0:00:06.708,0:00:09.585 คุณกำลังเข้าคิวอยู่ในร้านขายของชำ[br]ที่ซึ่ง โอ๊ะโอ 0:00:09.585,0:00:11.275 ใครบางคนจามใส่คุณ 0:00:11.275,0:00:13.736 ไวรัสโรคหวัดถูกสูดเข้าไปในปอดของคุณ 0:00:13.736,0:00:16.487 และลงจอดบนเซลล์บนเยื่อบุทางเดินอากาศของคุณ 0:00:16.487,0:00:19.040 สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกประกอบขึ้นด้วยเซลล์ 0:00:19.040,0:00:21.073 จากสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดอย่าง แบคทีเรีย 0:00:21.073,0:00:23.852 ไปจนถึงวาฬสีน้ำเงิน และตัวคุณ 0:00:23.852,0:00:27.190 แต่ละเซลล์ในร่างกายถูกล้อมรอบไปด้วยเยื่อหุ้มเซลล์ 0:00:27.190,0:00:30.278 ชั้นหนาที่ยืดหยุ่นได้[br]ซึ่งประกอบขึ้นจากไขมันและโปรตีน 0:00:30.278,0:00:33.475 ซึ่งล้อมรอบและป้องกันส่วนประกอบภายใน 0:00:33.475,0:00:34.493 มันเป็นเยื่อเลือกผ่าน (semipermeable) 0:00:34.493,0:00:37.048 ซึ่งหมายความว่ามันให้บางอย่างผ่านเข้าออก 0:00:37.048,0:00:38.402 แต่ขัดขวางสิ่งที่เหลือ 0:00:38.402,0:00:41.495 เยื่อหุ้มเซลล์ปกคลุมไปด้วยส่วนเล็กๆ ที่ยื่นออกมา 0:00:41.495,0:00:42.752 พวกมันมีหน้าที่ 0:00:42.752,0:00:44.728 เช่นช่วยเซลล์ยึดเกาะกับสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวมัน 0:00:44.728,0:00:47.785 หรือยึดจับสารอาหารที่เซลล์ต้องการ 0:00:47.785,0:00:50.062 สัตว์และพืชมีเยื่อหุ้มเซลล์ 0:00:50.062,0:00:52.052 เซลล์พืชเท่านั้นที่มีผนังเซลล์ 0:00:52.052,0:00:56.048 ซึ่งประกอบด้วยเซลลูโลส (cellulose) แข็งๆ [br]ที่เป็นโครงสร้างให้กับพืช 0:00:56.048,0:00:59.414 ไวรัสที่เข้าไปในปอดของคุณนั้นร้ายกาจ 0:00:59.414,0:01:00.584 มันแสร้งทำว่าเป็นเพื่อน 0:01:00.584,0:01:03.548 เข้ายึดเกาะกับส่วนที่ยื่นออกมาจากเยื่อหุ้มเซลล์ 0:01:03.548,0:01:06.954 และเซลล์ก็นำมันผ่านเข้าเยื่อหุ้มเซลล์สู่ภายใน 0:01:06.954,0:01:08.330 เมื่อไวรัสผ่านเข้าไปแล้ว 0:01:08.330,0:01:10.220 เซลล์ก็รู้ว่ามันทำพลาด 0:01:10.220,0:01:12.172 ศัตรูบุกเข้ามาซะแล้ว 0:01:12.172,0:01:14.010 เอ็นไซม์ชนิดพิเศษมาถึงที่เกิดเหตุ 0:01:14.010,0:01:16.224 และสับไวรัสออกเป็นชิ้นๆ 0:01:16.224,0:01:18.043 จากนั้นพวกมันก็ส่งชิ้นหนึ่งกลับไป 0:01:18.043,0:01:19.379 ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ 0:01:19.379,0:01:22.063 ซึ่งเป็นที่ที่เซลล์แสดงมันเพื่อเตือนเซลล์ใกล้เคียง 0:01:22.063,0:01:23.717 ถึงผู้บุกรุก 0:01:23.717,0:01:25.332 เซลล์ที่อยู่ใกล้ๆ เห็นถึงสัญญาณเตือน 0:01:25.332,0:01:27.810 และก็ตอบสนองในทันที 0:01:27.810,0:01:29.419 มันต้องสร้างแอนติบอดี 0:01:29.419,0:01:31.189 ซึ่งก็คือ โปรตีนที่จะโจมตีและฆ่า 0:01:31.189,0:01:33.068 ไวรัสผู้บุกรุก 0:01:33.068,0:01:35.656 กระบวนการนี้เริ่มขึ้นในนิวเคลียส 0:01:35.656,0:01:37.667 นิวเคลียสถูกบรรจุด้วยดีเอ็นเอ 0:01:37.667,0:01:40.390 พิมพ์เขียวที่บอกเซลล์ของเราถึงวิธีการสร้างทุกอย่าง 0:01:40.390,0:01:43.290 ที่ร่างกายของเราต้องการใช้งาน 0:01:43.290,0:01:46.128 ณ ส่วนเฉพาะของดีเอ็นเอ มีคู่มือ 0:01:46.128,0:01:49.279 ที่บอกเซลล์ของคุณว่าสร้างแอนติบอดีได้อย่างไร 0:01:49.279,0:01:52.329 เอ็นไซม์ในนิวเคลียส พบส่วนเฉพาะดังกล่าว 0:01:52.329,0:01:54.138 จากนั้นก็สร้างสำเนาของคู่มือ 0:01:54.138,0:01:56.427 ซึ่งเรียกว่า แมสเซ็นเจอร์ อาร์เอ็นเอ [br](messenger RNA) 0:01:56.427,0:02:00.423 แมสเซ็นเจอร์ อาร์เอ็นเอ ออกจากนิวเคลียส[br]เพื่อปฏิบัติหน้าที่ 0:02:00.423,0:02:03.467 มันเดินทางไปยังไรโบโซม (ribosome) 0:02:03.467,0:02:05.907 ซึ่งเราสามารถมีไรโบโซมได้มากเป็น 10 ล้านอัน 0:02:05.907,0:02:07.302 ในเซลล์มนุษย์ 0:02:07.302,0:02:09.140 ทั้งหมดฝังอยู่กับโครงสร้างที่เหมือนกับริบบิ้น 0:02:09.140,0:02:11.673 เรียกว่า เอ็นโอพลาสมิก เรติคูลัม [br](endoplasmic reticulum) 0:02:11.673,0:02:14.914 ไรโบโซมอ่านคู่มือจากนิวเคลียส 0:02:14.914,0:02:18.091 มันนำกรดอะมิโนเข้ามาและเชื่อมพวกมันเข้าด้วยกัน 0:02:18.091,0:02:22.003 สร้างเป็นโปรตีนแอนติบอดีที่ใช้สู้กับไวรัส 0:02:22.003,0:02:23.237 แต่ก่อนที่มันจะทำอย่างนั้นได้ 0:02:23.237,0:02:25.776 แอนติบอดีต้องถูกปล่อยจากเซลล์ 0:02:25.776,0:02:28.649 แอนติบอดีมุ่งหน้าไปยังกอจิ แอพพาราตัส[br](golgi apparatus) 0:02:28.649,0:02:31.717 ที่นี่ มันถูกบรรจุสำหรับการขนส่งออกนอกเซลล์ 0:02:31.717,0:02:35.118 เมื่อถูกบรรจุในหีบห่อปิดคล้ายฟองสบู่[br]ที่ทำมาจากวัสดุเดียวกับเยื่อหุ้มเซลล์ 0:02:35.118,0:02:38.798 กอจิ แอพพาราตัส ยังให้ทิศทางกับแอนติบอดี 0:02:38.798,0:02:41.355 บอกว่าจะไปถึงขอบเซลล์ได้อย่างไร 0:02:41.355,0:02:42.184 เมื่อมันไปถึงตรงนั้น 0:02:42.184,0:02:45.975 โครงสร้างฟองสบู่ที่หุ้มแอนติบอดีไว้[br]ก็หลอมรวมกับเยื่อหุ้มเซลล์ 0:02:45.975,0:02:47.954 เซลล์ปล่อยแอนติบอดีออกมา 0:02:47.954,0:02:50.584 และมันก็มุ่งหน้าออกไปเพื่อล่าไวรัส 0:02:50.584,0:02:52.390 โครงสร้างฟองสบู่ที่เหลืออยู่จะถูกย่อยสลาย 0:02:52.390,0:02:53.980 โดยไลโซโซมของเซลล์ 0:02:53.980,0:02:56.916 และชิ้นส่วนของมันก็จะถูกนำกลับมาใช้ใหม่เรื่อยๆ 0:02:56.916,0:03:00.079 เซลล์เอาพลังงานมาจากไหน[br]เพื่อใช้ทำกิจกรรมทั้งหมดนี้ 0:03:00.079,0:03:02.401 นั่นเป็นหน้าที่ของไมโทคอนเดรีย 0:03:02.401,0:03:04.719 เพื่อที่จะสร้างพลังงาน ไมโทคอนเดรียใช้ออกซิเจน 0:03:04.719,0:03:07.366 นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ว่าทำไมเราจึงหายใจ 0:03:07.366,0:03:09.386 และเติมอิเล็กตรอนจากอาหารที่เรากิน 0:03:09.386,0:03:11.457 เพื่อสร้างโมเลกุลน้ำ 0:03:11.457,0:03:13.882 กระบวนการนั้นยังสร้างโมเลกุลพลังงานสูง 0:03:13.882,0:03:18.244 ที่เรียกว่า เอทีพี (ATP) ซึ่งเซลล์ใช้[br]ในการให้พลังงานกับทุกๆ ส่วน 0:03:18.244,0:03:20.964 เซลล์พืชสร้างพลังงานด้วยวิธีที่ต่างไป 0:03:20.964,0:03:22.103 พวกมันใช้ คลอโรพลาส (chloroplast) 0:03:22.103,0:03:24.205 ที่ประกอบคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ 0:03:24.205,0:03:26.048 ด้วยพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์ 0:03:26.048,0:03:27.769 เพื่อสร้างออกซิเจนและน้ำตาล 0:03:27.769,0:03:30.345 ซึ่งเป็นพลังงานเคมีรูปแบบหนึ่ง 0:03:30.345,0:03:32.294 ทุกส่วนของเซลล์ทำงานด้วยกัน 0:03:32.294,0:03:34.532 เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น 0:03:34.532,0:03:36.646 และเซลล์ทั้งหมดของร่างกายคุณต้องทำงานด้วยกัน 0:03:36.646,0:03:38.949 เพื่อทำให้ชีวิตคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่น 0:03:38.949,0:03:40.520 นั่นเป็นเซลล์จำนวนมากเลยทีเดียว 0:03:40.520,0:03:44.232 นักวิทยาศาสตร์คิดว่า[br]เรามีเซลล์ประมาณ 3 หมื่น 7 พันล้านเซลล์