ริชาร์ด เวลเลอร์: ดวงอาทิตย์จะดีกับหัวใจของคุณหรือไม่
-
0:00 - 0:03ก่อนที่ผมจะมาเป็นแพทย์โรคผิวหนัง
-
0:03 - 0:05ผมเริ่มต้นจากการเป็นแพทย์ทั่วไป
-
0:05 - 0:08เหมือนกับแพทย์ผิวหนังส่วนมากในอังกฤษ
-
0:08 - 0:10หลังจากนั้น ผมก็เดินทางไปออสเตรเลีย
-
0:10 - 0:11ราวๆ 20 ปีมาแล้ว
-
0:11 - 0:14สิ่งที่คุณเรียนรู้เมื่อไปออสเตรเลีย
-
0:14 - 0:16ก็คือ คนออสเตรเลียแข่งขันกันอย่างมาก
-
0:16 - 0:18และพวกเขาไม่ได้ใจกว้างนัก เรื่องชัยชนะ
-
0:18 - 0:20และมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ที่คนจะบอกว่า
-
0:20 - 0:23เช่น "คุณ พวกอังกฤษอมโรค เล่นคริกเก็ต รักบี้ก็ไม่เป็น"
-
0:23 - 0:25ผมยอมรับได้เรื่องนั้น
-
0:25 - 0:27แต่เมื่อเข้ามาเรื่องงาน--
-
0:27 - 0:30แต่ละสัปดาห์เรามีสิ่งที่เรียกกันว่า สโมสรหนังสือวารสาร
-
0:30 - 0:32ที่เราจะเข้าไปนั่งกับแพทย์คนอื่นๆ
-
0:32 - 0:34และจะอ่านงานเขียนทางวิทยาศาสตร์
-
0:34 - 0:36ที่เกี่ยวกับการแพทย์
-
0:36 - 0:39หลังจากสัปดาห์ที่หนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับอัตราการตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ
-
0:39 - 0:43เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ คือ จะมีสักกี่คนที่ตายเพราะโรคหัวใจ
-
0:43 - 0:44และอัตราการตายจะเป็นเท่าไหร่
-
0:44 - 0:46แต่พวกเขาก็แข่งขันกันเรื่องนี้
-
0:46 - 0:49"คุณ พวกอังกฤษอมโรค อัตราโรคหัวใจของพวกคุณน่าตกใจนะ"
-
0:49 - 0:51และแน่นอน พวกเขาพูดถูก
-
0:51 - 0:55คนออสเตรเลียเป็นโรคหัวใจน้อยกว่าเรา หนึ่งในสาม
-
0:55 - 0:59คือ การตายจากหัวใจวาย หัวใจล้มเหลว โรคสมองขาดเลือดน้อยกว่า
-
0:59 - 1:01นั่นคือ พวกเขาโดยทั่วไปแล้วเป็นกลุ่มที่มีสุขภาพดีกว่า
-
1:01 - 1:03แน่นอน พวกเขาบอกว่า นี่ก็เป็นเพราะ
-
1:03 - 1:05จุดยืนและหลักปฏิบัติของพวกเขา คือการออกกำลังกาย
-
1:05 - 1:09เพราะพวกเขาเป็นคนออสเตรเลีย แต่เราเป็นพวกอังกฤษอมโรค และอะไรทำนองนั้น
-
1:09 - 1:14แต่ไม่ใช่แค่ออสเตรเลีย ที่มีสุขภาพดีกว่าอังกฤษ
-
1:14 - 1:17ภายในประเทศอังกฤษ มีการเสื่อมถอยด้านสุขภาพ
-
1:17 - 1:19และนี่เรียกกันว่า อัตราการเสียชีวิตมาตรฐาน
-
1:19 - 1:21หรือง่ายๆก็คือ โอกาสในการเสียชีวิตของคุณ
-
1:21 - 1:25นี่เป็นการดูข้อมูลจากบทความ ราว 20 ปีก่อนโน้น
-
1:25 - 1:26แต่มันก็เป็นความจริงในปัจจุบัน
-
1:26 - 1:29ลองเปรียบเทียบอัตราการตายของคุณที่ 50 องศาตอนเหนือ
-
1:29 - 1:31นั่นเป็นตอนใต้ นั่นเป็นกรุงลอนดอน และที่อื่นๆ--
-
1:31 - 1:35โดยดูจากเส้นรุ้งที่ 55 องศา--
-
1:35 - 1:37ข่าวร้ายก็คือ นั่นคือที่นี่ กรุงกลาสโก
-
1:37 - 1:40ผมมาจากเอดินบะระ ข่าวร้ายที่สุดคือไม่เว้นแม้เอดินบะระ
-
1:40 - 1:44(เสียงหัวเราะ)
-
1:44 - 1:48ดังนั้น เพราะเหตุใดจึงมีช่องโหว่ที่น่ากลัวตรงนี้
-
1:48 - 1:50ระหว่างเราขึ้นไปตรงนี้ในสก็อตแลนด์ตอนใต้
-
1:50 - 1:51และทางใต้
-
1:51 - 1:52ปัจจุบันเรารู้เกี่ยวกับเรื่องการสูบบุหรี่
-
1:52 - 1:55อ่าหารทอดกรอบ ช๊อกโกแลตมาร์ส มันฝรั่งทอด
ซึ่งเป็นอาหารของคนกลาสโก -
1:55 - 1:56ของพวกนี้ทั้งหมด
-
1:56 - 1:59แต่กราฟนี้คือ หลังจากที่เอามาพิจารณาแลัวเกี่ยวกับ
-
1:59 - 2:01ปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดที่รู้ๆกันแล้วเหล่านี้
-
2:01 - 2:05และนี่คือ หลังจากเอาการสูบบุหรี่ ฐานะทางสังคม อาหารที่รับประทาน มาพิจารณาแล้ว
-
2:05 - 2:07ปัจจัยเสี่ยงที่รู้กันเหล่านั้นทั้งหมด
-
2:07 - 2:09เราก็จะเหลือช่องว่าที่ขาดหายไปนี้
-
2:09 - 2:13ของการตายที่เพิ่มขึ้น เมื่อขึ้นไปเรื่อยๆทางเหนือ
-
2:13 - 2:15แสงอาทิตย์ แน่นอน เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
-
2:15 - 2:18เรื่องวิตามินดี มีข่าวอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์มากมาย
-
2:18 - 2:20และคนจำนวนมาก ก็เป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องนี้
-
2:20 - 2:24เราจำเป็นต้องได้วิตามินดี ปัจจุบันมีข้อบังคับ ให้เด็กได้รับในปริมาณหนึ่ง
-
2:24 - 2:26คุณยายของผมเติบโตขึ้นในกรุงกลาสโก
-
2:26 - 2:29ย้อนไปในปี 1920 จนถึง 1930 เมื่อโรคกระดูกอ่อนเป็นปัญหาสำคัญ
-
2:29 - 2:32และนํ้ามันตับปลาก็เข้ามา
-
2:32 - 2:36และก็ได้ป้องกันโรคกระดูกอ่อนได้อย่างชะงัด เป็นโรคที่มีอยู่ทั่วไปในเมืองนี้
-
2:36 - 2:39ตอนผมเป็นเด็ก คุณย่าก็ให้ผมกินนํ้ามันตับปลา
-
2:39 - 2:42ผมจำได้แม่น --ไม่มีใครลืมนํ้ามันตับปลา
-
2:42 - 2:47สมาคมแห่งหนึ่งกล่าวว่า ยิ่งระดับวิตามินดีในเลือดของคน สูงขึ้นเท่าใด
-
2:47 - 2:51จะเป็นโรคหัวใจน้อยลง เป็นมะเร็งน้อยลง
-
2:51 - 2:54ดูเหมือนจะมีข้อมูลมากมายที่แนะว่า วิตามินดี ดีมากสำหรับคุณ
-
2:54 - 2:57และก็จริง มันช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อน และโรคอื่นๆ
-
2:57 - 2:59แต่ถ้าคุณให้คนกินวิตามินดีเสริม
-
2:59 - 3:03คุณก็จะไม่ได้เปลี่ยนแปลง อัตราโรคหัวใจที่สูง
-
3:03 - 3:07และหลักฐานที่ว่ามันป้องกันมะเร็ง ก็ยังมีไม่มาก
-
3:07 - 3:11ดังนั้น สิ่งที่ผมจะแนะนำก็คือ วิตามินดีไม่ได้เป็นแค่เพียงเรื่องโกหก ที่เล่าสู่กันฟัง
-
3:11 - 3:15ไม่เป็นแค่เหตุผลที่ว่า มันป้องกันโรคหัวใจ
-
3:15 - 3:19ระดับวิตามินดีที่สูง ผมคิดนะ เป็นตัวบ่งชี้ถึงการได้รับแสงแดด
-
3:19 - 3:22การได้รับแสงแดด ในวิธีที่ผมกำลังจะแสดงให้เห็น
-
3:22 - 3:25ว่าดีต่อโรคหัวใจ
-
3:25 - 3:27จะอย่างไรก็ตาม ผมกลับมาจากออสเตรเลีย
-
3:27 - 3:30และถึงแม้จะมีโอกาสเสี่ยงอย่างชัดเจน ต่อสุขภาพของผม ผมได้ย้ายไปเมืองเอดินบะระ
-
3:30 - 3:33(เสียงหัวเราะ)
-
3:33 - 3:36ที่เอดินบะระ ผมได้เริ่มการฝึกฝนงานด้านโรคผิวหนัง
-
3:36 - 3:38แต่ผมก็มาสนใจงานวิจัยด้วย
-
3:38 - 3:41โดยเฉพาะผมมาสนใจสารตัวนี้ คือ ไนตริกอ๊อกไซด์
-
3:41 - 3:42ชายสามคนตรงนี้
-
3:42 - 3:44ชื่อ เฟิกกอทท์ อิกแนโร และ มิวราด
-
3:44 - 3:47ได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ ย้อนไปในปี 1998
-
3:47 - 3:49และพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรก ที่ได้อธิบาย
-
3:49 - 3:53สารเคมีใหม่ ตัวสื่อปฏิกริยาทางเคมี ไนตริกอ็อกไซด์นี้
-
3:53 - 3:56สิ่งที่ไนตริกอ๊อกไซด์ทำก็คือ มันไปขยายหลอดเลือด
-
3:56 - 3:58มันจึงไปทำให้ความดันโลหิตลดลง
-
3:58 - 4:02และมันยังไปขยายหลอดเลือดหัวใจด้วย มันจึงไปหยุดยั้งอาการปวดอย่างรุนแรงของหัวใจ
-
4:02 - 4:03สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับรื่องนี้
-
4:03 - 4:07คือ ในอดีตเมื่อเราคิดถึงตัวที่เป็นสื่อทางเคมี ภายในร่างกาย
-
4:07 - 4:10เราก็จะคิดถึงสิ่งที่ซับซ้อน เช่น เอสโตรเจ้น และ อินซูลิน
-
4:10 - 4:12หรือ ตัวสื่อประสาท
-
4:12 - 4:15กระบวนการที่ซับซ้อนมากๆ กับสารเคมีที่ซับซ้อนมากๆ
-
4:15 - 4:18ที่เหมาะเจาะพอดีกับตัวรับที่ซับซ้อนมากๆ
-
4:18 - 4:20และนี่เป็น โมเลกุลง่ายๆอย่างเหลือเชื่อ
-
4:20 - 4:23ไนโตรเจนและอ๊อกซิเจน ที่มาเกาะตัวกัน
-
4:23 - 4:28แต่สำคัญอย่างมากสำหรับความดันโลหิตตํ่า
-
4:28 - 4:30สำหรับการสื่อนำประสาท สำหรับเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
-
4:30 - 4:34โดยเฉพาะสุขภาพของหัวใจ และหลอดเลือดหัวใจ
-
4:34 - 4:37แล้วผมก็เริ่มทำวิจัย และเราก็ตื่นเต้นมากที่พบ
-
4:37 - 4:40ว่าผิวหนังก็ผลิตไนตริกอ๊อกไซด์
-
4:40 - 4:43มันจึงไม่ได้ขึ้นมา แค่เพียงในระบบหัวใจและหลอดเลือด
-
4:43 - 4:45มันขึ้นมา ในผิวหนังด้วย
-
4:45 - 4:46ทีนี้ เมื่อได้พบและได้พิมพ์เผยแพร่ไปแล้ว
-
4:46 - 4:48ผมก็มาคิดว่า มันทำอะไรได้เล่า
-
4:48 - 4:50คุณมีความดันโลหิตตํ่า ในผิวหนังของคุณได้อย่างไร
-
4:50 - 4:52มันไม่ใช่หัวใจ คุณจะทำอะไรได้ละ
-
4:52 - 4:56ผมจึงไปสหรัฐ เหมือนกับที่หลายๆคนทำ ถ้าเขาจะทำวิจัย
-
4:56 - 5:00และผมก็ใช้เวลาสองสามปีที่เมืองพิทส์เบิร์ก นี่คือพิทส์เบิร์ก
-
5:00 - 5:02และผมให้ความสนใจ กับระบบที่ซับซ้อนมากๆพวกนี้
-
5:02 - 5:06เราคิดว่า บางทีไนตริกอ๊อกไซด์มีผลต่อ การตายของเซลล์
-
5:06 - 5:09ต่อการอยู่รอดของเซลล์ และต่อความต้อนทานของ
เซลล์ต่อสิ่งอื่นๆ -
5:09 - 5:12ในตอนแรก ผมเริ่มทำงานเรื่องการเพาะเลี้ยงเซลล์ ปลูกเซลล์
-
5:12 - 5:14แล้วผมก็ใช้แบบจำลองการศึกษายีนส์ของหนู
-
5:14 - 5:16ก็คือ หนูที่สร้างยีนส์ไม่ได้
-
5:16 - 5:21เราได้สร้างกลไกอันหนึ่งซึ่ง คือ NOได้ช่วยให้เซลล์ดำรงชีวิตอยู่ได้
-
5:21 - 5:24แล้วผมก็ย้ายกลับมาที่เอดินบะระ
-
5:24 - 5:27และที่เอดินบะระ สัตว์ทดลองที่เราใช้ก็คือ นักศึกษาแพทย์
-
5:27 - 5:29เป็นสปีชี่ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์
-
5:29 - 5:31ที่มีข้อได้เปรียบกว่าหนูมากมาย
-
5:31 - 5:35พวกเขามีอิสระ คุณไม่ต้องโกนหนวดให้เขา เขาหาอาหารทานเอง
-
5:35 - 5:37และจะไม่มีใครมาประท้วงที่ๆทำงานคุณ ว่า
-
5:37 - 5:39"ช่วยชีวิตนักศึกษาแพทย์ห้องทดลอง"
-
5:39 - 5:42ดังนั้นพวกเขาจึงเป็น ตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ
-
5:42 - 5:44แต่แล้วสิ่งที่เราพบ
-
5:44 - 5:49คือเราไม่ได้ข้อมูลในมนุษย์ แบบที่เราได้จากหนู
-
5:49 - 5:52ดูเหมือนว่า เราไม่สามารถหยุดการผลิต
-
5:52 - 5:55ไนตริกอ๊อกไซด์ ในผิวหนังของมนุษย์ได้
-
5:55 - 5:58เราทาครีมซึ่งจะไปปิดกั้นเอ็นไซม์ ที่สร้างมันขึ้นมา
-
5:58 - 6:02เราฉีดสารเข้าไป แต่เราหยุดการผลิตไนตริกอ๊อกไซด์ไม่ได้
-
6:02 - 6:06และเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ มันเผยออกมา หลังจากที่ทำงานไปได้ สองหรือสามปี
-
6:06 - 6:10ก็คือในผิวหนัง เรามีสะสมไว้มากมาย
-
6:10 - 6:13ไม่ใช่ไนตริกอ๊อกไซด์ เพราะไนตริกอ๊อกไซด์เป็นก๊าซ
-
6:13 - 6:16มันจะถูกปล่อยออกไป ปรู๊ดเดียว และในสองสามวินาทีมันก็ไปแล้ว
-
6:16 - 6:19แต่มันเปลี่ยนไปเป็นไนตริกอ๊อกไซด์ได้ หลายรูปแบบ
-
6:19 - 6:23ได้แก่ ไนเตรด NO3, ไนไตร๊ท NO2, ไนโตรโซโทล
-
6:23 - 6:24และสารพวกนี้ไม่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง
-
6:24 - 6:28และผิวหนังของคุณเก็บ NO ไว้มากจริงๆ
-
6:28 - 6:31เราก็เลยคิดกับตัวเองว่า เมื่อสะสมไว้มากขนาดนั้น
-
6:31 - 6:35ผมสงสัยว่า แสงแดดอาจเข้าไปกระตุ้นสารที่สะสมไว้ ให้เกิดปฏิกริยา
-
6:35 - 6:36และปล่อยให้มันออกมาจากผิวหนัง
-
6:36 - 6:40ที่เก็บเอาไว้นั้นมีมากถึงสิบเท่า ของที่มีหมุนเวียนใช้อยู่
-
6:40 - 6:43ดวงอาทิตย์จะไปกระตุ้นสารที่สะสมไว้นั้น ให้เข้าไปสู่การหมุนเวียน
-
6:43 - 6:48และในการหมุนเวียนนั้น ก็จะไปทำให้เกิดสิ่งที่ดี ต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ
-
6:48 - 6:50ก็ผมเป็นแพทย์โรคผิวหนัง ที่ทำการค้นคว้าทดลอง
-
6:50 - 6:52ดังนั้นสิ่งที่เราทำก็คือ เราคิดว่า
-
6:52 - 6:55เราจะต้องให้สัตว์ทดลองของเรา ออกไปถูกแสงแดด
-
6:55 - 6:59และสิ่งที่เราทำก็คือ เราเอาอาสาสมัครมากลุ่มหนึ่ง
-
6:59 - 7:02และเราก็ให้พวกเขา ถูกแสงอุลตราไวโอเล็ต
-
7:02 - 7:04นี่เป็นสิ่งที่คล้ายกับตะเกียงแสงอาทิตย์
-
7:04 - 7:06สิ่งที่เราทำอย่างระมัดระวังก็คือ
-
7:06 - 7:09วิตามินดี ถูกสร้างขึ้นจาก รังสีอุลตราไวโอเล็ต บี
-
7:09 - 7:13แต่เราต้องการแยกเรื่องของเรา ออกจากเรื่องของวิตามินดี
-
7:13 - 7:17ดังนั้นเราจึงใช้อุลตราไวโอเล็ต เอ ซึ่งไม่ได้สร้างวิตามินดี
-
7:17 - 7:19เมื่อเราเอาคนไปอยู่ข้างใต้ตะเกียง
-
7:19 - 7:25เป็นเวลานานเท่ากับ ประมาณ 30 นาทีของแสงอาทิตย์ในฤดูร้อน ของเมืองเอดินเบอร์ก
-
7:25 - 7:27สิ่งที่เราผลิตได้ก็คือ เราทำให้เกิดการเพิ่มสูงขึ้น
-
7:27 - 7:29ของการไหลเวียนของไนตริกอ๊อกไซด์
-
7:29 - 7:32เราจึงให้คนไข้ กับกลุ่มทดลอง อยู่ใต้แสง UV
-
7:32 - 7:34ระดับ NO ของพวกเขาก็สูงขึ้นได้จริง
-
7:34 - 7:36และระดับความดันโลหิตลดตํ่าลง
-
7:36 - 7:39ไม่มากนัก ที่ระดับบุคคล
-
7:39 - 7:41แต่ก็เพียงพอ ที่ระดับประชากร
-
7:41 - 7:45ที่จะเปลี่ยนอัตราของโรคหัวใจ ในประชากรโดยรวม
-
7:45 - 7:47เมื่อเราฉายแสง UV ไปที่พวกเขา
-
7:47 - 7:51หรือเมื่อเราทำให้พวกเขาร้อนขึ้น ในระดับเดียวกับตะเกียง
-
7:51 - 7:54แต่จริงๆแล้วไม่ได้ให้รังสีตกที่ผิวหนัง นี่ไม่ได้เกิดขึ้น
-
7:54 - 7:58แต่ดูเหมือนจะเป็นลักษณะของรังสีอุตราไวโอเล็ต ที่ตกที่ผิวหนัง
-
7:58 - 8:00ปัจจุบันเรายังคงรวบรวมข้อมูลกันต่อไป
-
8:00 - 8:01สิ่งที่ดีสองสามอย่างได้แก่
-
8:01 - 8:05ผลดูเหมือนจะเห็นเด่นชัดมากกว่า ในผู้สูงอายุ
-
8:05 - 8:06ผมไม่แน่ใจว่าแค่ไหนแน่
-
8:06 - 8:08ผู้เข้ารับการทดลองคนหนึ่ง คือ แม่ยายผม
-
8:08 - 8:11และชัดเจนว่าผมไม่ทราบอายุเธอ
-
8:11 - 8:14แต่แน่นอนว่า ในคนที่แก่กว่าภรรยาผม
-
8:14 - 8:17ดูเหมือนจะเห็นผลที่เด่นชัดกว่า
-
8:17 - 8:19และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมควรจะกล่าวถึง
-
8:19 - 8:21ก็คือ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในวิตามินดี
-
8:21 - 8:23เรื่องนี้แยกออกจากวิตามินดี
-
8:23 - 8:24วิตามินดี จึงดีสำหรับคุณ คือมันหยุดยั้งโรคกระดูกอ่อน
-
8:24 - 8:27มันกีดกั้นการสันดาปของแคลเซี่ยม นี่เรื่องสำคัญ
-
8:27 - 8:30แต่นี่เป็นกลไก ที่แยกออกไปจากเรื่องของวิตามินดี
-
8:30 - 8:32ทีนี้ปัญหาหนึ่ง เมื่อมาดูเรื่องความดันโลหิต
-
8:32 - 8:34ก็คือร่างกายของคุณ จะทำทุกอย่างที่ทำได้
-
8:34 - 8:35เพื่อรักษาความดันโลหิตของคุณให้อยู่ที่เดิม
-
8:35 - 8:37ถ้าขาของคุณถูกตัดออกไป และคุณเสียเลือดไป
-
8:37 - 8:40ร่างกายของคุณจะหนีบกันแน่น เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
-
8:40 - 8:42ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพื่อรักษาความดันโลหิตให้สูงไว้
-
8:42 - 8:45นี่เป็นกฎทางกายภาพพื้นฐานอย่างแท้จริง
-
8:45 - 8:47สิ่งที่เราได้ทำไปแล้ว ลำดับต่อมา
-
8:47 - 8:51ก็คือเราได้ก้าวเข้าไปดู การขยายตัวของหลอดเลือด
-
8:51 - 8:52เราได้วัด เรื่องนี้ก็เหมือนกัน
-
8:52 - 8:57ขอให้สังเกตว่า ไม่มีหางและไม่มีขน นี่เป็นนักศึกษาแพทย์
-
8:57 - 9:00ในแขน คุณสามารถวัดกระแสเลือดในแขนนั้น
-
9:00 - 9:03โดยดูว่ามันนูนขึ้นแค่ไหน ขณะกระแลเลือดไหลอยู่ในนั้น
-
9:03 - 9:07และสิ่งที่เราได้แสดงให้เห็น ก็คือ ทำการฉายรังสีหลอกๆ
-
9:07 - 9:08ตรงเส้นหนาๆนี่
-
9:08 - 9:11เป็นการฉายรังสี UV บนแขน มันจึงร้อนขึ้น
-
9:11 - 9:13แต่ยังคงปิดมันไว้ ดังนั้นรังสีไม่ไปถูกผิวหนัง
-
9:13 - 9:17ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในการไหลของโลหิต ในการขยายหลอดเลือด
-
9:17 - 9:19แต่การฉายรังสีที่มีพลัง
-
9:19 - 9:23ระหว่างที่ฉายรังสี UV และหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง
-
9:23 - 9:25มีการขยายตัวของหลอดเลือด
-
9:25 - 9:27นี่เป็นกลไก ซึ่งคุณลดความดันโลหิต
-
9:27 - 9:30ซึ่งคุณขยายเส้นเลือดหัวใจด้วย
-
9:30 - 9:31เพื่อให้เลือดถูกนำไปหล่อเลี้ยงหัวใจ
-
9:31 - 9:36ดังนั้น ตรงนี้ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ว่ารังสีอุลตราไวโอเล็ต นั่นก็คือแสงอาทิตย์
-
9:36 - 9:41มีประโยชนืต่อการไหลของโลหิต และระบบเส้นเลือดหัวใจ
-
9:41 - 9:43เราจึงคิดว่า เราคล้ายกับจะเป็นต้นแบบ
-
9:43 - 9:49ปริมาณที่แตกต่างกันของรังสี UV ถูกส่วนต่างๆของโลก ในเวลาต่างๆกันในรอบปี
-
9:49 - 9:53ดังนั้นคุณสามารถคำนวณ ปริมาณของไนตริกอ๊อกไซด์ ที่สะสมไว้
-
9:53 - 9:55ได้แก่ ไนเตรด ไนไตร๊ท์ ไนโตรโซโทล ที่อยู่ในผิวหนัง
-
9:55 - 9:58ซึ่งจะแยกตัวเพื่อปล่อย NO ออกมา
-
9:58 - 10:02ความยาวของคลื่นแสงที่ต่างกัน จะทำงานเรื่องนี้แตกต่างกัน
-
10:02 - 10:04ดังนั้นคุณสามารถดูความยาวของคลื่นแสง ที่ทำงานนั้น
-
10:04 - 10:08และคณมองดูได้ ถ้าคุณอาศัยอยู่แถบเส้นศูนย์สูตร
แสงอาทิตย์ส่องตรงมา ที่ตำแหน่งเหนือหัว -
10:08 - 10:10มันผ่านทะลุส่วนของชั้นบรรยากาศที่บางมาก
-
10:10 - 10:13ในฤดูหนาว หรือฤดูร้อน ปริมาณของแสงจะเท่ากัน
-
10:13 - 10:15แต่ถ้าคุณอาศัยอยู่ขึ้นไปตรงนี้ ในฤดูร้อน
-
10:15 - 10:18ดวงอาทิตย์ตรงมาข้างล่างพอสมควร
-
10:18 - 10:21แต่ในฤดูหนาว มันจะผ่านทะลุบรรยากาศที่มีปริมาณมาก
-
10:21 - 10:24และรังสีอุลตราไวโอเล็ตจำนวนมาก ก็จะถูกกำจัดออกไป
-
10:24 - 10:27ขอบเขตของความยาวคลื่น ที่ลงมาถึงโลก
-
10:27 - 10:29ก็ต่างกันระหว่างฤดูร้อน ถึงฤดูหนาว
-
10:29 - 10:31ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้ก็คือ คูณข้อมูลนั้น
-
10:31 - 10:33กับ NO ที่ถูกปล่อยออกมา
-
10:33 - 10:36และคุณสามารถคำนวณหาปริมาณของไนตริกอ๊อกไซด์
-
10:36 - 10:39ที่จะถูกปล่อยออกมาจากผิวหนังเข้าสู่การไหลเวียน
-
10:39 - 10:41เอาละ ถ้าคุณอยู่ที่เส้นศูนย์สูตรตรงนี้
-
10:41 - 10:45ที่ตรงเส้นสองเส้นนั่น เส้นสีแดง และเส้นสีม่วง
-
10:45 - 10:49ปริมาณของไนตริกอ๊อกไซด์ ที่ถูกปล่อยออกมา ก็คือบริเวณใต้เส้นโค้ง
-
10:49 - 10:51เป็นบริเวณในที่ว่างนี่
-
10:51 - 10:54ดังนั้นถ้าคุณอยู่บนเส้นศูนย์สูตร เดือนธันวาคม หรือ มิถุนายน
-
10:54 - 10:57คุณจะได้รับ NO ปริมาณมาก ที่ถูกปล่อยออกมาจากผิวหนัง
-
10:57 - 10:59ดังนั้น เวนทูราทางตอนใต้ของแคลิฟอรืเนีย
-
10:59 - 11:02ในฤดูร้อน คุณอาจเป็น เหมือนที่เส้นศูนย์สูตร
-
11:02 - 11:04ยอดเยี่ยม NO มากมายถูกปล่อยออกมา
-
11:04 - 11:08เวนทูรากลางฤดุหนาว ก็ยังคงมีปริมาณใช้ได้
-
11:08 - 11:12เอดินบะระในฤดูร้อน พื้นที่ใต้เส้นโค้ง ดีมากทีเดียว
-
11:12 - 11:16แต่กรุงเอดินบะระในฤดูหนาว ปริมาณ NO ที่ถูกปล่อยออกมาได้
-
11:16 - 11:20น้อยมาก เกือบจะไม่มี
-
11:20 - 11:21ดังนั้นเราจะคิดอย่างไร
-
11:21 - 11:23เรายังคงทำงานเรื่องนี้อยู่
-
11:23 - 11:25เรายังคงพัฒนามันต่อไป ยังคงขยายมันไปเรื่อยๆ
-
11:25 - 11:27เราคิดว่า มันสำคัญมาก
-
11:27 - 11:30เราคิดว่ามันน่าจะนำมาใช้อธิบาย ภาวะวิกฤติด้านสุขภาพ ระหว่างเหนือและใต้ในอังกฤษได้อย่างมาก
-
11:30 - 11:32มันเกี่ยวข้องกับเราโดยตรง
-
11:32 - 11:34เราคิดว่าผิวหนัง
-
11:34 - 11:36เรารู้ว่า ผิวหนังได้เก็บสะสมไว้มากมาย
-
11:36 - 11:39ไนตริกอ๊อกไซด์ ในรูปต่างๆมากมายนี้
-
11:39 - 11:41เราคาดว่า เป็นไปได้ว่าสิ่งเหล่านี้ มาจากอาหาร
-
11:41 - 11:43ผักใบสีเขียว บีทรูท ผักกาดหอม
-
11:43 - 11:46มีไนตริกอ๊อกไซด์มาก ซึ่งเราคิดว่าไปที่ผิวหนัง
-
11:46 - 11:48เราคิดว่า มันก็ไปสะสมอยู่ในผิวหนัง
-
11:48 - 11:51และเราคิดว่าแสงแดด เป็นตัวปล่อยมันออกมา
-
11:51 - 11:53ซึ่งโดยทั่วไป ทำให้มันเกิดผลที่เป็นประโยชน์
-
11:53 - 11:56และสิ่งนี้ เป็นงานที่ต่อเนื่อง แต่แพทย์โรคผิวหนัง
-
11:56 - 11:58คือ ผมเป็นแพทย์โรคผิวหนัง
-
11:58 - 12:00งานประจำวันของผมคือ บอกกับผู้คนว่า "คุณเป็นมะเร็งผิวหนัง
-
12:00 - 12:02สาเหตุมาจากแสงแดด อย่าไปถูกแสงแดดนะ"
-
12:02 - 12:05จริงๆแล้ว ผมคิดจะบอก เรื่องที่สำคัญมากกว่านี้
-
12:05 - 12:08คือ มีประโยชน์ และภัยอันตราย ต่อการถูกแสงแดด
-
12:08 - 12:14ใช่ครับ แสงแดดเป็นตัวเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยน เกิดมะเร็งผิวหนัง
-
12:14 - 12:17แต่ความตายจากโรคหัวใจ สูงกว่าร้อยเท่า
-
12:17 - 12:19ของดวามตายจากมะเร็งผิวหนัง
-
12:19 - 12:21และผมคิดว่า เราจำเป็นต้องตระหนักรู้ให้มากขึ้น
-
12:21 - 12:23เราจำเป็นต้องหา สัดส่วนของประโยชน์ที่ได้ กับความเสี่ยงนั้น
-
12:23 - 12:25แสงแดดปริมาณเท่าใดจึงจะปลอดภัย
-
12:25 - 12:29และเราจะใช้เพทุบายที่ดีที่สุดได้อย่างไร เพื่อสุขภาพทั่วไปของเรา
-
12:29 - 12:31ครับคุณมากจริงๆครับ
-
12:31 - 12:38(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ริชาร์ด เวลเลอร์: ดวงอาทิตย์จะดีกับหัวใจของคุณหรือไม่
- Speaker:
- Richard Weller
- Description:
-
ร่างกายของเราได้วิตามินดีจากดวงอาทิตย์ แต่ในฐานะแพทย์โรคผิวหนัง ริชารด์ เวลเลอร์ แนะนำว่า แสงอาทิตย์อาจจะให้ประโยชน์ที่ทำให้ประหลาดได้อีกอย่างหนึ่งด้วย งานวิจัยชิ้นใหม่โดยทีมงานของเขา แสดงให้เห็นว่า ไนตริกอ๊อกไซด์ สารสื่อทางเคมีที่ถูกเก็บสะสมไว้มากมายในผิวหนัง สามารถถูกปล่อยออกมาด้วยแสง UV เพื่อให้ประโยชน์อย่างยิ่งกับความดันโลหิต และระบบหลอดเลือดหัวใจ หมายความว่าอะไรหรือ มันอาจจะเริ่มอธิบายได้ว่า ทำไมชาวสก๊อตจึงเจ็บป่วยมากกว่าชาวออสเตรเลีย ...
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 12:59
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for Could the sun be good for your heart? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Could the sun be good for your heart? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Could the sun be good for your heart? | ||
Yada Sattarujawong accepted Thai subtitles for Could the sun be good for your heart? | ||
Yada Sattarujawong commented on Thai subtitles for Could the sun be good for your heart? | ||
Yada Sattarujawong edited Thai subtitles for Could the sun be good for your heart? | ||
Yada Sattarujawong edited Thai subtitles for Could the sun be good for your heart? | ||
Yada Sattarujawong edited Thai subtitles for Could the sun be good for your heart? |