ลูก ๆ ของเราจะเป็นมนุษย์สายพันธุ์ที่แตกต่างออกไปหรือไม่
-
0:00 - 0:02เช่นเดียวกับเรื่องราวดี ๆ ทั้งหลาย
-
0:02 - 0:04เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อนาน นาน มาแล้ว
-
0:04 - 0:07ในเวลาที่เอาจริง ๆ แล้วยังไม่มีอะไรเลย
-
0:07 - 0:09นี่คือภาพโดยสมบูรณ์ของจักรวาล
-
0:09 - 0:12เมื่อประมาณ 14,000 ล้านปีที่แล้ว
-
0:12 - 0:15พลังงานทั้งหมดถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นจุดพลังงานเดียว
-
0:15 - 0:17ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง มันระเบิด
-
0:17 - 0:19แล้วก็เริ่มเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา
-
0:19 - 0:22ดังนั้นตอนนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้นมาประมาณ 14,000 ล้านปี
-
0:22 - 0:24และสิ่งเหล่านี้ก็ขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ
-
0:24 - 0:26กลายเป็นกาแลคซี่ขนาดใหญ่ยักษ์
-
0:26 - 0:27และคุณก็มีกาแลคซี่อยู่เป็นล้านล้านกาแลคซี่
-
0:27 - 0:29และภายในกาแลคซี่เหล่านี้
-
0:29 - 0:31คุณจะเห็นกลุ่มฝุ่นขนาดใหญ่มหึมา
-
0:31 - 0:33และสิ่งที่ผมอยากให้คุณให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ
-
0:33 - 0:34ง่ามเล็ก ๆ สามอันนี้
-
0:34 - 0:36ตรงกลางภาพ
-
0:36 - 0:38ถ้าคุณมองสิ่งเหล่านี้แบบใกล้ ๆ
-
0:38 - 0:39พวกมันจะมีหน้าตาแบบนี้ครับ
-
0:39 - 0:42และสิ่งที่คุณกำลังมองอยู่ก็คือกลุ่มฝุ่นรูปร่างเหมือนเสา
-
0:42 - 0:44ซึ่งมีฝุ่นอยู่จำนวนมาก
-
0:44 - 0:49ซึ่งขนาดของมันในแนวตั้งก็คือหนึ่งล้านล้านไมล์
-
0:49 - 0:52และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็คือมันมีฝุ่นอยู่มากมายเหลือเกิน
-
0:52 - 0:53มันเกาะกลุ่มเข้าหากันและรวมตัวเข้าด้วยกัน
-
0:53 - 0:57และก่อให้เกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์
-
0:57 - 0:58ดังนั้นสิ่งที่คุณกำลังมองดูอยู่
-
0:58 - 1:00ก็คือกำเนิดของดวงดาว
-
1:00 - 1:01นี่คือเหล่าดวงดาวซึ่งถือกำเนิดจากที่นี่
-
1:01 - 1:04เมื่อมีดวงดาวเกิดขึ้นมามากพอ
-
1:04 - 1:06พวกมันจะก่อให้เกิดเป็นกาแลคซี่
-
1:06 - 1:09กาแลคซี่่ตรงนี้บังเอิญว่าเป็นกาแลคซี่
ที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ -
1:09 - 1:11เพราะว่าพวกคุณอยู่ที่นี่
-
1:11 - 1:12(เสียงหัวเราะ)
-
1:12 - 1:14และเมื่อคุณมองดูกาแลคซี่นี้ใกล้ ๆ
-
1:14 - 1:16คุณจะพบดวงดาวที่ค่อนข้างธรรมดา
-
1:16 - 1:19ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ
-
1:19 - 1:23พอถึงตอนนี้คุณก็มาได้สองในสามของเรื่องราวนี้แล้ว
-
1:23 - 1:25ดังนั้นดวงดาวนี้ยังไม่เกิดขึ้นเลย
-
1:25 - 1:28จนกระทั่งมาถึงระยะสองในสามของเรื่องราวนี้
-
1:28 - 1:29และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
-
1:29 - 1:30มีฝุ่นผงเหลืออยู่มากพอ
-
1:30 - 1:32จนมันไม่ได้กำเนิดเป็นดาวฤกษ์
-
1:32 - 1:34มันกลายเป็นดาวเคราะห์
-
1:34 - 1:39และสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นก่อน 4,000 ล้านปีที่แล้วเล็กน้อย
-
1:39 - 1:40และไม่นานหลังจากนั้น
-
1:40 - 1:42มันมีวัตถุธาตุเหลืออยู่เพียงพอ
-
1:42 - 1:47จนได้เป็น "น้ำซุปแห่งชีวิต"
(ของเหลวที่ประกอบด้วยสารอินทรีย์ ก่อเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตแรกในโลก) -
1:47 - 1:49และนั่นก็ก่อกำเนิดชีวิตขึ้นมา
-
1:49 - 1:53และชีวิตก็เริ่มต้นขยายออกไป ขยาย ขยาย
-
1:53 - 1:54จนกระทั่งมันพัง
-
1:54 - 1:58(เสียงหัวเราะ)
-
1:58 - 1:59ตอนนี้สิ่งที่แปลกประหลาดอย่างแท้จริงก็คือ
-
1:59 - 2:02ชีวิตได้พังไป ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ไม่ใช่สองครั้ง
-
2:02 - 2:04แต่เป็นห้าครั้ง
-
2:04 - 2:06ดังนั้นเกือบทุกชีวิตบนโลก
-
2:06 - 2:09ถูกกวาดล้างออกไปประมาณห้าครั้ง
-
2:09 - 2:10และเมื่อคุณกำลังคิดถึงเรื่องนั้น
-
2:10 - 2:13สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
-
2:13 - 2:14มีสิ่งต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
-
2:14 - 2:18เพื่อใช้ในการสร้างสิ่งใหม่
-
2:18 - 2:20และเราก็ยังไม่ปรากฎตัวขึ้น
-
2:20 - 2:25จนกระทั่งประมาณ 99.96 เปอร์เซ็นต์ของเวลาในเรื่องราวนี้
-
2:25 - 2:29ที่พวกเราและบรรพบุรุษของพวกเราอยู่ในภาพนี้ด้วย
-
2:29 - 2:33ดังนั้นภายใต้บริบทนั้น มีทฤษฎีอยู่สองทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องนี้
-
2:33 - 2:34ว่าทำไมพวกเราทุกคนถึงมาอยู่ที่นี่
-
2:34 - 2:36ทฤษฎีแรกของเรื่องนี้
-
2:36 - 2:39ก็คือทั้งหมดที่เขาเขียน
-
2:39 - 2:41ภายใต้ทฤษฎีนั้น
-
2:41 - 2:42พวกเราคือทั้งหมดและที่สุด
-
2:42 - 2:44ของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
-
2:44 - 2:47และเหตุผลของกาแลคซี่นับล้านล้าน
-
2:47 - 2:49ดาวเคราะห์จำนวนหลายล้านล้านล้านดวง
-
2:49 - 2:54ก็คือเพื่อสร้างบางสิ่งที่ดูเป็นแบบนั้น
-
2:54 - 2:57และบางสิ่งที่ดูเป็นแบบนั้น
-
2:57 - 2:59และนั่นคือจุดมุ่งหมายของจักรวาล
-
2:59 - 3:00แล้วหลังจากนั้นมันก็ราบเรียบเป็นเส้นตรง
-
3:00 - 3:02มันไม่ได้ดีขึ้นมาเลย
-
3:02 - 3:06(เสียงหัวเราะ)
-
3:06 - 3:09คำถามเดียวที่คุณอาจจะต้องการถามตัวเองก็คือ
-
3:09 - 3:14นั่นมันออกจากหยิ่งผยองไปสักหน่อยหรือเปล่า
-
3:14 - 3:16และถ้ามันเป็นอย่างนั้น
-
3:16 - 3:21โดยเฉพาะเมื่อมองข้อเท็จจริงที่ว่า
เราเคยเข้าใกล้การสูญพันธุ์มากเหลือเกินแล้ว -
3:21 - 3:25เราเหลือเพียงประมาณ 2,000 สายพันธุ์เท่านั้น
-
3:25 - 3:27ถ้าฝนไม่ตกสักสองสามสัปดาห์
-
3:27 - 3:30เราก็จะไม่ได้เห็นคนเหล่านี้อีกเลย
-
3:30 - 3:36(เสียงหัวเราะ)
-
3:36 - 3:41(เสียงปรบมือ)
-
3:41 - 3:44ดังนั้นคุณอาจจะต้องคิดถึงทฤษฎีที่สอง
-
3:44 - 3:47ถ้าทฤษฎีแรกยังไม่ดีพอ
-
3:47 - 3:49ทฤษฎีที่สองก็คือ "เราสามารถอัพเกรดได้หรือไม่"
-
3:49 - 3:52(เสียงหัวเราะ)
-
3:52 - 3:55ทำไมใครสักคนถึงจะต้องถามคำถามแบบนั้น
-
3:55 - 3:57เพราะว่าจนถึงตอนนี้ฮิวแมนนอยด์มีการอัพเกรดแล้ว
-
3:57 - 3:59อย่างน้อยที่สุด 29 ครั้ง
-
3:59 - 4:02ดังนั้นผลจึงปรากฎว่าพวกเราได้อัพเกรด
-
4:02 - 4:04เราได้อัพเกรดกันมาครั้งแล้วครั้งเล่า
-
4:04 - 4:07และปรากฎว่าเราค้นพบการอัพเกรดอยู่เรื่อย ๆ
-
4:07 - 4:09เราค้นพบสิ่งนี้เมื่อปีที่แล้ว
-
4:09 - 4:12เราค้นพบอีกอันเมื่อเดือนก่อน
-
4:12 - 4:14และเมื่อคุณกำลังคิดถึงเรื่องนี้
-
4:14 - 4:16คุณอาจจะถามคำถามนี้ด้วยเช่นกัน
-
4:16 - 4:19แล้วทำไมถึงต้องเป็นสายพันธุ์มนุษย์เดียวด้วยล่ะ
-
4:19 - 4:21มันจะไม่แปลกเสียจริง ๆ เหรอ
-
4:21 - 4:25ถ้าคุณไปที่แอฟริกา เอเชีย และแอนตาร์คติกา
-
4:25 - 4:27และพบนกชนิดเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน
-
4:27 - 4:31โดยเฉพาะเมื่อคิดดูว่าเราเคยอยู่ร่วมกันในเวลาเดียวกัน
-
4:31 - 4:34กับฮิวแมนนอยด์เวอร์ชั่นอื่น ๆ อีก 8 เวอร์ชั่น
-
4:34 - 4:37ในเวลาเดียวกันบนดาวเคราะห์แห่งนี้
-
4:37 - 4:38ดังนั้นสภาวะปกติ
-
4:38 - 4:41จึงไม่ใช่การมีเพียงโฮโมเซเพี่ยนส์
-
4:41 - 4:42สภาวะปกติ
-
4:42 - 4:46คือการมีมนุษย์หลากหลายเวอร์ชั่นเดินไปมาแถวนี้
-
4:46 - 4:49และถ้านั่นคือสภาวะปกติ
-
4:49 - 4:51คุณก็อาจจะถามตัวเองว่า
-
4:51 - 4:53ถ้าเกิดว่าเราอยากจะสร้างสิ่งอื่นบางอย่างล่ะ
-
4:53 - 4:56การกลายพันธุ์จะต้องมากสักขนาดไหน
-
4:56 - 4:59สแวนเต พาโบมีคำตอบครับ
-
4:59 - 5:01ความแตกต่างระหว่างมนุษย์และมนุษย์นีแอนเดอธัล
-
5:01 - 5:05คือ 0.004 เปอร์เซ็นต์ของรหัสพันธุกรรม
-
5:05 - 5:06นั่นคือขนาดของความแตกต่าง
-
5:06 - 5:09ระหว่างสายพันธุ์หนึ่งกับอีกสายพันธุ์หนึ่ง
-
5:09 - 5:13สิ่งนี้อธิบายถึงการโต้แย้งทางการเมืองในสมัยนี้ได้
-
5:13 - 5:15(เสียงหัวเราะ)
-
5:15 - 5:18แต่เมื่อคุณคิดถึงเรื่องนี้
-
5:18 - 5:19สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ
-
5:19 - 5:23การกลายพันธุ์เหล่านี้นั้นเล็กขนาดไหน
และพวกมันเกิดขึ้นที่ไหน -
5:23 - 5:24ความแตกต่างระหว่างมนุษย์และมนุษย์นีแอนเดอธัล
-
5:24 - 5:26คืออสุจิและลูกอัณฑะ
-
5:26 - 5:27กลิ่นและผิวหนัง
-
5:27 - 5:29และสิ่งเหล่านั้นเป็นยีนส์เฉพาะ
-
5:29 - 5:31ที่ทำให้สายพันธุ์หนึ่งแตกต่างจากอีกสายพันธุ์
-
5:31 - 5:35ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยมากๆ
สามารถสร้างผลกระทบใหญ่หลวงได้ -
5:35 - 5:36และเมื่อคุณกำลังคิดถึงเรื่องนี้
-
5:36 - 5:39เราก็กำลังกลายพันธุ์กันอย่างต่อเนื่อง
-
5:39 - 5:42ดังนั้นเมื่อประมาณหนึ่งหมื่นปีก่อนใกล้กับทะเลดำ
-
5:42 - 5:44เราได้มีการกลายพันธุ์ครั้งหนึ่งในยีนส์ตัวหนึ่ง
-
5:44 - 5:46ซึ่งทำให้เกิดดวงตาสีน้ำเงิน
-
5:46 - 5:50และสิ่งนั้นก็กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อมาอีกเรื่อย ๆ
-
5:50 - 5:52และในขณะที่มันเกิดขึ้นเรื่อยมา
-
5:52 - 5:53หนึ่งในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้
-
5:53 - 5:57ก็คือเรากำลังจะค้นพบจีโนมมนุษย์ 10,000 จีโนมแรก
-
5:57 - 6:00เพราะว่าตอนนี้การหาลำดับคู่เบส
ในสายดีเอ็นเอทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายถูกลงพอแล้ว -
6:00 - 6:01และเมื่อเราค้นพบสิ่งเหล่านั้น
-
6:01 - 6:04เราอาจจะค้นพบความแตกต่าง
-
6:04 - 6:07แต่ถึงอย่างไร นี่ไม่ใช่การอภิปรายที่เราพร้อมรับ
-
6:07 - 6:10เพราะว่าเราใช้วิทยาศาสตร์อย่างไม่ถูกต้องจริง ๆ ในเรื่องนี้
-
6:10 - 6:14ในช่วงทศวรรษ 1920 เราคิดว่ามีความแตกต่าง
ที่สำคัญระหว่างผู้คน -
6:14 - 6:18ส่วนหนึ่งนั้นมีพื้นฐานมาจากงานของฟรานซิส กาลตัน
-
6:18 - 6:20เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของดาร์วิน
-
6:20 - 6:22แต่สหรัฐอเมริกา สถาบันคาร์เนกี้
-
6:22 - 6:25สแตนฟอร์ด สมาคมประสาทวิทยาแห่งสหรัฐ
-
6:25 - 6:27รับแนวคิดนี้มาใช้จนเกินเลยไป
-
6:27 - 6:30ซึ่งมันถูกส่งออกและถูกนำไปใช้อย่างผิดพลาดอย่างยิ่ง
-
6:30 - 6:33ความจริงก็คือ มันนำไปสู่การปฏิบัติต่อมนุษย์
-
6:33 - 6:35อย่างน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
-
6:35 - 6:38ดังนั้นตั้งแต่ทศวรรษ 1940 เป็นต้นมา
เราก็พูดกันว่าไม่มีความแตกต่างใด ๆ -
6:38 - 6:39พวกเราทุกคนต่างเหมือนกัน
-
6:39 - 6:42สิ้นปีนี้เราจะได้รู้กันว่านั่นเป็นความจริงหรือไม่
-
6:42 - 6:44และเมื่อเราคิดถึงสิ่งนั้น
-
6:44 - 6:46เราก็เริ่มจะค้นพบสิ่งต่าง ๆ อย่างแท้จริง
-
6:46 - 6:49เช่น คุณมียีนส์ ACE หรือเปล่า
-
6:49 - 6:51สิ่งนั้นสำคัญตรงไหน
-
6:51 - 6:55เพราะว่าไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่มียีนส์ ACE
-
6:55 - 6:58เคยปีนยอดเขาสูง 8,000 เมตรได้โดยปราศจากออกซิเจน
-
6:58 - 7:00และถ้าคุณอยากจะชี้เฉพาะให้มากขึ้นอีก
-
7:00 - 7:03แล้วอย่างจีโนไทป์ (ลักษณะทางพันธุกรรม) 577R ล่ะ
-
7:03 - 7:07ผลปรากฎว่านักกีฬาโอลิมปิคชาย
ในกีฬาที่ใช้พลังทุกคนที่เคยได้รับการทดสอบ -
7:07 - 7:11มีตัวแปรเหล่านี้อย่างน้อยที่สุดหนึ่งตัว
-
7:11 - 7:12ถ้านั่นเป็นความจริง
-
7:12 - 7:14มันก็นำไปสู่คำถามที่ซับซ้อนมากจำนวนหนึ่ง
-
7:14 - 7:16สำหรับโอลิมปิคที่ลอนดอน
-
7:16 - 7:18มีทางเลือกสามทาง
-
7:18 - 7:21คุณต้องการให้โอลิมปิคเป็นการโชว์
-
7:21 - 7:23ของมนุษย์กลายพันธุ์ที่พยายามอย่างหนักหรือเปล่า
-
7:23 - 7:25(เสียงหัวเราะ)
-
7:25 - 7:28ทางเลือกหมายเลขสอง
-
7:28 - 7:31ทำไมเราไม่เล่นเกมแบบกอลฟ์หรือพายเรือล่ะ
-
7:31 - 7:34เพราะว่าคุณมีสิ่งนั้น ส่วนคุณไม่มีสิ่งนั้น
-
7:34 - 7:38ผมจะให้คุณเริ่มก่อนหนึ่งในสิบของวินาที
-
7:38 - 7:39เวอร์ชั่นหมายเลขสาม
-
7:39 - 7:41เพราะว่าสิ่งนี้เป็นยีนส์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
-
7:41 - 7:44และคุณมีมัน ส่วนคุณไม่ได้เลือกพ่อแม่ที่ถูกต้อง
-
7:44 - 7:47คุณมีสิทธิที่จะอัพเกรด
-
7:47 - 7:49ทางเลือกที่แตกต่างกันสามทาง
-
7:49 - 7:51ถ้าความแตกต่างเหล่านี้คือความแตกต่าง
-
7:51 - 7:54ระหว่างผู้ได้เหรียญโอลิมปิคและผู้ที่ไม่ได้เหรียญโอลิมปิค
-
7:54 - 7:57และผลปรากฎออกมาว่าในขณะที่เราค้นพบสิ่งเหล่านี้
-
7:57 - 8:00จริง ๆ แล้วพวกเรามนุษย์ชอบเปลี่ยนแปลง
-
8:00 - 8:02หน้าตาของเรา กิริยาท่าทางของเรา
-
8:02 - 8:04สิ่งที่ร่างกายของเราทำ
-
8:04 - 8:08และเรามีการทำศัลยกรรมพลาสติกประมาณ 10.2 ล้านเคส
ในสหรัฐอเมริกา -
8:08 - 8:11เว้นแต่ว่าด้วยเทคโนโลยี วันนี้สิ่งนั้นกำลังมาทางออนไลน์
-
8:11 - 8:14การแก้ไข การลบ
-
8:14 - 8:16การเพิ่ม การเสริมของทุกวันนี้
-
8:16 - 8:19กำลังจะดูเหมือนกับการเล่นของเด็ก
-
8:19 - 8:23คุณได้เห็นผลงานของโทนี่ อตาลา บนเวที TED แล้ว
-
8:23 - 8:26แต่ความสามารถในการเริ่มใส่เซลล์
-
8:26 - 8:29เข้าไปในสิ่งของอย่างตลับหมึก
-
8:29 - 8:34กำลังทำให้เราสามารถพิมพ์ผิวหนัง อวัยวะ
-
8:34 - 8:37และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายทั้งหมดทั้งมวล
-
8:37 - 8:38และในขณะที่เทคโนโลยีเหล่านี้ก้าวรุดหน้า
-
8:38 - 8:42คุณจะได้เห็นสิ่งนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คุณจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้
-
8:42 - 8:45ปี 2000 การหาลำดับคู่เบสในสายดีเอ็นเอของมนุษย์
-
8:45 - 8:49และดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
-
8:49 - 8:52จนกระทั่งมันเกิดขึ้น
-
8:52 - 8:55และเราอาจจะอยู่ในช่วงเวลาสัปดาห์เหล่านั้น
-
8:55 - 8:57และเมื่อคุณคิดถึงเรื่องที่
-
8:57 - 9:00ผู้ชายสองคนหาลำดับคู่เบสในสายดีเอ็นเอมนุษย์ในปี 2000
-
9:00 - 9:04และโครงการสาธารณะในการหาลำดับคู่เบส
ในสายดีเอ็นเอมนุษย์ในปี 2000 -
9:04 - 9:07คุณจะไม่ได้ยินข่าวอะไรมากนัก
-
9:07 - 9:11จนกระทั่งคุณได้ยินเรื่องการทดลองเมื่อปีที่แล้วในจีน
-
9:11 - 9:15การที่พวกเขาเอาเซลล์ผิวหนังของหนู
-
9:15 - 9:17ใส่สารเคมี 4 ชนิดลงไป
-
9:17 - 9:20แล้วเปลี่ยนเซลล์ผิวหนังเหล่านั้นให้กลายเป็นเซลล์ต้นกำเนิด
-
9:20 - 9:22ปล่อยให้เซลล์ต้นกำเนิดเติบโตขึ้น
-
9:22 - 9:25และสร้างสำเนาโดยสมบูรณ์ของหนูตัวนั้นขึ้นมา
-
9:25 - 9:28นั่นเป็นเรื่องใหญ่
-
9:28 - 9:29เพราะว่าโดยใจความของมันแล้ว
-
9:29 - 9:31นั่นหมายความว่าคุณสามารถเอาเซลล์หนึ่งมา
-
9:31 - 9:34ซึ่งเป็นสเต็มเซลล์ที่สามารถพัฒนาไปได้หลายแบบ
-
9:34 - 9:36ซึ่งก็เหมือนกับนักสกีที่ยอดภูเขา
-
9:36 - 9:40และนักสกีสองคนนี้ก็กลายเป็นเซลล์ต้นกำเนิด
ที่สามารถพัฒนาไปได้หลายแบบสองเซลล์ -
9:40 - 9:42สี่เซลล์ แปดเซลล์ สิบหกเซลล์
-
9:42 - 9:44แล้วมันก็แออัดจนเกินไป
-
9:44 - 9:45หลังจากแบ่งตัวเป็น 16
-
9:45 - 9:48เซลล์เหล่านั้นต้องแยกออกจากกัน
-
9:48 - 9:49ดังนั้นพวกมันจึงลงไปทางด้านหนึ่งของภูเขา
-
9:49 - 9:51พวกอื่นลงไปอีกด้าน
-
9:51 - 9:52และในขณะที่พวกมันเลือกสิ่งนั้น
-
9:52 - 9:54สิ่งเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นกระดูก
-
9:54 - 9:57แล้วพวกมันก็เลือกถนนเส้นอื่น
และเซลล์เหล่านั้นก็กลายเป็นเกล็ดเลือด -
9:57 - 9:59และมีเซลล์ที่กลายเป็นแมคโครฟาจ
-
9:59 - 10:01และกลายเป็น T เซลล์
-
10:01 - 10:03แต่เมื่อคุณสกีลงมาแล้ว มันยากมาก
-
10:03 - 10:04ที่จะกลับขึ้นไป
-
10:04 - 10:10แน่นอนเว้นแต่ว่าคุณจะมีสกีลิฟต์
-
10:10 - 10:12และสิ่งที่สารเคมีทั้งสี่นั้นทำ
-
10:12 - 10:14คือพวกมันพาเซลล์ใด ๆ ก็ตาม
-
10:14 - 10:16กลับขึ้นไปบนภูเขา
-
10:16 - 10:18ดังนั้นมันจึงสามารถกลายเป็นส่วนใด ๆ ในร่างกายก็ได้
-
10:18 - 10:20และเมื่อคุณคิดถึงสิ่งนั้น
-
10:20 - 10:22นั่นก็หมายความว่ามีความเป็นไปได้
-
10:22 - 10:24ที่คุณจะสามารถสร้างสำเนาเต็ม
-
10:24 - 10:26ของสิ่งมีชีวิตใด ๆ
-
10:26 - 10:28จากเซลล์ใด ๆ เซลล์หนึ่งของมันได้
-
10:28 - 10:31นั่นกลายเป็นเรื่องใหญ่
-
10:31 - 10:34เพราะว่าตอนนี้คุณสามารถเอาเซลล์ผิวหนังของมนุษย์
-
10:34 - 10:36ไม่ใช่แค่เซลล์ของหนูเท่านั้น
-
10:36 - 10:39และเปลียนพวกมันให้กลายเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของมนุษย์
-
10:39 - 10:43และสิ่งที่พวกเขาทำในเดือนตุลาคมก็คือ
-
10:43 - 10:46พวกเขาเอาเซลล์ผิวหนังมา
แล้วเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นเซลล์ต้นกำเนิด -
10:46 - 10:50และเริ่มเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นเซลล์ตับ
-
10:50 - 10:51ดังนั้นตามทฤษฎี
-
10:51 - 10:56คุณสามารถจะปลูกอวัยวะใด ๆ
จากเซลล์หนึ่งเซลล์ใดของคุณ -
10:56 - 10:58การทดลองที่สองก็คือ
-
10:58 - 11:01ถ้าคุณสามารถทำสำเนาร่างกายของคุณได้
-
11:01 - 11:04บางทีคุณอาจจะอยากทำกับความคิดของคุณด้วย
-
11:04 - 11:05และสิ่งที่คุณได้เห็นที่ TED
-
11:05 - 11:07เมื่อประมาณหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา
-
11:07 - 11:08ก็คือผู้ชายคนนี้
-
11:08 - 11:11และเขาได้พูดเรื่องทางเทคนิคที่น่าอัศจรรย์เรื่องหนึ่ง
-
11:11 - 11:12เขาเป็นศาสตราจารย์ที่ MIT
-
11:12 - 11:14แต่ใจความสำคัญของสิ่งที่เขาพูดก็คือ
-
11:14 - 11:16คุณสามารถใช้เรโทรไวรัส
-
11:16 - 11:19ซึ่งเข้าไปในเซลล์สมองของหนู
-
11:19 - 11:21คุณสามารถเอาโปรตีนซึ่งจะสว่างขึ้น
-
11:21 - 11:23เมื่อคุณให้แสงแก่พวกมันติดเข้าไว้กับเซลล์เหล่านี้
-
11:23 - 11:27และคุณจะสามารถร่างเส้นทางที่ชัดเจน
-
11:27 - 11:30เมื่อหนูมองดู รู้สึก สัมผัส
-
11:30 - 11:33จดจำ รัก
-
11:33 - 11:35แล้วคุณก็สามารถเอาสายใยแก้วนำแสงมา
-
11:35 - 11:39และให้แสงสว่างแก่สิ่งเดียวกันนี้
-
11:39 - 11:41และในขณะที่คุณทำสิ่งนี้
-
11:41 - 11:43คุณจะสามารถสร้างภาพของมันเป็นสองสีได้
-
11:43 - 11:45ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถดาวน์โหลดข้อมูลนี้
-
11:45 - 11:50เป็นรหัสฐานสองโดยตรงเข้าสู่คอมพิวเตอร์
-
11:50 - 11:52สรุปแล้วนั่นหมายความว่ายังไง
-
11:52 - 11:55ก็คือมันไม่ได้เป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างสิ้นเชิง
-
11:55 - 11:59ที่ในวันใดวันหนึ่งคุณจะสามารถดาวน์โหลดความทรงจำ
ของคุณเองได้ -
11:59 - 12:01บางทีอาจจะเอาไปใส่ในร่างกายใหม่
-
12:01 - 12:06และบางทีคุณอาจจะสามารถอัพโหลดความทรงจำ
ของคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน -
12:06 - 12:09และเรื่องนี้อาจจะมีนัยยะเล็ก ๆ ทาง
-
12:09 - 12:13จริยธรรม การเมือง และศีลธรรมอยู่บ้าง
-
12:13 - 12:14(เสียงหัวเราะ)
-
12:14 - 12:17ก็แค่คิดดูนะครับ
-
12:17 - 12:19"การเลียนแบบความเป็นอมตะ"
นี่คือคำถามประเภทที่ -
12:19 - 12:21กำลังเริ่มเป็นคำถามที่น่าสนใจ
-
12:21 - 12:23สำหรับนักปรัชญา สำหรับผู้ปกครอง
-
12:23 - 12:26สำหรับนักเศรษฐศาสตร์ สำหรับนักวิทยาศาสตร์
-
12:26 - 12:30เพราะว่าเทคโนโลยีเหล่านี้
กำลังไปอย่างรวดเร็วจริงๆ -
12:30 - 12:31และในขณะที่คุณกำลังคิดถึงเรื่องนี้
-
12:31 - 12:34ผมจะขอปิดด้วยตัวอย่างของสมอง
-
12:34 - 12:36ที่แรกที่คุณคงคาดหมายได้ว่า
-
12:36 - 12:39จะเห็นแรงกดดันทางวิวัฒนาการอย่างมหาศาลในวันนี้
-
12:39 - 12:41เป็นเพราะทั้งสิ่งที่รับเข้ามา
-
12:41 - 12:43ซึ่่งกำลังมากมายเหลือเกิน
-
12:43 - 12:45และเป็นเพราะยืดหยุ่นของอวัยวะ
-
12:45 - 12:47นั่นก็คือสมอง
-
12:47 - 12:50เรามีหลักฐานหรือเปล่าว่าสิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้น
-
12:50 - 12:55เรามาดูเรื่องของการเกิดอาการออทิสติกต่อจำนวนหนึ่งพันคน
-
12:55 - 12:58นี่คือสิ่งที่เป็นในปี 2000
-
12:58 - 13:00นี่คือสิ่งที่เป็นในปี 2002
-
13:00 - 13:042006, 2008
-
13:04 - 13:08นี่คือการเพิ่มขึ้นภายในเวลาไม่ถึงทศวรรษ
-
13:08 - 13:13และเราก็ยังคงไม่รู้ว่าทำไมสิ่งนี้ถึงกำลังเกิดขึ้น
-
13:13 - 13:15สิ่งที่เรารู้ก็คือ มีความเป็นไปได้ว่า
-
13:15 - 13:17สมองกำลังมีปฏิกิริยา
-
13:17 - 13:20ในรูปแบบที่ไฮเปอร์แอคทีฟ และไฮเปอร์พลาสติก
-
13:20 - 13:22และกำลังสร้างบุคคลที่เป็นแบบนี้
-
13:22 - 13:25และนี่เป็นเพียงหนึ่งในสภาพการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
-
13:25 - 13:29คุณยังเห็นผู้คนที่ฉลาดอย่างผิดธรรมดา
-
13:29 - 13:31ผู้คนที่สามารถจำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขา
ได้เห็นมาในชีวิตของพวกเขา -
13:31 - 13:33คนที่มีการรับรู้ข้ามช่องสัมผัส
-
13:33 - 13:34คนที่มีอาการจิตเภท
-
13:34 - 13:36คุณจะเห็นว่ามีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นเต็มไปหมด
-
13:36 - 13:38และเราก็ยังคงไม่เข้าใจ
-
13:38 - 13:40ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างไรและเพราะอะไร
-
13:40 - 13:43แต่คำถามหนึ่งที่คุณอาจจะต้องการถามก็คือ
-
13:43 - 13:45เรากำลังมองดูวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วของสมอง
-
13:45 - 13:47และวิธีการที่เราประมวลข้อมูลอยู่หรือเปล่า
-
13:47 - 13:50เพราะว่าเมื่อคุณลองคิดถึงจำนวน
ของข้อมูลที่กำลังเข้าสู่สมองของเรา -
13:50 - 13:54เรากำลังพยายามจะรับข้อมูลเข้ามาในหนึ่งวัน
-
13:54 - 13:56เท่ากับที่ผู้คนเคยรับเข้ามาตลอดช่วงชีวิต
-
13:56 - 13:59และเมื่อคุณคิดถึงเรื่องนี้
-
13:59 - 14:01มีทฤษฎีสี่ทฤษฎีพูดว่าทำไมสิ่งนี้ถึงกำลังเกิดขึ้น
-
14:01 - 14:02รวมถึงชุดเรื่องราวอื่น ๆ ด้วย
-
14:02 - 14:04ผมไม่มีคำตอบที่ดี
-
14:04 - 14:08มันจำเป็นต้องมีการวิจัยมากขึ้นในเรื่องนี้จริง ๆ
-
14:08 - 14:10ทางเลือกหนึ่งคือความคลั่งไคล้อาหารจานด่วน
-
14:10 - 14:12มันเริ่มจะมีหลักฐาน
-
14:12 - 14:15ว่าโรคอ้วนและอาหาร
-
14:15 - 14:16มีความเกี่ยวข้องกับ
-
14:16 - 14:18การเปลี่ยนแปลงของยีนส์
-
14:18 - 14:20ซึ่งอาจจะหรืออาจจะไม่มีผลกระทบ
-
14:20 - 14:24ต่อวิธีการทำงานของสมองของทารก
-
14:24 - 14:28ทางเลือกที่สองคือทางเลือกแบบ sexy geek
-
14:28 - 14:32สภาพการณ์เหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก
-
14:32 - 14:35(เสียงหัวเราะ)
-
14:35 - 14:40(เสียงปรบมือ)
-
14:40 - 14:42แต่สิ่งที่เริ่มจะเกิดขึ้นก็คือ
-
14:42 - 14:45เป็นเพราะหนอนหนังสือเหล่านี้มาอยู่รวมกัน
-
14:45 - 14:47เพราะว่าพวกเขามีคุณสมบัติสูง
ทางด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ -
14:47 - 14:50และมันก็ให้ผลตอบแทนสูง
-
14:50 - 14:53เช่นเดียวกับงานที่ต้องลงรายละเอียดมากงานอื่น ๆ
-
14:53 - 14:55จนพวกเขาเข้ามารวมตัวกันทางภูมิศาสตร์
-
14:55 - 14:58และหาคู่ที่มีความคิดเหมือนกัน
-
14:58 - 15:02ดังนั้นนี่คือข้อสันนิษฐานในการจับคู่
ที่น่าจะเกิดขึ้นในกลุ่มเดียวกัน -
15:02 - 15:05ของการที่ยีนส์เหล่านี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กัน
-
15:05 - 15:07ในโครงสร้างเหล่านี้
-
15:07 - 15:10ข้อสามก็คือ ข้อมูลเหล่านี้มากเกินไปหรือเปล่า
-
15:10 - 15:11เรากำลังพยายามประมวลสิ่งต่าง ๆ มากเกินไป
-
15:11 - 15:14จนบางคนเกิดการรับรู้ข้ามช่องสัมผัส
-
15:14 - 15:16และเกิดท่อส่งขนาดใหญ่ที่จดจำได้ทุกอย่าง
-
15:16 - 15:19ส่วนบางคนก็อ่อนไหวสูงต่อจำนวนของข้อมูล
-
15:19 - 15:23บางคนมีปฏิกิริยาด้วยสภาพทางจิตที่หลากหลาย
-
15:23 - 15:24หรือปฏิกิริยาต่อข้อมูลนี้
-
15:24 - 15:27หรือบางทีมันอาจจะเป็นสารเคมี
-
15:27 - 15:29แต่เมื่อคุณมองดูการเพิ่มขึ้น
-
15:29 - 15:31อย่างมากมายของสภาพการณ์หนึ่ง
-
15:31 - 15:33ถ้าคุณไม่ได้กำลังคำนวณผิดพลาด
-
15:33 - 15:35ก็คงมีอะไรบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
-
15:35 - 15:39และมันอาจจะเป็นวิวัฒนาการที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนี้
-
15:39 - 15:42สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ
-
15:42 - 15:44สิ่งที่ผมคิดว่าเรากำลังทำอยู่ก็คือ
-
15:44 - 15:46เรากำลังเปลี่ยนผ่านในฐานะสายพันธุ์หนึ่ง
-
15:46 - 15:51และผมไม่ได้คิดถึงสิ่งนี้ในตอนนี้สตีฟ กัลแลนส์
และผมเริ่มต้นงานเขียนด้วยกัน -
15:51 - 15:54ผมคิดว่าเรากำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ โฮโม อีโวลูทิส
-
15:54 - 15:55และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม
-
15:55 - 15:59นั่นไม่ใช่แค่โฮมินิดที่ตระหนักถึงสภาพแวดล้อมของพวกเขา
-
15:59 - 16:03นั่นคือโฮมินิดที่เริ่มจะควบคุมวิวัฒนาการของสายพันธุ์
-
16:03 - 16:06ของพวกเขาเองโดยตรงและโดยจงใจ
-
16:06 - 16:10รวมทั้งแบคทีเรีย พืช และสัตว์
-
16:10 - 16:12และผมคิดว่านั่นเป็นการเปลี่ยนที่มีขนาดใหญ่โตมาก
-
16:12 - 16:15ที่หลานของคุณหรือเหลนของคุณ
-
16:15 - 16:19อาจจะเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากคุณอย่างมาก
-
16:19 - 16:20ขอบคุณมากครับ
-
16:20 - 16:25(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ลูก ๆ ของเราจะเป็นมนุษย์สายพันธุ์ที่แตกต่างออกไปหรือไม่
- Speaker:
- ฮวน เอ็นริเกซ์ (Juan Enriquez)
- Description:
-
ในวิวัฒนาการของมนุษย์ตลอดมา มนุษย์หลายเวอร์ชั่นเคยอยู่ร่วมกันมา ตอนนี้เรากำลังอยู่ระหว่างการอัพเกรดหรือเปล่า ในงาน TEDxSummit ฮวน เอ็นริเกซ์ได้เล่าเรื่องราวผ่านช่วงเวลาและอวกาศเพื่อพาเรามาสู่ช่วงเวลาปัจจุบัน และแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีกำลังเปิดเผยหลักฐานซึ่งชี้ว่าการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วอาจจะกำลังมาถึง
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 16:48
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Will our kids be a different species? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Will our kids be a different species? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for Will our kids be a different species? | ||
Pongsapak Vanichrundorn accepted Thai subtitles for Will our kids be a different species? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Will our kids be a different species? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Will our kids be a different species? | ||
Pongsapak Vanichrundorn commented on Thai subtitles for Will our kids be a different species? | ||
Pongsapak Vanichrundorn edited Thai subtitles for Will our kids be a different species? |
Pongsapak Vanichrundorn
ดีครับ
Kelwalin Dhanasarnsombut
คำว่า laughter ขอแนะนำให้แปลเป็น "เสียงหัวเราะ" คำว่า applause ขอให้แปลเป็น "เสียงปรบมือ" นะคะ