เชื้อแพร่กระจายได้อย่างไร (และทำไมพวกเราถึงป่วย)? - ยาเนย์ คาอิคิน (Yannay Khaikin) และ นิโคล มิดิโอ (Nicole Mideo)
-
0:07 - 0:08แดดกำลังสาดส่อง
-
0:08 - 0:10นกกำลังร้องเพลง
-
0:10 - 0:13เหมือนวันดีๆ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
-
0:13 - 0:16คุณกำลังเดินอย่างมีความสุขในสวน
แล้วก็ "ฮัดชิ้ว" -
0:16 - 0:20คนแปลกหน้าที่เดินสวนมาพ่นเมือกและน้ำลาย
จากปากและจมูก -
0:20 - 0:23คุณรู้สึกได้ถึงหยดความชื่นบนผิว
-
0:23 - 0:26แต่ที่คุณไม่อาจรู้สึกได้ ก็คือ
-
0:26 - 0:30เชื้อเล็กๆ หลายพันหรือหลายล้าน
ที่เดินทางจากทางอากาศ -
0:30 - 0:33มายังเสื้อผ้า มือ และหน้าของคุณ
-
0:33 - 0:34แม้ว่ามันฟังดูน่าขยะแขยง
-
0:34 - 0:39แต่มันกลับเป็นเรื่องธรรมดามากที่ร่างกายของเรา
จะสัมผัสกับเชื้อโรค -
0:39 - 0:41และบ่อยครั้งคุณไม่รู้สึกถึงมันซะด้วยซ้ำ
-
0:41 - 0:45เชื้อโรคถูกพบได้แทบทุกพื้นผิวที่เราสัมผัส
-
0:45 - 0:46เมื่อเราพูดถึงเชื้อ
-
0:46 - 0:50เรากำลังพูดถึงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ หลายชนิด
-
0:50 - 0:55รวมถึง แบคทีเรีย รา โปรโตซัว และไวรัส
-
0:55 - 0:59แต่สิ่งที่เชื้อเหล่านี้มีเหมือนๆ กันก็คือ
การมีปฏิสัมพันธ์กับร่างกายของเรา -
0:59 - 1:02เปลี่ยนความรู้สึกและการทำงานของเรา
-
1:02 - 1:05นักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาโรคติดต่อ
มีความสงสัยมาหลายทศวรรษ -
1:05 - 1:09ว่าทำไมเชื้อบางชนิดจึงไร้พิษภัย
-
1:09 - 1:14ในขณะที่บางสายพันธุ์ก็ทำให้เกิดอันตราย
และบางทีก็ถึงแก่ชีวิต -
1:14 - 1:16เรายังคงไม่สามารถแก้ปริศนาได้ทั้งหมด
-
1:16 - 1:20แต่ที่เรารู้ก็คือความรุนแรงของเชื้อ (Virulence)
-
1:20 - 1:22นั้นเป็นผลมาจากวิวัฒนาการ
-
1:22 - 1:24มันเป็นไปได้อย่างไร
ที่กระบวนการวิวัฒนาการเดียวกัน -
1:24 - 1:28สามารถสร้างเชื้อโรคที่ทำให้เกิดความอันตรายต่างกัน
-
1:28 - 1:32คำตอบจะเริ่มกระจ่าง
ถ้าเราคิดถึงวิธีการแพร่กระจายของเชื้อ -
1:32 - 1:36ซึ่งเป็นวิธีที่มันใช้ในการแพร่
จากเหยื่อรายหนึ่งไปยังเหยื่อรายถัดไป -
1:36 - 1:39วิธีการแพร่กระจายส่วนหนึ่งเกิดขึ้นผ่านอากาศ
-
1:39 - 1:41เช่น การจามที่คุณได้เห็นไป
-
1:41 - 1:44และหนึ่งในเชื้อโรคที่ใช้วิธีการนี้ก็คือ
ไรโนไวรัส (rhinovirus) -
1:44 - 1:46ซึ่งเพิ่มจำนวนในช่องทางเดินหายใจตอนบนของเรา
-
1:46 - 1:49และเป็นตัวการกว่าครึ่งของโรคไข้หวัด
-
1:49 - 1:50ทีนี้ลองนึกดูว่า หลังจากการจาม
-
1:50 - 1:54หนึ่งในสามสายพันธุ์ของไรโนไวรัส
-
1:54 - 1:58ซึ่งเราจะเรียกพวกมันว่า "มากไป" "น้อยไป"
และ "พอดี" -
1:58 - 2:01โชคดีได้ตกลงบนคุณพอดี
-
2:01 - 2:04ไวรัสเหล่านี้
ถูกโปรแกรมให้เพิ่มจำนวน -
2:04 - 2:07แต่ด้วยความแตกต่างทางพันธุกรรม
พวกมันจะเพิ่มจำนวนในอัตราที่ต่างกัน -
2:07 - 2:12"มากไป" เพิ่มจำนวนถี่มาก
ทำให้มันประสบความสำเร็จมากในช่วงสั้นๆ -
2:12 - 2:16อย่างไรก็ดีความสำเร็จนี้มาพร้อมกับค่าเสียหาย
ที่จ่ายโดยคุณ ผู้เป็นเจ้าบ้าน -
2:16 - 2:19ไวรัสที่แบ่งตัวอย่างรวดเร็ว
สามารถสร้างความเสียหายกับร่างกายของคุณได้มากกว่า -
2:19 - 2:22ทำให้อาการหวัดแย่กว่าเดิม
-
2:22 - 2:24ถ้าคุณป่วยมากเกินกว่าจะออกจากบ้าน
-
2:24 - 2:28คุณก็ไม่ให้โอกาสพวกมัน
ในการหาเจ้าบ้านใหม่ -
2:28 - 2:30และถ้าโรคนั้นฆ่าคุณได้
-
2:30 - 2:33วงจรชีวิตของไวรัสก็จะจบไปพร้อมคุณ
-
2:33 - 2:36ในขณะเดียวกัน "น้อยไป" เพิ่มจำนวนน้อยมาก
-
2:36 - 2:38และทำอันตรายคุณน้อยมากด้วย
-
2:38 - 2:41แม้ว่ามันจะปล่อยให้คุณมีสุขภาพดีพอ
ที่จะไปพบปะกับว่าที่เจ้าบ้านคนอื่นๆ -
2:41 - 2:45การที่ไม่มีอาการหมายถึง คุณอาจจะไม่จามเลย
-
2:45 - 2:49หรือ ถ้าคุณจาม มันก็อาจมีไวรัสน้อยมาก
ในน้ำมูกของคุณที่จะไปติดใครได้ -
2:49 - 2:53ในขณะเดียวกัน "พอดี" เพิ่มจำนวนได้เร็วพอ
-
2:53 - 2:56จนแน่ใจได้ว่าคุณจะเป็นพาหะ
พาไวรัสปริมาณกำลังดีไปแพร่กระจาย -
2:56 - 3:00แต่ไม่มากเกินไปที่คุณจะป่วย
จนไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ -
3:00 - 3:02และสุดท้ายแล้ว มันเป็นตัวที่จะประสบความสำเร็จที่สุด
-
3:02 - 3:07ในการเผยแพร่ไปยังเจ้าบ้านใหม่
และให้กำเนิดลูกหลานรุ่นต่อไป -
3:07 - 3:11สิ่งนี้อธิบายสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์
เรียกว่า ทฤษฎีแลกเปลี่ยน (trade-off hypothesis) -
3:11 - 3:13ทฤษฎีนี้เกิดขึ้นในยุคแรกของปี ค.ศ. 1980
-
3:13 - 3:17ที่พยากรณ์ว่า เชื้อโรคจะวิวัฒนาการ
เพื่อขยายโอกาสความสำเร็จของการแพร่กระจาย -
3:17 - 3:19โดยการได้มาซึ่งความสมดุลระหว่าง
การเพิ่มจำนวนในเจ้าบ้าน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหาย -
3:19 - 3:24กับการแพร่ไปยังเจ้าบ้านใหม่
-
3:24 - 3:26ในกรณีของไรโนไวรัส
-
3:26 - 3:31ทฤษฎีนี้ได้พยากรณ์ว่าวิวัฒนาการของมัน
จะส่งเสริมสายพันธุ์ที่รุนแรงน้อย -
3:31 - 3:34เพราะมันขึ้นอยู่กับการสัมผัสในระยะใกล้
เพื่อแพร่มันไปสู่เหยื่อรายถัดไป -
3:34 - 3:37สำหรับไรโนไวรัส เจ้าบ้านที่เคลื่อนที่
คือเจ้าบ้านที่ดี -
3:37 - 3:39และแน่นอน นั่นคือสิ่งที่เราเห็น
-
3:39 - 3:43ในขณะที่คนส่วนใหญ่มีประสบการณ์
น้ำมูกไหล ไอ และจาม -
3:43 - 3:46ไข้หวัดทั่วไปมักไม่ค่อยรุนแรง
และมีอาการประมาณ 1 สัปดาห์ -
3:46 - 3:48มันคงจะดีถ้าเรื่องมันจบตรงนี้
-
3:48 - 3:51แต่เชื้อโรคใช้อีกหลายหนทาง
ในการแพร่กระจาย -
3:51 - 3:55ยกตัวอย่าง เช่น เชื้อมาลาเรีย ที่เรียกว่า
พลาสโมเดียม (plasmodium)
แพร่กระจายโดยยุง -
3:55 - 3:59ไม่เหมือนกับไรโนไวรัส
มันไม่ต้องพึ่งให้เราเดินเพ่นพ่าน -
3:59 - 4:01และได้ประโยชน์จากการทำร้ายเราซะอีก
-
4:01 - 4:05เพราะคนที่ป่วยและไปไหนไม่ได้
ง่ายต่อยุงที่จะมากัด -
4:05 - 4:08เรารู้ว่าเชื้อที่พึ่งการเคลื่อนไหวของเจ้าบ้านน้อย
-
4:08 - 4:11เช่น พวกที่แพร่โดยแมลง น้ำ และอาหาร
-
4:11 - 4:13จะทำให้เกิดอาการที่รุนแรงมากกว่า
-
4:13 - 4:17ดังนั้น เราจะทำอย่างไร เพื่อที่จะลด
ความอันตรายของโรคติดต่อ -
4:17 - 4:21นักชีววิทยาวิวัฒนาการ ดร. พอล อีวอล์ด (Paul Ewald)
แนะนำว่าที่จริงแล้ว -
4:21 - 4:25เรากำกับวิวัฒนาการของพวกมันได้
ผ่านวิธีการควบคุมโรคง่ายๆ -
4:25 - 4:28ด้วยบ้านที่กันยุง
ที่มีระบบน้ำที่สะอาด -
4:28 - 4:30หรืออยู่บ้านเมื่อป่วย
-
4:30 - 4:33เราสามารถขัดขวางแผนการแพร่กระจาย
ของเชื้อที่เป็นอันตราย -
4:33 - 4:36ให้พึ่งพา
ต่อการเคลื่อนที่ของเจ้าบ้านมากขึ้น -
4:36 - 4:39ดังนั้นในขณะที่วิธีการดั้งเดิมในการกำจัดเชื้อ
-
4:39 - 4:41จะเพาะสายพันธุ์ของเชื้อโรคที่แข็งแรงกว่าในระยะยาว
-
4:41 - 4:46วิธีการใหม่นี้ในการส่งเสริมการวิวัฒนาการ
สายพันธุ์ที่รุนแรงน้อยกว่า -
4:46 - 4:48และอาจเป็นสถานการณ์ที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย
-
4:48 - 4:49แค๊กๆ
-
4:49 - 4:51เป็นส่วนใหญ่
- Title:
- เชื้อแพร่กระจายได้อย่างไร (และทำไมพวกเราถึงป่วย)? - ยาเนย์ คาอิคิน (Yannay Khaikin) และ นิโคล มิดิโอ (Nicole Mideo)
- Description:
-
ชมบทเรียนทั้งหมดได้ที่: http://ed.ted.com/lessons/how-do-germs-spread-and-why-do-they-make-us-sick-yannay-khaikin-and-nicole-mideo
เชื้อนั้นพบได้เกือบทุกพื้นผิวที่เราสัมผัส ซึ่งทำให้มันเป็นธรรมดาที่ร่างกายของเราสัมผัสกับพวกมัน แต่ทำไมเชื้อบางอย่างจึงไม่ค่อยจะเป็นอันตราย ในขณะที่เชื้ออื่นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ยาเนย์ คาอิคิน และนิโคล มิติโอ สำรวจคำถามนี้โดยตรวจสอบวิธีการแพร่ของเชื้อเหล่านี้
แบบเรียนโดย Yannay Khaikin และ Nicole Mideo, แอนิเมชั่น โดย Ace & Son Moving Picture Co., LLC.
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 05:07