ทำไมผมจึงเชื่อว่าการกดขี่ผู้หญิงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันดับหนึ่ง
-
0:00 - 0:02ที่จริงแล้ว
-
0:02 - 0:05ผมเคยพยายามนึกถึงอาชีพที่จะทำ
หลังออกจากทำเนียบขาว -
0:05 - 0:10และตัวอย่างที่เยี่ยมที่สุดที่ผมเจอ คือ
การ์ตูนในนิตยสารเดอะ นิวยอร์คเกอร์ 2-3 ปีก่อน -
0:10 - 0:12มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ มองขึ้นไปที่พ่อ
-
0:12 - 0:16และพูดว่า "พ่อครับ
โตขึ้นผมอยากเป็นอดีตประธานาธิบดี" -
0:16 - 0:17(เสียงหัวเราะ)
-
0:17 - 0:21ผมรู้สึกโชคดีมาก
ในฐานะอดีตประธานาธิบดี -
0:21 - 0:24เพราะผมได้มีโอกาสเข้าถึง
-
0:24 - 0:26สิ่งที่น้อยคนนักในโลกนี้
จะได้มีโอกาสเข้าถึง -
0:26 - 0:30นั่นคือการได้รู้จักคนมากมาย
ทั่วทั้งจักรวาลนี้ -
0:30 - 0:34ผมไม่เพียงแต่คุ้นเคย
กับ 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา -
0:34 - 0:38แต่ผมและภรรยายังได้ไปเยือนประเทศต่างๆ
มากกว่า 145 ประเทศทั่วโลก -
0:38 - 0:43และศูนย์คาร์เตอร์ (Carter Center)
ก็มีโครงการเต็มเวลาใน 80 ประเทศทั่วโลก -
0:43 - 0:45และบ่อยครั้ง เมื่อเราไปยังประเทศสักประเทศ
-
0:45 - 0:47เราไม่เพียงแค่พบพระราชา หรือประธานาธิบดี
-
0:47 - 0:51แต่เรายังได้พบชาวบ้าน
ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลในแอฟริกา -
0:51 - 0:55ดังนั้น ความมุ่งมั่นของเรา
ที่ศูนย์คาร์เตอร์ -
0:55 - 0:57คือการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
-
0:57 - 1:02และเท่าที่ผมรู้จักโลกมา
ผมบอกคุณได้โดยไม่อ้อมค้อมเลยว่า -
1:02 - 1:06การละเมิดสิทธิมนุษยชนอันดับหนึ่งในโลกนี้
-
1:06 - 1:11ซึ่งน่าแปลกที่มันไม่ค่อยได้รับการแก้ไข
ก็คือ การกดขี่ข่มเหงเด็กและสตรี -
1:11 - 1:15(เสียงปรบมือ)
-
1:15 - 1:20เรื่องนี้มีเหตุผลสองสามข้อ
ที่ผมจะเริ่มพูดต่อไปนี้ -
1:20 - 1:25ข้อแรกเลยก็คือ การตีความผิดๆ
จากคัมภีร์ทางศาสนา คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ -
1:25 - 1:29ในไบเบิล พันธสัญญาใหม่
พันธสัญญาเก่า คัมภีร์กุรอ่าน และอื่นๆ -
1:29 - 1:36ซึ่งถูกตีความผิดๆ
โดยผู้ชายที่อยู่ในตำแหน่งทรงอำนาจ -
1:36 - 1:39ในสุเหร่ายิว โบสถ์คริสต์
และสุเหร่ามุสลิม -
1:39 - 1:43พวกเขาตีความกฎเหล่านี้
เพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิง -
1:43 - 1:47ถูกลดคุณค่าลงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นรอง
-
1:47 - 1:50เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายในสายตาพระเจ้า
-
1:51 - 1:55นี่เป็นปัญหาที่สำคัญมาก
แต่โดยทั่วไปแล้วมันไม่ถูกแก้ไขเลย -
1:55 - 1:57หลายปีก่อน ในปี 2000
-
1:57 - 2:00ผมเคยเป็นคริสต์นิกายแบ็บติสฝ่ายใต้
เป็นเวลา 70 ปี -
2:00 - 2:03ผมยังสอนโรงเรียนศาสนาวันอาทิตย์
อยู่ทุกวันอาทิตย์เลย -
2:03 - 2:05วันอาทิตย์นี้ก็มีสอน
-
2:05 - 2:09แต่การประชุมชาวแบ็บติสฝ่ายใต้
ในปี ค.ศ. 2000 มีการลงมติว่า -
2:09 - 2:12ผู้หญิงควรรับบทบาทรอง
-
2:12 - 2:14อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าผู้ชาย
-
2:14 - 2:17แล้วเขาก็ออกคำสั่งมาบังคับใช้
-
2:17 - 2:23ว่าห้ามผู้หญิงเป็นพระ บาทหลวง
หรือผู้ช่วยพระในโบสถ์ -
2:23 - 2:25หรืออนุศาสนาจารย์ในกองทัพ
-
2:25 - 2:28และถ้าผู้หญิงสอนในห้องเรียน
-
2:28 - 2:30ในโรงเรียนสอนศาสนาแบ็บติสฝ่ายใต้
-
2:30 - 2:34พวกเธอจะสอนไม่ได้ถ้ามีเด็กผู้ชายอยู่ในห้อง
-
2:34 - 2:36เพราะคุณสามารถหาข้อความในไบเบิล
-
2:36 - 2:39ก็ในไบเบิลมีข้อความตั้ง 30,000 ประโยค
-
2:39 - 2:41ที่บอกว่าผู้หญิงไม่ควรสอนผู้ชาย
อะไรทำนองนั้น -
2:41 - 2:44ประเด็นหลักเลยคือ คัมภีร์นั้นถูกบิดเบือน
-
2:44 - 2:47เพื่อปกป้องผู้ชายไว้ในตำแหน่งที่มีอำนาจ
-
2:47 - 2:49นั่นเป็นปัญหาที่แพร่หลายมาก
-
2:49 - 2:54เพราะผู้ชายสามารถใช้อำนาจนั้นได้
-
2:54 - 3:00และถ้าสามีหรือนายจ้าง
อยากจะโกงหรือนอกใจผู้หญิง -
3:00 - 3:04เขาก็สามารถบอกได้ว่า
ถ้าผู้หญิงไม่เท่าเทียมกับผู้ชายในสายตาพระเจ้า -
3:04 - 3:06ทำไมฉันจะต้องปฏิบัติกับผู้หญิง
อย่างเท่าเทียมล่ะ -
3:06 - 3:10ทำไมฉันต้องจ่ายค่าจ้างผู้หญิงเท่าผู้ชาย
ในหน้าที่การงานแบบเดียวกัน -
3:10 - 3:12ความเสื่อมโทรมอีกอย่าง
-
3:12 - 3:16ที่เป็นสาเหตุของปัญหานี้
คือการพึ่งพาความรุนแรงกันมากเกินไป -
3:16 - 3:21เรื่องนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทั่วโลก
-
3:21 - 3:24เช่น ในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
-
3:24 - 3:28เรามีการกดขี่ข่มเหงคนจนมากขึ้นมหาศาล
-
3:28 - 3:33ส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำและชนกลุ่มน้อย
โดยการจับพวกเขาเข้าคุก -
3:33 - 3:36ตอนผมเป็นผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย
-
3:36 - 3:39คนอเมริกันหนึ่งใน 1,000 คน อยู่ในคุก
-
3:39 - 3:44ปัจจุบันนี้ อัตราคนติดคุกคือ 7.3 คน
ต่อประชากร 1,000 คน -
3:44 - 3:46นั่นคือเพิ่มขึ้นเจ็ดเท่า
-
3:46 - 3:48และตั้งแต่ผมออกจากทำเนียบขาว
-
3:48 - 3:51ก็มีจำนวนผู้หญิงผิวดำในคุก
-
3:51 - 3:54เพิ่มขึ้น 800 เปอร์เซ็นต์
-
3:54 - 3:56เรายังเป็นประเทศเดียวในโลก
-
3:56 - 4:00ที่ยังมีโทษประหาร
ทั้งที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว -
4:00 - 4:04และเราติดอันดับสูสี
กับประเทศที่กดขี่มากที่สุด -
4:04 - 4:07ในทุกองค์ประกอบของสิทธิมนุษยชน
จากการสนับสนุนโทษประหาร -
4:08 - 4:10ตอนนี้เราอยู่ในแคลิฟอร์เนีย
วันก่อนผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ -
4:10 - 4:13ว่าแคลิฟอร์เนียใช้จ่ายเงินไปแล้ว
สี่พันล้านดอลลาร์ -
4:13 - 4:18ในการลงโทษคน 13 คนด้วยโทษประหาร
-
4:18 - 4:23ถ้าคุณลองคิดเลข นั่นคือแคลิฟอร์เนีย
ต้องใช้เงิน 307 ล้านดอลลาร์ -
4:23 - 4:26เพื่อส่งคนหนึ่งคนไปประหาร
-
4:26 - 4:29สัปดาห์นี้เอง ที่เนบราสกาเพิ่งผ่านกฎหมาย
ยกเลิกโทษประหาร -
4:29 - 4:34เพราะค่าใช้จ่ายมันแพงเกินไป
(เสียงปรบมือ) -
4:35 - 4:39ดังนั้น การใช้ความรุนแรงและการกดขี่ข่มเหง
คนจนและคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ -
4:39 - 4:43เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้
การกดขี่ข่มเหงผู้หญิงเพิ่มขึ้น -
4:43 - 4:48ผมขอพูดถึงการกดขี่ข่มเหงผู้หญิง 2-3 อย่าง
ที่ผมรู้สึกกังวลใจมากที่สุด -
4:48 - 4:52ผมจะพูดสั้นๆ เพราะมีเวลาจำกัด
อย่างที่คุณรู้อยู่แล้วนะครับ -
4:52 - 4:56อย่างหนึ่งคือ การขลิบอวัยวะเพศ
-
4:56 - 5:00การขลิบอวัยวะเพศเป็นเรื่องสยองมาก
ซึ่งผู้หญิงอเมริกันไม่รู้จักหรอกครับ -
5:00 - 5:04แต่ในบางประเทศ หลายๆ ประเทศ
-
5:04 - 5:09เมื่อเด็กเกิดมาเป็นผู้หญิง
ต่อมาไม่นานในชีวิตของเธอ -
5:09 - 5:15อวัยวะเพศของเธอจะถูกตัดออกไป
โดยคนที่เรียกกันว่า มือมีด -
5:15 - 5:19ที่มีใบมีดโกนอันหนึ่ง
ซึ่งไม่ได้ฆ่าเชื้ออะไรเลย -
5:19 - 5:23เขาจะตัดส่วนนอกของอวัยวะเพศหญิงออก
-
5:23 - 5:28และบางที ในกรณีที่สุดโต่ง
ซึ่งก็ไม่ได้หายากหรอก -
5:28 - 5:31เขาจะเย็บปิดให้เด็กผู้หญิง
ได้แค่ถ่ายปัสสาวะและระบายเลือดประจำเดือน -
5:31 - 5:35หลังจากนั้น เมื่อเธอแต่งงาน
มือมีดคนเดิมก็กลับมา -
5:35 - 5:37ผ่าเปิดปากช่องคลอด
เพื่อให้เธอมีเพศสัมพันธ์ได้ -
5:37 - 5:41นี่ไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ยาก
แม้มันจะขัดกับกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่ -
5:41 - 5:43เช่นที่อียิปต์
-
5:43 - 5:4791 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงทั้งหมด
ที่อยู่ในอียิปต์วันนี้ -
5:47 - 5:50ได้ถูกขลิบอวัยวะเพศแบบนั้นมาแล้ว
-
5:50 - 5:53ในบางประเทศ
มากกว่า 98 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิง -
5:53 - 5:57ถูกขลิบแบบนั้นก่อนจะโตเป็นสาว
-
5:57 - 6:00นี่เป็นการกระทำที่เลวร้าย
-
6:00 - 6:04ที่กระทำต่อผู้หญิง
ที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านั้น -
6:04 - 6:07อีกอย่างที่เป็นปัญหามาก
คือการฆ่าเพื่อรักษาเกียรติ -
6:07 - 6:11เมื่อครอบครัวตีความคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
ผิดเพี้ยนไป อีกแล้ว -
6:11 - 6:13ไม่มีตรงเลยไหนในคัมภีร์กุรอ่าน
ที่กำหนดว่า -
6:13 - 6:18ให้ฆ่าเด็กผู้หญิงในครอบครัวเสีย
-
6:18 - 6:19ถ้าเธอถูกข่มขืน
-
6:19 - 6:23หรือถ้าเธอแต่งงานกับผู้ชาย
ที่พ่อของเธอไม่ยอมรับ -
6:23 - 6:26หรือบางที แค่เธอสวมเสื้อผ้าไม่เหมาะสม
-
6:26 - 6:29และสิ่งนี้ทำโดยสมาชิกในครอบครัวของเธอเอง
-
6:29 - 6:31ดังนั้น ครอบครัวจึงกลายเป็นฆาตกร
-
6:31 - 6:36เมื่อเด็กผู้หญิง นำสิ่งที่เรียกว่า
'ความเสื่อมเสีย' มาสู่ครอบครัว -
6:36 - 6:39มีการวิเคราะห์งานชิ้นหนึ่งที่ทำในอียิปต์
โดยสหประชาชาติเมื่อไม่นานมานี้ -
6:39 - 6:43ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
75% ของการฆาตกรรมเด็กหญิง -
6:43 - 6:49กระทำโดยพ่อ ลุง หรือพี่ชายน้องชาย
-
6:49 - 6:52แต่อีก 25% ของการฆาตกรรม
ทำโดยผู้หญิง -
6:52 - 6:54อีกปัญหาที่เรามีในโลกนี้
-
6:54 - 6:57ซึ่งเกี่ยวกับผู้หญิงมากเป็นพิเศษ
คือการบังคับเป็นทาส -
6:57 - 6:59หรือที่ทุกวันนี้เรียกว่า การค้ามนุษย์
-
6:59 - 7:04มีคนจากแอฟริกา 12.5 ล้านคน
ถูกขายมาเป็นทาส -
7:04 - 7:08ใน 'โลกใหม่' [อเมริกาฯ]
ย้อนไปในศตวรรษที่ 18 และ 19 -
7:08 - 7:12ขณะที่ปัจจุบันมีคนเป็นทาสอยู่ 30 ล้านคน
-
7:12 - 7:17กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา
ได้รับคำสั่งจากรัฐสภา -
7:17 - 7:20ให้รายงานเรื่องนี้ทุกปี
-
7:20 - 7:24กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
คน 800,000 คน -
7:24 - 7:28ถูกขายข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ
เพื่อนำไปเป็นทาสทุกปี -
7:28 - 7:31และ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนเหล่านั้น
เป็นผู้หญิง -
7:31 - 7:33ถูกขายเป็นทาสกามารมณ์
-
7:33 - 7:36ในสหรัฐอเมริกา ณ ขณะนี้
-
7:36 - 7:39มีคน 60,000 คน
มีชีวิตที่ตกเป็นทาส -
7:39 - 7:42ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย
ที่ตั้งของศูนย์คาร์เตอร์ -
7:42 - 7:45และเมืองที่ผมสอนหนังสืออยู่
ที่มหาวิทยาลัยอีมอรี่ -
7:45 - 7:50มีผู้หญิง 200 ถึง 300 คน
ถูกขายเป็นทาสทุกเดือน -
7:51 - 7:54มันเป็นเมืองที่มีปัญหาค้าทาส
เป็นอันดับหนึ่งในประเทศก็เพราะเหตุนี้ -
7:54 - 7:56เมืองแอตแลนตามีสนามบิน
ที่จอแจที่สุดในโลก -
7:56 - 8:01และมีผู้โดยสารจำนวนมาก
มาจากซีกโลกใต้ -
8:01 - 8:04ถ้าเจ้าของซ่อง
-
8:04 - 8:07ต้องการซื้อเด็กสาวผิวสีน้ำตาลหรือดำ
-
8:07 - 8:10เขาก็ซื้อได้ด้วยราคา 1,000 ดอลลาร์
-
8:10 - 8:14เด็กสาวผิวขาวจะราคาสูงกว่านั้นหลายเท่า
-
8:14 - 8:17โดยเฉลี่ย เจ้าของซ่องในแอตแลนตา
และในสหรัฐอเมริกา -
8:17 - 8:22สามารถทำเงินได้ประมาณ
35,000 ดอลลาร์ต่อทาสหนึ่งคน -
8:22 - 8:27การค้ากามในแอตแลนตา จอร์เจีย
ทำเงินได้มากกว่าการค้ายาเสียอีก -
8:27 - 8:31ดังนั้น นี่คือปัญหาที่ร้ายแรงมาก
และปัญหาพื้นฐานเลยคือการค้าประเวณี -
8:31 - 8:35เพราะว่า ไม่มีซ่องไหนในอเมริกา
-
8:35 - 8:38ที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่รู้จัก
-
8:38 - 8:42ทั้งตำรวจ ผู้กำกับการตำรวจ
หรือนายกเทศมนตรี หรืออะไรก็ตาม -
8:42 - 8:44และนี่นำไปสู่ปัญหา
ที่เลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่ง -
8:44 - 8:49นั่นคือ มีผู้หญิงถูกซื้อมาเป็นทาส
ในการค้ากามมากขึ้นเรื่อยๆ -
8:49 - 8:51ในทุกประเทศทั่วโลก
-
8:51 - 8:53สวีเดนมีแนวทางจัดการที่ดีสำหรับเรื่องนี้
-
8:53 - 8:57สัก 15 ถึง 20 ปีที่แล้ว
สวีเดนตัดสินใจเปลี่ยนกฎหมาย -
8:57 - 8:59โดยผู้หญิงไม่ถูกลงโทษ
-
8:59 - 9:02จากการถูกบังคับค้ากาม
-
9:02 - 9:08แต่เจ้าของซ่องและคนคุมซ่อง
และผู้ชายที่ไปเที่ยวจะถูกดำเนินคดี -
9:08 - 9:12(เสียงปรบมือ)
และการค้าประเวณีก็ลดลง -
9:12 - 9:15ในสหรัฐอเมริกา
เราทำตรงกันข้ามเลย -
9:15 - 9:22ถ้ามีผู้ชายถูกจับหนึ่งคน
ในข้อหาค้าประเวณีโดยผิดกฎหมาย -
9:22 - 9:27จะมีผู้หญิงถูกจับ 25 คนด้วยข้อหานี้
ในสหรัฐอเมริกา -
9:27 - 9:31ส่วนประเทศแคนาดา ไอร์แลนด์
และสวีเดนที่ผมพูดไปแล้ว -
9:31 - 9:35รวมทั้งฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ
กำลังเปลี่ยนสู่สิ่งที่เรียกว่าโมเดลสวีดิช -
9:35 - 9:37นั่นคืออีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้
-
9:37 - 9:41เรามีสถาบันที่ยิ่งใหญ่สองสถาบัน
ในประเทศนี้ที่เราล้วนชื่นชม -
9:41 - 9:45นั่นคือกองทัพ
และระบบมหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยม -
9:45 - 9:49ตอนนี้ในกองทัพกำลังวิเคราะห์กัน
ว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นกี่ครั้ง -
9:49 - 9:53รายงานล่าสุดที่ผมได้รับ พบว่า
มีการล่วงละเมิดทางเพศ 26,000 ครั้ง -
9:53 - 9:56ที่เกิดขึ้นในกองทัพ
-
9:56 - 9:5726,000
-
9:57 - 10:02มีแค่ 3,000 กรณี แค่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์นิดๆ
ที่มีการดำเนินคดี -
10:02 - 10:07และเหตุผลก็คือ ผู้บังคับการของหน่วยไหนๆ
-
10:07 - 10:11ไม่ว่าจะเป็นหน่วยเรือดำน้ำ
หรือกองพันทหารบก -
10:11 - 10:13หรือกองร้อยนาวิกโยธิน
-
10:13 - 10:17ผู้บังคับการมีสิทธิภายใต้กฎหมาย
ที่จะตัดสินใจว่า -
10:17 - 10:20จะดำเนินคดีกับผู้ข่มขืนหรือไม่
-
10:20 - 10:23และแน่นอน สิ่งสุดท้าย
ที่เขาต้องการให้คนอื่นรู้ -
10:23 - 10:26ก็คือข้อมูลที่ว่า ภายใต้การบังคับบัญชาของเขา
มีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้น -
10:26 - 10:28เขาก็เลยไม่ดำเนินคดี
-
10:28 - 10:31กฎนั้นต้องเปลี่ยน
-
10:31 - 10:35ประมาณหนึ่งในสี่ของเด็กผู้หญิง
ที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกา -
10:35 - 10:37จะถูกล่วงละเมิดทางเพศก่อนที่จะเรียนจบ
-
10:37 - 10:40และเรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่
สู่สาธารณะมากขึ้น -
10:40 - 10:42ส่วนหนึ่งเพราะหนังสือของผม
นอกจากอย่างอื่นแล้ว -
10:42 - 10:46ดังนั้น ตอนนี้มหาวิทยาลัย 89 แห่งในอเมริกาฯ
จึงถูกประณามว่าทำผิด -
10:46 - 10:49ข้อบังคับมาตราเก้าของกระทรวงศึกษาธิการ
-
10:49 - 10:54เพราะเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย
ไม่ได้ดูแลผู้หญิง -
10:54 - 10:55เพื่อปกป้องพวกเธอจากการล่วงละเมิดทางเพศ
-
10:55 - 10:59กระทรวงยุติธรรมรายงานว่า
มากกว่าครึ่งหนึ่งของการข่มขืน -
10:59 - 11:03ภายในมหาวิทยาลัย
เกิดจากผู้กระทำผิดคนเดิมซ้ำๆ -
11:03 - 11:05เพราะนอกระบบมหาวิทยาลัย
-
11:05 - 11:08ถ้าเขาข่มขืนใคร เขาจะต้องถูกดำเนินคดี
-
11:08 - 11:12แต่เมื่อเขาเข้ามาในเขตมหาวิทยาลัย
เขาข่มขืนได้โดยไม่ถูกลงโทษ -
11:12 - 11:14เขาไม่ถูกดำเนินคดี
-
11:14 - 11:18เหล่านี้คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ในสังคมของเรา -
11:18 - 11:23อีกอย่างหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่มาก
ของการกดขี่ผู้หญิงและเด็ก -
11:23 - 11:28คือการจ่ายค่าตอบแทนที่เท่าเทียม
สำหรับงานที่เท่ากัน -
11:28 - 11:30อย่างที่คุณรู้อยู่แล้ว
(เสียงปรบมือ) -
11:30 - 11:37เรื่องนี้ บางทีก็ถูกตีความบิดเบือนไป
แต่ในส่วนของงานประจำเต็มเวลา -
11:37 - 11:40ตอนนี้ผู้หญิงในอเมริกาฯ
ได้รับค่าจ้างน้อยกว่าผู้ชายอยู่ 23 เปอร์เซ็นต์ -
11:40 - 11:43ตอนผมเป็นประธานาธิบดี
ส่วนต่างนี้มากถึง 39 เปอร์เซ็นต์ -
11:43 - 11:47นั่นแสดงว่าเรามีความก้าวหน้าไปบ้าง
ส่วนหนึ่งเพราะผมเคยเป็นประธานาธิบดี -
11:47 - 11:53และเหตุผลอื่นๆ
(เสียงปรบมือ) (เสียงหัวเราะ) -
11:53 - 11:57แต่ใน 15 ปีหลังมานี้ ไม่มีความก้าวหน้าเลย
-
11:57 - 11:59ส่วนต่างนี้อยู่ประมาณ 23 ถึง 24 เปอร์เซ็นต์
-
11:59 - 12:02มาตลอด 15 ปีหลังนี้
-
12:02 - 12:04นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
-
12:04 - 12:07ถ้าคุณนับบริษัทชั้นนำในกลุ่ม ฟอร์จูน 500
-
12:07 - 12:10มีแค่ 23 บริษัทที่มีผู้หญิงเป็น ซีอีโอ
-
12:10 - 12:12จาก 500 บริษัท
-
12:12 - 12:15ซึ่งผมคงไม่ต้องบอกคุณก็รู้
ว่าซีอีโอหญิงเหล่านั้น -
12:15 - 12:17ได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย
-
12:17 - 12:20ของซีอีโออื่นๆ
-
12:20 - 12:22นั่นล่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา
-
12:22 - 12:25อีกปัญหาหนึ่งที่เกิดกับสหรัฐอเมริกา
-
12:25 - 12:29คือ เราเป็นประเทศบ้าสงครามที่สุดในโลก
-
12:29 - 12:33เราไปทำสงครามกับประเทศต่างๆ 25 ประเทศ
-
12:33 - 12:35ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
-
12:35 - 12:38บางครั้ง เราก็มีทหารไปรบบนบก
-
12:38 - 12:40บางครั้ง เราก็บินเหนือหัว
-
12:40 - 12:42แล้วทิ้งระเบิดใส่ผู้คน
-
12:42 - 12:46บางครั้ง เดี๋ยวนี้เรามีอากาศยานไร้คนขับ
หรือโดรน (drones) ที่โจมตีคน และอื่นๆ -
12:46 - 12:48เราไปทำสงครามต่างๆ กับ 25 ประเทศ
หรือมากกว่านั้น -
12:48 - 12:51ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
-
12:51 - 12:53มีอยู่สี่ปี ซึ่งผมไม่บอกแล้วกัน ว่าช่วงไหน
-
12:53 - 12:55เป็นสี่ปีที่เราไม่ทำสงคราม
-
12:55 - 13:01(เสียงปรบมือ) เราไม่ได้ทิ้งระเบิด
เราไม่ได้ยิงขีปนาวุธสักลูก -
13:01 - 13:02เราไม่ได้ยิงกระสุนออกไปสักนัด
-
13:02 - 13:07แต่นั่นแหละ สิ่งเหล่านี้
การพึ่งพาความรุนแรง -
13:07 - 13:09และการบิดเบือนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
-
13:09 - 13:15คือสาเหตุ เป็นสาเหตุพื้นฐานเลย
ของการกดขี่ข่มเหงผู้หญิงและเด็กหญิง -
13:15 - 13:18ยังมีสาเหตุพื้นฐานอีกอย่าง
ที่ผมคงไม่ต้องสาธยาย -
13:18 - 13:24นั่นคือ โดยทั่วไปแล้ว
พวกผู้ชายไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย -
13:24 - 13:27(เสียงปรบมือ)
จริงๆ นะครับ -
13:27 - 13:32ผู้ชายทั่วไปที่อาจพูดว่า
ฉันต่อต้านการกดขี่ผู้หญิงและเด็กผู้หญิง -
13:32 - 13:36ยอมรับสิทธิพิเศษที่เหนือกว่า
ของตนอยู่เงียบๆ -
13:36 - 13:40เหมือนกับรูปแบบที่ผมเคยรู้จักสมัยเด็กๆ
-
13:40 - 13:42ที่มีแนวคิดแบ่งแยกแต่เท่าเทียม
-
13:42 - 13:47การแบ่งแยกเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
อย่างถูกกฎหมายเคยมีอยู่เมื่อ 100 ปีที่แล้ว -
13:47 - 13:51ตั้งแต่ ค.ศ. 1865 จนสงครามระหว่างรัฐ
หรือสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง -
13:51 - 13:53จนถึงช่วงทศวรรษที่ 1960
-
13:53 - 13:56เมื่อลินดอน จอห์นสันเสนอกฎหมาย
-
13:56 - 13:58เพื่อสิทธิความเท่าเทียม
-
13:58 - 14:01แต่ระหว่างนั้น มีคนผิวขาวจำนวนมาก
-
14:01 - 14:04ที่ไม่ได้คิดว่าการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
เป็นสิ่งที่ถูกต้อง -
14:04 - 14:06แต่เขาก็สงบปากสงบคำ
-
14:06 - 14:12เพราะเขาพึงพอใจกับสิทธิพิเศษ
ที่ได้งานดีกว่า -
14:12 - 14:15สิทธิเฉพาะในการทำหน้าที่ลูกขุน
-
14:15 - 14:17โรงเรียนที่ดีกว่า และทุกอย่างๆ ที่ดีกว่า
-
14:17 - 14:19นั่นคือสิ่งเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในวันนี้
-
14:19 - 14:23เพราะผู้ชายทั่วไปไม่ได้สนใจจริงจังหรอก
-
14:23 - 14:29แม้เขาจะพูดว่า "ฉันต่อต้าน
การเลือกปฏิบัติกับผู้หญิงและเด็กหญิง" -
14:29 - 14:33แต่เขาได้ประโยชน์จากการ
อยู่ในตำแหน่งที่มีสิทธิพิเศษ -
14:33 - 14:35และมันยากมาก
ที่จะโน้มน้าวผู้ชายส่วนใหญ่ -
14:35 - 14:38ที่ควบคุมมหาวิทยาลัย
-
14:38 - 14:41ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ควบคุมระบบกองทัพ
-
14:41 - 14:44ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ควบคุมรัฐบาลในโลกนี้
-
14:44 - 14:50และผู้ชายส่วนใหญ่ที่ควบคุมศาสนาหลักๆ
-
14:50 - 14:53ดังนั้น อะไรคือเรื่องพื้นฐาน
ที่เราต้องทำในวันนี้ -
14:53 - 14:56ผมอยากบอกว่า สิ่งที่ดีที่สุด
ที่เราทำได้ในวันนี้ -
14:56 - 15:00คือขอให้ผู้หญิงในประเทศที่มีอำนาจ
-
15:00 - 15:03เช่นประเทศนี้ และประเทศบ้านเกิด
ของพวกคุณเช่นทางยุโรป -
15:03 - 15:08ผู้หญิงที่มีอิทธิพล
และมีเสรีภาพที่จะพูดและทำ -
15:08 - 15:13ต้องรับเรื่องนี้มาเป็น
หน้าที่รับผิดชอบของเรา -
15:13 - 15:16ต้องหนักแน่นในการเรียกร้อง
-
15:16 - 15:20การยุติการเลือกปฏิบัติต่อสตรีและเด็กหญิง
-
15:20 - 15:22ทั่วทั้งโลก
-
15:22 - 15:25ผู้หญิงทั่วๆ ไปในอียิปต์
-
15:25 - 15:27พูดอะไรไม่ได้มากนัก
เรื่องที่ลูกสาวของเธอ -
15:27 - 15:30ถูกขลิบอวัยวะเพศ และเรื่องอื่นๆ
-
15:30 - 15:32นี่ผมยังไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องนั้นเลยนะ
-
15:32 - 15:34แต่ผมหวังว่าจากการประชุมนี้
-
15:34 - 15:39ผู้หญิงทุกคนที่นี่
จะไปบอกสามีของคุณให้เข้าใจ -
15:39 - 15:43ถึงการกดขี่แและล่วงละเมิดเหล่านี้
ในมหาวิทยาลัย ในกองทัพ และที่อื่นๆ -
15:43 - 15:45และในตลาดแรงงานในอนาคต
-
15:45 - 15:50และต้องปกป้องลูกสาว
และหลานสาวของคุณ -
15:50 - 15:56ผมมีหลาน 12 คน ลูก 4 คน และเหลนอีก 10 คน
-
15:56 - 15:58ผมคิดถึงพวกเขาบ่อยๆ
-
15:58 - 16:01และคิดถึงสถานการณ์เลวร้าย
ที่เขาต้องเจอในอเมริกา -
16:01 - 16:04ไม่ใช่แค่ในอียิปต์หรือประเทศอื่นๆ
-
16:04 - 16:07ในเรื่องสิทธิความเท่าเทียม
-
16:07 - 16:09และผมหวังว่าพวกคุณทุกคนจะมาร่วมกับผม
-
16:09 - 16:13ในการเป็นแรงสนับสนุนให้แก่ผู้หญิง
และเด็กหญิงทั่วโลก -
16:13 - 16:14และปกป้องสิทธิมนุษยชนของพวกเธอ
-
16:14 - 16:17ขอบคุณมากครับ
-
16:17 - 16:21(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ทำไมผมจึงเชื่อว่าการกดขี่ผู้หญิงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันดับหนึ่ง
- Speaker:
- จิมมี่ คาร์เตอร์ (Jimmy Carter)
- Description:
-
ด้วยปณิธานอันแน่วแน่และเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเขา จิมมี่ คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อธิบายอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่ไม่คาดคิดสามข้อ ว่าทำไมการกดขี่ผู้หญิงและเด็กหญิงจึงยังคงอยู่ และแสดงออกในรูปแบบที่หลากหลายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา เหตุผลสุดท้ายที่เขาให้คืออะไรน่ะหรือ "โดยทั่วไปแล้ว พวกผู้ชายไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้เลย"
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 16:36