WEBVTT 00:00:06.828 --> 00:00:11.388 ถ้าคุณเอาเส้นเลือดทั้งหมดในตัวคุณ มาเรียงต่อกัน 00:00:11.388 --> 00:00:15.429 มันจะยาว 95,000 กิโลเมตร 00:00:15.429 --> 00:00:21.984 ทุกๆ วันมันจะไหลเวียน เลือดกว่า 7,500 ลิตร 00:00:21.984 --> 00:00:27.508 แม้ว่าอันที่จริงมันก็คือเลือดจำนวนสี่ถึงห้าลิตร ที่ไหลเวียนกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า 00:00:27.508 --> 00:00:30.041 นำออกซิเจน และสารอาหารที่มีประโยชน์ 00:00:30.041 --> 00:00:34.960 เช่น กลูโคส และกรดอะมิโน ไปยังเนื้อเยื่อของร่างกาย 00:00:34.960 --> 00:00:40.240 เลือดทั้งหมดนี้ ทำให้เกิดแรงดันต่อผนังกล้ามเนื้อของเส้นเลือด 00:00:40.240 --> 00:00:43.066 แรงนี้เรียกว่า ความดันเลือด 00:00:43.066 --> 00:00:46.999 มันขึ้นและลงตามจังหวะการเต้นของหัวใจ 00:00:46.999 --> 00:00:48.995 มันสูงสุดในช่วงซิสโตลิก (systole) 00:00:48.995 --> 00:00:52.854 เมื่อหัวใจบีบตัว เพื่อดันให้เลือดไหลผ่านเส้นเลือดแดง 00:00:52.854 --> 00:00:55.196 นี่คือ ความดันเลือดซิสโตลิก 00:00:55.196 --> 00:00:57.694 เมื่อหัวใจพักระหว่างจังหวะการเต้น 00:00:57.694 --> 00:01:02.436 ความดันเลือดตกลงถึงจุดต่ำสุด ซึ่งก็คือ ความดันไดแอสโตลิก (diastolic) 00:01:02.436 --> 00:01:05.862 คนสุขภาพดีทั่วไปมีความดันซิสโตลิก 00:01:05.862 --> 00:01:10.348 ระหว่าง 90 และ 120 มิลลิเมตรปรอท 00:01:10.348 --> 00:01:14.110 และความดันไดแอสโตลิก ระหว่าง 60 และ 80 00:01:14.110 --> 00:01:19.572 เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ค่าปกติจะอยู่ที่ประมาณ 120/80 00:01:19.572 --> 00:01:21.891 เลือดเดินทางไปทั่วร่างกาย 00:01:21.891 --> 00:01:24.977 ผ่านหลอดเลือดของระบบไหลเวียนโลหิต 00:01:24.977 --> 00:01:26.477 ในระบบท่อใดๆ ก็ตาม 00:01:26.477 --> 00:01:29.945 มีหลายอย่าง ที่สามารถเพิ่มแรงดันต่อผนังท่อได้ เช่น 00:01:29.945 --> 00:01:31.556 คุณสมบัติของของเหลว 00:01:31.556 --> 00:01:32.708 ของเหลวส่วนเกิน 00:01:32.708 --> 00:01:34.760 หรือ ท่อที่ตีบแคบ 00:01:34.760 --> 00:01:36.190 ถ้าเลือดข้นมากขึ้น 00:01:36.190 --> 00:01:41.437 ก็ต้องใช้แรงดันที่มากขึ้นเพื่อดันมัน ดังนั้น หัวใจต้องบีบตัวแรงขึ้น 00:01:41.437 --> 00:01:44.782 อาหารที่มีเกลือสูงทำให้เกิดผลที่คล้ายกัน 00:01:44.782 --> 00:01:46.933 เกลือทำให้เกิดการคั่งของน้ำ 00:01:46.933 --> 00:01:51.397 และของเหลวส่วนเกินนี้ เพิ่มปริมาณเลือดและความดันเลือด 00:01:51.397 --> 00:01:54.456 และความเครียด อย่างเช่น การตอบสนองเชิงสู้หรือหนี 00:01:54.456 --> 00:01:58.365 ทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมน เช่น เอปิเนฟริน และนอร์เอปิเนฟริน 00:01:58.365 --> 00:02:00.550 ที่ทำให้เส้นเลือดหลักหดตัว 00:02:00.550 --> 00:02:05.211 เพิ่มแรงต้านการไหลของเลือด และทำให้ความดันสูงขึ้น 00:02:05.211 --> 00:02:08.772 โดยทั่วไปแล้ว เส้นเลือดสามารถรับมือ กับการขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ได้สบาย 00:02:08.772 --> 00:02:13.521 เส้นใยอีลาสติกในผนังเส้นเลือด ทำให้มันยืดหยุ่นได้ 00:02:13.521 --> 00:02:18.606 แต่ถ้าความดันเลือดของคุณ สูงเกิน 140/90 อยู่เสมอๆ 00:02:18.606 --> 00:02:21.846 แบบที่เราเรียกว่า ความดันเลือดสูง และสูงอย่างนั้นตลอด 00:02:21.846 --> 00:02:23.970 มันจะทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงได้ 00:02:23.970 --> 00:02:26.694 เพราะว่าแรงดันที่เพิ่มขึ้น ต่อผนังเส้นเลือด 00:02:26.694 --> 00:02:28.456 สามารถทำให้เกิดรอยแยกเล็กๆ 00:02:28.456 --> 00:02:30.619 เมื่อเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บบวมขึ้น 00:02:30.619 --> 00:02:33.214 สารต่างๆ ที่ตอบสนองต่อการอักเสบ 00:02:33.214 --> 00:02:36.583 เช่น เม็ดเลือดขาว จะรวมตัวรอบๆ รอยแยก 00:02:36.583 --> 00:02:41.014 ไขมันและคอเลสเตอรอลที่ล่องลอยอยู่ในเลือด ก็จะเกาะติดมันด้วย 00:02:41.014 --> 00:02:43.586 ซึ่งในที่สุดจะรวมกันกลายเป็นตะกรันไขมัน 00:02:43.586 --> 00:02:47.694 ที่ทำให้ผนังเส้นเลือดด้านในแข็ง และหนาตัวขึ้น 00:02:47.694 --> 00:02:50.498 สภาวะเช่นนี้เรียกว่า หลอดเลือดตีบแข็ง 00:02:50.498 --> 00:02:52.646 และมันสามารถทำให้เกิดผลพวงที่อันตราย 00:02:52.646 --> 00:02:56.692 ถ้าตะกรันไขมันแตกออก ก้อนเลือดจะก่อตัวที่ด้านบนของรอยแตก 00:02:56.692 --> 00:02:59.605 อุดตันหลอดเลือดที่แคบอยู่แล้ว 00:02:59.605 --> 00:03:00.922 ถ้าก้อนเลือดใหญ่พอ 00:03:00.922 --> 00:03:06.745 มันจะอุดกั้นการไหลเวียนออกซิเจนและสารอาหาร ที่ไปยังเซลล์ต่างๆ อย่างสิ้นเชิง 00:03:06.745 --> 00:03:08.374 ในเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ 00:03:08.374 --> 00:03:10.401 มันจะทำให้เกิดหัวใจวาย 00:03:10.401 --> 00:03:14.892 เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจที่ขาดออกซิเจนเริ่มตาย 00:03:14.892 --> 00:03:17.576 ถ้าก้อนเลือดอุดกั้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง 00:03:17.576 --> 00:03:20.266 มันจะทำให้เกิด อัมพฤกษ์ อัมพาต 00:03:20.266 --> 00:03:22.991 เส้นเลือดอุดตันที่เป็นอันตราย สามารถถูกทำให้แผ่ออกไปได้ 00:03:22.991 --> 00:03:25.797 ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า การขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน 00:03:25.797 --> 00:03:28.870 แพทย์จะแทงสายสวนเข้าทางเส้นเลือด 00:03:28.870 --> 00:03:30.829 ไปยังตำแหน่งที่อุดตัน 00:03:30.829 --> 00:03:34.903 จากนั้นจึงใส่บอลลูนแฟบๆ เข้าไปทางสายสวน 00:03:34.903 --> 00:03:38.894 เมื่อบอลลูนพองขึ้น มันจะดันให้เส้นเลือดเปิดออก 00:03:38.894 --> 00:03:41.833 ในบางครั้ง ท่อแข็งๆ ที่เรียกว่า ขดลวดหลอดเลือด 00:03:41.833 --> 00:03:45.118 จะถูกใส่ไว้ในเส้นเลือด เพื่อถ่างให้มันเปิดออก 00:03:45.118 --> 00:03:46.747 ทำให้เลือดไหลผ่านได้สะดวก 00:03:46.747 --> 00:03:50.280 เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ขาดออกซิเจนที่ปลายทาง 00:03:50.280 --> 00:03:53.911 การคงสภาพยืดหยุ่นภายใต้แรงดัน เป็นงานที่ยากสำหรับเส้นเลือด 00:03:53.911 --> 00:03:56.673 ของไหลที่ไหลเวียนประกอบด้วยสาร 00:03:56.673 --> 00:03:59.278 ที่อาจเกิดการหนืดข้นและอุดตันมัน 00:03:59.278 --> 00:04:02.930 หัวใจที่แข็งแรงดีทั่วๆ ไป จะเต้นประมาณ 70 ครั้งต่อนาที 00:04:02.930 --> 00:04:07.723 และอย่างน้อย 2.5 พันล้านครั้ง ตลอดอายุขัย 00:04:07.723 --> 00:04:10.899 มันฟังดูเหมือนกับเป็นแรงกดดัน อันมหาศาล 00:04:10.899 --> 00:04:15.108 แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เส้นเลือดแดงของคุณ พร้อมสำหรับความท้าทายนี้