ใช่ค่ะ ดิฉันรอดชีวิตจากโรคมะเร็ง แต่นั่นก็ไม่ได้นิยามตัวตนของดิฉัน
-
0:01 - 0:05ดิฉันเพิ่งจะได้พบคุณบนรถบัส
-
0:05 - 0:07และเราก็อยากรู้จักกันมากๆนะคะ
-
0:07 - 0:10แต่ดิฉันต้องลงป้ายหน้าแล้วล่ะค่ะ
-
0:10 - 0:11เช่นนั้นแล้ว
-
0:11 - 0:12คุณช่วยเล่าเรื่องของคุณ
-
0:12 - 0:13ให้ดิฉันฟัง
-
0:13 - 0:14สักสามเรื่องนะคะ
-
0:14 - 0:18เรื่องที่บอก
ถึงตัวตนของคุณ -
0:18 - 0:20สามอย่าง
ที่เกี่ยวกับคุณ -
0:20 - 0:23ที่จะช่วยให้ดิฉันเข้าใจ
ว่าคุณเป็นใครอย่างไร -
0:23 - 0:27สามเรื่องที่เป็นตัวตนของคุณจริงๆ
-
0:27 - 0:30แล้ว ดิฉันก็นึกสงสัยว่า
-
0:30 - 0:34ในสามเรื่องนั้น
-
0:34 - 0:36จะมีสักเรื่องหรือเปล่า
-
0:36 - 0:41ที่เป็นเรื่องที่คุณรอดชีวิต
จากอุบัติเหตุ -
0:41 - 0:46รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง
รอดจากการโดนข่มขื่น -
0:46 - 0:48รอดชีวิตจากค่ายกักกันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
-
0:48 - 0:51รอดจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
จากคนในครอบครัว -
0:51 - 0:55เคยสังเกตุกันมั้ยคะว่า
เรามักจะอธิบายตัวตนของเรา -
0:55 - 0:57จากบาดแผลที่เรามี
-
0:57 - 1:02และที่ที่ ดิฉันได้เห็น
ความเป็นผู้รอดชีวิตเหล่านี้ -
1:02 - 1:04แสดงออกมามากที่สุด
-
1:04 - 1:07ก็คือสังคมของผู้ป่วยมะเร็ง
-
1:07 - 1:08ตัวดิฉันเอง
ก็อยู่ในสังคมนี้ -
1:08 - 1:10มานานนะคะ
-
1:10 - 1:11เพราะดิฉันเป็น
อนุศาสนาจารย์ -
1:11 - 1:12ในศูนย์ดูแลผู้ป่วย
ระยะสุดท้าย -
1:12 - 1:13และโรงพยาบาล
-
1:13 - 1:16มาเกือบ 30 ปี
-
1:16 - 1:22ในปี 2005
ดิฉันทำงานอยู่ในศูนย์มะเร็งขนาดใหญ่ -
1:22 - 1:24ซึ่งนั่น
เป็นตอนที่ดิฉันได้ทราบข่าว -
1:24 - 1:28ว่าแม่ของดิฉันเป็นมะเร็งเต้านม
-
1:28 - 1:30และ 5 วันต่อมา
-
1:30 - 1:35ดิฉันก็ได้ทราบว่า
ดิฉันก็เป็นมะเร็งเต้านม -
1:35 - 1:38ดิฉันกับแม่
เป็นพวกชอบแข่งขันน่ะค่ะ -
1:38 - 1:40(หัวเราะ)
-
1:40 - 1:41แต่ดิฉันไม่ได้อยากจะแข่งกับแม่
-
1:41 - 1:44ในเรื่องนี้เลยจริงๆนะคะ
-
1:44 - 1:46อันที่จริงแล้ว คือ
ดิฉันคิดว่า -
1:46 - 1:48ถ้าเกิดจะเป็นมะเร็งขึ้นมา
-
1:48 - 1:50ก็สะดวกมากเลย
ที่ได้ทำงาน -
1:50 - 1:51ในที่ที่ใช้รักษามะเร็ง
-
1:51 - 1:52แต่ที่ดิฉันได้ยินบ่อยๆ
-
1:52 - 1:55จากคนที่ไม่ค่อยเข้าใจ คือ
-
1:55 - 1:55อะไรนะคะ?
-
1:55 - 1:57คุณเป็นอนุศาสนาจารย์นะคะ
-
1:57 - 2:00คุณน่าจะมีภูมิคุ้มกันสิคะ
-
2:00 - 2:01ถ้าเปรียบกับการขับรถ
-
2:02 - 2:03เหมือนว่า ดิฉันควรจะโดนเรียกตักเตือน
-
2:03 - 2:04มากกว่าโดนใบสั่ง
-
2:04 - 2:08เพราะว่าดิฉันเป็นคนในน่ะค่ะ
-
2:08 - 2:11แล้วดิฉันก็รักษามะเร็ง
ที่ศูนย์ที่ดิฉันทำงานนั่นล่ะค่ะ -
2:11 - 2:13ซี่งสะดวกสบายมากนะคะ
-
2:13 - 2:16ดิฉันรับยาเคมีบำบัด
-
2:16 - 2:18ตัดเต้านม และเสริมเต้านมโดยถุงน้ำเกลือ
-
2:18 - 2:20และก่อนที่ดิฉัน
จะพูดอะไรต่อไป -
2:20 - 2:21ดิฉันขอบอกก่อนเลยนะคะ
-
2:21 - 2:25ข้างนี้ของปลอมค่ะ (หัวเราะ)
-
2:25 - 2:28ดิฉันรู้ว่าดิฉันต้องรีบบอกค่ะ
-
2:28 - 2:30เพราะดิฉันมักจะได้ยินคนพูดว่า
-
2:30 - 2:32โอ้ ฉันรู้ว่าข้างนั้นล่ะ
-
2:32 - 2:34แล้วดิฉันก็จะขยับ
หรือไม่ก็ทำท่าสักอย่าง -
2:34 - 2:35แล้วพวกเขาก็จะ
-
2:35 - 2:37ไม่ๆ อีกข้างนึงต่างหาก
-
2:37 - 2:40งั้นตอนนี้คุณรู้แล้วนะคะ
-
2:40 - 2:42ดิฉันเรียนรู้เยอะเลยค่ะ
จากตอนที่เป็นคนไข้ -
2:42 - 2:43และสิ่งที่ทำให้ดิฉันแปลกใจก็คือ
-
2:43 - 2:47มีประสบการณ์แค่ส่วนน้อยเท่านั้น
ของการเป็นมะเร็ง -
2:47 - 2:49ที่เกี่ยวกับการแพทย์
-
2:49 - 2:54ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความรู้สึก
และความศรัทธา -
2:54 - 2:56การสูญเสียและการค้นพบ
ตัวตนของคุณ -
2:56 - 2:58การค้นพบ ความเข้มแข็ง
-
2:58 - 3:02และความสามารถในการปรับตัว
ที่คุณไม่เคยรู้ว่ามี -
3:02 - 3:04ที่ได้ประจักษ์ว่า
-
3:04 - 3:07สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
-
3:07 - 3:10ไม่ใช่สิ่งของเลยค่ะ
แต่เป็นความสัมพันธ์ต่างหาก -
3:10 - 3:15มันเกี่ยวกับการ
หัวเราะใส่หน้าความไม่แน่นอน -
3:15 - 3:16และเรียนรู้ว่า
-
3:16 - 3:18วิธีที่ดิฉันจะปลอดโปร่งโล่งใจเกือบที่สุด
-
3:18 - 3:22คือการพูดว่า
"ฉันเป็นมะเร็ง" -
3:22 - 3:25และสิ่งที่ดิฉัน
ได้เรียนรู้คือ -
3:25 - 3:28ดิฉันไม่จำเป็นต้องรับเอา
ความเป็น "ผู้รอดชีวิตจากมะเร็ง" -
3:28 - 3:30มาเป็นตัวตนของดิฉัน
-
3:30 - 3:34แต่ว่า คุณคะ
มันมีแรงผลักดันมากมาย -
3:34 - 3:37ที่จะให้ดิฉันรับมา
-
3:37 - 3:42พวกคุณอย่าเพิ่งเข้าใจดิฉันผิดนะคะ
-
3:42 - 3:44องกรณ์มะเร็งทั้งหลาย
-
3:44 - 3:45และแรงผลักดันสำหรับ
-
3:45 - 3:46การคัดกรองโรคมะเร็งในระยะแรกเริ่ม
-
3:46 - 3:48การรณรงค์เรื่องโรคมะเร็ง
และการวิจัยเรื่องโรคมะเร็ง -
3:48 - 3:50ได้ทำให้โรคมะเร็ง
กลายเป็นเรื่องธรรมดา -
3:50 - 3:52และนี่เป็นสิ่งที่
วิเศษมากนะคะ -
3:52 - 3:54ปัจจุบันเราสามารถ
พูดถึงโรคมะเร็งได้ -
3:54 - 3:56โดยที่ไม่ต้องกระซิบกระซาบ
-
3:56 - 4:00เราสามารถคุยเรื่องโรคมะเร็งได้
และเราสามารถช่วยเหลือกันได้ -
4:00 - 4:03แต่ในบางที ก็รู้สึกว่า
-
4:03 - 4:05บางคนก็ เยอะ เกินไปนะคะ
-
4:05 - 4:10และพวกเขาเริ่มบอกว่า
เราควรจะต้องรู้สึกยังไง -
4:10 - 4:13ประมาณหนึ่งสัปดาห์
หลังจากการผ่าตัดของดิฉัน -
4:13 - 4:16เรามีแขกมาพักที่บ้าน
-
4:16 - 4:19ซึ่งนั่นน่าจะเป็นความผิดพลาด
ครั้งแรกของเรา -
4:19 - 4:20อย่าลืมนะคะว่า
-
4:20 - 4:22ณ จุดนี้ของชีิวิตดิฉัน
-
4:22 - 4:26ดิฉันเป็นอนุศาสนาจารย์ในโรงพยาบาล
มานานกว่า 20 ปี -
4:26 - 4:28และเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นความตาย
-
4:28 - 4:30ความหมายของชีวิต
-
4:30 - 4:33เป็นเรื่องที่ดิฉันวุ่นวายด้วย
มาตลอดชีวิตเลยนะคะ -
4:33 - 4:35และตอนอาหารค่ำคืนนั้น
-
4:35 - 4:38แขกของเราก็ยืดแขนของเขา
ขึ้นเหนือศีรษะ -
4:38 - 4:41แล้วพูดว่า
"คุณรู้มั้ย, เด๊บ, -
4:41 - 4:45ตอนนี้น่ะ คุณกำลังเรียนรู้จริงๆว่า
อะไรสำคัญ -
4:45 - 4:48อื้มม, คุณกำลังจะมี
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ -
4:48 - 4:49ในชีวิตของคุณ,
-
4:49 - 4:53แล้ว คุณก็จะเริ่มคิดถึง
ความตายของคุณเอง -
4:53 - 4:57ช่าย, ที่คุณเป็นมะเร็งเนี่ย
คือสัญญาณเตือนชั้นเลิศเลยนะ" -
4:59 - 5:01ใช่ค่ะ นี่คือเรื่องเดี่ยวไมโครโฟน
ชิ้นโบว์แดง -
5:01 - 5:03จากคนที่กำลังพูดถึง
-
5:03 - 5:06ประสบการณ์ของตัวเอง
-
5:06 - 5:07แต่ว่า ถ้ามีใครบอกมาคุณ
-
5:07 - 5:10ว่าคุณควรจะรู้สึกว่ายังไงละคะ
-
5:10 - 5:12มันกลายเป็นความบ้าบอ
ในทันทีทันใดเลยค่ะ -
5:12 - 5:15เหตุผลเดียวที่ดิฉัน
ไม่ได้ฆ่าเขา -
5:15 - 5:17ด้วยมือเปล่า
-
5:17 - 5:21เป็นเพราะว่า
ดิฉันยังยกแขนขวาไม่ได้น่ะค่ะ -
5:21 - 5:26แต่ดิฉันก็พูดอะไรไม่น่ารักกับเขาไปนะคะ
-
5:26 - 5:28และตามด้วยคำพูดแบบธรรมดาๆ
ที่ทำให้ -
5:28 - 5:30(หัวเราะ)
-
5:30 - 5:33สามีดิฉันบอกเขาว่า
"ภรรยาผมเมายาแก้ปวดครับ" -
5:33 - 5:35(หัวเราะ)
-
5:35 - 5:37ซึ่งหลังจากที่ดิฉัน
รับการรักษาเรียบร้อยนะคะ -
5:37 - 5:38ดูเหมือน
-
5:38 - 5:41ทุกคนจะคอยบอกดิฉันว่าประสบการณ์
ที่ดิฉันได้เจอมาเป็นยังไง -
5:41 - 5:44"โอ้, งั้นแปลว่าคุณจะไปเดินรณรงค์
ด้วยใช่มั้ยครับ" -
5:44 - 5:45"โอ้, งั้นแปลว่าคุณจะมาร่วม
-
5:45 - 5:46งานเลี้ยงอาหารกลางวันใช่มั้ยคะ"
-
5:46 - 5:47"ถ้าอย่างนั้นคุณจะต้องติด
-
5:47 - 5:49ริบบิ้นสีชมพู ใส่เสื้อสีชมพู
-
5:49 - 5:51มีผ้าคาดหัวชมพู มีต่างหูชมพู
-
5:51 - 5:55สร้อยคอสีชมพู แล้วก็กางเกงในสีชมพูด้วยสิ"
-
5:55 - 5:58กางเกงใน พูดจริงรึเปล่าคะเนี่ย
หาดูในกูเกิ้ลแล้วยังคะ -
5:58 - 6:00(หัวเราะ)
-
6:00 - 6:02อันนั้นจะช่วยณรงค์เรื่องมะเร็งยังไงคะเนี่ย
-
6:02 - 6:04สามีเป็นคนเดียวที่น่าจะได้เห็น
กางเกงในของดิฉันนะคะ -
6:04 - 6:06(หัวเราะ)
-
6:06 - 6:10และเขาก็รู้เรื่องโรคมะเร็งพอสมควรแล้วค่ะ
-
6:10 - 6:13มันเป็นช่วงที่ดิฉันคิดว่า "พระเจ้าเจ้าคะ
-
6:13 - 6:16เรื่องนี้มันขโมยชีวิตลูกไปเลยนะเจ้าคะ"
-
6:16 - 6:18และนั่นเป็นตอนที่ดิฉันบอกตัวเองว่า
-
6:18 - 6:21เธอต้องครอบครองประสบการณ์ของเธอสิ
-
6:21 - 6:25อย่าให้มันครอบงำเธอ
-
6:25 - 6:27เราทุกคนต่างรู้ดีว่า
-
6:27 - 6:31วิธีที่จะรับมือกับความบาดเจ็บ สูญเสีย
-
6:31 - 6:34กับประสบการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนชีวิตเรา
-
6:34 - 6:36คือการค้นหาความหมาย
-
6:36 - 6:38แต่ปัญหาก็คือว่า
-
6:38 - 6:40ใครก็บอกเราไม่ได้นะคะ
-
6:40 - 6:43ว่าประสบการณ์ของเรา
ตีความว่าอย่างไร -
6:43 - 6:46เราต้องตีความมันเอง
-
6:46 - 6:48และมันก็ไม่จำเป็นต้อง
เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ -
6:48 - 6:50หรือต้องประกาศให้โลกรู้นะคะ
-
6:50 - 6:52เราไม่จำเป็นต้องตั้งมูลนิธิ
-
6:52 - 6:55หรือองกรณ์ หรือเขียนหนังสือ
-
6:55 - 6:58หรือทำสารคดีก็ได้นะคะ
-
6:58 - 7:00ความหมายจะเป็นอะไรเงียบๆก็ได้
-
7:00 - 7:03หรือเป็นเรื่องของเราคนเดียว
-
7:03 - 7:09บางที การตัดสินใจเล็กๆ
เกี่ยวกับชีิวิตของเรา -
7:09 - 7:14ก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
-
7:14 - 7:16หลายปีก่อน คนไข้ของดิฉัน
-
7:16 - 7:18หนุ่มน้อยที่น่ารักมาก
-
7:18 - 7:20เขาเป็นที่รักของทีมแพทย์
-
7:20 - 7:21และเราก็ตกใจมาก
-
7:21 - 7:23ที่ได้ทราบว่า
-
7:23 - 7:27เขาไม่มีเพื่อนเลย
-
7:27 - 7:29เขาอยู่คนเดียวนะคะ
-
7:29 - 7:33มารับยาเคมีบำบัดคนเดียว
-
7:33 - 7:35เขาจะมารับการรักษา
-
7:35 - 7:39และเดินกลับบ้านคนเดียว
-
7:39 - 7:41ดิฉันจึงพูดกับเขาว่า "ตัวเธอ
-
7:41 - 7:43ทำไมถึงไม่เคยพาเพื่อนมาด้วยเลยละจ๊ะ"
-
7:43 - 7:48เขาพูดว่า "ผมไม่ค่อยมีเพื่อนหรอกฮะ"
-
7:48 - 7:50แต่เขามีเพื่อนเยอะนะคะ
ที่ชั้นให้ยาทางเส้นเลือด -
7:50 - 7:55เรารักเขากันทุกคนค่ะ
มีคนเดินเข้าออกห้องเขาตลอดเวลา -
7:55 - 7:58และ ตอนที่เขามารับ
ยาเคมีบำบัดครั้งสุดท้าย -
7:58 - 7:59พวกเราร้องเพลงให้เขา
-
7:59 - 8:02เราสวมมงกุฏให้เขา
เป่าฟองลูกโป่ง -
8:02 - 8:04และดิฉันก็ถามเขาว่า
-
8:04 - 8:09"หลังจากนี้ เธอจะทำอะไรต่อล่ะ"
-
8:09 - 8:11และเขาก็ตอบว่า
-
8:11 - 8:12"หาเพื่อนฮะ"
-
8:12 - 8:14และเขาก็ทำได้ค่ะ
-
8:14 - 8:18เขาเริ่มทำงานอาสาสมัคร
และรู้จักเพื่อนใหม่ที่นั่น -
8:18 - 8:21เขาเริ่มไปโบสถ์
และมีเพื่อนใหม่ที่โบสถ์ -
8:21 - 8:24เขาเชิญดิฉันกับสามีไปงานเลี้ยง
คริสมาสต์ที่อพาร์ตเมนต์ -
8:24 - 8:29ที่นั่นมีเพื่อนของเขา
อยู่เต็มเลยค่ะ -
8:29 - 8:31จงครอบครองประสบการณ์
-
8:31 - 8:33อย่าให้มันครอบงำคุณ
-
8:33 - 8:37เขาตัดสินใจว่า
ประสบการณ์นี้ของเขา -
8:37 - 8:41คือการได้เรียนรู้
ความสุขของมิตรไมตรี -
8:41 - 8:46และเรียนรู้จะมีเพื่อนใหม่ๆ
-
8:46 - 8:50แล้วคุณละคะ
-
8:50 - 8:52คุณจะหาความหมาย
-
8:52 - 8:55จากประสบการณ์ห่วยแตกของคุณอย่างไร
-
8:55 - 8:56อาจจะเป็นเรื่องล่าสุดก็ได้
-
8:56 - 8:58หรืออาจจะเป็นเรื่องที่คุณแบกไว้
-
8:58 - 9:02มาแสนนาน
-
9:02 - 9:07มันไม่สายเกินไปหรอกค่ะ
ที่จะเปลี่ยนความหมาย -
9:07 - 9:09เพราะความหมาย
เป็นสิ่งที่ลื่นไหล -
9:09 - 9:11ความหมายอย่างหนึ่งวันนี้
-
9:11 - 9:13ใน 1 ปีให้หลัง อาจไม่เหมือนเดิม
-
9:13 - 9:16หรืออีก 10 ปี จากนี้ไป
-
9:16 - 9:18มันไม่สายเกินไปที่จะเป็นอะไรที่มากกว่า
-
9:18 - 9:22แค่ ผู้รอดชีวิต
-
9:22 - 9:25ฟังดูสิคะว่าคำนี้มันแน่นิ่งแค่ไหน
-
9:25 - 9:27ผู้รอดชีวิต
-
9:27 - 9:31ไม่มีการเคลื่อนไหว
ไม่มีการเติบโต -
9:31 - 9:33จงครอบครองประสบการณ์
-
9:33 - 9:36อย่าให้มันครอบงำคุณ
เพราะถ้าคุณปล่อยให้เป็นเช่นนั้น -
9:36 - 9:39ดิฉันมั่นใจ ว่าคุณจะติดกับดัก
-
9:39 - 9:45คุณจะไม่เติบโต
ไม่พัฒนา -
9:45 - 9:48ใช่ค่ะ ในบางครั้ง
มันก็ไม่ใช่แรงกดดันภายนอกหรอกค่ะ -
9:48 - 9:53ที่ทำให้เรายอมรับตัวตน
ของการเป็นผู้รอดชีวิต -
9:53 - 9:57บางครั้ง เราก็ชอบที่จะเป็นจุดสนใจ
-
9:57 - 10:00บางคราว มันก็เป็นรางวัล
-
10:00 - 10:04แต่แล้ว เราก็จะติดอยู่ตรงนั้น
-
10:04 - 10:06สิ่งแรกๆ ที่ดิฉันได้เรียนรู้
-
10:06 - 10:10ตอนเป็นอนุศาสนาจารย์ฝึกหัด คือ
3 อ. -
10:10 - 10:12ในอาชีพอนุศาสนาจารย์
-
10:12 - 10:16(ความ)อบอุ่นใจ (การ)อธิบาย
และถ้าหากจำเป็น -
10:16 - 10:19ก็ให้(พูด)อัดไปตรงๆ
-
10:19 - 10:21หรือให้ท้าทายความคิด
-
10:21 - 10:23เราทุกคนชอบความอุ่นใจ
-
10:23 - 10:25และการอธิบายนะคะ
-
10:25 - 10:30แต่ไม่ค่อยชอบ การที่ต้องอัดกันตรงๆ
สักเท่าไหร่ -
10:30 - 10:32อย่างหนึ่งที่ดิฉันชอบมาก
-
10:32 - 10:35จากการทำงานเป็นอนุศาสนาจารย์
ก็คือ -
10:35 - 10:39การได้เจอคนไข้
สักปีหรือหลายๆปี -
10:39 - 10:41หลังจากที่จบการรักษา
-
10:41 - 10:42นั่นเพราะว่า
-
10:42 - 10:43มันยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ
-
10:43 - 10:45ที่ได้เห็นพวกเขาเปลี่ยนแปลง
-
10:45 - 10:46เห็นว่าชีวิตพวกเขา
ดีขึ้นอย่างไร -
10:46 - 10:48และได้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
กับพวกเขาบ้าง -
10:48 - 10:50มีวันหนึ่งค่ะ
ที่ดิฉันปลื้มใจมาก -
10:50 - 10:53มีข้อความแจ้งให้ดิฉันลงไป
ที่ชั้นล็อบบี้ของคลินิก -
10:53 - 10:56ซึ่งข้อความนี้มาจากคนไข้
ที่ดิฉันเคยพบเมื่อหลายปีก่อน -
10:56 - 10:59เธอมากับลูกสาวสองคน
ที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว -
10:59 - 11:03ซึ่งดิฉันก็รู้จักจากช่วงหนึ่งปีนี้
ที่มาตรวจติดตามการรักษา -
11:03 - 11:06ดิฉันก็ลงไปที่ล็อบบี้ค่ะ
ตอนนั้นพวกเขากำลังแฮปปี้มากๆ -
11:06 - 11:09เพราะคนไข้เพิ่งได้ทราบ
ผลการตรวจทั้งหมด -
11:09 - 11:15และเธอ ม.พ.ห.ร.
ไม่พบหลักฐานของโรค -
11:15 - 11:20ซึ่งดิฉันเคยคิดว่าแปลว่า
ไม่ตายพรุ่งนี้หรือมะรืน -
11:20 - 11:25คือพวกเขาก็แฮปปี้มากค่ะ
เราเลยนั่งคุยกัน -
11:25 - 11:28และมันก็แปลกมากนะคะ
เพราะว่า -
11:28 - 11:29ใน 2 นาทีที่เราเริ่มคุยกัน
-
11:29 - 11:32คนไข้ก็เริ่มเล่าเรื่องเก่าๆให้ดิฉันฟัง
-
11:32 - 11:33ว่าเธอรู้ว่าเธอเป็นมะเร็งได้อย่างไร
-
11:33 - 11:36การผ่าตัดและยาเคมีบำบัดเป็นอย่างไร
-
11:36 - 11:40ทั้งๆที่ดิฉันเป็นอนุศาสนาจารย์
ที่เจอเธอทุกสัปดาห์ -
11:40 - 11:43ทั้งๆที่ดิฉันก็รู้เรื่องนี้นะคะ
-
11:43 - 11:46และเธอเลือกใช้คำเช่นว่า
ทนทุกข์ทรมาน -
11:46 - 11:50สุดแสนเศร้าหมอง
ต้องตรากตรำ -
11:50 - 11:52และเธอก็ลงท้าย
เรื่องของเธอด้วย -
11:52 - 11:57"ฉันรู้สึกเหมือนโดนตรึงกางเขน"
-
11:57 - 12:00และตอนนั้นเองค่ะ ที่ลูกสาวของเธอ
ลุกขึ้นและบอกว่า -
12:00 - 12:04"ไปซื้อกาแฟก่อนนะคะ"
-
12:04 - 12:07แล้วก็ไปค่ะ
-
12:07 - 12:10เล่าให้ดิฉันฟังสักสามเรื่อง
ก่อนจะถึงป้ายหน้าสิคะ -
12:10 - 12:12หลายๆคนลุกออกไปก่อน
ที่เธอจะเล่าถึง -
12:12 - 12:18เรื่องที่สอง ที่สาม
-
12:18 - 12:21ดิฉันก็เลยยื่นทิชชู่ให้
-
12:21 - 12:25และกอดเธอ
-
12:25 - 12:28เพราะดิฉันรู้สึกเป็นห่วงเธอมาก
-
12:28 - 12:30ดิฉันเลยบอกเธอว่า
-
12:30 - 12:33"ลงมาจากไม้กางเขนสิคะ"
-
12:33 - 12:37และเธอพูดว่า "ว่าอะไรนะคะ"
-
12:37 - 12:42ดิฉันก็เลยพูดซ้ำ
"ลงมาจากไม้กางเขนเถอะค่ะ" -
12:42 - 12:47มันเป็นเครดิตของเธอนะคะ
เธอสามารถอ้างเหตุผล -
12:47 - 12:52ที่จะรับเอาตัวตนนี้และยึดมันไว้
-
12:52 - 12:54เพราะมันทำให้เธอเป็นจุดสนใจ
-
12:54 - 12:57หลายๆคนดูแลเธอเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
-
12:57 - 13:01แต่ตอนนี้ ผลลัพท์มันตรงกันข้ามค่ะ
-
13:01 - 13:03มันเป็นการผลักไสคนอื่นๆออกไป
-
13:03 - 13:07หลายๆคนจึงเลือกเดินออกไปซื้อกาแฟ
-
13:07 - 13:11เธอรู้สึกว่าเธอโดนตรึงกางเขน
จากประสบการณ์ของเธอ -
13:11 - 13:17แต่เธอไม่ยอมปล่อยให้ตัวเธอ
ที่โดนตรึงกางเขนนั้นตาย -
13:17 - 13:20ตอนนี้ คุณอาจจะรู้สึกว่า
-
13:20 - 13:23ดิฉันอาจจะโหดกับเธอไปสักหน่อย
-
13:23 - 13:25ดิฉันขอบอกกับพวกคุณว่า
-
13:25 - 13:29ดิฉันพูดจากประสบการณ์ตรงค่ะ
-
13:29 - 13:32หลายปีก่อน
-
13:32 - 13:35ดิฉันโดนไล่ออก
จากงานที่ดิฉันรัก -
13:35 - 13:39และดิฉันไม่เคยหยุดเล่าถึง
ความบริสุทธิ์ของตัวเอง -
13:39 - 13:42และความอยุติธรรม การหักหลัง
และความหลอกลวง -
13:42 - 13:44จนในที่สุด
เหมือนเธอคนนี้เลยค่ะ -
13:44 - 13:45หลายๆคนเลือกจะเดินหนีดิฉัน
-
13:45 - 13:49จนเมื่อดิฉันคิดได้ว่า
-
13:49 - 13:52ดิฉันไม่ได้แค่กำลัง
ประมวลความรู้สึกของตัวเอง -
13:52 - 13:55แต่ดิฉันกำลังให้อาหารพวกมัน
-
13:55 - 13:59ดิฉันไม่ต้องการให้ตัวดิฉัน
ที่โดนตรึงกางเขนตาย -
13:59 - 14:05เราทุกคนก็คงรู้ว่า
การจะฟื้นคืนชีพได้นั้น -
14:05 - 14:07เราจำเป็นต้องตายก่อนนะคะ
-
14:07 - 14:09เรื่องเล่าของคริสต์ชน
กล่าวว่า -
14:09 - 14:12พระเยซูสิ้นพระชนม์ในสุสาน
อยู่หนึ่งวันเต็มๆ -
14:12 - 14:15ก่อนที่จะฟื้นคืนพระชนม์
-
14:15 - 14:17และดิฉันเชื่อว่า
สำหรับเรา -
14:17 - 14:19การอยู่ในสุสาน
-
14:19 - 14:23อาจหมายถึงการพิจารณาจิตใจอย่างหนัก
-
14:23 - 14:25ในเรื่องแผลของเรา
-
14:25 - 14:30และยอมให้ตัวเรา
ได้รับการเยียวยา -
14:30 - 14:33เราต้องยอมให้ ตัวเรา
ที่โดนตรึงกางเขนนั้น ตายไป -
14:33 - 14:36เพื่อที่ตัวตนใหม่
ตัวตนจริงแท้ของเรา -
14:36 - 14:39จะได้ถือกำเนิด
-
14:39 - 14:42เราต้องยอมปล่อย
เรื่องเก่าๆทิ้งไป -
14:42 - 14:46เพื่อให้เรื่องใหม่
เรื่องที่แท้จริงยิ่งกว่า -
14:46 - 14:49ได้ถูกกล่าวถึง
-
14:49 - 14:55จงครอบครองประสบการณ์
อย่าให้มันครอบงำคุณ -
14:55 - 14:57ถ้าหาก ไม่มี ผู้รอดชีวิตละคะ
-
14:57 - 15:00หมายถึง ถ้าหากหลายๆคน
ตัดสินใจ -
15:00 - 15:03ตีความการบาดเจ็บ
เป็นเพียง ประสบการณ์ -
15:03 - 15:07แทนที่จะให้มันกลายเป็น ตัวตน
-
15:07 - 15:09นั่นอาจจะเป็น จุดสิ้นสุด
-
15:09 - 15:11ของการติดอยู่ในบาดแผลของเรา
-
15:11 - 15:15และเป็นการเริ่มต้นที่เยี่ยมยอด
-
15:15 - 15:19ของการสำรวจตัวเอง การค้นพบ
และการเติบโต -
15:19 - 15:24มันอาจจะเป็นการเริ่มต้น
การนิยามตัวเรา -
15:24 - 15:26ด้วยตัวตนเราได้เป็น
-
15:26 - 15:30และตัวตนที่เราจะเป็นได้ในกาลถัดไป
-
15:30 - 15:36บางที การเป็นผู้รอดชีวิต
อาจจะไม่ใช่ -
15:36 - 15:41หนึ่งในสามเรื่อง
ที่คุณอยากเล่าให้ดิฉันฟัง -
15:41 - 15:43ไม่เป็นไรค่ะ
-
15:43 - 15:45ดิฉันขอบอกกับพวกคุณทุกคนว่า
-
15:45 - 15:49ดิฉันรู้สึกยินดีมาก
ที่เราได้ขึ้นรถบัสคันเดียวกัน -
15:49 - 15:53และดิฉันต้องลงป้ายนี้แล้วล่ะค่ะ
-
15:53 - 15:58(ปรบมือ)
- Title:
- ใช่ค่ะ ดิฉันรอดชีวิตจากโรคมะเร็ง แต่นั่นก็ไม่ได้นิยามตัวตนของดิฉัน
- Speaker:
- เดบร้า จารวิส
- Description:
-
เดบร้า จารวิส เป็นอนุศาสนาจารย์ในโรงพยาบาล นานเกือบ 30 ปี เมื่อตอนที่เธอได้รู้ว่าเธอเป็นมะเร็ง และเธอก็ได้เรียนรู้หลายๆอย่างจากการเป็นผู้ป่วย
ในทอล์คที่หลักแหลมและท้าทายนี้ เธอพูดถึงเรื่อง ตัวตนของ "การเป็นผู้รอดชีวิต" ว่าให้ความรู้สึกที่ นิ่งเรียบ เธอชวนให้เรานึกถึงประสบการณ์ที่ยากลำบาก ขณะเดียวกัน ก็ให้ช่องว่างให้ตัวเองได้เติบโตและพัฒนา - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 16:09
TED Translators admin approved Thai subtitles for Yes, I survived cancer. But that doesn't define me | ||
Ditt Thamma accepted Thai subtitles for Yes, I survived cancer. But that doesn't define me | ||
Ditt Thamma edited Thai subtitles for Yes, I survived cancer. But that doesn't define me | ||
Ditt Thamma edited Thai subtitles for Yes, I survived cancer. But that doesn't define me | ||
Ditt Thamma edited Thai subtitles for Yes, I survived cancer. But that doesn't define me | ||
Ditt Thamma edited Thai subtitles for Yes, I survived cancer. But that doesn't define me | ||
Ditt Thamma edited Thai subtitles for Yes, I survived cancer. But that doesn't define me | ||
Ditt Thamma edited Thai subtitles for Yes, I survived cancer. But that doesn't define me |