Return to Video

ทำไมยามักจะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิง

  • 0:01 - 0:03
    พวกเราไปหาหมอกันทั้งนั้น
  • 0:05 - 0:09
    และเราไปหาหมอด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ
  • 0:09 - 0:13
    ว่าหมอจะทำการทดสอบเพื่อวินิจฉัย
    และจัดยาเพื่อรักษาเรา
  • 0:13 - 0:16
    โดยมีหลักการและหลักฐานอ้างอิง --
  • 0:16 - 0:19
    หลักฐานที่ออกแบบมาเพื่อช่วยพวกเรา
  • 0:20 - 0:26
    อย่างไรก็ดี ความจริงก็คือว่า
    มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นในทุกกรณี
  • 0:27 - 0:28
    และถ้าหากฉันบอกกับคุณว่า
  • 0:28 - 0:32
    วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ถูกค้นพบ
    ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา
  • 0:32 - 0:36
    อ้างอิงอยู่กับกลุ่มประชากร
    แค่เพียงครึ่งเดียวล่ะ
  • 0:36 - 0:38
    ฉันเป็นแพทย์ฉุกเฉิน
  • 0:39 - 0:42
    และถูกฝึกมาเพื่อเตรียมให้การรักษา
    ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • 0:43 - 0:47
    มันเกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิต
    เจ๋งใช่ไหมล่ะคะ
  • 0:48 - 0:52
    ค่ะ คนไข้ส่วนใหญ่ก็น้ำมูกไหล
    หรือหัวแม่เท้าโดนอะไรตำมา
  • 0:52 - 0:55
    แต่ไม่ว่าใครก็ตาม
    ที่ผ่านประตูห้องฉุกเฉินเข้ามา
  • 0:55 - 0:58
    เราก็ทำการทดสอบแบบเดียวกัน
  • 0:58 - 1:00
    เราจัดยาเพื่อการรักษาแบบเดียวกัน
  • 1:00 - 1:04
    โดยไม่เคยนึกถึงเพศหรือเพศสภาพ
    ของผู้ป่วยเลย
  • 1:05 - 1:07
    ทำไมเราจะต้องไปคำนึงถึงด้วย
  • 1:07 - 1:11
    เราไม่เคยถูกสอนว่า มันมีความแตกต่าง
    ระหว่างชายหญิง
  • 1:11 - 1:15
    การศึกษาจากสำนักงานบัญชีกลาง
    เมื่อไม่นานมานี้เปิดเผยว่า 80 เปอร์เซ็นต์
  • 1:15 - 1:18
    ของยาที่สุ่มจากตลาด
  • 1:18 - 1:20
    มีผลค้างเคียงกับผู้หญิง
  • 1:21 - 1:23
    ฉะนั้น ลองนึกถึงสิ่งนี้กันสักครู่
  • 1:23 - 1:27
    ทำไมเราถึงพบผลข้างเคียงในผู้หญิง
  • 1:27 - 1:31
    หลังจากที่ยาถูกปล่อยให้ขาย
    ในท้องตลาดไปแล้ว
  • 1:31 - 1:37
    คุณรู้ไหมคะว่ามันใช้เวลาหลายปี
    ที่จะเปลี่ยนจากแค่ความคิด
  • 1:37 - 1:40
    ไปเป็นยาที่ถูกทำการทดสอบในเซลล์
    ในห้องทดลอง
  • 1:40 - 1:42
    ไปถึงการศึกษาในสัตว์
  • 1:42 - 1:44
    และจากนั้นการทดสอบทางคลินิคในมนุษย์
  • 1:45 - 1:48
    และในที่สุดผ่านขั้นตอนกระบวนการ
    รับรองตามมาตราฐาน
  • 1:48 - 1:53
    เพื่อที่มันจะถูกนำไปใช้
    โดยแพทย์ที่จ่ายยาให้กับคุณ
  • 1:54 - 1:58
    นี่ยังไม่รวมถึงเงินมากมายมหาศาล
    ที่ใช้ในการสนับสนุนวิจัย
  • 1:58 - 2:00
    ที่ต้องใช้ในกระบวนการนี้
  • 2:02 - 2:05
    แล้วทำไมเราจึงพบผลข้างเคียง
    ที่ไม่อาจยอมรับได้
  • 2:05 - 2:09
    กับประชากรครึ่งหนึ่ง
    หลังจากที่มันผ่านกระบวนการนี้แล้ว
  • 2:11 - 2:12
    เกิดอะไรขึ้น
  • 2:13 - 2:17
    ค่ะ มันเป็นเพราะว่า
    เซลล์ที่ถูกใช้ในห้องทดลองนั้น
  • 2:17 - 2:19
    เป็นเซลล์ของผู้ชาย
  • 2:19 - 2:22
    และสัตว์ที่ถูกใช้ในการศึกษาก็เป็นตัวผู้
  • 2:22 - 2:27
    และการทดสอบทางคลินิค
    ก็ยังถูกศึกษาแทบจะในผู้ชายทั้งหมด
  • 2:29 - 2:35
    แบบจำลองเพศชาย กลายเป็นแกนหลัก
    สำหรับงานวิจัยทางการแพทย์ได้อย่างไร
  • 2:35 - 2:39
    ลองมาดูตัวอย่างที่เป็นที่นิยมทางสื่อกัน
  • 2:39 - 2:42
    และมันก็เกี่ยวข้องกับ
    ยาแอมเบียน ที่ช่วยในการนอนหลับ
  • 2:42 - 2:47
    แอมเบียนถูกปล่อยสู่ตลาด
    มากว่า 20 ปีแล้ว
  • 2:47 - 2:51
    และตั้งแต่นั้น ใบสั่งยามากมาย
    ก็ได้ถูกออกโดยแพทย์
  • 2:52 - 2:56
    หลัก ๆ แล้ว เพื่อผู้หญิง เพราะว่าผู้หญิง
    เป็นโรคนอนไม่หลับมากกว่าผู้ชาย
  • 2:57 - 2:59
    แต่เมื่อปีที่แล้วนี่เอง
  • 2:59 - 3:03
    องค์การอาหารและยาแนะนำว่า
    ให้ลดโดสลงครึ่งหนึ่ง
  • 3:03 - 3:06
    สำหรับผู้หญิงเท่านั้น
  • 3:06 - 3:08
    เพราะว่าพวกเขาเพิ่งรู้ว่า
    ผู้หญิงเมตาบอไลซ์ (metabolize) ยา
  • 3:08 - 3:11
    ในอัตราที่ช้ากว่าผู้ชาย
  • 3:11 - 3:13
    ทำให้พวกเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
  • 3:13 - 3:17
    และมียาอยู่ในร่างกายมากกว่า
  • 3:17 - 3:21
    และจากนั้น พวกเขาก็จะง่วงนอน
    พวกเขาไปขับรถ
  • 3:21 - 3:24
    และพวกเขาจะได้รับความเสี่ยง
    ต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
  • 3:25 - 3:29
    และฉันไม่อาจหยุดคิดได้ว่า
    ในฐานะแพทย์ฉุกเฉิน
  • 3:29 - 3:34
    จะมีคนไข้สักกี่คน
    ที่ฉันได้ดูแลในหลายปีที่ผ่านมา
  • 3:34 - 3:37
    ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางท้องถนน
  • 3:37 - 3:40
    ที่บางทีอาจถูกป้องกันได้
  • 3:40 - 3:45
    ถ้าการวิเคราะห์แบบนี้ถูกดำเนินการ
    และมีการปฏิบัติเมื่อ 20 ปีก่อน
  • 3:45 - 3:47
    เมื่อยาตัวนี้ถูกปล่อยออกมาครั้งแรก
  • 3:49 - 3:52
    มีอะไรอีกแค่ไหนที่จะต้องถูกวิเคราะห์
    แยกตามเพศ
  • 3:53 - 3:55
    เรายังขาดอะไรไปอีกบ้าง
  • 3:58 - 4:01
    สงครามโลกครั้งที่ 2 เปลี่ยนแปลง
    อะไรหลายอย่าง
  • 4:01 - 4:04
    และอย่างหนึ่งก็คือ
    ความต้องการในการปกป้องผู้คน
  • 4:04 - 4:08
    จากการตกเป็นเหยื่อของการวิจัย
    ทางการแพทย์โดยไม่ได้รับรู้ข้อมูลก่อน
  • 4:09 - 4:13
    แนวทางปฏิบัติหรือกฎที่สำคัญถูกกำหนดขึ้น
  • 4:13 - 4:18
    และส่วนหนึ่งก็คือ ความต้องการ
    ที่จะปกป้องผู้หญิงในวัยที่อาจมีบุตร
  • 4:18 - 4:21
    จากการเข้าสู่
    การศึกษาวิจัยทางการแพทย์
  • 4:22 - 4:27
    พวกเขากลัว ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
    กับตัวอ่อนในครรภ์ระหว่างการศึกษา
  • 4:27 - 4:29
    ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วใครจะรับผิดชอบ
  • 4:30 - 4:32
    ฉะนั้น นักวิทยาศาสตร์ในเวลานี้
    จึงคิดว่า
  • 4:33 - 4:35
    นี่มันเป็นเรื่องดีที่แฝงมา
  • 4:35 - 4:40
    เพราะว่า ยอมรับกันเหอะค่ะ -- ร่างกาย
    ของผู้ชายค่อนข้างที่จะเหมือน ๆ กัน
  • 4:41 - 4:44
    พวกเขาไม่ได้มีระดับฮอร์โมน
    ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลา
  • 4:44 - 4:48
    ที่อาจรบกวนผลการทดลอง
    ถ้าเราทำการทดลองในผู้ชายเท่านั้น
  • 4:49 - 4:52
    มันง่ายกว่า มันถูกกว่า
  • 4:54 - 4:56
    นี่ยังไม่รวมถึง ที่ ณ เวลานี้
    มีข้อสรุปโดยทั่วไปว่า
  • 4:57 - 5:01
    ชายและหญิงมีความคล้ายกันทุกอย่าง
  • 5:01 - 5:04
    นอกจากอวัยวะสืบพันธุ์และฮอร์โมนเพศ
  • 5:05 - 5:08
    ฉะนั้น มันจึงถูกตัดสินว่า
  • 5:09 - 5:13
    การวิจัยทางการแพทย์
    จะดำเนินการในผู้ชาย
  • 5:13 - 5:15
    และผลลัพท์ต่อมาก็ค่อยเอาไปใช้
    กับผู้หญิง
  • 5:17 - 5:21
    สิ่งนี้ส่งผลอย่างไรต่อความเข้าใจ
    ในสุขภาพของผู้หญิง
  • 5:21 - 5:25
    สุขภาพของผู้หญิง กลายเป็นคำคล้องจอง
    กับเรื่องของระบบสืบพันธุ์
  • 5:25 - 5:30
    เต้านม รังไข่ มดลูก การตั้งครรภ์
  • 5:30 - 5:33
    นี่เป็นคำที่ตอนนี้เราเรียกกันในชื่อว่า
    "การแพทย์บิกินนี่"
  • 5:34 - 5:37
    และมันก็เป็นอย่างนั้นมา
    ตั้งแต่ประมาณยุค 1980
  • 5:37 - 5:41
    เมื่อแนวคิดนี้ถูกท้าทาย
    โดยวงการแพทย์
  • 5:41 - 5:45
    และโดยนักนโยบายสาธารณสุข
    เมื่อพวกเขาตระหนักว่า
  • 5:45 - 5:49
    เมื่อรวมเอาผู้หญิง
    จากทุกการวิจัยทางการแพทย์
  • 5:49 - 5:53
    เราจะไม่ได้ทำงานเพื่อพวกเขาเลย
  • 5:53 - 5:55
    นอกเหนือจากเรื่อง
    ปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์
  • 5:55 - 5:58
    ไม่มีอะไรเลย
    ที่เรารู้เกี่ยวกับความต้องการจำเพาะ
  • 5:58 - 5:59
    ของผู้ป่วยหญิง
  • 6:01 - 6:07
    ตั้งแต่นั้น หลักฐานจำนวนมากมาย
    ก็ได้ถูกเปิดเผย
  • 6:07 - 6:12
    ซึ่งมันแสดงให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
    ระหว่างชายหญิงในทุกแง่มุม
  • 6:17 - 6:20
    เรามีคำพูดในวงการแพทย์ที่ว่า
  • 6:20 - 6:23
    เด็กไม่ได้เป็นแค่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ
  • 6:25 - 6:27
    และเราพูดอย่างนั้นเพื่อย้ำเตือนตัวเราเอง
  • 6:27 - 6:31
    ว่าเด็กมีความแตกต่างทางสรีรวิทยา
    มากกว่าผู้ใหญ่ปกติทั่วไป
  • 6:33 - 6:38
    และด้วยเหตุนี้เราจึงมีกุมารเวชศาสตร์
  • 6:38 - 6:44
    และตอนนี้เราก็ทำการวิจัยเพื่อเด็ก
    เพื่อที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น
  • 6:45 - 6:48
    และฉันก็รู้ว่าเราสามารถพูดถึงผู้หญิง
    ได้ในแบบเดียวกัน
  • 6:48 - 6:53
    ผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย
    ที่มีหน้าอกแล้วก็มดลูก
  • 6:55 - 6:58
    แต่พวกเขามีกายวิภาคและสรีระ
    ที่เป็นในแบบของพวกเขา
  • 6:58 - 7:02
    ที่สมควรได้รับการศึกษามากเท่า ๆ กัน
  • 7:03 - 7:06
    ลองมาดูตัวอย่าง ระบบหมุนเวียนโลหิตกัน
  • 7:07 - 7:11
    การแพทย์ในสาขานี้ได้ทำการศึกษามากมาย
    เพื่อที่จะค้นพบว่า
  • 7:11 - 7:15
    ทำไมชายและหญิงถึงเป็นหัวใจวาย
    ในแบบที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
  • 7:16 - 7:21
    โรคหัวใจเป็นนักฆ่าหมายเลขหนึ่ง
    สำหรับทั้งชายและหญิง
  • 7:21 - 7:26
    แต่มีผู้หญิงเสียชีวิตมากกว่าภายในปีแรก
    ที่มีอาการหัวในวายมากกว่าผู้ชาย
  • 7:27 - 7:31
    ผู้ชายจะบ่นถึงอาการเจ็บแน่นหน้าอก --
  • 7:31 - 7:34
    เหมือนกับว่ามีช้างมานั่งอยู่บนอก
  • 7:34 - 7:36
    และเราเรียกว่านั่นเป็นอาการโดยทั่วไป
  • 7:38 - 7:41
    ผู้หญิงก็มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกเช่นกัน
  • 7:41 - 7:47
    แต่มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
    ที่จะบอกว่า "มันรู้สึกไม่ปกติ"
  • 7:49 - 7:52
    "เหมือนว่าหายใจเข้าไม่อิ่ม"
  • 7:52 - 7:54
    "ช่วงนี้เหนื่อยมาก"
  • 7:55 - 7:58
    และด้วยเหตุผลบางประการ
    เราเรียกอาการแบบนี้ว่าไม่เป็นไปตามปกติ
  • 7:58 - 8:02
    อย่างที่ฉันบอก แม้ว่าผู้หญิง
    จะเป็นประชากรตั้งครึ่งหนึ่ง
  • 8:04 - 8:09
    และหลักฐานอะไรบ้าง
    ที่จะช่วยอธิบายความแตกต่างนี้
  • 8:10 - 8:13
    ถ้าหากเรามองดูที่กายวิภาค
  • 8:13 - 8:19
    เส้นเลือดที่อยู่รอบ ๆ หัวใจ
    ในผู้หญิงมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับผู้ชาาย
  • 8:19 - 8:23
    และการที่เส้นเลือดเหล่านี้
    พัฒนาอาการของโรคก็ต่างกัน
  • 8:23 - 8:25
    ในผู้หญิงมากกว่าในผู้ชาย
  • 8:26 - 8:31
    และการทดสอบที่เราใช้เพื่อกำหนดว่า
    ใครสักคนจะมีความเสี่ยงเป็นโลกหัวใจ
  • 8:31 - 8:36
    พวกเขาออกแบบ ทดสอบ และทำให้มันเหมาะ
    กับร่างกายของผู้ชายตั้งแต่แรก
  • 8:36 - 8:39
    และนั่นก็ไม่ได้เป็นการทดสอบที่ดี
    สำหรับผู้หญิง
  • 8:40 - 8:43
    และจากนั้น ถ้าเราคิดถึงการรักษา --
  • 8:43 - 8:47
    การรักษาโดยทั่วไปที่เราใช้
    อย่างแอสไพริน
  • 8:48 - 8:52
    เราให้แอสไพรินกับชายที่แข็งแรง
    เพื่อช่วยป้องกันพวกเขาจากอาการหัวใจวาย
  • 8:52 - 8:57
    แต่คุณรู้หรือไม่ว่า
    ถ้าคุณให้แอสไพรินกับผู้หญิงที่แข็งแรง
  • 8:57 - 8:58
    มันจะเป็นอันตราย
  • 9:00 - 9:03
    สิ่งที่เราทำอยู่นี่เป็นการบอกเราจัง ๆ เลยว่า
  • 9:03 - 9:06
    เรากำลังง่วนอยู่กับแค่เปลือกนอก
  • 9:07 - 9:11
    การแพทย์ฉุกเฉินขึ้นอยู่กับความรวดเร็ว
  • 9:12 - 9:15
    มีสาขาทางการแพทย์
    ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิตใดอีก
  • 9:15 - 9:19
    อย่างมะเร็งและ
    อาการเส้นโลหิตในสมองแตกอย่างเฉียบพลัน
  • 9:19 - 9:23
    ที่มีความแตกต่างสำคัญระหว่างระหว่างชายหญิง
    ที่เราควรนำมาใช้
  • 9:24 - 9:29
    หรือแม้แต่ว่า ทำไมบางคนถึงน้ำมูกไหล
  • 9:29 - 9:31
    มากกว่าอีกคนหนึ่ง
  • 9:31 - 9:35
    หรือทำไมการรักษาอาการเจ็บปวด
    ที่เรากับคนที่นิ้วเท้าถูกทับ
  • 9:35 - 9:38
    ได้ผลกับบางคนและไม่ได้ผลกับบางคน
  • 9:41 - 9:47
    สถาบันทางการแพทย์บอกว่า
    ทุกเซลล์มีเพศ
  • 9:48 - 9:49
    มันหมายความว่าอย่างไร
  • 9:51 - 9:53
    เพศคือดีเอ็นเอ
  • 9:53 - 9:57
    เพศสภาพคือการที่ใครสักคน
    แสดงฐานะของตนในสังคม
  • 9:58 - 10:00
    และทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้เหมือนกันเสมอไป
  • 10:00 - 10:04
    อย่างที่เราเห็นได้
    ในประชากรข้ามเพศของเรา
  • 10:05 - 10:10
    แต่มันสำคัญที่จะตระหนักว่า
    ตั้งแต่วินาทีที่มีการปฏิสนธิ
  • 10:10 - 10:12
    ทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย --
  • 10:12 - 10:15
    ผิวหนัง ผม หัวใจ และปอด --
  • 10:15 - 10:18
    มีดีเอ็นเอเป็นของพวกมันเอง
  • 10:18 - 10:22
    และดีเอ็นเอนั้น
    มีโครโมโซมที่กำหนด
  • 10:22 - 10:27
    ว่าเราจะกลายเป็นเพศชายหรือหญิง
    เป็นชายหรือหญิง
  • 10:28 - 10:30
    มันเคยถูกเข้าใจว่า
  • 10:30 - 10:34
    โครโมโซมที่กำหนดเพศ
    ดังที่เห็นได้ในภาพนี้ --
  • 10:34 - 10:38
    XY ถ้าคุณเป็นชาย XX ถ้าคุณเป็นหญิง --
  • 10:38 - 10:43
    บอกเราว่าคุณจะเกิดมา
    พร้อมกับรังไข่ หรือว่าลูกอัณฑะ
  • 10:43 - 10:47
    และโครโมโซมเพศนี้เอง
    ที่อยู่ในอวัยวะเหล่านี้
  • 10:47 - 10:51
    ที่ทำให้เกิดความแตกต่าง
    ที่เราเห็นในเพศที่ต่างกัน
  • 10:53 - 10:58
    แต่เรารู้แล้วว่าทฤษฎีนั้นผิด --
  • 10:58 - 11:00
    หรืออย่างน้อยมันก็ไม่สมบูรณ์
  • 11:00 - 11:05
    และต้องขอขอบคุณนักวิทยาศาสตร์อย่าง
    ดร. เพจ จากสถาบัน ไวท์เฮด
  • 11:05 - 11:07
    ที่ทำงานวิจัย Y โครโมโซม
  • 11:07 - 11:09
    และ ดร.ยัง จาก UCLA
  • 11:09 - 11:15
    พวกเขาพบหลักฐานที่บอกพวกเรา
    ว่าโครโมโซมที่กำหนดเพสเหล่านี้
  • 11:15 - 11:17
    ที่อยู่ในทุก ๆ เซลล์ของร่างกาย
  • 11:17 - 11:23
    ทำงานต่อเนื่องไปตลอดชีวิตของเรา
  • 11:25 - 11:28
    และอาจเป็นตัวทำให้เกิดความแตกต่าง
    ที่เราเห็นได้
  • 11:28 - 11:30
    ในการกำหนดโดสของยา
  • 11:30 - 11:33
    หรือเหตุผลว่าทำไม
    ชายและหญิงถึงแตกต่างกัน
  • 11:33 - 11:37
    ในเรื่องความไวและความรุนแรงต่อโรค
  • 11:39 - 11:42
    ความรู้ใหม่นี้เป็นตัวพลิกเกมส์
  • 11:45 - 11:49
    และมันขึ้นอยู่กับนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้น
    ที่จะหาหลักฐานต่อไป
  • 11:49 - 11:53
    แต่มันขึ้นอยู่กับแพทย์ด้วย
    ที่จะเริ่มแปลงข้อมูลนี้
  • 11:53 - 11:56
    เมื่อพบกับคนไข้ ในวันนี้
  • 11:57 - 11:58
    ในตอนนี้
  • 12:01 - 12:04
    และเพื่อที่จะช่วยในเรื่องนี้
    ฉันเป็นผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรระดับชาติ
  • 12:04 - 12:07
    ที่เรียกว่า ความร่วมมือเพื่อสุขภาพหญิง
    ในเรื่องเพศและเพศสภาพ
  • 12:08 - 12:12
    และเราเก็บตัวอย่างเหล่านี้
    เพื่อที่มันจะได้มีไว้สอน
  • 12:12 - 12:14
    และมีไว้สำหรับดูแลผู้ป่วย
  • 12:14 - 12:19
    และเราทำงานเพื่อที่จะรวบรวบนักการศึกษา
  • 12:20 - 12:21
    มันเป็นงานที่สำคัญ
  • 12:22 - 12:27
    มันเปลี่ยนแปลงวิธีการฝึกทางการแพทย์
    ที่เราทำต่อ ๆ กันมา
  • 12:29 - 12:31
    แต่ฉันเชื่อในตัวพวกเขา
  • 12:32 - 12:37
    ฉันรู้ว่าพวกเขากำลังเห็นคุณค่า
    ของการนำเอาการพิจารณาเพศ
  • 12:38 - 12:39
    เข้าไปในหลักสูตรในปัจจุบัน
  • 12:41 - 12:45
    มันเกี่ยวกับการฝึกฝน
    อนาคตบุคลากรทางการแพทย์อย่างถูกต้อง
  • 12:48 - 12:50
    และถูกเป้า
  • 12:50 - 12:53
    ฉันเป็นผู้ร่วมสร้างของหน่วยภายใน
    ภาควิชาการแพทย์ฉุกเฉิน
  • 12:53 - 12:55
    ที่มหาวิทยาลัยบราวน์
  • 12:55 - 12:58
    ที่เรียกว่า เพศและเพศสภาพ
    ต่อการแพทย์ฉุกเฉิน
  • 12:58 - 13:03
    และเราทำการวิจัยเพื่อกำหนด
    ความแตกต่างระหว่างชายหญิง
  • 13:03 - 13:05
    ในสภาวะฉุกเฉิน
  • 13:05 - 13:10
    อย่างโรคหัวใจและอาการเส้นเลือดสมองแตก
    และการติดเชื้อ และการได้รับสารพิษ
  • 13:10 - 13:14
    แต่เรายังเชื่อว่าการให้การศึกษา
    เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
  • 13:15 - 13:19
    เราสร้างแบบจำลองการศึกษา 360 องศา
  • 13:19 - 13:25
    เรามีโครงการสำหรับแพทย์
    สำหรับพยาบาล สำหรับนักเรียน
  • 13:25 - 13:27
    และสำหรับผู้ป่วย
  • 13:28 - 13:32
    เพราะว่านี่ไม่สามารถถูกปล่อยไว้
    ให้เป็นภาระของผู้นำด้านการแพทย์ได้
  • 13:32 - 13:36
    เราทุกคนมีบทบาทที่จำทำให้เกิดความแตกต่าง
  • 13:37 - 13:41
    แต่ฉันต้องเตือนคุณ ว่ามันไม่ง่ายเลย
  • 13:42 - 13:43
    อันที่จริง มันยากมาก
  • 13:45 - 13:50
    มันเป็นการเปลี่ยนวิธีที่เราคิด
    เกี่ยวกับการแพทย์
  • 13:50 - 13:53
    และสุขภาพ และงานวิจัย จริง ๆ
  • 13:54 - 13:57
    มันเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเรา
    กับระบบการดูแลสุขภาพ
  • 13:58 - 14:01
    แต่มันไม่มีทางเดินกลับไป
  • 14:01 - 14:05
    ตอนนี้เรารู้พอแล้วว่า
  • 14:05 - 14:07
    เรากำลังจะทำมันให้ถูกต้อง
  • 14:10 - 14:12
    มาติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ กล่าวว่า
  • 14:12 - 14:17
    "การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เข้ามา
    บนล้อที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้
  • 14:17 - 14:19
    แต่มันผ่านฝ่าความยากลำบากเข้ามา"
  • 14:20 - 14:23
    และขั้นตอนแแรกที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
    ก็คือการสร้างความตระหนัก
  • 14:24 - 14:28
    มันไม่ใช่แค่การพัฒนาการแพทย์
    สำหรับผู้หญิง
  • 14:29 - 14:34
    นี่มันเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
    ของแต่ละคน ในทุก ๆ คน
  • 14:35 - 14:41
    การตระหนักนี้มีพลังที่จะเปลี่ยน
    การดูแลสุขภาพของชายและหญิง
  • 14:43 - 14:49
    และจากนี้ไป เราอยากให้คุณถามหมอของคุณ
  • 14:49 - 14:53
    ว่าการรักษาที่คุณกำลังได้รับนี้
    มีความจำเพาะต่อเพศและเพศสภาพหรือไม่
  • 14:54 - 14:57
    พวกเขาอาจไม่รู้คำตอบ --
  • 14:57 - 14:58
    ในตอนนี้
  • 14:59 - 15:03
    แต่การพูดคุณได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
    และเราจะเรียนมันไปด้วยกัน
  • 15:04 - 15:08
    จำไว้นะคะว่า สำหรับฉัน
    และเพื่อนร่วมงานในสาขานี้
  • 15:08 - 15:10
    เพศและเพศสภาพของคุณมีความสำคัญ
  • 15:11 - 15:13
    ขอบคุณค่ะ
  • 15:13 - 15:17
    (เสียงปรบมือ)
Title:
ทำไมยามักจะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิง
Speaker:
อลีสัน แม็กเกรเกอร์ (Alyson McGregor)
Description:

เกือบจะตลอดศตวรรษที่ผ่านมา ยาที่ถูกรับรองและปล่อยสู่ตลาดได้ถูกทดสอบกับผู้ป่วยชายเพียงเท่านั้น ซึ่งมันนำไปสู่การให้โดสที่ไม่เหมาะสมและผลข้างเคียงที่ไม่ดีสำหรับผู้หญิง ความแตกต่างทางสรีระวิทยาที่สำคัญระหว่างชายและหญิงได้เพิ่งถูกนำขึ้นมาพิจารณาเมื่อไม่นานมานี้ในการวิจัยทางการแพทย์ แพทย์ฉุกเฉิน อลีสัน แม็กเกรเกอร์ ศึกษาความแตกต่างเหล่านี้ และในการบรรยายที่น่าทึ่งนี้ เธอได้อภิปรายประวัติศาสตร์ที่เป็นเบื้อหลังว่าแบบจำลองชายกลายเป็นหลักของการวิจัยทางการแพทย์ได้อย่างไร และการทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างชายและหญิงสามารถนำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับทั้งสองเพศได้อย่างไร

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
15:29

Thai subtitles

Revisions