ทำไมคนบางพวกจึงเห็นว่าการออกกำลังกายว่า ยากกว่าพวกอื่น
-
0:01 - 0:03การมองเห็นเป็นประสาทสัมผัสที่สำคัญ
-
0:03 - 0:06และใช้มากที่สุดที่เรามี
-
0:06 - 0:07ตลอดเวลา เรามองดู
-
0:07 - 0:09โลกรอบกายเรา
-
0:09 - 0:11และต้องระบุกับทำความเข้าใจ
-
0:11 - 0:14กับสิ่งที่เราเห็นได้อย่างรวดเร็ว
-
0:14 - 0:16ขอเริ่มด้วยตัวอย่าง
-
0:16 - 0:17กันก่อนนะคะ
-
0:17 - 0:19ฉันจะให้คุณดูภาพถ่าย
ของคนคนหนึ่ง -
0:19 - 0:21สักสองสามวินาที
-
0:21 - 0:23และฉันอยากให้คุณลองระบุ
-
0:23 - 0:25มาว่าคนในรูปมีอารมณ์อย่างไร
-
0:25 - 0:26พร้อมนะคะ
-
0:26 - 0:29เอาล่ะค่ะ ตามที่รู้สึกเลย
-
0:29 - 0:31โอเค คุณมองเห็นอะไรคะ
-
0:31 - 0:33ที่จริงแล้วเราลองใช้แบบสอบถามสำรวจดู
-
0:33 - 0:36จากคนกว่า 120 คน
-
0:36 - 0:37ผลปรากฏว่าไม่เป็นเอกฉันท์
-
0:37 - 0:40ทุุกคนไม่ได้เห็นพ้องว่า
-
0:40 - 0:43หน้าชายคนนี้แสดงอารมณ์อะไร
-
0:43 - 0:44บางทีคุณอาจจะ
เห็นความกระอักกระอ่วน -
0:44 - 0:46ซึ่งเป็นคำตอบยอดนิยม
-
0:46 - 0:48ที่เราได้รับ
-
0:48 - 0:50แต่ถ้าลองถามคนที่นั่งด้านซ้ายมือของคุณ
-
0:50 - 0:52เขาอาจจะตอบว่า ความเสียดาย
หรือความสงสัย -
0:52 - 0:54หรือถ้าถามคนทางขวามือ
-
0:54 - 0:57เขาอาจจะตอบสิ่ง
ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง -
0:57 - 1:00เช่น ความหวังหรือความเห็นใจ
-
1:00 - 1:02ดังนั้น เมื่อเราลองมามอง
-
1:02 - 1:05ใบหน้าเดียวกันใบนี้อีกครั้ง
-
1:05 - 1:06เราอาจจะเห็น
-
1:06 - 1:09สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมเลย
-
1:09 - 1:12เพราะว่า การรับรู้เป็นเรื่องอัตวิสัย
-
1:12 - 1:14สิ่งที่เราคิดว่าเราเห็น
-
1:14 - 1:15เป็นสิ่งที่จริง ๆ แล้วกรอง
-
1:15 - 1:18ผ่านมโนภาพของเรา
-
1:18 - 1:20มีหลายตัวอย่างเลยที่แสดง
-
1:20 - 1:22ให้เห็นว่าเรามองโลก
ตามมโนภาพของตน -
1:22 - 1:24จะขอยกตัวอย่างให้ฟังสักสองสามข้อ
-
1:24 - 1:27เช่น คนที่กำลังควบคุมอาหาร
-
1:27 - 1:29จะเห็นแอปเปิ้ลว่าผลใหญ่
-
1:29 - 1:32กว่าคนที่ไม่ได้นั่งนับแคลอรี
-
1:32 - 1:35นักกีฬาซอฟต์บอล
จะเห็นลูกบอลว่าเล็กกว่า -
1:35 - 1:38ถ้าเพิ่งออกมากจากช่วงมือตก
-
1:38 - 1:41เมื่อเทียบกับคนที่กำลังมือขึ้น
-
1:41 - 1:44อันที่จริง ความเชื่อด้านการเมือง
-
1:44 - 1:46ก็มีผลกับการมองคนอื่นด้วย
-
1:46 - 1:49รวมทั้งการมองนักการเมืองด้วย
-
1:49 - 1:52ฉันกับทีมวิจัยตัดสินใจ
ที่จะทดสอบปัญหานี้ดู -
1:52 - 1:56ในปี 2008 บารัก โอบามา
ลงสมัครเป็นประธานาธิบดี -
1:56 - 1:57เป็นครั้งแรก
-
1:57 - 2:00เราเลยสำรวจชาวอเมริกันหลายร้อยคน
-
2:00 - 2:02หนึ่งเดือนก่อนการเลือกตั้ง
-
2:02 - 2:04สิ่งที่เราพบในการสำรวจนี้ก็คือ
-
2:04 - 2:06คนอเมริกันบางคน
-
2:06 - 2:08คิดว่ารูปถ่ายเช่นนี้
-
2:08 - 2:11สะท้อนภาพจริงของโอบามาได้ดีที่สุด
-
2:11 - 2:14จากคนกลุ่มนี้ มีคน 75 เปอร์เซ็นต์
-
2:14 - 2:17ที่ไปลงคะแนนให้โอบามาจริง ๆ
-
2:17 - 2:20แต่คนอื่นที่คิดว่ารูปแบบนี้
-
2:20 - 2:22สะท้อนภาพจริงของโอบามา
-
2:22 - 2:2489 เปอร์เซ็นต์ของคนกลุ่มนี้
-
2:24 - 2:26ได้โหวตให้แมคเคน
-
2:26 - 2:29เราแสดงรูปถ่ายของโอบามาเป็นจำนวนมาก
-
2:29 - 2:31ทีละรูป
-
2:31 - 2:34โดยที่คนจะได้ไม่ทันเห็นว่าที่เราเปลี่ยน
-
2:34 - 2:36จากรูปหนึ่งไปยังอีกรูปหนึ่ง
-
2:36 - 2:38ก็คือเราได้แต่งสีผิวของเขาให้ขาวขึ้น
-
2:38 - 2:40หรือให้เข้มขึ้น
-
2:40 - 2:42แล้วนี่เป็นไปได้อย่างไร
-
2:42 - 2:45เป็นไปได้อย่างไรว่าเมื่อฉันดูรูปคน ๆ หนึ่ง
-
2:45 - 2:46หรือวัตถุสิ่งหนึ่ง หรือเหตุการณ์หนึ่ง ๆ
-
2:46 - 2:48ฉันเห็นบางอย่างที่แตกต่าง
-
2:48 - 2:50จากคนอื่นเป็นอย่างมาก
-
2:50 - 2:53จริง ๆ เหตุผลนั้นมีหลายอย่าง
-
2:53 - 2:55แต่อย่างหนึ่งเราต้องเข้าใจ
-
2:55 - 2:57สักเล็กน้อยเพิ่มขึ้นว่า ตาทำงานอย่างไร
-
2:57 - 2:59คือ นักวิทยาศาสตร์เเกี่ยวการเห็นรู้ว่า
-
2:59 - 3:01ปริมาณข้อมูล
-
3:01 - 3:03ที่เราเห็น
-
3:03 - 3:05ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
-
3:05 - 3:07ปริมาณที่เราอาจใส่ใจได้
ค่อนข้างน้อย -
3:07 - 3:10สิ่งที่เราเห็นได้อย่างคมชัด
-
3:10 - 3:12ชัดเจน และแม่นยำ
-
3:12 - 3:14ก็เท่ากับ
-
3:14 - 3:16ส่วนผิวหนังนิ้วโป้งของเรา
-
3:16 - 3:19จากแขนที่ยื่นออกไป
-
3:19 - 3:21ส่วนรอบ ๆ จะไม่ชัด
-
3:21 - 3:23ทำให้สิ่งที่มีอยู่ปรากฏ
-
3:23 - 3:26ต่อตาของเราอย่างไม่ชัด
-
3:26 - 3:28แต่เราต้องทำให้ชัด
-
3:28 - 3:30เพื่อจะให้รู้ได้ว่าเห็นอะไร
-
3:30 - 3:34และเป็นใจของเรานั่นแหละที่เติมเต็ม
-
3:34 - 3:37และดังนั้น การรับรู้เป็นประสบการณ์
ที่เป็นอัตวิสัย -
3:37 - 3:39และนั่นจึงเป็นการเห็น
-
3:39 - 3:41ผ่านมโนภาพของเรา
-
3:41 - 3:43คือ ฉันเป็นนักจิตวิทยาสังคม
-
3:43 - 3:44เป็นคำถามเช่นนี้นี่แหละ
-
3:44 - 3:46ที่ฉันสนใจจริง ๆ
-
3:46 - 3:48ฉันสนใจเหตุการณ์ต่าง ๆ
-
3:48 - 3:50ที่คนมีความเห็นไม่เหมือนกัน
-
3:50 - 3:52ทำไมบางคน
-
3:52 - 3:55จึงเห็นถ้วยว่าเต็มครึ่งหนึ่ง
-
3:55 - 3:56และบางคนเห็นจริงๆจังๆ
-
3:56 - 3:57ว่าพร่องไปครึ่งหนึ่ง
-
3:57 - 4:01อะไรที่คนหนึ่ง ๆ คิดหรือรู้สึก
-
4:01 - 4:02ที่ทำให้เขาเห็นโลก
-
4:02 - 4:04แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
-
4:04 - 4:07และนี่มีผลจริง ๆ อะไรหรือไม่
-
4:07 - 4:10เพื่อที่จะเริ่มตอบคำถามเช่นนี้
-
4:10 - 4:13ทีมวิจัยและฉันตัดสินใจที่จะเจาะลึก
-
4:13 - 4:14ถึงเรื่องที่ได้รับ
-
4:14 - 4:16ความสนใจระดับสากล คือ
-
4:16 - 4:18สุขภาพและฟิตเนสของเรา
-
4:18 - 4:19ทั่วโลก
-
4:19 - 4:22คนกำลังมีปัญหาบริหารน้ำหนักของตน
-
4:22 - 4:24มีวิธีหลายอย่าง
-
4:24 - 4:27ที่เรามีเพื่อช่วยรักษาน้ำหนัก
-
4:27 - 4:31เช่น เราตั้งความมุ่งมั่นที่ดี
-
4:31 - 4:33ที่จะออกกำลังกายหลังวันหยุด
-
4:33 - 4:36แต่จริง ๆ แล้วคนอเมริกันโดยมาก
-
4:36 - 4:38พบว่าสัญญาที่ทำในช่วงปีใหม่
-
4:38 - 4:41จะแตกทำลายก่อนถึงวันวาเลนไทน์
-
4:41 - 4:42เราจะพูดกับตัวเอง
-
4:42 - 4:44อย่างให้กำลังใจ
-
4:44 - 4:46บอกตนว่านี่เป็นปีของเรา
-
4:46 - 4:48ที่จะมีร่างกายแข็งแรงอีก
-
4:48 - 4:50แต่นี่ไม่พอที่จะลด
-
4:50 - 4:51น้ำหนักให้กลับไปสู่อุดมคติ
-
4:51 - 4:53ทำไมถึงเป็นอย่างนี้
-
4:53 - 4:55แน่นอนว่า ไม่มีคำตอบง่าย ๆ
-
4:55 - 4:58แต่ฉันเสนอว่ามีเหตุผลอย่างหนึ่ง
-
4:58 - 5:00ว่ามโนภาพของเรา
-
5:00 - 5:01อาจเป็นศัตรูกับเรา
-
5:01 - 5:04บางคนอาจจะเห็นการออกำลังกาย
-
5:04 - 5:06ว่ายากกว่า
-
5:06 - 5:08และบางคนอาจจะเห็นการออกกำลังกาย
-
5:08 - 5:10ว่าง่ายกว่า
-
5:10 - 5:14ดั้งนั้น ขั้นแรกที่จะตรวจสอบปัญหาเช่นนี้
-
5:14 - 5:16เราจะเก็บวัดข้อมูลที่เป็นปรวิสัย
-
5:16 - 5:19เกี่ยวกับสุขภาพกายของแต่ละคน
-
5:19 - 5:21เราวัดขนาดเอว
-
5:21 - 5:25เทียบกับขนาดตะโพก
-
5:25 - 5:26อัตราส่วนของเอว-ตะโพก ที่ค่าสูงกว่า
-
5:26 - 5:28เป็นตัวบ่งชี้ว่า ร่างกายแข็งแรงน้อยกว่า
-
5:28 - 5:30ค่าอัตราส่วนที่ต่ำกว่า
-
5:30 - 5:33และหลังจากที่วัดค่าเหล่านี้
-
5:33 - 5:34เราบอกผู้ร่วมการทดลองว่า
-
5:34 - 5:36จะให้เดินไปถึงหลักชัย
-
5:36 - 5:38โดยต้องแบกน้ำหนักเพิ่ม
-
5:38 - 5:39โดยทำคล้ายๆแข่งกีฬา
-
5:39 - 5:41แต่ก่อนที่จะเริ่ม
-
5:41 - 5:43เราบอกให้เขาประมาณระยะทาง
-
5:43 - 5:45สู่หลักชัย
-
5:45 - 5:47เราคิดว่าความแข็งแรงทางร่างกาย
-
5:47 - 5:51อาจจะเปลี่ยนการรับรู้ระยะทาง
-
5:51 - 5:53แล้วเราได้พบอะไร
-
5:53 - 5:55คือ ค่าอัตราส่วนเอว-ตะโพก
-
5:55 - 5:58เป็นตัวพยากรณ์การรับรู้ระยะทาง
-
5:58 - 6:01คนที่สุขภาพไม่ดีไม่แข็งแรง
-
6:01 - 6:03จริงๆเห็นระยะทางสู่หลักชัย
-
6:03 - 6:04ว่าไกลกว่าอย่างสำคัญ
-
6:04 - 6:06กว่าคนที่แข็งแรงกว่า
-
6:06 - 6:08สภาพร่างกายของคน
-
6:08 - 6:11เปลี่ยนการรับรู้สิ่งแวดล้อมของตน
-
6:11 - 6:13แต่ใจเราก็สามารถทำการเปลี่ยนได้เช่นกัน
-
6:13 - 6:15คือจริง ๆ แล้วทั้งร่างกายและจิตใจ
-
6:15 - 6:17ทำงานร่วมกัน
-
6:17 - 6:20เพื่อเปลี่ยนการเห็นโลกรอบตัวของเรา
-
6:20 - 6:22ทำให้เราคิดว่าบางที คน
-
6:22 - 6:23ที่มีกำลังใจเข้มแข็ง
-
6:23 - 6:25และจุดหมายมั่นคงเพื่อออกกำลังกาย
-
6:25 - 6:28จริงๆอาจเห็นหลักชัยว่าใกล้
-
6:28 - 6:32กว่าคนที่มีกำลังใจอ่อนกว่า
-
6:32 - 6:34และเพื่อจะทดสอบกำลังใจ
-
6:34 - 6:38ว่ามีผลต่อการรับรู้ของเราเยี่ยงนี้
-
6:38 - 6:40เราได้ทำการศึกษาที่สอง
-
6:40 - 6:42อีกครั้งหนึ่ง เราวัดค่าที่เป็นปรวิสัย
-
6:42 - 6:44เกี่ยวกับสุขภาพทางกาย
-
6:44 - 6:46โดยวัดขนาดเอว
-
6:46 - 6:48และขนาดตะโพก
-
6:48 - 6:52และทดสอบความแข็งแรงด้านอื่น ๆ
-
6:52 - 6:54อาศัยข้อมูลที่เราให้กับพวกเขา
-
6:54 - 6:56ผู้ร่วมการทดลองบางคนบอกเราว่า
-
6:56 - 6:58เขาไม่มีกำลังใจที่จะออกกำลังกายอีกต่อไป
-
6:58 - 7:00เขารู้สึกว่าได้ถึงเป้าหมายสุขภาพ
ที่ต้องการแล้ว -
7:00 - 7:02และจะไม่ทำอะไรอีก
-
7:02 - 7:04คนพวกนี้ไม่มีกำลังใจ
-
7:04 - 7:06แต่พวกอื่น อาศัยข้อมูลที่ได้จากเรา
-
7:06 - 7:09เขาบอกเราว่า มีกำลังใจสูงที่จะออกกำลังกาย
-
7:09 - 7:11มีเป้ามั่นคงที่จะไปถึงหลักชัย
-
7:11 - 7:14แต่อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะให้เดินไปยังเส้นชัย
-
7:14 - 7:16เราให้เขาประมาณระยะทาง
-
7:16 - 7:18ว่าหลักชัยไกลเท่าไร
-
7:18 - 7:20และก็เหมือนกับการศึกษาที่ผ่านมา
-
7:20 - 7:22เราพบว่าค่าอัตราส่วนเอว-ตะโพก
-
7:22 - 7:24เป็นตัวพยากรณ์การรับรู้ระยะทาง
-
7:24 - 7:29คนไม่แข็งแรงเห็นระยะทางว่าไกลกว่า
-
7:29 - 7:31เห็นหลักชัยว่าไกล
-
7:31 - 7:33กว่าคนที่แข็งแรงกว่า
-
7:33 - 7:35จุดสำคัญก็คือ นี่เกิดกับ
-
7:35 - 7:37คนที่ไม่มีกำลังใจ
-
7:37 - 7:38ที่จะออกกำลังกาย (เท่านั้น)
-
7:38 - 7:40เพราะนัยตรงกันข้าม
-
7:40 - 7:43คนที่มีกำลังใจสูงที่จะออกกำลังกาย
-
7:43 - 7:45เห็นระยะทางว่าสั้น
-
7:45 - 7:47แม้แต่คนที่แข็งแรงน้อยที่สุด
-
7:47 - 7:49เห็นหลักชัย
-
7:49 - 7:50ว่าใกล้พอกัน
-
7:50 - 7:52ถ้าไม่ใช่ใกล้กว่า
-
7:52 - 7:55เทียบกับคนที่แข็งแรงกว่า
-
7:55 - 7:57ดังนั้น ร่างกายของเราสามารถเปลี่ยน
-
7:57 - 7:59ความรู้สึกว่าหลักชัยนั้นไกลเท่าไร
-
7:59 - 8:03แต่คนที่ปักใจเพื่อไปถึงเป้าหมาย
ที่สามารถทำได้ -
8:03 - 8:05ที่สามารถไปถึงได้ในอนาคตเร็ว ๆ นี้
-
8:05 - 8:07และเชื่อว่าตนสามารถ
-
8:07 - 8:09ที่จะไปถึงเป้าหมาย
-
8:09 - 8:12เห็นว่าการออกกำลังกายว่า ง่ายกว่า
-
8:12 - 8:14นี่ทำให้เราสงสัยต่อไปว่า
-
8:14 - 8:17มีกลวิธีที่เราสามารถใช้
-
8:17 - 8:19สอนคนเพื่อจะช่วย
-
8:19 - 8:21เปลี่ยนการรับรู้ระยะทาง
-
8:21 - 8:24ช่วยทำให้เห็นว่าการออกกำลังกายง่ายขึ้น
หรือไม่ -
8:24 - 8:26เราจึงไปดูวรรณกรรมวิทยาศาสตร์เกี่ยวการเห็น
-
8:26 - 8:28เพื่อวางแผนว่าต้องทำอะไร
-
8:28 - 8:31อาศัยสิ่งที่เราอ่าน เราจึงได้กลยุทธ์หนึ่ง
-
8:31 - 8:34ที่เราเรียกว่า "มองแต่ที่จุดหมาย"
-
8:34 - 8:36นี่ไม่ใชสโลแกน
-
8:36 - 8:38จากโปสเตอร์ให้แรงบันดาลใจ
-
8:38 - 8:40(แต่)เป็นแนวทางจริง ๆ
-
8:40 - 8:43เพื่อใช้ดูสิ่งแวดล้อมของคุณ
-
8:43 - 8:45คนที่เราสอนให้ใช้วิธีนี้
-
8:45 - 8:49เราบอกให้ใส่ใจที่หลักชัย
-
8:49 - 8:51ไม่ให้ดูสิ่งรอบ ๆ
-
8:51 - 8:52ให้จินตนาการว่า มีสปอร์ตไลท์
-
8:52 - 8:54ฉายที่เป้าหมายนั้น
-
8:54 - 8:56ให้สิ่งที่อยู่รอบ ๆ มองไม่ชัด
-
8:56 - 8:58และมองไม่ค่อยเห็น
-
8:58 - 9:00เรานึกว่าวิธีนี้
-
9:00 - 9:03จะทำให้การออกกำลังกายดูง่ายกว่า
-
9:03 - 9:04เราเปรียบเทียบคนกลุ่มนี้
-
9:04 - 9:06กับกลุ่มควบคุม
-
9:06 - 9:07ซึ่งเราบอกว่า
-
9:07 - 9:09ให้ดูสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ
-
9:09 - 9:10ตามปกติ
-
9:10 - 9:12คุณอาจจะสังเกตเห็นหลักชัย
-
9:12 - 9:13แต่คุณก็อาจจะสังเกตเห็น
-
9:13 - 9:15ถังขยะที่อยู่ด้านขวา
-
9:15 - 9:18หรือคนและเสาไฟที่อยู่ด้านซ้าย
-
9:18 - 9:20เรานึกว่าคนที่ใช้วิธีนี้
-
9:20 - 9:22จะเห็นระยะทางว่า ไกลกว่า
-
9:22 - 9:25แล้วเราพบอะไร
-
9:25 - 9:27เมื่อเราให้พวกเขาประมาณระยะทาง
-
9:27 - 9:29กลยุทธ์นี้ได้ผลหรือไม่
-
9:29 - 9:31ในการเปลี่ยนประสบการณ์การรับรู้
-
9:31 - 9:32เปลี่ยนค่ะ
-
9:32 - 9:34คนที่มองดูแต่ที่เป้าหมาย
-
9:34 - 9:37เห็นหลักชัยว่าอยู่ 30 เปอร์เซนต์
-
9:37 - 9:39ใกล้กว่าคนที่แลดูรอบ ๆ
-
9:39 - 9:40ตามธรรมชาติ
-
9:40 - 9:42เราคิดว่า เยี่ยม
-
9:42 - 9:44เราตื่นเต้นมากเพราะนี่หมายความว่า
-
9:44 - 9:45วิธีนี้ช่วยให้
-
9:45 - 9:47การออกกำลังกายดูง่ายกว่า
-
9:47 - 9:49แต่คำถามสำคัญก็คือ
-
9:49 - 9:51นี่จะช่วยการออกกำลังกาย
-
9:51 - 9:52ให้ดีกว่าจริง ๆ หรือเปล่า
-
9:52 - 9:54สามารถเพิ่มคุณภาพ
-
9:54 - 9:56ของการออกกำลังกายด้วยหรือไม่
-
9:56 - 9:58ขั้นต่อไป เราจึงบอกคนร่วมทดลองว่า
-
9:58 - 10:00คุณจะเดินไปยังหลักชัย
-
10:00 - 10:02โดยใส่น้ำหนักเพิ่ม
-
10:02 - 10:04เราเพิ่มน้ำหนักไปที่ข้อเท้า
-
10:04 - 10:07หนักประมาณ 15 เปอร์เซนต์ของน้ำหนักตัว
-
10:07 - 10:09เราบอกให้เขายกเข่าสูง ๆ
-
10:09 - 10:11ให้เดินไปที่หลักชัยเร็ว ๆ
-
10:11 - 10:13เราออกแบบการออกกำลังกายนี้โดยเฉพาะ
-
10:13 - 10:15ให้ท้าทายพอสมควร
-
10:15 - 10:17แต่ไม่ใช่ว่ายากจนทำไม่ได้
-
10:17 - 10:18ให้เหมือนกับออกกำลังโดยมาก
-
10:18 - 10:21ที่เพิ่มความแข็งแรงของเราจริง ๆ
-
10:21 - 10:23คำถามสำคัญต่อไปก็คือ
-
10:23 - 10:25การมองแต่ที่เป้าหมาย
-
10:25 - 10:28และใส่ใจแต่ที่หลักชัย
-
10:28 - 10:31จะเปลี่ยนประสบการณ์การออกกำลังกายหรือไม่
-
10:31 - 10:32เปลี่ยนค่ะ
-
10:32 - 10:34คนที่มองแต่ที่เป้าหมาย
-
10:34 - 10:36บอกเราภายหลังว่าใช้
-
10:36 - 10:38กำลัง 17 เปอร์เซนต์
-
10:38 - 10:40ในการออกกำลังกายนี้
-
10:40 - 10:43น้อยกว่าคนที่มองดูรอบ ๆ ตามธรรมชาติ
-
10:43 - 10:45มันได้เปลี่ยนประสบการณ์ที่เป็นอัตวิสัย
-
10:45 - 10:47ของการออกกำลังกาย
-
10:47 - 10:50และมันก็ได้เปลี่ยนธรรมชาติที่เป็นปรวิสัย
-
10:50 - 10:51ของการออกกำลังกายด้วย
-
10:51 - 10:54คนที่ดูแต่ที่เป้าหมาย
-
10:54 - 10:56ไปได้ 23 เปอร์เซนต์ เร็วกว่า
-
10:56 - 11:00คนที่แลดูรอบ ๆ ตามธรรมชาติ
-
11:00 - 11:01เทียบอย่างง่าย ๆ
-
11:01 - 11:03ความเร็วขึ้น 23 เปอร์เซนต์
-
11:03 - 11:07เป็นเหมือนกับแลกรถเชฟโรเลต ไซเตชั่น
ปี 80 ของคุณ -
11:07 - 11:12กับรถเชฟโรเลต คอร์เวตปี 80
-
11:12 - 11:14เราตื่นเต้นมากกับเรื่องนี้
-
11:14 - 11:16เพราะมันหมายความว่าวิธีนี้
-
11:16 - 11:18ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย
-
11:18 - 11:20และง่ายที่คนจะใช้
-
11:20 - 11:22ไม่ว่าจะมีสุขภาพเป็นอย่างไร
-
11:22 - 11:24หรือลำบากที่จะไปถึงเส้นชัย
-
11:24 - 11:25มีผลมาก
-
11:25 - 11:27การมองแต่ที่เป้าหมาย
-
11:27 - 11:30ทำให้การออกกำลังกายดูและรู้สึกว่าง่ายกว่า
-
11:30 - 11:32แม้ว่าจะต้องพยายามมากกว่า
-
11:32 - 11:34เพราะว่าเดินเร็วกว่า
-
11:34 - 11:37จริงอยู่ ฉันรู้ว่ามีองค์ทางสุขภาพอย่างอื่น
-
11:37 - 11:39มากไปกว่าการเดินเร็วเพิ่มอีกนิดหน่อย
-
11:39 - 11:41แต่การมองแต่ที่เป้าหมาย
-
11:41 - 11:43อาจเป็นวิธีอีกวิธีหนึ่ง
-
11:43 - 11:45ที่คุณสามารถใช้ช่วยโปรโมต
-
11:45 - 11:47การใช้ชีวิตแบบสุขภาพ
-
11:47 - 11:49ถ้าคุณยังไม่เชื่อ
-
11:49 - 11:52ว่าเรามองเห็นโลกตามมโนภาพของเรา
-
11:52 - 11:54ฉันขอทิ้งตัวอย่างสุดท้ายไว้ให้
-
11:54 - 11:57นี่เป็นรูปถ่ายของถนนงามในกรุงสตอกโฮล์ม
กับรถ 2 คัน -
11:57 - 11:59รถคันหลังดูใหญ่
-
11:59 - 12:01กว่าคันข้างหน้ามาก
-
12:01 - 12:02แต่ว่า จริง ๆ แล้ว
-
12:02 - 12:05รถทั้งสองขนาดเดียวกัน
-
12:05 - 12:08แต่ว่า เราไม่ได้เห็นอย่างนั้น
-
12:08 - 12:10แล้วนี่มันหมายความว่า
-
12:10 - 12:11ตาของเราเสียหรือไม่
-
12:11 - 12:14หรือว่าสมองของเราผิดปกติ
-
12:14 - 12:17ไม่ได้ความว่าอย่างนั้นเลย
-
12:17 - 12:19นี่เป็นเพียงวิธีการทำงานของตาเรา
-
12:19 - 12:21เราอาจจะเห็นโลกต่างกันไป
-
12:21 - 12:23และบางครั้งมันก็อาจจะ
-
12:23 - 12:25ไม่ตรงกับความจริง
-
12:25 - 12:27แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งถูก
-
12:27 - 12:29และอีกคนหนึ่งผิด
-
12:29 - 12:31เราล้วนแต่เห็นโลกตามมโนภาพของเรา
-
12:31 - 12:34แต่เราสามารถสอนตนให้เห็นอย่างอื่นได้
-
12:34 - 12:36ฉันสามารถนึกถึงวัน
-
12:36 - 12:38ที่ไม่มีอะไรดีเลยสำหรับฉัน
-
12:38 - 12:41ฉันเบื่อ อารมณ์เสีย เหนื่อย
-
12:41 - 12:42และฉันเหลืองานอีกเยอะมาก
-
12:42 - 12:45และมีเมฆสีดำ ๆ ก้อนใหญ่
-
12:45 - 12:46ที่กำลังลอยอยู่เหนือหัวฉัน
-
12:46 - 12:47และในวันเช่นนี้นี่แหละ
-
12:47 - 12:49ที่ทุกคนรอบตัวฉันดูเหมือน
-
12:49 - 12:51จะดูไม่ดีไปด้วย
-
12:51 - 12:53เพื่อนร่วมงานของฉันดูจะรำคาญ
-
12:53 - 12:56เมื่อฉันขอเลื่อนงาน
-
12:56 - 12:58เพื่อนฉันดูจะขัดข้องใจ
-
12:58 - 13:01เมื่อฉันไปกินข้าวกลางวันสาย
เพราะประชุมนาน -
13:01 - 13:02และในตอนเย็น
-
13:02 - 13:04สามีของฉันดูจะผิดหวัง
-
13:04 - 13:07เพราะฉันอยากจะไปนอนแทนที่จะไปดูหนัง
-
13:07 - 13:10และเป็นวันเช่นนี้นี่แหละที่ทุกคนดูเหมือน
-
13:10 - 13:12จะไม่พอใจและโกรธฉัน
-
13:12 - 13:15ฉันพยายามเตือนใจตนว่า
มีมุมมองอื่น -
13:15 - 13:18บางทีเพื่อนร่วมงานฉันอาจจะสับสน
-
13:18 - 13:21บางที่เพื่อนฉันอาจจะเป็นห่วง
-
13:21 - 13:24บางทีสามีฉันอาจจะรู้สึกเห็นใจไม่ใช่อื่น
-
13:24 - 13:26เพราะเราเห็นโลก
-
13:26 - 13:28ตามมโนภาพของเรา
-
13:28 - 13:30และในบางวัน อาจจะดูเหมือน
-
13:30 - 13:31ว่าโลกอันตราย
-
13:31 - 13:34เป็นความยากที่ข้ามไม่ได้
-
13:34 - 13:37แต่มันไม่ต้องดูเหมือนอย่างนั้นตลอดชั่วกาลนาน
-
13:37 - 13:39เราสามารถสอนตนให้เห็นแตกต่างออกไป
-
13:39 - 13:41และเมื่อเรารู้วิธีที่จะทำให้โลก
-
13:41 - 13:43ดูสวยงามขึ้นและง่ายขึ้น
-
13:43 - 13:46มันก็อาจจะกลายเป็นอย่างนั้นจริงๆ
-
13:46 - 13:47ขอบคุณค่ะ
-
13:47 - 13:51(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ทำไมคนบางพวกจึงเห็นว่าการออกกำลังกายว่า ยากกว่าพวกอื่น
- Speaker:
- เอมิลี่ บาลเซทิส (Emily Balcetis)
- Description:
-
ทำไมคนบางคนถึงต้องพยายามมากกว่าเพื่อนเรื่องการรักษาน้ำหนัก นักจิตวิทยาสังคม เอมิลี่ บาลเซทิส แสดงผลการวิจัยที่พูดถึงปัจจัยอย่างหนึ่ง นั่นคือ การมองเห็น
ในปาฐกถาที่เปี่ยมไปด้วยข้อมูลนี้ เอมิลี่แสดงให้เห็นว่า เมื่อพูดถึงเรื่องการออกกำลังกาย บางคนจะเห็นโลกในมุมที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง แล้วจะเสนอแนวทางแก้ไขง่ายๆทีน่าอัศจรรย์ใจของปัญหาเรื่องการมองโลกที่แตกต่างกันอีกด้วย - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 14:08
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Why some people find exercise harder than others | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Why some people find exercise harder than others | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Why some people find exercise harder than others | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Why some people find exercise harder than others | ||
Retired user accepted Thai subtitles for Why some people find exercise harder than others | ||
Retired user edited Thai subtitles for Why some people find exercise harder than others | ||
Retired user edited Thai subtitles for Why some people find exercise harder than others | ||
Retired user edited Thai subtitles for Why some people find exercise harder than others |