-
พิธีกร: ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ เข้าสู่
TEDxChulalongkornU ครับ
-
ขอเชิญทุกท่านพบกับ คุณป๊อบ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา
-
กับทอล์คที่มีชื่อว่า "Against All Odds" ครับ
-
(เสียงปรบมือ)
-
ความฝันก็คืออยากจะทำให้
-
เลสเตอร์ขึ้นไปในพรีเมียร์ลีก
-
ก็เริ่มวางแผนว่าจะทำอย่างไร
-
ตอนแรก ๆ ก็คิดว่าคงจะไปนั่งดูบอล
-
เท่ ๆ หล่อ ๆ
-
แล้วเราเล่น Football Manager
-
หลายคนคงเล่นนะฮะ คนที่ดูฟุตบอล
-
เราก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น
-
ก็คือเลือกตัวลงไปเล่นเลย
-
คุยกับโค้ชเหมือนที่เราคอมเมนต์ในเกม
-
ว่าจะทำอย่างไร
-
ซึ่งจริง ๆ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย
-
มันคือการเข้าไปบริหารบริษัทบริษัทหนึ่ง
-
ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติ
-
และเราต้องเอาวัฒนธรรมของเราเข้าไปรวมกับเขา
-
หรือว่าให้เขาเข้าใจว่า
-
คนไทยเข้าไปทำงานเป็นอย่างไร
-
ต่างชาติเข้ามาเห็นคนไทยเป็นอย่างไร
-
การต่อต้านมหาศาลนะฮะ ผมบอกเลย
-
ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอล
-
ไม่ว่าจะเป็นสตาฟฟ์
-
เพราะว่าเขาทำงานกันมา 20-30 ปี
-
แฟนบอลมองว่าเขาจ่ายค่าตั๋ว
-
ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อเขามา
-
และเขาก็ช่วยทีมมาตลอด
-
เราเข้ามา เอาเงินจำนวนหนึ่งเข้ามาซื้อทีม
-
เพื่อบริหารให้ทีมเขาเป็นรูปแบบไหน เขาก็ไม่รู้
-
กว่าจะถึงตรงนั้น ต้องบอกว่า
-
ผ่านบททดสอบมาหลายอย่าง
-
ไม่ว่าจะเป็นการที่แฟนบอลไม่ยอมรับ
-
การที่สตาฟฟ์ไม่ยอมรับ
-
ซึ่งเราเอาความเป็นไทยเข้าไป
-
ผมต้องเรียนอย่างนี้ว่า
-
การที่เป็นคนไทย มันดีอย่างหนึ่งก็คือ
-
เราเอาใจใส่ เราเข้าไปถึงตัวพนักงาน
-
และเราก็ใส่ใจกับเขาในทุก ๆ ด้าน
-
ไม่ว่าจะเป็นด้านครอบครัวเขา ผมทำแม้กระทั่งว่า
-
จัดงานกินข้าว เอาสตาฟฟ์ เอาพ่อแม่ เอาลูกมา
-
มากินข้าวด้วยกัน มาเจอกัน
-
ซึ่งฝรั่งเขาก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำทำไม
-
ฝรั่งเขาก็จะบอกว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า
-
พัฒนาเรื่องอื่นดีกว่า
-
ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเล็ก ๆ ที่เริ่มต้น
-
พนักงานเริ่มมาเจอกัน พนักงานเริ่มรู้จักเรา
-
ก็ต้องบอกว่า มันอาจจะเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ทำให้เกิด
-
ความสำเร็จของเลสเตอร์
-
และอันดับที่ 2
นักเตะคือสิ่งสำคัญที่สุดของกีฬาฟุตบอล
-
และผมเห็นคำว่า "ทีมเวิร์ค"
-
ที่ทุกคนเข้าใจว่า "ทีมเวิร์ค" คืออะไร
-
และทุกคนเข้าใจว่า
"ทีมเวิร์ค" มันจะทำให้เกิดอะไร
-
ผมคงไม่ต้องอธิบายเยอะนะฮะ
-
แต่มันเป็นตัวอย่างที่
-
ทำยากที่สุดในการทำฟุตบอล คือทีมเวิร์ค
-
ผมเรียนอย่างนี้ ทีมเล็ก ๆ อย่างเลสเตอร์
-
จะทำทีมเวิร์คให้ชนะทีมใหญ่ ๆ ได้อย่างไร
-
ผมก็เริ่มเข้าไป กับคุณพ่อ สองคน
-
ที่เข้าไปหานักเตะ
-
เราเข้าไปเจอปัญหาว่า
-
นักเตะก็คือนักเรียนเหมือนเรานี่ล่ะ
-
อายุ 20 จนถึงประมาณ 32
-
ที่มีเงินมาก ๆ ไม่รู้จักการบริหาร
-
ไม่รู้จักการใช้เงินให้ถูก
-
รถเสีย ถ้าเป็นเราเราก็คงโทรหาคนที่ซ่อมรถได้
-
หรือญาติ หรืออะไร
-
เขาโทรมาที่สโมสร
-
เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
-
เขามาซ้อมสายเพราะว่าทะเลาะกับแฟน
-
เขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
-
ซึ่งตรงนี้เราลงไปช่วยทั้งหมด
-
เพราะฉะนั้นกว่าจะทำให้ในทีมทีมหนึ่ง
-
ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำสนาม ไม่ว่าจะคนทำอาหาร
-
ไม่ว่าคนที่เล่นฟุตบอล หรือนักกีฬาที่บอก
-
ไม่ว่าจะเป็นสตาฟฟ์ที่นวดให้เขา
-
ไม่ว่าจะเป็นสตาฟฟ์ที่ดูแล
เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลให้กับนักเตะ
-
ทุกอย่างมีความสำคัญหมด
-
เพราะฉะนั้นคำว่าทีมเวิร์ค
-
ไม่ใช่แค่ทีมฟุตบอลที่จะต้องเป็นทีมเวิร์ค
-
ต้องทุกคนทั้งสโมสร
-
ผมจะอธิบายง่าย ๆ นะครับ
-
ปี 2010 เราเข้าไปซื้อ
-
การลองผิดลองถูกของผม
-
มันมีตั้งแต่วันแรก ๆ แล้ว 2010, 2011
-
ไม่ว่าจะการที่ไล่ผู้จัดการออก
-
คุณอาจจะมองว่าเหมือนง่ายนะฮะ
-
แต่ว่าการที่เราทำงานกับใครสักคนหนึ่ง
-
ผมบอกได้เลยว่ามันผูกพันธ์
-
พวกคุณเข้าใจกันแน่นอน
-
และเราเข้าไปใหม่ เราเรียนรู้ เขาสอนเรา
-
เขาบอกอะไรเราหลาย ๆ อย่างว่า
-
การทำฟุตบอลเป็นอย่างไร
-
ฟุตบอลที่พัฒนาแล้วเป็นอย่างไร
-
เราก็สนุกเพราะเราสนใจ
-
ไล่เขาออกมันเหมือนบอกเลิกแฟนนะครับ
-
ซึ่งจริง ๆ แล้วมันผูกพันธ์กันมา
-
แล้วก็ต้องเห็นเขาออกจากทีมไป
-
ซึ่งผมไล่ไปแล้ว 3 คน
-
ซึ่งจริง ๆ ปีแรก อธิบายสั้น ๆ นะครับว่า
-
เราตั้งเป้า 2010, 2011
เพื่อจะขึ้นชั้นพรีเมียร์ลีก
-
เราเฟล
-
ปีที่สอง เราก็เฟลอีก
-
แต่มันมีข้อหนึ่งคือ
-
การที่จะซื้อตัวนักกีฬา
-
ผมเชื่อว่าทุกคนที่อาจจะยังไม่รู้จักฟุตบอล
-
จะงงว่าคืออะไร
-
การซื้อตัวนักเตะ
เป็นการตัดสินใจที่ง่ายถ้ามีเงิน
-
แต่ว่าผิดพลาดง่ายถ้าเกิดเราไม่ดูแลอย่างดี
-
ซึ่งผมลองผิดลองถูกมาเยอะมาก
-
ไม่ว่าจะซื้อตัวที่แพงมาก เงินเดือนสูงมาก
-
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เก่งเลย
-
แต่ว่าเราใช้ตาเราเป็นคนดู
เราใช้การตัดสินใจที่ผิด ๆ
-
จากประสบการณ์ที่เราไม่มี
-
เล่าประวัติให้ฟังคร่าว ๆ แล้วกัน ว่ามีวันหนึ่ง
-
วันสุดท้ายของการซื้อ-ขายนักกีฬา
-
เขาจะมีพีเรียดอยู่นะครับ
-
ผมอยู่คนเดียวที่อังกฤษ
มันปิดตอนห้าทุ่มที่อังกฤษ
-
เวลาเมืองไทยก็ประมาณตีห้า
-
และเป็นดีลแรกที่ผมทำในชีวิต
ก็คือซื้อตัวนักกีฬา
-
ราคา 3 ล้านปอนด์
-
ประมาณ 150 ล้านบาท ณ เวลานั้น ๆ
-
ซึ่งผมอายุ 25 นะครับตอนนั้น
-
จะโทรถามคุณพ่อให้ตัดสินใจให้ก็ไม่ได้
-
เพราะตีห้าท่านคงหลับแล้ว
-
ก็ตัดสินใจไป โดยที่ไม่ได้ดูอะไรเลย
-
เพราะด้วยความที่เราเชื่อในทีมงาน
-
ก็ผิดพลาด
-
คนนั้นไม่ได้เล่นได้ดี ไม่ต้องเอ่ยชื่อ
-
แต่ว่า เราเห็นถึงการที่เราทำอะไรผิด
และเราเรียนรู้จากมัน
-
ผมกล้าที่จะตัดสินใจในตอนนั้น ถ้าเกิดเราไม่ทำ
-
วันนี้ผมก็ไม่มีตรงนี้แน่นอน
-
พอถึงปี 2012, 2013 เลสเตอร์เข้าไปเตะเพลย์ออฟ
-
คำว่าเพลย์ออฟหมายความว่า
-
ที่ 1 ที่ 2 ของแชมเปี้ยนชิป ขึ้นชั้นเลย
-
ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ต้องมาเตะกันใหม่
-
เราจบที่ 6 เราก็ไปเตะกับที่ 3
-
แมตช์แรกเราชนะ ผมก็ฝันหวานแล้ว
-
ผมขึ้นชั้นแน่นอน
-
บอกทุกคนว่าปีนี้แหละ ปีของผมแน่
-
แมตช์ที่สอง ผมไปเตะที่บ้านเขา
-
แพ้ 2-1 นาทีสุดท้าย ตามอยู่ 2-1 พูดอย่างนี้
-
ได้ลูกโทษ ยิงไม่เข้า
-
แล้วฝั่งนู้นโยนลูกออกมา ผู้รักษาประตูรับได้
-
โยนลูกออกมา 19 วินาที ตั้งแต่ยิงลูกโทษไม่เข้า
-
เขากลับมายิงเรา
-
19 วินาทีนั้นเป็น 19 วินาทีที่ทรมานผมที่สุด
-
เพราะว่าเราแพ้ 3-1 เราตกรอบ
-
ทุกอย่างมันเหมือนทลายลงมาหมดเลย
-
ความฝันที่มี สิ่งที่เราสัญญากับแฟนบอล
-
สิ่งที่เราสัญญากับคนไทย
-
ที่บอกว่าอยากจะให้ทีมนี้ขึ้นชั้นพรีเมียร์ลีก
-
เพื่อจะให้คนไทยภูมิใจ
-
มันพังทลาย
-
มันไม่เหลืออะไรเลย ผมต้องบอกอย่างนี้
-
วันนั้นเราไม่คุยกันเลยนะครับ บนรถ
-
ทั้งสตาฟฟ์ทุกคนและคุณพ่อผม
-
ซึ่งมันเหมือนเป็นจุดสิ้นสุด เอาอย่างนี้ดีกว่า
-
ผมก็เลยบอกคุณพ่อว่า เราจะทำอย่างไรต่อ
-
เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทรมานจริง ๆ
-
ถ้าคนฟังอาจจะยังไม่เข้าใจ
-
เราเชียร์ทีมทีมหนึ่ง แพ้เราก็เจ็บใจแล้วนะ
-
ทั้งที่คนมาเยาะเย้ยอีกวันหนึ่งก็ตาม
-
แต่ว่าอันนี้เจ็บกว่าเยอะเพราะว่า
-
มันเหมือนทุกอย่างมันหายไป
-
เหมือนทำบริษัทแล้วก็พังลงไป
-
คุณพ่อพูดมาคำหนึ่งให้ผมมีกำลังใจ
-
เขาบอกว่าเรียนรู้ไว้ว่าผิดพลาดเป็นอย่างไร
-
ถ้าเกิดวันนี้เราขึ้นชั้น เราจะไม่เคยรู้เลยว่า
-
การผิดพลาดหรือคำว่า fail คืออะไร
-
คำง่าย ๆ นี้ผมว่าเป็นอะไรที่บอกว่า
-
การที่จะสำเร็จ ต้องมีการผิดพลาดก่อน
-
การที่เราจะสำเร็จอะไรสักอย่าง
-
เราต้องเรียนรู้ว่าผิดพลาดอะไร เป็นแบบไหน
-
และจะพัฒนาไปอย่างไร
-
ผมก็ใช้ตรงนี้ล่ะมาคุยกับนักกีฬา หรือนักฟุตบอลผม
-
ว่าปีที่แล้วเราผิดพลาดอย่างแรง
-
ทำให้ทุกคนเฟลทั้งหมด
-
ทุกคนก็บอก "ไล่ผู้จัดการออก"
-
ทุกคนบอกว่า "ไล่ไอ้คนที่เตะลูกโทษไม่เข้าออก
-
เอาไปฆ่าเสียเลย"
-
ซึ่งผมก็บอกว่าไม่ได้ ทำอย่างนั้นไม่ถูก
-
เราเปลี่ยนวิกฤตตรงนี้ให้เป็นโอกาส
-
สร้างทีมเวิร์คที่ผมบอกอยู่ ให้เกิดขึ้นให้ได้
-
ผมก็เรียกทุกคนมาคุย ให้ลืมทุกอย่าง
-
ซึ่งมันก็ไม่ได้ง่าย
-
ตัวผมเองก็ใช้เวลาอยู่
-
แต่ว่าผมบอกว่าโชว์ให้เห็นสิว่าพวกคุณทำได้
-
ปีที่แล้วคือการที่เรา
เรียนรู้ความผิดพลาดไปด้วยกัน
-
ทำใหม่ 2013, 2014 เราชนะ
-
แชมเปี้ยนชิป ขึ้นพรีเมียร์ลีก
-
ตรงนี้แหละครับที่ผมว่า
-
ทุกคนถามผมว่าเมื่อไหร่ที่เลสเตอร์เป็นทีม
-
ผมบอกได้เลย วันที่ผมแพ้ลูกโทษวันนั้น
-
พอขึ้นชั้น ทุกคนก็จะมองว่าพรีเมียร์ลีกแล้ว
-
ความฝันมันหมดแล้วนี่
-
ถูกไหมครับ
-
เด็กอย่างผมที่เล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก
-
และดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ 7-8 ขวบ
-
อย่างไรก็ต้องฝัน
ที่จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสักวันหนึ่ง
-
แต่รู้เลยว่าความฝันนั้น
มันยากเหลือเกินที่จะเกิดขึ้น
-
ก็ฝันต่อ แล้วก็พยายามทำงานให้มันดีที่สุด
-
ซื้อตัวเข้ามา พัฒนาทีม
-
ปีแรกก็เกือบตกชั้น เกือบตายนะครับ
-
ที่โหล่มานานที่สุด
ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกที่มีมา
-
แต่เรารอดออกมาได้ด้วยกำลังใจ
-
ผมว่า psychology สำคัญในการทำทีมก็คือ
-
ผมให้เขาอัดวิดีโอวันเกิดคุณพ่อ
และพูดว่าไม่ตกชั้น
-
ให้มันใส่เข้าไปในหัว
-
และแมตช์นี้ต้องชนะ
เป็นแมตช์แรกให้วันเกิดคุณพ่อให้ได้
-
ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วครับ พูดจริง ๆ
-
เพราะว่าอยู่ที่โหล่มานานมาก ๆ
-
ปรากฏว่าวันนั้นชนะ แล้วก็ชนะมาเรื่อย ๆ
-
9 นัดสุดท้ายเราชนะ 7
-
เสมอ 1 แพ้ 1
-
อยู่รอด จบอันดับ 14
-
ซึ่งทุกคนก็ว่ามันเหลือเชื่อแล้ว
-
เพราะว่าอยู่ที่โหล่มายาวนานมาก เกือบครึ่งปี
-
ลองคิดดูนะครับว่าอยู่ที่โหล่มันทรมานแค่ไหน
-
วันที่อยู่รอดได้ ผมก็รู้สึกว่า โอเค
-
มันก็ต้องวางแผนต่อแล้ว ว่าจะทำอย่างไร
-
ผมก็เลยไล่ผู้จัดการออกเสียเลย
-
แต่จริง ๆ ผมต้องการจะเปลี่ยน
ให้มีความเปลี่ยนแปลง
-
ให้มันดีขึ้น ให้เห็นว่า
ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง
-
ให้มันดีในทางที่ถูก
-
พอเปลี่ยนปุ๊บ เราก็พูดกับนักเตะว่า
-
อันไหนคือเลสเตอร์ตัวจริง โชว์ให้ผมเห็นหน่อย
-
อันที่อยู่ที่โหล่มา 6-7 เดือน
-
หรือว่าอันที่ชนะ 7 นัดสุดท้ายจาก 9
-
โชว์ให้เห็น และทำให้เห็นหน่อย
-
เขาก็ทำจนได้แชมป์พรีเมียร์ลีก
-
ซึ่งเหลือเชื่อนะครับที่ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็
-
เป็นความสำเร็จของทีมทั้งหมด
-
ไม่ใช่แค่ตัวผมเอง
-
ผมอยากจะบอกว่าเขาชื่นชมคนไทยมาก
-
มาก ๆ จนมันมีปรากฏการณ์ว่า
-
เขาทำธงไทยเข้าไปในสโมสร
-
มีคนถือธงไทยอยู่เต็มไปหมดในเมืองตอนนี้
-
ส่วนเรื่องของคนคนนี้
ผมอยากจะเล่าสั้น ๆ ไม่ได้มาก
-
บางคนอาจจะคิดว่าเป็นใคร
-
ถ้าเป็นคนดูบอลคงรู้จักนะครับ
-
คือเจมี่ วาร์ดีย์
-
ชีวิตเขา กำลังจะโดนสร้างหนัง
-
ว่าเขาเป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจแก่คนทั้งโลก
-
7 ปีที่แล้วเขาทำงานอยู่โรงงานขาเทียม
-
เล่นฟุตบอลไม่ได้เป็นอาชีพ
-
เล่นฟุตบอลเป็นงานอดิเรก
-
แต่เขามีความฝัน
-
ว่าเขาจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้สักวันหนึ่ง
-
วันนี้เขาเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งของทีมชาติอังกฤษ
-
เป็นรองดาวซัลโวสูงสุดของอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว
-
เขามีความตั้งใจ และมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า
-
ถึงขนาดว่า ผมซื้อเขามาด้วยราคาที่แพงมาก
-
สำหรับนักกีฬาที่อยู่ลีกที่เขาเรียกว่านอกลีก
-
นอกลีกหมายความว่าเหมือนเตะบอล อบจ.
-
เตะบอลใต้ทางด่วน
-
เห็นภาพเลยนะฮะ
-
คือผมก็ไม่รู้ไปซื้อเขาได้อย่างไร 1 ล้านปอนด์
-
ซึ่งทุกวันนี้ก็คุ้มค่านะฮะ
-
แต่ว่าชีวิตเขา สู้มาตลอด
-
เขาไม่ได้มีเงิน เขาไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่ดี
-
เขาไม่ได้มีอะไรที่พิเศษไปกว่าคนอื่น
-
แต่เขาตั้งใจและมุ่งมั่น
-
เขาเดินมาบอกผมวันที่เราขึ้นชั้นว่า
-
เขาจะทำทุกอย่างให้เลสเตอร์ประสบความสำเร็จ
-
และดังไปทั่วโลก
-
ผมก็ โอเค ขอบคุณมากที่ตั้งใจ
-
แล้วก็อีกเรื่องที่น่าสนใจของเขาคือ
-
วันที่ผมต่อสัญญาเขา
เขาเขียนสัญญาให้ผมอันหนึ่ง
-
ว่าเขาจะติดทีมชาติอังกฤษ
-
ตอนที่ยังไม่มีทีมชาติอังกฤษมาสนใจเลยนะครับ
-
ผมก็หัวเราะใส่เขาว่าเขียนไปเลย ไม่เป็นไร
-
เขาก็บอกว่า โอเค 1 แสนปอนด์ละกัน
-
ผมก็ เอาเลย ไม่เป็นไร
-
ลูกเล่นผมเยอะ ผมก็เลยบอกว่า
-
"ถ้ายูลงก่อนนาทีที่ 75 นะ จ่ายเลย"
-
วันแรกที่เขาลง เขาลงนาทีที่ 74.30
-
เขาส่งรูปให้ผมดูนะครับว่าเขาลงนาทีที่ 74.30
-
แล้วบอกว่าอย่าลืมจ่ายเงินเขาด้วย
-
ผมก็ต้องจ่ายตามที่ผมสัญญากับเขา
-
ซึ่งมันเป็นเรื่องตลกของเราสองคน
-
แต่ว่าเขามุ่งมั่นจนวันนี้
เขาเป็นเบอร์หนึ่งของอังกฤษไปแล้ว
-
ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก
-
อย่างที่ผมบอกว่าฝรั่งหลาย ๆ ท่าน
ชื่นชมเมืองไทย
-
ชื่นชมคนไทย แล้วก็เห็นว่าเราตั้งใจทำจริง
-
สิ่งที่มันเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นได้
-
ซึ่งวันนี้ ผมก็ไม่ได้ลืมว่าคนไทย ฝันคืออะไร
-
ฝันคืออยากจะไปฟุตบอลโลก
-
ซึ่งผมหวังว่าพี่ซิโก้จะทำได้
-
ผมก็ช่วยเขาในระดับหนึ่ง ก็คือทำให้น้อง ๆ ไปเล่นที่นู่น
-
แล้วก็ยังเอาทีมมาเจอเมืองไทย
-
มาถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัว
-
มาเที่ยวที่เมืองไทย มาเห็นความสำเร็จว่า
-
ประเทศของเจ้าของ ประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่ง
-
สามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้อย่างไร
-
และสิ่งสุดท้ายผมอยากจะฝากข้อคิดหน่อย ก็คือ
-
ถ้าเกิดคุณตั้งใจทำสิ่งที่เหลือเชื่อ
-
คุณฝันในสิ่งที่คุณอยากจะเป็น
-
คุณฝันว่าสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้
ทำให้มันเป็นไปได้
-
ควรจะตั้งใจทำวันนี้นะครับ และลงมือทำ
-
และคำว่าทีมเวิร์ค
จะทำให้คุณสำเร็จในการทำงาน
-
อยากจะฝากไว้ตรงนี้ด้วยครับ
-
ขอบคุณครับ
-
(เสียงปรบมือ)