สตรีเปิดฉากการต่อสู้โดยปราศจากความรุนแรงได้อย่างไร
-
0:01 - 0:05สิบสองปีที่แล้ว ฉันได้จับกล้องเป็นครั้งแรก
-
0:05 - 0:09เพื่อถ่ายทำฤดูเก็บเกี่ยวผลมะกอกโอลีฟ
ในหมู่บ้านปาเลสไตน์แห่งหนึ่งที่เวสต์แบงก์ -
0:10 - 0:12ฉันคิดว่าจะอยู่ที่นั่น
เพื่อทำสารคดีสักเรื่องหนึ่ง -
0:12 - 0:15แล้วจากนั้นก็จะย้ายไปต่อ
ตามส่วนอื่น ๆ ของโลก -
0:15 - 0:17แต่บางอย่างนำพาให้ฉันกลับมาใหม่
-
0:18 - 0:22ส่วนใหญ่ เวลาที่ผู้ชมนานาประเทศ
ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับส่วนนั้นของโลก -
0:22 - 0:26พวกเขามักจะอยากให้
ความขัดแย้งนั้นยุติลง -
0:26 - 0:30การปะทะระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์นั้น
เลวร้ายและเราหวังให้มันหมดไปเสียที -
0:30 - 0:33เรารู้สึกอย่างยิ่งในแบบเดียวกัน
กับความขัดแย้งอื่น ๆ ทั่วโลก -
0:34 - 0:37แต่ทุกครั้งที่เราหันไปให้ความสนใจกับข่าว
-
0:37 - 0:40มันดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทีละประเทศ
ที่แผ่นดินลุกเป็นไฟ -
0:42 - 0:43ฉะนั้น ฉันจึงสงสัย
-
0:43 - 0:46ว่าเราควรจะเริ่มมองความขัดแย้ง
ในแบบที่ต่างออกไปหรือเปล่า -
0:47 - 0:51แทนที่จะมาหวังเพียงแค่
ให้ความขัดแย้งจบ ๆ ไป -
0:51 - 0:55สู้เรามาให้ความสนใจว่า
จะเปิดฉากการต่อสู้กันอย่างไรไม่ดีกว่าหรือ -
0:55 - 0:57นี่เป็นคำถามใหญ่ ๆ สำหรับฉัน
-
0:57 - 1:01คำถามที่ฉันเฝ้าหาคำตอบร่วมกับทีมของฉัน
ที่องค์กรไม่แสวงผลกำไร "Just Vision" -
1:02 - 1:06หลังจากที่พบเห็นการต่อสู้ดิ้นรนมา
หลากหลายรูปแบบในตะวันออกกลาง -
1:06 - 1:11ฉันเริ่มสังเกตถึงบางแบบแผน
ที่ประสบผลสำเร็จมากกว่า -
1:11 - 1:15ฉันแปลกใจว่าตัวแปรต่าง ๆ เหล่านี้
เกิดกับกรณีอื่นบ้างไหม แล้วถ้ามันใช่ -
1:15 - 1:20บทเรียนอะไรที่เราจะเก็บรวบรวมได้
ในการต่อสู้ความขัดแย้งที่สร้างสรรค์ -
1:20 - 1:23ในปาเลสไตน์ อิสราเอล และที่อื่น ๆ
-
1:24 - 1:26มีวิทยาศาสตร์อยู่เล็กน้อยในเรื่องนี้
-
1:27 - 1:31ในงานวิจัยโครงการหนึ่งของ 323
ความขัดแย้งทางการเมืองหลัก ๆ -
1:31 - 1:34จากปี ค.ศ. 1900 ถึงปี ค.ศ. 2006
-
1:34 - 1:39มาเรีย สเตแฟน และเอริกา เชโนวิธพบว่า
ในหลายการรณรงค์ด้วยสันติวิธีเหล่านั้น -
1:39 - 1:46เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสสำเร็จ
มากกว่าการรณรงค์ที่ใช้ความรุนแรง -
1:46 - 1:50การรณรงค์ด้วยสันติวิธียังมีแนวโน้ม
ก่อให้เกิดผลเสียทางกายได้น้อยกว่า -
1:50 - 1:52เมื่อเทียบกับการต่อสู้รณรงค์เหล่านั้น
-
1:52 - 1:54เช่นเดียวกันกับฝ่ายตรงข้ามของพวกเขา
-
1:55 - 2:00และมักจะนำมาซึ่งสังคมที่สงบสุขและเป็น
ประชาธิปไตยได้มากกว่า -
2:01 - 2:06พูดง่าย ๆ ก็คือ การต่อต้านแบบสันติวิธีนั้น
เป็นแนวทางที่ได้ผลและสร้างสรรค์มากกว่า -
2:06 - 2:07ของการเปิดศึกการต่อสู้
-
2:09 - 2:12แต่หากนั่นเป็นทางเลือกที่ง่ายขนาดนั้น
ทำไมถึงไม่มีกลุ่มไหนใช้มันกันมากขึ้นล่ะ -
2:13 - 2:16นักรัฐศาสตร์ วิคเตอร์ อาซาล
และนักรัฐศาสตร์คนอื่น ๆ -
2:16 - 2:18ได้พิจารณาหลายเหตุปัจจัย
-
2:18 - 2:20ที่เป็นตัวกำหนดการเลือกสรรยุทธวิธี
ของกลุ่มทางการเมืองหนึ่ง -
2:21 - 2:24และผลปรากฏว่า
ตัวประเมินสถานการณ์ที่สำคัญที่สุด -
2:25 - 2:29ของการตัดสินใจที่ขบวนการหนึ่ง ๆ
จะนำสันติวิธีหรือความรุนแรงไปใช้ -
2:29 - 2:34ก็คือ ไม่ว่ากลุ่มนั้น ๆ จะเป็น
ฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวามากกว่ากัน -
2:34 - 2:39ไม่ว่ากลุ่มนั้น ๆ จะได้รับอิทธิพลมากกว่า
หรือน้อยกว่าจากความเชื่อทางศาสนา -
2:39 - 2:42ไม่ว่ากลุ่มดังกล่าวกำลังสู้อยู่กับฝ่าย
ประชาธิปไตยหรือระบอบเผด็จการ -
2:42 - 2:46และไม่ใช่แม้กระทั่งระดับการกวาดล้าง
ที่กลุ่มนั้น ๆ กำลังเผชิญหน้าอยู่ -
2:47 - 2:51ตัวประเมินสถานการณ์ที่สำคัญที่สุดของ
การตัดสินใจในขบวนการที่จะใช้สันติวิธี -
2:52 - 2:57คืออุดมการณ์ของกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับ
"บทบาทสตรีในชีวิตสาธารณะ" -
2:57 - 3:01(เสียงปรบมือ)
-
3:03 - 3:06เมื่อขบวนการหนึ่งได้ใช้
ภาษาเชิงความเสมอภาคทางเพศ -
3:06 - 3:08รวมไว้อยู่ในวาทกรรมของพวกเขา
-
3:08 - 3:11โอกาสต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ที่กลุ่มนั้นจะเลือกใช้สันติวิธี -
3:11 - 3:14และด้วยเหตุนี้
จึงมีความเป็นไปได้ที่มันจะสำเร็จ -
3:14 - 3:17งานค้นคว้าวิจัยเตรียมการ
พร้อมด้วยเอกสารอ้างอิงของฉันเอง -
3:17 - 3:20ของการจัดองค์กรทางการเมือง
ในอิสราเอลและปาเลสไตน์ -
3:20 - 3:25ฉันได้สังเกตถึงขบวนการต่าง ๆ ที่
ต้อนรับผู้หญิงให้ก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำ -
3:25 - 3:28อย่างเช่น สารคดีหนึ่งที่ฉันถ่ายทำ
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า บูดรุส -
3:28 - 3:31มีโอกาสที่จะสำเร็จตามเป้าหมายกว่ามาก
-
3:32 - 3:36หมู่บ้านนี้อยู่ภายใต้การคุกคามอย่างแท้จริง
จากการถูกลบเลือนออกไปจากแผนที่ -
3:36 - 3:39ตอนที่อิสราเอลเริ่มสร้างกำแพงขวางกั้น
-
3:40 - 3:41เส้นทางที่ถูกวางไว้จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
-
3:41 - 3:46การทำลายสวนมะกอกโอลีฟของชุมชน
ให้เป็นสุสานของพวกเขา -
3:46 - 3:49และปิดล้อมหมู่บ้านจากทุกด้านในท้ายที่สุด
-
3:50 - 3:52ผ่านการชักจูงผู้นำท้องถิ่น
-
3:52 - 3:55พวกเขาริเริ่มโครงการรณรงค์
ต่อต้านโดยสันติวิธีเพื่อยับยั้งมิให้เกิดเหตุนั้น -
3:56 - 4:00ความไม่ชอบมาพากลมากมาย
โหมประดังมาที่พวกเขา -
4:01 - 4:04แต่พวกเขามีอาวุธลับอยู่อย่างค่ะ
-
4:06 - 4:08เด็กสาววัย 15 ปีคนหนึ่ง
-
4:08 - 4:10ที่กระโดดเข้ามาขวางหน้า
หยุดรถเกลี่ยดินไว้อย่างกล้าหาญ -
4:10 - 4:14ซึ่งกำลังจะถอนรากถอนโคน
ต้นมะกอกโอลีฟต้นหนึ่ง -
4:15 - 4:18ทันใดนั้น ชุมชนของบูดรุส
ก็รับรู้ถึงสิ่งที่เป็นไปได้ -
4:18 - 4:23หากพวกเขายอมรับและส่งเสริมให้ผู้หญิง
ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตสาธารณะ -
4:24 - 4:27ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงของบูดรุส
จึงได้ไปอยู่ที่แนวหน้าวันแล้ววันเล่า -
4:27 - 4:32ใช้ความคิดสร้างสรรค์และไหวพริบในการ
เอาชนะอุปสรรคสารพัดที่พวกเธอพบเจอ -
4:32 - 4:34ในการต่อสู้ดิ้นรนที่ปราศจากอาวุธ
เป็นเวลา 10 เดือน -
4:35 - 4:37และอย่างที่คุณก็คงบอกได้ ณ จุดนี้
-
4:37 - 4:38พวกเขาชนะในที่สุด
-
4:40 - 4:43กำแพงขวางกั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
-
4:43 - 4:45มาเป็นเส้นแบ่งเขตแดน Green Line
ที่เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ -
4:45 - 4:49และผู้หญิงของบูดรุสก็ได้เข้ามา
เป็นที่รู้จักไปทั่วเขตเวสต์แบงก์ -
4:49 - 4:51ถึงกำลังความสามารถอันทรหดของพวกเธอ
-
4:53 - 4:55(เสียงปรบมือ)
-
4:55 - 4:57ขอบคุณค่ะ
-
5:01 - 5:03ฉันอยากจะพักไว้สักครู่หนึ่งนะคะ
ซึ่งคุณช่วยฉันได้ -
5:03 - 5:07เพราะฉันอยากจะจัดการแก้ไข
ความเข้าใจผิดมหันต์สองประการ -
5:07 - 5:09ที่อาจเกิดขึ้นได้ ณ จุดนี้
-
5:10 - 5:13ประการแรก ก็คือ ฉันไม่เชื่อว่า
-
5:13 - 5:18ผู้หญิงจะรักสงบโดยธรรมชาติ
หรือโดยพื้นฐานมากกว่าผู้ชาย -
5:20 - 5:23แต่ฉันเชื่อมั่นว่าโลกในทุกวันนี้
-
5:23 - 5:26ผู้หญิงได้รับประสบการณ์ทางอำนาจ
ต่างออกไป -
5:27 - 5:30ต้องฝ่าฟันหนทาง
กับการอยู่ในสถานะอำนาจที่ด้อยกว่า -
5:30 - 5:33ในหลากหลายแง่มุมของชีวิตพวกเธอ
-
5:33 - 5:36ผู้หญิงมักจะสันทัดมากกว่า
-
5:36 - 5:39ในวิธีการกดดันแบบลับ ๆ
เพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง -
5:39 - 5:42ต่อกรกับตัวแสดงที่เป็นใหญ่
และมีอำนาจ -
5:42 - 5:46คำศัพท์ที่ว่า "ชักนำ" มักจะถูก
ใช้กล่าวหาผู้หญิงในทางเสียหาย -
5:46 - 5:50สะท้อนความเป็นจริงที่ซึ่ง
ผู้หญิงมักจะต้องหาหนทางอื่น -
5:50 - 5:53นอกเหนือจากการเผชิญซึ่งหน้า
เพื่อบรรลุจุดหมายของพวกเธอ -
5:54 - 5:58และหาทางเลือกอื่นแทนการเผชิญซึ่งหน้า
-
5:58 - 6:01นั้นเป็นแก่นแท้ของการต่อต้านโดยสันติวิธี
-
6:02 - 6:05ทีนี้ มาต่อกันด้วยประการที่สอง
ความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ -
6:05 - 6:08ฉันได้พูดถึงประสบการณ์ต่าง ๆ
ของฉันมามากมายในตะวันออกกลาง -
6:08 - 6:10และใครบางคนในที่นี้อาจจะกำลังคิดอยู่ว่า
-
6:10 - 6:14วิธีการแก้ไขของเราต่อจากนั้นก็คือ
การให้การศึกษาแก่ชาวมุสลิมและสังคมอาหรับ -
6:14 - 6:15เพื่อหลอมรวมผู้หญิงเข้าไว้ให้มากขึ้น
-
6:16 - 6:19หากพวกเราทำได้อย่างนั้น
พวกเขาก็จะประสบชัยชนะกันมากขึ้น -
6:21 - 6:24แต่พวกเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือประเภทนี้
-
6:25 - 6:28ผู้หญิงได้มีส่วนร่วมอยู่แต่เดิม
ในความเคลื่อนไหวที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด -
6:28 - 6:30ที่เผยตัวจากตะวันออกกลาง
-
6:31 - 6:36แต่พวกเธอทำเป็นไม่มีตัวตน
ต่อหน้าประชาคมนานาชาติ -
6:36 - 6:39กล้องของเราจับภาพไปที่ผู้ชายเสียส่วนใหญ่
-
6:39 - 6:42ผู้ที่มักจะลงท้ายด้วยการเข้าไปพัวพัน
ในฉากการเผชิญหน้ากันมากกว่า -
6:42 - 6:45ที่พวกเราเห็นว่า
ไม่อาจต้านทานได้ในวงจรข่าวของเรา -
6:46 - 6:50แล้วพวกเราก็ลงเอยด้วยเรื่องเล่า
ที่ไม่เพียงแต่ลบผู้หญิงออกไป -
6:50 - 6:52จากการต่อสู้ในภูมิภาคเท่านั้น
-
6:52 - 6:57แต่บ่อยครั้งยังบิดเบือน
การต่อสู้ต่าง ๆ ของพวกเธอเอง -
6:58 - 7:03ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980
การลุกฮือเริ่มต้นขึ้นในกาซา -
7:03 - 7:06และลุกลามอย่างรวดเร็วไปยัง
เวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มตะวันออก -
7:08 - 7:12มันได้กลายมาเป็นที่รู้จักกันในฐานะ
“อินติฟาเฎาะฮ์ครั้งที่หนึ่ง" -
7:12 - 7:14และหากใครมีภาพความทรงจำติดตา
ของเหตุการณ์ครั้งนั้น -
7:14 - 7:17ส่วนใหญ่
สิ่งที่ผุดขึ้นในใจจะคล้ายอย่างนี้ -
7:18 - 7:22พวกชายชาวปาเลสไตน์
ขว้างปาก้อนหินไปที่รถถังอิสราเอล -
7:23 - 7:24การรายงานข่าวที่ออกมา ณ ตอนนั้น
-
7:24 - 7:29ทำให้ดูเหมือนว่าก้อนหิน
ระเบิดขวด และยางรถยนต์ที่ลุกไหม้ -
7:29 - 7:32เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้น
ในเหตุการณ์อินติฟาเฎาะฮ์เท่านั้น -
7:34 - 7:40แต่ช่วงเวลานี้ ยังนับเป็นโอกาสครั้งสำคัญ
ของการแผ่ขยายการจัดองค์กรด้วยสันติวิธี -
7:40 - 7:45ในรูปแบบการเดินขบวน การชุมนุมประท้วง
และการจัดตั้งสถาบันคู่ขนาน -
7:46 - 7:47ช่วงอินติฟาเฎาะฮ์ครั้งที่หนึ่ง
-
7:47 - 7:51ประชาชนชาวปาเลสไตน์ฝ่ายพลเรือน
ทุกภาคส่วนถูกระดมกำลัง -
7:51 - 7:54ตัดข้ามเส้นแบ่งช่วงอายุ
กลุ่มการเมือง และชนชั้น -
7:55 - 7:58พวกเขาทำสิ่งนี้ผ่านเครือข่าย
คณะผู้นำทางการเมืองยอดนิยม -
7:58 - 8:01อีกทั้งการใช้ประโยชน์จากการกระทำโดยตรง
รวมถึงโครงการชุมชนพึ่งพาตนเอง -
8:01 - 8:04ท้าท้ายความสามารถของอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง
-
8:04 - 8:07ที่จะปกครองเขตเวสต์แบงก์และกาซาต่อไป
-
8:08 - 8:10สอดคล้องกับกองทัพของอิสราเอลเองนั้น
-
8:10 - 8:16ร้อยละ 97 ของการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ
ช่วงอินติฟาเฎาะฮ์ครั้งที่หนึ่งก็ไม่ได้ติดอาวุธ -
8:17 - 8:21และนี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในส่วน
เรื่องเล่าของเราเกี่ยวกับช่วงเวลา -
8:21 - 8:2418 เดือนในเหตุการณ์อินติฟาเฎาะฮ์
-
8:24 - 8:28ผู้หญิงเป็นฝ่ายที่เรียกร้อง
ให้มีการถ่ายทำเบื้องหลังฉาก -
8:28 - 8:30ผู้หญิงชาวปาเลสไตน์จากทุกภาคส่วน
-
8:30 - 8:34เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ
การระดมกำลังนับร้อยนับพันคน -
8:34 - 8:37ในการร่วมแรงร่วมใจกันถอดถอน
ความยินยอมจากการยึดครอง -
8:39 - 8:44เนลา อาญาช ผู้อุตสาหะในการสร้าง
เศรษฐกิจพอเพียงของชาวปาเลสไตน์ -
8:44 - 8:49โดยการส่งเสริมให้ผู้หญิงในกาซา
ปลูกผักที่สวนหลังบ้านของพวกเธอ -
8:49 - 8:53เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ถือได้ว่าผิดกฎหมาย
โดยองค์การบริหารอิสราเอล ณ เวลานั้น -
8:54 - 8:58รีบีฮา เดียบ ผู้รับช่วงต่อ
อำนาจการตัดสินใจ -
8:58 - 8:59ในการลุกฮือทั้งหมดไว้
-
8:59 - 9:01เมื่อพวกผู้ชายที่ดำเนินการอยู่
-
9:01 - 9:02ถูกเนรเทศไป
-
9:03 - 9:09ฟาติมา อัล จาฟารี คนที่กลืนกินแผ่นใบปลิว
ที่มีคำสั่งชี้นำการลุกฮืออยู่ -
9:09 - 9:12เพื่อที่จะเผยแพร่คำสั่งเหล่านั้น
ให้ไปทั่วภูมิภาคดินแดน -
9:12 - 9:13โดยไม่ให้ถูกจับได้
-
9:15 - 9:16และซาหิรา คามัล
-
9:16 - 9:20ผู้ให้หลักประกันในการลุกฮือที่ยั่งยืน
-
9:20 - 9:21ด้วยการนำพาองค์กรหนึ่ง
-
9:21 - 9:26ที่เริ่มจากผู้หญิง 25 คนมาเป็น
3,000 คนภายในเวลาแค่ปีเดียว -
9:29 - 9:31ถึงกระนั้น การคว้าชัยชนะ
อย่างไม่ธรรมดาของพวกเธอ -
9:31 - 9:36กลับไม่มีผู้หญิงคนใดสามารถเป็นเรื่องเล่า
อินติฟาเฎาะฮ์ครั้งที่หนึ่งของเราได้เลยสักคน -
9:38 - 9:40เราทำแบบนี้กับส่วนอื่น ๆ ของโลกด้วยเช่นกัน
-
9:41 - 9:45ตัวอย่างเช่น ในหนังสือประวัติศาสตร์
และสำนึกร่วมของเรานั้น -
9:45 - 9:48ผู้ชายคือหน้าตาและกระบอกเสียงของสังคม
-
9:48 - 9:52สำหรับการต่อสู้ในยุคช่วงทศวรรษที่ 60
เพื่อความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติในสหรัฐฯ -
9:53 - 9:57แต่ผู้หญิงยังเป็นแรงขับเคลื่อนกำลังสำคัญ
-
9:57 - 10:00ในการระดมพล การจัดองค์กร
มุ่งหน้าไปตามท้องถนนต่าง ๆ -
10:01 - 10:03จะมีใครสักกี่คนในหมู่พวกเรา
ที่จะนึกถึงเซ็ปติมา คลาร์ก -
10:03 - 10:06เวลาเราคิดถึงยุคเรียกร้อง
สิทธิพลเมืองในสหรัฐอเมริกา -
10:08 - 10:09น้อยมากจนน่าแปลกใจ
-
10:11 - 10:15แต่เธอได้มีบทบาทสำคัญ
ในทุกระยะขั้นตอนของการยืนหยัดต่อสู้ -
10:15 - 10:19โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นหนักใน
การอ่านออกเขียนได้และการศึกษา -
10:19 - 10:21เธอถูกละเลย ถูกไม่แยแส
-
10:21 - 10:25ดังเช่นผู้หญิงมากมายเหลือเกิน
ที่ได้แสดงบทบาทสำคัญ -
10:25 - 10:27ในขบวนการสิทธิพลเมืองของสหรัฐฯ
-
10:30 - 10:32นี่ไม่ใช่เรื่องของการได้รับความไว้วางใจ
-
10:33 - 10:35มันลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
-
10:36 - 10:41เรื่องราวที่เราเล่าสำคัญอย่างยิ่ง
ว่าเรามองตัวเราเองกันอย่างไร -
10:41 - 10:43และเราเชื่อว่าความเคลื่อนไหวดำเนินไปอย่างไร
-
10:43 - 10:45และความเคลื่อนไหวต่าง ๆ มีชัยได้อย่างไร
-
10:46 - 10:49เรื่องที่เราเล่าเกี่ยวกับความเคลื่อนไหว
อย่างอินติฟาเฎาะฮ์ครั้งที่หนึ่ง -
10:49 - 10:51หรือยุคเรียกร้องสิทธิพลเมืองของสหรัฐฯ
-
10:51 - 10:55สำคัญอย่างลึกซึ้งและมีอิทธิพลอย่างแรงกล้า
-
10:55 - 10:58ต่อบรรดาทางเลือกของชาวปาเลสไตน์
-
10:58 - 10:59ชาวอเมริกัน
-
10:59 - 11:01และผู้คนทั่วโลกที่จะตัดสินใจเลือก
-
11:01 - 11:03ในครั้งต่อไป
ที่พวกเขาพบเจอกับความอยุติธรรม -
11:03 - 11:06และเพิ่มพูนความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน
-
11:07 - 11:11หากเราไม่ยกระดับผู้หญิงที่มีบทบาทสำคัญ
ในการยืนหยัดต่อสู้เหล่านี้ -
11:11 - 11:15เราก็ล้มเหลวที่จะมอบบุคคลให้เป็นแบบอย่าง
ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต -
11:16 - 11:19ปราศจากแบบอย่างเสียแล้ว ก็จะยากยิ่งขึ้น
-
11:19 - 11:22สำหรับผู้หญิงที่จะใช้พื้นที่อันชอบธรรม
-
11:22 - 11:24ในชีวิตสาธารณะ
-
11:25 - 11:27และตามที่เราได้เห็นมาก่อนหน้านี้
-
11:27 - 11:29หนึ่งในตัวแปรที่สำคัญที่สุด
-
11:29 - 11:33ในการตัดสิน ไม่ว่าขบวนการหนึ่ง
จะประสบความสำเร็จหรือไม่ -
11:34 - 11:38ก็คือ อุดมการณ์ของขบวนการ
ที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของสตรี -
11:38 - 11:39ในชีวิตสาธารณะ
-
11:40 - 11:42นี่คือคำถามหนึ่งที่ไม่ว่าเราจะมุ่งเดินหน้า
-
11:42 - 11:45เป็นสังคมที่สงบสันติ
และเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นต่อไปไหม -
11:47 - 11:50ในโลกที่ความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น
-
11:50 - 11:54และที่ที่ความเปลี่ยนแปลงจะผูกพันดำเนินต่อไป
ในก้าวย่างที่รวดเร็วมากขึ้น -
11:55 - 11:59มันไม่ใช่คำถามที่ว่า
เราจะเผชิญหน้าความขัดแย้งกันหรือเปล่า -
12:00 - 12:01แต่เป็นคำถามซึ่ง
-
12:01 - 12:05เรื่องราวต่าง ๆ จะกำหนดให้
-
12:05 - 12:08เราเลือกที่จะเปิดฉากการต่อสู้อย่างไร
กันมากกว่า -
12:09 - 12:10ขอบคุณค่ะ
-
12:10 - 12:15(เสียงปรบมือ)
- Title:
- สตรีเปิดฉากการต่อสู้โดยปราศจากความรุนแรงได้อย่างไร
- Speaker:
- จูเลีย บาฌา (Julia Bacha)
- Description:
-
คุณกำลังเตรียมการจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้อยู่หรือเปล่า นี่คือสถิติที่คุณควรรู้
การรณรงค์ด้วยสันติวิธีมีโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จได้มากกว่าการรณรงค์ที่ใช้ความรุนแรงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วเหตุใดกลุ่มทั้งหลายจึงไม่ใช้มันให้มากขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับความขัดแย้งกันเล่า
จูเลีย บาฌา ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ได้นำเรื่องราวของการต่อต้านด้วยสันติวิธีอย่างได้ผลมานำเสนอ รวมไปถึงงานวิจัยที่เผยมุมมองใหม่ ๆ ในเรื่องบทบาทภาวะผู้นำตัวสำคัญที่สตรีเป็นผู้สวมบทเล่น - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 12:27
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How women wage conflict without violence | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for How women wage conflict without violence | ||
Rawee Ma accepted Thai subtitles for How women wage conflict without violence | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for How women wage conflict without violence | ||
Retired user edited Thai subtitles for How women wage conflict without violence | ||
Retired user edited Thai subtitles for How women wage conflict without violence | ||
Retired user edited Thai subtitles for How women wage conflict without violence | ||
Retired user edited Thai subtitles for How women wage conflict without violence |