จดหมายรักของผมถึงคอสเพลย์
-
0:01 - 0:03มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่ผมชอบ
ซึ่งครั้งหนึ่งผมอ่านพบมาจากที่หนึ่ง -
0:03 - 0:08สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้โฮโม เซเปียน
ประสบความสำเร็จ -
0:08 - 0:09ในฐานะสายพันธุ์หนึ่ง
-
0:10 - 0:12คือการที่เราไม่มีขนบนร่างกาย --
-
0:12 - 0:14ที่ความโป๋เปลือยไม่มีขนบนร่างกายของเรา
-
0:14 - 0:16เมื่อถูกรวมกับสิ่งประดิษฐ์เครื่องนุ่งห่มของเรา
-
0:16 - 0:20ทำให้เรามีความสามารถในการควบคุม
อุณหภูมิร่างกายของเรา -
0:20 - 0:23และนั่นทำให้เราสามารถเอาชีวิตรอด
ในสภาพภูมิอากาศใด ๆ ก็ตามที่เราเลือก -
0:24 - 0:27และตอนนี้ เราพัฒนาการมาถึงจุด
ที่เราไม่อาจอยู่รอดได้โดยไม่มีเสื้อผ้า -
0:27 - 0:29และมันก็เป็นมากกว่าแค่เอกลักษณ์
-
0:29 - 0:30ตอนนี้ มันเป็นการสื่อสาร
-
0:30 - 0:33ทุกอย่างที่เราเลือกที่จะสวมใส่
เป็นการบอกเล่า -
0:33 - 0:35เรื่องราวเกี่ยวกับว่าเรามาจากไหน
-
0:35 - 0:37เรากำลังทำอะไร
-
0:37 - 0:38เราอยากจะเป็นอะไร
-
0:39 - 0:41ผมเป็นเด็กผู้เดียวดาย
-
0:41 - 0:44ผมหาเพื่อนเล่นด้วยได้ยากมาก
-
0:44 - 0:46และลงเอยด้วยการเล่นเองเสียส่วนใหญ่
-
0:46 - 0:49ผมทำของเล่นเองมากมาย
-
0:49 - 0:51มันเริ่มต้นด้วยไอศกรีม
-
0:51 - 0:54มี บาสกิน-ร๊อบบิน ในบ้านเกิดของผม
-
0:54 - 0:56และพวกเขาเสริฟไอศกรีมจากเคาเตอร์
-
0:56 - 0:59ในถ้วยกระดาษขนาดยักษ์ห้าแกลลอนเหล่านี้
-
0:59 - 1:01และใครบางคนก็บอกผมว่า --
ตอนนั้นผมอายุหกขวบ -- -
1:01 - 1:04บางคนบอกผมว่า
เมื่อไอศกรีมเกลี้ยงถ้วยแล้ว -
1:04 - 1:06พวกเขาล้างมันและเก็บไว้ที่ข้างหลัง
-
1:06 - 1:08และถ้าคุณขอ พวกเขาก็จะให้คุณ
-
1:08 - 1:10ผมใช้เวลาสองสามสัปดาห์รวบรวมความกล้า
-
1:10 - 1:12และผมก็ขอพวกเขา และพวกเขาก็ให้จริง ๆ
-
1:12 - 1:15พวกเขาให้ผมมาอันหนึ่ง -- ผมกลับบ้าน
ไปพร้อมกับถ้วยกระดาษแสนสวยนี้ -
1:15 - 1:18ผมพยายามที่จะคิดว่า
ผมจะเอาวัสดุสุดเจ๋งนี้ไปทำอะไรดี -- -
1:18 - 1:20วงแหวนโลหะ ฝาและก้น
-
1:20 - 1:23ผมเริ่มนึกหมุนมันไปรอบ ๆ ในความคิดของผม
และคิดได้ว่า "เฮ้ย เดี๋ยวก่อน -- -
1:23 - 1:25มันครอบหัวผมได้พอดีเลยนี่นา"
-
1:25 - 1:27(เสียงหัวเราะ)
-
1:27 - 1:29ครับ ผมตัดรูออก
-
1:29 - 1:30ผมใส่ใยสังเคราะห์ลงไปในนั้น
-
1:30 - 1:32และเป็นหมวกอวกาศ
-
1:32 - 1:33(เสียงหัวเราะ)
-
1:33 - 1:36ผมต้องหาสถานที่เอาไว้ใส่หมวกอวกาศ
-
1:36 - 1:39ผมก็เลยหากล่องตู้เย็น
ที่อยู่ห่างจากบ้านผมไปสองสามช่วงตึก -
1:39 - 1:40ผมดันมันกลับมาที่บ้าน
-
1:40 - 1:43และเอาไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า
ในห้องนอนสำรองของพ่อแม่ผม -
1:43 - 1:45มันกลายเป็นยานอวกาศ
-
1:45 - 1:48ผมเริ่มสร้างแผงควบคุมบนกระดาษกล่อง
-
1:48 - 1:49ผมตัดช่องไว้สำหรับจอเรดาร์
-
1:49 - 1:52และใส่ไฟฉายเข้าไปข้างใต้
เพื่อให้แสงสว่าง -
1:52 - 1:55ผมติดแผงจอซึ่งอยู่เยื้องไปจากกำแพงหลัง --
-
1:55 - 1:57และนี่เป็นตอนที่ผมคิดว่า
มันสุดจะฉลาด -- -
1:57 - 2:01โดยปราศจากการขออนุญาต
ผมวาดกำแพงหลังตู้เสื้อผ้า -
2:01 - 2:02และปะกลุ่มดาวเอาไว้
-
2:02 - 2:06ซึ่งผมทำให้มันสว่างด้วยไฟคริสมาส
ที่ผมพบในห้องใต้หลังคา -
2:06 - 2:08และผมก็ไปทำปฏิบัติการอวกาศ
-
2:09 - 2:10สองสามปีต่อมา
-
2:10 - 2:12หนังเรื่อง "จอวส์" ก็มา
-
2:12 - 2:15ผมเด็กเกินไปที่จะไปดูหนังเรื่องนี้
แต่ผมก็เป็นติ่งหนังเรื่อง "จอวส์" ไปด้วย -
2:15 - 2:17เหมือนกับทุก ๆ คนในอเมริกาในตอนนั้น
-
2:18 - 2:21มีร้านในเมืองของผมที่มี
ชุด "จอวส์" อยู่ที่หน้าต่าง -
2:21 - 2:24และแม่ของผมก็คงแอบได้ยินผมพูดกับสักคน
-
2:24 - 2:26ว่าผมคิดว่าชุดนี้มันเจ๋งแค่ไหน
-
2:26 - 2:28เพราะว่าสองสามวันต่อมาก่อนฮาโลวีน
-
2:28 - 2:32เธอทำเอาผมดีใจสุด ๆ
เพราะเธอซื้อชุด "จอวส์" มาให้ผม -
2:32 - 2:35ตอนนี้ ผมรู้แล้วว่า
มันเหมือนการเปรียบเปรยสักหน่อย -
2:35 - 2:37สำหรับคนบางช่วงอายุที่จะบ่นว่า
-
2:37 - 2:40เด็กเดี๋ยวนี้ไม่รู้หรอกว่ามันเจ๋งแค่ไหน
ที่พวกเขามีชุดต่าง ๆ -
2:40 - 2:42แต่ให้ผมแสดงตัวอย่างสุ่ม ๆ ให้คุณดูนะครับ
-
2:42 - 2:46ว่าเครื่องแต่งตัวระดับเด็ก ๆ ที่คุณซื้อได้ออนไลน์
มีหน้าตาเป็นอย่างไร ... -
2:46 - 2:50... และนี่คือชุด "จอวส์" ที่แม่ผมซื้อให้
-
2:50 - 2:53(เสียงหัวเราะ)
-
2:53 - 2:56นี่เป็นหน้าฉลามที่บางเหมือนกระดาษ
-
2:56 - 2:59และผ้าไวนิลเล็ก ๆ
ที่มีโปสเตอร์ "จอวส์" อยู่บนนั้น -
2:59 - 3:01(เสียงหัวเราะ)
-
3:01 - 3:02และผมก็ชอบมันครับ
-
3:02 - 3:04สองสามปีต่อมา
-
3:04 - 3:07พ่อผมพาไปดูหนังเรื่อง "เอ็กซ์คาลิเบอร์"
-
3:07 - 3:09ผมรบเร้าให้เขาพาผมไปดูถึงสองรอบ
-
3:09 - 3:13ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย
เพราะว่ามันเป็นหนังโหด เรตอาร์ -
3:13 - 3:15แต่ไม่ใช่เพราะเลือด ตับไตไส้พุง
หรือชื้นส่วนอะไรพวกนั้นหรอก -
3:15 - 3:17ที่ทำให้ผมอยากจะดูอีก
-
3:17 - 3:18มันก็มีส่วนอะนะครับ --
-
3:18 - 3:19(เสียงหัวเราะ)
-
3:19 - 3:20แต่เป็นเพราะเสื้อเกราะ
-
3:21 - 3:25เสื้อเกราะในเรื่อง "เอ็กซ์คาลิเบอร์"
สวยงามไร้ที่ติสำหรับผม -
3:25 - 3:29มันเป็นเกราะสำหรับอัศวินเกราะเงินอย่างแท้จริง
-
3:29 - 3:33และยิ่งกว่านั้น อัศวินใน "เอ็กซ์คาลิเบอร์"
ก็ใส่เกราะนี้ไปไหนมาไหน -
3:34 - 3:37ตลอดเวลา -- พวกเขาใส่มันไปกินข้าวมื้อเย็น
พวกเขาใส่มันเข้านอนด้วย -
3:37 - 3:38(เสียงหัวเราะ)
-
3:38 - 3:40ผมแบบว่า "พวกเขาอ่านใจผมได้หรือนี่
-
3:40 - 3:42ผมอยากจะใส่เสื้อเกราะตลอดเวลาเลย"
-
3:43 - 3:44(เสียงหัวเราะ)
-
3:44 - 3:46ฉะนั้น ผมก็กลับไปหาวัสดุที่ผมชอบ
-
3:46 - 3:47ประตูสู่การสร้างสรรค์
-
3:47 - 3:49กระดาษลูกฟูก
-
3:49 - 3:52และผมก็ทำเสื้อเกราะของผมเอง
-
3:52 - 3:55พร้อมด้วยเกราะป้องกันคอและม้าขาว
-
3:55 - 3:56ตอนนี้ผมขายมันไปแล้ว
-
3:56 - 3:58นี่คือภาพของเสื้อเกราะที่ผมทำ
-
3:58 - 4:00(เสียงหัวเราะ)
-
4:00 - 4:02(เสียงปรบมือ)
-
4:05 - 4:07ตอนนี้ นี่เป็นเพียงเสื้อเกราะแรกที่ผมได้ทำ
-
4:07 - 4:09ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "เอ็กซ์คาลิเบอร์"
-
4:09 - 4:10สองสามปีต่อมา
-
4:10 - 4:14ผมรบเร้าให้พ่อของผม
ทำเสื้อเกราะดี ๆ ให้ผมสักตัว -
4:14 - 4:16ประมาณเดือนหนึ่งผ่านไป
-
4:16 - 4:20เขาทำให้จากที่ผมใช้กระดาษกล่อง
มาเป็นอะลูมิเนียมมุงหลังคาเงาวับ -
4:20 - 4:23และก็ยังมี
หนึ่งในวัสดุที่ผมชอบตลอดกาล -
4:23 - 4:24ซึ่งก็คือ หมุด POP
-
4:24 - 4:26ตลอดเดือนนั้น
-
4:26 - 4:28เราสร้างชุดเกราะอะลูมิเนียม
ที่ถูกประกอบอย่างระมัดระวัง -
4:28 - 4:30ด้วยโค้งเว้าต่าง ๆ
-
4:30 - 4:33เราเจาะรูในหมวก
เพื่อที่ผมจะได้หายใจได้ -
4:33 - 4:36และตกแต่งมันเสร็จทันเวลาฮาโลวีน
ให้ผมได้ใส่ไปโรงเรียน -
4:36 - 4:38ทีนี้ นี่คือสิ่งหนึ่งในการบรรยายนี้
-
4:38 - 4:40ที่ผมไม่มีภาพให้คุณดู
-
4:40 - 4:42เพราะว่าผมไม่มีภาพของเกราะที่ว่านี้
-
4:42 - 4:43ผมใส่มันไปโรงเรียน
-
4:43 - 4:46ช่างภาพหนังสือรุ่นเดินหาผมซะทั่วห้องโถง
-
4:46 - 4:49แต่เขาไม่เจอผม ด้วยเหตุผลที่ผมกำลังจะบอกครับ
-
4:49 - 4:51มันมีสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง
-
4:51 - 4:56เกี่ยวกับการสวมเกราะที่ทำจากอะลูมิเนียม
แบบจัดเต็มไปโรงเรียน -
4:56 - 4:59ในคาบที่สามที่เราเรียนคณิตศาสตร์
ผมยืนอยู่ที่หลังห้อง -
4:59 - 5:01และผมยืนอยู่ที่หลังห้อง
-
5:01 - 5:03เพราะว่าเกราะมันทำให้ผมนั่งไม่ได้
-
5:03 - 5:04(เสียงหัวเราะ)
-
5:04 - 5:07นี่เป็นสิ่งแรกที่ผมไม่ได้ตั้งตัว
-
5:07 - 5:10และเมื่อครูของผมมาทางผมด้วยความเป็นห่วง
-
5:10 - 5:13โดยที่ท่านอยู่ห่างไปครึ่งห้อง
ส่งเสียงมาว่า "โอเคหรือเปล่า" -
5:13 - 5:15ผมคิดว่า "ล้อกันเล่นหรือไง ผมโอเค
-
5:15 - 5:18ผมใส่ชุดเกราะอยู่ ผมรู้สึกดีสุด ๆ -- "
-
5:18 - 5:21และผมกำลังจะบอกครูอยู่เลยว่า
ผมรู้สึกดีแค่ไหน -
5:21 - 5:23เมื่อเพื่อน ๆ ในห้องเริ่มเดินกันไปทางซ้าย
-
5:23 - 5:26และหายไปในทางเดิน
-
5:26 - 5:29และผมก็ตื่นขึ้นมาในห้องพยาบาล
-
5:30 - 5:33ผมสลบไปเพราะความร้อนอบ
-
5:33 - 5:35จากการใส่ชุดเกราะ
-
5:35 - 5:36และเมื่อผมตื่นขึ้น
-
5:36 - 5:39ผมไม่อายเลยที่ผมเป็นลมในห้องเรียน
-
5:39 - 5:42ผมสงสัยว่า "ใครเอาชุดเกราะของผมไป
ชุดเกราะของผมหายไปไหน" -
5:42 - 5:44ครับ ตัดข้ามไปอีกหลายปี
-
5:44 - 5:47เพื่อนร่วมงานและผมถูกจ้างให้ทำรายการ
สำหรับช่องดิสคัฟเวอรี่ -
5:47 - 5:48ที่มีชื่อว่า "นักพิสูจน์ท้าทดลอง"
(Mythbusters) -
5:48 - 5:50และตลอด 14 ปี
-
5:50 - 5:53ผมเรียนรู้จากการทำงาน
ว่าจะวางแผนการทดลองได้อย่างไร -
5:53 - 5:55และจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับมัน
ทางโทรทัศน์ได้อย่างไร -
5:56 - 5:57ผมยังได้เรียนรู้แต่แรก ๆ อีกว่า
-
5:58 - 6:00การแต่งกายมีบทบาทสำคัญ
ในการเล่าเรื่องราว -
6:00 - 6:04ผมใช้เครื่องแต่งกายเพื่อเพิ่มความขำขัน
ความสนุกสนาน สีสัน -
6:04 - 6:07และการบอกเล่าเรื่องราวอย่างชัดเจน
-
6:08 - 6:11และเมื่อเราสร้างตอนที่มีชื่อว่า
"การขับรถขยะ" -
6:11 - 6:13ผมได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นนิดหน่อย
-
6:13 - 6:16เกี่ยวกับการตีความที่ลึกซึ้ง
ของเครื่องแต่งกายที่มีต่อผม -
6:16 - 6:18ในตอนที่ชื่อว่า "การขับรถขยะ"
-
6:18 - 6:20คำถามที่เราต้องการหาคำตอบก็คือ
-
6:20 - 6:22การกระโดดลงไปในรถถังขยะ
-
6:22 - 6:24ปลอดภัยพอ ๆ กับ
ที่คุณเห็นในหนังหรือเปล่า -
6:24 - 6:26(เสียงหัวเราะ)
-
6:26 - 6:28ตอนนั้นจะมีส่วนสำคัญสองส่วน
-
6:28 - 6:31ส่วนแรกที่เราได้รับการฝึกโดยสตันท์
ให้กระโดดออกจากตึก -
6:31 - 6:33ไปยังถุงลม
-
6:33 - 6:35และส่วนที่สองคือการทำการทดลอง
-
6:35 - 6:38เราเติมถังขยะให้เต็มไปด้วยวัสดุต่าง ๆ
แลเราก็กระโดดลงไป -
6:38 - 6:40เราอยากที่จะให้สองสิ่งนี้ดูแตกต่างกัน
-
6:40 - 6:41และผมคิดว่า
-
6:41 - 6:45"อื่ม สำหรับส่วนแรก เรากำลังฝึกฝน
ฉะนั้นเราควรสวมเสื้อซ้อมกีฬา -- -
6:45 - 6:49โอ้ ใส่เสื้อที่มีคำว่า 'ฝึกสตันท์'
อยู่ที่ข้างหลังดีกว่า -
6:49 - 6:50นั่นสำหรับตอนฝึก"
-
6:50 - 6:54แต่สำหรับส่วนที่สอง
ผมอยากให้มันน่าดึงดูด -- -
6:54 - 6:56"ผมรู้แล้ว มาแต่งตัวเป็น นีโอ
จากเรื่อง เดอะ เมทริกซ์ ดีกว่า" -
6:56 - 6:57(เสียงหัวเราะ)
-
6:57 - 6:59ผมก็เลยไปที่ ไฮท์ สตรีท
-
6:59 - 7:01และไปซื้อรองเท้าบูทสูงถึงเข่ามา
-
7:01 - 7:04ผมเจอเสื้อคลุมตัวยาวที่อีเบย์
-
7:04 - 7:07ผมได้แว่นตาดำ ซึ่งผมต้องใส่คอนแทคเลนส์
เพื่อที่จะใส่มันอีกที -
7:07 - 7:09วันที่จะถ่ายทำถูกกำหนด
-
7:09 - 7:11และผมก็ออกมาจากรถในชุดของผม
-
7:11 - 7:13และเพื่อน ๆ ก็มองมาที่ผม ...
-
7:14 - 7:16ก็เริ่มที่จะกลั้นหัวเราะ
-
7:17 - 7:20พวกเขาแบบว่า
"(เสียงหัวเราะ)" -
7:20 - 7:22และผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึก
ที่รุนแรงสองอย่างในวินาทีนั้น -
7:22 - 7:24ผมรู้สึกอายสิ้นดี
-
7:24 - 7:27เพราะสำหรับเพื่อนร่วมงานของผม
มันชัดแจ้งแดงแจ๋ -
7:27 - 7:30ว่าผมน่ะชอบใส่ชุดนี้จริง ๆ
-
7:30 - 7:31(เสียงหัวเราะ)
-
7:31 - 7:35แต่ผู้อำนวยการสร้างในจินตนาการของผม
บอกตัวผมเอง -
7:35 - 7:37ในแบบสโลวโมชันว่า
-
7:37 - 7:40ผ้าคลุมยาวนั่นจะดูเจ๋งมาก
เมื่อมันพาดไปข้างหลังผม -
7:40 - 7:41(เสียงหัวเราะ)
-
7:42 - 7:44ห้าปีที่ผมทำรายการ "นักพิสูจน์ท้าทดลอง"
-
7:44 - 7:47ผมได้รับเชิญไปงาน คอมมิกส์-คอน
ที่ซานดิเอโก -
7:47 - 7:50ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับคอมมิกส์-คอน
มาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยมีเวลาได้ไปเลย -
7:50 - 7:54มันเป็นเวทีใหญ่ --
มันเป็นอารามของการแต่งตัว -
7:54 - 7:56ผู้คนบินมาจากทั่วโลก
-
7:56 - 7:59เพื่ออวดความสร้างสรรค์อันน่าทึ่ง
ของพวกเขาบนเวทีที่ซานดิเอโก -
7:59 - 8:00และผมก็อยากที่จะเข้าร่วม
-
8:00 - 8:03ผมตัดสินใจว่า ผมจะเอาชุดที่ผมประดิษฐ์
-
8:03 - 8:05ที่ปกคลุมผมทั้งตัว
-
8:05 - 8:09และเดินเข้าไปในงานคอมมิกส์-คอน
ในฐานะบุคคลนิรนาม -
8:09 - 8:10ชุดที่ผมเลือกน่ะหรือครับ
-
8:10 - 8:11เฮลบอยครับ
-
8:11 - 8:13นั่นไม่ใช่ผมครับ
-
8:13 - 8:14นั่นเฮลบอยจริง ๆ
-
8:14 - 8:15(เสียงหัวเราะ)
-
8:15 - 8:16แต่ผมใช้เวลาเป็นเดือน
-
8:16 - 8:19ประกอบชุดเฮลบอยที่เหมือนกับในหนังที่สุด
เท่าที่ผมจะทำได้ -
8:19 - 8:21ตั้งแต่รองเท้าบูท
ไปจนถึงเข็มขัดและกางเกง -
8:21 - 8:22จนถึงมือยักษ์ด้านขวา
-
8:22 - 8:26ผมไปพบชายคนที่ทำหัว
และส่วนอกเทียมของเฮลบอย -
8:26 - 8:27และใส่มัน
-
8:27 - 8:31ผมมีคอนเทคเลนส์
ที่ทำตามขนาดสายตาของผม -
8:31 - 8:33ผมใส่มันไปงานคอมมิกส์-คอน
-
8:33 - 8:38และผมไม่อาจหาคำมาบรรยายได้เลย
ว่าใส่ชุดนั้นแล้วมันโคตรร้อนขนาดไหน -
8:38 - 8:39(เสียงหัวเราะ)
-
8:39 - 8:41เหงื่อแตกครับ ผมจำได้ไม่มีวันลืม
-
8:41 - 8:44ผมเหงื่อท่วมและคอนแทคเลนส์ก็ทิ่มตาผม
-
8:44 - 8:47แต่ทั้งหมดนั้นไม่สำคัญหรอก
เพราะว่าผมกำลังหลงรักมันครับ -
8:47 - 8:49(เสียงหัวเราะ)
-
8:49 - 8:53ไม่ใช่เพียงแค่กระบวนการ
ของการใส่ชุดและเดินไปเดินมา -
8:53 - 8:56แต่ยังเป็นเรื่องของกลุ่มสังคม
ของผู้ที่ชอบแต่งตัวคนอื่น ๆ ด้วย -
8:56 - 8:58มันไม่ได้ถูกเรียกว่า
การแต่งตัวที่งานสัมมนา -
8:58 - 9:00มันเรียกว่า "คอสเพลย์"
-
9:00 - 9:03ครับ อย่างที่เห็น
คอสเพลย์หมายถึงคนที่แต่งตัว -
9:03 - 9:05เป็นตัวละครดังที่พวกเขาชอบ
จากหนังหรือทีวี -
9:05 - 9:06และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการ์ตูนญี่ปุ่น
-
9:06 - 9:09แต่มันเป็นอะไรมากกว่านั้น
-
9:09 - 9:12นี่มันไม่ใช่แค่คนที่หาชุดและใส่มัน --
-
9:12 - 9:14พวกเขาผสมผสานมัน
-
9:14 - 9:15พวกเขาดัดแปลงให้มันเป็นอย่างที่ต้องการ
-
9:15 - 9:19พวกเขาเปลี่ยนแปลงมันเพื่อที่จะเป็น
ตัวละครอย่างที่พวกเขาอยากจะเป็น -
9:19 - 9:21พวกเขาฉลาดมากและมีไหวพริบกันมาก
-
9:21 - 9:24พวกเขาแสดงออกมาอย่างไม่แคร์สายตาใคร
และนั่นมันก็สวยงามครับ -
9:24 - 9:25(เสียงหัวเราะ)
-
9:25 - 9:26แต่ยิ่งไปกว่านั้น
-
9:26 - 9:27พวกเขาซักซ้อมกับชุดของพวกเขา
-
9:27 - 9:29ที่งานคอมมิกส์-คอน
และงานอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน -
9:29 - 9:31พวกเขาไม่เพียงแต่ถ่ายภาพ
กับคนที่เดินไปเดินมา -
9:31 - 9:33คุณเดินเข้าไปและบอกว่า
-
9:33 - 9:35"เฮ่ ชอบชุดคุณจังเลย
ขอถ่ายรูปหน่อยสิ" -
9:35 - 9:38และจากนั้น คุณก็จะให้เวลาพวกเขา
ตั้งท่าถ่ายรูป -
9:38 - 9:39พวกเขาพยายามมากในการตั้งท่า
-
9:40 - 9:42เพื่อให้ชุดของเขาดูยอดเยี่ยมในภาพถ่าย
-
9:42 - 9:45และมันก็น่ามองจริง ๆ ครับ
-
9:45 - 9:47และผมก็
-
9:47 - 9:48ที่งานสัมนาต่อมา
-
9:48 - 9:53ผมเรียนรู้วิธีเดินลากขาแบบที่
ฮีท เลดเจอร์ ทำในเรื่อง "อัศวินรัติกาล" -
9:53 - 9:56ผมเรียนรู้ว่าจะเป็น ริงวริท ที่น่ากลัว
ใน "ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง" ได้อย่างไร -
9:56 - 9:58และผมทำให้เด็กบางคนกลัวซะด้วย
-
9:58 - 10:00ผมเรียนรู้วิธีทำเสียง "เฮอร์ เฮอร์ เฮอร์" --
-
10:00 - 10:02เสียงหัวเราะที่ชูบาก้าทำ
-
10:03 - 10:06และจากนั้น ผมก็แต่งตัวเป็น
โน-เฟส จากเรื่อง "สปิริต อเวย์" -
10:06 - 10:09ถ้าคุณไม่รู้จัก "สปิริต อเวย์"
และผู้กำกับ ฮาโยว มิยาซากิ -
10:09 - 10:11ประการแรกเลยนะครับ ไม่เป็นไร
-
10:11 - 10:12(เสียงหัวเราะ)
-
10:12 - 10:16นี่เป็นผลงานชิ้นเอก
และหนังที่ผมชอบที่สุดเรื่องหนึ่งเลย -
10:16 - 10:20มันเกี่ยวกับเด็กหญิงที่ชื่อว่าชิฮิโร
ที่หลงเข้าไปในโลกวิญญาณ -
10:20 - 10:22ในสวนสนุกญี่ปุ่นที่ถูกทิ้งร้าง
-
10:22 - 10:24และเธอก็พบกับทางออก
-
10:24 - 10:27ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนที่เธอพบ --
-
10:27 - 10:28ซึ่งก็คือ มังกรที่ถูกขังเขาไว้
ชื่อว่า ฮากุ -
10:28 - 10:30และปิศาจเดียวดาย ชื่อว่า โน-เฟส
-
10:30 - 10:33โน-เฟส เดียวดายและอยากจะมีเพื่อน
-
10:33 - 10:36และเขาคิดว่า วิธีการคบเพื่อน
คือต้องล่อเพื่อนเข้ามาหาเขา -
10:36 - 10:39และผลิตทองในมือ
-
10:39 - 10:40แต่ผลก็ไม่ได้ออกมาสวยเท่าไร
-
10:40 - 10:43และกลายเป็นว่าเขาเกือบจะโดนกระทืบ
-
10:43 - 10:45แต่ชิฮิโรมาช่วยเอาไว้
-
10:45 - 10:47พาเขาไปที่ปลอดภัย
-
10:47 - 10:50ผมประดิษฐ์ชุด โน-เฟส ขึ้นมา
-
10:51 - 10:53และใส่ไปที่งานคอมมิกส์-คอน
-
10:53 - 10:58และผมก็ฝึกฝนท่าทางของโน-เฟส
อย่างระมัดระวัง -
10:58 - 11:01ผมจะไม่พูดอะไรเลยเมื่อใส่ชุดนั้น
-
11:01 - 11:03เมื่อคนขอถ่ายรูปผม
-
11:03 - 11:05ผมแค่พยักหน้า
-
11:05 - 11:08และจะยืนอยู่ข้างพวกเขาอย่างเขิน ๆ
-
11:08 - 11:09และพวกเขาก็ถ่ายภาพ
-
11:09 - 11:12และจากนั้นผมก็จะเอาช๊อกโกแลตเหรียญทอง
ที่ซ่อนเอาไว้ข้างหลัง -
11:12 - 11:14ออกมาให้พวกเขา
-
11:14 - 11:17และตอนถ่ายรูปเสร็จ
ผมจะโผล่ออกมา -
11:17 - 11:20ฮา ฮา ฮา -- แบบนั้น
-
11:20 - 11:21และคนก็จะตกใจ
-
11:21 - 11:24"เฮ้ย นั่นมันทองจาก โน-เฟส
เจ๋งจังเลย" -
11:24 - 11:28และผมสัมผัสได้และเดินไปในงาน
มันเจ๋งมากครับ -
11:28 - 11:31และประมาณ 15 นาที ต่อมา
-
11:31 - 11:33ใครบางคนก็คว้ามือผม
-
11:34 - 11:36และเอาเหรียญมาคืน
-
11:36 - 11:39ผมคิดว่า บางทีพวกเขาอาจเหรียญ
มาให้ผมเป็นรางวัลตอบแทน -
11:39 - 11:42แต่ไม่ใช่ครับ
มันเป็นเหรียญอันหนึ่งที่ผมให้ไป -
11:42 - 11:44ผมไม่รู้ว่าทำไม
-
11:44 - 11:46และเดินไปเรื่อย ๆ ถ่ายภาพต่อไป
-
11:46 - 11:47และมันก็เกิดขึ้นอีก
-
11:48 - 11:51เข้าใจนะครับว่า ผมมองอะไรไม่เห็น
เมื่ออยู่ในชุดนี้ -
11:51 - 11:53ผมเห็นผ่านช่องปาก --
-
11:53 - 11:54ผมเห็นรองเท้าของคนอื่น
-
11:54 - 11:57ผมได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไร
และเห็นเท้าของพวกเขา -
11:57 - 11:59แต่เมื่อผมได้เหรียญกลับมาเป็นครั้งที่สาม
-
11:59 - 12:01ผมอยากรู้เหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้น
-
12:02 - 12:05ผมก็เลยเอียงหัวนิดหน่อย
เพื่อที่จะได้มองชัดขึ้น -
12:05 - 12:08และที่ผมเห็นก็คือ
ใครบางคนที่เดินจากผมไปแบบนี้ -
12:10 - 12:12และจากนั้นผมก็เข้าใจ
-
12:13 - 12:16มันเป็นโชคร้าย ที่จะได้เหรียญทอง
จากโน-เฟส -
12:16 - 12:18ในหนังเรื่อง "สปิริต อเวย์"
-
12:18 - 12:22คนที่ได้มันไปพบกับโชคร้าย
-
12:22 - 12:29นี่ไม่ใช่สัมพันธภาพแบบนักแสดง-ผู้ชม
มันคือคอสเพลย์ครับ -
12:30 - 12:32เราทุกคน ทุก ๆ คนในที่นั้น
-
12:32 - 12:35พาตัวเองเข้าไปในบริบท
ที่มีความหมายต่อเรา -
12:36 - 12:38และเราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเราเอง
-
12:38 - 12:42เราต่างผูกพันกับสิ่งสำคัญที่อยู่ในตัวเรา
-
12:42 - 12:46และเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว
คือการที่เราเปิดเผยตัวตนของเรา -
12:46 - 12:47ต่อกันและกัน
-
12:48 - 12:49ขอบคุณครับ
-
12:49 - 12:55(เสียงปรบมือ)
- Title:
- จดหมายรักของผมถึงคอสเพลย์
- Speaker:
- อดัม ซาเวจ (Adam Savage)
- Description:
-
อดัม ซาเวจ สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ และทำการทดลอง และเขาใช้ชุดเครื่องแต่งกายเพื่อเพิ่มความขบขัน สีสัน และความชัดเจน ต่อเรื่องราวที่เขาบอกเล่า ย้อนกลับไปหาเครื่องแต่งกายสุดโปรดของเขา -- ตั้งแต่หมวกอวกาศเมื่อวัยเด็กที่ทำจากถ้วยไอศกรีมไปจนถึงชุด โน-เฟส ที่เขาใส่ไปงานคอมมิกส์-คอน -- ซาเวจ สำรวจโลกของคอสเพลย์และความหมายที่มันสร้างมาให้กลุ่มสังคมของมัน "เราต่างผูกพันกับสิ่งสำคัญที่อยู่ในตัวเรา" เขากล่าว "เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว คือการที่เราเปิดเผยตัวตนของเราต่อกันและกัน"
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 13:07
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for My love letter to cosplay | ||
Natachanan Lumpikanon accepted Thai subtitles for My love letter to cosplay | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My love letter to cosplay | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My love letter to cosplay | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My love letter to cosplay | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My love letter to cosplay | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My love letter to cosplay | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for My love letter to cosplay |