ความเกลียดกลัวอิสลามได้พรากน้องชายของฉันไป ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องยุติความเกลียดกลัวนี้
-
0:01 - 0:03เมื่อปีที่แล้ว
-
0:03 - 0:05สมาชิกในครอบครัวสามคนของฉัน
ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม -
0:05 - 0:07ในอาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง
-
0:08 - 0:10คงไม่ต้องบอกเลยว่า
มันเป็นเรื่องยากลำบากแค่ไหน -
0:10 - 0:12สำหรับฉันที่ต้องมาอยู่ ณ ที่นี่ในวันนี้
-
0:12 - 0:14แต่น้องชายของฉัน ดีอาห์
-
0:14 - 0:15ภรรยาของเขา ยูซอร์
-
0:15 - 0:17และน้องสาวของเธอ ราซาน
-
0:17 - 0:19ไม่ได้ให้ทางเลือกกับฉันมากนัก
-
0:19 - 0:23ฉันหวังว่า เมื่อการบรรยายนี้จบลงแล้ว
พวกคุณจะตัดสินใจ -
0:23 - 0:25และเข้าร่วมกับฉันในการลุกขึ้นต่อต้าน
ความเกลียดชัง -
0:27 - 0:30ในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2014
-
0:30 - 0:32เช้าวันแต่งงานของน้องชายของฉัน
-
0:32 - 0:34เขาเรียกให้ฉันไปหาและหวีผมให้
-
0:34 - 0:36เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ
การถ่ายรูปแต่งงานของเขา -
0:37 - 0:42ชายหนุ่มอายุ 23 ปี สูง 6 ฟุต 3 นิ้ว
ผู้คลั่งไคล้สตีเฟ่น เคอร์รี่เป็นพิเศษ -
0:42 - 0:44(เสียงหัวเราะ)
-
0:46 - 0:49นักศึกษาทันตแพทย์อเมริกันคนหนึ่ง
ที่พร้อมจะออกไปเผชิญโลกกว้าง -
0:50 - 0:52ตอนที่ดีอาห์และยูซอร์
เต้นรำด้วยกันครั้งแรกนั้น -
0:53 - 0:54ฉันมองเห็นความรักในดวงตาของเขา
-
0:54 - 0:56เห็นความสุขที่สะท้อนในแววตาของเธอ
-
0:56 - 0:58แล้วความรู้สึกต่าง ๆ ก็เริ่มท่วมท้นฉัน
-
0:59 - 1:02ฉันหลบไปอยู่ข้างหลังห้องจัดเลี้ยง
และน้ำตาก็เริ่มไหลริน -
1:03 - 1:05และเมื่อเพลงที่สองจบลง
-
1:05 - 1:06เขาก็เดินตรงดิ่งมาหาฉัน
-
1:06 - 1:07โอบกอดฉันไว้ในอ้อมอก
-
1:07 - 1:08แล้วโยกตัวฉันไปมา
-
1:09 - 1:10ถึงแม้ว่า ณ เวลานั้น
-
1:10 - 1:12ทุกอย่างจะดูวุ่นวายไปหมด
-
1:12 - 1:14เขาก็ยังเข้าใจฉันเป็นอย่างดี
-
1:14 - 1:16เขาจับหน้าฉัน แล้วพูดว่า
-
1:16 - 1:17"ซูซาน
-
1:17 - 1:19ผมเป็นคนคนนี้ได้ก็เพราะพี่นะ
-
1:23 - 1:25ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
-
1:25 - 1:26ผมรักพี่ครับ"
-
1:27 - 1:31ประมาณหนึ่งเดือนถัดมา ฉันกลับบ้าน
ที่นอร์ธแคโรไลนาเพื่อไปเยี่ยมเยียน -
1:31 - 1:33และในเย็นของวันสุดท้ายนั้น
ฉันวิ่งขึ้นไปที่ห้องของดีอาห์ -
1:33 - 1:37ด้วยความอยากรู้ว่าเขารู้สึกยังไงบ้าง
กับการได้เป็นชายที่เพิ่งแต่งงาน -
1:37 - 1:39ด้วยรอยยิ้มหนุ่มน้อย เขาพูดว่า
-
1:39 - 1:43"ผมมีความสุขมากเลย ผมรักเธอ
เธอเป็นผู้หญิงที่มหัศจรรย์" -
1:43 - 1:44และเธอก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
-
1:45 - 1:48ด้วยวัยเพียง 21 ปี เธอได้รับ
เข้าศึกษาต่อที่เดียวกับดีอาห์ -
1:48 - 1:49ที่วิทยาลัยทันตแพทย์ยูเอ็นซี
-
1:50 - 1:53เธอชื่นชอบบาสเกตบอลเหมือนกับเขา
และเพราะการร้องขอของเธอ -
1:53 - 1:57พวกเขาจึงไปฮันนีมูนด้วยการ
ไปดูทีมที่พวกเขาชื่นชอบในเอ็นบีเอ -
1:57 - 1:59ทีมแอลเอ เลเกอร์ส
-
1:59 - 2:00แบบว่า ดูท่าโยนนั้นสิ
-
2:00 - 2:04(เสียงหัวเราะ)
-
2:07 - 2:10ฉันจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่
ได้นั่งอยู่กับเขาในตอนนั้นเลย -
2:10 - 2:13ที่ได้เห็นเขาโบยบินอย่างอิสระ
ท่ามกลางความสุขของเขา -
2:13 - 2:15น้องชายคนเล็กของฉัน
เด็กชายผู้คลั่งไคล้บาสเกตบอล -
2:15 - 2:19ได้แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นเด็กหนุ่ม
ที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง -
2:19 - 2:22เขาเรียนเก่งที่สุดในชั้นเรียน
ที่วิทยาลัยทันตกรรมของเขา -
2:22 - 2:23และทำงานร่วมกับยูซอร์และราซาน
-
2:23 - 2:27ในการเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือ
ชุมชนนานาชาติ -
2:27 - 2:30ที่อุทิศให้กับคนไร้บ้านและผู้ลี้ภัย
-
2:30 - 2:32ซึ่งรวมไปถึงทริปช่วยเหลือด้าน
ทันตกรรมที่พวกเขาวางแผนกันอยู่ -
2:32 - 2:34เพื่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรียในตุรกีด้วย
-
2:35 - 2:37ราซาน ด้วยวัยเพียง 19 ปี
-
2:37 - 2:40ได้ใช้ความสร้างสรรค์ของเธอในฐานะ
นักศึกษาสาขาวิศวกรรมสถาปัตย์ -
2:40 - 2:42เพื่อช่วยเหลือผู้คนรอบตัวเธอ
-
2:42 - 2:44ทำกล่องยังชีพให้คนไร้บ้านในท้องที่
-
2:44 - 2:46รวมถึงโครงการอื่น ๆ
-
2:46 - 2:48นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็น
-
2:49 - 2:51ตอนที่ฉันยืนอยู่ในคืนนั้น
-
2:51 - 2:54ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ และ
มองไปที่ดีอาห์ แล้วบอกเขาว่า -
2:54 - 2:57"พี่ไม่เคยรู้สึกภูมิใจในตัวเรา
เท่ากับที่พี่รู้สึกในตอนนี้เลย" -
2:58 - 2:59เขาดึงฉันไปที่ร่างสูงใหญ่ของเขา
-
2:59 - 3:01กอดราตรีสวัสดิ์ฉัน
-
3:01 - 3:03แล้วฉันก็จากที่นั่นในเช้าวันถัดมา
โดยที่ไม่ปลุกเขา -
3:03 - 3:04เพื่อกลับไปยังซานฟรานซิสโก
-
3:05 - 3:07นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้กอดเขา
-
3:11 - 3:14สิบวันต่อมา ฉันเข้าเวรอยู่ที่
โรงพยาบาลซานฟรานซิสโก -
3:14 - 3:17ในตอนที่ฉันได้รับข้อความคลุมเครือ
ที่แสดงความเสียใจอย่างล้นหลาม -
3:18 - 3:20ด้วยความสับสน ฉันจึงโทรไปหาพ่อ
ผู้ซึ่งตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า -
3:20 - 3:23"มีคนยิงกันในละแวกบ้านของดีอาห์
ในแชเปิลฮิลล์ -
3:23 - 3:25ตอนนี้มันถูกปิดล้อมอยู่
นั่นคือทั้งหมดที่เรารู้" -
3:26 - 3:29ฉันวางสาย แล้วรีบพิมพ์หาในกูเกิ้ลว่า
"เหตุยิงในแชเปิลฮิลล์" -
3:29 - 3:31ผลการค้นหาหนึ่งเด้งขึ้นมา
-
3:31 - 3:32เขียนว่า:
-
3:32 - 3:35"คนสามคนถูกยิงที่ด้านหลังศีรษะ
-
3:35 - 3:36และเสียชีวิตลงในที่เกิดเหตุ"
-
3:37 - 3:38ความรู้สึกในใจฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
-
3:38 - 3:42ฉันล้มลงจากเก้าอี้แล้วทรุดตัวลงไป
บนพื้นอันขรุขระของโรงพยาบาล -
3:42 - 3:43และร้องสะอื้น
-
3:43 - 3:46ฉันนั่งเที่ยวบินกลางคืนเที่ยวแรก
ออกจากซานฟรานซิสโก -
3:46 - 3:47โดยที่รู้สึกชาและสับสน
-
3:47 - 3:51ฉันเดินเข้าไปในบ้านในวัยเด็กของฉัน
แล้วล้มตัวลงไปยังอ้อมกอดของพ่อแม่ -
3:51 - 3:52ร้องไห้อย่างหนัก
-
3:52 - 3:55จากนั้นฉันก็วิ่งขึ้นไปยังห้องของดีอาห์
เหมือนกับที่ฉันทำหลาย ๆ ครั้งก่อนหน้านั้น -
3:55 - 3:57เพียงเพื่อมองหาเขา
-
3:57 - 4:00แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
ที่ไม่มีวันจะถูกเติมเต็มได้อีก -
4:04 - 4:07รายงานการสืบสวนและการชันสูตรศพ
ในท้ายที่สุดก็ได้เปิดเผย -
4:07 - 4:09ลำดับของเหตุการณ์ต่าง ๆ
-
4:10 - 4:13ดีอาห์เพิ่งลงจากรถบัสหลังจากเลิกเรียน
-
4:13 - 4:14ส่วนราซานแวะมารับประทานอาหารเย็นด้วย
-
4:14 - 4:16โดยอยู่ในบ้านกับยูซอร์แต่แรกแล้ว
-
4:17 - 4:19ขณะเริ่มรับประทานอาหาร
พวกเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู -
4:19 - 4:21เมื่อดีอาห์ไปเปิด
-
4:21 - 4:24เพื่อนบ้านของเขาก็เริ่ม
ยิงกระสุนใส่เขาหลายนัด -
4:27 - 4:28จากการติดต่อทางโทรศัพท์กับ 911
-
4:28 - 4:30มีคนได้ยินเสียงพวกผู้หญิงกรีดร้อง
-
4:32 - 4:35ชายคนนั้นเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องครัว
แล้วยิงกระสุนนัดหนึ่งไปที่เอวของยูซอร์ -
4:35 - 4:36ทำให้เธอขยับไม่ได้
-
4:36 - 4:38จากนั้นเขาก็มุ่งเข้าไปหาเธอทางด้านหลัง
-
4:38 - 4:40ดันปากกระบอกปืนชิดกับหัวของเธอ
-
4:40 - 4:43และด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว
ทำให้สมองส่วนกลางของเธอฉีกขาด -
4:44 - 4:47จากนั้นเขาก็หันไปหาราซาน
ผู้ที่กำลังกรีดร้องขอชีวิต -
4:47 - 4:50แล้วก็ทำตามแบบแผนการประหารชีวิต
(execution-style) โดยใช้กระสุนนัดเดียว -
4:52 - 4:53ยิงไปที่หัว
-
4:53 - 4:55เพื่อฆ่าเธอ
-
4:56 - 4:57ในตอนที่เขาเดินออกนั้น
-
4:57 - 5:00เขายิงดีอาห์ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
โดยยิงกรอกปากของเขา -
5:00 - 5:02รวมเป็นกระสุน 8 นัด
-
5:02 - 5:04สองนัดในหัว
-
5:04 - 5:05สองนัดที่หน้าอก
-
5:06 - 5:08ส่วนนัดที่เหลืออยู่ที่แขนขาของเขา
-
5:09 - 5:12ดีอาห์ ยูซอร์ และราซานถูกฆาตกรรม
-
5:12 - 5:15ในที่ที่ควรจะปลอดภัย นั่นก็คือ
บ้านของพวกเขา -
5:16 - 5:18ตลอดเวลาหลายเดือน ชายคนนี้
ได้ตามระรานพวกเขาอยู่เรื่อย ๆ -
5:18 - 5:20ทั้งเคาะประตูบ้าน
-
5:20 - 5:22แกว่งปืนขู่สองสามครั้ง
-
5:23 - 5:26เฟสบุ๊คของเขานั้นเต็มไปด้วย
โพสต์ต่อต้านศาสนา -
5:27 - 5:29ยูซอร์ถูกคุกคามจากเขาเป็นพิเศษ
-
5:30 - 5:31ในตอนที่เธอกำลังย้ายเข้ามานั้น
-
5:32 - 5:36เขาบอกยูซอร์กับแม่ของเธอว่าเขา
ไม่ชอบรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเธอ -
5:37 - 5:40ในการตอบสนอง แม่ของยูซอร์บอกให้เธอ
มีเมตตากับเพื่อนบ้านคนนั้น -
5:40 - 5:42บอกว่าเมื่อเขาได้รู้จักเราแล้ว
-
5:42 - 5:43เขาจะมองเห็นเราอย่างที่เราเป็นจริง ๆ
-
5:45 - 5:48ฉันเดาว่าเราทุกคนคงรู้สึกชินชา
กับความเกลียดชัง -
5:48 - 5:51มากจนกระทั่งเรานึกภาพไม่ออกเลยว่า
มันจะกลับกลายเป็นความรุนแรงถึงชีวิต -
5:54 - 5:57ชายผู้ฆาตกรรมน้องชายของฉัน
มอบตัวกับตำรวจ -
5:57 - 5:58ไม่นานหลังจากการฆาตกรรม
-
5:59 - 6:01สารภาพว่าเขาฆ่าเด็กวัยรุ่นสามคน
-
6:01 - 6:02ตามแบบแผนการประหารชีวิต
-
6:02 - 6:04หลังจากมีปากเสียงกันเรื่องที่จอดรถ
-
6:05 - 6:08ตำรวจได้ออกแถลงการณ์สาธารณะ
ที่ยังไม่สมบูรณ์ดีในเช้าวันนั้น -
6:08 - 6:11ส่งเสียงสะท้อนข้ออ้างของเขา
โดยไม่แม้แต่จะตั้งคำถาม -
6:11 - 6:12หรือสืบสวนต่อไป
-
6:13 - 6:16แต่ความจริงก็คือ การมีปากเสียง
เรื่องที่จอดนั้นไม่ได้เกิดขึ้น -
6:16 - 6:17ไม่มีการโต้แย้ง
-
6:17 - 6:19ไม่มีการละเมิดใด ๆ
-
6:19 - 6:21แต่ความเสียหายนั้นเกิดขึ้นไปแล้ว
-
6:21 - 6:23ในรอบ 24 ชั่วโมงนั้นของสื่อ
-
6:23 - 6:27คำว่า "ปากเสียงเรื่องที่จอดรถ" ได้
กลายเป็นวลีที่ทุกคนจดจำไปเรียบร้อยแล้ว -
6:30 - 6:32ฉันนั่งอยู่บนเตียงของน้องชาย
และนึกถึงคำพูดของเขา -
6:33 - 6:36คำพูดที่เขามอบให้ฉันอย่างเต็มใจ
และด้วยความรักอันเปี่ยมล้น -
6:36 - 6:38"ผมเป็นคนคนนี้ได้ก็เพราะพี่นะ"
-
6:39 - 6:42นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันปีนออกมาจาก
ความเศร้าที่สร้างรอยแผลในใจฉัน -
6:42 - 6:43และออกมาพูด
-
6:43 - 6:46ฉันไม่อาจปล่อยให้ความตายของคนในครอบครัว
ถูกลดค่าลงเหลือแค่ช่วงเล็ก ๆ -
6:46 - 6:48ที่แทบจะไม่ถูกพูดถึงในข่าวในท้องที่
-
6:49 - 6:52พวกเขาถูกฆาตกรรมโดยเพื่อนบ้าน
เพราะความศรัทธาของพวกเขา -
6:52 - 6:56เพราะผ้าผืนหนึ่งที่พวกเขาตัดสินใจ
นำมาสวมใส่ไว้บนศีรษะ -
6:56 - 6:58เพราะว่าพวกเขาเป็นมุสลิมอย่างเห็นได้ชัด
-
7:02 - 7:03ความรู้สึกโกรธบางอย่าง
ที่ฉันรู้สึกในตอนนั้น -
7:03 - 7:05ก็คือว่าถ้าบทบาทนั้นกลับกัน
-
7:05 - 7:09แล้วมีคนอาหรับ มุสลิม
หรือคนที่ดูเหมือนมุสลิมสักคนหนึ่ง -
7:09 - 7:14ฆ่านักศึกษาอเมริกันผิวขาวสามคน
ตามแบบแผนการประหารชีวิต -
7:14 - 7:15ในบ้านของพวกเขาล่ะ
-
7:15 - 7:17เราจะเรียกมันว่าอะไร
-
7:18 - 7:19"การจู่โจมของผู้ก่อการร้าย"
-
7:20 - 7:23เวลาที่คนขาว
ใช้ความรุนแรงในอเมริกา -
7:23 - 7:25พวกเขาเป็นพวกรักสันโดษ
-
7:25 - 7:26ป่วยทางจิต
-
7:26 - 7:28หรือมีแรงจูงใจมาจาก
ปากเสียงเรื่องที่จอดรถ -
7:31 - 7:34ฉันรู้ว่าฉันต้องเล่าเรื่องราว
ของครอบครัวฉัน -
7:34 - 7:36และฉันก็ทำสิ่งเดียวที่ฉันรู้ว่า
ต้องทำอย่างไร -
7:36 - 7:39ฉันส่งข้อความเฟสบุ๊คไปหาทุกคน
ที่ฉันรู้จักในวงการสื่อ -
7:41 - 7:43ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
-
7:43 - 7:47ท่ามกลางบ้านอันวุ่นวาย
ที่เอ่อล้นไปด้วยหมู่มิตรและครอบครัว -
7:47 - 7:50เพื่อนบ้านของเรา นีล แวะมาหา
แล้วนั่งลงข้าง ๆ พ่อแม่ของฉัน -
7:50 - 7:52และถามว่า
"ผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง?" -
7:53 - 7:57นีลมีประสบการณ์ในวงการ
หนังสือพิมพ์มามากกว่ายี่สิบปี -
7:57 - 8:00แต่เขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
เขาไม่ได้ไปที่นั่นในฐานะนักข่าว -
8:00 - 8:02แต่ในฐานะของเพื่อนบ้านคนหนึ่ง
ที่อยากช่วยเหลือ -
8:02 - 8:04ฉันถามเขาว่าเราควรทำอย่างไรดี
-
8:04 - 8:07หลังจากที่ถูกรุมเร้าไปด้วย
คำขอสัมภาษณ์จากสื่อท้องถิ่น -
8:07 - 8:12เขาเสนอว่าจะจัดงานแถลงข่าวให้
ที่ศูนย์ชุมชนท้องถิ่นแห่งหนึ่ง -
8:13 - 8:16จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่รู้
ว่าจะขอบคุณเขาอย่างไร -
8:17 - 8:20"แค่บอกผมว่าเมื่อไร แล้วผมจะให้
ช่องข่าวทุกช่องรายงาน" เขากล่าว -
8:21 - 8:23เขาทำเพื่อเราในสิ่งที่เรา
ทำด้วยตัวเองไม่ได้ -
8:23 - 8:25ในช่วงเวลาแห่งความตื่นตระหนก
-
8:26 - 8:27ฉันให้ข่าว
-
8:27 - 8:29โดยที่ยังใส่เสื้อกาวน์
จากคืนก่อนหน้านั้นอยู่ -
8:30 - 8:32และภายใน 24 ชั่วโมง
ภายหลังการฆาตกรรม -
8:32 - 8:34ฉันได้ออกช่องซีเอ็นเอ็นเพื่อ
ให้สัมภาษณ์กับแอนเดอร์สัน คูเปอร์ -
8:35 - 8:37ในวันถัดมา หนังสือพิมพ์รายใหญ่ ๆ
-
8:37 - 8:40ซึ่งรวมถึงเดอะนิวยอร์กไทมส์
ชิคาโกทริบูน -
8:40 - 8:42ตีพิมพ์เรื่องราวของดีอาห์ ยูซอร์
และราซาน -
8:42 - 8:45ซึ่งทำให้เราได้สิทธิ์
ในการบอกเล่าเรื่องราวนี้คืนมา -
8:45 - 8:48และเรียกความสนใจไปยัง
ความเกลียดชังมุสลิมที่กำลังแพร่หลาย -
8:51 - 8:52ในทุกวันนี้
-
8:53 - 8:57ดูเหมือนว่าความเกลียดกลัวอิสลามนั้นเป็น
รูปแบบของความเกลียดชังที่สังคมยอมรับ -
8:58 - 9:00เราทำได้เพียงแค่อดทนกับมันและยิ้มสู้
-
9:01 - 9:03กับสายตารังเกียจ
-
9:03 - 9:05ความกลัวที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อขึ้นเครื่องบิน -
9:05 - 9:09การค้นตัวแบบสุ่ม ๆ ที่สนามบิน
ที่เกิดขึ้นร้อยละ 99 ของทุกครั้ง -
9:10 - 9:11มันไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น
-
9:12 - 9:16เรามีนักการเมืองที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์
ทางการเมืองและการเงินบนหลังของเรา -
9:16 - 9:17ที่นี่ ในอเมริกา
-
9:17 - 9:20เรามีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
อย่างโดนัลด์ ทรัมป์ -
9:20 - 9:22ที่คอยเรียกร้องให้มีการลงทะเบียน
ชาวมุสลิมอเมริกันเป็นครั้งคราว -
9:22 - 9:26และสั่งห้ามผู้อพยพและผู้ลี้ภัยมุสลิม
ในการเข้าประเทศนี้ -
9:26 - 9:29มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่อาชญากรรม
แห่งความเกลียดชังเพิ่มขึ้น -
9:29 - 9:32ควบคู่ไปกับวัฏจักรการเลือกตั้ง
-
9:35 - 9:37เพียงแค่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้
คาริด จาบารา -
9:37 - 9:39ชาวคริสต์ลูกครึ่งเลบานอน-อเมริกัน
-
9:39 - 9:42ถูกฆาตกรรมในรัฐโอคลาโฮมา
โดยเพื่อนบ้านของเขา -
9:42 - 9:44ชายผู้เรียกเขาว่า
"คนอาหรับโสโครก" -
9:45 - 9:47ชายคนนี้ถูกจำคุกก่อนหน้านั้น
เพียงแค่ 8 เดือน -
9:47 - 9:50หลังจากที่พยายามขับรถทับแม่
ของคาริดด้วยรถของเขา -
9:52 - 9:54เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะ
ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ -
9:55 - 9:57เพราะว่ามันไม่ได้กลาย
เป็นข่าวระดับประเทศ -
9:57 - 10:00อย่างน้อยที่สุดที่เราทำได้
ก็คือการเรียกมันว่า -
10:00 - 10:01อาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง
-
10:01 - 10:04อย่างน้อยที่สุดที่เราทำได้
ก็คือการพูดถึงมัน -
10:04 - 10:08เพราะความรุนแรงและความเกลียดชัง
ไม่ได้จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า -
10:12 - 10:13ไม่นานนักหลังจากกลับมาทำงาน
-
10:13 - 10:15ฉันเป็นหัวหน้าเดินตรวจอยู่ที่โรงพยาบาล
-
10:15 - 10:18ในตอนที่คนไข้คนหนึ่งของฉัน
มองไปที่เพื่อนร่วมงานของฉัน -
10:18 - 10:22ชักสีหน้า แล้วพูดว่า
"ซาน เบอนาร์ดิโน" -
10:22 - 10:24เพื่อสื่อถึงการก่อการร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้น
-
10:25 - 10:28ฉันอยู่ตรงนั้น หลังจากเพิ่งสูญเสียสมาชิก
ในครอบครัวสามคนเพราะความเกลียดชังอิสลาม -
10:28 - 10:30หลังจากที่คอยเป็นผู้สนับสนุน
ในโครงการของตนเอง -
10:30 - 10:33ในการรับมือกับ
การเหยียดโดยไม่เจตนา -
10:33 - 10:34แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้น
-
10:34 - 10:35มีเพียงความเงียบ
-
10:36 - 10:37ฉันรู้สึกท้อแท้
-
10:37 - 10:39อับอาย
-
10:39 - 10:41หลายวันต่อมา
ตอนที่ฉันต้องไปตรวจคนไข้คนเดิม -
10:41 - 10:43เธอมองหน้าฉันแล้วพูดว่า
-
10:43 - 10:46"คนพวกเดียวกับคุณกำลังไล่ฆ่าคนอื่น ๆ
ในลอสแองเจลิส" -
10:47 - 10:49ฉันมองไปรอบ ๆ ด้วยความคาดหวัง
ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น -
10:49 - 10:51แต่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง
-
10:51 - 10:52ที่มีแต่ความเงียบ
-
10:53 - 10:55ฉันตระหนักได้อีกครั้งหนึ่งว่า
-
10:55 - 10:56ฉันต้องพูดอะไรออกมาเพื่อตัวเอง
-
10:58 - 11:00ฉันนั่งลงบนเตียงของเธอ
แล้วถามเธอด้วยความนุ่มนวลว่า -
11:00 - 11:04"ฉันเคยทำอะไรอย่างอื่น นอกจากดูแลคุณ
ด้วยความเคารพและความเมตตาไหมคะ -
11:05 - 11:09ฉันเคยทำอะไรอย่างอื่น นอกจากดูแลคุณ
ด้วยความเห็นอกเห็นใจบ้างหรือเปล่า" -
11:09 - 11:12เธอก้มหน้าลงและคิดได้ว่า
สิ่งที่เธอพูดนั้นผิด -
11:12 - 11:13และต่อหน้าคณะทำงานทั้งคณะนั้น
-
11:13 - 11:15เธอขอโทษและพูดว่า
-
11:15 - 11:17"ฉันควรที่จะคิดให้มากกว่านี้
ฉันเป็นคนเม็กซิกันอเมริกัน -
11:18 - 11:20และฉันได้รับการดูแลแบบนี้
แทบทุกครั้ง" -
11:23 - 11:27พวกเราหลายคนต้องประสบกับ
การเหยียดโดยไม่มีเจตนาอยู่ทุกวัน -
11:27 - 11:30เป็นไปได้ว่าคุณอาจเคยประสบมันมาบ้างแล้ว
-
11:30 - 11:31ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อชาติ
-
11:31 - 11:32เพศสภาพ
-
11:32 - 11:33เพศวิถี
-
11:33 - 11:35หรือความเชื่อทางศาสนา
-
11:35 - 11:38เราทุกคนต่างเคยอยู่ในสถานการณ์
ที่เห็นสิ่งผิดบางสิ่งเกิดขึ้น -
11:38 - 11:39แล้วไม่พูดออกมา
-
11:39 - 11:43บางทีเราอาจไม่ได้ถูกสอนมาว่า
จะตอบสนองอย่างไรในเวลานั้น -
11:43 - 11:46บางทีเราอาจถึงขั้นไม่ตระหนักถึง
อคติที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเรา -
11:47 - 11:51เราอาจเห็นตรงกันหมดว่า
ความเกลียดชังคือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ -
11:51 - 11:52แต่เมื่อเรามองเห็นมัน
-
11:52 - 11:53เรากลับเงียบ
-
11:53 - 11:55เพราะมันจะทำให้เราอึดอัด
-
11:56 - 11:58แต่การก้าวเข้าไปยังความอึดอัดนั้น
-
11:58 - 12:01หมายความว่าคุณกำลังก้าวเข้าไปยัง
เขตแดนแห่งพันธมิตร -
12:01 - 12:05ประชากรมุสลิมอาจมี
มากกว่าสามล้านคนในอเมริกา -
12:05 - 12:08แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์
ของประชากรทั้งหมด -
12:09 - 12:11มาร์ติน ลูเทอร์ คิง เคยกล่าวไว้ว่า
-
12:11 - 12:12"เมื่อทุกอย่างจบลง
-
12:12 - 12:14เราจะไม่อาจจดจำคำพูด
ของศัตรูเรา -
12:15 - 12:17แต่กลับจดจำความนิ่งเงียบ
ของพวกพ้องเราเอง" -
12:22 - 12:25แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ความเป็นพวกพ้อง
ระหว่างฉันกับนีล แน่นแฟ้นแบบนั้น -
12:25 - 12:27ก็มีอยู่สองสามอย่าง
-
12:27 - 12:29เขาอยู่ที่นั่นในฐานะเพื่อนบ้านที่ห่วงใย
-
12:29 - 12:33แต่เขาก็นำความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ
และทรัพยากรที่เขามีมาใช้ด้วย -
12:33 - 12:34ในยามที่จำเป็นต้องใช้มัน
-
12:35 - 12:37คนอื่น ๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน
-
12:37 - 12:40ลารีเชีย ฮอว์คินส์ ได้ป่าวประกาศ
เจตนารมณ์ของเธอ -
12:40 - 12:43ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์
แอฟริกันอเมริกันคนแรกที่มหาวิทยาลัยวีตัน -
12:43 - 12:45โดยการใส่ฮิญาบเคียงคู่ไป
-
12:45 - 12:48กับผู้หญิงมุสลิมคนอื่น ๆ
ที่ต้องประสบกับการแบ่งแยกอยู่ทุกวัน -
12:48 - 12:50ผลก็คือ เธอสูญเสียงานของเธอ
-
12:52 - 12:53ภายในหนึ่งเดือน
-
12:53 - 12:56เธอได้เข้าร่วมทำงานกับคณาจารย์
ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย -
12:56 - 12:59ที่ที่ตอนนี้เธอกำลังทำงานในเรื่อง
พหุนิยม เชื้อชาติ ความเชื่อ และวัฒนธรรม -
13:01 - 13:03ผู้ร่วมก่อตั้ง Reddit อเล็กซิส โอเฮเนี่ยน
-
13:03 - 13:07ชี้ให้เห็นว่าความเป็นพวกพ้องทั้งหมดที่
เกิดขึ้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่เสมอไป -
13:07 - 13:10เขาลุกขึ้นมาสนับสนุนภารกิจของ
เด็กหญิงมุสลิมอายุ 15 ปีคนหนึ่ง -
13:10 - 13:12ในการสร้างอีโมจิรูปฮิญาบ
-
13:12 - 13:14(เสียงหัวเราะ)
-
13:14 - 13:16มันเป็นแค่ท่าทางง่าย ๆ
-
13:16 - 13:18แต่มันมีอิทธิพลที่สำคัญ
ต่อจิตใต้สำนัก -
13:18 - 13:21ในการทำให้ชาวมุสลิม
เป็นเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป -
13:21 - 13:24โดยการรวมกลุ่มคนเหล่านั้น
เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ "พวกเรา" -
13:24 - 13:26แทนที่จะผลักไสไปเป็น "คนอื่น"
-
13:27 - 13:30หัวหน้ากองบรรณาธิการ
นิตยสาร Women's Running -
13:30 - 13:34เพิ่งนำรูปผู้หญิงใส่ฮิญาบขึ้นปกนิตยสาร
ฟิตเนสในอเมริกาเป็นครั้งแรก -
13:35 - 13:37สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างที่แตกต่างกันมาก ๆ
-
13:37 - 13:40ของผู้คนที่ใช้เวทีและทรัพยากรของตนเอง
-
13:40 - 13:42ทั้งในแวดวงวิชาการ เทคโนโลยี และสื่อ
-
13:42 - 13:44เพื่อแสดงออกถึงความเป็นพวกพ้อง
ของพวกเขาอย่างจริงจัง -
13:46 - 13:49คำถามก็คือ คุณได้หยิบยื่นทรัพยากร
และความชำนาญอะไรมาบ้าง -
13:50 - 13:52คุณพร้อมที่จะก้าวเข้าไปสู่
ความอึดอัดของคุณ -
13:52 - 13:54แล้วพูดออกมาหรือไม่ เมื่อคุณพบเห็น
ความเกลียดชังเหล่านั้น -
13:55 - 13:56คุณจะเป็นแบบนีลไหม
-
13:57 - 14:00เพื่อนบ้านหลายคนโผล่มาในเรื่องนี้
-
14:00 - 14:03และตัวคุณเอง ในชุมชนพวกคุณแต่ละคน
ต่างก็มีเพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิม -
14:03 - 14:05เป็นเพื่อนร่วมงาน
-
14:05 - 14:07หรือเป็นเพื่อนที่ลูกคุณเล่นด้วยที่โรงเรียน
-
14:07 - 14:08ยื่นมือออกไปหาพวกเขา
-
14:08 - 14:11ให้พวกเขารู้ว่าคุณนั้นยืนอยู่
เคียงข้างพวกเขา -
14:11 - 14:13มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กมาก
-
14:13 - 14:16แต่ฉันขอสัญญากับคุณเลยว่า
มันก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง -
14:17 - 14:21ไม่มีอะไรจะนำดีอาห์ ยูซอร์
และราซานกลับมาได้อีกแล้ว -
14:22 - 14:24แต่เมื่อใดก็ตามที่เรา
ร่วมกันเปล่งเสียงของเราออกมา -
14:24 - 14:26ตอนนั้นเองคือเวลา
ที่เราหยุดความเกลียดชัง -
14:26 - 14:28ขอบคุณค่ะ
-
14:28 - 14:36(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ความเกลียดกลัวอิสลามได้พรากน้องชายของฉันไป ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องยุติความเกลียดกลัวนี้
- Speaker:
- ซูซาน บารากัต (Suzanne Barakat)
- Description:
-
ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 น้องชายของเธอ ดีอาห์ น้องสะใภ้ ยูซอร์ และน้องสาวของยูซอร์หรือราซาน ถูกฆาตกรรมโดยเพื่อนบ้านของพวกเขาในแชเปิลฮิลล์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา คำสารภาพของผู้กระทำผิดที่ว่าเขาฆ่าคนทั้งสามคนนั้นอันเนื่องมาจากการมีปากเสียงกันในเรื่องที่จอดรถได้แพร่กระจายไปโดยปราศจากการตั้งคำถามและข้อสงสัยจากทั้งสื่อและตำรวจ จนกระทั่งบารากัตออกมาพูดในงานแถลงข่าวงานหนึ่ง และเรียกการฆาตกรรมนั้นว่าอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังตามที่มันเป็นจริง ๆ ในขณะที่บารากัตบอกเล่าเรื่องราวว่าเธอและครอบครัวของเธอนั้นกอบกู้สิทธิในการเล่าเรื่องราวของพวกเธอคืนมาได้อย่างไร เธอก็ได้ขอให้พวกเราพูดอะไรออกมาเมื่อเราได้พบเห็นความเกลียดชังเหล่านั้น และยังขอให้พวกเราแสดงความเป็นพวกพ้องของเราออกมาให้กับผู้ที่ต้องประสบกับการแบ่งแยกอีกด้วย
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 14:48
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Islamophobia killed my brother. Let's end the hate | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Islamophobia killed my brother. Let's end the hate | ||
Retired user accepted Thai subtitles for Islamophobia killed my brother. Let's end the hate | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for Islamophobia killed my brother. Let's end the hate | ||
Retired user declined Thai subtitles for Islamophobia killed my brother. Let's end the hate | ||
Retired user edited Thai subtitles for Islamophobia killed my brother. Let's end the hate | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for Islamophobia killed my brother. Let's end the hate | ||
Retired user declined Thai subtitles for Islamophobia killed my brother. Let's end the hate |