1 00:00:07,630 --> 00:00:10,628 ลองนึกถึงการโยนบอล ขึ้นไปในอากาศตรงๆ 2 00:00:10,628 --> 00:00:13,852 คุณคาดเดาการเคลื่อนที่ ของบอลหลังจากที่มันออกจากมือไปได้ไหม 3 00:00:13,852 --> 00:00:15,176 แน่ล่ะ ง่ายจะตาย 4 00:00:15,176 --> 00:00:18,730 บอลจะลอยขึ้น จนกว่ามันจะถึงจุดสูงสุด 5 00:00:18,730 --> 00:00:21,668 จากนั้นมันจะกลับลงมา และลงสู่มือคุณอีกครั้ง 6 00:00:21,668 --> 00:00:23,386 แน่ละ นั่นมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น 7 00:00:23,386 --> 00:00:26,765 และคุณรู้ เพราะเห็นมันเกิดขึ้น มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน 8 00:00:26,765 --> 00:00:31,417 คุณได้เฝ้าสังเกตเหตุการณ์ทางฟิสิกส์ทุกวัน มาตลอดชีวิต 9 00:00:31,417 --> 00:00:35,884 แต่ถ้าสมมติว่า เราสำรวจคำถาม เกี่ยวกับฟิสิกส์ของอะตอม 10 00:00:35,884 --> 00:00:37,950 เช่น การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน 11 00:00:37,950 --> 00:00:40,906 รอบๆ นิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจน มีหน้าตาอย่างไร 12 00:00:40,906 --> 00:00:45,045 เราตอบปัญหาเหล่านี้โดยอาศัยประสบการณ์ ประจำวันเกี่ยวกับฟิสิกส์ของเราได้ไหม 13 00:00:45,045 --> 00:00:46,872 คงไม่ได้แน่ ทำไมล่ะ 14 00:00:46,872 --> 00:00:51,474 เพราะว่าฟิสิกส์ที่ควบคุมพฤติกรรมของระบบ ในระดับเล็กขนาดนั้น 15 00:00:51,474 --> 00:00:55,224 มันแตกต่างไปมาก จากฟิสิกส์ของสิ่งของเล็กๆ 16 00:00:55,224 --> 00:00:57,690 ที่คุณเห็นอยู่รอบตัวคุณ 17 00:00:57,690 --> 00:00:59,703 โลกรอบๆ ตัวที่คุณรู้จักและรักมัน 18 00:00:59,703 --> 00:01:03,702 มีพฤติกรรมเป็นไปตามกฎ ของกลศาสตร์แบบดั้งเดิม 19 00:01:03,702 --> 00:01:05,880 แต่ระบบในระดับอะตอม 20 00:01:05,880 --> 00:01:09,870 มีพฤติกรรมเป็นไปตามกฎของ กลศาสตร์ควอนตัม 21 00:01:09,870 --> 00:01:13,432 โลกควอนตัมนี้ กลายเป็นว่า มันเป็นที่สุดประหลาด 22 00:01:13,432 --> 00:01:17,932 การแสดงถึงประหลาดทางควอนตัม ได้ถูกอธิบายไว้โดยการทดลองทางความคิดอันโด่งดัง 23 00:01:17,932 --> 00:01:20,090 แมวของชโรดิงเจอร์ (Schrödinger's cat) 24 00:01:20,090 --> 00:01:24,449 นักฟิสิกส์ผู้ซึ่งไม่ค่อยจะชอบแมวนัก นำแมวไปไว้ในกล่อง 25 00:01:24,449 --> 00:01:30,148 พร้อมกับระเบิดที่มีโอกาสจะระเบิด 50% หลังจากที่ปิดฝากล่อง 26 00:01:30,148 --> 00:01:32,756 เราไม่อาจรู้ได้เลย จนกระทั่งเราเปิดฝาอีกครั้ง 27 00:01:32,756 --> 00:01:35,281 ว่าระเบิดนั้นทำงานหรือเปล่า 28 00:01:35,281 --> 00:01:40,531 และดังนั้น ก็ไม่มีทางเลยที่จะรู้ว่า แมวนั้นเป็นหรือตาย 29 00:01:40,531 --> 00:01:43,834 ในฟิสิกส์ควอนตัม เราอาจพูดได้ว่า ก่อนที่เราจะทำการสังเกต 30 00:01:43,834 --> 00:01:46,606 แมวอยู่ในสภาวะที่ซ้อนทับกัน 31 00:01:46,606 --> 00:01:51,656 มันไม่ได้เป็นหรือตาย แต่อยู่ในความเป็นไปได้ทั้งสองแบบผสมกัน 32 00:01:51,656 --> 00:01:54,678 ด้วยโอกาสแต่ละอย่าง 50% 33 00:01:54,678 --> 00:01:58,842 สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้น ในระบบทางฟิสิกส์ขนาดควอนตัม 34 00:01:58,842 --> 00:02:01,611 เช่นอิเล็กตรอนที่โคจรรอบอะตอมไฮโดรเจน 35 00:02:01,611 --> 00:02:04,186 อิเล็กตรอนจริงๆ แล้วไม่ได้โคจรไปรอบๆ เลย 36 00:02:04,186 --> 00:02:07,144 มันอยู่ในทุกที่ในเวลาเดียวกัน 37 00:02:07,144 --> 00:02:10,920 และมีความน่าจะเป็น ของการปรากฏอยู่ในที่หนึ่งมากกว่าอีกที่หนึ่ง 38 00:02:10,920 --> 00:02:13,000 และเฉพาะหลังจากที่เราวัดตำแหน่งเท่านั้น 39 00:02:13,000 --> 00:02:15,876 ที่เราจะสามารถกำหนดได้ว่า ณ เวลานี้มันอยู่ที่ใด 40 00:02:15,876 --> 00:02:18,971 เหมือนที่เราไม่รู้ว่าแมวเป็นหรือตาย 41 00:02:18,971 --> 00:02:20,831 จนกว่าเราจะเปิดกล่อง 42 00:02:20,831 --> 00:02:23,576 นี่นำเราไปยังปรากฏการณ์ ที่ประหลาดและสวยงาม 43 00:02:23,576 --> 00:02:25,871 ของความยุ่งเหยิงของควอนตัม 44 00:02:25,871 --> 00:02:31,157 สมมติว่าแทนที่จะมีแมวหนึ่งตัวในกล่อง เรามีแมวสองตัวในสองกล่อง 45 00:02:31,157 --> 00:02:34,820 ถ้าเราทำการทดลองแมวของชโรดิงเจอร์ซ้ำ ด้วยแมวคู่นี้ 46 00:02:34,820 --> 00:02:38,780 ผลการทดลองที่ออกมา มีความเป็นไปได้สี่แบบ 47 00:02:38,780 --> 00:02:41,869 ไม่แมวทั้งสองตัวมีชีวิตอยู่ ก็ตายทั้งคู่ 48 00:02:41,869 --> 00:02:45,700 หรือตัวนึงรอด และอีกตัวนึงตาย หรือกลับกัน 49 00:02:45,700 --> 00:02:49,117 ระบบของแมวทั้งสองตัว เป็นสภาวะซ้อนทับเช่นกัน 50 00:02:49,117 --> 00:02:53,644 ซึ่งแต่ละผลที่ได้มีโอกาส 25% แทนที่จะเป็น 50% 51 00:02:53,644 --> 00:02:55,897 แต่นี่สิที่เจ๋ง 52 00:02:55,897 --> 00:02:58,508 กลศาสตร์ควอนตัมบอกเราว่า มันเป็นไปได้ 53 00:02:58,508 --> 00:03:03,984 ที่จะลบผลที่แมวที่มีชีวิตทั้งคู่ และแมวที่ตายทั้งคู่จากสภาวะทับซ้อน 54 00:03:03,984 --> 00:03:06,819 พูดอีกอย่างคือ มันสามารถมีระบบที่มีแมวสองตัว 55 00:03:06,819 --> 00:03:12,502 ซึ่งผลที่ออกมา จะมีแมวตัวนึงมีชีวิตและอีกตัวนึงตายเสมอ 56 00:03:12,502 --> 00:03:17,395 ศัพท์เทคนิคเรียกว่า สภาวะของแมว "พัวพันกัน" (Entangled) 57 00:03:17,395 --> 00:03:21,022 แต่มีบางสิ่งที่น่าประหลาดใจ เกี่ยวกับความพัวพันเชิงควอนตัม 58 00:03:21,022 --> 00:03:25,011 ถ้าคุณเตรียมระบบของแมวสองตัว ในกล่องในสภาวะพัวพันกัน 59 00:03:25,011 --> 00:03:28,957 จากนั้นเคลื่อนกล่องไปในทิศทางตรงข้าม กับสุดเอกภพ 60 00:03:28,957 --> 00:03:32,752 ผลการทดลองที่ได้จะยังเป็นอย่างเดิม 61 00:03:32,752 --> 00:03:37,617 แมวตัวนึงจะมีชีวิตเมื่อออกมา และอีกตัวจะตายเสมอ 62 00:03:37,617 --> 00:03:42,221 แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าแมวตัวไหนจะเป็นหรือตาย 63 00:03:42,221 --> 00:03:44,609 ก่อนที่เราจะวัดผลที่ออกมา 64 00:03:44,609 --> 00:03:46,196 มันเป็นไปได้อย่างไรกัน 65 00:03:46,196 --> 00:03:49,647 เป็นไปได้อย่างไรที่สภาวะของแมว ที่อยู่ด้านตรงข้ามของเอกภพ 66 00:03:49,647 --> 00:03:51,822 จะพัวพันกันแบบนั้น 67 00:03:51,822 --> 00:03:54,325 มันห่างกันมากเกินไปที่จะสื่อถึงกันทันเวลา 68 00:03:54,325 --> 00:03:57,526 แล้วระเบิดทั้งสองลูก จะแอบวางแผนกันได้อย่างไร 69 00:03:57,526 --> 00:04:00,350 ให้ลูกหนึ่งระเบิด แต่อีกลูกไม่ระเบิด 70 00:04:00,350 --> 00:04:01,496 คุณอาจคิดว่า 71 00:04:01,496 --> 00:04:03,806 "นี่มันเป็นแค่ทฤษฎีไร้สาระบ้าบอ 72 00:04:03,806 --> 00:04:06,388 เรื่องที่ไม่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง" 73 00:04:06,388 --> 00:04:08,923 มันกลายเป็นว่าการพัวพันเชิงควอนตัม 74 00:04:08,923 --> 00:04:12,157 ได้ถูกยืนยันในโลกแห่งความจริง โดยการทดลองในห้องทดลอง 75 00:04:12,157 --> 00:04:15,794 อนุภาคระดับต่ำกว่าอะตอมสองหน่วย ที่พัวพันกันในสภาวะซ้อนทับ 76 00:04:15,794 --> 00:04:19,663 ที่ซึ่งถ้าตัวหนึ่งหมุนไปทางหนึ่ง อีกตัวหนึ่งจะต้องหมุนไปอีกทาง 77 00:04:19,663 --> 00:04:22,450 จะต้องเป็นแบบนั้น แม้ว่าจะไม่มีทาง 78 00:04:22,450 --> 00:04:25,986 สำหรับข้อความที่จะส่งผ่าน จากอนุภาคหนึ่งไปยังอีกอันหนึ่ง 79 00:04:25,986 --> 00:04:30,007 ที่จะบอกว่าจะให้หมุนไปทางไหน ที่จะเป็นไปตามกฎของการพัวพัน 80 00:04:30,007 --> 00:04:32,960 มันไม่เป็นที่น่าประหลาดใจว่า การพัวพันเป็นหัวใจ 81 00:04:32,960 --> 00:04:35,301 ของวิทยาศาสตร์ข้อมูลควอนตัม 82 00:04:35,301 --> 00:04:39,486 ศาสตร์ที่กำลังเป็นที่เติบโต ซึ่งศึกษาว่า จะใช้กฎของโลกควอนตัมแสนประหลาด 83 00:04:39,486 --> 00:04:41,549 ในโลกระดับใหญ่ของเราได้อย่างไร 84 00:04:41,549 --> 00:04:46,372 เช่นในการศึกษาเกี่ยวกับรหัสควอนตัม เพื่อสายลับจะได้ส่งข้อความหากันได้อย่างปลอดภัย 85 00:04:46,372 --> 00:04:49,479 หรือคอมพิวเตอร์ควอนตัม สำหรับการถอดรหัสลับ 86 00:04:49,480 --> 00:04:53,526 ทุกวันนี้ฟิสิกส์อาจดูคล้ายๆ กับ โลกควอนตัมที่ประหลาด 87 00:04:53,526 --> 00:04:57,003 การเคลื่อนย้ายสสารแบบควอนตัม อาจพัฒนาไปถึงขั้น 88 00:04:57,008 --> 00:05:00,631 ที่ซึ่งสักวันแมวของคุณจะ หนีไปยังกาแล็กซี่ที่ปลอดภัย 89 00:05:00,631 --> 00:05:05,691 ที่ซึ่งไม่มีนักฟิสิกส์ และกล่องใดๆ