1 00:00:00,528 --> 00:00:04,477 ในปี พ.ศ.2428 คาร์ล เบนซ์ ได้ประดิษฐ์รถยนต์ขึ้น 2 00:00:04,707 --> 00:00:08,469 และปีนั้นเอง เขาได้พามันไปทดลองขับในที่สาธารณะ 3 00:00:08,469 --> 00:00:11,844 และสิ่งที่ผมจะพูดนี้เป็นเรื่องจริง เขาเอาไปชนกำแพง 4 00:00:12,184 --> 00:00:14,227 ในช่วง 130 ปีที่ผ่านมา 5 00:00:14,227 --> 00:00:18,546 เราได้พัฒนาส่วนต่างๆของรถ ยกเว้นแต่ส่วนที่วางใจได้น้อยที่สุดคือ คนขับ 6 00:00:18,546 --> 00:00:19,900 เราสร้างรถให้แข็งแรงขึ้น 7 00:00:20,200 --> 00:00:22,748 พวกเราได้เพิ่มทั้ง เข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย 8 00:00:22,748 --> 00:00:26,719 และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พวกเราได้เริ่มพยายามทำให้รถฉลาดขึ้น 9 00:00:26,719 --> 00:00:29,657 เพื่อจะแก้บั๊ก หรือคนขับนั่นเอง 10 00:00:29,657 --> 00:00:32,918 ดังนั้นวันนี้ผมจะพูดสั้นๆ เกี่ยวกับความแตกต่าง 11 00:00:32,918 --> 00:00:36,726 ระหว่างการแก้ไขรอบๆปัญหา ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ 12 00:00:36,726 --> 00:00:39,290 กับการที่มีรถที่สามารถขับขี่ได้ด้วยตัวเอง 13 00:00:39,290 --> 00:00:41,170 และสิ่งที่มันสามารถทำได้ 14 00:00:41,170 --> 00:00:44,165 ผมจะพูดสั้นๆเกี่ยวกับรถของพวกเรา 15 00:00:44,165 --> 00:00:48,164 แล้วให้คุณลองดูว่ามันเห็นโลกอย่างไร และตอบสนองแบบไหนและทำอะไรได้บ้าง 16 00:00:48,164 --> 00:00:51,351 แต่ก่อนอื่นเลย ผมจะพูดสั้นๆเกี่ยวกับปัญหา 17 00:00:51,651 --> 00:00:53,299 ซึ่งมันเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว 18 00:00:53,299 --> 00:00:56,388 1.2 ล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตบนถนนทุกๆปี 19 00:00:56,388 --> 00:01:00,172 เพียงอเมริกาที่เดียว ในแต่ละปีมี 33,000 คน เสียชีวิต 20 00:01:00,172 --> 00:01:02,200 เพื่อให้เห็นชัดขึ้น 21 00:01:02,200 --> 00:01:06,997 มันเหมือนกับมีเครื่องบิน 737 ตกลงมาจากฟ้าทุกๆวันทำการ 22 00:01:07,342 --> 00:01:09,128 มันแทบจะไม่น่าเชื่อ 23 00:01:09,548 --> 00:01:11,846 เวลาเราซื้อรถยนต์เราเห็นภาพมันแบบนี้ 24 00:01:11,846 --> 00:01:14,563 แต่นี่คือความเป็นจริงของการขับขี่ 25 00:01:14,563 --> 00:01:16,722 เห็นด้วยไหมครับ แดดไม่ออกแต่ฝนก็ไม่ตก 26 00:01:16,722 --> 00:01:19,210 ทำให้คุณอยากทำอย่างอื่น แทนที่จะต้องขับรถ 27 00:01:19,210 --> 00:01:20,832 และต้นเหตุที่ทำไม 28 00:01:20,832 --> 00:01:22,690 การจราจรแย่ลงเรื่อยๆ 29 00:01:22,690 --> 00:01:26,196 ในอเมริกา ระหว่างปี 2533 ถึง 2553 30 00:01:26,196 --> 00:01:29,700 ระยะการเดินทาง ของพาหนะเพิ่มขึ้นถึง 38% 31 00:01:30,213 --> 00:01:32,962 เรามีถนนเพิ่มขึ้น 6% 32 00:01:32,962 --> 00:01:34,564 คุณไม่ได้แค่รู้สึกไปเองหรอก 33 00:01:34,564 --> 00:01:38,840 การจราจรแย่ขึ้นมาก ถ้าเทียบกับอดีตที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน 34 00:01:38,840 --> 00:01:41,249 และถือว่ามีความเสียหายทางมูลค่าต่อมนุษย์ 35 00:01:41,529 --> 00:01:45,477 ถ้าเราเอาค่าเฉลี่ยของเวลา ที่คนอเมริกันใช้เดินทาง นั่นก็คือ 50นาที 36 00:01:45,477 --> 00:01:49,126 เอาจำนวนนั้นไปคูณกับ จำนวน 120 ล้านคนไปทำงาน 37 00:01:49,126 --> 00:01:51,351 นั่นออกมาเท่ากับประมาณ 6 พันล้านนาที 38 00:01:51,351 --> 00:01:53,377 มันถูกเสียไปกับการเดินทางทุกๆวัน 39 00:01:53,377 --> 00:01:56,204 นั่นเป็นเลขตัวใหญ่มาก และเพื่อให้คุณเห็นภาพ 40 00:01:56,204 --> 00:01:57,978 คุณเอา 6 พันล้านนาทีนั้น 41 00:01:57,978 --> 00:02:01,762 แล้วหารด้วยอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ 42 00:02:01,762 --> 00:02:04,897 จะเท่ากับ 162 ชาติ 43 00:02:04,897 --> 00:02:07,822 ถูกนำมาทิ้งทุกๆวัน 44 00:02:07,822 --> 00:02:09,866 เพื่อที่จะเดินทางจาก ที่หนึ่งไปที่ที่สอง 45 00:02:09,866 --> 00:02:11,596 มันไม่น่าเชื่อเลย 46 00:02:11,596 --> 00:02:14,440 แล้วก็ยังมีพวกเราบางคน ที่ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ 47 00:02:14,440 --> 00:02:16,112 ที่จะเจอกับรถติดนั้น 48 00:02:16,112 --> 00:02:17,690 นี่คือสตีฟ 49 00:02:17,690 --> 00:02:19,455 เค้าเป็นคนที่มีความสามารถมากมาย 50 00:02:19,455 --> 00:02:21,971 แต่ว่าเค้าก็เป็นคนตาบอดด้วย 51 00:02:21,971 --> 00:02:25,188 ซึ่งนั่นหมายความว่าแทนที่จะใช้เวลา 30 นาที ขับรถยนต์ไปทำงานในตอนเช้า 52 00:02:25,188 --> 00:02:29,167 เขาจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในการต่อรถขนส่งมวลชน 53 00:02:29,167 --> 00:02:31,552 หรือไม่ก็ต้องขอเพื่อนหรือที่บ้านให้ไปส่ง 54 00:02:31,552 --> 00:02:35,221 เค้าไม่ได้มีอิสระเหมือนคุณกับผม เวลาจะไปไหนมาไหน 55 00:02:35,221 --> 00:02:37,681 พวกเราควรจะทำอะไรบางอย่าง 56 00:02:37,891 --> 00:02:39,648 ถ้าเป็นความคิดแบบเดิมๆเราก็จะบอกว่า 57 00:02:39,648 --> 00:02:42,140 เราจะเอาระบบช่วยเหลือคนขับก็พอ 58 00:02:42,140 --> 00:02:45,890 แล้วเราก็ผลักดันและพัฒนาเพิ่มเติม 59 00:02:45,890 --> 00:02:48,432 แล้วพอเวลาผ่านไป มันก็จะเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง 60 00:02:48,432 --> 00:02:50,841 ผมมายืนตรงนี้เพื่อที่จะบอกคุณว่า มันเหมือนกับว่า 61 00:02:50,841 --> 00:02:54,898 ผมบอกว่าถ้าผมพยายามตั้งใจกระโดดมากๆ วันนึงผมจะบินได้ 62 00:02:54,898 --> 00:02:57,626 พวกเราจำเป็นจะต้องทำอะไรบางอย่าง ให้แตกต่างออกไป 63 00:02:57,626 --> 00:03:00,337 ดังนั้นผมจึงจะพูดเกี่ยวกับ 3สิ่งที่แตกต่างออกไป 64 00:03:00,337 --> 00:03:03,683 ระหว่างระบบการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ 65 00:03:03,683 --> 00:03:06,334 ผมจะเริ่มด้วยการแบ่งบัน เรื่องจากประสบการณ์ตรงของผม 66 00:03:06,334 --> 00:03:08,587 ย้อนกลับไปปี 2556 67 00:03:08,587 --> 00:03:11,250 เราได้ทดลองรถยนต์ ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก 68 00:03:11,250 --> 00:03:13,277 ซึ่งเราให้คนทั่วไปเป็นคนทดลอง 69 00:03:13,277 --> 00:03:15,479 อืม ก็เกือบทั่วไปนะ เราให้พนักงานกูเกิ้ล 100 คน 70 00:03:15,479 --> 00:03:17,482 ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ 71 00:03:17,482 --> 00:03:21,103 เราให้รถพวกเขาไป เพื่อเอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน 72 00:03:21,103 --> 00:03:24,822 แต่ไม่เหมือนกับรถขับเคลื่อนด้วยตัวเองปกติ มันมีดอกจันใหญ่ๆติดไปด้วย 73 00:03:24,822 --> 00:03:26,326 ผู้ลองขับจะต้องใส่ใจด้วย 74 00:03:26,326 --> 00:03:28,959 เพราะว่ามันเป็นรถทดลอง 75 00:03:28,959 --> 00:03:32,484 พวกเราทดลองมาเยอะมาก แต่มันก็มีโอกาสที่จะพลาด 76 00:03:32,484 --> 00:03:34,543 พวกเราใช้เวลา 2 ชั่วโมงเพื่ออบรม 77 00:03:34,543 --> 00:03:36,635 เราให้พวกเขาขึ้นไปบนรถและใช้มัน 78 00:03:36,635 --> 00:03:38,762 และเสียงตอบรับ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลย 79 00:03:38,762 --> 00:03:41,286 สำหรับคนที่พยายาม จะทำผลิตภัณฑ์ใหม่ในโลกนี้ 80 00:03:41,286 --> 00:03:43,211 ทุกคนที่ได้ลองบอกเราเขาชอบมาก 81 00:03:43,211 --> 00:03:46,777 จริงๆ แล้วเรามีคนขับรถปอร์เช่ ที่มาบอกเราตั้งแต่วันแรกว่า 82 00:03:46,777 --> 00:03:49,440 'มันงี่เง่ามาก พวกเราคิดอะไรอยู่' 83 00:03:49,850 --> 00:03:52,690 แต่ว่าในตอนจบการทดลอง เขาพูดว่า 'ไม่ใช่แค่ผมควรจะมีรถนี้ 84 00:03:52,690 --> 00:03:55,865 แต่คนอื่นๆทุกคนควรจะมีมันด้วย เพราะบางคนก็ขับรถไม่ได้เรื่อง' 85 00:03:57,135 --> 00:03:58,870 มันเป็นเหมือนเสียงจากสวรรค์เลย 86 00:03:58,870 --> 00:04:02,673 แต่ว่าพอพวกเราเริ่มดูว่า คนทำอะไรในรถกัน 87 00:04:02,673 --> 00:04:04,252 มันเป็นอะไรที่เปิดหูเปิดตามาก 88 00:04:04,252 --> 00:04:06,690 ตัวอย่างโปรดของผมคือ คุณผู้ชายคนนี้ 89 00:04:06,690 --> 00:04:10,519 เขาก้มมองโทรศัพท์ของเขา แล้วเห็นว่าแบตกำลังจะหมด 90 00:04:10,519 --> 00:04:15,067 เขาเลยหันหลังไปเพื่อค้นกระเป๋าเขาเพื่อ 91 00:04:15,067 --> 00:04:17,220 ดึงคอมพิวเตอร์แลปทอปออกมา 92 00:04:17,220 --> 00:04:18,787 วางที่เก้าอี้ 93 00:04:18,787 --> 00:04:20,551 แล้วหันกลับไปอีกครั้ง 94 00:04:20,551 --> 00:04:23,918 เพื่อค้นหาสายชาร์จโทรศัพท์ 95 00:04:23,918 --> 00:04:27,285 เรื่อยๆ เฉื่อยๆ แล้วต่อมันเข้ากับ คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ 96 00:04:27,285 --> 00:04:29,328 แน่นอน หลังจากนั้นโทรศัพท์ก็ชาร์จ 97 00:04:29,328 --> 00:04:33,322 เค้าทำทุกอย่างขณะที่ รถวิ่งด้วยความเร็ว 100กม/ชมบนทางด่วน 98 00:04:33,322 --> 00:04:35,806 เห็นด้วยไหมว่าเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อเลย 99 00:04:35,806 --> 00:04:38,927 แล้วพอเรามาคิดดู เราก็บอกได้ว่า มันชัดเจนเลยใช่ไหม 100 00:04:38,927 --> 00:04:41,190 ว่าเทคโนโลยียิ่งดีขึ้นเท่าไหร่ 101 00:04:41,190 --> 00:04:43,311 คนขับก็พึ่งพาตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ 102 00:04:43,311 --> 00:04:45,707 ดังนั้นการที่ทำให้รถฉลาดขึ้นมากๆ 103 00:04:45,707 --> 00:04:48,609 เราคงจะไม่ได้เห็นความสำเร็จ แบบที่เราหวังจะเห็น 104 00:04:48,609 --> 00:04:52,510 ผมขอจะพูดเชิงเทคนิคสักหน่อยนะครับ 105 00:04:52,510 --> 00:04:54,948 เรามองกราฟนี้และแถวๆด้านล่าง 106 00:04:54,948 --> 00:04:57,999 นี่คือความถี่ที่รถเบรก ในเวลาไม่จำเป็น 107 00:04:57,999 --> 00:04:59,620 คุณไม่ต้องสนใจแกนส่วนใหญ่ก็ได้ 108 00:04:59,620 --> 00:05:03,339 ลองคิดดูว่าหากคุณกำลังขับไปรอบๆเมือง แล้วรถเริ่มเบรกมั่วๆ 109 00:05:03,339 --> 00:05:05,040 คุณคงไม่ซื้อรถคันนั้นแน่ๆ 110 00:05:05,040 --> 00:05:08,415 แกนแนวตั้งแสดงถึงความถี่ที่รถจะเบรก 111 00:05:08,415 --> 00:05:11,464 เวลาที่มันสมควรเบรกเพื่อ จะช่วยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ 112 00:05:11,464 --> 00:05:13,685 ตอนนี้ เรามาดูที่มุมซ้ายล่าง 113 00:05:13,685 --> 00:05:15,530 นี่คือรถธรรมดา 114 00:05:15,530 --> 00:05:18,663 มันไม่ช่วยเบรกรถให้คุณ มันไม่ทำอะไรประหลาดๆ 115 00:05:18,663 --> 00:05:21,442 แต่ว่ามันก็ไม่ช่วยให้คุณพ้นจากอุบัติเหตุ 116 00:05:21,442 --> 00:05:24,460 แล้วถ้าเราต้องการเอา ระบบช่วยเหลือคนขับมาใช้ในรถ 117 00:05:24,460 --> 00:05:26,288 เช่น ระบบเบรคอัตโนมัติเมื่อใกล้ชน 118 00:05:26,288 --> 00:05:28,900 เรากำลังนำเทคโนโลยีบางอย่างมาใช้ 119 00:05:28,900 --> 00:05:32,318 นั่นก็คือเส้นโค้งเส้นนี้ แล้วมันก็จะมีส่วนร่วมในการขับขี่ด้วย 120 00:05:32,318 --> 00:05:34,808 แต่มันคงจะไม่สามารถช่วย หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้เสมอ 121 00:05:34,808 --> 00:05:36,867 เพราะว่ามันไม่ได้มีความสามารถนั้น 122 00:05:36,867 --> 00:05:39,116 แต่ว่าเราจะเลือกบางจุดจากเส้นนี้ 123 00:05:39,116 --> 00:05:42,370 แล้วบางทีมันอาจจะหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ ได้ครึ่งนึงของที่มนุษย์ทำพลาด 124 00:05:42,370 --> 00:05:43,667 มันก็มหัศจรรย์มากแล้วใช่ไหม 125 00:05:43,667 --> 00:05:46,394 เราได้ลดอุบัติเหตุบนถนนลงได้ครึ่งนึง 126 00:05:46,394 --> 00:05:50,381 ตอนนี้มีคนเสียชีวิตน้อยลง 17,000 คนต่อปีในอเมริกา 127 00:05:50,381 --> 00:05:52,401 แต่ถ้าหากเราอยากได้รถที่ขับได้ด้วยตัวเอง 128 00:05:52,401 --> 00:05:54,708 เราต้องมีโค้งของเทคโนโลยีที่หน้าตาอย่างนี้ 129 00:05:54,708 --> 00:05:57,307 เราจำเป็นจะต้องเพิ่มเซ็นเซอร์เข้าไปในตัวรถ 130 00:05:57,307 --> 00:05:59,328 แล้วก็เลือกจุดทำงานตรงนี้ 131 00:05:59,328 --> 00:06:01,347 ที่มันจะไม่ชนอะไรเลย 132 00:06:01,347 --> 00:06:03,790 มันจะมีบ้างแหละ แต่ว่าในความถี่ที่น้อยมากๆ 133 00:06:03,790 --> 00:06:06,251 ตอนนี้เรามาดูนี่กันแล้ว เราสามารถถกเถียงกัน 134 00:06:06,251 --> 00:06:09,856 ว่ามันสูงขึ้นหรือเปล่า และผมสามารถอ้างถึงกฎ 80-20 135 00:06:09,856 --> 00:06:12,424 แต่มันยากมากที่จะย้ายขึ้นไป สู่เส้นโค้งเส้นใหม่ 136 00:06:12,424 --> 00:06:15,358 แต่เราลองมาดูมัน จากทิศทางที่แตกต่างออกไปสักครู่ 137 00:06:15,358 --> 00:06:18,870 แล้วมาดูว่าเทคโนโลยีนั้น จำป็นต้องทำสิ่งที่ถูกต้องบ่อยขนาดไหน 138 00:06:18,870 --> 00:06:22,376 จุดสีเขียวด้านบนตรงนี้คือ ระบบช่วยเหลือคนขับ 139 00:06:22,376 --> 00:06:24,861 ปรากฎว่า คนขับที่เป็นมนุษย์นั้น 140 00:06:24,861 --> 00:06:27,508 ทำพลาดและก่อให้เกิดอุบัติเหตุ 141 00:06:27,508 --> 00:06:30,680 ประมาณทุกๆ 100,000 ไมล์ ในอเมริกา 142 00:06:30,680 --> 00:06:33,847 ในทางกลับกันระบบขับด้วยตัวเอง ทำการตัดสินใจประมาณ 143 00:06:33,847 --> 00:06:37,510 10 ครั้งต่อวินาที 144 00:06:37,510 --> 00:06:38,932 ดังนั้นอันดับของขนาด 145 00:06:38,932 --> 00:06:41,764 มันเท่ากับประมาณ 1,000 ครั้งต่อไมล์ 146 00:06:41,764 --> 00:06:44,249 และหากคุณเอาระยะทางมาเปรียบเทียบกัน 147 00:06:44,249 --> 00:06:46,849 มันเท่ากับประมาณ 10 ยกกำลัง 8 เลยใช่ไหม 148 00:06:46,849 --> 00:06:48,614 หรือ ประมาณ 8 เท่า 149 00:06:48,614 --> 00:06:51,423 มันเหมือนกับการเปรียบเทียบความเร็วในการวิ่งของผม 150 00:06:51,423 --> 00:06:53,629 กับความเร็วของแสง 151 00:06:53,629 --> 00:06:57,414 มันไม่เกี่ยวหรอกว่าผมจะซ้อมมาหนักขนาดไหน แต่ผมจะไม่มีวันได้ไปถึงตรงนั้นหรอก 152 00:06:57,414 --> 00:06:59,852 คือ มันมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ 153 00:06:59,852 --> 00:07:03,581 แล้วในที่สุด มันก็มีวิธีที่ระบบ จะจัดการกับความไม่แน่นอน 154 00:07:03,581 --> 00:07:06,904 นี่คนเดินถนนที่อาจจะ หรืออาจจะไม่ก้าวลงมาที่ถนน 155 00:07:06,904 --> 00:07:10,299 ผมไม่สามารถบอกได้ หรือไม่มีอัลกอรึทึมไหนรู้ได้เช่นกัน 156 00:07:10,310 --> 00:07:12,594 แต่ในกรณีของระบบช่วยเหลือคนขับ 157 00:07:12,594 --> 00:07:15,400 นั่นหมายความว่า ผมไม่สามารถทำอะไรได้เพราะว่า 158 00:07:15,400 --> 00:07:18,739 หากมันเบรกกระทันหันอย่างไม่คาดคิด มันเป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้ 159 00:07:18,739 --> 00:07:21,872 แต่ว่าระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง สามารถมองคนเดินถนนคนนั้นแล้วพูดว่า 160 00:07:21,872 --> 00:07:23,762 ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นจะทำอะไร 161 00:07:23,762 --> 00:07:27,524 ขับช้าลงหน่อย เพื่อให้เห็นชัดเจนขึ้น แล้วค่อยตอบสนองให้เหมาะสมหลังจากนั้น 162 00:07:27,524 --> 00:07:31,226 ดังนั้นมันมีความปลอดภัยมากกว่า ที่ระบบช่วยเหลือผู้ขับจะให้ได้ 163 00:07:31,226 --> 00:07:33,956 นั่นคงเพียงพอแล้ว สำหรับความแตกต่างระหว่างทั้งสอง 164 00:07:33,956 --> 00:07:37,440 เรามาใช้เวลาเล็กน้อย พูดเกี่ยวกับว่ารถมองเห็นโลกอย่างไรกัน 165 00:07:37,440 --> 00:07:38,692 นี่คือรถของเรา 166 00:07:38,692 --> 00:07:41,130 มันเริ่มจาก ทำความเข้าใจ ว่ามันอยู่ส่วนไหนของโลกนี้ 167 00:07:41,130 --> 00:07:43,917 โดยใช้แผนที่และข้อมูลจากเซ็นเซอร์ แล้วเอามาเรียงกัน 168 00:07:43,917 --> 00:07:46,865 แล้วนำเอาสิ่งที่มันมองเห็นขณะนั้น มาวางทับลงไป 169 00:07:46,865 --> 00:07:50,520 ดังนั้นตรงนี้ กล่องสีม่วงที่คุณเห็นทั้งหมด คือยานพาหนะที่อยู่บนถนน 170 00:07:50,520 --> 00:07:53,048 แล้วสีแดงๆ ที่อยู่ด้านข้างตรงนั้น คือนักปั่นจักรยาน 171 00:07:53,048 --> 00:07:55,450 แล้วในระยะนั้น ถ้าคุณมองดีดี 172 00:07:55,450 --> 00:07:57,244 คุณจะเห็นกรวยจำนวนหนึ่ง 173 00:07:57,244 --> 00:08:00,017 แล้วเรารู้ว่ารถของเราอยู่ไหนในเวลานั้น 174 00:08:00,017 --> 00:08:03,850 แต่เราจะต้องทำให้ดีขึ้นไปอีก เราจะต้องคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้น 175 00:08:03,850 --> 00:08:07,338 ที่ด้านบนขวามือมีรถกระบะ ที่กำลังจากจะเปลี่ยนไปช่องทางซ้าย 176 00:08:07,338 --> 00:08:09,561 เพราะว่าถนนด้านหน้ามันปิดอยู่ 177 00:08:09,561 --> 00:08:11,292 ดังนั้นมันจะต้องออกจากช่องทางเดิม 178 00:08:11,292 --> 00:08:13,155 การที่เรารู้เกี่ยวกับรถกระบะนั้นก็ดีนะ 179 00:08:13,155 --> 00:08:15,634 แต่ที่เราจะจำเป็นที่จะต้องรู้คือ ทุกๆคนคิดอะไรอยู่ 180 00:08:15,634 --> 00:08:18,141 ดังนั้นปัญหามันจึงซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก 181 00:08:18,141 --> 00:08:22,890 ด้วยข้อมูลนั้น เราจะคิดออกว่ารถ ควรจะตอบสนองอย่างไรในเวลานั้นๆ 182 00:08:22,890 --> 00:08:26,756 แล้วทางไหนที่เราควรจะไป ควรจะเพิ่มหรือลดความเร็ว 183 00:08:26,756 --> 00:08:29,821 แล้วทั้งหมดนั้นก็จะเป็นแค่ ให้รถตามทางไป 184 00:08:29,821 --> 00:08:33,018 หมุนพวงมาลับไปทางซ้ายหรือขวา เหยียบเบรกหรือเหยียบคันเร่ง 185 00:08:33,018 --> 00:08:35,482 สุดท้ายมันก็เป็นเพียงตัวเลขแค่สองตัว 186 00:08:35,482 --> 00:08:37,723 มันจะยากขนาดไหนเชียว 187 00:08:38,433 --> 00:08:40,385 ย้อนกลับไปเมื่อปี 2552 188 00:08:40,385 --> 00:08:42,183 ระบบของเราหน้าตาเป็นแบบนี้ 189 00:08:42,183 --> 00:08:45,574 ดังนั้นคุณจะเห็นรถของพวกเราอยู่ตรงกลาง แล้วกล่องอื่นๆอยู่บนถนน 190 00:08:45,574 --> 00:08:46,845 รถกำลังขับเคลื่อนบนทางหลวง 191 00:08:46,845 --> 00:08:50,663 รถจะต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนและ คร่าวๆว่ารถคันอื่นอยู่ตรงไหน 192 00:08:50,663 --> 00:08:53,092 เป็นความเข้าใจโลก ในรูปทรงเลขาคณิต 193 00:08:53,092 --> 00:08:56,040 และเมื่อเราได้เริ่มขับ ในระแวกที่อยู่อาศัยและถนนในเมือง 194 00:08:56,040 --> 00:08:58,485 ปัญหามันยากขึ้นเป็นคนละระดับเลย 195 00:08:58,485 --> 00:09:01,979 คุณเห็นคนกำลังข้ามถนน ด้านหน้าเรา เห็นรถผ่านหน้าเรา 196 00:09:01,979 --> 00:09:03,790 ไปในทุกทิศทาง 197 00:09:03,790 --> 00:09:05,317 มีไฟจราจร ทางม้าลาย 198 00:09:05,317 --> 00:09:08,114 เมื่อเทียบกันแล้ว นี่เป็นปัญหาที่ซับซ้อนอย่างมาก 199 00:09:08,114 --> 00:09:10,217 และเมื่อไหร่ที่คุณแก้ปัญหานั้นได้ 200 00:09:10,217 --> 00:09:12,729 รถจะต้องสามารถจัดการกับการตีความได้ 201 00:09:12,729 --> 00:09:15,880 มีกรวยอยู่ด้านซ้าย บังคับให้ไปทางขวา 202 00:09:15,880 --> 00:09:18,282 แต่ไม่ใช่แค่การตีความแบบแยกไว้เป็นส่วนๆ 203 00:09:18,282 --> 00:09:22,005 แต่จะต้องจัดการกับคนอื่น ที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ในพื้นที่นั้นด้วย 204 00:09:22,005 --> 00:09:25,268 แน่นอนถ้าหากมีคนทำผิดกฎ ตำรวจก็อยู่ตรงนั้น 205 00:09:25,268 --> 00:09:28,890 รถเราจะต้องเข้าใจความหมาย ของสัญญาณไฟที่อยู่บนรถนั้นด้วย 206 00:09:28,890 --> 00:09:31,995 หมายความว่ารถนั้นไม่ใช่แค่รถธรรมดา แต่เป็นรถตำรวจ 207 00:09:31,995 --> 00:09:34,027 คล้ายกันกับกล่องสีส้ม ที่อยู่ด้านข้างตรงนี้ 208 00:09:34,027 --> 00:09:35,136 มันเป็นรถโรงเรียน 209 00:09:35,136 --> 00:09:37,656 และเราจะต้องจัดการกับมัน แตกต่างออกไปเหมือนกัน 210 00:09:38,576 --> 00:09:41,369 เวลาที่เราอยู่บนถนน คนอื่นก็มีความคาดหวังกับเรา 211 00:09:41,369 --> 00:09:43,149 เช่น เมื่อนักปั่นจักรยานส่งสัญญาณมือ 212 00:09:43,149 --> 00:09:46,667 มันหมายความว่าเขาคาดว่า รถจะยอมให้ไปก่อนและเว้นที่ไว้ให้ 213 00:09:46,667 --> 00:09:48,720 สำหรับเปลี่ยนช่องจราจร 214 00:09:49,030 --> 00:09:51,203 และถ้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนบนถนน 215 00:09:51,203 --> 00:09:53,943 ยานพาหนะของเราควรจะเข้าใจว่า มันหมายความว่าจะต้องหยุดรถ 216 00:09:53,943 --> 00:09:57,449 แล้วพอเขาให้สัญญาณว่าไปได้ เราก็ควรจะไปต่อ 217 00:09:57,449 --> 00:10:01,210 วิธีที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ คือการแบ่งปันข้อมูลระหว่างรถ 218 00:10:01,210 --> 00:10:02,906 รถรุ่นแรกที่ได้รับการพัฒนาน้อยสุด 219 00:10:02,906 --> 00:10:05,019 จะเห็นพื้นที่แต่เพียงคันเดียว 220 00:10:05,019 --> 00:10:08,081 การที่มีข้อมูลจากรถอีกคัน ทำให้เลือกอยู่ในช่องจราจรที่ถูกต้อง 221 00:10:08,081 --> 00:10:09,651 จะได้ไม่เจอปัญหา 222 00:10:09,651 --> 00:10:12,315 แต่เรามีความเข้าใจที่ลึกลงไปอีก 223 00:10:12,315 --> 00:10:15,324 เราสามารถนำเอาข้อมูลทั้งหมด ที่รถเคยได้เห็นมา 224 00:10:15,324 --> 00:10:17,700 ไม่ว่าจะเป็นคนถนน นักปั่นจักรยานและ 225 00:10:17,700 --> 00:10:19,487 พาหนะที่ออกวิ่งอยู่บนถนนจำนวนเป็นล้าน 226 00:10:19,487 --> 00:10:21,182 และเข้าใจว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร 227 00:10:21,182 --> 00:10:24,013 แล้วใช้ข้อมูลนั้นในการสรุปว่า หน้าตารถคันอื่นเป็นอย่างไร 228 00:10:24,013 --> 00:10:25,939 หน้าตาของคนเดินถนนเป็นอย่างไร 229 00:10:25,939 --> 00:10:28,960 และที่สำคัญกว่านั้น เราสามารถเรียนรู้ได้คือ 230 00:10:28,960 --> 00:10:31,290 เราคาดให้มันเคลื่อนที่อย่างไร 231 00:10:31,290 --> 00:10:34,253 กล่องสีเหลืองนี้คือ คนเดินถนนที่จะเดินผ่านด้านหน้าเรา 232 00:10:34,253 --> 00:10:36,503 กล่องสีฟ้านี่เป็น นักปั่นจักรยานและเราคาดว่า 233 00:10:36,503 --> 00:10:39,815 ว่าพวกขาจะเบี่ยงขวารอบๆรถ 234 00:10:40,115 --> 00:10:42,207 มีนักปั่นจักรยานกำลังมา 235 00:10:42,207 --> 00:10:45,693 และพวกเรารู้ว่าพวกเขาจะขับตามทางถนน 236 00:10:45,693 --> 00:10:47,560 ตรงนี้มีคนกำลังเลี้ยวขวา 237 00:10:47,560 --> 00:10:50,920 และตอนนี้ ตรงนี้มีบางคน กำลังจะทำกลับรถข้างหน้าเรา 238 00:10:50,920 --> 00:10:53,534 และเราสามารถคาดเดาการกระทำ แล้วตอบสนองได้อย่างปลอดภัย 239 00:10:53,534 --> 00:10:56,262 เท่าที่เราเห็นก็ยังดีอยู่ 240 00:10:56,262 --> 00:10:59,127 แต่ว่าแน่นอน คุณจะเจอหลายสิ่งที่คุณ 241 00:10:59,127 --> 00:11:00,358 ไม่เคยเห็นในโลกนี้มาก่อน 242 00:11:00,358 --> 00:11:02,099 ประมาณสองเดือนที่ผ่านมา 243 00:11:02,099 --> 00:11:04,334 รถของเราที่กำลังขับผ่านภูเขา 244 00:11:04,334 --> 00:11:05,978 แล้วเราได้เจอกับอะไรบางอย่าง 245 00:11:05,978 --> 00:11:08,060 นี่คือผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้า 246 00:11:08,060 --> 00:11:10,677 ซึ่งกำลังไล่เป็ดเป็นวงกลมอยู่บนถนน (เสียงหัวเราะ) 247 00:11:10,677 --> 00:11:13,788 กลายเป็นว่า ไม่มีส่วนไหน ของหนังสือคู่มือการขับขี่ 248 00:11:13,788 --> 00:11:16,033 ที่บอกคุณว่าจะต้องทำอย่างเมื่อเจอแบบนี้ 249 00:11:16,033 --> 00:11:18,176 แต่ว่ารถของเราก็สามารถผ่านมันไปได้ 250 00:11:18,176 --> 00:11:20,431 โดยการลดความเร็วแล้วขับอย่างปลอดภัย 251 00:11:20,431 --> 00:11:22,472 ตอนนี้เราไม่ต้องจัดการกับเป็ดแล้ว 252 00:11:22,472 --> 00:11:26,180 ลองดูนกบินผ่านเรากัน ดูว่ารถตอบสนองอย่างไร 253 00:11:26,180 --> 00:11:27,795 นี่เมื่อเราเจอกับนักปั่นจักรยาน 254 00:11:27,795 --> 00:11:31,085 ที่เราไม่คาดว่าจะเจอในที่อื่น ถ้าไม่ใช่แถวภูเขา 255 00:11:31,085 --> 00:11:33,153 และแน่นอน รถจัดการกับคนขับคนอื่น 256 00:11:33,153 --> 00:11:36,868 แม้แต่ตัวเล็กๆ 257 00:11:36,868 --> 00:11:40,999 ลองดูภาพด้านขวา ตอนมีคนกระโดดออกมาจากรถกระบะมาหาเรา 258 00:11:42,460 --> 00:11:45,389 แล้วดูด้านซ้าย ดูรถที่เป็นกล่องสีเขียวตัวสินใจ 259 00:11:45,389 --> 00:11:48,714 ว่าเขาจะต้องเลี้ยวขวาตอนวินาทีสุดท้าย 260 00:11:48,714 --> 00:11:51,565 นี่เป็นตอนที่เราจะเปลี่ยนช่องทาง แล้วรถด้านซ้ายของเรา 261 00:11:51,565 --> 00:11:55,118 ก็ต้องการจะเปลี่ยนเหมือนกัน 262 00:11:55,118 --> 00:11:57,811 และนี่ เราดูรถฝ่าไฟแดง 263 00:11:57,811 --> 00:11:59,901 และเราให้ไปก่อน 264 00:11:59,901 --> 00:12:03,755 คล้ายๆกัน นี่เป็นนักปั่นจักรยาน ฝ่าไฟแดงเหมือนกัน 265 00:12:03,755 --> 00:12:06,501 และแน่นอนรถของเราตอบสนอง ได้อย่างปลอดภัย 266 00:12:06,501 --> 00:12:09,102 และแน่นอนมีคนหลายคน ที่ยังไม่ทราบว่ามาทำอะไรบนถนน 267 00:12:09,102 --> 00:12:12,925 เหมือนคนนี้ โผล่มาระหว่างรถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง 268 00:12:12,925 --> 00:12:14,970 เป็นคุณคุณก็คงคิดว่า 'คิดอะไรอยู่นะ' 269 00:12:14,970 --> 00:12:16,182 (เสียงหัวเราะ) 270 00:12:16,182 --> 00:12:18,703 ผมเพิ่งจะพ่นไฟข้อมูลมากมายใส่คุณ 271 00:12:18,703 --> 00:12:21,353 ดังนั้นผมจะทำให้มันง่ายขึ้น 272 00:12:21,353 --> 00:12:24,293 สิ่งที่เรากำลังดูอยู่ในฉากนี้ กับนักปั่นอีกแล้ว 273 00:12:24,293 --> 00:12:27,784 คุณอาจจะมองเห็นตรงด้านล่าง ว่าเรายังไม่สามารถเห็นนักปั่นได้ 274 00:12:27,784 --> 00:12:30,288 แต่รถเห็น นั่นก็คือกล่องสีฟ้าเล็กๆตรงนั้น 275 00:12:30,288 --> 00:12:32,369 เพราะว่ามันมาจากข้อมูลของเลเซอร์ 276 00:12:32,369 --> 00:12:34,787 แต่มันไม่ได้อธิบายได้ง่ายๆ 277 00:12:34,787 --> 00:12:38,371 ดังนั้นผมจะเปลี่ยนเป็นข้อมูลเลเซอร์ แล้วมาดูกัน 278 00:12:38,371 --> 00:12:41,400 ถ้าคุณอ่านข้อมูลเลเซอร์ออก คุณจะเห็น 279 00:12:41,400 --> 00:12:42,887 มีจุดอยู่บนเส้นโค้งตรงนั้น 280 00:12:42,887 --> 00:12:45,259 ตรงนั้นเอง นั่นคือกล่องสีฟ้าหรือนักปั่น 281 00:12:45,259 --> 00:12:46,408 ตอนนี้ไฟของเราเป็นสีแดง 282 00:12:46,408 --> 00:12:48,600 แต่ไฟของนักปั่นมันเป็นสีเหลืองแล้ว 283 00:12:48,600 --> 00:12:51,038 แล้วถ้าคุณจ้องดูในภาพนี้ดีๆ 284 00:12:51,038 --> 00:12:54,324 ว่านักปั่นเค้าจะไม่หยุดปั่น แล้วข้ามทางแยกนี้ไป 285 00:12:54,324 --> 00:12:56,718 ไฟเรากลายเป็นสีเขียวแล้ว และของนักปั่นก็เป็นสีแดง 286 00:12:56,718 --> 00:13:01,010 แล้วตอนนี้เราคาดว่ารถจักรยานจะมาจนสุดทาง 287 00:13:01,010 --> 00:13:04,752 แต่ว่าโชคไม่ดีนักที่ คนขับข้างๆเราไม่ได้ตั้งใจดูขนาดเรา 288 00:13:04,752 --> 00:13:07,909 พวกเขาเริ่มเดินเครื่อง และโชคดีมาก 289 00:13:07,909 --> 00:13:10,920 ที่นักปั่นไหวตัวทันและหลบไป 290 00:13:10,920 --> 00:13:13,111 ทันที่จะผ่านแยกไป 291 00:13:13,111 --> 00:13:14,679 เราถึงจะออกตัวได้ 292 00:13:14,679 --> 00:13:17,627 ตอนนี้คุณก็เห็นแล้วว่า เรากำลังพัฒนาอย่างน่าตื่นเต้น 293 00:13:17,627 --> 00:13:19,529 มาถึงจุดนี้เราเชื่อว่า 294 00:13:19,529 --> 00:13:21,539 เราสามารถนำเทคโนโลยีนี้เข้าสู่ตลาดได้ 295 00:13:21,539 --> 00:13:26,322 พวกเราทดลองวิ่ง 3 ล้านไมล์ ในเครื่องจำลองเหตุการณ์ทุกๆวัน 296 00:13:26,322 --> 00:13:29,011 ดังนั้นคุณคงจิตนาการได้ว่า รถเราประสบการณ์โชกโชนขนาดไหน 297 00:13:29,011 --> 00:13:31,875 พวกเราตั้งตาคอย ที่จะเห็นเทคโนโลยีนี้บนท้องถนน 298 00:13:31,875 --> 00:13:34,765 และพวกเราคิดว่าทางเลือกที่ดีกว่า คือการใช้รถที่ขับได้เอง 299 00:13:34,765 --> 00:13:36,609 ดีกว่าที่จะใช้ระบบช่วยเหลือคนขับ 300 00:13:36,609 --> 00:13:39,230 เพราะว่าภาวะฉุกเฉินมันเกิดขึ้นได้หลากหลาย 301 00:13:39,230 --> 00:13:41,623 ในเวลาที่ผมมาพูดในวันนี้ 302 00:13:41,623 --> 00:13:44,758 มี34คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนในอเมริกา 303 00:13:44,758 --> 00:13:47,126 คำถามคือ เอาออกมาขายได้เมื่อไหร่ 304 00:13:47,126 --> 00:13:50,958 เรื่องนี้พูดยาก เพราะว่าปัญหามันซับซ้อนอยู่ 305 00:13:50,958 --> 00:13:53,172 แต่ว่าสองคนนี้คือลูกชายของผม 306 00:13:53,172 --> 00:13:56,795 คนโตอายุ 11 แล้วนั่นหมายความว่า ผมมีเวลาอีก 4ปีครึ่ง 307 00:13:56,795 --> 00:13:59,372 ก่อนที่เขาจะสามารถทำใบขับขี่ได้ 308 00:13:59,372 --> 00:14:02,576 ทีมและผมสัญญาว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้น 309 00:14:02,576 --> 00:14:04,480 ขอบคุณครับ 310 00:14:04,480 --> 00:14:08,147 (เสียงหัวเราะ)(เสียงปรบมือ) 311 00:14:09,110 --> 00:14:11,678 คริส แอนเดอร์สัน: คริส ผมมีคำถามครับ 312 00:14:11,678 --> 00:14:14,487 คริส เอิร์มสัน: เชิญครับ 313 00:14:14,487 --> 00:14:18,411 คริส แอนเดอร์สัน: ความคิดของรถคุณ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าพิศวง 314 00:14:18,411 --> 00:14:22,870 สำหรับการถกเรื่องระบบช่วยเหลือคนขับ หรือรถขับด้วยตัวเอง 315 00:14:22,870 --> 00:14:25,911 ซึ่งมันเป็นเรื่องที่มีการถกกัน ที่ค่อนข้างจริงจังในขณะนี้ 316 00:14:25,911 --> 00:14:28,744 บางบริษัท อย่างเช่น เทสล่า 317 00:14:28,744 --> 00:14:30,903 เลือกที่จะไปใช้ระบบช่วยเหลือคนขับ 318 00:14:30,903 --> 00:14:36,151 แต่สิ่งที่คุณพูดคือสุดท้ายมันจะเจอทางตัน 319 00:14:36,151 --> 00:14:41,607 เพราะว่าคุณไม่สามารถพัฒนาระบบช่วยคนขับ ไปเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ 320 00:14:41,607 --> 00:14:45,137 พอถึงจุดนึง ผู้ขับขี่ก็จะบอกเองว่า 'นี่รู้สึกปลอดภัย' 321 00:14:45,137 --> 00:14:47,784 แล้วเอื้อมไปด้านหลังรถ แล้วก็จะเกิดบางอย่างไม่น่าดูขึ้น 322 00:14:47,784 --> 00:14:50,460 คริส เอิร์มสัน: ใช่นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ยังไม่พูดถึง 323 00:14:50,460 --> 00:14:53,997 ว่าระบบช่วยคนขับจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก 324 00:14:53,997 --> 00:14:56,055 มันสามารถช่วยชีวิต ระหว่างช่วงรอยต่อได้ 325 00:14:56,055 --> 00:14:59,888 แต่จะไม่เห็นโอกาสของการเปลี่ยนแปลง ที่สามารถช่วยคนแบบสตีฟให้ไปไหนมาไหนได้ 326 00:14:59,888 --> 00:15:01,857 อย่างปลอดภัยจริงๆ 327 00:15:01,857 --> 00:15:04,336 การที่มีโอกาสที่จะ เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองของเรา 328 00:15:04,336 --> 00:15:08,540 และเปลี่ยนแปลงการจอดรถ เพื่อที่จะเอาที่จอดรถออกไปให้หมด 329 00:15:08,540 --> 00:15:09,780 ผมว่านี่เป็นทางเลือกที่ใช่ 330 00:15:10,182 --> 00:15:12,566 คริส แอนเดอร์สัน: พวกเราจะตามความคืบหน้า ของคุณด้วยความสนใจอย่างมาก 331 00:15:12,566 --> 00:15:16,069 ขอบคุณมากครับคริส คริส เอิร์มสัน: ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)