธิบายว่ามันอาจมีความจริงอยู่เบื้องหลัง "โอดิซี" มากไปกว่าที่เราคิด
บทเรียนโดย Matt Kaplan, แอนิเมชันโดย Mike Schell
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 04:32
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for The science behind the myth: Homer's "Odyssey" - Matt Kaplan | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for The science behind the myth: Homer's "Odyssey" - Matt Kaplan | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The science behind the myth: Homer's "Odyssey" - Matt Kaplan | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The science behind the myth: Homer's "Odyssey" - Matt Kaplan | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The science behind the myth: Homer's "Odyssey" - Matt Kaplan | ||
Rawee Ma declined Thai subtitles for The science behind the myth: Homer's "Odyssey" - Matt Kaplan | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for The science behind the myth: Homer's "Odyssey" - Matt Kaplan | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for The science behind the myth: Homer's "Odyssey" - Matt Kaplan |