Return to Video

ความเกลียดกลัวอิสลามได้พรากน้องชายของฉันไป ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องยุติความเกลียดกลัวนี้

  • 0:01 - 0:03
    เมื่อปีที่แล้ว
  • 0:03 - 0:05
    สมาชิกในครอบครัวสามคนของฉัน
    ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม
  • 0:05 - 0:07
    ในอาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง
  • 0:08 - 0:10
    คงไม่ต้องบอกเลยว่า
    มันเป็นเรื่องยากลำบากแค่ไหน
  • 0:10 - 0:12
    สำหรับฉันที่ต้องมาอยู่ ณ ที่นี่ในวันนี้
  • 0:12 - 0:14
    แต่น้องชายของฉัน ดีอาห์
  • 0:14 - 0:15
    ภรรยาของเขา ยูซอร์
  • 0:15 - 0:17
    และน้องสาวของเธอ ราซาน
  • 0:17 - 0:19
    ไม่ได้ให้ทางเลือกกับฉันมากนัก
  • 0:19 - 0:23
    ฉันหวังว่า เมื่อการบรรยายนี้จบลงแล้ว
    พวกคุณจะตัดสินใจ
  • 0:23 - 0:25
    และเข้าร่วมกับฉันในการลุกขึ้นต่อต้าน
    ความเกลียดชัง
  • 0:27 - 0:30
    ในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2014
  • 0:30 - 0:32
    เช้าวันแต่งงานของน้องชายของฉัน
  • 0:32 - 0:34
    เขาเรียกให้ฉันไปหาและหวีผมให้
  • 0:34 - 0:36
    เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ
    การถ่ายรูปแต่งงานของเขา
  • 0:37 - 0:42
    ชายหนุ่มอายุ 23 ปี สูง 6 ฟุต 3 นิ้ว
    ผู้คลั่งไคล้สตีเฟ่น เคอร์รี่เป็นพิเศษ
  • 0:42 - 0:44
    (เสียงหัวเราะ)
  • 0:46 - 0:49
    นักศึกษาทันตแพทย์อเมริกันคนหนึ่ง
    ที่พร้อมจะออกไปเผชิญโลกกว้าง
  • 0:50 - 0:52
    ตอนที่ดีอาห์และยูซอร์
    เต้นรำด้วยกันครั้งแรกนั้น
  • 0:53 - 0:54
    ฉันมองเห็นความรักในดวงตาของเขา
  • 0:54 - 0:56
    เห็นความสุขที่สะท้อนในแววตาของเธอ
  • 0:56 - 0:58
    แล้วความรู้สึกต่าง ๆ ก็เริ่มท่วมท้นฉัน
  • 0:59 - 1:02
    ฉันหลบไปอยู่ข้างหลังห้องจัดเลี้ยง
    และน้ำตาก็เริ่มไหลริน
  • 1:03 - 1:05
    และเมื่อเพลงที่สองจบลง
  • 1:05 - 1:06
    เขาก็เดินตรงดิ่งมาหาฉัน
  • 1:06 - 1:07
    โอบกอดฉันไว้ในอ้อมอก
  • 1:07 - 1:08
    แล้วโยกตัวฉันไปมา
  • 1:09 - 1:10
    ถึงแม้ว่า ณ เวลานั้น
  • 1:10 - 1:12
    ทุกอย่างจะดูวุ่นวายไปหมด
  • 1:12 - 1:14
    เขาก็ยังเข้าใจฉันเป็นอย่างดี
  • 1:14 - 1:16
    เขาจับหน้าฉัน แล้วพูดว่า
  • 1:16 - 1:17
    "ซูซาน
  • 1:17 - 1:19
    ผมเป็นคนคนนี้ได้ก็เพราะพี่นะ
  • 1:23 - 1:25
    ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
  • 1:25 - 1:26
    ผมรักพี่ครับ"
  • 1:27 - 1:31
    ประมาณหนึ่งเดือนถัดมา ฉันกลับบ้าน
    ที่นอร์ธแคโรไลนาเพื่อไปเยี่ยมเยียน
  • 1:31 - 1:33
    และในเย็นของวันสุดท้ายนั้น
    ฉันวิ่งขึ้นไปที่ห้องของดีอาห์
  • 1:33 - 1:37
    ด้วยความอยากรู้ว่าเขารู้สึกยังไงบ้าง
    กับการได้เป็นชายที่เพิ่งแต่งงาน
  • 1:37 - 1:39
    ด้วยรอยยิ้มหนุ่มน้อย เขาพูดว่า
  • 1:39 - 1:43
    "ผมมีความสุขมากเลย ผมรักเธอ
    เธอเป็นผู้หญิงที่มหัศจรรย์"
  • 1:43 - 1:44
    และเธอก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
  • 1:45 - 1:48
    ด้วยวัยเพียง 21 ปี เธอได้รับ
    เข้าศึกษาต่อที่เดียวกับดีอาห์
  • 1:48 - 1:49
    ที่วิทยาลัยทันตแพทย์ยูเอ็นซี
  • 1:50 - 1:53
    เธอชื่นชอบบาสเกตบอลเหมือนกับเขา
    และเพราะการร้องขอของเธอ
  • 1:53 - 1:57
    พวกเขาจึงไปฮันนีมูนด้วยการ
    ไปดูทีมที่พวกเขาชื่นชอบในเอ็นบีเอ
  • 1:57 - 1:59
    ทีมแอลเอ เลเกอร์ส
  • 1:59 - 2:00
    แบบว่า ดูท่าโยนนั้นสิ
  • 2:00 - 2:04
    (เสียงหัวเราะ)
  • 2:07 - 2:10
    ฉันจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่
    ได้นั่งอยู่กับเขาในตอนนั้นเลย
  • 2:10 - 2:13
    ที่ได้เห็นเขาโบยบินอย่างอิสระ
    ท่ามกลางความสุขของเขา
  • 2:13 - 2:15
    น้องชายคนเล็กของฉัน
    เด็กชายผู้คลั่งไคล้บาสเกตบอล
  • 2:15 - 2:19
    ได้แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นเด็กหนุ่ม
    ที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง
  • 2:19 - 2:22
    เขาเรียนเก่งที่สุดในชั้นเรียน
    ที่วิทยาลัยทันตกรรมของเขา
  • 2:22 - 2:23
    และทำงานร่วมกับยูซอร์และราซาน
  • 2:23 - 2:27
    ในการเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือ
    ชุมชนนานาชาติ
  • 2:27 - 2:30
    ที่อุทิศให้กับคนไร้บ้านและผู้ลี้ภัย
  • 2:30 - 2:32
    ซึ่งรวมไปถึงทริปช่วยเหลือด้าน
    ทันตกรรมที่พวกเขาวางแผนกันอยู่
  • 2:32 - 2:34
    เพื่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรียในตุรกีด้วย
  • 2:35 - 2:37
    ราซาน ด้วยวัยเพียง 19 ปี
  • 2:37 - 2:40
    ได้ใช้ความสร้างสรรค์ของเธอในฐานะ
    นักศึกษาสาขาวิศวกรรมสถาปัตย์
  • 2:40 - 2:42
    เพื่อช่วยเหลือผู้คนรอบตัวเธอ
  • 2:42 - 2:44
    ทำกล่องยังชีพให้คนไร้บ้านในท้องที่
  • 2:44 - 2:46
    รวมถึงโครงการอื่น ๆ
  • 2:46 - 2:48
    นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็น
  • 2:49 - 2:51
    ตอนที่ฉันยืนอยู่ในคืนนั้น
  • 2:51 - 2:54
    ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ และ
    มองไปที่ดีอาห์ แล้วบอกเขาว่า
  • 2:54 - 2:57
    "พี่ไม่เคยรู้สึกภูมิใจในตัวเรา
    เท่ากับที่พี่รู้สึกในตอนนี้เลย"
  • 2:58 - 2:59
    เขาดึงฉันไปที่ร่างสูงใหญ่ของเขา
  • 2:59 - 3:01
    กอดราตรีสวัสดิ์ฉัน
  • 3:01 - 3:03
    แล้วฉันก็จากที่นั่นในเช้าวันถัดมา
    โดยที่ไม่ปลุกเขา
  • 3:03 - 3:04
    เพื่อกลับไปยังซานฟรานซิสโก
  • 3:05 - 3:07
    นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้กอดเขา
  • 3:11 - 3:14
    สิบวันต่อมา ฉันเข้าเวรอยู่ที่
    โรงพยาบาลซานฟรานซิสโก
  • 3:14 - 3:17
    ในตอนที่ฉันได้รับข้อความคลุมเครือ
    ที่แสดงความเสียใจอย่างล้นหลาม
  • 3:18 - 3:20
    ด้วยความสับสน ฉันจึงโทรไปหาพ่อ
    ผู้ซึ่งตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
  • 3:20 - 3:23
    "มีคนยิงกันในละแวกบ้านของดีอาห์
    ในแชเปิลฮิลล์
  • 3:23 - 3:25
    ตอนนี้มันถูกปิดล้อมอยู่
    นั่นคือทั้งหมดที่เรารู้"
  • 3:26 - 3:29
    ฉันวางสาย แล้วรีบพิมพ์หาในกูเกิ้ลว่า
    "เหตุยิงในแชเปิลฮิลล์"
  • 3:29 - 3:31
    ผลการค้นหาหนึ่งเด้งขึ้นมา
  • 3:31 - 3:32
    เขียนว่า:
  • 3:32 - 3:35
    "คนสามคนถูกยิงที่ด้านหลังศีรษะ
  • 3:35 - 3:36
    และเสียชีวิตลงในที่เกิดเหตุ"
  • 3:37 - 3:38
    ความรู้สึกในใจฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
  • 3:38 - 3:42
    ฉันล้มลงจากเก้าอี้แล้วทรุดตัวลงไป
    บนพื้นอันขรุขระของโรงพยาบาล
  • 3:42 - 3:43
    และร้องสะอื้น
  • 3:43 - 3:46
    ฉันนั่งเที่ยวบินกลางคืนเที่ยวแรก
    ออกจากซานฟรานซิสโก
  • 3:46 - 3:47
    โดยที่รู้สึกชาและสับสน
  • 3:47 - 3:51
    ฉันเดินเข้าไปในบ้านในวัยเด็กของฉัน
    แล้วล้มตัวลงไปยังอ้อมกอดของพ่อแม่
  • 3:51 - 3:52
    ร้องไห้อย่างหนัก
  • 3:52 - 3:55
    จากนั้นฉันก็วิ่งขึ้นไปยังห้องของดีอาห์
    เหมือนกับที่ฉันทำหลาย ๆ ครั้งก่อนหน้านั้น
  • 3:55 - 3:57
    เพียงเพื่อมองหาเขา
  • 3:57 - 4:00
    แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
    ที่ไม่มีวันจะถูกเติมเต็มได้อีก
  • 4:04 - 4:07
    รายงานการสืบสวนและการชันสูตรศพ
    ในท้ายที่สุดก็ได้เปิดเผย
  • 4:07 - 4:09
    ลำดับของเหตุการณ์ต่าง ๆ
  • 4:10 - 4:13
    ดีอาห์เพิ่งลงจากรถบัสหลังจากเลิกเรียน
  • 4:13 - 4:14
    ส่วนราซานแวะมารับประทานอาหารเย็นด้วย
  • 4:14 - 4:16
    โดยอยู่ในบ้านกับยูซอร์แต่แรกแล้ว
  • 4:17 - 4:19
    ขณะเริ่มรับประทานอาหาร
    พวกเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
  • 4:19 - 4:21
    เมื่อดีอาห์ไปเปิด
  • 4:21 - 4:24
    เพื่อนบ้านของเขาก็เริ่ม
    ยิงกระสุนใส่เขาหลายนัด
  • 4:27 - 4:28
    จากการติดต่อทางโทรศัพท์กับ 911
  • 4:28 - 4:30
    มีคนได้ยินเสียงพวกผู้หญิงกรีดร้อง
  • 4:32 - 4:35
    ชายคนนั้นเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องครัว
    แล้วยิงกระสุนนัดหนึ่งไปที่เอวของยูซอร์
  • 4:35 - 4:36
    ทำให้เธอขยับไม่ได้
  • 4:36 - 4:38
    จากนั้นเขาก็มุ่งเข้าไปหาเธอทางด้านหลัง
  • 4:38 - 4:40
    ดันปากกระบอกปืนชิดกับหัวของเธอ
  • 4:40 - 4:43
    และด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว
    ทำให้สมองส่วนกลางของเธอฉีกขาด
  • 4:44 - 4:47
    จากนั้นเขาก็หันไปหาราซาน
    ผู้ที่กำลังกรีดร้องขอชีวิต
  • 4:47 - 4:50
    แล้วก็ทำตามแบบแผนการประหารชีวิต
    (execution-style) โดยใช้กระสุนนัดเดียว
  • 4:52 - 4:53
    ยิงไปที่หัว
  • 4:53 - 4:55
    เพื่อฆ่าเธอ
  • 4:56 - 4:57
    ในตอนที่เขาเดินออกนั้น
  • 4:57 - 5:00
    เขายิงดีอาห์ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
    โดยยิงกรอกปากของเขา
  • 5:00 - 5:02
    รวมเป็นกระสุน 8 นัด
  • 5:02 - 5:04
    สองนัดในหัว
  • 5:04 - 5:05
    สองนัดที่หน้าอก
  • 5:06 - 5:08
    ส่วนนัดที่เหลืออยู่ที่แขนขาของเขา
  • 5:09 - 5:12
    ดีอาห์ ยูซอร์ และราซานถูกฆาตกรรม
  • 5:12 - 5:15
    ในที่ที่ควรจะปลอดภัย นั่นก็คือ
    บ้านของพวกเขา
  • 5:16 - 5:18
    ตลอดเวลาหลายเดือน ชายคนนี้
    ได้ตามระรานพวกเขาอยู่เรื่อย ๆ
  • 5:18 - 5:20
    ทั้งเคาะประตูบ้าน
  • 5:20 - 5:22
    แกว่งปืนขู่สองสามครั้ง
  • 5:23 - 5:26
    เฟสบุ๊คของเขานั้นเต็มไปด้วย
    โพสต์ต่อต้านศาสนา
  • 5:27 - 5:29
    ยูซอร์ถูกคุกคามจากเขาเป็นพิเศษ
  • 5:30 - 5:31
    ในตอนที่เธอกำลังย้ายเข้ามานั้น
  • 5:32 - 5:36
    เขาบอกยูซอร์กับแม่ของเธอว่าเขา
    ไม่ชอบรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเธอ
  • 5:37 - 5:40
    ในการตอบสนอง แม่ของยูซอร์บอกให้เธอ
    มีเมตตากับเพื่อนบ้านคนนั้น
  • 5:40 - 5:42
    บอกว่าเมื่อเขาได้รู้จักเราแล้ว
  • 5:42 - 5:43
    เขาจะมองเห็นเราอย่างที่เราเป็นจริง ๆ
  • 5:45 - 5:48
    ฉันเดาว่าเราทุกคนคงรู้สึกชินชา
    กับความเกลียดชัง
  • 5:48 - 5:51
    มากจนกระทั่งเรานึกภาพไม่ออกเลยว่า
    มันจะกลับกลายเป็นความรุนแรงถึงชีวิต
  • 5:54 - 5:57
    ชายผู้ฆาตกรรมน้องชายของฉัน
    มอบตัวกับตำรวจ
  • 5:57 - 5:58
    ไม่นานหลังจากการฆาตกรรม
  • 5:59 - 6:01
    สารภาพว่าเขาฆ่าเด็กวัยรุ่นสามคน
  • 6:01 - 6:02
    ตามแบบแผนการประหารชีวิต
  • 6:02 - 6:04
    หลังจากมีปากเสียงกันเรื่องที่จอดรถ
  • 6:05 - 6:08
    ตำรวจได้ออกแถลงการณ์สาธารณะ
    ที่ยังไม่สมบูรณ์ดีในเช้าวันนั้น
  • 6:08 - 6:11
    ส่งเสียงสะท้อนข้ออ้างของเขา
    โดยไม่แม้แต่จะตั้งคำถาม
  • 6:11 - 6:12
    หรือสืบสวนต่อไป
  • 6:13 - 6:16
    แต่ความจริงก็คือ การมีปากเสียง
    เรื่องที่จอดนั้นไม่ได้เกิดขึ้น
  • 6:16 - 6:17
    ไม่มีการโต้แย้ง
  • 6:17 - 6:19
    ไม่มีการละเมิดใด ๆ
  • 6:19 - 6:21
    แต่ความเสียหายนั้นเกิดขึ้นไปแล้ว
  • 6:21 - 6:23
    ในรอบ 24 ชั่วโมงนั้นของสื่อ
  • 6:23 - 6:27
    คำว่า "ปากเสียงเรื่องที่จอดรถ" ได้
    กลายเป็นวลีที่ทุกคนจดจำไปเรียบร้อยแล้ว
  • 6:30 - 6:32
    ฉันนั่งอยู่บนเตียงของน้องชาย
    และนึกถึงคำพูดของเขา
  • 6:33 - 6:36
    คำพูดที่เขามอบให้ฉันอย่างเต็มใจ
    และด้วยความรักอันเปี่ยมล้น
  • 6:36 - 6:38
    "ผมเป็นคนคนนี้ได้ก็เพราะพี่นะ"
  • 6:39 - 6:42
    นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันปีนออกมาจาก
    ความเศร้าที่สร้างรอยแผลในใจฉัน
  • 6:42 - 6:43
    และออกมาพูด
  • 6:43 - 6:46
    ฉันไม่อาจปล่อยให้ความตายของคนในครอบครัว
    ถูกลดค่าลงเหลือแค่ช่วงเล็ก ๆ
  • 6:46 - 6:48
    ที่แทบจะไม่ถูกพูดถึงในข่าวในท้องที่
  • 6:49 - 6:52
    พวกเขาถูกฆาตกรรมโดยเพื่อนบ้าน
    เพราะความศรัทธาของพวกเขา
  • 6:52 - 6:56
    เพราะผ้าผืนหนึ่งที่พวกเขาตัดสินใจ
    นำมาสวมใส่ไว้บนศีรษะ
  • 6:56 - 6:58
    เพราะว่าพวกเขาเป็นมุสลิมอย่างเห็นได้ชัด
  • 7:02 - 7:03
    ความรู้สึกโกรธบางอย่าง
    ที่ฉันรู้สึกในตอนนั้น
  • 7:03 - 7:05
    ก็คือว่าถ้าบทบาทนั้นกลับกัน
  • 7:05 - 7:09
    แล้วมีคนอาหรับ มุสลิม
    หรือคนที่ดูเหมือนมุสลิมสักคนหนึ่ง
  • 7:09 - 7:14
    ฆ่านักศึกษาอเมริกันผิวขาวสามคน
    ตามแบบแผนการประหารชีวิต
  • 7:14 - 7:15
    ในบ้านของพวกเขาล่ะ
  • 7:15 - 7:17
    เราจะเรียกมันว่าอะไร
  • 7:18 - 7:19
    "การจู่โจมของผู้ก่อการร้าย"
  • 7:20 - 7:23
    เวลาที่คนขาว
    ใช้ความรุนแรงในอเมริกา
  • 7:23 - 7:25
    พวกเขาเป็นพวกรักสันโดษ
  • 7:25 - 7:26
    ป่วยทางจิต
  • 7:26 - 7:28
    หรือมีแรงจูงใจมาจาก
    ปากเสียงเรื่องที่จอดรถ
  • 7:31 - 7:34
    ฉันรู้ว่าฉันต้องเล่าเรื่องราว
    ของครอบครัวฉัน
  • 7:34 - 7:36
    และฉันก็ทำสิ่งเดียวที่ฉันรู้ว่า
    ต้องทำอย่างไร
  • 7:36 - 7:39
    ฉันส่งข้อความเฟสบุ๊คไปหาทุกคน
    ที่ฉันรู้จักในวงการสื่อ
  • 7:41 - 7:43
    ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
  • 7:43 - 7:47
    ท่ามกลางบ้านอันวุ่นวาย
    ที่เอ่อล้นไปด้วยหมู่มิตรและครอบครัว
  • 7:47 - 7:50
    เพื่อนบ้านของเรา นีล แวะมาหา
    แล้วนั่งลงข้าง ๆ พ่อแม่ของฉัน
  • 7:50 - 7:52
    และถามว่า
    "ผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง?"
  • 7:53 - 7:57
    นีลมีประสบการณ์ในวงการ
    หนังสือพิมพ์มามากกว่ายี่สิบปี
  • 7:57 - 8:00
    แต่เขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
    เขาไม่ได้ไปที่นั่นในฐานะนักข่าว
  • 8:00 - 8:02
    แต่ในฐานะของเพื่อนบ้านคนหนึ่ง
    ที่อยากช่วยเหลือ
  • 8:02 - 8:04
    ฉันถามเขาว่าเราควรทำอย่างไรดี
  • 8:04 - 8:07
    หลังจากที่ถูกรุมเร้าไปด้วย
    คำขอสัมภาษณ์จากสื่อท้องถิ่น
  • 8:07 - 8:12
    เขาเสนอว่าจะจัดงานแถลงข่าวให้
    ที่ศูนย์ชุมชนท้องถิ่นแห่งหนึ่ง
  • 8:13 - 8:16
    จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่รู้
    ว่าจะขอบคุณเขาอย่างไร
  • 8:17 - 8:20
    "แค่บอกผมว่าเมื่อไร แล้วผมจะให้
    ช่องข่าวทุกช่องรายงาน" เขากล่าว
  • 8:21 - 8:23
    เขาทำเพื่อเราในสิ่งที่เรา
    ทำด้วยตัวเองไม่ได้
  • 8:23 - 8:25
    ในช่วงเวลาแห่งความตื่นตระหนก
  • 8:26 - 8:27
    ฉันให้ข่าว
  • 8:27 - 8:29
    โดยที่ยังใส่เสื้อกาวน์
    จากคืนก่อนหน้านั้นอยู่
  • 8:30 - 8:32
    และภายใน 24 ชั่วโมง
    ภายหลังการฆาตกรรม
  • 8:32 - 8:34
    ฉันได้ออกช่องซีเอ็นเอ็นเพื่อ
    ให้สัมภาษณ์กับแอนเดอร์สัน คูเปอร์
  • 8:35 - 8:37
    ในวันถัดมา หนังสือพิมพ์รายใหญ่ ๆ
  • 8:37 - 8:40
    ซึ่งรวมถึงเดอะนิวยอร์กไทมส์
    ชิคาโกทริบูน
  • 8:40 - 8:42
    ตีพิมพ์เรื่องราวของดีอาห์ ยูซอร์
    และราซาน
  • 8:42 - 8:45
    ซึ่งทำให้เราได้สิทธิ์
    ในการบอกเล่าเรื่องราวนี้คืนมา
  • 8:45 - 8:48
    และเรียกความสนใจไปยัง
    ความเกลียดชังมุสลิมที่กำลังแพร่หลาย
  • 8:51 - 8:52
    ในทุกวันนี้
  • 8:53 - 8:57
    ดูเหมือนว่าความเกลียดกลัวอิสลามนั้นเป็น
    รูปแบบของความเกลียดชังที่สังคมยอมรับ
  • 8:58 - 9:00
    เราทำได้เพียงแค่อดทนกับมันและยิ้มสู้
  • 9:01 - 9:03
    กับสายตารังเกียจ
  • 9:03 - 9:05
    ความกลัวที่เห็นได้อย่างชัดเจน
    เมื่อขึ้นเครื่องบิน
  • 9:05 - 9:09
    การค้นตัวแบบสุ่ม ๆ ที่สนามบิน
    ที่เกิดขึ้นร้อยละ 99 ของทุกครั้ง
  • 9:10 - 9:11
    มันไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น
  • 9:12 - 9:16
    เรามีนักการเมืองที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์
    ทางการเมืองและการเงินบนหลังของเรา
  • 9:16 - 9:17
    ที่นี่ ในอเมริกา
  • 9:17 - 9:20
    เรามีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
    อย่างโดนัลด์ ทรัมป์
  • 9:20 - 9:22
    ที่คอยเรียกร้องให้มีการลงทะเบียน
    ชาวมุสลิมอเมริกันเป็นครั้งคราว
  • 9:22 - 9:26
    และสั่งห้ามผู้อพยพและผู้ลี้ภัยมุสลิม
    ในการเข้าประเทศนี้
  • 9:26 - 9:29
    มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่อาชญากรรม
    แห่งความเกลียดชังเพิ่มขึ้น
  • 9:29 - 9:32
    ควบคู่ไปกับวัฏจักรการเลือกตั้ง
  • 9:35 - 9:37
    เพียงแค่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้
    คาริด จาบารา
  • 9:37 - 9:39
    ชาวคริสต์ลูกครึ่งเลบานอน-อเมริกัน
  • 9:39 - 9:42
    ถูกฆาตกรรมในรัฐโอคลาโฮมา
    โดยเพื่อนบ้านของเขา
  • 9:42 - 9:44
    ชายผู้เรียกเขาว่า
    "คนอาหรับโสโครก"
  • 9:45 - 9:47
    ชายคนนี้ถูกจำคุกก่อนหน้านั้น
    เพียงแค่ 8 เดือน
  • 9:47 - 9:50
    หลังจากที่พยายามขับรถทับแม่
    ของคาริดด้วยรถของเขา
  • 9:52 - 9:54
    เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะ
    ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้
  • 9:55 - 9:57
    เพราะว่ามันไม่ได้กลาย
    เป็นข่าวระดับประเทศ
  • 9:57 - 10:00
    อย่างน้อยที่สุดที่เราทำได้
    ก็คือการเรียกมันว่า
  • 10:00 - 10:01
    อาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง
  • 10:01 - 10:04
    อย่างน้อยที่สุดที่เราทำได้
    ก็คือการพูดถึงมัน
  • 10:04 - 10:08
    เพราะความรุนแรงและความเกลียดชัง
    ไม่ได้จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า
  • 10:12 - 10:13
    ไม่นานนักหลังจากกลับมาทำงาน
  • 10:13 - 10:15
    ฉันเป็นหัวหน้าเดินตรวจอยู่ที่โรงพยาบาล
  • 10:15 - 10:18
    ในตอนที่คนไข้คนหนึ่งของฉัน
    มองไปที่เพื่อนร่วมงานของฉัน
  • 10:18 - 10:22
    ชักสีหน้า แล้วพูดว่า
    "ซาน เบอนาร์ดิโน"
  • 10:22 - 10:24
    เพื่อสื่อถึงการก่อการร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้น
  • 10:25 - 10:28
    ฉันอยู่ตรงนั้น หลังจากเพิ่งสูญเสียสมาชิก
    ในครอบครัวสามคนเพราะความเกลียดชังอิสลาม
  • 10:28 - 10:30
    หลังจากที่คอยเป็นผู้สนับสนุน
    ในโครงการของตนเอง
  • 10:30 - 10:33
    ในการรับมือกับ
    การเหยียดโดยไม่เจตนา
  • 10:33 - 10:34
    แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้น
  • 10:34 - 10:35
    มีเพียงความเงียบ
  • 10:36 - 10:37
    ฉันรู้สึกท้อแท้
  • 10:37 - 10:39
    อับอาย
  • 10:39 - 10:41
    หลายวันต่อมา
    ตอนที่ฉันต้องไปตรวจคนไข้คนเดิม
  • 10:41 - 10:43
    เธอมองหน้าฉันแล้วพูดว่า
  • 10:43 - 10:46
    "คนพวกเดียวกับคุณกำลังไล่ฆ่าคนอื่น ๆ
    ในลอสแองเจลิส"
  • 10:47 - 10:49
    ฉันมองไปรอบ ๆ ด้วยความคาดหวัง
    ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
  • 10:49 - 10:51
    แต่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง
  • 10:51 - 10:52
    ที่มีแต่ความเงียบ
  • 10:53 - 10:55
    ฉันตระหนักได้อีกครั้งหนึ่งว่า
  • 10:55 - 10:56
    ฉันต้องพูดอะไรออกมาเพื่อตัวเอง
  • 10:58 - 11:00
    ฉันนั่งลงบนเตียงของเธอ
    แล้วถามเธอด้วยความนุ่มนวลว่า
  • 11:00 - 11:04
    "ฉันเคยทำอะไรอย่างอื่น นอกจากดูแลคุณ
    ด้วยความเคารพและความเมตตาไหมคะ
  • 11:05 - 11:09
    ฉันเคยทำอะไรอย่างอื่น นอกจากดูแลคุณ
    ด้วยความเห็นอกเห็นใจบ้างหรือเปล่า"
  • 11:09 - 11:12
    เธอก้มหน้าลงและคิดได้ว่า
    สิ่งที่เธอพูดนั้นผิด
  • 11:12 - 11:13
    และต่อหน้าคณะทำงานทั้งคณะนั้น
  • 11:13 - 11:15
    เธอขอโทษและพูดว่า
  • 11:15 - 11:17
    "ฉันควรที่จะคิดให้มากกว่านี้
    ฉันเป็นคนเม็กซิกันอเมริกัน
  • 11:18 - 11:20
    และฉันได้รับการดูแลแบบนี้
    แทบทุกครั้ง"
  • 11:23 - 11:27
    พวกเราหลายคนต้องประสบกับ
    การเหยียดโดยไม่มีเจตนาอยู่ทุกวัน
  • 11:27 - 11:30
    เป็นไปได้ว่าคุณอาจเคยประสบมันมาบ้างแล้ว
  • 11:30 - 11:31
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อชาติ
  • 11:31 - 11:32
    เพศสภาพ
  • 11:32 - 11:33
    เพศวิถี
  • 11:33 - 11:35
    หรือความเชื่อทางศาสนา
  • 11:35 - 11:38
    เราทุกคนต่างเคยอยู่ในสถานการณ์
    ที่เห็นสิ่งผิดบางสิ่งเกิดขึ้น
  • 11:38 - 11:39
    แล้วไม่พูดออกมา
  • 11:39 - 11:43
    บางทีเราอาจไม่ได้ถูกสอนมาว่า
    จะตอบสนองอย่างไรในเวลานั้น
  • 11:43 - 11:46
    บางทีเราอาจถึงขั้นไม่ตระหนักถึง
    อคติที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเรา
  • 11:47 - 11:51
    เราอาจเห็นตรงกันหมดว่า
    ความเกลียดชังคือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
  • 11:51 - 11:52
    แต่เมื่อเรามองเห็นมัน
  • 11:52 - 11:53
    เรากลับเงียบ
  • 11:53 - 11:55
    เพราะมันจะทำให้เราอึดอัด
  • 11:56 - 11:58
    แต่การก้าวเข้าไปยังความอึดอัดนั้น
  • 11:58 - 12:01
    หมายความว่าคุณกำลังก้าวเข้าไปยัง
    เขตแดนแห่งพันธมิตร
  • 12:01 - 12:05
    ประชากรมุสลิมอาจมี
    มากกว่าสามล้านคนในอเมริกา
  • 12:05 - 12:08
    แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์
    ของประชากรทั้งหมด
  • 12:09 - 12:11
    มาร์ติน ลูเทอร์ คิง เคยกล่าวไว้ว่า
  • 12:11 - 12:12
    "เมื่อทุกอย่างจบลง
  • 12:12 - 12:14
    เราจะไม่อาจจดจำคำพูด
    ของศัตรูเรา
  • 12:15 - 12:17
    แต่กลับจดจำความนิ่งเงียบ
    ของพวกพ้องเราเอง"
  • 12:22 - 12:25
    แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ความเป็นพวกพ้อง
    ระหว่างฉันกับนีล แน่นแฟ้นแบบนั้น
  • 12:25 - 12:27
    ก็มีอยู่สองสามอย่าง
  • 12:27 - 12:29
    เขาอยู่ที่นั่นในฐานะเพื่อนบ้านที่ห่วงใย
  • 12:29 - 12:33
    แต่เขาก็นำความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ
    และทรัพยากรที่เขามีมาใช้ด้วย
  • 12:33 - 12:34
    ในยามที่จำเป็นต้องใช้มัน
  • 12:35 - 12:37
    คนอื่น ๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน
  • 12:37 - 12:40
    ลารีเชีย ฮอว์คินส์ ได้ป่าวประกาศ
    เจตนารมณ์ของเธอ
  • 12:40 - 12:43
    ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์
    แอฟริกันอเมริกันคนแรกที่มหาวิทยาลัยวีตัน
  • 12:43 - 12:45
    โดยการใส่ฮิญาบเคียงคู่ไป
  • 12:45 - 12:48
    กับผู้หญิงมุสลิมคนอื่น ๆ
    ที่ต้องประสบกับการแบ่งแยกอยู่ทุกวัน
  • 12:48 - 12:50
    ผลก็คือ เธอสูญเสียงานของเธอ
  • 12:52 - 12:53
    ภายในหนึ่งเดือน
  • 12:53 - 12:56
    เธอได้เข้าร่วมทำงานกับคณาจารย์
    ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
  • 12:56 - 12:59
    ที่ที่ตอนนี้เธอกำลังทำงานในเรื่อง
    พหุนิยม เชื้อชาติ ความเชื่อ และวัฒนธรรม
  • 13:01 - 13:03
    ผู้ร่วมก่อตั้ง Reddit อเล็กซิส โอเฮเนี่ยน
  • 13:03 - 13:07
    ชี้ให้เห็นว่าความเป็นพวกพ้องทั้งหมดที่
    เกิดขึ้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่เสมอไป
  • 13:07 - 13:10
    เขาลุกขึ้นมาสนับสนุนภารกิจของ
    เด็กหญิงมุสลิมอายุ 15 ปีคนหนึ่ง
  • 13:10 - 13:12
    ในการสร้างอีโมจิรูปฮิญาบ
  • 13:12 - 13:14
    (เสียงหัวเราะ)
  • 13:14 - 13:16
    มันเป็นแค่ท่าทางง่าย ๆ
  • 13:16 - 13:18
    แต่มันมีอิทธิพลที่สำคัญ
    ต่อจิตใต้สำนัก
  • 13:18 - 13:21
    ในการทำให้ชาวมุสลิม
    เป็นเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
  • 13:21 - 13:24
    โดยการรวมกลุ่มคนเหล่านั้น
    เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ "พวกเรา"
  • 13:24 - 13:26
    แทนที่จะผลักไสไปเป็น "คนอื่น"
  • 13:27 - 13:30
    หัวหน้ากองบรรณาธิการ
    นิตยสาร Women's Running
  • 13:30 - 13:34
    เพิ่งนำรูปผู้หญิงใส่ฮิญาบขึ้นปกนิตยสาร
    ฟิตเนสในอเมริกาเป็นครั้งแรก
  • 13:35 - 13:37
    สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างที่แตกต่างกันมาก ๆ
  • 13:37 - 13:40
    ของผู้คนที่ใช้เวทีและทรัพยากรของตนเอง
  • 13:40 - 13:42
    ทั้งในแวดวงวิชาการ เทคโนโลยี และสื่อ
  • 13:42 - 13:44
    เพื่อแสดงออกถึงความเป็นพวกพ้อง
    ของพวกเขาอย่างจริงจัง
  • 13:46 - 13:49
    คำถามก็คือ คุณได้หยิบยื่นทรัพยากร
    และความชำนาญอะไรมาบ้าง
  • 13:50 - 13:52
    คุณพร้อมที่จะก้าวเข้าไปสู่
    ความอึดอัดของคุณ
  • 13:52 - 13:54
    แล้วพูดออกมาหรือไม่ เมื่อคุณพบเห็น
    ความเกลียดชังเหล่านั้น
  • 13:55 - 13:56
    คุณจะเป็นแบบนีลไหม
  • 13:57 - 14:00
    เพื่อนบ้านหลายคนโผล่มาในเรื่องนี้
  • 14:00 - 14:03
    และตัวคุณเอง ในชุมชนพวกคุณแต่ละคน
    ต่างก็มีเพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิม
  • 14:03 - 14:05
    เป็นเพื่อนร่วมงาน
  • 14:05 - 14:07
    หรือเป็นเพื่อนที่ลูกคุณเล่นด้วยที่โรงเรียน
  • 14:07 - 14:08
    ยื่นมือออกไปหาพวกเขา
  • 14:08 - 14:11
    ให้พวกเขารู้ว่าคุณนั้นยืนอยู่
    เคียงข้างพวกเขา
  • 14:11 - 14:13
    มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กมาก
  • 14:13 - 14:16
    แต่ฉันขอสัญญากับคุณเลยว่า
    มันก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
  • 14:17 - 14:21
    ไม่มีอะไรจะนำดีอาห์ ยูซอร์
    และราซานกลับมาได้อีกแล้ว
  • 14:22 - 14:24
    แต่เมื่อใดก็ตามที่เรา
    ร่วมกันเปล่งเสียงของเราออกมา
  • 14:24 - 14:26
    ตอนนั้นเองคือเวลา
    ที่เราหยุดความเกลียดชัง
  • 14:26 - 14:28
    ขอบคุณค่ะ
  • 14:28 - 14:36
    (เสียงปรบมือ)
Title:
ความเกลียดกลัวอิสลามได้พรากน้องชายของฉันไป ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องยุติความเกลียดกลัวนี้
Speaker:
ซูซาน บารากัต (Suzanne Barakat)
Description:

ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 น้องชายของเธอ ดีอาห์ น้องสะใภ้ ยูซอร์ และน้องสาวของยูซอร์หรือราซาน ถูกฆาตกรรมโดยเพื่อนบ้านของพวกเขาในแชเปิลฮิลล์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา คำสารภาพของผู้กระทำผิดที่ว่าเขาฆ่าคนทั้งสามคนนั้นอันเนื่องมาจากการมีปากเสียงกันในเรื่องที่จอดรถได้แพร่กระจายไปโดยปราศจากการตั้งคำถามและข้อสงสัยจากทั้งสื่อและตำรวจ จนกระทั่งบารากัตออกมาพูดในงานแถลงข่าวงานหนึ่ง และเรียกการฆาตกรรมนั้นว่าอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังตามที่มันเป็นจริง ๆ ในขณะที่บารากัตบอกเล่าเรื่องราวว่าเธอและครอบครัวของเธอนั้นกอบกู้สิทธิในการเล่าเรื่องราวของพวกเธอคืนมาได้อย่างไร เธอก็ได้ขอให้พวกเราพูดอะไรออกมาเมื่อเราได้พบเห็นความเกลียดชังเหล่านั้น และยังขอให้พวกเราแสดงความเป็นพวกพ้องของเราออกมาให้กับผู้ที่ต้องประสบกับการแบ่งแยกอีกด้วย

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
14:48

Thai subtitles

Revisions