WEBVTT 00:00:01.960 --> 00:00:04.070 เสียงของมนุษย์: 00:00:04.070 --> 00:00:05.992 มันเป็นเครื่องดนตรีที่เราทุกคนเล่น 00:00:05.992 --> 00:00:08.348 มันเป็นเสียงที่ทรงพลังที่สุดในโลกก็เป็นได้ 00:00:08.348 --> 00:00:10.116 มันเป็นสิ่งเดียวที่สามารถจุดฉนวนสงคราม 00:00:10.116 --> 00:00:11.940 หรือบอกว่า "ผมรักคุณ" 00:00:11.940 --> 00:00:13.236 ถึงกระนั้น คนมากมายก็ยังมีประสบการณ์ 00:00:13.236 --> 00:00:16.210 ที่เมื่อพวกเขาพูด กลับไม่มีใครฟัง 00:00:16.210 --> 00:00:17.346 เพราะอะไรกันล่ะ 00:00:17.346 --> 00:00:19.020 เราจะพูดอย่างทรงพลังได้อย่างไร 00:00:19.020 --> 00:00:21.136 เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ NOTE Paragraph 00:00:21.136 --> 00:00:23.132 ที่ผมอยากจะแนะนำ 00:00:23.132 --> 00:00:24.972 คือพฤติกรรมบางอย่างที่เราควรออกห่าง 00:00:24.972 --> 00:00:27.308 ผมได้รวมรวมไว้สำหรับคุณตรงนี้ 00:00:27.308 --> 00:00:29.444 บาปทั้งเจ็ดในการพูด 00:00:29.444 --> 00:00:31.876 ผมจะไม่เสแสร้งหรอกว่า นี่เป็นรายการที่ละเอียด 00:00:31.876 --> 00:00:34.508 แต่รายการทั้งเจ็ดนี้ ผมคิดว่ามันค่อนข้าง 00:00:34.508 --> 00:00:37.132 จะเป็นพฤติกรรมหลักที่เราทั้งหลายเป็น NOTE Paragraph 00:00:37.132 --> 00:00:39.989 อย่างแรก นินทา 00:00:39.989 --> 00:00:42.700 พูดจาให้ร้ายใครสักคนที่ไม่ได้อยู่ตรงน้ัน 00:00:42.700 --> 00:00:44.368 ไม่ใช่นิสัยที่ดีเลย และเราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า 00:00:44.368 --> 00:00:46.700 คนที่นินทาอยู่ตอนนี้ ในอีกห้านาทีต่อมา 00:00:46.700 --> 00:00:49.771 ก็จะนินทาเรา NOTE Paragraph 00:00:49.771 --> 00:00:51.515 อย่างที่สอง การตัดสินคนอื่น 00:00:51.515 --> 00:00:53.323 เรารู้จักคนพวกนี้ในวงสนทนา 00:00:53.323 --> 00:00:55.379 และมันยากที่จะฟังใครบางคน 00:00:55.379 --> 00:00:57.579 ถ้าคุณรู้ว่าคุณกำลังถูกประเมินตัดสิน 00:00:57.579 --> 00:01:00.029 และพบว่าต้องการที่จะทำแบบนั้นเช่นกัน NOTE Paragraph 00:01:00.029 --> 00:01:01.929 อย่างที่สาม การมองในแง่ร้าย 00:01:01.929 --> 00:01:03.659 คุณสามารถตกหลุมพรางนี้ได้เช่นกัน 00:01:03.659 --> 00:01:05.211 ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิตแม่ผม 00:01:05.211 --> 00:01:07.366 มันเต็มไปด้วยเรื่องในแง่ลบ และมันยากที่จะรับฟัง 00:01:07.366 --> 00:01:09.303 ผมจำได้ว่าวันหนึ่ง ผมบอกเธอว่า 00:01:09.303 --> 00:01:10.316 "วันนี้เป็นวันที่ 1 ตุลาคม" 00:01:10.316 --> 00:01:13.140 และเธอบอกว่า "ฉันรู้ แย่เป็นบ้าเลย" 00:01:13.140 --> 00:01:15.262 (เสียงหัวเราะ) 00:01:15.262 --> 00:01:18.440 มันยากที่จะฟัง เมื่อใครสักคน มองโลกในแง่ร้ายอย่างนั้น NOTE Paragraph 00:01:18.440 --> 00:01:21.281 และอีกหนึ่งรูปแบบของการมองโลกทางลบ คือการบ่น 00:01:21.281 --> 00:01:25.542 ครับ มันเป็นศิลปะประจำชาติของสหราชอาณาจักร 00:01:25.542 --> 00:01:27.670 มันเป็นกีฬาประจำชาติของเรา เราบ่นเรื่องดินฟ้าอากาศ 00:01:27.670 --> 00:01:30.135 กีฬา การเมือง และทุกๆ อย่าง 00:01:30.135 --> 00:01:32.272 แต่อันที่จริงแล้ว การบ่นเป็นการแพร่กระจายความอาดูร 00:01:32.272 --> 00:01:36.292 มันไม่ใช่การส่องแสงของดวงอาทิตย์ และความสว่างให้กับโลก NOTE Paragraph 00:01:36.292 --> 00:01:39.296 การแก้ตัว เราทุกคนเคยพบเจ้านี่ 00:01:39.296 --> 00:01:40.796 บางที เราก็เป็นเสียเอง 00:01:40.796 --> 00:01:43.490 บางคนมีเครื่องขว้างข้อกล่าวหา 00:01:43.490 --> 00:01:45.718 พวกเขาโยนมันไปยังคนอื่นๆ ทุกคน 00:01:45.718 --> 00:01:47.346 และไม่รับผิดชอบการกระทำของพวกเขา 00:01:47.346 --> 00:01:50.282 และเช่นกัน มันยากที่จะฟังใครที่เป็นแบบนั้น NOTE Paragraph 00:01:50.282 --> 00:01:52.604 ก่อนจะท้ายสุด อันดับที่หกจากเจ็ด 00:01:52.604 --> 00:01:56.210 การเสริมแต่ง พูดจาเกินจริง 00:01:56.210 --> 00:01:58.638 จริงๆ แล้วบางทีมันลดคุณค่าของภาษาของเรา 00:01:58.638 --> 00:01:59.940 ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมเห็นอะไรบางอย่าง 00:01:59.940 --> 00:02:01.930 ที่มันเจ๋งมากๆ 00:02:01.930 --> 00:02:03.826 ผมจะเรียกมันว่าอะไร 00:02:03.826 --> 00:02:05.840 (เสียงหัวเราะ) 00:02:05.840 --> 00:02:08.338 และจากนั้น การพูดเกินจริงก็กลายเป็นการโกหก 00:02:08.338 --> 00:02:09.906 โกหกแล้วโกหกอีก และเราไม่ต้องการฟัง 00:02:09.906 --> 00:02:12.223 คนที่เรารู้ว่ากำลังโกหกเรา NOTE Paragraph 00:02:12.223 --> 00:02:15.444 และท้ายที่สุด ความดื้อรั้นเห็นตัวเองถูก 00:02:15.444 --> 00:02:19.323 ความสับสนระหว่างข้อเท็จจริงกับความคิดเห็น 00:02:19.323 --> 00:02:21.262 เมื่อสองสิ่งนั้นเข้ามาผสมปนเปกัน 00:02:21.262 --> 00:02:22.387 คุณกำลังฟังเสียงลม 00:02:22.387 --> 00:02:25.987 คุณรู้ว่าใครสักคนกำลังกระหน่ำคุณ ด้วยความเห็นของพวกเขา ยังกับว่าพวกเขาถูก 00:02:25.987 --> 00:02:28.547 มันยากที่จะฟังสิ่งนั้น NOTE Paragraph 00:02:28.547 --> 00:02:31.588 เอาล่ะ บาปทั้งเจ็ดแห่งวาจา 00:02:31.588 --> 00:02:34.021 เหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องหลีกเลี่ยง 00:02:34.021 --> 00:02:36.890 แต่ว่ามันมีแง่คิดในเชิงบวกต่อสิ่งนี้ไหม 00:02:36.890 --> 00:02:38.173 ครับ มีครับ 00:02:38.173 --> 00:02:40.419 ผมอยากที่จะแนะนำว่ามีสี่เสาหลัก 00:02:40.419 --> 00:02:43.443 ที่ทรงพลังจริงๆ 00:02:43.443 --> 00:02:46.420 รากฐานที่เราเอาเป็นหลักมั่นได้ ถ้าเราต้องการให้การพูดของเรา 00:02:46.420 --> 00:02:49.655 ทรงพลัง และนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่โลก 00:02:49.655 --> 00:02:52.523 โชคดี ตัวย่อพวกนี้รวมได้เป็นคำ 00:02:52.523 --> 00:02:55.619 คำนั้นคือ "HAIL" (ลูกเห็บ) และมันก็มีความหมายดีซะด้วย 00:02:55.619 --> 00:02:57.587 ผมไม่ได้กำลังพูดถึงอะไรที่ตกมาจากฟ้า 00:02:57.587 --> 00:02:58.875 และอัดเข้าที่หัวคุณนะครับ 00:02:58.875 --> 00:03:00.340 ผมกำลังพูดถึงอีกความหมาย 00:03:00.340 --> 00:03:02.840 ซึ่งคือ การทักทาย หรือสรรเสริญ อย่างกระตือรือล้น 00:03:02.840 --> 00:03:05.107 ซึ่งคือการที่ผมคิดว่า คำพูดของเราจะถูกรับฟัง 00:03:05.107 --> 00:03:06.649 ถ้าเรายึดสี่สิ่งนี้เป็นหลัก NOTE Paragraph 00:03:06.649 --> 00:03:08.425 แล้วพวกมันย่อมาจากอะไร 00:03:08.425 --> 00:03:09.825 ดูซิ ว่าคุณจะเดาออกไหม 00:03:09.825 --> 00:03:13.283 ตัว H, honesty (ซึ่อสัตย์) แน่ล่ะ 00:03:13.283 --> 00:03:16.254 พูดความจริง ตรงไปตรงมา และชัดเจน 00:03:16.254 --> 00:03:20.295 ตัว A คือ authenticity (ของแท้) เป็นตัวของตัวเอง 00:03:20.295 --> 00:03:21.869 เพื่อนของผมอธิบายว่า 00:03:21.869 --> 00:03:23.505 มันเป็นดังการยืนหยัดต่อความจริงของคุณ 00:03:23.505 --> 00:03:25.443 ที่ผมคิดว่ามันเป็นการพูดที่สวยดี 00:03:25.443 --> 00:03:28.079 ตัว I คือ integrity (ความมีศีลธรรมจรรยา) จงเป็นดังเช่นคำของคุณ 00:03:28.079 --> 00:03:29.867 ทำอย่างที่คุณพูดจริงๆ 00:03:29.867 --> 00:03:31.947 และเป็นใครสักคนที่เชื่อถือได้ 00:03:31.947 --> 00:03:35.130 และตัว L คือ Love (รัก) 00:03:35.130 --> 00:03:37.251 ผมไม่ได้หมายถึงรักแบบหนุ่มสาว 00:03:37.251 --> 00:03:40.660 แต่ผมหมายถึงการปรารถนาดีต่อคนอื่น ด้วยสองสาเหตุ 00:03:40.660 --> 00:03:42.907 ประการแรก ผมคิดว่าความซื่อสัตย์ล้วนๆ 00:03:42.907 --> 00:03:44.030 อาจไม่ได้เป็นสิ่งที่เราต้องการ 00:03:44.030 --> 00:03:46.663 ผมหมายถึง โอ้พระคุณเจ้า คุณดูน่าเกลียดมากเช้านี้ 00:03:46.663 --> 00:03:50.021 บางที มันคงไม่จำเป็นขนาดนั้น 00:03:50.021 --> 00:03:53.379 แน่ล่ะ แม้จะถูกเย้ายวนด้วยสเน่หา ความซื่อสัตย์ก็เป็นสิ่งที่ดี 00:03:53.379 --> 00:03:56.474 แต่ว่า ถ้าคุณปรารถนาดีต่อใครสักคนแล้วล่ะก็ 00:03:56.474 --> 00:03:59.111 มันยากที่จะตัดสินพวกเขาไปด้วยในเวลาเดียวกัน 00:03:59.111 --> 00:04:01.534 ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคุณสามารถทำสองสิ่งนั้น 00:04:01.534 --> 00:04:03.310 ในเวลาเดียวกันได้ 00:04:03.310 --> 00:04:04.910 ดังนั้น HAIL NOTE Paragraph 00:04:04.910 --> 00:04:06.667 เอาล่ะ แล้วนั่นก็คือสิ่งที่คุณพูด 00:04:06.667 --> 00:04:08.435 และมันก็เหมือนกับเพลงเก่าๆ สิ่งที่คุณพูดนั่น 00:04:08.435 --> 00:04:10.338 มันยังเป็นวิธีการพูดของคุณอีกด้วย 00:04:10.338 --> 00:04:12.410 คุณมีกล่องเครื่องมือมหัศจรรย์ 00:04:12.410 --> 00:04:14.270 เครื่องมือนี้มันน่าทึ่งมาก 00:04:14.270 --> 00:04:17.810 และถึงกระนั้น มันคือกล่องเครื่องมือ ที่มีคนไม่เท่าไรได้เคยเปิด 00:04:17.810 --> 00:04:19.331 ผมอยากที่จะทำการรื้อค้นนิดหน่อย 00:04:19.331 --> 00:04:21.240 ไปพร้อมกับคุณตอนนี้ และดึงเอาเครื่องมือสองสามอย่างออกมา 00:04:21.240 --> 00:04:23.110 ที่คุณอาจอยากนำกลับไปและเล่นกับมัน 00:04:23.110 --> 00:04:26.242 ซึ่งจะเพิ่มพลังของการพูดของคุณ NOTE Paragraph 00:04:26.242 --> 00:04:27.986 ตัวอย่างเช่น การวางระดับเสียง 00:04:27.986 --> 00:04:32.180 ทีนี้ การวางระดับเสียงที่สูงผิดปกติ โดยส่วนใหญ่แล้วอาจไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก 00:04:32.180 --> 00:04:34.234 แต่มันมีการวางระดับเสียงระหว่างนั้น 00:04:34.234 --> 00:04:35.619 ผมจะไม่พูดถึงเรื่องเทคนิกมาก 00:04:35.619 --> 00:04:37.299 สำหรับคุณคนไหนที่เป็นผู้ฝึกสอนด้านเสียง 00:04:37.299 --> 00:04:39.242 คุณสามรถปรับวางเสียงของคุณได้ 00:04:39.242 --> 00:04:41.746 ดังนั้น ถ้าผมพูดตรงนี้ในจมูกของผม คุณก็บอกความแตกต่างได้ 00:04:41.746 --> 00:04:43.354 ถ้าผมนำมันลงมาตรงคอ 00:04:43.354 --> 00:04:46.785 ซึ่งเป็นบริเวณที่พวกเราส่วนใหญ่ ใช้พูดกันตลอดเวลา 00:04:46.785 --> 00:04:48.642 แต่ถ้าคุณต้องการน้ำหนัก 00:04:48.642 --> 00:04:51.120 คุณต้องลงมาตรงนี้ ตรงหน้าอก 00:04:51.120 --> 00:04:52.730 คุณได้ยินความแตกต่างไหม 00:04:52.730 --> 00:04:56.770 พวกเราลงคะแนนให้กับนักการเมืองที่มีเสียงต่ำ มันเป็นความจริงครับ 00:04:56.770 --> 00:04:59.738 เพราะว่าเราเชื่อมโยงความทุ้มลึกกับอำนาจ 00:04:59.738 --> 00:05:02.445 และผู้มีอำนาจ 00:05:02.445 --> 00:05:04.134 นั่นคือการวางระดับเสียง NOTE Paragraph 00:05:04.134 --> 00:05:05.501 และจากนั้นเรามีน้ำเสียง 00:05:05.501 --> 00:05:07.270 มันเป็นรูปแบบที่เสียงของคุณให้ความรู้สึก 00:05:07.270 --> 00:05:09.190 และอีกครั้ง การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเราชอบเสียง 00:05:09.190 --> 00:05:14.635 ที่สมบูรณ์ ราบเรียบ อบอุ่น เหมือนช็อกโกแลตร้อน 00:05:14.635 --> 00:05:17.923 ครับ ถ้านั่นไม่ใช่คุณ มันก็ไม่ใช่จุดจบของโลกหรอกครับ 00:05:17.923 --> 00:05:19.365 เพราะคุณสามารถฝึกได้ 00:05:19.365 --> 00:05:20.609 ไปหาผู้ฝึกสอนทางเสียงสิครับ 00:05:20.609 --> 00:05:22.185 และมีสิ่งน่าทึ่งมากมายที่คุณสามารถทำได้ 00:05:22.185 --> 00:05:24.921 ด้วยการหายใจ ด้วยท่าทาง และด้วยการออกกำลังกาย 00:05:24.921 --> 00:05:27.435 เพื่อพัฒนาน้ำเสียงของคุณ NOTE Paragraph 00:05:27.435 --> 00:05:29.227 และฉันทลักษณ์ ผมชอบฉันทลักษณ์ 00:05:29.227 --> 00:05:31.403 มันเป็นการร้องเพลง เป็นอภิภาษา 00:05:31.403 --> 00:05:33.477 ที่เราใช้เพื่อที่จะบอกให้ทราบความหมาย 00:05:33.477 --> 00:05:36.315 มันเป็นตัวสำคัญตัวหนึ่ง สำหรับความหมายในการสนทนา 00:05:36.315 --> 00:05:38.538 คนที่พูดด้วยโน้ตตัวเดียวกันหมด 00:05:38.538 --> 00:05:40.395 ค่อนข้างที่จะฟังเขายากจริงๆ 00:05:40.395 --> 00:05:42.611 ถ้าพวกเขาไม่มีฉันทลักษณ์อะไรเลย 00:05:42.611 --> 00:05:45.586 นั่นเป็นที่มาของโลกแบบระดับเสียงเดียว 00:05:45.586 --> 00:05:48.306 หรือแบบเสียงเดี่ยว โมโนโทน 00:05:48.306 --> 00:05:51.603 เรายังมีแบบฉันทลักษณ์ซ้ำๆ ที่คนเริ่มๆ ใช้กัน 00:05:51.603 --> 00:05:54.323 ที่ซึ่งทุกประโยคจบลงราวกับว่ามันเป็นคำถาม 00:05:54.323 --> 00:05:56.371 เมื่อที่จริงแล้วมันไม่ใช่คำถาม มันเป็นคำสั่ง 00:05:56.371 --> 00:05:59.154 (เสียงหัวเราะ) 00:05:59.154 --> 00:06:00.740 และถ้าคุณทำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก 00:06:00.740 --> 00:06:02.607 มันจะขวางกั้นความสามารถของคุณ 00:06:02.607 --> 00:06:03.895 ในการสื่อสารผ่านจังหวะและทำนองในการพูด 00:06:03.895 --> 00:06:05.820 ซึ่งผมคิดว่ามันน่าเสียดาย 00:06:05.820 --> 00:06:08.741 ดังนั้น ลองพยายามและแก้ไขนิสัยนั้นดูครับ NOTE Paragraph 00:06:08.741 --> 00:06:10.731 จังหวะ ผมอาจตื่นเต้นมากๆ 00:06:10.731 --> 00:06:12.283 แล้วก็พูดอะไรบางอย่าง เร็วสุดๆ 00:06:12.283 --> 00:06:16.579 หรือผมสามารถช้าลงมาเพื่อทำการเน้น 00:06:16.579 --> 00:06:18.920 และสุดท้าย แน่ล่ะ เพื่อนเก่าของเรา 00:06:18.920 --> 00:06:21.359 ความเงียบ 00:06:22.555 --> 00:06:24.426 มันไม่ผิดอะไรที่จะเงียบสักนิด 00:06:24.426 --> 00:06:26.561 ในการบรรยาย ใช่ไหมครับ 00:06:26.561 --> 00:06:29.425 เราไม่จำเป็นต้องเติมมันด้วย อืม หรือ เออ 00:06:29.425 --> 00:06:31.823 มันสามารถเป็นอะไรที่ทรงพลังได้ NOTE Paragraph 00:06:31.823 --> 00:06:34.151 แน่ละ ระดับเสียงมักไปด้วยกันกับจังหวะ 00:06:34.151 --> 00:06:36.679 เพื่อที่จะกำหนดการตื่นตัว แต่คุณทำมันได้ เพียงใช้ระดับเสียง 00:06:36.679 --> 00:06:38.383 คุณเอากุญแจผมไว้ที่ไหน 00:06:38.383 --> 00:06:40.287 คุณเอากุญแจผมไปไว้ไหน 00:06:40.287 --> 00:06:42.190 ความหมายต่างกันนิดหน่อย 00:06:42.190 --> 00:06:44.156 ในทั้งสองการส่งสารนั้น NOTE Paragraph 00:06:44.156 --> 00:06:46.402 และสุดท้าย ความดังของเสียง 00:06:46.402 --> 00:06:49.803 ผมสามารถตื่นเต้นได้ เมื่อใช้ความดังของเสียง 00:06:49.803 --> 00:06:51.980 ขอโทษด้วยครับ ถ้าทำให้ใครสะดุ้ง 00:06:51.980 --> 00:06:54.291 หรือผมสามารถทำให้คุณสนใจ 00:06:54.291 --> 00:06:56.342 โดยพูดเบาๆ 00:06:56.342 --> 00:06:58.427 คนบางคนทำยังกับ "ประกาศ" อะไรตลอดเวลา 00:06:58.427 --> 00:06:59.900 พยายามอย่างทำแบบนั้น 00:06:59.900 --> 00:07:03.259 นั่นมัน "ตะหวาด" แล้วครับ 00:07:03.259 --> 00:07:05.875 ทำให้เสียงของคุณเป็นที่ประทับใจคนรอบข้าง 00:07:05.875 --> 00:07:08.915 การไม่ใส่ใจหรือไม่เกรงใจ เป็นอะไรที่ไม่น่ารักเลย NOTE Paragraph 00:07:08.915 --> 00:07:11.571 แน่ล่ะครับ ทั้งหมดนี้เข้ามารวมตัวกัน 00:07:11.571 --> 00:07:13.899 ส่วนใหญ่แล้ว ก็คือตอนที่คุณมีอะไรเรื่องสำคัญจะต้องพูด 00:07:13.899 --> 00:07:15.535 อาจเป็นตอนที่คุณมายืนบนเวทีแบบนี้ 00:07:15.535 --> 00:07:17.010 และบรรยายให้คนฟัง 00:07:17.010 --> 00:07:19.539 อาจเป็นตอนขอแต่งงาน 00:07:19.539 --> 00:07:22.693 ขอขึ้นเงินเดือน กล่าวสุนทรพจน์ในงานแต่งงาน 00:07:22.693 --> 00:07:24.699 ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ถ้ามันสำคัญจริงๆ 00:07:24.699 --> 00:07:28.179 คุณมีหน้าที่ที่จะต้องมองไปที่กล่องเครื่องมือ 00:07:28.179 --> 00:07:30.509 และเครื่องจักรที่จะต้องทำงานด้วยกัน 00:07:30.509 --> 00:07:33.604 และไม่มีเครื่องจักรใดที่ทำงานได้ดี โดยไม่ได้รับการอุ่นเครื่อง 00:07:33.604 --> 00:07:35.580 อุ่นเครื่องเสียงของคุณ NOTE Paragraph 00:07:35.580 --> 00:07:37.428 อันที่จริง ให้ผมแสดงให้คุณดูว่าทำอย่างไรนะครับ 00:07:37.428 --> 00:07:40.536 คุณทุกคนยืนขึ้นสักเดี๋ยวได้ไหมครับ 00:07:40.536 --> 00:07:43.452 ผมจะแสดงให้คุณดู ถึงการบริหารอุ่นเครื่องเสียงทั้งหก 00:07:43.452 --> 00:07:46.925 ที่ผมทำก่อนจะบรรยายทุกๆ ที่ 00:07:46.925 --> 00:07:49.696 ไม่ว่าเมื่อใดที่คุณกำลังจะพูดกับคนสำคัญ ทำแบบนี้ครับ 00:07:49.696 --> 00:07:52.662 อย่างแรก ยกแขนขึ้น หายใจลึกๆ 00:07:52.662 --> 00:07:55.764 และถอนหายใจออก เฮ้ออออ อย่างนั้นแหละ 00:07:55.764 --> 00:07:57.392 อีกครั้งครับ 00:07:57.392 --> 00:08:00.390 เฮ้อออออ เยี่ยมครับ 00:08:00.390 --> 00:08:02.132 ทีนี้เรากำลังจะอุ่นเครื่องริมฝีปากของเรา 00:08:02.132 --> 00:08:04.484 เรากำลังจะพูดว่า บา บา บา บา 00:08:04.484 --> 00:08:07.436 บา บา บา บา เยี่ยมครับ 00:08:07.436 --> 00:08:10.876 แล้วก็ บรื้อ บรื้อ บรื้อ 00:08:10.876 --> 00:08:12.326 เหมือนตอนที่คุณเป็นเด็ก 00:08:12.326 --> 00:08:14.853 บรื้อ ทีนี้ริมฝีปากคุณก็ตื่นแล้ว 00:08:14.853 --> 00:08:16.428 เรากำลังจะบริหารลิ้นต่อ 00:08:16.428 --> 00:08:20.850 ด้วยการทำแบบนี้อย่างเว่อร์ๆ ล๊า ล๊า ล๊า ล๊า ล๊า ล๊า ล๊า ล๊า ล๊า 00:08:20.850 --> 00:08:22.360 สวยงามมากครับ เราทำกันได้ดีมาก 00:08:22.360 --> 00:08:25.955 และจากนั้น กระดกลิ้นพูดว่า อาร์รรรรร 00:08:25.955 --> 00:08:28.171 นั่นมันเหมือนแชมเปญของลิ้นเลย 00:08:28.171 --> 00:08:30.491 สุดท้าย และถ้าผมสามารถทำได้เพียงสิ่งดียว 00:08:30.491 --> 00:08:32.230 ผู้เชี่ยวชาญเรียกมันว่า เสียงหวอ 00:08:32.298 --> 00:08:34.731 มันยอดมากครับ มันเริ่มจาก "วี" และตามด้วย "ออ" 00:08:34.731 --> 00:08:35.991 "วี" เสียงสูง และ "ออ" เสียงต่ำ 00:08:35.991 --> 00:08:42.706 แบบนี้ครับ วี....ออออออ วี.....อออออ NOTE Paragraph 00:08:42.706 --> 00:08:44.882 ยอดเลยครับ ปรบมือให้ตัวเองหน่อยครับ 00:08:44.882 --> 00:08:47.712 เชิญนั่งครับ ขอบคุณ (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:08:47.712 --> 00:08:50.336 ครั้งหน้าก่อนคุณพูด ลองทำดูนะครับ NOTE Paragraph 00:08:50.336 --> 00:08:52.976 ตอนนี้ให้ผมพูดเพื่อเป็นการสรุป 00:08:52.976 --> 00:08:55.272 มันเป็นจุดสำคัญครับตรงนี้ 00:08:55.272 --> 00:08:57.103 เราอยู่กันตรงนี้ใช่ไหมครับ 00:08:57.103 --> 00:08:58.768 เราพูดได้ไม่ค่อยดี 00:08:58.768 --> 00:09:00.136 ให้กับคนที่ไม่อยากจะฟัง 00:09:00.136 --> 00:09:03.055 ในบรรยากาศที่มีเสียงรบกวนและดนตรีแย่ๆ 00:09:03.055 --> 00:09:05.120 ผมได้พูดถึงสิ่งนี้บนเวทีนี้ 00:09:05.120 --> 00:09:06.798 ในวลีที่หลากหลาย 00:09:06.798 --> 00:09:08.432 โลกเราจะเป็นอย่างไร 00:09:08.432 --> 00:09:10.152 ถ้าเราสามารถพูดได้อย่างทรงพลัง 00:09:10.152 --> 00:09:12.208 ต่อผู้คนผู้ซึ่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ 00:09:12.208 --> 00:09:15.602 ในบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับจุดประสงค์ 00:09:15.602 --> 00:09:18.585 หรือเพื่อให้มันใหญ่กว่านั้นสักหน่อย 00:09:18.585 --> 00:09:19.682 โลกเราจะเป็นอย่างไร 00:09:19.682 --> 00:09:22.310 ถ้าเราสามารถสร้างเสียงได้อย่างใจสั่ง 00:09:22.310 --> 00:09:24.343 และบริโภคเสียงได้อย่างใจต้องการ 00:09:24.343 --> 00:09:25.970 และออกแบบสิ่งแวดล้อมทั้งหมดของเรา 00:09:25.970 --> 00:09:27.447 ให้เป็นอย่างที่เหมาะกับเสียง 00:09:27.447 --> 00:09:30.671 นั่นคงจะเป็นโลกที่ฟังดูสวยงามเหลือเกิน 00:09:30.671 --> 00:09:32.567 และที่ซึ่งความเข้าใจ 00:09:32.567 --> 00:09:34.582 จะเป็นเรื่องธรรมดา 00:09:34.582 --> 00:09:37.255 และนี่คือ "ความคิดที่ควรค่าแก่การเผยแพร่" NOTE Paragraph 00:09:37.255 --> 00:09:39.663 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:09:39.663 --> 00:09:40.963 ขอบคุณ (เสียงปรบมือ)