Return to Video

จะพูดกับทหารผ่านศึกเรื่องสงครามอย่างไร

  • 0:01 - 0:03
    ผมตื่นเต้นที่ได้มาพูด
    เรื่องทหารผ่านศึกในวันนี้
  • 0:03 - 0:05
    เพราะว่า ผมเข้าร่วมกองทัพ
  • 0:05 - 0:07
    ไม่ใช่เพราะอยากออกรบ
  • 0:07 - 0:10
    ผมไม่ได้เข้าร่วมกับกองทัพ
    เพราะมีความกระหาย
  • 0:10 - 0:13
    หรืออยากไปต่างแดน และต่อสู้
  • 0:13 - 0:16
    พูดกันตรงๆ ผมเข้าร่วมกองทัพเพราะ
  • 0:16 - 0:17
    มหาวิทยาลัยน่ะ ราคาแพงหูฉี่มาก
  • 0:17 - 0:19
    และกองทัพจะช่วยออกค่าใช้จ่าย
  • 0:19 - 0:21
    และที่ผมเข้าร่วมกองทัพ
  • 0:21 - 0:23
    เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมรู้จัก
  • 0:23 - 0:26
    ผมรู้จักมัน และคิดว่าตัวเองจะทำได้ดี
  • 0:26 - 0:29
    ผมไม่ได้มาจากครอบครัวทหาร
  • 0:29 - 0:30
    ไม่ได้คลั่งไคล้ทหาร
  • 0:30 - 0:33
    ไม่เคยมีใครในครอบครัวผม
    ที่เป็นทหารมาก่อนเลย
  • 0:33 - 0:35
    ผมได้รู้จักกับการทหารครั้งแรก
  • 0:35 - 0:37
    ตอนผมอายุ 13
  • 0:37 - 0:40
    ผมถูกส่งใปอยู่โรงเรียนทหาร
  • 0:40 - 0:41
    เพราะแม่คอยขู่ผมอยู่เรื่อย
  • 0:41 - 0:45
    เรื่องจะส่งไปอยู่โรงเรียนทหาร
    ตั้งแต่ผมอายุ 8 ขวบแหละครับ
  • 0:45 - 0:48
    ผมมีปัญหานิดหน่อย
    ตอนเริ่มแตกหนุ่ม
  • 0:48 - 0:50
    และแม่พูดตลอดเลย
    แม่จะบอกว่า
  • 0:50 - 0:51
    "รู้ไหม ถ้าลูกไม่ปรับปรุงตัว
  • 0:51 - 0:52
    แม่จะส่งลูกเข้าโรงเรียนทหาร"
  • 0:52 - 0:54
    ผมก็จะมองแม่ แล้วบอกว่า "แม่ครับ
  • 0:54 - 0:56
    ผมจะพยายามมากขึ้น"
  • 0:56 - 0:57
    พอผมอายุ 9 ขวบ
  • 0:57 - 1:00
    แม่ก็เริ่มยืนใบปลิวให้ผม
    เพื่อให้รู้ว่าแม่ไม่ได้พูดเล่นนะ
  • 1:00 - 1:01
    ผมก็จะอ่านใบปลิว แล้วบอกว่า
  • 1:01 - 1:03
    "โอเคฮะ แม่ เข้าใจแล้ว
    ว่าแม่จริงจัง ผมจะพยายามให้มากขึ้น"
  • 1:03 - 1:05
    แล้วพอผมอายุ 10 ขวบ 11 ขวบ
  • 1:05 - 1:09
    พฤติกรรมของผม ก็แย่ลงเรื่อยๆ
  • 1:09 - 1:11
    ผมโดนทัณฑ์บนทั้งเรื่องเกรด
    และความประพฤติ
  • 1:11 - 1:15
    ตั้งแต่ก่อนสิบขวบด้วยซ้ำ
  • 1:15 - 1:18
    ผมถูกใส่กุญแจมือครั้งแรก
  • 1:18 - 1:19
    ตอนอายุ 11 ขวบ
  • 1:19 - 1:21
    เพราะฉะนั้น เมื่อผมอายุ 13
  • 1:21 - 1:23
    แม่ก็เดินมาหาผม แล้วบอกว่า
  • 1:23 - 1:25
    "แม่จะไม่ยอมทนต่อไปอีกแล้วนะ
  • 1:25 - 1:27
    แม่จะส่งลูกไปเรียนโรงเรียนทหาร"
  • 1:27 - 1:29
    ตอนนั้นผมมองแม่ แล้วบอกว่า "แม่จ๋า
  • 1:29 - 1:31
    ผมเข้าใจนะที่กังวล แล้วผมจะ
    พยายามมากขึ้นอีกนะ"
  • 1:31 - 1:33
    แล้วแม่ก็ตอบว่า
    "ไม่ ลูกต้องไปอาทิตย์หน้านี้เลย"
  • 1:33 - 1:36
    ด้วยเหตุนี้ ผมจึงได้รู้จักกับ
  • 1:36 - 1:38
    ระบบและแนวคิดทหารครับ
  • 1:38 - 1:41
    เพราะแม่คิดว่า มันเป็นความคิดที่ดี
  • 1:41 - 1:43
    ผมคัดค้านความคิดแม่สุดหัวใจทีเดียว
  • 1:43 - 1:44
    ตอนแรกที่ผมไปถึงที่นั้นน่ะ
  • 1:44 - 1:46
    เพราะว่า แค่ช่วง 4 วันแรก
  • 1:46 - 1:48
    ผมก็พยายามหนีออกจากโรงเรียน ถึง 5 ครั้ง
  • 1:48 - 1:50
    ที่โรงเรียน จะมีประตูใหญ่ๆ สีดำ
    ล้อมรอบเอาไว้
  • 1:50 - 1:52
    และทุกครั้งที่เขาหันหลังให้
  • 1:52 - 1:55
    ผมก็จะรีบหนีผ่านทางประตูดำเหล่านั้น
  • 1:55 - 1:57
    ทำตามที่พวกเขาพูดไว้ว่า
    ถ้าเราไม่อยากอยู่ที่นั้น
  • 1:57 - 1:58
    เราจะไปตอนไหนก็ได้
  • 1:58 - 2:00
    ผมก็เลยบอกว่า "งั้นถ้าเป็นหยั่งงั้น
  • 2:00 - 2:03
    ผมก็อยากไปแล้วฮะ"
    (เสียงหัวเราะ)
  • 2:03 - 2:05
    แต่มันไม่เคยได้ผลเลย
  • 2:05 - 2:07
    และผมก็หลงทางอยู่เสมอๆ
  • 2:07 - 2:09
    แต่ในที่สุด
  • 2:09 - 2:11
    หลังจากอยู่ที่นั้นได้สักพัก
  • 2:11 - 2:13
    และหลังจากจบปีแรก
  • 2:13 - 2:14
    ของการอยู่ที่โรงเรียน
  • 2:14 - 2:19
    ผมตระหนักว่า ผมโตขึ้นจริงๆ
  • 2:19 - 2:23
    ผมตระหนักว่า หลายๆ สิ่งที่ผม
    ชอบเกี่ยวกับโรงเรียนนั่น
  • 2:23 - 2:25
    และสิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับโครงสร้าง
  • 2:25 - 2:28
    คือสิ่งที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน
  • 2:28 - 2:31
    เรื่องที่ ผมรู้สึกว่า ในที่สุด
    ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่
  • 2:31 - 2:33
    เป็นส่วนหนึ่งของทีม
    และคนอื่นก็เห็นความสำคัญ
  • 2:33 - 2:35
    ในตัวผมด้วย
  • 2:35 - 2:38
    เรื่องที่ว่า ความเป็นผู้นำ ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู
  • 2:38 - 2:41
    แต่เป็นแก่นแท้สำคัญ
  • 2:41 - 2:43
    ของช่วงเวลาทั้งหมดที่นั่นเลย
  • 2:43 - 2:45
    ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่
  • 2:45 - 2:47
    ผมจบมัธยมปลาย
  • 2:47 - 2:50
    ผมก็เริ่มคิด ว่าตัวเองอยากทำอะไร
  • 2:50 - 2:52
    ผมก็เหมือนนักเรียนส่วนใหญ่
  • 2:52 - 2:55
    ที่ยังนึกภาพไม่ออก หรือไม่รู้ตัวว่าอยากทำอะไร
  • 2:55 - 2:57
    ผมก็เลยคิดไปถึงคนที่ผม
  • 2:57 - 2:59
    เคารพและให้ความนับถือ
  • 2:59 - 3:01
    ผมคิดถึง คนหลายๆ คน
  • 3:01 - 3:04
    ถ้าให้เจาะจงก็คือ พวกคนที่เข้ามาในชีวิตผม
  • 3:04 - 3:06
    ที่ผมยึดถือเป็นแบบ
  • 3:06 - 3:08
    เผอิญว่า ทุกคนใส่เครื่องแบบ
  • 3:08 - 3:10
    ทหารสหรัฐฯ เสียด้วย
  • 3:10 - 3:12
    ดังนั้น สำหรับผม
    คำตอบของคำถามนั้น
  • 3:12 - 3:14
    เลยง่ายทีเดียว
  • 3:14 - 3:16
    คำถามที่ว่า ผมอยากทำอะไร
  • 3:16 - 3:17
    ได้คำตอบแบบเร็วไวว่า
  • 3:17 - 3:20
    ขอเป็นทหารก็แล้วกัน
  • 3:20 - 3:22
    กองทัพก็จัดการทำตามขั้นตอน
  • 3:22 - 3:23
    และก็ฝึกผมให้เป็นเช่นนั้น
  • 3:23 - 3:25
    ที่ผมบอกว่า ผมไม่ได้เข้าร่วมกองทัพ
  • 3:25 - 3:26
    เพราะผมอยากเข้าร่วมสงครามน่ะ
  • 3:26 - 3:29
    ความจริงก็คือ ผมเข้าร่วมในปี 1996
  • 3:29 - 3:31
    ตอนนั้นไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
  • 3:31 - 3:33
    ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเอง
    ตกอยู่ในอันตรายเลย
  • 3:33 - 3:35
    ตอนที่ผมไปหาแม่
  • 3:35 - 3:36
    ผมเข้าร่วมกองทัพครั้งแรกตอนอายุ 17
  • 3:36 - 3:38
    เพราะฉะนั้น ผมต้องมี
    คำยินยอมจากพ่อแม่
  • 3:38 - 3:39
    ให้เข้าร่วมกองทัพ
  • 3:39 - 3:40
    ผมก็ยื่นเอกสารให้แม่ไป
  • 3:40 - 3:42
    แม่ก็ทึกทักเอาว่า มันคงเป็น
    แบบโรงเรียนทหารอีกมั้ง
  • 3:42 - 3:44
    แม่ก็แบบ
    "ก็ ก่อนหน้านี้ มันทำให้เขาดีขึ้น
  • 3:44 - 3:46
    ถ้าให้ทำต่อคงไม่เสียหายอะไร"
  • 3:46 - 3:49
    ไม่ได้รู้เลยว่าเอกสารที่แม่เซ็นน่ะ
  • 3:49 - 3:51
    จริงๆ แล้วคือให้ลูกชาย
    เข้าร่วมกองทัพ
  • 3:51 - 3:54
    ฝึกฝนเพื่อเป็นนายทหาร
  • 3:54 - 3:56
    ผมผ่านขั้นตอนเหล่านั้น
  • 3:56 - 3:58
    ก็เหมือนเดิมที่ตลอดเวลา
    ก็คิดว่า
  • 3:58 - 4:02
    นี่เจ๋งดีว่ะ
    ฉันคงทำหน้าที่แค่ตอนสุดสัปดาห์
  • 4:02 - 4:07
    หรือสักสองอาทิตย์ในปีนึง
    ทำตามแผนการฝึก
  • 4:07 - 4:09
    แต่สักสองสามปีหลังจาก
    ผมเข้าร่วมกองทัพ
  • 4:09 - 4:12
    ไม่กี่ปีหลังจากแม่เซ็นเอกสารพวกนั้น
  • 4:12 - 4:16
    โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไป
  • 4:16 - 4:19
    หลังจากเหตุการณ์ 11 กันยา
    สายตาที่ผู้คนมอง
  • 4:19 - 4:23
    อาชีพที่ผมเลือกก็เปลี่ยนไป
  • 4:23 - 4:27
    ตอนที่ผมเข้าร่วม
    ผมไม่ได้เข้าร่วมเพื่อรบ
  • 4:27 - 4:29
    แต่ในเมื่อผมเข้ามาแล้ว
  • 4:29 - 4:33
    นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น
  • 4:33 - 4:36
    และผมคิดหลายตลบมากเลย
    เกี่ยวกับพวกทหาร
  • 4:36 - 4:38
    ที่จะมาอยู่ใต้การนำของผม
  • 4:38 - 4:41
    ผมจำได้ว่าหลังจากเหตุการณ์ 11 กันยา
  • 4:41 - 4:43
    สามอาทิตย์หลังจาก 11 กันยา
    ผมนั่งเครื่องบินเดินทางไปต่างแดน
  • 4:43 - 4:45
    แต่ผมไม่ได้ไปต่างแดนกับกองทัพ
  • 4:45 - 4:47
    ผมเดินทางไปต่างแดนเพราะว่าผมได้ทุน
  • 4:47 - 4:49
    ให้ไปเรียนต่างแดน
  • 4:49 - 4:50
    ผมได้ทุนให้ไปต่างแดน
  • 4:50 - 4:53
    ไปเรียนและใช้ชีวิตต่างแดน
  • 4:53 - 4:55
    ผมไปอยู่ที่อังกฤษ ซึ่งน่าสนใจมาก
  • 4:55 - 4:56
    แต่ในขณะเดียวกัน คนที่
  • 4:56 - 4:59
    ผ่านการฝึกมากับผม
  • 4:59 - 5:01
    ทหารกลุ่มเดียวกับที่
    ผมได้ร่วมฝึก
  • 5:01 - 5:04
    และซ้อมรบมาด้วยกัน
  • 5:04 - 5:07
    พวกเขากำลังเดินทางไปรบจริงๆ
  • 5:07 - 5:09
    พวกเขากำลังจะเดินทางไป
  • 5:09 - 5:11
    ในพื้นที่ที่
  • 5:11 - 5:13
    ประชาชนส่วนใหญ่
  • 5:13 - 5:15
    พวกเราส่วนใหญ่ในตอน
    ที่กำลังฝึกอยู่นั้น
  • 5:15 - 5:19
    ยังชี้ไม่ได้เลยว่า
    อยู่ตรงไหนบนแผนที่
  • 5:19 - 5:21
    ผมใช้เวลาสองสามปีเพื่อจบปริญญาโท
  • 5:21 - 5:23
    และตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่
  • 5:23 - 5:25
    ในอาคารที่อ็อกซ์ฟอร์ด
  • 5:25 - 5:27
    ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยปี
  • 5:27 - 5:29
    ก่อนการก่อตั้งสหรัฐฯ เสียอีก
  • 5:29 - 5:32
    ผมอยู่ที่นั้น นั่งคุยกับอาจารย์
  • 5:32 - 5:36
    เกี่ยวกับ การลอบสังหารอาร์คดยุคเฟอร์ดินานด์
  • 5:36 - 5:40
    และอิทธิพลที่เหตุการณ์นั้นทำให้
    เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1
  • 5:40 - 5:42
    ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาทั้งหัวใจ และในหัวผม
  • 5:42 - 5:45
    คิดถึงอยู่แต่เพื่อนทหาร
  • 5:45 - 5:47
    ที่หยิบชุดเคฟล่าร์
  • 5:47 - 5:49
    และเสื้อกันกระสุนมาสวม
  • 5:49 - 5:51
    ที่นั่งคิดว่าจะเปลี่ยนแม็กกระสุน
  • 5:51 - 5:54
    หรือทำความสะอาดปืน
  • 5:54 - 5:57
    ในความมืดอย่างไรดี
  • 5:57 - 6:00
    นั่นคือความจริงแบบใหม่
  • 6:00 - 6:02
    กว่าผมจะจบปริญญา และกลับไปเข้าร่วม
  • 6:02 - 6:05
    กับหน่วยผม ตอนนั้นพวกเรา
    กำลังเตรียมตัวไปอัฟกานิสถาน
  • 6:05 - 6:06
    มีทหารในหน่วยผมหลายคน
  • 6:06 - 6:08
    ที่ไปแล้วเป็นครั้งที่สองที่สาม
  • 6:08 - 6:10
    ก่อนผมจะได้ไปรอบแรกด้วยซ้ำ
  • 6:10 - 6:12
    ผมจำครั้งแรกที่ออกเดินกับหน่วยของผมได้
  • 6:12 - 6:13
    เมื่อคุณเข้าร่วมกองทัพ
  • 6:13 - 6:15
    แล้วออกลาดตระเวน
  • 6:15 - 6:16
    ทุกคนจะมองที่ไหล่คุณ
  • 6:16 - 6:20
    เพราะที่ไหล่ จะมีตราเย็บไว้อยู่
  • 6:20 - 6:21
    ทันทีที่เจอคนใหม่ๆ
  • 6:21 - 6:23
    พอจับมือกัน
  • 6:23 - 6:24
    สายตาจะไปหยุดที่ไหล่
  • 6:24 - 6:26
    เพราะอยากรู้ว่า เขาไปรบที่ไหนมา
  • 6:26 - 6:27
    และรบกับหน่วยไหน
  • 6:27 - 6:29
    ผมเป็นคนเดียวในแถวนั้น
  • 6:29 - 6:31
    ที่บนไหล่ว่างเปล่า
  • 6:31 - 6:35
    ผมอายมากเลย ทุกครั้งที่คนจ้องไหล่
  • 6:35 - 6:38
    แต่ก็ได้โอกาสคุยกับพวกทหาร
  • 6:38 - 6:42
    ได้ถามว่า ทำไมถึงมาเข้าร่วม
  • 6:42 - 6:46
    ผมเข้าร่วม เพราะมหาวิทยาลัยแพง
  • 6:46 - 6:51
    ทหารของผมหลายคนเข้าร่วม
    ด้วยเหตุผลที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
  • 6:51 - 6:53
    บ้างก็เข้าร่วม เพราะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่
  • 6:53 - 6:54
    บ้างก็เข้าร่วม เพราะรู้สึกโมโห
  • 6:54 - 6:56
    และอยากทำอะไรกับมันได้บ้าง
  • 6:56 - 6:58
    บ้างก็เข้าร่วมเพราะว่า
  • 6:58 - 6:59
    ครอบครัวบอกว่าเป็นสิ่งสำคัญ
  • 6:59 - 7:02
    บ้างก็เข้าร่วมเพราะ
    อยากจะแก้แค้นในทางในทางหนึ่ง
  • 7:02 - 7:06
    ทุกคนต่างก็เข้าร่วม
    ด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป
  • 7:06 - 7:09
    และทีนี้พวกเราทุกคนก็จากบ้าน
  • 7:09 - 7:13
    มาสู้ในความขัดแย้งพวกนี้
  • 7:13 - 7:15
    และสำหรับผม มันน่าอัศจรรย์มาก
  • 7:15 - 7:20
    ที่เริ่มได้ยินประโยคนี้
  • 7:20 - 7:23
    ที่ผมไม่เคยเข้าใจอย่างถ่องแท้
  • 7:23 - 7:25
    เพราะหลังจากเหตุการณ์ 11 กันยา
    คุณจะเริ่มได้ยิน
  • 7:25 - 7:27
    ผู้คนเดินมาหา แล้วบอกว่า
  • 7:27 - 7:29
    "ขอบคุณที่รับใช้ชาติ"
  • 7:29 - 7:31
    ตอนนั้นผมก็ตามน้ำไป แล้วก็เริ่มพูด
  • 7:31 - 7:33
    แบบนั้นกับทหารของผมเหมือนกัน
  • 7:33 - 7:35
    นี่คือก่อนที่ผมจะไปรบเองอีกนะครับ
  • 7:35 - 7:38
    ผมไม่เข้าใจความหมายจริงๆ ของมันเลย
  • 7:38 - 7:40
    ผมแค่พูดไป เพราะมันฟังดูดี
  • 7:40 - 7:42
    ผมพูดไป เพราะมันฟังดูเหมาะสมดี
  • 7:42 - 7:43
    กับคนที่ต้องไปรับใช้ชาติในต่างแดน
  • 7:43 - 7:46
    "ขอบคุณที่รับใช้ชาติ"
  • 7:46 - 7:48
    แต่ผมไม่รู้ว่า มันต้องการจะสื่ออะไร
  • 7:48 - 7:50
    หรือว่าสำหรับ
  • 7:50 - 7:54
    คนที่ได้ยิน มันจะหมายความว่ายังไง
  • 7:54 - 7:59
    ครั้งแรกที่ผมกลับมาจากอัฟกานิสถาน
  • 7:59 - 8:02
    ผมคิดว่า ถ้าคุณรอดกลับมาจากสงคราม
  • 8:02 - 8:06
    อันตรายทั้งหลาย ก็จบลงแล้ว
  • 8:06 - 8:08
    ผมคิดว่า ถ้าคุณรอดกลับมาได้
    จากแนวหน้า
  • 8:08 - 8:10
    คุณก็สามารถ
  • 8:10 - 8:12
    ปาดเหงื่อออกจากคิ้ว แล้วบอกว่า
  • 8:12 - 8:15
    "เฮ้อ ดีใจจริงที่รอดมาได้"
  • 8:15 - 8:17
    โดยที่ไม่เข้าใจเลยว่า สำหรับหลายๆ คน
  • 8:17 - 8:19
    ถึงแม้จะกลับมาบ้านแล้ว
  • 8:19 - 8:22
    แต่สงครามยังไม่จบ
  • 8:22 - 8:24
    มันยังคงเกิดขึ้นในหัวของเรา
  • 8:24 - 8:27
    ยังติดอยู่ในความทรงจำ
  • 8:27 - 8:31
    ในทุกห้วงอารมณ์ ความรู้สึก
  • 8:31 - 8:33
    ให้อภัยพวกเราด้วย
  • 8:33 - 8:38
    ถ้าเราไม่ชอบอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆ
  • 8:38 - 8:40
    ให้อภัยพวกเราด้วย
  • 8:40 - 8:42
    เวลาที่เราใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ในที่
  • 8:42 - 8:45
    ที่ต้องจำกัดแสง 100 เปอร์เซ็นต์
  • 8:45 - 8:47
    เพราะคุณไม่ได้รับอนุญาต
    ให้เดินไปมาถ้าใช้แสงขาว
  • 8:47 - 8:48
    เพราะทุกอย่างที่มีแสงสีขาว
  • 8:48 - 8:50
    ถูกมองเห็นได้จากระยะเป็นไมล์
  • 8:50 - 8:52
    เมื่อเทียบกับสีเขียว
  • 8:52 - 8:53
    หรือฟ้า
  • 8:53 - 8:55
    ที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล
  • 8:55 - 8:57
    เพราะฉะนั้นให้อภัยพวกเราด้วย ถ้าจู่ๆ
  • 8:57 - 9:00
    เราเปลี่ยนจากต้องมีการจำกัดแสง
  • 9:00 - 9:03
    ไปเป็นสัปดาห์ต่อมา
    ไปอยู่กลางไทมส์ สแควร์
  • 9:03 - 9:08
    แล้วเรามีปัญหาในการปรับตัวคืนสภาพ
  • 9:08 - 9:09
    ให้อภัยเราด้วย
  • 9:09 - 9:11
    เมื่อคุณย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัว
  • 9:11 - 9:15
    ที่ดำเนินชีวิตต่อไป โดยไม่มีคุณเรื่อยมา
  • 9:15 - 9:17
    แล้วพอกลับมาจริงๆ มันไม่ง่ายขนาดนั้น
  • 9:17 - 9:21
    ที่จะทำตัวกลับเป็นปกติ
  • 9:21 - 9:25
    เพราะคำว่าปกติสำหรับเรา
    มันเปลี่ยนไปแล้ว
  • 9:25 - 9:29
    ผมจำได้ว่าตอนผมกลับมา
    ผมอยากจะคุยกับคนอื่น
  • 9:29 - 9:32
    อยากให้คนอื่นถามเรื่อง
    ประสบการณ์ของผม
  • 9:32 - 9:33
    อยากให้คนเดินเข้ามาหา แล้วพูดว่า
  • 9:33 - 9:35
    "คุณทำอะไรไปบ้าง"
  • 9:35 - 9:36
    อยากให้คนเดินเข้ามาหา แล้วพูดว่า
  • 9:36 - 9:38
    "มันเป็นยังไงหรือ อาหารเป็นยังไง
  • 9:38 - 9:42
    ได้ประสบการณ์อะไรบ้าง สบายดีนะ"
  • 9:42 - 9:44
    แต่คำถามเดียวที่ได้จากคนอื่นก็คือ
  • 9:44 - 9:47
    "ได้ยิงใครบ้างหรือเปล่า"
  • 9:47 - 9:49
    และนั่นเป็นคำถามจากคนที่สงสัยมากพอ
  • 9:49 - 9:53
    ที่จะกล้าเอ่ยปากพูด
  • 9:53 - 9:54
    เพราะว่า มันจะมีความกลัวนี้อยู่
  • 9:54 - 9:56
    จะมีความเข้าใจว่า ถ้าพูดอะไรออกไป
  • 9:56 - 9:57
    อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่
  • 9:57 - 9:59
    กลัวไปสะกิดความทรงจำอะไรเข้า
  • 9:59 - 10:03
    เพราะฉะนั้นโดยทั่วไป
    จะไม่มีใครพูดอะไรเลย
  • 10:03 - 10:06
    ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ
  • 10:06 - 10:07
    มันทำให้รู้สึกว่าที่ทำลงไป
  • 10:07 - 10:10
    เหมือนไม่มีใครรับรู้ด้วยซ้ำ
  • 10:10 - 10:13
    เหมือนไม่มีใครสนใจ
  • 10:13 - 10:16
    "ขอบคุณที่รับใช้ชาติ"
  • 10:16 - 10:19
    แล้วทุกคนก็ก้าวเดินต่อไป
  • 10:19 - 10:22
    ผมอยากจะเข้าใจให้ดีกว่านี้
  • 10:22 - 10:25
    ว่ามีอะไรซ่อนอยู่หลังคำพูดนั้น
  • 10:25 - 10:31
    และทำไมแค่ "ขอบคุณที่รับใช้ชาติ" ถึงยังไม่พอ
  • 10:31 - 10:34
    ว่ากันตามตรง เรามี
  • 10:34 - 10:37
    ชายและหญิงกว่า 2.6 ล้านคน
  • 10:37 - 10:40
    ที่เป็นทหารผ่านศึกจาก
    สมรภูมิที่อิรักและอัฟกานิสถาน
  • 10:40 - 10:43
    ที่อยู่ในหมู่พวกเรา
  • 10:43 - 10:44
    บางครั้ง เราก็รู้ตัวว่าเป็นใคร
  • 10:44 - 10:47
    บางครั้งก็ไม่รู้
  • 10:47 - 10:49
    แต่มันก็จะมีความรู้สึก
    ประสบการณ์ที่มีร่วมกัน
  • 10:49 - 10:52
    เป็นสายสัมพันธ์
  • 10:52 - 10:54
    ที่เรารู้ว่าประสบการณ์เหล่านั้น
  • 10:54 - 10:56
    บทนั้นในชีวิตเรา
  • 10:56 - 10:59
    ที่แม้จะปิดฉากไปแล้ว
  • 10:59 - 11:03
    แต่มันยังไม่จบ
  • 11:03 - 11:05
    พวกเราคิดถึงประโยค "ขอบคุณที่รับใช้ชาติ"
  • 11:05 - 11:07
    และคนอื่นก็พูดว่า "แล้วที่ว่า 'ขอบคุณที่รับใช้ชาติ'
    เนี่ย สำหรับพวกคุณหมายความว่ายังไง"
  • 11:07 - 11:08
    "ขอบคุณที่รับใช้ชาติ" สำหรับผมแล้ว
  • 11:08 - 11:12
    หมายถึง การรับรู้เรื่องราวของเรา
  • 11:12 - 11:15
    ถามไถ่ว่า เราเป็นใคร
  • 11:15 - 11:18
    เข้าใจในความเข้มแข็ง
  • 11:18 - 11:22
    ของเพื่อนร่วมรบมากมายของเรา
  • 11:22 - 11:26
    และเหตุผลที่การรับใช้
    ถึงมีค่ามากนัก
  • 11:26 - 11:28
    "ขอบคุณที่รับใช้ชาติ"
    หมายถึงการรับรู้ว่า
  • 11:28 - 11:30
    แค่การที่เรากลับมาบ้าน
  • 11:30 - 11:31
    แล้วถอดเครื่องแบบออก
  • 11:31 - 11:33
    ไม่ได้แปลว่า การรับใช้ชาติของเรานั้น
  • 11:33 - 11:36
    จะจบลงไปด้วย
  • 11:36 - 11:39
    ความจริงก็คือ เรายังสามารถ
  • 11:39 - 11:43
    ทำเพื่อประเทศชาติได้อีกมากมาย
  • 11:43 - 11:44
    เวลาที่ผมมองคนอื่น
  • 11:44 - 11:49
    อย่างเพื่อนเรา เทย์เลอร์ เออร์รูล่า (Taylor Urruela)
  • 11:49 - 11:51
    ที่เสียขาไปที่อิรัค
  • 11:51 - 11:53
    เขาฝันไว้สองอย่างในชีวิต
  • 11:53 - 11:56
    อย่างแรก คือการเป็นทหาร
    อย่างที่สอง คือเป็นนักเบสบอล
  • 11:56 - 12:01
    เขาเสียขาไปที่อิรัก
  • 12:01 - 12:03
    เขากลับมาบ้าน
  • 12:03 - 12:05
    แล้วแทนที่จะคิดว่า
  • 12:05 - 12:07
    ในเมื่อฉันเสียขาไปแล้ว
    ความฝันที่สองนั้นเป็นไปไม่ได้
  • 12:07 - 12:10
    เขาตัดสินใจ
    ฝันที่จะเล่นเบสบอลต่อไป
  • 12:10 - 12:11
    และริเริ่มกลุ่ม เวตสปอร์ต (VETSports)
  • 12:11 - 12:13
    ที่ได้รวมกลุ่มทหารผ่านศึกทั่วประเทศ
  • 12:13 - 12:19
    ใช้กีฬาเยียวยาจิตใจ
  • 12:19 - 12:21
    คนอย่าง แทมมี่ ดักเวิร์ธ (Tammy Duckworth)
  • 12:21 - 12:22
    ที่เป็นนักขับเฮลิคอปเตอร์
  • 12:22 - 12:24
    และเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ขับน่ะ
  • 12:24 - 12:26
    ต้องใช้ทั้งสองมือ
  • 12:26 - 12:27
    และขาด้วยในการบังคับ
  • 12:27 - 12:29
    เฮลิคอปเตอร์ของเธอถูกยิง
  • 12:29 - 12:30
    เธอพยายามบังคับคอปเตอร์
  • 12:30 - 12:32
    แต่มันไม่ยอมตอบสนอง
  • 12:32 - 12:34
    ต่อคำสั่ง และการเคลื่อนไหวของเธอ
  • 12:34 - 12:36
    เธอพยายามลงจอดอย่างปลอดภัย
  • 12:36 - 12:38
    แต่มันไม่ได้ลงจอดอย่างปลอดภัย
  • 12:38 - 12:39
    เหตุผลก็คือ
  • 12:39 - 12:41
    เพราะมันไม่ยอมตอบสนอง
    ต่อคำสั่งจากขาของเธอ
  • 12:41 - 12:46
    เพราะขาของเธอ โดนระเบิด
  • 12:46 - 12:49
    เธอแทบไม่รอดชีวิต
  • 12:49 - 12:53
    แพทย์สนามเข้ามา
    และช่วยชีวิตเธอไว้
  • 12:53 - 12:56
    แต่ขณะที่เธอพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
  • 12:56 - 13:00
    เธอก็ตระหนักว่า "งานของฉันยังไม่จบ"
  • 13:00 - 13:01
    ตอนนี้เธอใช้เสียงของเธอ
  • 13:01 - 13:04
    ในฐานะสมาชิกรัฐสภา
    ของอิลลินอยส์
  • 13:04 - 13:07
    เพื่อสู้ และสนับสนุนให้ปัญหาต่างๆ
  • 13:07 - 13:10
    รวมถึงปัญหาทหารผ่านศึกด้วย
  • 13:10 - 13:13
    เราเข้าร่วมกองทัพเพราะว่า
  • 13:13 - 13:18
    เรามีความรักในประเทศนี้
  • 13:18 - 13:20
    เราเข้าร่วมกองทัพ เพราะว่า
  • 13:20 - 13:22
    เราเชื่อในแนวคิด และในตัวผู้คน
  • 13:22 - 13:25
    ที่อยู่รอบกายเรา
  • 13:25 - 13:27
    และพวกเราขอแค่สิ่งเดียว
  • 13:27 - 13:29
    "ขอบคุณที่รับใช้ชาติ"
  • 13:29 - 13:33
    จะต้องเป็นมากกว่า
    แค่คำพูดที่ยืมๆ กันมา
  • 13:33 - 13:35
    ให้ "ขอบคุณที่รับใช้ชาติ"
    หมายความถึง
  • 13:35 - 13:37
    การใส่ใจใคร่รู้
  • 13:37 - 13:40
    ถึงผู้คน ที่อาสาปกป้อง
  • 13:40 - 13:44
    เพียงเพราะพวกเขา
    ถูกขอร้องให้ทำ
  • 13:44 - 13:46
    และความหมายของมัน
    สำหรับเรา ไมใช่แค่ในตอนนี้
  • 13:46 - 13:50
    ไม่ใช่แค่ในช่วงที่มีปฏิบัติการ
  • 13:50 - 13:53
    แต่หลังจากรถคันสุดท้ายออกจากสมรภูมิ
  • 13:53 - 13:58
    และหลังจากเสียงปืนลั่นครั้งสุดท้าย
  • 13:58 - 14:01
    คนเหล่านี้ คือคนที่ผมรับใช้ชาติด้วย
  • 14:01 - 14:04
    คือคนที่ผมยกย่องให้เกียรติ
  • 14:04 - 14:07
    เพราะฉะนั้น ขอบคุณครับที่รับใช้ชาติ
  • 14:07 - 14:10
    (เสียงปรบมือ)
Title:
จะพูดกับทหารผ่านศึกเรื่องสงครามอย่างไร
Speaker:
เวส มอร์ (Wes Moore)
Description:

เวส มอร์ (Wes Moore) เข้าร่วมกับกองทัพบกสหรัฐฯ เพราะพวกเขาจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยให้ แต่ประสบการณ์ที่ได้กลายมาเป็นแก่นแท้ที่ช่วยนิยามตัวตนเขา ในการพูดที่กินใจครั้งนี้ พลร่มและกัปตัน ผู้กลับมาเขียนหนังสือ "The Other Wes Moore" (เวส มอร์ อีกคนหนึ่ง) อธิบายความรู้สึกของการกลับบ้านหลังจากไปรบที่อัฟกานิสถาน เขาแบ่งปันประโยคที่เขาได้ยินพลเรือนพูดซ้ำไปมา และแสดงให้เห็นว่าทำไมมันถึงยังไม่พอ เป็นการเรียกร้องให้พวกเราทุกคนลองถามทหารผ่านศึกให้เล่าเรื่องราวของพวกเขาดู และ รับฟัง

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
14:27

Thai subtitles

Revisions