ความลับที่ดำมืดของรัฐที่สอดแนมประชาชน
-
0:01 - 0:02ปีนี้ เยอรมัน กำลังเฉลิมฉลอง
-
0:02 - 0:06ครบรอบปีที่ 25 ของการปฏิวัติอย่างสันติ
-
0:06 - 0:07ในเยอรมันตะวันออก
-
0:07 - 0:12ในปี 1989 ระบอบคอมมิวนิสต์ ถูกขจัดออกไป
-
0:12 - 0:15กำแพงเบอร์ลินถูกพังลงมา และหนึ่งปีต่อมา
-
0:15 - 0:19สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน หรือ จีดีอาร์
-
0:19 - 0:21ในฝั่งตะวันออกได้รวมกัน
-
0:21 - 0:24กับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันในฝั่งตะวันตก
-
0:24 - 0:27ก่อตั้งเป็นประเทศเยอรมันในปัจจุบัน
-
0:27 - 0:31ในบรรดาสมบัติหลายๆ อย่าง
ที่ประเทศเยอรมันนีได้รับมรดกตกทอดมา -
0:31 - 0:35มีเอกสารสำคัญของตำรวจลับ
เยอรมันตะวันออก -
0:35 - 0:38ที่รู้จักกันในนาม สตาซิ (Stasi)
-
0:38 - 0:41เพียงสองปีหลังการสลายตัว
ของหน่วยงานนี้ -
0:41 - 0:45เอกสารของหน่วยงาน
ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ -
0:45 - 0:47และนักประวัติศาสตร์ เช่นผม
-
0:47 - 0:49ก็เริ่มต้นศึกษาเอกสารเหล่านี้
-
0:49 - 0:54เพื่อเรียนรู้เพิ่มขึ้นว่า
หน่วยสอดแนมจีดีอาร์ของรัฐ -
0:54 - 0:56ทำงานอย่างไร
-
0:56 - 0:58คุณอาจจะเคยได้ชมภาพยนต์ เรื่อง
-
0:58 - 1:00"วิกฤติรักแดนเบอร์ลิน"
(The Lives of Others) -
1:00 - 1:05ภาพยนต์เรื่องนี้ ทำให้สตาซิ
เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก -
1:05 - 1:08และเพราะเราอยู่ในยุคที่ ถ้อยคำ
-
1:08 - 1:11เช่น "การสอดแนม" หรือ
"การดักฟังโทรศัพท์" -
1:11 - 1:14อยู่บนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์
-
1:14 - 1:17ผมอยากจะพูดเรื่อง หน่วยสตาซิ
-
1:17 - 1:19ว่าจริงๆ แล้ว ทำงานอย่างไร
-
1:19 - 1:22เริ่มต้นโดย เรามาดูกันสั้นๆ
-
1:22 - 1:24เรื่องประวัติของสตาซิ
-
1:24 - 1:26เพราะว่า มันสำคัญอย่างยิ่ง
ต่อการทำความเข้าใจ -
1:26 - 1:30ว่าองค์กรนี้รับรู้ภาพลักษณ์
และตัวตนของตนเองอย่างไร -
1:30 - 1:32จุดเริ่มต้นของมัน อยู่ในรัสเซีย
-
1:32 - 1:35ในปี 1917 คอมมิวนิสต์รัสเซียได้ก่อตั้ง
-
1:35 - 1:37คณะกรรมการฉุกเฉินเพื่อต่อสู้กับ
-
1:37 - 1:40การต่อต้านการปฏิวัติ และการก่อวินาศกรรม
-
1:40 - 1:42เรียกสั้นๆ ว่า เชกา (Cheka)
-
1:42 - 1:45โดยการนำของฟีลิกซ์ เชอร์ชินสกี
-
1:45 - 1:48เชกา เป็นเครื่องมือของคอมมิวนิสต์
-
1:48 - 1:52เพื่อสร้างระบบการปกครอง
โดยการทำให้ประชาชนหวาดกลัว -
1:52 - 1:54และสังหารศัตรูของพวกเขา
-
1:54 - 2:00มันได้พัฒนาต่อมาเป็น เคจีบี ที่รู้จักกันดี
-
2:00 - 2:04เชกา เป็นฮีโรในใจของนายตำรวจสตาซิ
-
2:04 - 2:07พวกเขาเรียกตัวเองว่า เชคิสท์ (Chekists)
-
2:07 - 2:10และแม้กระทั่งตราสัญญลักษณ์
ก็คล้ายกันมาก -
2:10 - 2:13อย่างที่คุณสามารถเห็นได้ตรงนี้
-
2:13 - 2:16ที่จริงแล้ว ตำรวจลับรัสเซีย
-
2:16 - 2:20เป็นผู้สร้างและผู้ฝึกสอนหน่วยสตาซิ
-
2:20 - 2:23เมื่อกองทัพแดงยึดครองเยอรมันตะวันออก
ในปีค.ศ.1945 -
2:23 - 2:25มันก็ขยายไปที่นั่นทันที
-
2:25 - 2:29และไม่นาน ก็เริ่มฝึกคอมมิวนิสต์เยอรมัน
-
2:29 - 2:32ให้สร้างตำรวจลับของตัวเองขึ้นมา
-
2:32 - 2:36อ้อ ห้องประชุมที่เรานั่งอยู่กันนี้เอง
-
2:36 - 2:42คือที่ที่พรรคจีดีอาร์ที่เป็นรัฐบาลสมัยนั้น
ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1946 -
2:42 - 2:45ห้าปีต่อมา สตาซิก็ถูกตั้งขึ้นมา
-
2:45 - 2:47และงานกดขี่ที่สกปรก
-
2:47 - 2:50ก็ถูกส่งมาให้ทำทีละเล็กละน้อย
-
2:50 - 2:53ตัวอย่างเช่น เรือนจำกลาง
-
2:53 - 2:54สำหรับนักโทษการเมือง
-
2:54 - 2:57ซึ่งตั้งขึ้นโดยฝ่ายรัสเซีย
-
2:57 - 2:59ก็ถูกสตาซิเข้ามาครอบครอง
-
2:59 - 3:02และใช้มาจนถึงยุคสิ้นสุด
ของลัทธิคอมมิวนิสต์ -
3:02 - 3:04ที่คุณเห็นอยู่นี่ล่ะ
-
3:04 - 3:07ในตอนต้นๆ ทุกขั้นตอนสำคัญ
-
3:07 - 3:11เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของฝ่ายรัสเซีย
-
3:11 - 3:14แต่เยอรมันนั้น เป็นที่รู้กัน
ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ -
3:14 - 3:18สตาซิจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
-
3:18 - 3:21แล้วในปี 1953 ก็มีพนักงาน
-
3:21 - 3:23มากกว่าเกสตาโป
-
3:23 - 3:26หรือตำรวจลับของนาซีเยอรมันเสียอีก
-
3:26 - 3:28จำนวนคนเพิ่มเป็นสองเท่า
ในแต่ละทศวรรษ -
3:28 - 3:32ในปี 1989 มีพนักงานมากกว่า 90,000 คน
-
3:32 - 3:33ทำงานให้กับสตาซิ
-
3:33 - 3:36นี่ก็หมายความว่า พนักงานหนึ่งคน
-
3:36 - 3:39รับผิดชอบคนที่อยู่ในคุกนั้น 180 คน
-
3:39 - 3:43ซึ่งไม่เหมือนกับใครๆ ในโลกเป็นอย่างยิ่ง
-
3:43 - 3:45ที่ยอดบนสุดของกลไกที่ใหญ่ยิ่งนี้
-
3:45 - 3:49มีชาย ชื่อ อีริค มีเอลเก (Mielke)
-
3:49 - 3:51เขาควบคุมกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ
-
3:51 - 3:54มานานกว่า 30 ปี
-
3:54 - 3:56เขาเป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งเคร่งครัดรอบคอบ
-
3:56 - 3:59ในอดีต เขาฆ่าตำรวจสองคน
-
3:59 - 4:01ไม่ไกลจากที่นี่นัก
-
4:01 - 4:05ที่จริง เขาคือต้นแบบของสตาซิเลย
-
4:05 - 4:10แล้วสตาซินี่มีความพิเศษยังไง
-
4:10 - 4:13ที่สำคัญที่สุดคือ อำนาจอันมหาศาล
-
4:13 - 4:16เพราะว่ามันรวบเอาหน้าที่งานหลายๆ อย่าง
-
4:16 - 4:18มาไว้ในองค์กรเดียว
-
4:18 - 4:20เรื่องแรก สตาซินั้น
-
4:20 - 4:24เป็นหน่วยสืบราชการลับ
-
4:24 - 4:26ที่ใช้เครื่องมือทุกอย่างที่จินตนาการได้
-
4:26 - 4:28เพื่อให้ได้ข้อมูลมาอย่างลับๆ
-
4:28 - 4:32เช่น สายข่าว หรือ การดักฟังทางโทรศัพท์
-
4:32 - 4:35อย่างที่คุณเห็นในภาพตรงนี้
-
4:35 - 4:38และมันไม่ได้แค่ปฏิบัติการอยู่
ในเยอรมันตะวันออกเท่านั้น -
4:38 - 4:41แต่มีอยู่ทั่วทั้งโลก
-
4:41 - 4:45เรื่องที่สอง สตาซินั้นเป็นตำรวจลับ
-
4:45 - 4:47ที่นึกจะไปดักผู้คนบนท้องถนน
-
4:47 - 4:51แล้วก็จับกุมคนเหล่านั้นเข้าคุกก็ได้
-
4:51 - 4:53เรื่องที่สาม สตาซิทำงาน
-
4:53 - 4:55คล้ายกับเป็นพนักงานอัยการ
-
4:55 - 4:59มีสิทธิที่จะเปิดการสืบสวนเบื้องต้น
-
4:59 - 5:02และสอบสวนผู้คนอย่างเป็นทางการ
-
5:02 - 5:05เรื่องสุดท้าย แต่ก็สำคัญไม่น้อยกว่า
-
5:05 - 5:08คือ สตาซิ มีกองกำลังติดอาวุธของตัวเอง
-
5:08 - 5:10มีทหารร่วมทำงานกว่า 11,000 คน
-
5:10 - 5:14ภายในกรมทหารที่เรียกว่า
กรมเฝ้าระวังภัย -
5:14 - 5:18ก่อตั้งขึ้นเพื่อสลายการประท้วงและจลาจล
-
5:18 - 5:21เนื่องจากการกระจุกตัวของอำนาจแบบนี้
-
5:21 - 5:26สตาซิจึงถูกเรียกว่า เป็นรัฐซ้อนรัฐ
-
5:26 - 5:28แต่เรามาดูในรายละเอียดกัน
ให้มากยิ่งขึ้น -
5:28 - 5:31ในเรื่องเครื่องมือที่สตาซิใช้
-
5:31 - 5:32ขอให้รำลึกด้วยว่า ในขณะนั้น
-
5:32 - 5:36และอินเตอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน
ยังไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา -
5:36 - 5:40แน่นอนว่า สตาซิใช้เครื่องมือ
-
5:40 - 5:43ทางเทคนิคทุกชนิดเพื่อสำรวจผู้คน
-
5:43 - 5:45โทรศัพท์ถูกดักฟัง
-
5:45 - 5:49รวมถึงโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรี
ในฟากตะวันตก -
5:49 - 5:52และบ่อยครั้งในอพาร์ทเม้นต์ต่างๆ ด้วย
-
5:52 - 5:55ทุกๆ วัน จดหมาย 90,000 ฉบับ
ถูกเปิดอ่าน -
5:55 - 5:59โดยเครื่องกลไกเหล่านี้
-
5:59 - 6:02สตาซินั้นยังเฝ้าติดตามผู้คนหลายหมื่นคน
-
6:02 - 6:05โดยใช้สายลับที่ฝึกมาเป็นพิเศษ
พร้อมกล้องถ่ายรูปลับ -
6:05 - 6:09เพื่อเก็บข้อมูลทุกย่างก้าวของบุคคลนั้น
-
6:09 - 6:12ในภาพนี้ คุณจะเห็นผม
-
6:12 - 6:15ตอนยังหนุ่ม อยู่หน้าอาคารหลังนี้
-
6:15 - 6:19ที่เรากำลังอยู่ในขณะนี้
ภาพนี้ถ่ายโดยสายสตาซิคนหนึ่ง -
6:19 - 6:23สตาซิ เก็บรวบรวม
แม้กระทั่งกลิ่นตัวของผู้คน -
6:23 - 6:27เก็บตัวอย่างไว้ ในขวดที่ปิดฝาสนิท
-
6:27 - 6:31ซึ่งถูกพบ หลังการปฏิวัติอย่างสงบนั้น
-
6:31 - 6:35งานทั้งหมดนี้ มีกองเชี่ยวชาญพิเศษ
-
6:35 - 6:38เป็นผู้รับผิดชอบ
-
6:38 - 6:40กองพิเศษซึ่งดักฟังโทรศัพท์
-
6:40 - 6:42ถูกแยกต่างหาก
-
6:42 - 6:44จากหน่วยที่ควบคุมเรื่องจดหมาย
-
6:44 - 6:46ด้วยเหตุผลที่ดี
-
6:46 - 6:50เพราะว่า ถ้าสายลับคนหนึ่ง
เลิกทำงานให้สตาซิ -
6:50 - 6:52เรื่องที่เขารู้ก็จะมีน้อยมาก
-
6:52 - 6:56ตรงกันข้ามกับ สโนวเดน เป็นตัวอย่าง
-
6:56 - 6:59การสร้างความชำนาญในเชิงลึก
ก็สำคัญด้วยเหมือนกัน -
6:59 - 7:02ในการป้องกันความเห็นอกเห็นใจ
ทุกรูปแบบ -
7:02 - 7:04ที่มีต่อบุคคลเป้าหมายของการสังเกต
-
7:04 - 7:07สายลับที่ติดตามผม
-
7:07 - 7:09ไม่รู้ว่า ผมเป็นใคร
-
7:09 - 7:11หรือทำไมผมจึงถูกตาม
-
7:11 - 7:12ที่จริง ผมลักลอบนำหนังสือต้องห้าม
-
7:12 - 7:15จากฟากตะวันตก เข้ามาตะวันออก
-
7:15 - 7:18แต่ที่เป็นแบบฉบับของสตาซิยิ่งกว่านั้น
-
7:18 - 7:21คือ พนักงานสอดแนม
-
7:21 - 7:26ที่ทำงานให้สตาซิอย่างลับๆ
-
7:26 - 7:28สำหรับรัฐมนตรีความมั่นคงนั้น
-
7:28 - 7:30พวกที่เรียกว่า
พนักงานที่ไม่เป็นทางการเหล่านี้ -
7:30 - 7:33เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุด
-
7:33 - 7:39จากปี 1975 เป็นต้นมา คนเกือบสองแสนคน
-
7:39 - 7:41ร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับสตาซิ
-
7:41 - 7:46นั่นคือมากกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของประชากร
-
7:46 - 7:49และในแบบนี้ รัฐมนตรีนั้นก็ทำถูกต้องแล้ว
-
7:49 - 7:51เพราะเครื่องมือทางเทคนิค
-
7:51 - 7:54ทำได้เพียงลงบันทึก สิ่งที่คนกำลังทำ
-
7:54 - 7:58แต่สายสืบและสายลับ
สามารถรายงานได้อีกด้วย -
7:58 - 7:59ว่าผู้คนกำลังวางแผนจะทำอะไร
-
7:59 - 8:02และเขากำลังคิดอะไร
-
8:02 - 8:07ดังนั้น สตาซิจึงรับสายข่าว เข้ามาจำนวนมาก
-
8:07 - 8:09ระบบการรับคนเหล่านั้นเข้ามา
-
8:09 - 8:12และวิธีการให้การศึกษา
-
8:12 - 8:15มีความซ้บซ้อนอย่างมาก
-
8:15 - 8:18สตาซินั้นมีมหาวิทยาลัยของตนเอง
-
8:18 - 8:20ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่
-
8:20 - 8:22เป็นสถานที่สำหรับทดสอบวิธีการต่างๆ
-
8:22 - 8:24แล้วนำไปสอนให้กับเจ้าพนักงาน
-
8:24 - 8:28คู่มือเล่มนี้ ให้คำอธิบายอย่างละเอียด
-
8:28 - 8:31ในทุกขั้นตอน ที่คุณจะต้องปฏิบัติ
-
8:31 - 8:33ถ้าคุณต้องการทำให้มนุษย์
-
8:33 - 8:36ทรยศเพื่อนร่วมชาติของเขา
-
8:37 - 8:40บางครั้งก็ว่ากันว่า สายข่าวต่างๆ
-
8:40 - 8:42ถูกกดดันให้ทำงานนี้
-
8:42 - 8:44แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่จริง
-
8:44 - 8:48เพราะสายข่าวที่ถูกบังคับให้ทำ
จะเป็นสายข่าวที่แย่ -
8:48 - 8:51มีเพียงบางคนเท่านั้น
ที่อยากให้ข้อมูลที่คุณต้องการ -
8:51 - 8:54เขาจึงจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประสิทธิภาพ
-
8:54 - 8:59เหตุผลสำคัญ ที่ผู้คนร่วมมือกับสตาซิ
-
8:59 - 9:04คือ ความเชื่อมั่นทางการเมือง
และผลประโยชน์ทางวัตถุ -
9:04 - 9:07เจ้าพนักงานยังพยายาม
สร้างความผูกพันส่วนตัว -
9:07 - 9:11ระหว่างตัวเขาเอง กับสายข่าว
-
9:11 - 9:16พูดตรงๆ นะครับ
ตัวอย่างของสตาซิแสดงให้เห็นว่า -
9:16 - 9:19ไม่ยากเกินไปนัก
ที่จะกล่อมคนบางคน -
9:19 - 9:23ให้เขาทรยศหักหลังคนอื่นๆ
-
9:23 - 9:27แม้หัวโจกของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลบางคน
ในเยอรมันตะวันออก -
9:27 - 9:28ก็ยังร่วมมือกับสตาซิ
-
9:28 - 9:32ตัวอย่างเช่น อิบราฮีม โบฮ์ม
-
9:32 - 9:35ปี 1989 เขาเป็นผู้นำการปฏิวัติอย่างสงบ
-
9:35 - 9:39เกือบได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของจีดีอาร์
ที่มาจากการเลือกตั้งเสรี -
9:39 - 9:44จนกระทั่งเรื่องแดงออกมาว่า
เขาเคยเป็นสายข่าวให้สตาซิ -
9:44 - 9:48เครือข่ายของสายลับนั้น กว้างขวางจริงๆ
-
9:48 - 9:50ในเกือบจะทุกๆ สถาบัน
-
9:50 - 9:53แม้กระทั่งในโบสถ์ หรือในเยอรมันตะวันตก
-
9:53 - 9:56มีคนพวกนี้อยู่มากมาย
-
9:56 - 9:59ผมจำได้ว่า
เคยบอกเจ้าหน้าที่สตาซิระดับผู้นำ -
9:59 - 10:02ว่า "ถ้าคุณได้ส่งสายสืบมาที่ผม
-
10:02 - 10:05ผมแน่ใจว่า ผมจะดูออกว่าเป็นใคร"
-
10:05 - 10:07คำตอบของเขาคือ
-
10:07 - 10:08"เราไม่ได้ส่งใครไป
-
10:08 - 10:11เราใช้พวกที่อยู่รอบๆ ตัวคุณนั่นแหละ"
-
10:11 - 10:14และจริงๆ แล้ว เพื่อนที่ดีที่สุดของผมสองคน
-
10:14 - 10:18รายงานข้อมูลเกี่ยวกับผมให้กับสตาซิ
-
10:18 - 10:21ไม่เพียงกรณีผมเท่านั้น
ที่สายสืบอยู่ชิดตัวมาก -
10:21 - 10:25ตัวอย่างเช่น วีรา เลงส์เฟลด์
ผู้คัดค้านระดับผู้นำอีกคนหนึ่ง -
10:25 - 10:29ในกรณีของเธอ
สามีกลับเป็นสายสืบเสียเอง -
10:29 - 10:32นักเขียนมีชื่อคนหนึ่ง
ก็ถูกน้องชายหักหลัง -
10:32 - 10:36เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงนวนิยายเรื่อง "1984"
โดย จอร์จ ออเวลล์ -
10:36 - 10:39ซึ่งคนเพียงคนเดียว ที่ไว้ใจได้
-
10:39 - 10:42กลับกลายเป็นสายสืบเสียเอง
-
10:42 - 10:46แต่ทำไมสตาซิ จึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนี้
-
10:46 - 10:48ใว้ในแฟ้มข้อมูลสำคัญของพวกเขา?
-
10:48 - 10:52จุดประสงค์สำคัญ คือ เพื่อควบคุมสังคม
-
10:52 - 10:54ในปาฐกถาเกือบทุกครั้ง รัฐมนตรีของสตาซิ
-
10:54 - 10:57จะออกคำสั่งให้ค้นหาว่า ใครเป็นใครบ้าง
-
10:57 - 11:00ซึ่งก็หมายความถึงว่า ใครคิดอะไร
-
11:00 - 11:02เขาไม่ต้องการจะรอจนกระทั่งใครสักคน
-
11:02 - 11:04พยายามลงมือต่อต้านระบบการปกครอง
-
11:04 - 11:06เขาต้องการจะรู้ล่วงหน้า
-
11:06 - 11:09ว่าผู้คนกำลังคิด
และกำลังวางแผนการอะไรอยู่ -
11:09 - 11:12คนเยอรมันตะวันออกนั้นรู้
แน่นอนครับ -
11:12 - 11:15ว่าพวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยสายสืบ
-
11:15 - 11:19ในระบอบเผด็จการ
ที่สร้างความไม่ใว้วางใจกัน -
11:19 - 11:22และรัฐที่แผ่ขยายความหวาดกลัว
-
11:22 - 11:26ซึ่งเครื่องมือสำคัญที่สุด
เพื่อใช้กดขี่ผู้คน -
11:26 - 11:28ในทุกระบอบเผด็จการ
-
11:28 - 11:31นั่นคือสาเหตุว่าทำไมจึงมี
คนเยอรมันตะวันออกไม่มากนัก -
11:31 - 11:35ที่พยายามต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์
-
11:35 - 11:39ถ้าใครต่อต้าน สตาซิก็มักใช้วิธีจัดการ
-
11:39 - 11:42ซึ่งโหดร้ายจริงๆ
-
11:42 - 11:44เรียกว่า เซอร์เส็ทซุง
-
11:44 - 11:48ซึ่งถูกบรรยายไว้ในคู่มืออีกเล่มหนึ่ง
-
11:48 - 11:51คำศัพท์นั้นยากที่จะแปลความหมาย
-
11:51 - 11:55เพราะเดิมทีมันหมายถึง
"การย่อยสลายทางชีวภาพ" -
11:55 - 11:58แต่จริงๆ แล้ว มันอธิบายได้ตรงเผงทีเดียว
-
11:58 - 12:02เป้าประสงค์ก็คือ
การทำลายความเชื่อมั่นในตนเอง -
12:02 - 12:04ของผู้คนเหล่านั้นอย่างลับๆ
-
12:04 - 12:08ตัวอย่างเช่น การทำให้เสียชื่อเสียง
-
12:08 - 12:11โดยทำให้การงานของพวกเขาล้มเหลว
-
12:11 - 12:16และโดยการทำลาย
ความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขา -
12:16 - 12:21ดูจากวิธีนี้ เยอรมันตะวันออก
เป็นเผด็จการสมัยใหม่มาก -
12:21 - 12:25สตาซิไม่ได้พยายามจับกุม
คนไม่เห็นด้วยทุกคน -
12:25 - 12:28แต่ชอบที่จะทำให้คนเหล่านั้น
เป็นอัมพาต ทำอะไรไม่ได้ -
12:28 - 12:31และมันสามารถทำอย่างนั้นได้
-
12:31 - 12:34เพราะมันสามารถเข้าถึง
ข้อมูลส่วนตัวมากมาย -
12:34 - 12:38และเข้าถึงสถาบันได้มากมาย
หลายแห่งเหลือเกิน -
12:38 - 12:41การกักขังควบคุมตัวถูกนำมาใช้
-
12:41 - 12:43เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น
-
12:43 - 12:46สตาซิมีคุก 17 แห่ง
ที่ใช้ระหว่างรอพิจารณาคดี -
12:46 - 12:491 คุก ในทุกเขต
-
12:49 - 12:52และในคุกนี้ สตาซิยังได้พัฒนา
-
12:52 - 12:56วิธีการกักกันที่สมัยใหม่มากทีเดียว
-
12:56 - 12:58โดยปกติแล้ว พนักงานสอบสวน
-
12:58 - 13:01ไม่ได้ทารุณนักโทษ
-
13:01 - 13:04แต่เขานำระบบที่ซับซ้อน
-
13:04 - 13:06ของการกดดันทางจิตวิทยามาใช้แทน
-
13:06 - 13:10ซึ่งใช้การแยกขังเดี่ยวที่เข้มงวดเป็นหลัก
-
13:10 - 13:12เกือบไม่มีนักโทษคนใดต้านทานได้
-
13:12 - 13:16โดยไม่เปิดปากให้หลักฐาน
-
13:16 - 13:18ถ้าคุณมีโอกาส
-
13:18 - 13:21ขอให้ไปเยือนคุกสตาซิเก่า
ในกรุงเบอร์ลิน -
13:21 - 13:25และไปกับมัคคุเทศน์
ที่เคยเป็นนักโทษการเมือง -
13:25 - 13:28ซึ่งจะอธิบายให้คุณฟังว่า
วิธีนี้ได้ผลได้อย่างไร -
13:28 - 13:31อีกหนึ่งคำถามที่จำเป็นต้องตอบ ได้แก่
-
13:31 - 13:33ถ้าสตาซิ ปฏิบัติการได้อย่างดีมากแล้ว
-
13:33 - 13:37ทำไมระบอบคอมมิวนิสต์ จึงล่มสลาย
-
13:37 - 13:42ประการแรก ในปี 1989
ผู้นำเยอรมันตะวันออก -
13:42 - 13:44ไม่แน่ใจว่าจะทำอะไร เพื่อต่อต้าน
-
13:44 - 13:47ประชาชนที่ประท้วง ซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้น
-
13:47 - 13:49มันสับสนอย่างยิ่ง
-
13:49 - 13:52เพราะว่า ในประเทศแม่แบบของสังคมนิยม
-
13:52 - 13:53หรือสหภาพโซเวียตนั้น
-
13:53 - 13:57เริ่มเกิดนโยบายที่ให้เสรีภาพมากขึ้น
-
13:57 - 13:59นอกจากนี้ ระบอบนั้นยังพึ่งพา
-
13:59 - 14:03เงินกู้จากโลกตะวันตก
-
14:03 - 14:05จึงหยุดสั่งการปราบปรามการจราจล
-
14:05 - 14:08มาที่สตาซิ
-
14:08 - 14:12ประการที่สอง ในอุดมการณ์
ของคอมมิวนิสต์นั้น -
14:12 - 14:15ไม่มีที่สำหรับการให้วิพากษ์วิจารณ์
-
14:15 - 14:17ผู้นำจึงติดอยู่กับความเชื่อที่ว่า
-
14:17 - 14:20สังคมนิยมเป็นระบบที่สมบูรณ์แบบ
-
14:20 - 14:24และสตาซิ ก็ต้องยืนยันในเรื่องนั้น
แน่นอนครับ -
14:24 - 14:26ผลลัพธ์ก็คือ
-
14:26 - 14:29แม้ว่าจะได้ข้อมูลทั้งหมดมา
-
14:29 - 14:33ระบอบการปกครองก็ไม่สามารถวิเคราะห์
ปัญหาที่แท้จริงของมัน -
14:33 - 14:36จึงไม่สามารถแก้ปัญหานั้นๆ ได้
-
14:36 - 14:38ท้ายที่สุด สตาซิก็ตายไป
-
14:38 - 14:40เหตุเพราะระบบและโครงสร้าง
-
14:40 - 14:44ที่มันรับผิดชอบปกป้องอยู่นั่นเอง
-
14:44 - 14:46การจบสิ้นของสตาซินั้น
-
14:46 - 14:48เป็นอะไรที่เศร้าสลด
-
14:48 - 14:50เพราะว่าพนักงานเหล่านี้
-
14:50 - 14:53ตลอดช่วงการปฏิวัติอย่างสงบนั้น
-
14:53 - 14:55ต้องยุ่งอยู่กับงานเพียงอย่างเดียว
-
14:55 - 14:58คือ การทำลายเอกสาร
-
14:58 - 15:01ที่พวกเขาได้ทำขึ้นมา
ตลอดหลายทศวรรษ -
15:01 - 15:03แต่โชคดี
-
15:03 - 15:07ที่นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
เข้าไปหยุดพวกเขาไว้ -
15:07 - 15:10นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมทุกวันนี้
เราจึงมีข้อมูลเหล่านี้ -
15:10 - 15:11ให้นำมาใช้ทำความเข้าใจ
-
15:11 - 15:14การทำงานสอดแนมของรัฐ
-
15:14 - 15:16ขอบคุณครับ
-
15:16 - 15:20(เสียงปรบมือ)
-
15:25 - 15:31บรูโน เกียสสะนี: ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ
-
15:31 - 15:33ครับ ฮูเบอร์ทุส ผมอยากจะถามคุณ
สักสองคำถาม -
15:33 - 15:36เพราะตรงนี้ ผมมี เดอร์ สเปียเกล
จากสัปดาห์ที่แล้ว -
15:36 - 15:41"มาย นาชบาร์ เอ็นเอสเอ" เพื่อนบ้านผม
เป็น เอ็นเอสเอ -
15:41 - 15:44และคุณก็เพิ่งจะเล่าให้เราฟัง
เกี่ยวกับเพื่อนบ้านผม -
15:44 - 15:47ซึ่งเป็นสายลับและสายข่าว
จากเยอรมันตะวันออก -
15:47 - 15:49ทั้งสองเรื่องนี้มีการเชื่อมโยงกันโดยตรง
-
15:49 - 15:51หรือไม่มี? ในฐานะนักประวัติศาสตร์
-
15:51 - 15:53คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นสิ่งนี้
-
15:53 - 15:55ฮิวเบอร์ทุส คนาเบ: ผมคิดว่า
-
15:55 - 15:57มีลักษณะหลายอย่าง ที่จะกล่าวถึง
-
15:57 - 16:00ตอนแรก ผมคิดว่า มีความแตกต่างกัน
-
16:00 - 16:04ในเรื่องว่า ทำไมคุณจึงเก็บรวบรวมข้อมูลนี้
-
16:04 - 16:06คุณทำเพื่อปกป้องประชาชนของคุณ
-
16:06 - 16:08จากการจู่โจมของผู้ก่อการร้าย
-
16:08 - 16:11หรือ คุณทำเพื่อกดขี่ประชาชนของคุณ?
-
16:11 - 16:13นั่นจึงเป็นความแตกต่างพื้นฐาน
-
16:13 - 16:15แต่อีกแง่หนึ่ง
-
16:15 - 16:19ในระบอบประชาธิปไตย เครื่องมือเหล่านี้
อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดเช่นกัน -
16:19 - 16:21และนั่นเป็นสิ่งที่เราจะต้องตระหนัก
-
16:21 - 16:23เพื่อจะหยุดยั้งมัน
-
16:23 - 16:26และงานด้านการสืบราชการลับ
-
16:26 - 16:29ก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์ที่เรามีอยู่ด้วย
-
16:29 - 16:30ข้อที่สาม น่าจะเป็นว่า
-
16:30 - 16:34เราควรจะดีใจจริงๆ นะ
ที่เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย -
16:34 - 16:37เพราะคุณสามารถมั่นใจได้ว่า รัสเซียและจีน
-
16:37 - 16:39ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
-
16:39 - 16:40แต่ไม่มีใครพูดถึง
-
16:40 - 16:43เพราะว่า ไม่มีใครสามารถพูดถึงมันได้
-
16:43 - 16:48(เสียงปรบมือ)
-
16:49 - 16:51บีจี: เมื่อเรื่องแดงออกมาครั้งแรก
-
16:51 - 16:54เดือนกรกฎาที่แล้ว ปีที่แล้ว
-
16:54 - 16:56คุณได้ยื่นคำร้องคดีอาญา
-
16:56 - 16:59ต่อศาลยุติธรรมเยอรมัน ทำไมหรือครับ?
-
16:59 - 17:03เอชเค: ผมทำก็เพราะเหตุผลข้อสอง
ที่พูดไปแล้ว -
17:03 - 17:06ที่ผมคิดว่า โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตย
-
17:06 - 17:09กฎเกณฑ์มีไว้สำหรับทุกๆ คน
-
17:09 - 17:11กฎเหล่านั้นทำขึ้นเพื่อทุกๆ คน
-
17:11 - 17:15จึงไม่อนุญาตให้สถาบันใดๆ
ไม่เคารพกฎเกณฑ์นั้น -
17:15 - 17:17ในประมวลกฎหมายอาญาของเยอรมัน
เขียนไว้ว่า -
17:17 - 17:19ไม่อนุญาตให้ดักฟังโทรศัพท์ของผู้ใด
-
17:19 - 17:21โดยไม่มีคำสั่งจากผู้พิพากษา
-
17:21 - 17:25โชคดีที่ มีการบัญญัติไว้
ในประมวลกฎหมายอาญา -
17:25 - 17:29ดังนั้น ถ้าไม่เคารพกฎหมาย ผมก็คิดว่า
-
17:29 - 17:31การสืบสวนสอบสวนก็จำเป็น
-
17:31 - 17:33และมันใช้เวลามาก
-
17:33 - 17:35กว่าอัยการเยอรมันจะเริ่มต้นทำคดีนี้
-
17:35 - 17:39และเขาเริ่มต้นทำ เฉพาะในคดีของ
แองเกลา เมอร์เคล -
17:39 - 17:42ไม่ได้ทำคดีคนอื่นๆ ทั้งหมด
ที่อยู่ในเยอรมัน -
17:42 - 17:44บีจี: เรื่องนั้นไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจ เพราะ
-
17:44 - 17:46(เสียงปรบมือ)---
-
17:46 - 17:50เพราะเรื่องที่คุณเล่าไปแล้ว
-
17:50 - 17:52ถ้าดูจากภายนอก ผมอยู่นอกประเทศเยอรมัน
-
17:52 - 17:54และผมคาดว่า คนเยอรมันจะมีปฏิกริยา
-
17:54 - 17:57อย่างเข้มแข็งมากยิ่งกว่า ในทันทีทันใด
-
17:57 - 18:00แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ปฏิกริยาออกมาจริงๆ
-
18:00 - 18:02ก็เมื่อมีการเผยว่านายกรัฐมนตรีเมอร์เคล
-
18:02 - 18:05ถูกดักฟังโทรศัพท์ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
-
18:05 - 18:07เอชเค: ผมถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
-
18:07 - 18:11เพราะคนรู้สึกปลอดภัยในประชาธิปไตยนี้แล้ว
-
18:11 - 18:14พวกเขาไม่กลัวว่า จะถูกจับ
-
18:14 - 18:17และถ้าคุณออกจากห้องประชุมนี้ไป
หลังการประชุม -
18:17 - 18:19ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีตำรวจลับ
-
18:19 - 18:22กำลังยืนอยู่ข้างนอกรอจับกุมคุณ
-
18:22 - 18:23จึงเป็นสัญญาณที่ดี, ผมว่านะ
-
18:23 - 18:26ผู้คนไม่ต้องกลัวอย่างที่เคยกลัว
-
18:26 - 18:31แต่แน่นอนครับ ผมคิดว่า สถาบันเหล่านั้น
-
18:31 - 18:33ต้องรับผิดชอบที่จะหยุดยั้ง
การกระทำผิดกฎหมาย -
18:33 - 18:36ในเยอรมัน หรือที่ใดก็ตาม
ที่มีการกระทำผิดเกิดขึ้น -
18:36 - 18:39บีจี: คำถามส่วนตัว
และเป็นคำถามสุดท้าย -
18:39 - 18:42มีการถกเถียงกันในเยอรมันเกี่ยวกับ
-
18:42 - 18:43การให้ เอ็ดเวิร์ด สโนวเดน ลี้ภัย
-
18:43 - 18:46คุณเห็นด้วย หรือคุณต่อต้านครับ
-
18:46 - 18:48เอชเค: โอ เป็นคำถามที่ยาก
-
18:48 - 18:49แต่ถ้าคุณถามผม
-
18:49 - 18:51และถ้าผมตอบอย่างสุจริตใจ
-
18:51 - 18:53ผมก็จะให้เขาได้ลี้ภัย เพราะ
-
18:53 - 18:55ผมคิดว่า เขาทำเรื่องที่กล้าหาญอย่างแท้จริง
-
18:55 - 18:58และเรื่องนั้นได้ทำลายชีวิตทั้งหมดของเขา
-
18:58 - 18:59และครอบครัวเขา และทุกสิ่งทุกอย่าง
-
18:59 - 19:02ผมจึงคิดว่า เพื่อคนเหล่านี้
เราควรทำบางสิ่งบางอย่าง -
19:02 - 19:07และโดยเฉพาะ ถ้าคุณดูประวัติศาสตร์เยอรมัน
-
19:07 - 19:09ที่คนจำนวนมากต้องลี้ภัยไป
-
19:09 - 19:11และพวกเขาขอลี้ภัยในประเทศอื่น
-
19:11 - 19:13และพวกเขาไม่ได้การตอบรับ
-
19:13 - 19:16จึงเป็นสัญญาณที่ดี ที่ให้เขาลี้ภัยเข้ามา
-
19:16 - 19:17(เสียงปรบมือ)
-
19:17 - 19:24บีจี: คุณฮูเบอร์ทุส ขอบคุณมากครับ
- Title:
- ความลับที่ดำมืดของรัฐที่สอดแนมประชาชน
- Speaker:
- ฮูเบอร์ทุส คนาเบ
- Description:
-
นำเที่ยวโลกที่ดำมืดของหน่วยงานด้านความมั่นคงของเยอรมันตะวันออก ที่รู้จักกันในชื่อว่า สตาซิ ซึ่งมีอำนาจเฉพาะพิเศษในการสอดแนมพลเมืองของตัวเอง จวบจนถึงเมื่อกำแพงเบอร์ลินถูกพังลงในปี 1989 สตาชิเป็นผู้วางแผนและควบคุมสั่งการระบบการสอดแนมและการกดดันทางจิตวิทยา ที่ทำให้ประเทศนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมมานานหลายทศวรรษ
ฮูเบอร์ทุส คนาเบ ศึกษาหน่วยสตาซินี้ และเป็นคนถูกสอดแนมเองด้วย เขามาเล่าสู่กันฟังถึงรายละเอียดที่น่าทึ่ง ตั้งแต่การล่มสลายของรัฐที่สอดแนมประชาชน และแสดงให้เห็นว่า มันง่ายแค่ไหนที่เพื่อนบ้านจะหักหลังเพื่อนบ้านด้วยกันเองุ
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 19:38
Thipnapa Huansuriya approved Thai subtitles for The dark secrets of a surveillance state | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The dark secrets of a surveillance state | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The dark secrets of a surveillance state | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The dark secrets of a surveillance state | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The dark secrets of a surveillance state | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The dark secrets of a surveillance state | ||
Rawee Ma accepted Thai subtitles for The dark secrets of a surveillance state | ||
yamela areesamarn edited Thai subtitles for The dark secrets of a surveillance state |