นักดาราศาสตร์ตาบอดพบวิธีฟังดวงดาวได้อย่างไร
-
0:01 - 0:03กาลครั้งหนึ่งมันมีดวงดาว
-
0:04 - 0:07เหมือนกับสิ่งอื่น ๆ มันถือกำเนิดขึ้น
-
0:07 - 0:11เติบโตจนมีขนาดเป็น 30 เท่าของดวงอาทิตย์
-
0:11 - 0:13และอยู่มาเป็นเวลานาน
-
0:13 - 0:15แต่นานแค่ไหนนั้น
-
0:15 - 0:17ไม่มีใครคนไหนบอกได้
-
0:17 - 0:19เหมือนกับทุก ๆ อย่างในชีวิต
-
0:19 - 0:22มันเข้าสู่ช่วงบั้นปลายของดวงดาว
-
0:22 - 0:25เมื่อหัวใจของมัน แกนชีวิตของมัน
-
0:25 - 0:27กำลังจะหมดพลังงาน
-
0:27 - 0:28แต่นั่นไม่ใช่จุดจบ
-
0:28 - 0:32มันเปลี่ยนเป็นซุปเปอร์โนวา
และในกระบวนการนั้น -
0:32 - 0:34มีการปลดปล่อยพลังงานปริมาณมหาศาล
-
0:34 - 0:37ที่สว่างกลบทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล
-
0:37 - 0:40และการส่องแสงนั้น ในเพียงหนึ่งวินาที
-
0:40 - 0:44ให้พลังงานปริมาณเท่ากับ
ที่ดวงอาทิตย์ของเราปลดปล่อยใน 10 วัน -
0:44 - 0:47และมันพัฒนาบทบาทใหม่ของมันในกาแล็กซี
-
0:48 - 0:50การระเบิดซุปเปอร์โนวาเป็นอะไรที่รุนแรงมาก
-
0:51 - 0:55แต่ซุปเปอร์โนวาที่ปลดปล่อยรังสีแกมมา
เป็นอะไรที่สุดยอดยิ่งกว่า -
0:55 - 0:58ในกระบวนการ
ของกลายเป็นซุปเปอร์โนวาดังกล่าว -
0:58 - 1:01ส่วนภายในของดวงดาวยุบตัว
ภายใต้น้ำหนักของมัน -
1:01 - 1:04และมันเริ่มที่จะหมุนเร็วกว่าเดิม
-
1:04 - 1:08เหมือนกับนักสเก็ตน้ำแข็ง
ตอนที่พวกเขาหุบแขนให้ใกล้ลำตัว -
1:09 - 1:13ในแบบเดียวกัน
มันเริ่มที่จะหมุนอย่างรวดเร็ว -
1:13 - 1:15และเพิ่มสนามแม่เหล็กของมัน
อย่างทรงพลัง -
1:15 - 1:18มวลรอบดวงดาวถูกลากไปรอบ ๆ
-
1:18 - 1:21และพลังงานบางส่วนจากการหมุน
ถูกส่งผ่านไปยังมวลนั้น -
1:21 - 1:25และสนามแม่เหล็กก็ยิ่งถูกทำให้เพิ่มขึ้นอีก
-
1:25 - 1:31ในแบบเดียวกัน ดาวของเรามีพลังงานเพิ่มขึ้น
เพื่อที่จะส่องสว่างบดบังทั้งกาแล็กซี -
1:31 - 1:34ด้วยความสว่างและรังสีแกมมาที่ถูกปลดปล่อยออกมา
-
1:34 - 1:37ดาวของฉัน ดาวที่อยู่ในเรื่องราวนี้
-
1:37 - 1:39เป็นสิ่งที่รู้จักกันว่า แมกนีตา (magnetar)
-
1:39 - 1:41และฉันจะบอกให้พวกคุณทราบว่า
-
1:41 - 1:45สนามแม่เหล็กของแมกนีตา
คือประมาณ 1,000 พันล้านเท่า -
1:45 - 1:47ของสนามแม่เหล็กโลก
-
1:48 - 1:51มันเป็นปรากฏการณ์ที่ทรงพลังที่สุด
ที่เคยถูกตรวจวัดมาโดยนักดาราศาสตร์ -
1:51 - 1:53ที่เรียกว่า การระเบิดรังสีแกมมา
-
1:53 - 1:57เพราะว่าเราสังเกตพวกมัน
ในฐานะการระเบิดเป็นส่วนใหญ่ -
1:57 - 1:59ซึ่งการระเบิดที่รุนแรงส่วนใหญ่
ถูกวัดค่ารังสีแกมมาได้ -
2:00 - 2:04ดาวของเรา อย่างดาวในเรื่องนี้ที่กลายเป็นแมกนีตา
-
2:04 - 2:06ถูกตรวจจับการระเบิดของรังสีแกมมาได้
-
2:06 - 2:09ระหว่างช่วงของการระเบิดที่ทรงพลังที่สุด
-
2:10 - 2:15แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าการระเบิดของรังสีแกมมา
จะเป็นปรากฏการณ์ที่รุนแรงที่สุด -
2:15 - 2:18ที่ถูกวัดได้โดยนักดาราศาสตร์
-
2:18 - 2:20คุณไม่สามารถเห็นพวกมันได้ด้วยตาเปล่า
-
2:20 - 2:23เราต้องพึ่งพาวิธีการอื่น ๆ
-
2:23 - 2:25เพื่อที่จะศึกษารังสีแกมมา
-
2:25 - 2:27เราไม่สามารถเห็นพวกมันได้ด้วยตาเปล่า
-
2:27 - 2:30เราเห็นแต่ส่วนเล็กกระจิ๋ว
-
2:30 - 2:34ของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า
ที่เราเรียกว่า แสงที่ตามองเห็นได้ เท่านั้น -
2:34 - 2:36และนอกเหนือจากนั้น เราต้องพึ่งพาวิธีอื่น ๆ
-
2:36 - 2:42แต่ถึงกระนั้น ในฐานะนักดาราศาสตร์
เราศึกษาช่วงแสงที่กว้างกว่านั้น -
2:42 - 2:44และเราพี่งพาวิธีการอื่นเพื่อทำสิ่งนั้น
-
2:45 - 2:47มันมีหน้าตาแบบภาพที่ฉาย
-
2:48 - 2:50คุณจะเห็นจุดประ
-
2:50 - 2:51นั่นคือโค้งของแสง
-
2:52 - 2:55มันเป็นจุดประของความเข้ม
ของแสงในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ -
2:55 - 2:58มันเป็นโค้งของรังสีแกมมา
-
2:58 - 3:02นักดาราศาสตร์ที่มีสายตาปกติ
พึ่งพาจุดประนี้ -
3:02 - 3:06เพื่อที่จะคาดเดาว่า แสงมีความเข้ม
เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ -
3:07 - 3:12ทางซ้ายมือ คุณจะเห็นความเข้มแสง
ที่ปราศจากการระเบิด -
3:12 - 3:17และทางขวามือ คุณจะเห็นความเข้มแสง
ที่เกิดจากการระเบิด -
3:18 - 3:22ตอนแรก ๆ ในช่วงการทำงานของฉัน
ฉันสามารถเห็นจุดประเหล่านี้ได้ -
3:23 - 3:25แต่ตอนนี้ ฉันสูญเสียการมองเห็น
-
3:25 - 3:28ฉันสูญเสียการมองเห็นอย่างสมบูรณ์
เพราะว่าโรคที่เป็นมานาน -
3:28 - 3:32และด้วยสาเหตุนี้
ฉันเสียโอกาสที่จะได้เห็นจุดประนี้ -
3:33 - 3:36และโอกาสที่จะทำงานด้านฟิสิกส์ของฉัน
-
3:38 - 3:40มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง
สำหรับฉันในหลาย ๆ แง่มุม -
3:41 - 3:46และในด้านการงาน มันทำให้ฉันไม่มีทาง
ที่จะทำงานด้านวิทยาศาสตร์นี้ได้ -
3:46 - 3:50ฉันอยากที่จะเข้าถึงและศึกษา
แสงที่ทรงพลังนี้อย่างใกล้ชิด -
3:50 - 3:53และค้นหาคำตอบทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์
-
3:53 - 3:56ฉันต้องการที่จะสัมผัสกับความน่าทึ่ง
ความน่าตื่นเต้น -
3:56 - 4:01ความสุขจากการได้ตรวจสอบ
ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่ยิ่งใหญ่นี้ -
4:01 - 4:05ฉันครุ่นคิดพิจาณาอย่างหนักและยาวนาน
-
4:05 - 4:08เมื่อฉันตระหนักขึ้นมาว่า โค้งของแสงคืออะไร
-
4:08 - 4:12มันคือตารางของจำนวน
ที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นจุดประที่แสดงให้เห็นได้ -
4:13 - 4:15ฉะนั้น ฉันกับเพื่อนร่วมงาน
-
4:15 - 4:19ทำงานด้วยกันอย่างหนัก
และเราแปลงจำนวนเหล่านั้นเป็นเสียง -
4:20 - 4:22ฉันสามารถเข้าถึงข้อมูล
-
4:22 - 4:27และทุกวันนี้ ฉันสามารถที่จะทำงานด้านฟิสิกส์
ได้ในระดับที่ดีที่สุดสำหรับนักดาราศาสตร์ -
4:27 - 4:28โดยใช้เสียง
-
4:28 - 4:31และสิ่งที่เราสามารถทำได้
-
4:31 - 4:32ส่วนใหญ่โดยการมอง
-
4:32 - 4:33มาเป็นเวลาหลายร้อยปี
-
4:33 - 4:36ตอนนี้ สามารถถูกทำได้โดยใช้เสียง
-
4:36 - 4:37(เสียงปรบมือ)
-
4:37 - 4:39การฟังเสียงระเบิดของรังสีแกมมา
-
4:39 - 4:41ที่คุณเห็นบน --
(เสียงปรบมือ) -
4:41 - 4:42ขอบคุณค่ะ
-
4:42 - 4:45การได้ยินการระเบิดที่คุณเห็นบนภาพฉายนี้
-
4:45 - 4:48นำมาซึ่งอะไรบางอย่าง
ที่เป็นมากกว่าการระเบิดที่ชัดเจน -
4:48 - 4:50ตอนนี้ ฉันกำลังจะเปิดเสียงการระเบิดให้คุณฟัง
-
4:50 - 4:52มันไม่ใช่ดนตรี มันเป็นเสียง
-
4:53 - 4:57(เสียงบี๊บดิจิตัล)
-
4:57 - 5:00นี่คือข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ที่ถูกเปลี่ยนเป็นเสียง -
5:00 - 5:01และมันถูกจัดวางในรูปแบบของระดับเสียง
-
5:01 - 5:04กระบวนการนี้เรียกว่า โซนิฟิเคชัน
-
5:07 - 5:09ฉะนั้น การฟังเสียงนี้นำมาซึ่งอะไรบางอย่าง
-
5:09 - 5:11นอกเหนือไปจากการระเบิดที่ชัดเจน
-
5:11 - 5:15เมื่อฉันศึกษาบริเวณที่มีความถี่ต่ำมาก ๆ
-
5:15 - 5:20หรือช่วงโทนเสียงต่ำ -- ฉันกำลังซูมเข้าไป
ในส่วนเสียงต่ำนะคะ -
5:22 - 5:27เราพบกับลักษณะการสั่นพ้องของก๊าซ
ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางไฟฟ้า -
5:27 - 5:29อย่างเช่น พายุสุริยะ
-
5:29 - 5:31และฉันอยากให้คุณได้ยินในสิ่งที่ฉันได้ยิน
-
5:31 - 5:35คุณจะได้ยินระดับความดังของเสียง
ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว -
5:35 - 5:38และเพราะว่า คุณมีการมองเห็นที่สมบูรณ์
ฉันจะให้เส้นสีแดงกับคุณ -
5:38 - 5:42เพื่อบ่งบอกว่า ความเข้มของแสงค่าใด
ที่ถุกเปลี่ยนเป็นเสียง -
5:44 - 5:46(เสียงหึ่ง ๆ ดิจิตัล และเสียงผิวปาก)
-
5:46 - 5:49เสียง (ผิวปาก) นี้ คือเสียงกบที่บ้าน
อย่างสนใจนะคะ -
5:49 - 5:51(เสียงหัวเราะ)
-
5:51 - 5:57(เสียงหึ่ง ๆ ดิจิตัล และเสียงผิวปาก)
-
5:57 - 5:58ฉันคิดว่าคุณได้ยินแล้ว ใช่ไหมคะ
-
6:00 - 6:01ฉะนั้น สิ่งที่เราพบ
-
6:01 - 6:06คือการระบิดที่ยาวนานพอ
ที่จะทำให้เกิดการสั่นพ้องของคลื่น -
6:06 - 6:10ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดย
การแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างอนุภาค -
6:10 - 6:11ที่อาจถูกกระตุ้น
-
6:11 - 6:13ที่ขึ้นอยู่กับปริมาณ
-
6:13 - 6:16คุณคงจำที่ฉันพูดได้ว่า มวลรอบ ๆ ดวงดาว
-
6:16 - 6:18ถูกลากไปรอบ ๆ ใช่ไหมค่ะ
-
6:18 - 6:22มันส่งผ่านพลังงานด้วย
การกระจายความถี่และสนาม -
6:22 - 6:24ที่ถูกกำหนดโดยมิติ
-
6:24 - 6:28คุณอาจจำได้ว่าเรากำลังพูดถึงดาวขนาดยักษ์
-
6:28 - 6:32ที่กลายเป็นสนามแม่เหล็กแมกนีตาที่รุนแรง
-
6:32 - 6:37ถ้าหากนี่เป็นจริงล่ะก็
สิ่งที่ออกมาจากการระเบิดของดวงดาว -
6:37 - 6:39อาจเกี่ยวข้องกับการระเบิดของรังสีแกมมา
-
6:39 - 6:41แล้วนั่นหมายความว่าอย่างไร
-
6:41 - 6:44การก่อกำเนิดของดวงดาวอาจเป็นส่วนสำคัญ
-
6:44 - 6:45ของการระเบิดซุปเปอร์โนวา
-
6:46 - 6:50การฟังการระเบิดของรังสีแกมมานี้
ทำให้เรารู้ว่า -
6:50 - 6:53การใช้เสียงเป็นส่วนขยายของการแสดงภาพ
-
6:53 - 6:56อาจยังเป็นการช่วยนักดาราศาสตร์ที่สายตาปกติ
-
6:56 - 6:58ในการค้นหารายละเอียดจากข้อมูล
ให้ได้มากกว่าเดิม -
6:59 - 7:04ในเวลาเดียวกัน ฉันทำการวิเคราะห์การวัด
จากกล้องโทรทรรศน์อื่น ๆ -
7:04 - 7:06และประสบการณ์ของฉันแสดงให้เห็นว่า
-
7:06 - 7:10เมื่อคุณใช้เสียงเป็นส่วนขยายในการแสดงภาพ
-
7:10 - 7:13ตอนนี้ นักดาราศาสตร์ได้รายละเอียดมากกว่า
-
7:13 - 7:16จากชุดข้อมูลที่เข้าถึงได้มากกว่า
-
7:17 - 7:21และความสามารถในการแปลงข้อมูลไปเป็นเสียง
-
7:21 - 7:24ให้อำนาจในการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
ต่อวงการดาราศาสตร์ -
7:24 - 7:28และข้อเท็จจริงที่ว่าศาสตร์
ที่ใช้การมองเป็นส่วนใหญ่อาจได้รับการพัฒนา -
7:28 - 7:33เพื่อที่จะรวบรวมใครก็ตามที่มีความสนใจ
ในการศึกษาสิ่งที่อยู่ในท้องฟ้าเบื้องบน -
7:33 - 7:35เป็นอะไรที่เป็นขวัญกำลังใจมาก
-
7:35 - 7:37เมื่อฉันสูญเสียการมองเห็นไป
-
7:37 - 7:39ฉันสังเกตว่า ฉันไม่อาจเข้าถึงข้อมูล
-
7:39 - 7:42ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณ
เท่ากับนักดาราศาสตร์อื่น ๆ -
7:42 - 7:43ที่มีสายตาปกติสมบูรณ์
-
7:44 - 7:48ไม่จนกระทั่งเราสร้างนวัตตกรรม
ด้วยกระบวนการสั่นของเสียง -
7:48 - 7:52ที่ทำให้ฉันได้รวบรวมเอาความหวังกลับมา
ว่าจะเป็นคนของศาสตร์แขนงนี้ที่ทำงานได้ -
7:52 - 7:54ที่ฉันได้ทำงานอย่างหนัก
เพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งของมัน -
7:55 - 8:00ถึงอย่างนั้น การเข้าถึงข้อมูล
ไม่ใช่เพียงหัวข้อหนึ่งในดาราศาสตร์ -
8:00 - 8:02ที่มีความสำคัญ
-
8:03 - 8:05สถานการณ์ก็คือ
-
8:05 - 8:08เรื่องของร่างกายและวิทยาศาสตร์
กำลังเดินหน้าไปไม่ทันกัน -
8:09 - 8:11ร่างกายเป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ --
-
8:12 - 8:15ทุกคนอาจมีความพิการได้ไม่ตอนใดก็ตอนหนึ่ง
-
8:15 - 8:17ยกตัวอย่างเช่น ลองคิดถึง
-
8:17 - 8:20นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของหน้าที่การงาน
-
8:20 - 8:23จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
ถ้าพวกเขาเกิดพิการ -
8:23 - 8:25พวกเขาจะรู้สึกว่าสื่อสารกับคนอื่นไม่ได้
อย่างที่ฉันเคยเป็นหรือเปล่า -
8:26 - 8:29การเข้าถึงข้อมูลให้อำนาจกับเราในการเติมเต็ม
-
8:29 - 8:33มันทำให้เรามีโอกาสที่เท่าเทียม
ในการแสดงพรสวรรค์ของเรา -
8:33 - 8:36และเลือกว่าเราอยากจะเป็นอะไร
-
8:36 - 8:39ขึ้นอยู่กับความสนใจ
และไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น -
8:40 - 8:45เมื่อเราให้โอกาสกับคนเพื่อที่พวกเขา
จะประสบความสำเร็จโดยไม่มีข้อจำกัด -
8:45 - 8:49นั่นจะนำมาซึ่งการเติมเต็มให้กับบุคคล
และชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง -
8:49 - 8:52และฉันคิดว่า การใช้เสียง
ในวงการดาราศาสตร์ -
8:52 - 8:55จะช่วยเราให้ไปถึงสิ่งนั้น
และให้เราได้มีส่วนร่วมกับวิทยาศาสตร์ -
8:56 - 9:01ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ บอกฉันว่า
การศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคความเข้าใจ -
9:01 - 9:04เพื่อที่จะศึกษาข้อมูลดาราศาสตร์
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาดาราศาสตร์ -
9:04 - 9:07เพราะว่าไม่มีนักดาราศาสตร์ตาบอดในวงการ
-
9:08 - 9:11ชาวแอฟริกันใต้กล่าวว่า "เราต้องการ
คนที่มีความพิการ -
9:11 - 9:13ให้มีส่วนร่วมกับศาสตร์นี้"
-
9:13 - 9:14ตอนนี้ ฉันกำลังทำงาน
-
9:14 - 9:17ที่หอสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์แอฟริกาใต้
-
9:17 - 9:20ที่หน่วยดาราศาสตร์เพื่อการพัฒนา
-
9:20 - 9:25ที่นั่น เราทำงานศึกษาเทคนิคการสั่นของเสียง
และวิธีการวิเคราะห์ -
9:25 - 9:29เพื่อสร้างความตระหนักให้กับนักเรียน
ที่ โรงเรียนแอทโลน เพื่อคนตาบอด -
9:30 - 9:32นักเรียนเหล่านี้ จะได้เรียนดาราศาสตร์วิทยุ
-
9:32 - 9:35และพวกเขาจะได้เรียนวิธีการสั่นของเสียง
-
9:35 - 9:40เพื่อที่จะศึกษาปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์
อย่างเช่นการปลดปล่อยพลังงาน -
9:40 - 9:42จากดวงอาทิตย์ ที่รู้จักกันว่า
การปลดปล่อยมวลจากดวงอาทิตย์ -
9:43 - 9:45สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเด็กนักเรียนเหล่านี้ --
-
9:45 - 9:49นักเรียนเหล่านี้มีความพิการหลากหลาย
และต้องหาวิธีการต่าง ๆ -
9:49 - 9:51ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ --
-
9:51 - 9:54สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากนักเรียนเหล่านี้
จะมีผลกระทบโดยตรง -
9:54 - 9:57ในการทำสิ่งต่าง ๆ ในระดับมืออาชีพ
-
9:57 - 9:59ฉันเรียกมันอย่างถ่อมตนว่าการพัฒนา
-
9:59 - 10:01และมันกำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
-
10:02 - 10:06ฉันคิดว่าวิทยาศาสตร์มีไว้สำหรับทุกคน
-
10:06 - 10:08มันเป็นของคนทั่วไป
-
10:08 - 10:10และมันต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้
-
10:10 - 10:12เพราะว่าเราทุกคนล้วนเป็นผู้สำรวจตามธรรมชาติ
-
10:13 - 10:18ฉันคิดว่า ถ้าเราจำกัดคนที่มีความพิการ
-
10:18 - 10:20จากการมีส่วนร่วมในวิทยาศาสตร์
-
10:20 - 10:24มันจะเป็นการตัดสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์
และสังคมของเรา -
10:24 - 10:27ฉันฝันถึงระดับหนึ่ง
ของสนามแข่งขันในวงการวิทยาศาสตร์ -
10:27 - 10:32ที่คนจะส่งเสริมความเคารพ
และเคารพซึ่งกันและกัน -
10:32 - 10:35ที่ซึ่งทุกคนแลกเปลี่ยนวิธีการ
และการค้นพบด้วยกัน -
10:36 - 10:40ถ้าหากคนที่มีความพิการ
ได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์ -
10:40 - 10:45การระเบิด การปะทุความรู้อันยิ่งใหญ่
ก็จะเกิดขึ้น -
10:45 - 10:46ฉันมั่นใจค่ะ
-
10:49 - 10:51(เสียงบี๊บดิจิตัล)
-
10:51 - 10:53นี่คือเสียงแห่งการระเบิดอันยิ่งใหญ่
-
10:54 - 10:56ขอบคุณค่ะ
-
10:56 - 10:57ขอบคุณค่ะ
-
10:57 - 11:02(เสียงปรบมือ)
- Title:
- นักดาราศาสตร์ตาบอดพบวิธีฟังดวงดาวได้อย่างไร
- Speaker:
- วันดา ดิแอซ เมอร์เซด (Wanda Diaz Merced)
- Description:
-
วันดา ดิแอซ เมอร์เซด ศึกษาการปลดปล่อยลำแสงแกมม่า ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล เมื่อเธอสูญเสียการมองเห็นและไม่เหลือหนทางที่จะทำการศึกษาวิทยาศาสตร์ได้ เธอได้เผยเบื้องลึกของสิ่งที่ไม่ได้เป็นที่ล่วงรู้มาก่อน ซึ่งก็คือ โค้งของแสงที่เธอไม่อาจเห็นได้อีกแล้ว สามารถถูกเปลี่ยนไปเป็นเสียงได้ ผ่านการสั่น เธอรวบรวมความช่ำชองในการงาน และตอนนี้เธอทำหน้าที่เป็นตัวแทนในกลุ่มพิเศษทางวิทยาศาสตร์ "วิทยาศาสตร์นั้นมีไว้เพื่อทุกคน" เธอกล่าว "มันต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ เพราะว่าเราทุกคนล้วนเป็นผู้สำรวจตามธรรมชาติ"
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 11:15
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How a blind astronomer found a way to hear the stars | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for How a blind astronomer found a way to hear the stars | ||
Rawee Ma accepted Thai subtitles for How a blind astronomer found a way to hear the stars | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How a blind astronomer found a way to hear the stars | ||
Rawee Ma declined Thai subtitles for How a blind astronomer found a way to hear the stars | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for How a blind astronomer found a way to hear the stars | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How a blind astronomer found a way to hear the stars | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How a blind astronomer found a way to hear the stars |