ทำไมต้องจูบกันใต้ช่อมิสเซิลโทด้วยนะ - คาลอส ริฟ (Carlos Reif)
-
0:07 - 0:10เห็นช่อมิสเซิลโทแล้ว
อาจทำให้คุณรู้สึกกลัว -
0:10 - 0:12หรือถ้าคุณกำลังแอบชอบใครอยู่
-
0:12 - 0:15คุณก็อาจกำลังรอโอกาสที่จะ
ไปยืนอยู่ใต้ผลสีขาวราวหิมะของมัน -
0:15 - 0:19แต่ธรรมเนียมการจูบกันใต้ช่อมิสเซิลโท
ตอนช่วงเทศกาลคริสต์มาสนั้น -
0:19 - 0:20มาจากไหน
-
0:20 - 0:24แนวทางปฏิบัติที่มีมาอย่างยาวนานนี้
ประสานเทวตำนานและชีววิทยา -
0:24 - 0:26ของพืชที่มีสเน่ห์นี้เข้าด้วยกัน
-
0:26 - 0:29มิสเซิลโทมีมากกว่า 1,000 สายพันธ์ุ
-
0:29 - 0:31ซึ่งเติบโตอยู่ทั่วโลก
-
0:31 - 0:34อันที่จริง ชาวยุโรปโบราณ
-
0:34 - 0:36หลงใหลพฤติกรรมการเจริญเติบโต
ที่ไม่ธรรมดาของพืชชนิดนี้อย่างมาก -
0:36 - 0:39จนพวกเขานำมัน
ไปผนวกไว้ในจารึกและตำนาน -
0:39 - 0:41ในโรมันโบราณ
-
0:41 - 0:44"พลินี" ผู้อาวุโส อธิบายว่าบรรดา
พระดรูอิดในยุคอังกฤษโบราณ -
0:44 - 0:49เชื่อว่ามิสเซิลโทเป็นพืชที่ตกลงมา
จากสวรรค์โดยบรรดาเทพเจ้า -
0:49 - 0:53นั่นอธิบายว่าทำไม
มันถึงไปอยู่บนกิ่งสูง ๆ -
0:53 - 0:55ของต้นไม้อื่นได้
-
0:55 - 0:57พวกเขายังเชื่อว่า
มันมีอานุภาพในการรักษา -
0:57 - 0:59และมอบความอุดมสมบูรณ์มาให้
-
0:59 - 1:03ในขณะเดียวกัน ตำนานของชาวสแกนดิเนเวียน
เล่าถึงคุณสมบัติอันน่าพิศวงของพืชชนิดนี้ -
1:03 - 1:08ในเรื่องราวของเทพบัลเดอร์
และแม่ผู้เป็นที่รักของเขานามว่า ฟริกก์ -
1:08 - 1:11ซึ่งเป็นเทพีแห่งความรัก การแต่งงาน
และการเจริญพันธุ์ -
1:11 - 1:15ฟริกก์รักบุตรของนางมาก
นางจึงได้บัญชาให้ต้นไม้ทุกต้น -
1:15 - 1:16สัตว์ทุกตัว
-
1:16 - 1:20และวัตถุไร้ชีวิตต่าง ๆ ให้สาบาน
ว่าจะไม่ทำอันตรายต่อบัลเดอร์ -
1:20 - 1:23ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางต้องการ
เว้นเสียแต่มิสเซิลโทที่นางลืมมันไป -
1:23 - 1:26โลกิเทพแห่งความพินาศล่วงรู้เข้า
-
1:26 - 1:29และใช้คันศรแทงทะลุหัวใจของบัลเดอร์
-
1:29 - 1:31ที่ทำมาจากกิ่งของมิสเซิลโท
-
1:31 - 1:33ฟริกก์ร่ำไห้หลั่งน้ำตาแห่งความโศก
-
1:33 - 1:36ซึ่งกลายเป็นผลสีขาวราวกับไข่มุก
ของมิสเซิลโท -
1:36 - 1:40นำมาซึ่งความอาดูรของบรรดาเทพอื่น ๆ
ที่ต่างเห็นพ้องกันว่าจะฟื้นคืนชีพให้บัลเดอร์ -
1:40 - 1:43เมื่อได้ทราบข่าว ฟริกก์ก็ปรีดายิ่งนัก
-
1:43 - 1:47นางได้เปลี่ยนมิสเซิลโท
จากสัญลักษณ์แห่งความตาย -
1:47 - 1:49ให้กลายเป็น
สัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความรัก -
1:49 - 1:52เธอมีอาณัติให้ยุติการสู้รบทั้งหมด
เป็นเวลาหนึ่งวัน -
1:52 - 1:56และทุกคนก็สวมกอดกัน
เมื่อเดินผ่านไปใต้กิ่งของมิสเซิลโท -
1:56 - 1:59เพื่อแบ่งปันความรักให้โลก
-
1:59 - 2:00ในศตวรรษที่ 17
-
2:00 - 2:03เมื่อชาวอังกฤษผู้ตั้งรกราก
ย้ายถิ่นฐานไปถึงโลกใหม่ -
2:03 - 2:05พวกเขาพบพืชต่างสายพันธุ์
ที่ดูคล้ายคลึงกันมาก -
2:05 - 2:07กับมิสเซิลโท
-
2:07 - 2:11พวกเขานำมาดัดแปลงไว้ในเรื่องราวของ
เวทมนต์ การเจริญพันธุ์ และความรัก -
2:11 - 2:16เผยแผ่ธรรมเนียมการแขวนช่อมิสเซิลโท
จากทวีปยุโรปสู่อเมริกา -
2:16 - 2:18ในศตวรรษที่ 18
-
2:18 - 2:21ผู้คนในอังกฤษได้ทำให้มันกลายเป็น
ธรรมเนียมอย่างหนึ่งของเทศกาลคริสต์มาส -
2:21 - 2:25แต่แนวทางปฏิบัตินี้เป็นอะไรที่มากกว่า
เพียงแค่จินตนาการของมนุษย์ -
2:25 - 2:28มันได้รับแรงบันดาลใจจาก
สเน่ห์ทางชีววิทยาของพืชชนิดนี้ -
2:28 - 2:31เราเห็นมิสเซิลโทในการตกแต่งงานเทศกาล
-
2:31 - 2:37แต่ในธรรมชาติ มันห้อยอยู่บนกิ่งต้นไม้อื่น
และเรารู้กันว่ามันเป็นพืชกาฝาก -
2:37 - 2:40มิสเซิลโทใช้รากที่ถูกดัดแปลง
ที่มีชื่อว่า รากเบียน (haustoria) -
2:40 - 2:42ที่หยั่งรากเข้าไปในเปลือกไม้
-
2:42 - 2:44และดูดน้ำเลี้ยงและสารอาหาร
-
2:44 - 2:47ที่ถูกส่งขึ้นมาตามลำต้นของต้นไม้
-
2:47 - 2:49เพื่อที่จะแพร่พันธุ์ออกไปยังต้นไม้รอบ ๆ
-
2:49 - 2:52มิสเซิลโทพึ่งพานกและสัตว์อื่น ๆ
-
2:52 - 2:54ให้ทำหน้าที่นั่น
-
2:54 - 2:57นกที่กินผลเหนียว ๆ สีขาวของมิสเซิลโท
-
2:57 - 3:01บางครั้งจะเขี่ยเมล็ดเหนียว ๆ ออก
โดยเช็ดมันกับเปลือกไม้ -
3:01 - 3:05หรือถ้าโชคดี พวกมันจะขับถ่าย
เมล็ดที่ย่อยไม่ได้ออกมาบนต้นไม้ -
3:05 - 3:09ที่ซึ่งเมล็ดนั้นจะงอกและเริ่มเติบโต
-
3:09 - 3:11ด้วยความยืดหยุ่นและ
ใบของมันที่เขียวชอุ่มอยู่ตลอด -
3:11 - 3:14แม้แต่ยามที่ใบของต้นไม้รอบ ๆ ปลิดปลิว
-
3:14 - 3:18คุณคงเห็นว่าทำไมบรรพบุรุษที่เชื่อเรื่อง
เหนือธรรมชาติของเราจึงสนใจมิสเซิลโทนัก -
3:18 - 3:23พวกเขาเห็นคุณสมบัติอันน่าอัศจรรย์
และความสามารถในการเจริญพันธุ์ของมัน -
3:23 - 3:26แม่แต่ในปัจจุบัน มิสเซิลโท
ก็ยังกระตุ้นความสงสัยของเรา -
3:26 - 3:30ด้วยการเกื้อหนุนชีวิตในป่ามากมาย
-
3:30 - 3:34นอกจากเป็นสิ่งมีชีวิตกาฝากแล้ว
มันยังถูกเรียกว่าสายพันธุ์หลัก -
3:34 - 3:36สัตว์ต่าง ๆ มากมายกินมันเป็นอาหาร
-
3:36 - 3:37ซึ่งรวมถึงกวาง
-
3:37 - 3:38กวางขนาดใหญ่
-
3:38 - 3:39กระรอก
-
3:39 - 3:39กระแต
-
3:39 - 3:40เม่น
-
3:40 - 3:41นกโรบิน
-
3:41 - 3:42นกเขียวคราม
-
3:42 - 3:43นกเขา
-
3:43 - 3:47และผีเสื้อในสกุล เดลิอัส (Delias)
-
3:47 - 3:49มิสเซิลโทบางสายพันธุ์สร้างพุ่มหนา
-
3:49 - 3:53ซึ่งเป็นที่สร้างรังชั้นดี
สำหรับนกหลากหลายชนิด -
3:53 - 3:58และแม้ว่ามันจะเป็นกาฝากของต้นไม้
-
3:58 - 4:00มิสเซิลโทยังสามารถช่วยพืชอื่น ๆ ได้
-
4:00 - 4:03อาทิ หน่อจูนิเปอร์ใกล้ ๆ มิสเซิลโท
-
4:03 - 4:06ก็ได้รับประโยชน์จากนกที่กินผลไม้
-
4:06 - 4:10ด้วยประโยชน์มากมายของมัน
มิสเซิลโทมีอิทธิพลต่อความหลากหลาย -
4:10 - 4:12และทำให้ระบบนิเวศน์อุดมสมบูรณ์
-
4:12 - 4:16คุณอาจบอกได้เสียด้วยซ้ำว่า
เรื่องจริงของพืชชนิดนี้เหมือนกับตำนาน -
4:16 - 4:20ในธรรมชาติ มิสเซิลโทมีอำนาจ
ในการนำสิ่งต่าง ๆ เข้ามาอยู่ด้วยกัน -
4:20 - 4:23และในธรรมเนียมของเรา
เราก็เห็นมันเกิดขึ้นเช่นกัน
- Title:
- ทำไมต้องจูบกันใต้ช่อมิสเซิลโทด้วยนะ - คาลอส ริฟ (Carlos Reif)
- Speaker:
- Carlos Reif
- Description:
-
ชมบทเรียนเต็มได้ที่: http://ed.ted.com/lessons/why-do-we-kiss-under-mistletoe-carlos-reif
เห็นช่อมิสเซิลโทแล้วอาจทำให้คุณรู้สึกกลัว หรือถ้าคุณกำลังแอบชอบใครอยู่ คุณก็อาจกำลังรอโอกาสที่จะไปยืนอยู่ใต้ผลสีขาวราวหิมะของมัน แต่ธรรมเนียมการจูบกันใต้ช่อมิสเซิลโทตามเทศกาลนั้นมาจากไหน คาลอส ริฟ อธิบายว่า แนวทางปฏิบัติที่มีมาอย่างยาวนานนี้ประสานเทวตำนานและชีววิทยาของพืชที่มีสเน่ห์ชวนหลงใหลนี้เข้าด้วยกันได้อย่างไร
บทเรียนโดย Carlos Reif, แอนิเมชันโดย CUB Animation
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 04:42
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Why do we kiss under mistletoe? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for Why do we kiss under mistletoe? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Why do we kiss under mistletoe? | ||
Retired user declined Thai subtitles for Why do we kiss under mistletoe? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Why do we kiss under mistletoe? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Why do we kiss under mistletoe? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Why do we kiss under mistletoe? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Why do we kiss under mistletoe? |