เป็นไปได้หรือไม่ที่เราสามารถสร้างการรับสัมผัสใหม่ให้กับคนได้
-
0:01 - 0:06เราถูกสร้างขึ้นจากสิ่งเล็กๆ
-
0:06 - 0:08แล้วฝังตัวลงในจักรวาลอันยิ่งใหญ่
-
0:08 - 0:13และความจริงก็คือเราไม่ได้มีความเข้าใจที่ดี
ต่อความเป็นจริง -
0:13 - 0:14ในทั้งสองระดับนั้น
-
0:14 - 0:16และนั่นก็เป็นเพราะว่าสมองของเรา
-
0:16 - 0:20ไม่ได้มีวิวัฒนาการมาให้เข้าใจโลก
ในระดับนั้น -
0:20 - 0:24แต่ว่า เราถูกกักเอาไว้ในมุมมอง
เพียงเสี้ยวบาง ๆ -
0:24 - 0:26ที่อยู่ตรงกลาง
-
0:27 - 0:31แต่ว่ามันก็ประหลาด เพราะแม้แต่
เสี้ยวบาง ๆ ที่เราเรียกว่าเป็นบ้านนั้น -
0:31 - 0:34เราก็ยังไม่เห็นสิ่ง
ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ -
0:34 - 0:38เช่น ลองดูสีสันของโลกของเรา
-
0:38 - 0:42ซึ่งเป็นคลื่นแสง เป็นรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า
ที่สะท้อนออกจากวัตถุ -
0:42 - 0:46แล้วชนเข้ากับตัวรับพิเศษ
ทางด้านหลังตาของเรา -
0:46 - 0:49แต่เราไม่ได้เห็นคลื่นแสงทั้งหมดที่มีอยู่
-
0:49 - 0:51อันที่จริง สิ่งที่เราเห็น
-
0:51 - 0:55น้อยกว่าหนึ่งใน 10 ล้านล้าน
ของที่มีทั้งหมด -
0:55 - 0:58ดังนั้น มีคลื่นวิทยุและไมโครเวฟ
-
0:58 - 1:02และเอ็กซ์เรย์ และแกมม่าเรย์
ผ่านร่างกายของคุณอยู่ตอนนี้ -
1:02 - 1:05และคุณก็ไม่ได้รู้สึกถึงมันเลย
-
1:05 - 1:08เพราะว่าคุณไม่ได้มาพร้อมกับตัวรับทางชีวภาพ
ที่มีความเหมาะสม -
1:08 - 1:09สำหรับตรวจจับมัน
-
1:10 - 1:12มีการสื่อสารทางโทรศัพท์มือถือเป็นพัน ๆ
-
1:12 - 1:14กำลังผ่านตัวคุณไปตอนนี้
-
1:14 - 1:16และคุณก็บอดต่อสัญญาณเหล่านั้น
-
1:16 - 1:20ทีนี้ มันไม่ใช่ว่า
สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเห็นได้โดยธรรมชาติ -
1:20 - 1:25งู สามารถรวมเอารังสีอินฟาเรดเข้ามา
ในโลกความเป็นจริงของมัน -
1:25 - 1:29และผึ้งก็รวมเอารังสีอัลตราไวโอเลต
เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการมองโลกใบนี้ -
1:29 - 1:32และแน่นอนว่าเราก็สร้างอุปกรณ์
ในแผงหน้าปัดรถของเรา -
1:32 - 1:35ให้จับสัญญาณช่วงความถี่วิทยุ
-
1:35 - 1:39และก็สร้างเครื่องมือในโรงพยาบาล
ให้จับช่วงของรังสีเอ็กส์ -
1:39 - 1:42แต่คุณไม่สามารถรับสัมผัสสิ่งเหล่านี้
ได้ด้วยตัวเอง -
1:42 - 1:43อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้
-
1:43 - 1:47เพราะว่าคุณไม่ได้ประกอบด้วยตัวรับที่เหมาะสม
-
1:47 - 1:52ทีนี้ มันหมายความว่า
ประสบการณ์รับรู้ความเป็นจริงของเรา -
1:52 - 1:55ถูกจำกัดด้วยชีวภาพของเราเอง
-
1:55 - 1:58และนั่นขัดต่อสามัญสำนึก
-
1:58 - 2:00ว่าตาของเรา หูของเรา และปลายนิ้วของเรา
-
2:00 - 2:04ตรวจจับความเป็นจริงข้างนอกนั่นได้
-
2:04 - 2:10แต่จริง ๆ แล้ว สมองของเรา
เก็บตัวอย่างเพียงบางส่วนของโลกเท่านั้น -
2:10 - 2:12ทีนี้ ในทั่วทั้งอาณาจักรสัตว์
-
2:12 - 2:15สรรพสัตว์รับความเป็นจริงในส่วนที่แตกต่างกัน
-
2:15 - 2:18ดังนั้น ในโลกที่มืดบอด และไร้เสียง
ของพวกเห็บไร -
2:18 - 2:23สัญญาณที่สำคัญก็คือ อุณหภูมิ
และกรดบิวทีริค -
2:23 - 2:26ในโลกของปลากรายแอฟริกา โกสต์
(ghost knifefish) สีดำ -
2:26 - 2:31โลกแห่งการรับสัมผัสของมัน
เต็มไปด้วยสีมากมายจากสนามไฟฟ้า -
2:31 - 2:33และสำหรับค้างคาวที่ใช้เสียงสะท้อน
-
2:33 - 2:37ความเป็นจริงของมันสร้างขึ้นจาก
คลื่นการอัดอากาศ -
2:37 - 2:42นั่นเป็นเสี้ยวหนึ่งของนิเวศวิทยาของมัน
ที่พวกมันสามารถรับรู้ได้ -
2:42 - 2:43และทางวิทยาศาสตร์
เรามีคำเรียกปรากฏการณ์นี้ -
2:43 - 2:45เรียกว่า อูมเวลท์ (umwelt)
-
2:45 - 2:49ซึ่งเป็นภาษาเยอรมันสำหรับโลกรอบตัว
-
2:49 - 2:52ทีนี้ สมมติว่า สัตว์ทุกตัวเข้าใจว่า
-
2:52 - 2:56อูมเวลท์ของมันเป็นความจริงเชิงวัตถุทั้งหมด
-
2:56 - 2:58เพราะว่า ทำไมคุณจะต้องมาหยุดนึกสงสัย
-
2:58 - 3:01ว่ามันยังจะมีอะไรมากกว่าที่เราสัมผัสได้อีกล่ะ
-
3:01 - 3:04แต่ทว่า ที่เราทุกคนเป็น
ก็คือเรายอมรับความเป็นจริง -
3:04 - 3:07อย่างที่มีการแสดงให้เราเห็น
-
3:07 - 3:10ลองมากระตุ้นความคิดเรื่องนี้กันหน่อยนะครับ
-
3:10 - 3:12ลองนึกดูว่าคุณเป็นสุนัขล่าเนื้อบลัดฮาวด์
-
3:13 - 3:15โลกทั้งใบของคุณเป็นเรื่องการดมกลิ่น
-
3:15 - 3:20คุณมีโพรงจมูกยาวๆ
ที่มีตัวรับกลิ่น 200 ล้านตัวในนั้น -
3:20 - 3:24และคุณมีจมูกที่เปียก
ที่จับและกักโมเลกุลกลิ่น -
3:24 - 3:28และจมูกของคุณยังจะมีร่อง
เพื่อที่คุณจะรับกลิ่นจากอากาศได้มาก ๆ -
3:28 - 3:31การดมกลิ่นเป็นทุกอย่างสำหรับคุณ
-
3:31 - 3:35ดังนั้น วันหนึ่ง
คุณหยุดอยู่บนหนทางสู่การปฏิวัติ -
3:35 - 3:39คุณมองนายมนุษย์ของคุณและคิดว่า
-
3:39 - 3:43"มันจะเป็นอย่างไรนะ
ที่จะมีจมูกห่วย ๆ อย่างมนุษย์ -
3:43 - 3:45(เสียงหัวเราะ)
-
3:45 - 3:48เป็นอย่างไร เมื่อคุณสูดอากาศไร้ประสิทธิภาพ
-
3:48 - 3:52คุณไม่รู้ได้ยังไงว่ามีแมวห่างออกไป 100 หลา
-
3:52 - 3:56หรือเพื่อนบ้านของคุณอยู่ตรงนี้
เมื่อหกชั่วโมงก่อน" -
3:56 - 3:58(เสียงหัวเราะ)
-
3:58 - 4:01นั่นเป็นเพราะเราเป็นมนุษย์
-
4:01 - 4:03เราไม่เคยมีประสบการณ์ถึงโลกแห่งกลิ่น
-
4:03 - 4:06เราจึงไม่คิดถึงมัน
-
4:06 - 4:10เพราะว่าเราว่าใจอูมเวลท์ของเราเต็มที่
-
4:10 - 4:14แต่คำถามก็คือ
เราต้องกักตัวเองอยู่ที่อย่างนั้นหรือ -
4:14 - 4:19เฉกเช่นนักประสาทวิทยา ผมมีความสนใจ
ถึงหนทางที่เทคโนโลยี -
4:19 - 4:21อาจจะขยายอูมเวลท์ของเราได้
-
4:21 - 4:25และการที่มันจะเปลี่ยนประสบการณ์มนุษย์เรา
-
4:26 - 4:30ครับ เรารู้แล้วว่า เราสามารถจับคู่เทคโนโลยี
เข้ากับชีวภาพของเรา -
4:30 - 4:34เพราะมันมีคนเป็นแสน ๆ
-
4:34 - 4:37ที่มีการฟังและการมองเห็นแบบประดิษฐ์
-
4:37 - 4:42ครับ การทำงานของมันก็คือ คุณใช้ไมโครโฟน
และแปลงเป็นสัญญาณแบบดิจิตัล -
4:42 - 4:45และนำแท่งขั้วไฟฟ้าไปไว้ในหูชั้นใน
-
4:45 - 4:48หรือสำหรับเรตินาประดิษฐ์
คุณใช้กล้อง -
4:48 - 4:51และแปลงสัญญาณเป็นดิจิตัล
และจากนั้นเสียบแผงขั้วไฟฟ้า -
4:51 - 4:54ไปที่ประสาทตาโดยตรง
-
4:54 - 4:58และเร็ว ๆ นี้ เมื่อ 15 ปีมานี้เอง
-
4:58 - 5:02มีนักวิทยาศาสตร์มากมายที่ยังคิดว่า
เทคโนโลยีเหล่านี้คงไม่ประสบความสำเร็จ -
5:02 - 5:07ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าเทคโนโลยีพวกนี้
พูดภาษาของซิลิคอนแวลลีย์ -
5:07 - 5:12และมันก็ไม่ใช่ภาษาเดียวกันกับที่ใช้โดย
อวัยวะรับสัมผัสชีวภาพตามธรรมชาติของเรา -
5:12 - 5:15แต่ความจริง มันสามารถใช้การได้เหมือนกัน
-
5:15 - 5:19สมองพบวิธี ที่จะใช้สัญญาณดังกล่าวได้ดี
-
5:20 - 5:21ทีนี้ เราจะเข้าใจมันได้อย่างไร
-
5:22 - 5:23ครับ นี่คือความลับใหญ่เลย
-
5:23 - 5:29สมองของคุณไม่ได้ฟังหรือมองเห็นอะไรเลย
-
5:29 - 5:35สมองของคุณถูกขังอยู่ในห้องแห่งความเงียบ
และความมืด ภายในกระโหลกของคุณ -
5:35 - 5:39ทั้งหมดที่มันได้เห็นก็คือ
สัญญาณเคมีไฟฟ้า -
5:39 - 5:42ที่เข้ามาตามสายข้อมูลต่างๆ กัน
-
5:42 - 5:46และนั่นคือข้อมูลทั้งหมดที่มันต้องทำการ
ไม่มีอะไรมากกว่านี้ -
5:47 - 5:49เอาล่ะ น่าสนใจครับ
-
5:49 - 5:52ที่สมองของเรารับสัญญาณเหล่านี้
ได้ดีทีเดียว -
5:52 - 5:55และสกัดเอารูปแบบ
และความหมายของสัญญาณ -
5:55 - 5:59ดังนั้นมันนำเอาจักรวาลภายในนี้
และนำมาประกอบเข้าเป็นเรื่องราว -
5:59 - 6:04เป็นสิ่งนี้ เป็นโลกทางนามธรรมของคุณ
-
6:04 - 6:06แต่นี่คือจุดสำคัญครับ
-
6:06 - 6:10สมองของคุณไม่ได้รู้ และไม่ได้สนใจ
-
6:10 - 6:13ว่ามันได้ข้อมูลมาจากไหน
-
6:13 - 6:17ไม่ว่าข้อมูลใดเข้ามา
มันก็แค่หาทางจัดการกับมัน -
6:17 - 6:20และนี่ก็เป็นเหมือนกับเครื่องจักร
ที่ทรงประสิทธิภาพ -
6:20 - 6:24เป็นเหมือนกับคอมพิวเตอร์
ที่ทำหน้าที่ได้ทั่วไป -
6:24 - 6:26และมันก็แค่นำเข้าข้อมูลทุกอย่าง
-
6:26 - 6:29และพยายามค้นหา
ว่ามันจะต้องทำอะไร -
6:29 - 6:33และวิธีนี้ ผมคิดว่า เป็นการปลดปล่อย
พระแม่แห่งธรรมชาติ -
6:33 - 6:37ให้สามารถดัดแปลงช่องข้อมูลหลายรูปแบบ
-
6:37 - 6:40ผมจึงขอเรียกมันว่าแบบจำลอง พี. เอช.
ของวิวัฒนาการ -
6:40 - 6:42และผมไม่อยากที่จะลงลึกเกินไป
-
6:42 - 6:45แต่ พี. เอช. ย่อมาจาก
โพเตโต้ เฮด [หัวมัน] -
6:45 - 6:49และผมใช้ชื่อนี้ เพื่อเน้นย้ำว่า
ตัวรับสัมผัสเหล่านี้ -
6:49 - 6:52ที่เรารู้จักและรัก
เช่นตา หู และปลายนิ้วของเรา -
6:52 - 6:57นี่มันเป็นเหมือนอุปกรณ์รอบข้างทั่วไป
ที่พร้อมใช้งาน -
6:57 - 7:00คุณต่อมันเข้า และมันก็พร้อมใช้งานเลย
-
7:00 - 7:05สมองของคุณจะตัดสินว่าต้องทำอย่างไร
กับข้อมูลที่เข้ามา -
7:06 - 7:08และเมื่อคุณมองไปรอบๆ ในอาณาจักรสัตว์
-
7:08 - 7:11คุณจะพบอุปกรณ์รอบข้างมากมาย
-
7:11 - 7:15เช่น งูมีอวัยวะรับความร้อน
ซึ่งตรวจจับอินฟาเรด -
7:15 - 7:18และปลากรายแอฟริกา โกสต์ก็มีตัวรับไฟฟ้า
-
7:18 - 7:21และตัวตุ่นจมูกดาวก็มีส่วนที่ยื่นยาว
-
7:21 - 7:24ที่มีนิ้วถึง 22 นิ้ว
-
7:24 - 7:27ที่ใช้สัมผัสสิ่งรอบ ๆ ตัว
แล้วสร้างภาพโลกสามมิติ -
7:27 - 7:31และนกหลายชนิดมีแม่เหล็ก
ฉะนั้นพวกมันจึงสามารถตอบสนองต่อทิศทาง -
7:31 - 7:34ตามสนามแม่เหล็กของโลกได้
-
7:34 - 7:38นี่ก็หมายความว่า
ธรรมชาติไม่จำเป็นต้องออกแบบสมอง -
7:38 - 7:40เรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
-
7:40 - 7:45แต่ว่า เมื่อได้ตั้งการทำงานของสมอง
เป็นหลักเป็นพื้นฐานแล้ว -
7:45 - 7:49ธรรมชาติก็เหลือแต่
จะต้องทำการออกแบบอุปกรณ์รอบข้าง -
7:49 - 7:52เอาล่ะ มันหมายถึงอย่างนี้ครับ
-
7:52 - 7:54บทเรียนที่เกิดขึ้นก็คือ
-
7:54 - 7:58ไม่มีอะไรพิเศษ หรือเป็นรากฐาน
-
7:58 - 8:01เกี่ยวกับระบบชีวภาพ
ที่มาเกิดมาพร้อมกับมัน -
8:01 - 8:03มันเป็นเพียงสิ่งที่เราได้รับตกทอดมา
-
8:03 - 8:06จากวิถีแห่งวิวัฒนาการอันซับซ้อน
-
8:06 - 8:10แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้อง
ติดอยู่กับมันตลอดไป -
8:10 - 8:12และการพิสูจน์ที่ดีที่สุดของหลักการนี้
-
8:12 - 8:14ก็มาจากสิ่งที่เรียกว่า
การแทนที่ของระบบสัมผัส -
8:14 - 8:18ซึ่งหมายถึงการป้อนข้อมูล
เข้าไปในสมอง -
8:18 - 8:20ผ่านช่องทางสัมผัสที่ไม่ปกติ
-
8:20 - 8:23และสมองก็แค่หาทางว่ามันควรทำอย่างไร
-
8:23 - 8:26ทีนี้ นั่นอาจฟังดูเลื่อนลอย
-
8:26 - 8:31แต่งานตีพิมพ์แรกที่แสดงสิ่งนี้
ได้ตีพิมพ์ในวารสาร เนเจอร์ ในปีค.ศ. 1969 -
8:32 - 8:34นักวิทยาศาสตร์นามว่า
พอล บาร์ก-อี-ริตา -
8:34 - 8:38นำคนตาบอดมานั่ง
บนเก้าอี้หมอฟันแบบดัดแปลง -
8:38 - 8:40และจัดการให้ข้อมูลในรูปแบบวีดีโอ
-
8:40 - 8:42และเอาอะไรบางอย่างวางไว้หน้ากล้อง
-
8:42 - 8:45และจากนั้นคุณก็จะรู้สึกว่า
-
8:45 - 8:48ถูกจิ้มที่ด้านหลังด้วยร่องขดลวด
-
8:48 - 8:50ถ้าคุณขยับแก้วกาแฟหน้ากล้อง
-
8:50 - 8:52คุณก็จะรู้สึกบนหลังคุณ
-
8:52 - 8:55และเป็นเรื่องน่าทึ่งที่ว่า
คนตาบอดค่อนข้างเก่ง -
8:55 - 8:59ในการตัดสินใจว่าอะไรอยู่หน้ากล้อง
-
8:59 - 9:03แค่เพียงสัมผัสมันผ่านหลังของพวกเขา
-
9:03 - 9:06เอาล่ะ มันมีตัวอย่างมากมาย
จากเรื่องตัวอย่างคล้าย ๆ กันนี้ -
9:06 - 9:10เช่น แว่นตาโซนิกที่นำผลวีดีโอ
ที่แสดงต่อหน้าคุณ -
9:10 - 9:12และเปลี่ยนเป็นแผนที่เสียง
-
9:12 - 9:15ฉะนั้นเมื่อสิ่งต่างๆ ขยับ
หรือเข้ามาใกล้ หรือห่างออกไป -
9:15 - 9:17มันจะมีเสียง "หึ่ง หึ่ง หึ่ง"
-
9:17 - 9:19เหมือนกับเสียงที่ไม่ประสานกัน
-
9:19 - 9:23แต่หลังจากสองสามสัปดาห์
คนตาบอดก็เริ่มจะเก่ง -
9:23 - 9:25ในการทำความเข้าใจ
ว่าอะไรอยู่ตรงหน้าพวกเขา -
9:25 - 9:28จากแค่ที่พวกเขาได้ยิน
-
9:28 - 9:30และมันไม่จำเป็นจะต้องเป็นข้อมูลผ่านหู
-
9:30 - 9:33ระบบนี้ใช้แผงการสัมผัสเชิงไฟฟ้า
ที่วางไว้บนหน้าผาก -
9:33 - 9:37ฉะนั้นไม่ว่าอะไรอยู่หน้ากล้อง
คุณก็จะรู้สึกมันได้ที่หน้าผาก -
9:37 - 9:40ทำไมต้องเป็นหน้าผากน่ะหรือครับ
เพราะว่าคุณไม่ได้ใช้มันมากนัก -
9:40 - 9:44ตัวอย่างใหม่ล่าสุด เรียกว่า "เบรนพอร์ท"
-
9:44 - 9:48และนี่คือแผงไฟฟ้าที่อยู่บนลิ้น
-
9:48 - 9:52และข้อมูลวีดีโอที่ป้อนเข้ามาก็แปลงเป็น
สัญญาณการสัมผัสเชิงไฟฟ้า -
9:52 - 9:58และคนตาบอดก็เชี่ยวชาญในการใช้มัน
จนเขาสามารถขว้างบอลลงตะกร้าได้เลย -
9:58 - 10:02หรือพวกเขาสามารถนำร่องผ่านสิ่งกีดขวาง
ที่ค่อนข้างซับซ้อนได้ -
10:03 - 10:08พวกเขาสามารถมองเห็นได้ผ่านลิ้น
-
10:08 - 10:10ทีนี้ มันฟังดูเหลือเชื่อมากเลยใช่ไหมครับ
-
10:10 - 10:13แต่จำไว้นะครับว่า ภาพทุกอย่างที่มีนั้น
-
10:13 - 10:17เป็นสัญญาณเคมีไฟฟ้า
ที่วิ่งไปรอบ ๆ สมองของคุณ -
10:17 - 10:19สมองของคุณไม่รู้หรอกว่าสัญญาณมาจากไหน
-
10:19 - 10:23มันแค่เข้าใจว่าต้องทำอย่างไร
กับสัญญาณพวกนั้น -
10:23 - 10:28ฉะนั้น สิ่งที่กลุ่มวิจัยของผมสนใจ
ก็คือการแทนที่สัมผัสสำหรับคนหูหนวก -
10:28 - 10:31และโครงการนี้ก็กำลังดำเนินการอยู่
-
10:31 - 10:34โดยมีนักศึกษาบัณฑิตศึกษาในกลุ่มวิจัยของผม
สก๊อต โนวิกช์ -
10:34 - 10:37ผู้เป็นแกนนำทำวิทยานิพนธ์ของเขา
-
10:37 - 10:39และนี่คือสิ่งที่เราต้องการทำ
-
10:39 - 10:43เราต้องการที่จะแปลงเสียงที่มีในโลกนี้
-
10:43 - 10:47ไปเป็นสิ่งที่คนหูหนวกสามารถเข้าใจได้
-
10:47 - 10:52เราต้องการทำสิ่งนี้ เพื่อให้ประสิทธิภาพ
และการเข้าถึงกับระบบคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ -
10:52 - 10:57เราต้องการความมั่นใจว่า
ระบบจะทำงานได้บนโทรศัพท์มือถือและแท๊บเล็ต -
10:57 - 10:59และเรายังต้องการทำให้มันสวมใส่ได้
-
10:59 - 11:02เป็นอะไรที่คุณสามารถใส่ไว้ใต้เสื้อผ้า
-
11:02 - 11:04นี่เป็นแนวความคิดครับ
-
11:05 - 11:10และขณะที่ผมพูดนี้ เสียงของผมจะถูกจับ
โดยแท็บเล็ต -
11:10 - 11:16และจากนั้นมันก็ส่งข้อมูลไปยังเสื้อกั๊ก
ที่เต็มไปด้วยมอเตอร์สั่น -
11:16 - 11:20เหมือนกับมอเตอร์ในโทรศัพท์มือถือคุณ
-
11:20 - 11:22ระหว่างที่ผมกำลังพูดอยู่นี้
-
11:22 - 11:28เสียงกำลังแปลงเป็น
รูปแบบการสั่นบนเสื้อกั๊ก -
11:28 - 11:30ทีนี้มันไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวคิด
-
11:30 - 11:35แท๊บเล็ตนี้กำลังส่งสัญญาณบลูทูท
และผมก็กำลังใส่เสื้อกั๊กนั้นอยู่ -
11:35 - 11:37ดังนั้น ในขณะที่ผมพูดอยู่นี้
(เสียงปรบมือ) -
11:38 - 11:44เสียงกำลังแปลงเป็นรูปแบบการสั่นแบบพลวัต
-
11:44 - 11:49ผมรู้สึกได้ถึงโลกแห่งเสียงรอบ ๆ ตัว
-
11:49 - 11:53เราได้ทำการทดสอบกับคนตาบอดแล้วตอนนี้
-
11:53 - 11:57และเราก็พบว่า ไม่นาน
-
11:57 - 12:00คนจะเริ่มรู้สึกได้ พวกเขาจะเริ่มเข้าใจ
-
12:00 - 12:03ภาษาของเสื้อกั๊ก
-
12:03 - 12:08นี่คือ โจนาธาน
เขาอายุ 37 ปี และมีวุฒิปริญญาโท -
12:08 - 12:10เขาเกิดมาหูหนวกสนิท
-
12:10 - 12:14ซึ่งหมายความว่าเขาไม่มี อูมเวลท์ บางส่วน
-
12:14 - 12:19ฉะนั้น โจนาธาน ฝึกซ้อมกับเสื้อกั๊กนี้
เป็นเวลาสี่วัน วันละสองชั่วโมง -
12:19 - 12:22และตอนนี้ เขามาถึงวันที่ห้า
-
12:22 - 12:24สก๊อต โนวิกช์: คุณ
-
12:24 - 12:27เดวิด อีเกอร์แมน: เมื่อสก๊อตกล่าวคำ
โจนาธานจะรู้สึกได้จากเสื้อกั๊ก -
12:27 - 12:30และเขาจะเขียนคำไว้บนกระดาน
-
12:30 - 12:34สก๊อต: ที่ไหน ที่ไหน
-
12:34 - 12:38เดวิด: โจนาธานสามารถที่จะแปลรูปแบบที่ซับซ้อน
ของการสั่น -
12:38 - 12:41ไปเป็นความเข้าใจในคำที่พูด
-
12:41 - 12:44สก๊อต: แตะ แตะ
-
12:44 - 12:49เดวิด: เอาล่ะ เขาไม่ได้ทำ --
-
12:49 - 12:55(เสียงปรบมือ) --
-
12:56 - 13:00โจนาธานไม่ได้ทำการนี้โดยตั้งใจ
เพราะว่ารูปแบบข้อมูลซับซ้อนเกินไป -
13:00 - 13:06แต่สมองของเขาเริ่มที่จะถอดรูปแบบ
ที่สามารถทำให้มันเข้าใจได้ -
13:06 - 13:08ว่าข้อมูลนั้นคืออะไร
-
13:08 - 13:12และความคาดหวังของเราก็คือ
หลังจากที่สวมสิ่งนี้เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน -
13:12 - 13:17เขาจะมีประสบการณ์สัมผัสตรงของการได้ยิน
-
13:17 - 13:21ในแบบเดียวกับที่เมื่อคนตาบอด
ลูบไปตามอักษรเบล -
13:21 - 13:26ความหมายผุดขึ้นมาจากหน้ากระดาษ
โดยไม่ต้องใช้ความคิดใดๆ ช่วยเหลืออีก -
13:27 - 13:30ครับ เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลง
-
13:30 - 13:34เพราะว่าการแก้ปัญหาหูหนวกอื่นมีอย่างเดียว
คือการปลูกถ่ายคลอเคลียร์ (cochlear) -
13:34 - 13:37และนั่นต้องอาศัยการผ่าตัด
-
13:37 - 13:42และระบบนี้สามารถผลิตได้ถูกกว่า
ถึง 40 เท่าของของการปลูกถ่ายคลอเคลียร์ -
13:42 - 13:47ซึ่งเปิดโอกาสให้เทคโนโลยีนี้ในระดับสากล
แม้กระทั่งกับประเทศที่จนที่สุด -
13:48 - 13:53ทีนี้ เราได้รับแรงสนับสนุนอย่างมาก
จากผลของการแทนที่สัมผัสนี้ -
13:53 - 13:57แต่สิ่งที่เราคิดกันเยอะมากก็คือ
การเพิ่มสัมผัส -
13:57 - 14:03คือเราจะใช้เทคโนโลยีแบบนี้
เพื่อเพิ่มสัมผัสแบบใหม่ได้อย่างไร -
14:03 - 14:06เพื่อที่จะขยาย อูมเวลท์ ของคน
-
14:06 - 14:10ยกตัวอย่างเช่น เราจะสามารถป้อนข้อมูล
ตามเวลาจริงจากอินเทอร์เน็จ -
14:10 - 14:12ตรงเข้าสมองใครสักคน
-
14:12 - 14:16และเขาคนนั้นยังสามารถพัฒนา
ประสบการณ์สัมผัสได้โดยตรงหรือไม่ -
14:16 - 14:18นี่คือการทดลองที่เราทำกัน
-
14:18 - 14:22คนที่รับการทดลองรู้สึกถึงการผ่านกระแสข้อมูล
ที่มาจากอินเตอร์เน็ตได้ตามเวลาจริง -
14:22 - 14:24เป็นเวลาห้าวินาที
-
14:24 - 14:27จากนั้น จะมีปุ่มสองปุ่มปรากฏขึ้น
และเขาก็ต้องตัดสินใจ -
14:27 - 14:29เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
-
14:29 - 14:32เขาตัดสินใจและได้รับผลตอบรับ
ในอีกหนึ่งวินาทีต่อมา -
14:32 - 14:33ทีนี้นะครับ
-
14:33 - 14:36ผู้รับการทดลองของเรา
ไม่รู้เลยว่ารูปแบบเหล่านั้นคืออะไร -
14:36 - 14:39แต่พวกเราจะเห็นว่าเขาจะทำได้ดีขึ้นหรือไม่
ว่าจะตัดสินใจกดปุ่มไหน -
14:39 - 14:41เขาไม่รู้ว่าเราป้อน
-
14:41 - 14:45ข้อมูลตามเวลาจริง จากตลาดหุ้น
-
14:45 - 14:47และเขากำลังตัดสินใจซื้อและขาย
-
14:47 - 14:49(เสียงหัวเราะ)
-
14:49 - 14:53และการตอบสนองบอกเขาว่าเขาได้ทำถูกหรือไม่
-
14:53 - 14:56และสิ่งที่เราดูก็คือ
เราจะสามารถขยาย อูมเวลท์ ของมนุษย์ -
14:56 - 14:59เพื่อที่ว่าหลังจากสองสามสัปดาห์
เขาจะมีประสบการณ์ตรง -
14:59 - 15:05ถึงการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลก
ได้หรือไม่ -
15:05 - 15:08เราจะรายงานต่อภายหลังนะครับ
ว่านี่ได้ผลหรือไม่ -
15:08 - 15:10(เสียงหัวเราะ)
-
15:11 - 15:13นี่คืออีกอย่างที่เราทำ
-
15:13 - 15:17ระหว่างการบรรยายเช้านี้
พวกเราดึงเอาข้อมูลจากทวิตเตอร์ -
15:17 - 15:20ที่มี TED2015 แฮชแท๊ค
-
15:20 - 15:23และเราก็ได้ทำการวิเคราะห์อารมณ์
โดยอัตโนมัติ -
15:23 - 15:27ซึ่งหมายถึงว่า คนใช้คำพูดเชิงบวก
เชิงลบ หรือแบบกลาง ๆ -
15:27 - 15:30และในขณะที่มันเกิดขึ้น
-
15:30 - 15:33ผมรู้สึกมันได้
-
15:33 - 15:37และผมก็เชื่อมต่อ
เพื่อจับกลุ่มอารมณ์ -
15:37 - 15:41ของคนเป็นพัน ๆ ในเวลาจริง
-
15:41 - 15:45และนี่เป็นประสบการณ์แบบใหม่สำหรับคน
เพราะว่าตอนนี้ผมรับรู้ได้ -
15:45 - 15:48ว่าทุกคนเป็นอย่างไร
และคุณชอบมันแค่ไหน -
15:48 - 15:53(เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)
-
15:55 - 15:59มันเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่
กว่าที่มนุษย์จะมีได้ตามปกติ -
16:00 - 16:03นอกจากนั้น เรายังขยาย อูมเวลท์
ของคนขับเครื่องบิน -
16:03 - 16:07ในกรณีนี้ เสื้อกั๊กจะส่งกระแส
ค่าวัดต่าง ๆ เก้าค่า -
16:07 - 16:08จากควอดคอปเตอร์นี้
-
16:08 - 16:12รวมทั้งการเอียง หัน หมุน
ปรับองศา และเบนส่วนหัว -
16:12 - 16:16และนั่นเพิ่มความสามารถในการบิน
ใหักับคนขับ -
16:16 - 16:21มันก็เหมือนกับเขามีผิวหนังที่ใหญ่ขึ้น
ที่ข้างบนนั้น -
16:21 - 16:23และนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
-
16:23 - 16:28สิ่งที่เราได้จินตนาการก็คือ
การนำห้องคนขับที่เต็มไปด้วยมาตรวัด -
16:28 - 16:33และแทนที่จะพยายามอ่านทุกอย่าง
คุณก็เพียงแค่รู้สึกถึงมัน -
16:33 - 16:35เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูล
-
16:35 - 16:39และมันก็มีความแตกต่าง
ระหว่างการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก -
16:39 - 16:42และการรู้สึกได้ถึงมัน
-
16:42 - 16:46ฉะนั้น ผมคิดว่าความเป็นไปได้
ในการขยายสำหรับมนุษย์ -
16:46 - 16:48ไม่ได้มีขอบเขตอยู่ที่เพียงเส้นขอบฟ้า
-
16:48 - 16:53ลองคิดถึงนักบินอวกาศที่สามารถรู้สึกได้
-
16:53 - 16:57ถึงสภาพโดยรวมของสถานีอวกาศนานาชาติ
-
16:57 - 17:02หรือ ในเรื่องนั้น มีความรู้สึกถึง
ภาวะที่มองไม่เห็นเกี่ยวกับสุขภาพคุณ -
17:02 - 17:05เช่น ระดับน้ำตาลในเลือด และภาวะของจุลนิเวศ
-
17:05 - 17:11หรือมีการมองเห็นแบบ 360 องศา
หรือเห็นอินฟราเรด หรืออัลตราไวโอเล็ต -
17:11 - 17:15ฉะนั้น สิ่งสำคัญคือ
ในอนาคตที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ -
17:15 - 17:20เราจะสามารถเลือกอุปกรณ์รอบข้างของเรา
ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ -
17:20 - 17:23เราไม่ต้องรอของขวัญการรับสัมผัส
จากพระแม่แห่งธรรมชาติ -
17:23 - 17:25ในช่วงเวลาที่นางเป็นคนกำหนด
-
17:25 - 17:29เช่นเดียวกับมารดาที่แสนดี
เธอได้มอบอุปกรณ์ที่เราต้องการ -
17:29 - 17:34เพื่อที่จะก้าวออกไป
และกำหนดทิศทางของเราเอง -
17:34 - 17:35ฉะนั้น คำถามก็คือ
-
17:35 - 17:41คุณต้องการที่จะก้าวออกไป
แล้วประสบสัมผัสกับจักรวาลของคุณอย่างไร -
17:41 - 17:43ขอบคุณครับ
-
17:43 - 17:51(เสียงปรบมือ)
-
17:59 - 18:02คริส แอนเดอร์สัน: คุณรู้สึกได้เลยใช่ไหมครับ
เดวิด: ครับ -
18:02 - 18:05อันที่จริง นี่เป็นครั้งแรก
ที่ผมรู้สึกถึงการปรบมือผ่านเสื้อกั๊กนี้ -
18:05 - 18:07มันก็ดีครับ เหมือนนวดเลย (เสียงหัวเราะ)
-
18:07 - 18:11คริส: ทวิตเตอร์กำลังคลั่งกันเลยครับ
-
18:11 - 18:13แล้วการทดลองกับตลาดหุ้น
-
18:13 - 18:18นี่อาจเป็นการทดลองแรก
ที่จะเป็นหลักประกันเงินทุนให้กับมันไปตลอด -
18:18 - 18:20ใช่ไหมครับ ถ้ามันสำเร็จ
-
18:20 - 18:23เดวิด: ครับ ใช่เลย
ผมจะได้ไม่ต้องเขียนขอทุนไปที่ NIH อีกแล้ว -
18:23 - 18:26คริส: เอาล่ะ ผมขอถามอะไรหน่อยนะ
-
18:26 - 18:29คือผมว่า มันเจ๋งมากเลย
แต่ว่าหลักฐานส่วนใหญ่ที่มีจนถึงตอนนี้ -
18:29 - 18:31บอกว่าการทดแทนการรับสัมผัสนั้นทำงานได้
-
18:31 - 18:33แต่ไม่จำเป็นว่าการรับสัมผัสเพิ่มนั้น
จะทำงานได้ใช่ไหมครับ -
18:33 - 18:37ผมหมายถึงว่า มันเป็นไปได้ไหมว่า
คนตาบอดจะสามารถเห็นผ่านลิ้นเขาได้ -
18:37 - 18:42เพราะว่าคอร์เท็กซ์การมองยังมีอยู่
และพร้อมที่จะทำงาน -
18:42 - 18:44และนั่นก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งด้วย
-
18:44 - 18:46เดวิด: เป็นคำถามที่ดีครับ
อันที่จริงเราไม่รู้เลยครับ -
18:46 - 18:49ว่าข้อจำกัดทางทฤษฎีของข้อมูลที่สมองรับได้
คืออะไร -
18:51 - 18:53แต่เรื่องพื้นฐานเลยก็คือ มันปรับตัวได้อย่างน่าทึ่ง
-
18:53 - 18:57ดังนั้น เมื่อกลายเป็นคนตาบอด
สิ่งที่เราเคยเรียกว่าคอร์เท็กซ์การมอง -
18:57 - 19:02ก็จะโดนสิ่งอื่นๆ เข้าแทนที่
เช่นการสัมผัส การได้ยิน โดยคำศัพท์ -
19:02 - 19:06ฉะนั้นมันบอกเราว่า
คอร์เท็กส์ก็เป็นเหมือนหลักสากล -
19:06 - 19:09คือมันแค่ทำการคำนวณกับข้อมูลต่าง ๆ
-
19:09 - 19:12และเมื่อเรามองไปยังเช่น อักษรเบล
-
19:12 - 19:15คนรับข้อมูลผ่านปุ่มที่นิ้วสัมผัส
-
19:15 - 19:19ฉะนั้นผมไม่คิดว่าเรามีเหตุผลใด
ที่จะคิดว่ามันมีข้อจำกัดทางทฤษฎี -
19:19 - 19:20ที่เรารู้ขอบเขต
-
19:21 - 19:25คริส: ถ้าสิ่งนี้ออกมาเมื่อไร
คุณคงโดนรุมจีบแน่ -
19:25 - 19:28มันมีศักยภาพที่จะได้อะไรได้มากมายเหลือเกิน
-
19:28 - 19:32คุณพร้อมหรือยังครับ
อะไรที่คุณตื่นเต้นที่สุด สำหรับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น -
19:32 - 19:34เดวิด: ผมคิดว่า
มันมีการนำไปใช้ประโยชน์มากมาย -
19:34 - 19:38ในส่วนที่มากกว่าการแทนที่สัมผัส
สิ่งที่ผมได้กล่าวไว้ -
19:38 - 19:42เกี่ยวกับนักบินอวกาศในสถานีอวกาศ
พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ -
19:42 - 19:45ติดตามสิ่งต่าง ๆ และพวกเขาอาจจะได้เข้าใจ
ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ -
19:45 - 19:49เพราะสิ่งที่มันจัดการได้ดีคือ
ข้อมูลหลายมิติ -
19:49 - 19:54หัวใจสำคัญคือ ระบบการมองเห็น
มีประสิทธิภาพในการตรวจจับขอบและส่วนนูน -
19:54 - 19:56แต่พวกมันแย่มากกับการสิ่งที่โลกของเราเป็น
-
19:56 - 19:58ซึ่งก็คือจอแบน ๆ ที่เต็มไปด้วยข้อมูล
-
19:58 - 20:01พวกเราจึงต้องตะกายหามัน
ด้วยระบบที่เราต้องเพ่งความสนใจ -
20:01 - 20:03ดังนั้น นี่เป็นเพียงวิธีที่จะรู้สึก
ถึงภาวะของอะไรบางอย่าง -
20:03 - 20:07เหมือนกับวิธีที่คุณรู้ถึงภาวะของร่างกาย
อย่างที่คุณยืนอยู่ตอนนี้ -
20:07 - 20:10ฉะนั้นผมคิดถึงเครื่องยนต์หนัก ความปลอดภัย
การรู้สึกได้ถึงภาวะโรงงาน -
20:10 - 20:13รู้สึกได้ถึงเครื่องมือของคุณ
ที่เมื่อติดตั้งแล้ว จะทำงานได้ทันที -
20:13 - 20:17คริส: เดวิด อีเกอร์แมน นั่นมันเป็นการบรรยาย
ที่เหนือความคาดหมายมาก ขอบคุณมากครับ -
20:17 - 20:22เดวิด: ของคุณครับคริส
(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เป็นไปได้หรือไม่ที่เราสามารถสร้างการรับสัมผัสใหม่ให้กับคนได้
- Speaker:
- เดวิด อีเกอร์แมน (David Eagleman)
- Description:
-
มนุษย์เรารับคลื่นแสงได้น้อยกว่าหนึ่งในสิบล้านล้านของคลื่นแสงทั้งหมด เดวิด อีเกอร์แมน ผู้เป็นนักประสาทวิทยากล่าวว่า "ประสบการณ์ความเป็นจริงของเรานั้นจำกัดโดยระบบชีวภาพของเรา" เขาต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดนั้น งานวิจัยของเขาเรื่องกระบวนการของสมองได้นำเขาไปสู่การสร้างระบบต่อประสานใหม่ -เช่น เสื้อกั๊กตรวจรับสัมผัส- เพื่อจะรับข้อมูลโลกรอบ ๆ ตัวเราที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏ
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 20:34
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Can we create new senses for humans? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Can we create new senses for humans? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Can we create new senses for humans? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Can we create new senses for humans? | ||
Retired user accepted Thai subtitles for Can we create new senses for humans? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Can we create new senses for humans? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Can we create new senses for humans? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Can we create new senses for humans? |