Return to Video

อีกด้านของการก่อการร้ายที่ไม่ได้พาดหัวข่าว

  • 0:01 - 0:02
    ฉันจะปกป้องคุณพ่อ
  • 0:02 - 0:05
    จากกลุ่มอิสลามติดอาวุธ
    ด้วยมีดปอกผลไม้ได้ไหม
  • 0:05 - 0:07
    นั่นเป็นคำถามที่ดิฉันได้เผชิญ
  • 0:07 - 0:09
    ในเช้าวันอังคารวันหนึ่ง เดือนมิถุนายน 1993
  • 0:09 - 0:11
    ขณะยังเป็นนักศึกษากฎหมายอยู่
  • 0:11 - 0:13
    ดิฉันตื่นขึ้นเช้าตรู่ในวันนั้น
  • 0:13 - 0:14
    ในอพาร์ทเม้นท์ของคุณพ่อ
  • 0:14 - 0:17
    แถบชานเมืองอัลเจียร์ ประเทศอัลจีเรีย
  • 0:17 - 0:20
    จากเสียงคนทุบประตูหน้าถึ่ยิบ
  • 0:20 - 0:23
    เป็นช่วงเวลา ตามที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นบอก
  • 0:23 - 0:26
    ที่ทุกวันอังคาร นักวิชาการจะถูกยิง
  • 0:26 - 0:29
    จากกระสุนของนักฆ่า
    ผู้นิยมจารีตดั้งเดิมในศาสนา
  • 0:29 - 0:31
    ก่อนหน้านี้ การสอน
    ที่มหาวิทยาลัยดาร์วินของคุณพ่อ
  • 0:31 - 0:33
    ได้ยั่วยุห้วหน้ากลุ่ม ที่เรียกกันว่า
  • 0:33 - 0:37
    แนวหน้าผู้ปลดปล่อยอิสลามิก
    มาหาพ่อถึงห้องเรียน
  • 0:37 - 0:40
    กล่าวหาว่า สนับสนุนกลุ่มอธิบายพฤติกรรม
    มนุษย์โดยใช้หลักชีววิทยา
  • 0:40 - 0:42
    ก่อนที่คุณพ่อจะไล่ชายคนนั้นออกไป
  • 0:42 - 0:44
    ตอนนั้น ใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วย
  • 0:44 - 0:47
    ก็จะไม่ระบุตัวตน หรือจะไม่หนีไปไหน
  • 0:47 - 0:50
    คุณพ่อจึงพยายามโทรศัพท์หาตำรวจ
  • 0:50 - 0:52
    แต่อาจจะเป็นเพราะกลัว จากกระแสที่เพิ่มขึ้น
  • 0:52 - 0:54
    จากพวกสุดโต่งติดอาวุธ ซึ่งได้สังหารชีวิต
  • 0:54 - 0:57
    นายตำรวจอัลจีเรียไปหลายคนแล้ว
  • 0:57 - 0:59
    พวกเขาจึงไม่ แม้แต่จะรับโทรศัพท์
  • 0:59 - 1:01
    และนั่นคือตอนที่ดิฉันเข้าไปในครัว
  • 1:01 - 1:03
    ไปเอามีดปอกผลไม้มา
  • 1:03 - 1:06
    และไปตั้งท่าอยู่ด้านในของทางเข้า
  • 1:06 - 1:07
    นั่นช่างเป็นการกระทำที่น่าตลกเสียจริงๆ
  • 1:07 - 1:09
    แต่ดิฉันคิดอย่างอื่นไม่ออกเลย
  • 1:09 - 1:12
    ฉันจึงยืนอยู่ตรงนั้นเอง
  • 1:12 - 1:14
    เมื่อมองย้อนไป ฉันคิดว่ามันเป็นชั่วขณะที่
  • 1:14 - 1:17
    ทำให้ฉันสู่เส้นทาง ของการเขียนหนังสือ ชื่อ
  • 1:17 - 1:19
    "คำตัดสินทางศาสนาของคุณ ใช้ไม่ได้ที่นี่:
  • 1:19 - 1:23
    เรื่องที่ไม่ได้บอกเล่ากัน
    จากการต่อสู้กับมุสลิมที่นิยมจารีตดั้งเดิม"
  • 1:23 - 1:26
    ชื่อเรื่องมาจากละครปากีสถาน
  • 1:26 - 1:29
    ดิฉันคิดว่าเป็นชั่วขณะนั้นเองจริงๆ
  • 1:29 - 1:31
    ที่นำดิฉันสู่การเดินทาง
  • 1:31 - 1:34
    ไปสัมภาษณ์ คนสืบเชื้อสายมุสลิม 300 คน
  • 1:34 - 1:35
    จากเกือบ 30 ประเทศ
  • 1:35 - 1:38
    จากอัฟกานิสถาน จนถึงประเทศมาลี
  • 1:38 - 1:40
    เพื่อหาวิธีต่อสู้
    ลัทธินิยมจารีตดั้งเดิมทางศาสนา
  • 1:40 - 1:42
    อย่างสันติ เหมือนกับที่คุณพ่อทำ
  • 1:42 - 1:46
    และวิธีที่จะจัดการกับความเสี่ยง
    ที่เกี่ยวข้องได้อย่างไร
  • 1:46 - 1:48
    โชคดี ย้อนหลังไปในเดือนมิถุนายน
    ของปี 1993
  • 1:48 - 1:51
    ผู้มาเยือนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครนั้น
    กลับออกไป
  • 1:51 - 1:54
    แต่ครอบครัวอื่นๆ โชคร้ายกว่านี้มาก
  • 1:54 - 1:58
    และนั่นเป็นแนวคิด ที่เป็นแรงจูงใจ
    งานวิจัยของฉัน
  • 1:58 - 2:00
    อย่างไรก็ตาม
    บางคนอาจกลับมาก็ได้
  • 2:00 - 2:01
    สองสามเดือนต่อมา และก็ทิ้งโน้ตไว้
  • 2:01 - 2:03
    บนโต๊ะในครัวของคุณพ่อ
  • 2:03 - 2:07
    แค่เขียนไว้ว่า "แกตายแน่"
  • 2:07 - 2:10
    ต่อมาภายหลัง
    กลุ่มนิยมจารีตดั้งเดิมติดอาวุธอัลจีเรีย
  • 2:10 - 2:13
    น่าจะฆ่าประชาชนไปถึง 200,000 คน
  • 2:13 - 2:14
    ในสิ่งที่ต่อมา รู้จักกันว่า
  • 2:14 - 2:17
    เป็นทศวรรษมืดยุค 1990
  • 2:17 - 2:19
    ซึ่งรวมทั้งผู้หญิงแต่ละคน
  • 2:19 - 2:22
    ที่คุณเห็นอยู่ตรงนี้
  • 2:22 - 2:25
    ในการตอบโต้อย่างแข็งกร้าว กับผู้ก่อการร้าย
  • 2:25 - 2:27
    รัฐได้หันไปใช้วิธี ทารุณกรรม
  • 2:27 - 2:29
    และการใช้กำลัง ทำให้สูญหายไป
  • 2:29 - 2:32
    และที่น่ากลัวพอๆกับ
    เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ คือ
  • 2:32 - 2:36
    สังคมระดับประเทศ ส่วนใหญ่ไม่สนใจพวกเขา
  • 2:36 - 2:40
    ในที่สุด คุณพ่อ ลูกชาวนาอัลจีเรีย
    ซึ่งกลายมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
  • 2:40 - 2:42
    ก็ถูกบังคับให้เลิกสอนที่มหาวิทยาลัย
  • 2:42 - 2:44
    และต้องหลบหนีจากอพาร์ทเม้นท์
  • 2:44 - 2:45
    แต่สิ่งที่ดิฉัน จะไม่ลืมเลย
  • 2:45 - 2:47
    เกี่ยวกับ มะฮ์ฟูด เบ็นนูน คุณพ่อดิฉัน
  • 2:47 - 2:50
    คือ ก็เหมือนๆ กับปัญญาชนอัลจีเรีย
    คนอื่นๆ อีกหลายคน
  • 2:50 - 2:52
    คุณพ่อปฏิเสธ ที่จะออกจากประเทศ
  • 2:52 - 2:55
    และยังคงพิมพ์เผยแพร่
    คำวิพากษ์วิจารณ์ตรงๆ
  • 2:55 - 2:57
    ทั้งกับพวกนิยมจารีตดั้งเดิมพวกนั้น
  • 2:57 - 3:00
    และบางครั้งกับรัฐบาล
    ที่คนพวกนั้นต่อสู้อยู่
  • 3:00 - 3:03
    ตัวอย่างเช่น ในฉบับเดือนพฤษจิกายน 1994
  • 3:03 - 3:05
    ของหนังสือพิมพ์ เอล วาทัน
  • 3:05 - 3:07
    เรื่อง "ลัทธินิยมจารีตดั้งเดิม
  • 3:07 - 3:10
    ก่อให้เกิดลัทธิการก่อการร้าย
    ซึ่งไม่เคยมีแบบอย่างมาก่อน ได้อย่างไร
  • 3:10 - 3:11
    พ่อประนามสิ่งที่พ่อเรียกว่า
  • 3:11 - 3:15
    การแตกแยกอย่างรุนแรงของผู้ก่อการร้าย
    กับศาสนาอิสลามที่แท้จริง
  • 3:15 - 3:18
    ที่บรรพบุรุษของเรา
    ปฏิบัติสืบเนื่องกันมา
  • 3:18 - 3:21
    ถ้อยคำเหล่านี้
    อาจทำให้คุณถูกฆ่าได้
  • 3:21 - 3:22
    ประเทศของคุณพ่อ ได้สอนดิฉัน
  • 3:22 - 3:25
    ในทศวรรษมืดของยุค 1990 นั้นว่า
  • 3:25 - 3:28
    การต่อต้านล้ทธินิยมจารีตดั้งเดิมมุสลิม
    ที่แพร่หลายอยู่นั้น
  • 3:28 - 3:30
    เป็นหนึ่งในการต่อสู้ ที่สำคัญที่สุด
  • 3:30 - 3:32
    เพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ถูกมองข้ามไป
  • 3:32 - 3:34
    ในโลกใบนี้
  • 3:34 - 3:38
    เรื่องนี้ยังคงเป็นจริงอยู่
    เกือบ 20 ปีต่อมาจนถึงทุกวันนี้
  • 3:38 - 3:39
    คุณคงเห็นในทุกๆ ประเทศ
  • 3:39 - 3:41
    ที่คุณได้ยินเรื่องของ พวกญิฮาดติดอาวุธ
  • 3:41 - 3:43
    พุ่งเป้าทำร้ายชาวบ้าน
  • 3:43 - 3:44
    ก็ยังมีคนที่ไม่มีอาวุธ
  • 3:44 - 3:47
    ที่ขัดขืนกองกำลังเหล่านั้น
    ที่คุณไม่ได้ยินเรื่องของพวกเขา
  • 3:47 - 3:52
    และคนเหล่านั้น จำต้องมีการสนับสนุนของเรา
    เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ
  • 3:52 - 3:54
    ในโลกตะวันตก มักจะคิดเอาเองบ่อยๆว่า
  • 3:54 - 3:57
    มุสลิมโดยทั่วไป รับได้กับการก่อการร้าย
  • 3:57 - 3:59
    ฝ่ายขวาบางคนคิดอย่างนี้
    เพราะพวกเขามอง
  • 3:59 - 4:01
    วัฒนธรรมของมุสลิมว่า
    โดยเนื้อแท้แล้วรุนแรง
  • 4:01 - 4:03
    ฝ่ายซ้ายบางคน ก็จินตนาการแบบนี้
  • 4:03 - 4:04
    เพราะว่า พวกเขามองรุนแรงของมุสลิม
  • 4:04 - 4:06
    ความรุนแรงแบบจารีตดั้งเดิม
  • 4:06 - 4:09
    ว่าเป็นผลโดยตรงจากความเดือดร้อน
    อันมีเหตุผลชอบธรรม
  • 4:09 - 4:12
    แต่ความเห็นทั้งสองนั้น ผิดทั้งหมด
  • 4:12 - 4:14
    ที่จริงแล้ว คนเชื้อสายมุสลิมมากมาย
  • 4:14 - 4:16
    ทั่วทั้งโลก เป็นฝ่ายต่อต้านอย่างแข็งขัน
  • 4:16 - 4:20
    ทั้งกับลัทธินิยมจารีตดั้งเดิม
    และกับลัทธิก่อการร้าย
  • 4:20 - 4:22
    และส่วนใหญ่ ก็ด้วยเหตุผลที่ดีมากๆ
  • 4:22 - 4:24
    คงเห็นนะคะ พวกเขาน่าจะเป็นเหยื่อ
  • 4:24 - 4:27
    ของความรุนแรงนี้
    มากกว่าผู้ก่อความรุนแรงเหล่านั้น
  • 4:27 - 4:29
    ขอยกให้เห็น เพียงหนึ่งตัวอย่าง
  • 4:29 - 4:32
    การสำรวจในปี 2009
  • 4:32 - 4:35
    โดยแหล่งข้อมูลสื่อมวลชนภาษาอาหรับ
  • 4:35 - 4:38
    ระหว่างปี 2004 และปี 2008
  • 4:38 - 4:41
    ไม่เกินร้อยละ 15 ของเหยื่ออัลกออิดะฮ์
  • 4:41 - 4:42
    เป็นชาวตะวันตก
  • 4:42 - 4:45
    นั่นเป็น การสูญเสียอย่างมหันต์ แต่ส่วนใหญ่
  • 4:45 - 4:47
    ของเหยื่อเป็นคนสืบเชื้อสายมุสลิม
  • 4:47 - 4:50
    ถูกฆ่าโดยพวกนิยมจารีตดั้งเดิมมุสลิม
  • 4:50 - 4:53
    ค่ะ ดิฉันได้พูดคุยในห้านาทีหลังนี้
  • 4:53 - 4:55
    ถึงลัทธินิยมจารีตดั้งเดิม
    และคุณมีสิทธิที่จะทราบ
  • 4:55 - 4:57
    ให้แน่ชัดว่า ดิฉันหมายถึงอะไร
  • 4:57 - 5:01
    อ้างคำจำกัดความ โดยนักสังคมวิทยาอัลจีเรีย
  • 5:01 - 5:03
    ชื่อ มารีเอเม อิลี ลูคัส
  • 5:03 - 5:05
    เธอบอกว่า ลัทธินิยมจารีตดั้งเดิมนั้น
  • 5:05 - 5:08
    สังเกตว่ามีตัวต่อท้าย "s" เช่นเดียวกับ
  • 5:08 - 5:10
    ชื่อศาสนาสำคัญทั้งหมดของโลก
  • 5:10 - 5:14
    "ลัทธินิยมจารีตดั้งเดิม เป็น การเคลื่อนไหว
    ทางการเมืองของพวกขวาจัด
  • 5:14 - 5:16
    ซึ่งในบริบทของโลกาภิวัตน์นั้น
  • 5:16 - 5:18
    เอาศาสนามาปรับเปลี่ยนเพื่อให้บรรลุ
  • 5:18 - 5:20
    จุดมุ่งหมายทางการเมืองของพวกตน"
  • 5:20 - 5:24
    ซาเดีย แอบบาส (Sadia Abbas) เรียกสิ่งนี้
    การทำให้เป็นการเมืองที่รุนแรง
  • 5:24 - 5:25
    ในเรื่องของศาสนา
  • 5:25 - 5:28
    ค่ะ ดิฉันต้องการจะเลี่ยง
    การเสนอแนวคิดที่
  • 5:28 - 5:29
    คล้ายกับว่า มีแม่พิมพ์ใหญ่
  • 5:29 - 5:33
    ที่เรียกว่า ลัทธินิยมจารีตดั้งเดิมมุสลิม
    ที่มีเหมือนๆ กันในทุกๆ ที่
  • 5:33 - 5:35
    เพราะการเคลื่อนไหวเหล่านี้
    ยังมีความหลากหลายของมันอีกด้วย
  • 5:35 - 5:38
    บางพวกก็ใช้ และสนับสนุน ความรุนแรง
  • 5:38 - 5:40
    บ้างก็ไม่ใช้
    แต่บ่อยครั้งที่มันเกี่ยวพันกัน
  • 5:40 - 5:42
    มันมีรูปแบบต่างๆ กันไป
  • 5:42 - 5:45
    บางพวกอาจจะ ไม่ใช่องค์กรของรัฐบาล
  • 5:45 - 5:47
    แม้แต่ที่นี่ ในอังกฤษ เช่น เคจพริซันเนอร์
  • 5:47 - 5:49
    บางพวกอาจกลายมาเป็น พรรคการเมือง
  • 5:49 - 5:51
    อย่างเช่น มุสลิมบราเทอร์ฮูด
  • 5:51 - 5:52
    และบางกลุ่มอาจจะติดอาวุธอย่างเปิดเผย
  • 5:52 - 5:54
    เช่น พวกตาลีบัน (Taliban)
  • 5:54 - 5:58
    แต่ไม่ว่ากรณีไหน
    ทั้งหมดนี้เป็นโครงการที่รุนแรง
  • 5:58 - 6:01
    ไม่ใช้วิธีการแบบอนุรักษ์
    หรือตามประเพณีนิยม
  • 6:01 - 6:04
    พวกเขามักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยน
    ความสัมพันธ์ของผู้คน กับศาสนาอิสลาม
  • 6:04 - 6:06
    แทนที่จะอนุรักษ์ศาสนาไว้
  • 6:06 - 6:09
    สิ่งที่ดิฉันกำลังพูดถึง คือ
    พวกมุสลิมขวาจัด
  • 6:09 - 6:11
    และข้อเท็จจริงที่ว่า พลพรรคของกลุ่มเป็น
  • 6:11 - 6:13
    พรืออ้างว่าเป็น มุสลิม
  • 6:13 - 6:14
    ไม่ได้ทำให้เขาก้าวร้าวน้อยกว่า
  • 6:14 - 6:15
    พวกขวาจัดในที่อื่นๆ
  • 6:17 - 6:18
    ฉันจึงเห็นว่า ถ้าเราพิจารณา
  • 6:18 - 6:20
    ตัวเองว่าเป็น เสรีนิยม หรือปีกซ้าย
  • 6:20 - 6:23
    ผู้รักสิทธิมนุษยชน หรือ สิทธิสตรี
  • 6:23 - 6:25
    เราก็ต้องต่อต้าน การเคลื่อนไหวเหล่านี้
  • 6:25 - 6:28
    และสนับสนุนสามัญชน ฝ่ายตรงข้ามพวกเขา
  • 6:28 - 6:29
    ค่ะ ขอให้ชัดเจนตรงนี้เลย ว่า
  • 6:29 - 6:31
    ดิฉันสนับสนุน การดิ้นรนที่ก่อให้เกิดผล
  • 6:31 - 6:33
    ต่อลัทธินิยมจารีตดั้งเดิม
  • 6:33 - 6:36
    แต่ต้องเป็นการต่อสู้
    ที่ในตัวของมันเองแล้ว
  • 6:36 - 6:38
    เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ อีกด้วย
  • 6:38 - 6:40
    สิ่งที่ฉันพูดจึงไม่มีอะไร ที่จะถือเป็น
  • 6:40 - 6:42
    เหตุผลเอามาอ้างได้ว่า เป็นการปฏิเสธ
  • 6:42 - 6:43
    ประชาธิปไตย
  • 6:43 - 6:46
    ตรงนี้ ฉันขอส่งเสียงสนับสนุน
  • 6:46 - 6:50
    เพื่อการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย
    ในอัลจีเรียวันนี้ ขอพรให้การสรรเสริญ
  • 6:50 - 6:52
    และก็ไม่มีอะไร ที่ดิฉันพูด น่าจะถูกเอาไป
  • 6:52 - 6:55
    เป็นการอ้างเหตุผล
    ของการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  • 6:55 - 6:57
    เช่น การลงโทษประหารคนจำนวนมาก
  • 6:57 - 6:59
    ที่ตัดสินกันไปแล้ว ในอียิปต์
    ตอนต้นสัปดาห์นี้
  • 6:59 - 7:01
    แต่สิ่งที่ฉันกำลังพูดคือ
  • 7:01 - 7:04
    เราต้องท้าทายการเคลื่อนไหว
    ของกลุ่มนิยมจารีตดั้งเดิมมุสลิมเหล่านี้
  • 7:04 - 7:06
    เพราะว่า พวกเขาคุกคามสิทธิมนุษยชน
  • 7:06 - 7:09
    ไปทั่วในบริบทส่วนใหญ่ของมุสลิม
  • 7:09 - 7:11
    และพวกเขากระทำสิ่งนี้
    ด้วยวิธีการหลายแบบ
  • 7:11 - 7:14
    ที่ชัดที่สุด คือการทำร้าย
    ประชาชนพลเมืองโดยตรง
  • 7:14 - 7:16
    โดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งปฏิบัติงานเหล่านั้น
  • 7:16 - 7:19
    แต่ความรุนแรงนั้น เป็นเพียงยอดภูเขานํ้าแข็ง
  • 7:19 - 7:22
    การเคลื่อนไหวเหล่านี้โดยรวม
    ทำให้เกิดการแตกแยกเลือกปฏิบัติ
  • 7:22 - 7:25
    ต่อศาสนาและรสนิยมทางเพศ
    ของคนกลุ่มน้อย
  • 7:25 - 7:28
    มันมุ่งที่จะบั่นทอน เสรีภาพทางศาสนา
  • 7:28 - 7:30
    ของทุกคน ซึ่งอาจจะปฏิบัติ
    ในแบบที่ต่างออกไป
  • 7:30 - 7:32
    หรือไม่ก็ เลือกที่จะไม่ปฏิบัติ
  • 7:32 - 7:36
    นิยามชัดเจนที่สุด คือ
    มันนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ
  • 7:36 - 7:38
    ต่อสิทธิของสตรี
  • 7:38 - 7:40
    เมื่อได้เผชิญกับการเคลื่อนไหวเหล่านี้
  • 7:40 - 7:41
    ไม่กี่ปีมานี้ วาทะกรรมตะวันตก
  • 7:41 - 7:43
    บ่อยที่สุด ให้คำตอบ
  • 7:43 - 7:45
    ที่มีช่องโหว่ สองประการ
  • 7:45 - 7:48
    ประการแรก ที่เราบางครั้งพบเห็น
    กับพวกฝ่ายขวา
  • 7:48 - 7:50
    ชี้แนะว่า มุสลิมส่วนมาก
    เป็นผู้นิยมจารีตดั้งเดิม
  • 7:50 - 7:54
    หรือบางอย่างเกี่ยวกับอิสลาม เนื้อแท้แล้ว
    ยึดถือหลักความเชื่อดั้งเดิม
  • 7:54 - 7:57
    นี่เป็นความคิดอันก้าวร้าวและผิด
  • 7:57 - 7:59
    แต่ก็โชคร้าย ทางพวกฝ่ายซ้าย
    บางครั้งเราก็พบ
  • 7:59 - 8:01
    วาทะกรรม
    ที่ถูกต้องเชิงการเมืองจนเกินไป
  • 8:01 - 8:05
    จนต้องยอมรับปัญหาทุกอย่าง
    ของลัทธินิยมจารีตดั้งเดิมมุสลิม
  • 8:05 - 8:08
    หรือยิ่งแย่กว่านั้น
    คือกลับต้องขอโทษเสียด้วยซํ้า
  • 8:08 - 8:10
    และสิ่งนี้ก็ยอมรับไม่ได้ เช่นกัน
  • 8:10 - 8:12
    ดังนั้น สิ่งที่ฉันแสวงหาจึงเป็น
    วิธีการใหม่
  • 8:12 - 8:14
    ในการพูดคุยกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด
  • 8:14 - 8:17
    ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนประสบการณ์ชีวิตจริง
  • 8:17 - 8:20
    และความหวังของผู้คนที่อยู่แนวหน้า
  • 8:20 - 8:22
    ฉันทราบอย่างเจ็บปวดว่า ได้มี
  • 8:22 - 8:25
    การเลือกปฏิบัติต่อมุสลิม เพิ่มมากขึ้น
    ในไม่กี่ปีมานี้
  • 8:25 - 8:28
    ในประเทศ เช่น อังกฤษ และสหรัฐฯ
  • 8:28 - 8:31
    และนั่นก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงใย
    อย่างยิ่งด้วย
  • 8:31 - 8:32
    แต่ฉันเชื่ออย่างมั่นคง
  • 8:32 - 8:35
    ว่า การบอกเล่าเรื่องราว
    ที่ต่างจากมุมมองโดยทั่วไป
  • 8:35 - 8:36
    เกี่ยวกับคนเชื้อสายมุสลิม
  • 8:36 - 8:38
    ที่ได้เคยเผชิญกับพวกที่นิยมจารีตดั้งเดิม
  • 8:38 - 8:40
    และเป็นเหยื่อกลุ่มหลักของคนเหล่านั้น
  • 8:40 - 8:45
    เป็นวิธีสำคัญ ในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติ
  • 8:45 - 8:47
    ดิฉันจึงขอแนะนำท่าน ให้รู้จัก
  • 8:47 - 8:48
    คนสี่คน ซึ่งเรื่องของพวกเขานั้น
  • 8:48 - 8:52
    ดิฉันได้รับเกียรติยิ่งใหญ่
    ที่นำมาเล่าให้ฟัง
  • 8:52 - 8:54
    ไฟซาน เพียร์ซาดา และโรงละครราฟิเพียร์
  • 8:54 - 8:56
    โรงละคร ที่ตั้งชื่อเป็นเกียรติ
    แก่พ่อของเขา
  • 8:56 - 8:58
    ได้ส่งเสริมศิลปะการแสดง มานานหลายปี
  • 8:58 - 9:00
    ในปากีสถาน
  • 9:00 - 9:01
    เมื่อความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
  • 9:01 - 9:03
    พวกเขาก็เริ่มได้รับคำขู่
  • 9:03 - 9:06
    ให้เลิกล้มงานแสดง ซึ่งพวกเขาก็ไม่เอาใจใส่
  • 9:06 - 9:09
    จึงมีระเบิดขึ้นในงานปี 2008
  • 9:09 - 9:12
    งานศิลปะการแสดงโลกครั้งที่แปด ที่ลาฮอร์
  • 9:12 - 9:14
    ทำให้กระจกแตกลงมาราวกับฝน
  • 9:14 - 9:15
    ลงมาที่สถานที่จัดงาน
  • 9:15 - 9:17
    ทำให้คนบาดเจ็บไปเก้าคน
  • 9:17 - 9:19
    และต่อมา ตอนกลางคืนวันเดียวกัน
  • 9:19 - 9:22
    ตระกูลเพียร์ซาดาส
    ต้องตัดสินใจที่ยากเย็นมากๆ
  • 9:22 - 9:24
    โดยประกาศว่า งานเทศกาลของพวกเขานั้น
  • 9:24 - 9:27
    ยังคงมีต่อไปในวันรุ่งขี้น
    ตามที่ได้วางแผนไว้
  • 9:27 - 9:28
    ตามที่ไฟซานได้พูดในเวลานั้น
  • 9:28 - 9:30
    ว่า ถ้าเราก้มหัวให้กับกลุ่มอิสลามิก
  • 9:30 - 9:33
    เราก็เหมือนกับว่า กำลังนั่งอยู่ในมุมมืด
  • 9:33 - 9:35
    แต่เขาไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นอีก
  • 9:35 - 9:38
    จะมีใครมางานหรือไม่?
  • 9:38 - 9:40
    จริงๆ แล้ว คนจำนวนมากมางาน ในวันรุ่งขึ้น
  • 9:40 - 9:43
    เพื่อสนับสนุนงานศิลปะการแสดงในเมืองลาฮอร์
  • 9:43 - 9:45
    เรื่องนี้ในเวลาเดียวกัน ทำให้ไฟซาน
  • 9:45 - 9:47
    ทั้งตื่นเต้นและกลัว
  • 9:47 - 9:48
    และเขาวิ่งไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง
  • 9:48 - 9:50
    ที่เข้ามาในงาน พร้อมกับเด็กเล็กๆ สองคน
  • 9:50 - 9:53
    พูดว่า "คุณรู้ใช่ไหมว่ามีระเบิดที่นี่เมื่อวาน
  • 9:53 - 9:56
    และคุณรู้ใช่ไหมว่าวันนี้ก็มีคำขู่ด้วย"
  • 9:56 - 9:58
    เธอบอกว่า "ฉันทราบเรื่องนั้นค่ะ
  • 9:58 - 9:59
    แต่ฉันมาที่งานเทศกาลของคุณ
  • 9:59 - 10:02
    กับแม่เมื่อตอนฉันอายุเท่าพวกเขาตอนนี้
  • 10:02 - 10:05
    และฉันก็ยังคงเห็นภาพเหล่านั้น ติดอยู่ในใจ
  • 10:05 - 10:07
    เราจึงต้องมาที่นี่กัน"
  • 10:07 - 10:09
    กับผู้ชมที่กล้าไม่ย่อท้อ เช่นนี้
  • 10:09 - 10:10
    ตระกูลเพียร์ซาดาส จึงสามารถทำให้
  • 10:10 - 10:13
    งานเทศกาลของพวกเขา
    จบลงได้ตามกำหนดการ
  • 10:13 - 10:14
    แล้วในปีถัดมา
  • 10:14 - 10:16
    พวกเขาสูญเสียผู้สนับสนุนรายการ
    ทั้งหมดไป
  • 10:16 - 10:18
    เนื่องมาจาก ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
  • 10:18 - 10:21
    ดังนั้น เมื่อดิฉันพบพวกเขาในปี 2010
  • 10:21 - 10:23
    พวกเขาอยู่ระหว่างงานครั้งต่อมา
  • 10:23 - 10:26
    ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขาสามารถจัดงาน
    ในสถานที่เดิมได้
  • 10:26 - 10:29
    และครั้งนี้เป็นเทศกาล
    ศิลปะการแสดงเยาวชนครั้งที่ห้า
  • 10:29 - 10:32
    จัดขึ้นในเมืองลาฮอร์ ในปีที่เมืองนี้
  • 10:32 - 10:36
    ได้ประสบการจู่โจมก่อการร้าย
    มาแล้ว 44 ครั้ง
  • 10:36 - 10:38
    เป็นช่วงเวลาที่ เมื่อ กลุ่มตาลีบันในปากีสถาน
  • 10:38 - 10:40
    ได้เริ่มต้นเล็งเป้าหมายอย่างเป็นระบบ
  • 10:40 - 10:42
    มาที่โรงเรียนสตรี ซึ่งมาสิ้นสุดลงที่
  • 10:42 - 10:45
    การทำร้าย มาลาลา ยูซัฟซาย
  • 10:45 - 10:50
    เพียร์เซดาสทำอะไร
    ในสภาพแวดล้อมนั้น?
  • 10:50 - 10:53
    พวกเขาจัดแสดงละครเวทีโรงเรียนสตรี
  • 10:53 - 10:55
    ดิฉันจึงได้สิทธิพิเศษเข้าชม "แนงวัล"
  • 10:55 - 10:58
    ซึ่งเป็นละครเพลง ในภาษาปัญจาบ
  • 10:58 - 11:00
    และเด็กหญิงของโรงเรียนมัธยมลาฮอร์
  • 11:00 - 11:02
    แสดงในทุกๆ บททุกตอน
  • 11:02 - 11:03
    พวกเธอร้องเพลงและเต้นรำ
  • 11:03 - 11:05
    เล่นเป็นตัวหนู และกระบือ
  • 11:05 - 11:08
    และดิฉันหายใจไม่เต็มปอด, สงสัยอยู่ว่า
  • 11:08 - 11:09
    เราจะไปได้จนถึงตอนจบ
  • 11:09 - 11:12
    ของการแสดงที่น่าอัศจรรย์ใจนี้ไหม?
  • 11:12 - 11:14
    และเมื่อถึงตอนจบ ผู้ชมทั้งหมด
  • 11:14 - 11:16
    ก็ถอนหายใจพร้อมกัน
  • 11:16 - 11:18
    มีบางคนถึงกับร้องไห้
  • 11:18 - 11:21
    แล้วพวกเขาก็ทำให้ห้องประชุมนั้น เต็มไปด้วย
  • 11:21 - 11:23
    เสียงเสียงปรบมือที่ดังสนั่นอย่างเป็นสุข
  • 11:23 - 11:26
    และดิฉันในชั่วขณะนั้น จำได้ว่าคิดถึง
  • 11:26 - 11:29
    ว่า มือระเบิดทำให้ที่นี่ขึ้นพาดหัวข่าว
  • 11:29 - 11:31
    เมื่อสองปีก่อน
  • 11:31 - 11:33
    แต่ในคืนนี้และผู้คนเหล่านี้
  • 11:33 - 11:36
    ก็เป็นเรื่องราวที่สำคัญ เช่นเดียวกัน
  • 11:38 - 11:41
    มาเรีย บาเชียร์ เป็นผู้หญิงคนแรก
    และเพียงคนเดียว
  • 11:41 - 11:44
    ที่เป็นอัยการสูงสุด ในอัฟกานิสถาน
  • 11:44 - 11:46
    เธออยู่ในตำแหน่งนี้ มาตั้งแต่ 2008
  • 11:46 - 11:48
    และจริงๆ ก็ได้เปิดสำนักงานขึ้น
    เพื่อตรวจสอบ
  • 11:48 - 11:50
    กรณีความรุนแรงต่อผู้หญิง
  • 11:50 - 11:53
    ซึ่งเธอบอกว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
  • 11:53 - 11:54
    ในหน้าที่ของเธอ
  • 11:54 - 11:57
    เมื่อดิฉันพบเธอในสำนักงานของเธอ
    ในเมืองเฮรัท
  • 11:57 - 11:59
    เธอเข้ามา ล้อมรอบไปด้วย
  • 11:59 - 12:02
    ชายร่างใหญ่สี่คน พร้อมกับปืนกระบอกโต
  • 12:02 - 12:05
    จริงๆแล้ว ปัจจุบันเธอมีผู้คุ้มกัน 23 คน
  • 12:05 - 12:07
    เพราะเธอรอดพ้นการปาระเบิดใส่
  • 12:07 - 12:09
    ซึ่งเกือบจะฆ่าลูกๆ ของเธอ
  • 12:09 - 12:12
    และทำให้คนคุ้มกันขาขาดไปข้างหนึ่ง
  • 12:12 - 12:14
    แล้วทำไมเธอยังคงทำงานต่อไปอีก?
  • 12:14 - 12:17
    เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า นั่นเป็นคำถาม
  • 12:17 - 12:19
    ที่ทุกคนถามเธอ--
  • 12:19 - 12:23
    ตามคำพูดของเธอ "ทำไมคุณจึงเสี่ยง
    ที่จะไม่ดำรงชีวิตอยู่เล่า?"
  • 12:23 - 12:24
    และมันก็แค่นั้นเอง สำหรับเธอ
  • 12:24 - 12:28
    อนาคตที่ดีกว่า สำหรับมาเรีย บาเชียร์
    ทั้งหมด ที่จะมีต่อมาในวันหน้า
  • 12:28 - 12:29
    ก็คุ้มค่าแล้ว สำหรับความเสี่ยง
  • 12:29 - 12:31
    และเธอรู้ว่า ถ้าหากคนอย่างเช่นเธอ
  • 12:31 - 12:33
    ไม่กล้าเสี่ยง
  • 12:33 - 12:35
    ก็จะไม่มีอนาคตที่ดีกว่านี้
  • 12:35 - 12:37
    ต่อมาในการสัมภาษณ์ของเรา
  • 12:37 - 12:39
    อัยการ บาเชียร์ บอกให้ทราบ
    ถึงความห่วงใยของเธอ
  • 12:39 - 12:41
    เกี่ยวกับผลที่อาจเป็นไปได้
  • 12:41 - 12:43
    จากการเจรจาต่อรอง
    ของรัฐบาลกับกลุ่มตาลีบัน
  • 12:43 - 12:46
    ซึ่งเป็นพวกที่พยายามจะฆ่าเธออยู่
  • 12:46 - 12:47
    "ถ้าเราให้ตำแหน่งพวกเขา ในรัฐบาล"
  • 12:47 - 12:51
    เธอตั้งคำถาม
    "แล้วใครเล่าจะปกป้องสิทธิสตรี"
  • 12:51 - 12:53
    และเธอเร่งเร้าให้สังคมนานาชาติ
  • 12:53 - 12:56
    อย่าลืมคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับสตรี
  • 12:56 - 12:59
    เพราะขณะนี้พวกเขาต้องการสันติภาพ
    กับตาลีบัน
  • 12:59 - 13:02
    สองสามสัปดาห์ หลังจากฉันออกจากอัฟกานิสถาน
  • 13:02 - 13:04
    ดิฉันเห็นหัวข่าวในอินเทอร์เน็ต
  • 13:04 - 13:08
    อัยการชาวอัฟกันคนหนึ่งถูกลอบฆ่า
  • 13:08 - 13:10
    ดิฉันค้นหาในกูเกิลอย่างสิ้นหวัง
  • 13:10 - 13:12
    และขอบคุณที่ว่า ในวันนั้นฉันพบ
  • 13:12 - 13:14
    ว่ามาเรียไม่ได้เป็นเหยื่อคนนั้น
  • 13:14 - 13:16
    แม้จะเศร้าใจว่า อัยการอัฟกันอีกคนหนึ่ง
  • 13:16 - 13:18
    ถูกยิงตาย ขณะกำลังเดินทางไปทำงาน
  • 13:18 - 13:21
    เมื่อดิฉันได้ยินหัวข่าวแบบนั้นอีก ในขณะนี้
  • 13:21 - 13:23
    ก็คิดว่า เมื่อกองกำลังนานาชาติ
  • 13:23 - 13:27
    ถอนกำลังจากอัฟกานิสถานในปีนี้ และในอนาคต
  • 13:27 - 13:28
    เรายังคงต้องดูแลเอาใจใส่ เกี่ยวกับ
  • 13:28 - 13:30
    สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้คนที่นั่น
  • 13:30 - 13:33
    ที่จะเกิดกับ มาเรีย บาเชียร์ ทั้งหลาย
  • 13:33 - 13:35
    บางครั้งดิฉันยังคงได้ยินเสียงเธอ ในหัวสมอง
  • 13:35 - 13:39
    บอกว่า ถ้าไม่มีความอวดกล้า หรืออะไรก็ตาม
  • 13:39 - 13:41
    "สถานการณ์ของผู้หญิงอัฟกานิสถาน
  • 13:41 - 13:43
    จะดีขึ้น ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
  • 13:43 - 13:45
    เราควรเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับเรื่องนี้
  • 13:45 - 13:48
    แม้ว่าเราจะถูกฆ่าตายก็ตาม"
  • 13:50 - 13:52
    ไม่มีคำใดที่เหมาะสม
  • 13:52 - 13:53
    ที่จะประนาม พวกก่อการร้ายอัลชาบาบ
  • 13:53 - 13:56
    ที่ได้เข้าจู่โจม เวสท์เกทมอล
    ในประเทศไนโรบี
  • 13:56 - 13:59
    ในวันเดียวกับที่
    มีการแข่งขันทำอาหารของเด็กๆ
  • 13:59 - 14:02
    ในเดือนกันยายน 2013
  • 14:02 - 14:06
    ฆ่าคนไป 67 คน รวมทั้งนักกวี และหญิงมีครรภ์
  • 14:06 - 14:08
    ไกลออกไปในตะวันตกตอนกลาง
    ของอเมริกา
  • 14:08 - 14:11
    ดิฉันโชคดีที่ได้พบ
    คนอเมริกันเชื้อสายโซมาลี
  • 14:11 - 14:13
    กำลังทำงานเพื่อต่อต้าน
    ความพยายามของ อัล ชาบาบ
  • 14:13 - 14:16
    ในการระดมเด็กหนุ่มสาว
    จำนวนไม่มากนัก
  • 14:16 - 14:18
    จากเมืองมินนีแอโพลิส
  • 14:18 - 14:21
    เพื่อเข้าไปร่วมในการกระทำที่ชั่วร้าย
    เช่นที่ เวสท์เกท
  • 14:21 - 14:23
    หลานชายที่ขยันเรียนของ อับดิริสัค บิฮิ
  • 14:23 - 14:26
    อายุ 17 ชื่อ เบอร์ฮาน ฮัสซัน
  • 14:26 - 14:29
    ถูกเกณฑ์ไปที่นี่ ในปี 2008
  • 14:29 - 14:31
    โดยความมุ่งมั่นต่อประเทศโซมาเลีย
  • 14:31 - 14:34
    แล้วก็ถูกฆ่าตาย
    เมื่อเขาพยายามจะกลับบ้าน
  • 14:34 - 14:36
    แต่นั้นมา คุณบิฮิ
  • 14:36 - 14:40
    ซึ่งจัดการศูนย์การศึกษาและสนับสนุน
    โซมาเลีย โดยไม่ใช้งบประมาณ
  • 14:40 - 14:42
    ได้พูดกล่าวประนาม การระดมคนที่ว่านั่น
  • 14:42 - 14:44
    และความล้มเหลวของรัฐบาล
  • 14:44 - 14:46
    และสถาบันโซมาลี-อเมริกันหลายแห่ง
  • 14:46 - 14:49
    เช่น ศูนย์กลางอิสลามอบูบาการ์
    แอส-แซดดิข์
  • 14:49 - 14:52
    ที่เขาเชื่อว่า หลานชายกลายเป็นคน
    หัวรุนแรง
  • 14:52 - 14:54
    ระหว่างเข้าโครงการเยาวชน
  • 14:54 - 14:56
    แต่เขาไม่เพียงวิพากษ์วิจารณ์มัสยิดเท่านั้น
  • 14:56 - 14:57
    เขายังเข้าไปสู้กับรัฐบาล เรื่อง
  • 14:57 - 14:59
    ความล้มเหลวของรัฐ
    ที่ไม่ทำมากกว่านี้
  • 14:59 - 15:02
    เพื่อสกัดกั้นความยากจน ในชุมชนของเขา
  • 15:02 - 15:04
    เนื่องจากขาดแหล่งเงินทุน
  • 15:04 - 15:06
    คุณบิฮิจำต้องคิดอย่างสร้างสรรค์
  • 15:06 - 15:08
    เพื่อจะต่อต้านความพยายามของ อัล ชีบาบ
  • 15:08 - 15:11
    ที่จะครอบงำเยาวชนที่ไม่พึงพอใจ
    ให้เพิ่มจำนวนขึ้น
  • 15:11 - 15:13
    หลังการโจมตีของกลุ่มในปี 2010
  • 15:13 - 15:16
    ต่อผู้เข้าชมการแข่งชิงแชมป์โลกที่อูกันดา
  • 15:16 - 15:19
    เขาจึงจัดการแข่งขัน
    บาลเกตบอลรอมฎอนขึ้น
  • 15:19 - 15:21
    ในเมืองมินนีแอโพลิส เพื่อตอบโต้
  • 15:21 - 15:24
    เด็กอเมริกันเชื้อสายโซมาเลีย
    มากมาย ได้ออกมา
  • 15:24 - 15:26
    อ้าแขนรับกีฬา
  • 15:26 - 15:28
    แม้ว่าข้อตัดสินทางศาสนา
    จะต่อต้านเรื่องนี้
  • 15:28 - 15:30
    พวกเขาเล่นบาสเกตบอล
  • 15:30 - 15:34
    ที่ เบอร์ฮาน ฮัสซัน ไม่ได้เล่นอีกแล้ว
  • 15:34 - 15:36
    ในความพยายามครั้งนี้ของเขา
    คุณบิฮิ ถูกตัดขาด
  • 15:36 - 15:39
    โดยผู้นำของศูนย์กลางอิสลาม
    อบูบาการ์ แอส-แซดดิข์
  • 15:39 - 15:42
    ซึ่งแต่ก่อนก็เคยมี
    ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
  • 15:42 - 15:44
    เขาบอกฉันว่า "วันหนึ่งเราเห็นอิหม่ามในทีวี
  • 15:44 - 15:46
    เรียกพวกเราว่า พวกนอกศาสนา และก็บอกว่า
  • 15:46 - 15:50
    'ครอบครัวพวกนี้ กำลังพยายามทำลายมัสยิด'"
  • 15:50 - 15:51
    เรื่องนี้ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิง
  • 15:51 - 15:54
    กับสิ่งที่อับดิริสัค บิฮิ ก็รู้อยู่ว่า
  • 15:54 - 15:56
    เขากำลังพยายามทำอะไร
  • 15:56 - 15:58
    โดยการเปิดโปงการเกณฑ์คน
    เข้าไปร่วมกับ อัล ชีบาบ
  • 15:58 - 16:00
    ซึ่งก็คือ การรักษาศาสนาที่ดิฉันรักเอาไว้
  • 16:00 - 16:04
    จากพวกหัวรุนแรงจำนวนไม่มาก
  • 16:05 - 16:07
    ค่ะ ดิฉันขอเล่าเรื่องสุดท้าย
  • 16:07 - 16:11
    ซึ่งเป็นเรื่องของนักศึกษากฎหมาย
    อายุ 22 ปี ในอัลจี่รีย
  • 16:11 - 16:12
    ชื่อ เอเมล ซีโนเน-โซอะเน
  • 16:12 - 16:14
    ซึ่งมีความใฝ่ฝันในอาชีพกฎหมาย
  • 16:14 - 16:17
    เช่นเดียวที่ดิฉันมี
    ย้อนไปในยุค 90
  • 16:17 - 16:19
    เธอไม่ยอมเลิกเรียนหนังสือ
  • 16:19 - 16:21
    แม้ความจริงที่ว่า พวกนิยมจารึตดั้งเดิม
  • 16:21 - 16:23
    ที่กำลังสู้รบกับรัฐบาลอัลจีเรียในตอนนั้น
  • 16:23 - 16:27
    ได้ขู่คุกคามทุกคน ที่ยังคงศึกษาอยู่
  • 16:27 - 16:31
    ในวันที่ 26 มกราคม 1997
    เอเมลขึ้นรถเมล์
  • 16:31 - 16:33
    ในเมืองแอลเจียร์ ที่เธอกำลังศึกษาอยู่
  • 16:33 - 16:35
    เพื่อจะกลับบ้าน
    และใช้เวลาคํ่าคืนของรอมฎอน
  • 16:35 - 16:37
    กับครอบครัวของเธอ
  • 16:37 - 16:39
    และเธอจะไม่มีโอกาสสำเร็จวิชากฎหมาย
  • 16:39 - 16:41
    เมื่อรถเมล์มาถึงชานเมือง
  • 16:41 - 16:43
    บ้านเกิดของเธอ, มันก็ต้องหยุด
  • 16:43 - 16:45
    ที่จุดตรวจหนึ่ง มีคนถืออาวุธประจำการอยู่
  • 16:45 - 16:47
    จากกลุ่มอิสลามติดอาวุธ
  • 16:47 - 16:49
    มือถือกระเป๋านักเรียนอยู่
  • 16:49 - 16:51
    เอเมลก็ถูกนำตัวลงจากรถ
  • 16:51 - 16:53
    และถูกฆ่าตายบนถนน
  • 16:53 - 16:54
    ผู้ชายที่เชือดคอเธอ
  • 16:54 - 16:56
    ก็บอกกับคนอื่นๆว่า
  • 16:56 - 16:58
    "ถ้าเธอยังไปมหาวิทยาลัย
  • 16:58 - 17:01
    ก็จะมีวันหนึ่ง ที่เราจะฆ่าพวกเธอทุกๆคน
  • 17:01 - 17:04
    เหมือนอย่างนี้แหละ"
  • 17:04 - 17:07
    เอเมลตายเมื่อเวลา 17.17 น. พอดี
  • 17:07 - 17:10
    ที่เรารู้ก็เพราะว่า เมื่อเธอล้มลงบนถนน
  • 17:10 - 17:11
    นาฬิกาของเธอก็พัง
  • 17:11 - 17:13
    แม่ของเธอเอานาฬิกามาให้ดู
  • 17:13 - 17:15
    เข็มวินาทียังคงชี้ขึ้น
  • 17:15 - 17:16
    เหมือนมองเหตุการณ์ไปในทางที่ดี
  • 17:16 - 17:20
    ไปยัง 17:18 น. ซึ่งจะไม่มีวันมาถึง
  • 17:20 - 17:21
    ไม่นานก่อนเธอเสียชีวิต
  • 17:21 - 17:23
    เอเมลได้พูดกับแม่ เกี่ยวกับตัวเธอเอง
  • 17:23 - 17:24
    และพี่น้องผู้หญิงของเธอว่า
  • 17:24 - 17:28
    "จะไม่มีอะไรเกิดกับเราหรอก
    อินชาอัลเลาะห์ พระเจ้าทรงโปรด
  • 17:28 - 17:30
    แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น
  • 17:30 - 17:33
    พวกเธอต้องรู้ว่า เราตายเพื่อความรู้
  • 17:33 - 17:37
    พวกเธอและพ่อ ต้องตั้งความหวังให้สูงไว้"
  • 17:37 - 17:41
    การเสียเด็กสาวแบบนี้
    ลํ้าลึกยากที่จะหยั่งถึง
  • 17:41 - 17:43
    ดังนั้น เมื่อดิฉันทำการวิจัย
  • 17:43 - 17:46
    พบว่าตัวเองกำลังค้นหา
    "ความหวัง" ของเอเมล ซํ้าอีก
  • 17:46 - 17:49
    แม้ชื่อของเธอในภาษาอาหรับ
    ก็ยังแปลว่า "ความหวัง"
  • 17:49 - 17:52
    ดิฉันคิดว่าได้พบมันแล้ว ในสองแห่ง
  • 17:52 - 17:54
    แห่งแรก คือ ความแข็งแกร่งของครอบครัวเธอ
  • 17:54 - 17:58
    และ ครอบครัวอื่นๆทั้งหมด
    ที่ยังคงเล่าขานเรื่องราวของพวกเขา
  • 17:58 - 18:01
    และดำเนินชิวิตต่อไป
    แม้จะมีลัทธิก่อการร้าย
  • 18:01 - 18:04
    จริงๆ แล้ว น้องสาวเอเมล ลาเมีย
    เอาชนะความโศรกเศร้าได้
  • 18:04 - 18:05
    เข้าเรียนกฎหมายในมหาวิทยาลัย
  • 18:05 - 18:08
    และประกอบอาชีพทนายความ
    ในเมืองแอลเจียร์ ในปัจจุบัน
  • 18:08 - 18:10
    เป็นบางอย่าง ที่เป็นไปได้
  • 18:10 - 18:11
    เพราะพวกนิยมจารึตดั้งเดิม
  • 18:11 - 18:14
    ที่ติดอาวุธ ส่วนใหญ่พ่ายแพ้ไปแล้ว
    ในประเทศนั้น
  • 18:14 - 18:17
    แห่งที่สอง ที่ดิฉันพบความหวังของเอเมล
  • 18:17 - 18:19
    คือ ทุกๆ แห่งที่ผู้หญิง และผู้ชาย
  • 18:19 - 18:22
    ยังคงขัดขืนพวกญิฮาด
  • 18:22 - 18:25
    เราต้องสนับสนุนคนเหล่านั้นทั้งหมด
    ก็เพื่อเป็นเกียรติแก่เอเมล
  • 18:25 - 18:28
    ที่ยังคงดิ้นรนต่อสู้
    เพื่อสิทธิมนุษยชนในทุกวันนี้
  • 18:28 - 18:32
    เช่น เครือช่ายผู้หญิง
    ที่อยู่ภายใต้กฏหมายมุสลิม
  • 18:32 - 18:34
    ยังไม่พอ ตามที่ผู้สนับสนุน
    ในเรื่องสิทธิของเหยื่อ
  • 18:34 - 18:36
    เชริฟะ เคดดา บอกกับฉันในเมืองแอลเจียร์
  • 18:36 - 18:39
    แค่สู้รบกับการก่อการร้าย เท่านี้ยังไม่พอ
  • 18:39 - 18:42
    พวกเรายังต้องท้าทาย
    ลัทธินิยมจารีตดั้งเดิมอีกด้วย
  • 18:42 - 18:44
    เพราะลัทธินิยมจารีตดั้งเดิมนั้น
    เป็นอุดมการณ์
  • 18:44 - 18:47
    ที่เป็นรากฐานของลัทธิก่อการร้ายนี้
  • 18:47 - 18:50
    ทำไมผู้คนอย่างเช่นเธอนั้น
    อย่างเช่น พวกเขาทั้งหมดนั้น
  • 18:50 - 18:52
    ไม่เป็นที่รู้จักกันมากกว่านี้
  • 18:52 - 18:55
    ทำไมทุกคนรู้ว่า โอซามา บิน ลาเด็น เป็นใคร
  • 18:55 - 18:57
    แต่คนน้อยมาก รู้เรื่องของคนทั้งหมดนั้น
  • 18:57 - 19:01
    ที่ต่อต้านพวกบิน ลาเด็น ในแบบของพวกเขาเอง
  • 19:01 - 19:03
    เราต้องเปลี่ยนสิ่งนี้
    ดิฉันจึงขอร้องท่าน
  • 19:03 - 19:05
    กรุณาช่วยกันเผยแพร่เรื่องราวเหล่านี้
  • 19:05 - 19:07
    ผ่านทางเครือข่ายของท่าน
  • 19:07 - 19:09
    มาดูนาฬิกาของเอเมล ซีโนเน อีกสักครั้งสิคะ
  • 19:09 - 19:11
    นิ่งไม่ขยับไปไหน ตลอดกาล
  • 19:11 - 19:13
    และตอนนี้ กรุณาดูที่นาฬิกาของคุณเอง
  • 19:13 - 19:16
    และตัดสินใจว่า ขณะนี้คุณได้ตั้งมั่นไว้ว่า
  • 19:16 - 19:18
    จะสนับสนุนคน อย่างเช่น เอเมล
  • 19:18 - 19:20
    เราไม่มีสิทธิที่จะไม่ปริปาก
    เรื่องเกี่ยวกับพวกเขา
  • 19:20 - 19:22
    เพราะมันเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า
  • 19:22 - 19:25
    หรือ เพราะนโยบายของตะวันตก
    ก็มีมลทิน เช่นกัน
  • 19:25 - 19:27
    เพราะว่า 17:17 น. ก็ยังคงมาสู่
  • 19:27 - 19:29
    เอเมล ซีโนเน อีกมากมายหลายคนนัก
  • 19:29 - 19:31
    ในที่ต่างๆ อย่างเช่น ไนจีเรียตอนเหนือ
  • 19:31 - 19:33
    ที่ซึ่งพวกญิฮาด ยังคงฆ่านักศึกษาอยู่
  • 19:33 - 19:37
    เวลาที่จะส่งเสียงให้ดังขึ้น
    เพื่อสนับสนุนคนเหล่านั้นทุกคน
  • 19:37 - 19:39
    ผู้ท้าทายลัทธินิยมจารีตดั้งเดิม
  • 19:39 - 19:42
    และลัทธิก่อการร้ายในชุมชนพวกเขาเอง
    อย่างสงบ
  • 19:42 - 19:43
    คือ เวลานี้
  • 19:43 - 19:46
    ขอบคุณค่ะ
  • 19:46 - 19:48
    (เสียงปรบมือ)
Title:
อีกด้านของการก่อการร้ายที่ไม่ได้พาดหัวข่าว
Speaker:
การีมา เบ็นโนเน
Description:

การีมา เบ็นโนเน บอกเล่าเรื่องราว 4 เรื่อง ที่เต็มไปด้วยพลัง เรื่องของคนที่มีตัวตนจริง ที่ต่อสู้กับพวกที่นิยมลัทธิศาสนาดั้งเดิมในชุมชนของพวกเขาเอง -- ปฏิเสธที่จะยอมให้ความศรัทธาทางศาสนาที่พวกเขารัก กลายเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม การจู่โจมทำร้าย และการฆาตกรรม เรื่องราวของบุคคลเหล่านี้ ทำให้เห็นความเป็นมนุษย์ ในการดิ้นรนต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่ถูกมองข้ามไปอย่างมากที่สุดในโลกนี้

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
20:05

Thai subtitles

Revisions