WEBVTT 00:00:00.380 --> 00:00:02.787 ก่อนที่ผมจะมาเป็นแพทย์โรคผิวหนัง 00:00:02.787 --> 00:00:05.339 ผมเริ่มต้นจากการเป็นแพทย์ทั่วไป 00:00:05.339 --> 00:00:07.555 เหมือนกับแพทย์ผิวหนังส่วนมากในอังกฤษ 00:00:07.555 --> 00:00:09.603 หลังจากนั้น ผมก็เดินทางไปออสเตรเลีย 00:00:09.603 --> 00:00:11.499 ราวๆ 20 ปีมาแล้ว 00:00:11.499 --> 00:00:13.620 สิ่งที่คุณเรียนรู้เมื่อไปออสเตรเลีย 00:00:13.620 --> 00:00:16.346 ก็คือ คนออสเตรเลียแข่งขันกันอย่างมาก 00:00:16.346 --> 00:00:18.403 และพวกเขาไม่ได้ใจกว้างนัก เรื่องชัยชนะ 00:00:18.403 --> 00:00:20.467 และมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ที่คนจะบอกว่า 00:00:20.467 --> 00:00:22.899 เช่น "คุณ พวกอังกฤษอมโรค เล่นคริกเก็ต รักบี้ก็ไม่เป็น" 00:00:22.899 --> 00:00:25.017 ผมยอมรับได้เรื่องนั้น NOTE Paragraph 00:00:25.017 --> 00:00:27.347 แต่เมื่อเข้ามาเรื่องงาน-- 00:00:27.347 --> 00:00:29.885 แต่ละสัปดาห์เรามีสิ่งที่เรียกกันว่า สโมสรหนังสือวารสาร 00:00:29.885 --> 00:00:32.343 ที่เราจะเข้าไปนั่งกับแพทย์คนอื่นๆ 00:00:32.343 --> 00:00:34.463 และจะอ่านงานเขียนทางวิทยาศาสตร์ 00:00:34.463 --> 00:00:36.304 ที่เกี่ยวกับการแพทย์ 00:00:36.304 --> 00:00:39.053 หลังจากสัปดาห์ที่หนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับอัตราการตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ 00:00:39.053 --> 00:00:42.733 เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ คือ จะมีสักกี่คนที่ตายเพราะโรคหัวใจ 00:00:42.733 --> 00:00:44.117 และอัตราการตายจะเป็นเท่าไหร่ 00:00:44.117 --> 00:00:46.093 แต่พวกเขาก็แข่งขันกันเรื่องนี้ 00:00:46.093 --> 00:00:49.189 "คุณ พวกอังกฤษอมโรค อัตราโรคหัวใจของพวกคุณน่าตกใจนะ" NOTE Paragraph 00:00:49.189 --> 00:00:51.085 และแน่นอน พวกเขาพูดถูก 00:00:51.085 --> 00:00:55.066 คนออสเตรเลียเป็นโรคหัวใจน้อยกว่าเรา หนึ่งในสาม 00:00:55.066 --> 00:00:58.857 คือ การตายจากหัวใจวาย หัวใจล้มเหลว โรคสมองขาดเลือดน้อยกว่า 00:00:58.857 --> 00:01:00.917 นั่นคือ พวกเขาโดยทั่วไปแล้วเป็นกลุ่มที่มีสุขภาพดีกว่า 00:01:00.917 --> 00:01:02.608 แน่นอน พวกเขาบอกว่า นี่ก็เป็นเพราะ 00:01:02.608 --> 00:01:04.672 จุดยืนและหลักปฏิบัติของพวกเขา คือการออกกำลังกาย 00:01:04.672 --> 00:01:08.740 เพราะพวกเขาเป็นคนออสเตรเลีย แต่เราเป็นพวกอังกฤษอมโรค และอะไรทำนองนั้น NOTE Paragraph 00:01:08.740 --> 00:01:13.771 แต่ไม่ใช่แค่ออสเตรเลีย ที่มีสุขภาพดีกว่าอังกฤษ 00:01:13.771 --> 00:01:17.299 ภายในประเทศอังกฤษ มีการเสื่อมถอยด้านสุขภาพ 00:01:17.299 --> 00:01:19.235 และนี่เรียกกันว่า อัตราการเสียชีวิตมาตรฐาน 00:01:19.235 --> 00:01:21.323 หรือง่ายๆก็คือ โอกาสในการเสียชีวิตของคุณ 00:01:21.323 --> 00:01:24.667 นี่เป็นการดูข้อมูลจากบทความ ราว 20 ปีก่อนโน้น 00:01:24.667 --> 00:01:26.142 แต่มันก็เป็นความจริงในปัจจุบัน 00:01:26.142 --> 00:01:29.232 ลองเปรียบเทียบอัตราการตายของคุณที่ 50 องศาตอนเหนือ 00:01:29.232 --> 00:01:31.499 นั่นเป็นตอนใต้ นั่นเป็นกรุงลอนดอน และที่อื่นๆ-- 00:01:31.499 --> 00:01:34.851 โดยดูจากเส้นรุ้งที่ 55 องศา-- 00:01:34.851 --> 00:01:37.235 ข่าวร้ายก็คือ นั่นคือที่นี่ กรุงกลาสโก 00:01:37.235 --> 00:01:40.083 ผมมาจากเอดินบะระ ข่าวร้ายที่สุดคือไม่เว้นแม้เอดินบะระ NOTE Paragraph 00:01:40.083 --> 00:01:44.207 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:01:44.207 --> 00:01:47.513 ดังนั้น เพราะเหตุใดจึงมีช่องโหว่ที่น่ากลัวตรงนี้ 00:01:47.513 --> 00:01:49.717 ระหว่างเราขึ้นไปตรงนี้ในสก็อตแลนด์ตอนใต้ 00:01:49.717 --> 00:01:50.727 และทางใต้ 00:01:50.727 --> 00:01:52.145 ปัจจุบันเรารู้เกี่ยวกับเรื่องการสูบบุหรี่ 00:01:52.145 --> 00:01:54.847 อ่าหารทอดกรอบ ช๊อกโกแลตมาร์ส มันฝรั่งทอด ซึ่งเป็นอาหารของคนกลาสโก 00:01:54.847 --> 00:01:56.175 ของพวกนี้ทั้งหมด 00:01:56.175 --> 00:01:58.967 แต่กราฟนี้คือ หลังจากที่เอามาพิจารณาแลัวเกี่ยวกับ 00:01:58.967 --> 00:02:01.031 ปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดที่รู้ๆกันแล้วเหล่านี้ 00:02:01.031 --> 00:02:04.800 และนี่คือ หลังจากเอาการสูบบุหรี่ ฐานะทางสังคม อาหารที่รับประทาน มาพิจารณาแล้ว 00:02:04.800 --> 00:02:06.543 ปัจจัยเสี่ยงที่รู้กันเหล่านั้นทั้งหมด 00:02:06.543 --> 00:02:08.767 เราก็จะเหลือช่องว่าที่ขาดหายไปนี้ 00:02:08.767 --> 00:02:12.627 ของการตายที่เพิ่มขึ้น เมื่อขึ้นไปเรื่อยๆทางเหนือ NOTE Paragraph 00:02:12.627 --> 00:02:15.264 แสงอาทิตย์ แน่นอน เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ 00:02:15.264 --> 00:02:17.584 เรื่องวิตามินดี มีข่าวอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์มากมาย 00:02:17.584 --> 00:02:19.586 และคนจำนวนมาก ก็เป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ 00:02:19.586 --> 00:02:23.578 เราจำเป็นต้องได้วิตามินดี ปัจจุบันมีข้อบังคับ ให้เด็กได้รับในปริมาณหนึ่ง 00:02:23.578 --> 00:02:25.810 คุณยายของผมเติบโตขึ้นในกรุงกลาสโก 00:02:25.810 --> 00:02:29.396 ย้อนไปในปี 1920 จนถึง 1930 เมื่อโรคกระดูกอ่อนเป็นปัญหาสำคัญ 00:02:29.396 --> 00:02:31.594 และนํ้ามันตับปลาก็เข้ามา 00:02:31.594 --> 00:02:35.538 และก็ได้ป้องกันโรคกระดูกอ่อนได้อย่างชะงัด เป็นโรคที่มีอยู่ทั่วไปในเมืองนี้ 00:02:35.538 --> 00:02:39.458 ตอนผมเป็นเด็ก คุณย่าก็ให้ผมกินนํ้ามันตับปลา 00:02:39.458 --> 00:02:42.482 ผมจำได้แม่น --ไม่มีใครลืมนํ้ามันตับปลา NOTE Paragraph 00:02:42.482 --> 00:02:47.264 สมาคมแห่งหนึ่งกล่าวว่า ยิ่งระดับวิตามินดีในเลือดของคน สูงขึ้นเท่าใด 00:02:47.264 --> 00:02:50.591 จะเป็นโรคหัวใจน้อยลง เป็นมะเร็งน้อยลง 00:02:50.591 --> 00:02:54.433 ดูเหมือนจะมีข้อมูลมากมายที่แนะว่า วิตามินดี ดีมากสำหรับคุณ 00:02:54.433 --> 00:02:56.727 และก็จริง มันช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อน และโรคอื่นๆ 00:02:56.727 --> 00:02:59.447 แต่ถ้าคุณให้คนกินวิตามินดีเสริม 00:02:59.447 --> 00:03:02.879 คุณก็จะไม่ได้เปลี่ยนแปลง อัตราโรคหัวใจที่สูง 00:03:02.879 --> 00:03:06.607 และหลักฐานที่ว่ามันป้องกันมะเร็ง ก็ยังมีไม่มาก 00:03:06.607 --> 00:03:11.464 ดังนั้น สิ่งที่ผมจะแนะนำก็คือ วิตามินดีไม่ได้เป็นแค่เพียงเรื่องโกหก ที่เล่าสู่กันฟัง 00:03:11.464 --> 00:03:14.775 ไม่เป็นแค่เหตุผลที่ว่า มันป้องกันโรคหัวใจ 00:03:14.775 --> 00:03:19.144 ระดับวิตามินดีที่สูง ผมคิดนะ เป็นตัวบ่งชี้ถึงการได้รับแสงแดด 00:03:19.144 --> 00:03:22.359 การได้รับแสงแดด ในวิธีที่ผมกำลังจะแสดงให้เห็น 00:03:22.359 --> 00:03:24.798 ว่าดีต่อโรคหัวใจ NOTE Paragraph 00:03:24.798 --> 00:03:26.759 จะอย่างไรก็ตาม ผมกลับมาจากออสเตรเลีย 00:03:26.759 --> 00:03:30.255 และถึงแม้จะมีโอกาสเสี่ยงอย่างชัดเจน ต่อสุขภาพของผม ผมได้ย้ายไปเมืองเอดินบะระ 00:03:30.255 --> 00:03:32.807 (เสียงหัวเราะ) 00:03:32.807 --> 00:03:35.958 ที่เอดินบะระ ผมได้เริ่มการฝึกฝนงานด้านโรคผิวหนัง 00:03:35.958 --> 00:03:37.903 แต่ผมก็มาสนใจงานวิจัยด้วย 00:03:37.903 --> 00:03:41.078 โดยเฉพาะผมมาสนใจสารตัวนี้ คือ ไนตริกอ๊อกไซด์ 00:03:41.078 --> 00:03:42.454 ชายสามคนตรงนี้ 00:03:42.454 --> 00:03:44.024 ชื่อ เฟิกกอทท์ อิกแนโร และ มิวราด 00:03:44.024 --> 00:03:47.286 ได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ ย้อนไปในปี 1998 00:03:47.286 --> 00:03:49.429 และพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรก ที่ได้อธิบาย 00:03:49.429 --> 00:03:52.774 สารเคมีใหม่ ตัวสื่อปฏิกริยาทางเคมี ไนตริกอ็อกไซด์นี้ 00:03:52.774 --> 00:03:55.799 สิ่งที่ไนตริกอ๊อกไซด์ทำก็คือ มันไปขยายหลอดเลือด 00:03:55.799 --> 00:03:57.670 มันจึงไปทำให้ความดันโลหิตลดลง 00:03:57.670 --> 00:04:01.837 และมันยังไปขยายหลอดเลือดหัวใจด้วย มันจึงไปหยุดยั้งอาการปวดอย่างรุนแรงของหัวใจ NOTE Paragraph 00:04:01.837 --> 00:04:03.223 สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับรื่องนี้ 00:04:03.223 --> 00:04:07.294 คือ ในอดีตเมื่อเราคิดถึงตัวที่เป็นสื่อทางเคมี ภายในร่างกาย 00:04:07.294 --> 00:04:10.464 เราก็จะคิดถึงสิ่งที่ซับซ้อน เช่น เอสโตรเจ้น และ อินซูลิน 00:04:10.464 --> 00:04:11.934 หรือ ตัวสื่อประสาท 00:04:11.934 --> 00:04:15.229 กระบวนการที่ซับซ้อนมากๆ กับสารเคมีที่ซับซ้อนมากๆ 00:04:15.229 --> 00:04:17.517 ที่เหมาะเจาะพอดีกับตัวรับที่ซับซ้อนมากๆ 00:04:17.517 --> 00:04:19.878 และนี่เป็น โมเลกุลง่ายๆอย่างเหลือเชื่อ 00:04:19.878 --> 00:04:23.216 ไนโตรเจนและอ๊อกซิเจน ที่มาเกาะตัวกัน 00:04:23.216 --> 00:04:27.846 แต่สำคัญอย่างมากสำหรับความดันโลหิตตํ่า 00:04:27.846 --> 00:04:30.452 สำหรับการสื่อนำประสาท สำหรับเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย 00:04:30.452 --> 00:04:33.854 โดยเฉพาะสุขภาพของหัวใจ และหลอดเลือดหัวใจ NOTE Paragraph 00:04:33.854 --> 00:04:37.156 แล้วผมก็เริ่มทำวิจัย และเราก็ตื่นเต้นมากที่พบ 00:04:37.156 --> 00:04:39.766 ว่าผิวหนังก็ผลิตไนตริกอ๊อกไซด์ 00:04:39.766 --> 00:04:42.663 มันจึงไม่ได้ขึ้นมา แค่เพียงในระบบหัวใจและหลอดเลือด 00:04:42.663 --> 00:04:44.530 มันขึ้นมา ในผิวหนังด้วย 00:04:44.530 --> 00:04:46.396 ทีนี้ เมื่อได้พบและได้พิมพ์เผยแพร่ไปแล้ว 00:04:46.396 --> 00:04:48.452 ผมก็มาคิดว่า มันทำอะไรได้เล่า 00:04:48.452 --> 00:04:49.932 คุณมีความดันโลหิตตํ่า ในผิวหนังของคุณได้อย่างไร 00:04:49.932 --> 00:04:52.023 มันไม่ใช่หัวใจ คุณจะทำอะไรได้ละ NOTE Paragraph 00:04:52.023 --> 00:04:56.094 ผมจึงไปสหรัฐ เหมือนกับที่หลายๆคนทำ ถ้าเขาจะทำวิจัย 00:04:56.094 --> 00:04:59.831 และผมก็ใช้เวลาสองสามปีที่เมืองพิทส์เบิร์ก นี่คือพิทส์เบิร์ก 00:04:59.831 --> 00:05:02.444 และผมให้ความสนใจ กับระบบที่ซับซ้อนมากๆพวกนี้ 00:05:02.444 --> 00:05:06.485 เราคิดว่า บางทีไนตริกอ๊อกไซด์มีผลต่อ การตายของเซลล์ 00:05:06.485 --> 00:05:08.965 ต่อการอยู่รอดของเซลล์ และต่อความต้อนทานของ เซลล์ต่อสิ่งอื่นๆ 00:05:08.965 --> 00:05:12.332 ในตอนแรก ผมเริ่มทำงานเรื่องการเพาะเลี้ยงเซลล์ ปลูกเซลล์ 00:05:12.332 --> 00:05:14.452 แล้วผมก็ใช้แบบจำลองการศึกษายีนส์ของหนู 00:05:14.452 --> 00:05:16.189 ก็คือ หนูที่สร้างยีนส์ไม่ได้ 00:05:16.189 --> 00:05:20.599 เราได้สร้างกลไกอันหนึ่งซึ่ง คือ NOได้ช่วยให้เซลล์ดำรงชีวิตอยู่ได้ NOTE Paragraph 00:05:20.599 --> 00:05:24.420 แล้วผมก็ย้ายกลับมาที่เอดินบะระ 00:05:24.420 --> 00:05:27.202 และที่เอดินบะระ สัตว์ทดลองที่เราใช้ก็คือ นักศึกษาแพทย์ 00:05:27.202 --> 00:05:29.260 เป็นสปีชี่ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ 00:05:29.260 --> 00:05:31.162 ที่มีข้อได้เปรียบกว่าหนูมากมาย 00:05:31.162 --> 00:05:34.618 พวกเขามีอิสระ คุณไม่ต้องโกนหนวดให้เขา เขาหาอาหารทานเอง 00:05:34.618 --> 00:05:36.738 และจะไม่มีใครมาประท้วงที่ๆทำงานคุณ ว่า 00:05:36.738 --> 00:05:39.138 "ช่วยชีวิตนักศึกษาแพทย์ห้องทดลอง" 00:05:39.138 --> 00:05:42.401 ดังนั้นพวกเขาจึงเป็น ตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ NOTE Paragraph 00:05:42.401 --> 00:05:44.362 แต่แล้วสิ่งที่เราพบ 00:05:44.362 --> 00:05:48.979 คือเราไม่ได้ข้อมูลในมนุษย์ แบบที่เราได้จากหนู 00:05:48.979 --> 00:05:52.219 ดูเหมือนว่า เราไม่สามารถหยุดการผลิต 00:05:52.219 --> 00:05:55.299 ไนตริกอ๊อกไซด์ ในผิวหนังของมนุษย์ได้ 00:05:55.299 --> 00:05:58.091 เราทาครีมซึ่งจะไปปิดกั้นเอ็นไซม์ ที่สร้างมันขึ้นมา 00:05:58.091 --> 00:06:02.475 เราฉีดสารเข้าไป แต่เราหยุดการผลิตไนตริกอ๊อกไซด์ไม่ได้ NOTE Paragraph 00:06:02.475 --> 00:06:05.739 และเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ มันเผยออกมา หลังจากที่ทำงานไปได้ สองหรือสามปี 00:06:05.739 --> 00:06:09.787 ก็คือในผิวหนัง เรามีสะสมไว้มากมาย 00:06:09.787 --> 00:06:12.875 ไม่ใช่ไนตริกอ๊อกไซด์ เพราะไนตริกอ๊อกไซด์เป็นก๊าซ 00:06:12.875 --> 00:06:16.027 มันจะถูกปล่อยออกไป ปรู๊ดเดียว และในสองสามวินาทีมันก็ไปแล้ว 00:06:16.027 --> 00:06:19.251 แต่มันเปลี่ยนไปเป็นไนตริกอ๊อกไซด์ได้ หลายรูปแบบ 00:06:19.251 --> 00:06:22.883 ได้แก่ ไนเตรด NO3, ไนไตร๊ท NO2, ไนโตรโซโทล 00:06:22.883 --> 00:06:24.299 และสารพวกนี้ไม่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง 00:06:24.299 --> 00:06:28.459 และผิวหนังของคุณเก็บ NO ไว้มากจริงๆ 00:06:28.459 --> 00:06:31.284 เราก็เลยคิดกับตัวเองว่า เมื่อสะสมไว้มากขนาดนั้น 00:06:31.284 --> 00:06:34.595 ผมสงสัยว่า แสงแดดอาจเข้าไปกระตุ้นสารที่สะสมไว้ ให้เกิดปฏิกริยา 00:06:34.595 --> 00:06:36.339 และปล่อยให้มันออกมาจากผิวหนัง 00:06:36.339 --> 00:06:39.731 ที่เก็บเอาไว้นั้นมีมากถึงสิบเท่า ของที่มีหมุนเวียนใช้อยู่ 00:06:39.731 --> 00:06:42.571 ดวงอาทิตย์จะไปกระตุ้นสารที่สะสมไว้นั้น ให้เข้าไปสู่การหมุนเวียน 00:06:42.571 --> 00:06:47.811 และในการหมุนเวียนนั้น ก็จะไปทำให้เกิดสิ่งที่ดี ต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ NOTE Paragraph 00:06:47.811 --> 00:06:50.339 ก็ผมเป็นแพทย์โรคผิวหนัง ที่ทำการค้นคว้าทดลอง 00:06:50.339 --> 00:06:51.644 ดังนั้นสิ่งที่เราทำก็คือ เราคิดว่า 00:06:51.644 --> 00:06:55.171 เราจะต้องให้สัตว์ทดลองของเรา ออกไปถูกแสงแดด 00:06:55.171 --> 00:06:59.251 และสิ่งที่เราทำก็คือ เราเอาอาสาสมัครมากลุ่มหนึ่ง 00:06:59.251 --> 00:07:01.949 และเราก็ให้พวกเขา ถูกแสงอุลตราไวโอเล็ต 00:07:01.949 --> 00:07:03.678 นี่เป็นสิ่งที่คล้ายกับตะเกียงแสงอาทิตย์ 00:07:03.678 --> 00:07:06.374 สิ่งที่เราทำอย่างระมัดระวังก็คือ 00:07:06.374 --> 00:07:09.334 วิตามินดี ถูกสร้างขึ้นจาก รังสีอุลตราไวโอเล็ต บี 00:07:09.334 --> 00:07:13.310 แต่เราต้องการแยกเรื่องของเรา ออกจากเรื่องของวิตามินดี 00:07:13.310 --> 00:07:17.157 ดังนั้นเราจึงใช้อุลตราไวโอเล็ต เอ ซึ่งไม่ได้สร้างวิตามินดี NOTE Paragraph 00:07:17.157 --> 00:07:19.438 เมื่อเราเอาคนไปอยู่ข้างใต้ตะเกียง 00:07:19.438 --> 00:07:24.514 เป็นเวลานานเท่ากับ ประมาณ 30 นาทีของแสงอาทิตย์ในฤดูร้อน ของเมืองเอดินเบอร์ก 00:07:24.514 --> 00:07:27.054 สิ่งที่เราผลิตได้ก็คือ เราทำให้เกิดการเพิ่มสูงขึ้น 00:07:27.054 --> 00:07:29.046 ของการไหลเวียนของไนตริกอ๊อกไซด์ 00:07:29.046 --> 00:07:31.894 เราจึงให้คนไข้ กับกลุ่มทดลอง อยู่ใต้แสง UV 00:07:31.894 --> 00:07:34.310 ระดับ NO ของพวกเขาก็สูงขึ้นได้จริง 00:07:34.310 --> 00:07:36.446 และระดับความดันโลหิตลดตํ่าลง 00:07:36.446 --> 00:07:38.823 ไม่มากนัก ที่ระดับบุคคล 00:07:38.823 --> 00:07:41.190 แต่ก็เพียงพอ ที่ระดับประชากร 00:07:41.190 --> 00:07:44.910 ที่จะเปลี่ยนอัตราของโรคหัวใจ ในประชากรโดยรวม 00:07:44.910 --> 00:07:47.334 เมื่อเราฉายแสง UV ไปที่พวกเขา 00:07:47.334 --> 00:07:50.996 หรือเมื่อเราทำให้พวกเขาร้อนขึ้น ในระดับเดียวกับตะเกียง 00:07:50.996 --> 00:07:54.258 แต่จริงๆแล้วไม่ได้ให้รังสีตกที่ผิวหนัง นี่ไม่ได้เกิดขึ้น 00:07:54.258 --> 00:07:58.122 แต่ดูเหมือนจะเป็นลักษณะของรังสีอุตราไวโอเล็ต ที่ตกที่ผิวหนัง NOTE Paragraph 00:07:58.122 --> 00:07:59.946 ปัจจุบันเรายังคงรวบรวมข้อมูลกันต่อไป 00:07:59.946 --> 00:08:01.394 สิ่งที่ดีสองสามอย่างได้แก่ 00:08:01.394 --> 00:08:04.541 ผลดูเหมือนจะเห็นเด่นชัดมากกว่า ในผู้สูงอายุ 00:08:04.541 --> 00:08:06.154 ผมไม่แน่ใจว่าแค่ไหนแน่ 00:08:06.154 --> 00:08:07.927 ผู้เข้ารับการทดลองคนหนึ่ง คือ แม่ยายผม 00:08:07.927 --> 00:08:10.879 และชัดเจนว่าผมไม่ทราบอายุเธอ 00:08:10.879 --> 00:08:14.311 แต่แน่นอนว่า ในคนที่แก่กว่าภรรยาผม 00:08:14.311 --> 00:08:17.444 ดูเหมือนจะเห็นผลที่เด่นชัดกว่า 00:08:17.444 --> 00:08:18.695 และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมควรจะกล่าวถึง 00:08:18.695 --> 00:08:20.751 ก็คือ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในวิตามินดี 00:08:20.751 --> 00:08:22.871 เรื่องนี้แยกออกจากวิตามินดี 00:08:22.871 --> 00:08:24.407 วิตามินดี จึงดีสำหรับคุณ คือมันหยุดยั้งโรคกระดูกอ่อน 00:08:24.407 --> 00:08:26.647 มันกีดกั้นการสันดาปของแคลเซี่ยม นี่เรื่องสำคัญ 00:08:26.647 --> 00:08:29.679 แต่นี่เป็นกลไก ที่แยกออกไปจากเรื่องของวิตามินดี NOTE Paragraph 00:08:29.679 --> 00:08:32.255 ทีนี้ปัญหาหนึ่ง เมื่อมาดูเรื่องความดันโลหิต 00:08:32.255 --> 00:08:33.807 ก็คือร่างกายของคุณ จะทำทุกอย่างที่ทำได้ 00:08:33.807 --> 00:08:35.390 เพื่อรักษาความดันโลหิตของคุณให้อยู่ที่เดิม 00:08:35.390 --> 00:08:37.039 ถ้าขาของคุณถูกตัดออกไป และคุณเสียเลือดไป 00:08:37.039 --> 00:08:39.944 ร่างกายของคุณจะหนีบกันแน่น เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ 00:08:39.944 --> 00:08:42.168 ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพื่อรักษาความดันโลหิตให้สูงไว้ 00:08:42.168 --> 00:08:45.144 นี่เป็นกฎทางกายภาพพื้นฐานอย่างแท้จริง NOTE Paragraph 00:08:45.144 --> 00:08:46.951 สิ่งที่เราได้ทำไปแล้ว ลำดับต่อมา 00:08:46.951 --> 00:08:50.607 ก็คือเราได้ก้าวเข้าไปดู การขยายตัวของหลอดเลือด 00:08:50.607 --> 00:08:52.104 เราได้วัด เรื่องนี้ก็เหมือนกัน 00:08:52.104 --> 00:08:57.432 ขอให้สังเกตว่า ไม่มีหางและไม่มีขน นี่เป็นนักศึกษาแพทย์ 00:08:57.432 --> 00:09:00.050 ในแขน คุณสามารถวัดกระแสเลือดในแขนนั้น 00:09:00.050 --> 00:09:03.282 โดยดูว่ามันนูนขึ้นแค่ไหน ขณะกระแลเลือดไหลอยู่ในนั้น 00:09:03.282 --> 00:09:06.757 และสิ่งที่เราได้แสดงให้เห็น ก็คือ ทำการฉายรังสีหลอกๆ 00:09:06.757 --> 00:09:08.226 ตรงเส้นหนาๆนี่ 00:09:08.226 --> 00:09:10.626 เป็นการฉายรังสี UV บนแขน มันจึงร้อนขึ้น 00:09:10.626 --> 00:09:13.450 แต่ยังคงปิดมันไว้ ดังนั้นรังสีไม่ไปถูกผิวหนัง 00:09:13.450 --> 00:09:17.362 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในการไหลของโลหิต ในการขยายหลอดเลือด 00:09:17.362 --> 00:09:19.211 แต่การฉายรังสีที่มีพลัง 00:09:19.211 --> 00:09:22.563 ระหว่างที่ฉายรังสี UV และหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง 00:09:22.563 --> 00:09:24.660 มีการขยายตัวของหลอดเลือด 00:09:24.660 --> 00:09:27.260 นี่เป็นกลไก ซึ่งคุณลดความดันโลหิต 00:09:27.260 --> 00:09:29.636 ซึ่งคุณขยายเส้นเลือดหัวใจด้วย 00:09:29.636 --> 00:09:31.347 เพื่อให้เลือดถูกนำไปหล่อเลี้ยงหัวใจ 00:09:31.347 --> 00:09:35.740 ดังนั้น ตรงนี้ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ว่ารังสีอุลตราไวโอเล็ต นั่นก็คือแสงอาทิตย์ 00:09:35.740 --> 00:09:40.619 มีประโยชนืต่อการไหลของโลหิต และระบบเส้นเลือดหัวใจ NOTE Paragraph 00:09:40.619 --> 00:09:42.962 เราจึงคิดว่า เราคล้ายกับจะเป็นต้นแบบ 00:09:42.962 --> 00:09:49.211 ปริมาณที่แตกต่างกันของรังสี UV ถูกส่วนต่างๆของโลก ในเวลาต่างๆกันในรอบปี 00:09:49.211 --> 00:09:53.235 ดังนั้นคุณสามารถคำนวณ ปริมาณของไนตริกอ๊อกไซด์ ที่สะสมไว้ 00:09:53.235 --> 00:09:55.491 ได้แก่ ไนเตรด ไนไตร๊ท์ ไนโตรโซโทล ที่อยู่ในผิวหนัง 00:09:55.491 --> 00:09:58.363 ซึ่งจะแยกตัวเพื่อปล่อย NO ออกมา 00:09:58.363 --> 00:10:02.188 ความยาวของคลื่นแสงที่ต่างกัน จะทำงานเรื่องนี้แตกต่างกัน 00:10:02.188 --> 00:10:04.267 ดังนั้นคุณสามารถดูความยาวของคลื่นแสง ที่ทำงานนั้น 00:10:04.267 --> 00:10:08.252 และคณมองดูได้ ถ้าคุณอาศัยอยู่แถบเส้นศูนย์สูตร แสงอาทิตย์ส่องตรงมา ที่ตำแหน่งเหนือหัว 00:10:08.252 --> 00:10:10.068 มันผ่านทะลุส่วนของชั้นบรรยากาศที่บางมาก 00:10:10.068 --> 00:10:12.507 ในฤดูหนาว หรือฤดูร้อน ปริมาณของแสงจะเท่ากัน 00:10:12.507 --> 00:10:15.020 แต่ถ้าคุณอาศัยอยู่ขึ้นไปตรงนี้ ในฤดูร้อน 00:10:15.020 --> 00:10:17.676 ดวงอาทิตย์ตรงมาข้างล่างพอสมควร 00:10:17.676 --> 00:10:20.983 แต่ในฤดูหนาว มันจะผ่านทะลุบรรยากาศที่มีปริมาณมาก 00:10:20.983 --> 00:10:24.204 และรังสีอุลตราไวโอเล็ตจำนวนมาก ก็จะถูกกำจัดออกไป 00:10:24.204 --> 00:10:26.556 ขอบเขตของความยาวคลื่น ที่ลงมาถึงโลก 00:10:26.556 --> 00:10:28.884 ก็ต่างกันระหว่างฤดูร้อน ถึงฤดูหนาว 00:10:28.884 --> 00:10:30.826 ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้ก็คือ คูณข้อมูลนั้น 00:10:30.826 --> 00:10:32.819 กับ NO ที่ถูกปล่อยออกมา 00:10:32.819 --> 00:10:36.003 และคุณสามารถคำนวณหาปริมาณของไนตริกอ๊อกไซด์ 00:10:36.003 --> 00:10:39.172 ที่จะถูกปล่อยออกมาจากผิวหนังเข้าสู่การไหลเวียน NOTE Paragraph 00:10:39.172 --> 00:10:41.172 เอาละ ถ้าคุณอยู่ที่เส้นศูนย์สูตรตรงนี้ 00:10:41.172 --> 00:10:44.599 ที่ตรงเส้นสองเส้นนั่น เส้นสีแดง และเส้นสีม่วง 00:10:44.599 --> 00:10:48.996 ปริมาณของไนตริกอ๊อกไซด์ ที่ถูกปล่อยออกมา ก็คือบริเวณใต้เส้นโค้ง 00:10:48.996 --> 00:10:51.027 เป็นบริเวณในที่ว่างนี่ 00:10:51.027 --> 00:10:53.724 ดังนั้นถ้าคุณอยู่บนเส้นศูนย์สูตร เดือนธันวาคม หรือ มิถุนายน 00:10:53.724 --> 00:10:56.980 คุณจะได้รับ NO ปริมาณมาก ที่ถูกปล่อยออกมาจากผิวหนัง 00:10:56.980 --> 00:10:59.444 ดังนั้น เวนทูราทางตอนใต้ของแคลิฟอรืเนีย 00:10:59.444 --> 00:11:01.660 ในฤดูร้อน คุณอาจเป็น เหมือนที่เส้นศูนย์สูตร 00:11:01.660 --> 00:11:03.716 ยอดเยี่ยม NO มากมายถูกปล่อยออกมา 00:11:03.716 --> 00:11:07.659 เวนทูรากลางฤดุหนาว ก็ยังคงมีปริมาณใช้ได้ 00:11:07.659 --> 00:11:11.620 เอดินบะระในฤดูร้อน พื้นที่ใต้เส้นโค้ง ดีมากทีเดียว 00:11:11.620 --> 00:11:15.835 แต่กรุงเอดินบะระในฤดูหนาว ปริมาณ NO ที่ถูกปล่อยออกมาได้ 00:11:15.835 --> 00:11:19.693 น้อยมาก เกือบจะไม่มี NOTE Paragraph 00:11:19.693 --> 00:11:21.498 ดังนั้นเราจะคิดอย่างไร 00:11:21.498 --> 00:11:23.090 เรายังคงทำงานเรื่องนี้อยู่ 00:11:23.090 --> 00:11:25.002 เรายังคงพัฒนามันต่อไป ยังคงขยายมันไปเรื่อยๆ 00:11:25.002 --> 00:11:26.650 เราคิดว่า มันสำคัญมาก 00:11:26.650 --> 00:11:30.243 เราคิดว่ามันน่าจะนำมาใช้อธิบาย ภาวะวิกฤติด้านสุขภาพ ระหว่างเหนือและใต้ในอังกฤษได้อย่างมาก 00:11:30.243 --> 00:11:31.874 มันเกี่ยวข้องกับเราโดยตรง 00:11:31.874 --> 00:11:33.562 เราคิดว่าผิวหนัง 00:11:33.562 --> 00:11:36.450 เรารู้ว่า ผิวหนังได้เก็บสะสมไว้มากมาย 00:11:36.450 --> 00:11:38.674 ไนตริกอ๊อกไซด์ ในรูปต่างๆมากมายนี้ 00:11:38.674 --> 00:11:40.547 เราคาดว่า เป็นไปได้ว่าสิ่งเหล่านี้ มาจากอาหาร 00:11:40.547 --> 00:11:42.818 ผักใบสีเขียว บีทรูท ผักกาดหอม 00:11:42.818 --> 00:11:46.138 มีไนตริกอ๊อกไซด์มาก ซึ่งเราคิดว่าไปที่ผิวหนัง 00:11:46.138 --> 00:11:48.282 เราคิดว่า มันก็ไปสะสมอยู่ในผิวหนัง 00:11:48.282 --> 00:11:50.682 และเราคิดว่าแสงแดด เป็นตัวปล่อยมันออกมา 00:11:50.682 --> 00:11:53.315 ซึ่งโดยทั่วไป ทำให้มันเกิดผลที่เป็นประโยชน์ NOTE Paragraph 00:11:53.315 --> 00:11:55.794 และสิ่งนี้ เป็นงานที่ต่อเนื่อง แต่แพทย์โรคผิวหนัง 00:11:55.794 --> 00:11:57.514 คือ ผมเป็นแพทย์โรคผิวหนัง 00:11:57.514 --> 00:12:00.042 งานประจำวันของผมคือ บอกกับผู้คนว่า "คุณเป็นมะเร็งผิวหนัง 00:12:00.042 --> 00:12:01.922 สาเหตุมาจากแสงแดด อย่าไปถูกแสงแดดนะ" 00:12:01.922 --> 00:12:04.658 จริงๆแล้ว ผมคิดจะบอก เรื่องที่สำคัญมากกว่านี้ 00:12:04.658 --> 00:12:08.082 คือ มีประโยชน์ และภัยอันตราย ต่อการถูกแสงแดด 00:12:08.082 --> 00:12:13.835 ใช่ครับ แสงแดดเป็นตัวเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยน เกิดมะเร็งผิวหนัง 00:12:13.835 --> 00:12:16.706 แต่ความตายจากโรคหัวใจ สูงกว่าร้อยเท่า 00:12:16.706 --> 00:12:18.658 ของดวามตายจากมะเร็งผิวหนัง 00:12:18.658 --> 00:12:21.307 และผมคิดว่า เราจำเป็นต้องตระหนักรู้ให้มากขึ้น 00:12:21.307 --> 00:12:23.386 เราจำเป็นต้องหา สัดส่วนของประโยชน์ที่ได้ กับความเสี่ยงนั้น 00:12:23.386 --> 00:12:24.858 แสงแดดปริมาณเท่าใดจึงจะปลอดภัย 00:12:24.858 --> 00:12:29.058 และเราจะใช้เพทุบายที่ดีที่สุดได้อย่างไร เพื่อสุขภาพทั่วไปของเรา NOTE Paragraph 00:12:29.058 --> 00:12:31.238 ครับคุณมากจริงๆครับ 00:12:31.238 --> 00:12:38.135 (เสียงปรบมือ)