1 00:00:00,717 --> 00:00:05,514 ผมอยากจะนำคุณไปกับการเดินทางที่สุดยอด ของยานอวกาศ โรเซตตา (Rosetta spacecraft) 2 00:00:05,514 --> 00:00:09,540 เพื่อที่จะขนส่ง และนำยานสำรวจลงจอดบนดาวหาง 3 00:00:09,540 --> 00:00:12,730 มันเป็นความปรารถนาของผม มาตลอดสองปี 4 00:00:13,450 --> 00:00:14,545 เพื่อที่จะทำอย่างนั้น 5 00:00:14,545 --> 00:00:18,015 ผมต้องอธิบายให้คุณทราบถึงจุดเริ่มต้น ของระบบสุริยจักรวาล 6 00:00:18,015 --> 00:00:20,238 เมื่อเราย้อนกลับไป 4.5 พันล้านปีก่อน 7 00:00:20,238 --> 00:00:21,957 มันมีเมฆก๊าซและฝุ่น 8 00:00:21,957 --> 00:00:26,484 และศูนย์กลางของเมฆนี้ ดวงอาทิตย์ของเราก็เกิดขึ้นและเปล่งแสง 9 00:00:26,484 --> 00:00:32,195 สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกันก็คือดาวเคราะห์ ดาวหาง และดาวเคราะห์น้อยที่เรารู้จัก 10 00:00:32,195 --> 00:00:35,608 สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น ตามทฤษฎี 11 00:00:35,608 --> 00:00:39,625 ก็คือเมื่อโลกเย็นตัวลง 12 00:00:39,625 --> 00:00:44,396 ดาวหางมากมายก็เข้าชนโลก และนำน้ำมายังโลก 13 00:00:45,082 --> 00:00:49,516 มันอาจจะนำสารอินทรีย์ที่ซับซ้อน มายังโลกด้วย 14 00:00:49,516 --> 00:00:52,906 และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้น การเกิดของสิ่งมีชีวิต 15 00:00:52,906 --> 00:00:56,366 คุณสามารถเปรียบเทียบสิ่งนี้ กับการที่จะต้องต่อจิ๊กซอว์ 250 ชิ้น 16 00:00:56,366 --> 00:00:59,570 แทนที่จะเป็น 2,000 ชิ้น 17 00:00:59,570 --> 00:01:03,053 หลังจากนั้น ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ อย่างดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ 18 00:01:03,053 --> 00:01:05,631 พวกมันไม่ได้อยู่ในที่ของมันอย่างที่เป็นในตอนนี้ 19 00:01:05,631 --> 00:01:08,278 และพวกมันก็มีปฏิสัมพันธ์กันทางแรงโน้มถ่วง 20 00:01:08,278 --> 00:01:11,830 และพวกมันก็เก็บกวาดส่วนใน ของระบบสุริยจักรวาลซะราบ 21 00:01:11,830 --> 00:01:13,432 และสิ่งที่เรารู้ เมื่อดาวหาง 22 00:01:13,432 --> 00:01:15,545 เข้าไปอยู่ในอะไรบางอย่างที่เรียกว่า ไคเปอร์ เบลท์ (Kuiper Belt) 23 00:01:15,545 --> 00:01:19,213 ซึ่งเป็นทางของวัตถุนอกวงโคจรของดาวเนปจูน 24 00:01:19,213 --> 00:01:22,906 และบางครั้ง สิ่งต่างๆ เหล่านี้เข้าชนกัน 25 00:01:22,906 --> 00:01:25,971 และพวกมันเบนไปด้วยแรงโน้มถ่วง 26 00:01:25,971 --> 00:01:30,428 และจากนั้นแรงโน้มถ่วงของดาวพฤหัสฯ ก็ดึงพวกมันกลับเข้ามายังระบบสุริยจักรวาล 27 00:01:30,428 --> 00:01:34,120 และพวกมันก็กลายเป็นดาวหาง อย่างที่พวกเราเห็นบนฟากฟ้า 28 00:01:34,120 --> 00:01:37,394 สิ่งสำคัญก็คือว่า ในช่วงนี้ 29 00:01:37,394 --> 00:01:39,693 ในสี่จุดห้าพันล้านปี 30 00:01:39,693 --> 00:01:42,875 ดาวหางเหล่านี้ได้อยู่ในส่วนนอก ของระบบสุริยจักรวาล 31 00:01:42,875 --> 00:01:44,290 และไม่เคยเปลี่ยนแปลง 32 00:01:44,290 --> 00:01:47,193 ประหนึ่งเป็นระบบสุริยจักรวาลแบบที่แช่แข็งไว้ 33 00:01:47,193 --> 00:01:49,282 ในท้องฟ้า เรามองสิ่งเหล่านี้ 34 00:01:49,282 --> 00:01:51,233 เรารู้จักพวกมันจากหาง 35 00:01:51,233 --> 00:01:52,904 จริงๆ แล้วพวกมันมีสองหาง 36 00:01:52,904 --> 00:01:56,759 หางหนึ่งเป็นฝุ่น ซึ่งถูกเป่าออกมาโดยลมสุริยะ 37 00:01:56,759 --> 00:02:00,404 อีกหางหนึ่งคือ หางไอออน ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีประจุ 38 00:02:00,404 --> 00:02:03,143 และพวกมันเคลื่อนตามสนามแม่เหล็ก ในระบบสุริยจักรวาล 39 00:02:03,143 --> 00:02:04,292 มันมีโคม่า 40 00:02:04,292 --> 00:02:07,199 และจากนั้นก็มีนิวเคลียส ซึ่งตรงนี้ มันเล็กเกินกว่าจะเห็นได้ 41 00:02:07,199 --> 00:02:09,689 และคุณจะต้องจำไว้ว่า ในกรณีของโรเซตตา (Rosetta) 42 00:02:09,689 --> 00:02:11,866 ยานอวกาศอยู่ตรงใจกลางพิกเซลนั้น 43 00:02:11,866 --> 00:02:15,976 เราอยู่ห่างไป 20, 30, 40 กิโลเมตร จากดาวหางนั้น 44 00:02:15,976 --> 00:02:18,297 แล้วมีอะไรที่สำคัญอีก 45 00:02:18,297 --> 00:02:23,166 ดาวหางมีสสารดั้งเดิม ที่ให้กำเนิดระบบสุริยจักรวาลของเรา 46 00:02:23,166 --> 00:02:25,526 ดังนั้น พวกมันน่าศึกษา ถึงองค์ประกอบ 47 00:02:25,526 --> 00:02:29,791 ที่มีอยู่ในเวลานั้น เมื่อโลก และชีวิต เริ่มต้นขึ้น 48 00:02:29,791 --> 00:02:31,773 นักวิทยาศาสตร์ยังตั้งสมมติฐานว่า 49 00:02:31,773 --> 00:02:35,944 ดาวหางได้นำสารตั้งต้นที่เริ่มต้นกระบวนการ กำเนิดสิ่งมีชีวิตมาสู่โลก 50 00:02:35,944 --> 00:02:40,309 ในปีค.ศ. 1983 ESA จัดตั้งโครงการระยะยาว ชื่อ ฮอไรซอน 2000 (Horizon 2000) 51 00:02:40,309 --> 00:02:44,233 ซึ่งมีก้าวสำคัญขั้นหนึ่ง นั่นคือปฏิบัติการไปดาวหาง 52 00:02:44,233 --> 00:02:49,123 ในขณะเดียวกัน ปฏิบัติการเล็กๆ ไปยังดาวหาง นี่คือ จิออตโต (Giotto) ก็ถูกปล่อยออกไป 53 00:02:49,123 --> 00:02:55,329 และในปี ค.ศ. 1986 มันบินผ่านดาวหางฮัลเลย์ พร้อมกับขบวนยานอวกาศอื่นๆ 54 00:02:55,329 --> 00:02:58,900 จากผลของปฏิบัติการ มันเป็นที่ชัดเจนในทันทีว่า 55 00:02:58,900 --> 00:03:04,087 ดาวหางนั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกษา เพื่อทำความเข้าใจระบบสุริยจักรวาลของเรา 56 00:03:04,087 --> 00:03:08,599 และดังนั้น ปฏิบัติการณ์โรเซตตา ได้รับการอนุมัติในปี ค.ศ. 1993 57 00:03:08,599 --> 00:03:12,234 เดิมที มันควรจะถูกปล่อยตัว ในปี ค.ศ. 2003 58 00:03:12,234 --> 00:03:14,858 แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นกับ จรวดอาเรียน (Ariane) 59 00:03:14,858 --> 00:03:17,923 อย่างไรก็ดี ด้วยความกระตือรือล้นจัด หน่วยประชาสัมพันธ์ของเรา 60 00:03:17,923 --> 00:03:20,145 ได้ผลิตจานกระเบื้องที่ระลึก 1,000 ชิ้น 61 00:03:20,145 --> 00:03:22,535 ที่มีชื่อดาวหางผิดดวง 62 00:03:22,535 --> 00:03:26,102 ผมเลยไม่เคยต้องซื้อเครื่องกระเบื้องอีกเลย นั่นเป็นข้อดีนะครับ 63 00:03:26,102 --> 00:03:27,821 (เสียงหัวเราะ) 64 00:03:27,821 --> 00:03:29,701 เมื่อปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไข 65 00:03:29,701 --> 00:03:32,882 เราออกจากโลกในปี ค.ศ. 2004 66 00:03:32,882 --> 00:03:35,970 ไปยังดาวหางที่ถูกเลือกใหม่ เชอยูมอฟ-เจราซิเมนโค (Churyumov-Gerasimenko) 67 00:03:35,970 --> 00:03:38,826 ดาวหางดวงนี้ถูกเลือกอย่างพิถีพิถัน 68 00:03:38,826 --> 00:03:41,480 เพราะว่า หนึ่ง คุณจะต้องสามารถไปถึงมันได้ 69 00:03:41,480 --> 00:03:44,261 และสอง มันไม่ควรจะอยู่ในระบบสุริยจักรวาลมานานเกินไป 70 00:03:44,261 --> 00:03:48,208 ดาวหางนี้อยู่ในระบบสุริยจักรวาลมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1959 71 00:03:48,208 --> 00:03:51,523 นั่นเป็นครั้งแรก ที่มันถูกเบนออกโดยดาวพฤหัสฯ 72 00:03:51,523 --> 00:03:54,500 และมันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์พอที่จะเริ่มเปสี่ยนแปลง 73 00:03:54,500 --> 00:03:56,151 มันเป็นดาวหางใหม่ 74 00:03:56,611 --> 00:03:59,502 โรเซตตาได้สร้างประวัติศาสตร์ ในการทำหลายๆ สิ่งเป็นครั้งแรก 75 00:03:59,502 --> 00:04:02,018 มันเป็นดาวเทียมแรกที่โคจรรอบดาวหาง 76 00:04:02,018 --> 00:04:05,640 และติดตามมันไปตลอดทั้งการเดินทาง ข้ามระบบสุริยจักรวาล -- 77 00:04:05,640 --> 00:04:08,938 เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด อย่างที่เราจะได้เห็นในเดือนสิงหาคม 78 00:04:08,938 --> 00:04:11,259 และจากนั้นออกห่างไป สู่ระบบสุริยจักรวาลส่วนนอกอีกครั้ง 79 00:04:11,259 --> 00:04:13,860 มันเป็นยานลำแรกที่ลงจอดบนดาวหาง 80 00:04:13,860 --> 00:04:17,552 เราโคจรรอบดาวหาง โดยใช้อะไรบางอย่าง 81 00:04:17,552 --> 00:04:19,001 ที่ปกติเขาไม่ใช้กันในยานอวกาศ 82 00:04:19,001 --> 00:04:22,636 ปกติแล้วคุณมองไปบนท้องฟ้า และคุณจะรู้ว่าคุณมองไปทางไหน คุณอยู่ตรงไหน 83 00:04:22,636 --> 00:04:24,772 ในกรณีนี้ นั่นไม่พอครับ 84 00:04:24,772 --> 00:04:28,070 เรานำร่อง โดยใช้จุดสังเกตบนดาวหาง 85 00:04:28,070 --> 00:04:30,545 เราจดจำรูปร่าง -- หินก้อนใหญ่ แอ่ง 86 00:04:30,545 --> 00:04:34,562 และนั่นทำให้เรารู้ว่าอยู่ตรงไหน เมื่อเทียบกับดาวหาง 87 00:04:34,562 --> 00:04:39,091 และ แน่นอน มันเป็นดาวเทียมดวงแรก ที่ไปไกลกว่าวงโคจรของดาวพฤหัสฯ 88 00:04:39,091 --> 00:04:40,292 ด้วยพลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ 89 00:04:40,292 --> 00:04:42,619 ทีนี้ มันฟังดูยิ่งใหญ่กว่าที่มันเป็น 90 00:04:42,619 --> 00:04:47,715 เพราะว่าเทคโนโลยีที่ใช้ ตัวก่อกำเนิดความร้อนรังสีไอโซโทป 91 00:04:47,715 --> 00:04:51,013 ไม่ได้มีอยู่ในยุโรปในตอนนั้น ฉะนั้น เราไม่มีทางเลือกอื่น 92 00:04:51,013 --> 00:04:52,590 แต่แผงโซลาร์เซลล์มีขนาดใหญ่ 93 00:04:52,590 --> 00:04:55,865 นี่คือปีกหนึ่ง และนี่คือคน ที่ไม่ใช่คนแคระ 94 00:04:55,865 --> 00:04:57,699 พวกเขาก็เหมือนผมกับคุณนี่แหละครับ 95 00:04:57,699 --> 00:05:00,090 (เสียงหัวเราะ) 96 00:05:00,090 --> 00:05:04,291 เรามีสองปีกที่มีขนาด 65 ตารางเมตร 97 00:05:04,291 --> 00:05:07,310 ต่อมา แน่ล่ะว่า เมื่อเราเข้าใกล้ดาวหาง 98 00:05:07,310 --> 00:05:10,839 เราพบว่าปีกโซลาเซลล์ขนาด 65 ตารางเมตร 99 00:05:10,839 --> 00:05:16,481 เมื่อเข้าใกล้กับดาวหางที่ปล่อยก๊าซออกมา ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ดีเสมอไป 100 00:05:16,481 --> 00:05:18,525 ทีนี้ เราจะไปถึงดาวหางได้อย่างไร 101 00:05:18,525 --> 00:05:22,193 เพราะว่าเราจะต้องไปตรงนั้น เพื่อเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ของโรเซตตา 102 00:05:22,193 --> 00:05:26,001 ห่างไกลออกไป สี่เท่าของระยะทาง จากโลกไปดวงอาทิตย์ 103 00:05:26,001 --> 00:05:30,111 และยังใช้ความเร็วสูงกว่าอีกด้วย 104 00:05:30,111 --> 00:05:34,430 เพราะว่าเราต้องใช้พลังงานมากเป็นหกเท่า ของน้ำหนักยานอวกาศ 105 00:05:34,430 --> 00:05:35,840 แล้วเราทำอย่างไรน่ะหรือครับ 106 00:05:35,840 --> 00:05:39,323 เราใช้การบินเฉียดแรงโน้มถ่วง เหมือนใช้หนังสติ๊ก 107 00:05:39,323 --> 00:05:42,690 บินเฉียดดาวเคราะห์ที่ระดับต่ำๆ 108 00:05:42,690 --> 00:05:44,455 ห่างจากดาวเคราะห์ไม่กี่พันกิโลเมตร 109 00:05:44,455 --> 00:05:49,168 และจากนั้นคุณได้ความเร็วจากดาวเคราะห์นั้น ช่วยส่งให้เคลื่อนไปรอบดวงอาทิตย์ได้ฟรีๆ 110 00:05:49,168 --> 00:05:51,211 เราทำอย่างนั้นสองสามหน 111 00:05:51,211 --> 00:05:53,690 เราเคลื่อนไปรอบโลก ดาวอังคาร และอีกสองหนรอบโลก 112 00:05:53,690 --> 00:05:57,658 และเราบินผ่านอุกาบาตสองดวง ลูเทเชีย (Lutetia) และ สไตนส์ (Steins) 113 00:05:58,318 --> 00:06:02,983 จากนั้นในปี ค.ศ. 2011 เราออกไปห่างดวงอาทิตย์ จนถ้าหากยานมีปัญหา 114 00:06:02,983 --> 00:06:06,792 เราจะไม่สามารถรักษายานไว้ได้อีกแล้ว 115 00:06:06,792 --> 00:06:08,765 ฉะนั้น เราเลยให้มันจำศีล 116 00:06:08,765 --> 00:06:12,103 ทุกอย่างดับหมดยกเว้นนาฬิกาเรือนเดียว 117 00:06:12,103 --> 00:06:15,614 คุณจะเห็นเส้นโคจรสีขาวว่ามันเป็นไปอย่างไร 118 00:06:15,614 --> 00:06:18,057 คุณเห็นมันจากวงกลมที่เราเริ่ม 119 00:06:18,057 --> 00:06:21,873 เส้นสีขาว ที่จริงแล้วมันเป็นวงรีมากขึ้นมากขึ้น 120 00:06:21,873 --> 00:06:24,822 และสุดท้ายแล้ว เราเข้าใกล้ดาวหาง 121 00:06:24,822 --> 00:06:29,187 ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 เราต้องเริ่ม ควบคุมยานเพื่อลงจอด ณ จุดนัดพบ 122 00:06:29,187 --> 00:06:33,784 ระหว่างทาง เราบินผ่านโลก และเราถ่ายภาพไว้บ้างเพื่อทดสอบกล้อง 123 00:06:33,784 --> 00:06:35,962 นี่คือดวงจันทร์ที่ขึ้นเหนือโลก 124 00:06:35,962 --> 00:06:37,917 และนี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า เซลฟี่ 125 00:06:37,917 --> 00:06:41,609 ซึ่งในเวลานั้น คำนี้คงยังไม่เกิดขึ้น (เสียงหัวเราะ) 126 00:06:41,609 --> 00:06:44,580 มันอยู่ที่ดาวอังคาร มันถูกถ่ายด้วยกล้อง CIVA 127 00:06:44,580 --> 00:06:46,762 นั่นคือกล้องตัวหนึ่งบนตัวลงจอด 128 00:06:46,762 --> 00:06:49,177 ที่มองลงไปใต้แผงโซลาร์เซลล์ 129 00:06:49,177 --> 00:06:53,450 และคุณเห็นดาวเคราะห์ซึ่งคือดาวอังคาร และแผงโซลาร์เซลล์ในระยะไกล 130 00:06:53,450 --> 00:06:59,118 ทีนี้ เมื่อเราออกจากจำศีล ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2014 131 00:06:59,118 --> 00:07:00,903 เราเริ่มเข้าใกล้ ในระยะ 132 00:07:00,903 --> 00:07:03,736 สองพันกิโลเมตร จากดาวหาง ในเดือนพฤษภาคม 133 00:07:03,736 --> 00:07:07,845 อย่างไรก็ดี ความเร็วของยานอวกาศนั้นเร็วเกินไปมาก 134 00:07:07,845 --> 00:07:13,906 เราบินด้วยความเร็วกว่าดาวหาง 2,800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฉะนั้นเราต้องเบรก 135 00:07:13,906 --> 00:07:15,763 เราต้องทำการเบรกหกครั้ง 136 00:07:15,763 --> 00:07:18,340 และตามที่คุณเห็น บางครั้งเป็นการเบรกครั้งใหญ่ 137 00:07:18,340 --> 00:07:24,364 เราเบรกครั้งแรก โดยลดความเร็วลง สองสามร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง 138 00:07:24,364 --> 00:07:28,674 และอันที่จริง ระยะเวลาของช่วงนั้นคือเจ็ดชั่วโมง 139 00:07:28,674 --> 00:07:31,622 และใช้เชื้อเพลิง 218 กิโลกรัม 140 00:07:31,622 --> 00:07:35,572 และนั่นเป็นเจ็ดชั่วโมงที่ชวนเขย่าขวัญ เพราะในปี ค.ศ. 2007 141 00:07:35,572 --> 00:07:38,762 มีการรั่วไหลในระบบการขับเคลื่อนของโรเซตต้า 142 00:07:38,762 --> 00:07:40,909 และเราก็ต้องปิดส่วนหนึ่งของมันไป 143 00:07:40,909 --> 00:07:43,487 ฉะนั้น จริงๆ แล้วระบบทำงานที่ความดัน 144 00:07:43,487 --> 00:07:46,785 ซึ่งมันไม่เคยถูกออกแบบหรือผ่านการรับรองมาเลย 145 00:07:47,795 --> 00:07:52,704 จากนั้นเราเข้าไปยังบริเวณใกล้ๆ ดาวหาง และนี่คือภาพแรกๆ ที่เราได้เห็น 146 00:07:52,704 --> 00:07:55,277 รอบการหมุนของดาวหางจริงๆ คือ 12 ชั่วโมงครึ่ง 147 00:07:55,277 --> 00:07:57,366 นี่คือภาพเร่งเวลา 148 00:07:57,366 --> 00:08:00,617 แต่คุณจะเข้าใจ เช่นเดียวกับที่ วิศวกรด้านการบินของเราคิด 149 00:08:00,617 --> 00:08:04,471 ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะลงจอดบนสิ่งนั้น 150 00:08:04,471 --> 00:08:09,115 เราหวังเอาไว้ว่ามันจะเป็นอะไรที่แบนๆ 151 00:08:09,115 --> 00:08:11,281 จะได้ลงจอดได้ง่ายๆ 152 00:08:11,281 --> 00:08:14,572 แต่เรายังมีอีกความหวัง บางทีมันอาจจะเรียบก็ได้ 153 00:08:14,572 --> 00:08:18,310 ไม่เลยครับ นั่นก็ไม่จริงอีกเช่นกัน (เสียงหัวเราะ) 154 00:08:18,310 --> 00:08:21,003 ฉะนั้น ณ ตอนนั้น มันชัดเจนว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ 155 00:08:21,003 --> 00:08:24,534 เราต้องทำแผนที่พื้นผิวของเจ้าสิ่งนี้ ในทุกรายละเอียดเท่าที่เราทำได้ 156 00:08:24,534 --> 00:08:29,687 เพราะว่าเราต้องหาบริเวณ ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 500 เมตร และแบน 157 00:08:29,687 --> 00:08:34,286 ทำไม 500 เมตรน่ะหรือครับ มันคือ ค่าความคลาดเคลื่อนของตัวโพรบการลงจอด 158 00:08:34,286 --> 00:08:37,467 ฉะนั้นเราทำตามกระบวนการเหล่านี้ และติดตามดาวหางนี้ 159 00:08:37,467 --> 00:08:39,834 เราใช้เทคนิคที่เรียกว่า โฟโตคลิโนเมทรี (photoclinometry) 160 00:08:39,834 --> 00:08:42,064 คุณใช้เงาที่ทอดมาจากดวงอาทิตย์ 161 00:08:42,064 --> 00:08:45,151 ที่คุณเห็นตรงนี้คือหิน ที่ตั้งอยู่บนผิวของดาวหาง 162 00:08:45,151 --> 00:08:48,077 และดวงอาทิตย์ส่องแสงมาจากข้างบน 163 00:08:48,077 --> 00:08:50,236 จากเงา และด้วยสมองของเรา 164 00:08:50,236 --> 00:08:53,880 เราสามารถบ่งชี้ได้อย่างคร่าวๆ ในทันที ว่ารูปร่างของหินเป็นอย่างไร 165 00:08:53,880 --> 00:08:55,922 คุณสามารถใส่ข้อมูลนั่นในคอมพิวเตอร์ 166 00:08:55,922 --> 00:09:00,176 จากนั้นทำทั้งดาวหาง และคุณก็จะได้แผนที่ดาวหาง 167 00:09:00,176 --> 00:09:03,856 เพื่อการนี้ เราบินในเส้นวงโคจรพิเศษ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 168 00:09:03,856 --> 00:09:06,765 เส้นการโคจรแรก เป็นสามเหลี่ยม ด้านกว้าง 100 กิโลเมตร 169 00:09:06,765 --> 00:09:08,428 ห่างจากดาวหาง 100 กิโลเมตร 170 00:09:08,428 --> 00:09:11,432 และเราทำซ้ำทั้งหมดนั่นที่ 50 กิโลเมตร 171 00:09:11,432 --> 00:09:15,079 ในเวลานั้น เราได้เห็นดาวหางในทุกมุม 172 00:09:15,079 --> 00:09:19,752 และเราสามารถใช้เทคนิคนี้ เพื่อทำแผนที่พื้นผิวของดาวหางทั้งดวงได้ 173 00:09:19,752 --> 00:09:23,019 ทีนี้ ขั้นต่อไปคือการเลือกพื้นที่ลงจอด 174 00:09:23,019 --> 00:09:27,279 กระบวนการทั้งหมดที่เราต้องทำ จากการทำแผนที่ดาวหาง 175 00:09:27,279 --> 00:09:30,844 ไปถึงการหาพื้นที่ลงจอดสุดท้ายจริงๆ กินเวลา 60 วัน 176 00:09:30,844 --> 00:09:32,230 เราไม่มีเวลามากกว่านั้น 177 00:09:32,230 --> 00:09:34,350 เพื่อที่จะให้คุณเห็นภาพ ปฏิบัติการไปดาวอังคารส่วนใหญ่ 178 00:09:34,350 --> 00:09:38,134 นักวิทยาศาสตร์เป็นร้อยๆ ต้องใช้เวลาประชุมกันหลายปี 179 00:09:38,134 --> 00:09:40,201 เพื่อตกลงว่าเราจะไปลงตรงจุดไหน 180 00:09:40,201 --> 00:09:42,359 แต่เรามีแค่ 60 วัน เท่านั้นแหละครับ 181 00:09:42,359 --> 00:09:45,402 ในที่สุดเราเลือกที่ลงจอดสุดท้าย 182 00:09:45,402 --> 00:09:50,455 และชุดคำสั่งก็ได้ถูกตระเตรียมไว้ ให้โรเซตตาปล่อยยานฟิเลย์ (Philae) 183 00:09:50,455 --> 00:09:54,830 แผนก็คือ โรเซตตาจะต้องอยู่ ณ จุดที่ถูกต้องในอวกาศ 184 00:09:54,830 --> 00:09:57,653 และหันเข้าหาดาวหาง เพราะว่ายานลงจอดนั้นขยับเองไม่ได้ 185 00:09:57,653 --> 00:10:01,330 จากนั้นยานลงจอดก็ถูกดันออกมา และเคลื่อนไปหาดาวหาง 186 00:10:01,330 --> 00:10:03,120 โรเซตต้าจะต้องหมุนตัว 187 00:10:03,120 --> 00:10:07,677 ให้กล้องของมัน จับไปยังฟิเลย์ ในขณะที่มันแยกออกจากกัน 188 00:10:07,677 --> 00:10:10,146 และเพื่อที่จะสื่อสารกับมันได้ 189 00:10:10,146 --> 00:10:14,720 ทีนี้ ช่วงการลงจอด ของวิถีโคจรทั้งหมดคือเจ็ดชั่วโมง 190 00:10:14,720 --> 00:10:17,507 ตอนนี้ลองมาคิดเลขง่ายๆ กันนะครับ 191 00:10:17,507 --> 00:10:21,546 ถ้าความเร็วของโรเซตตาคลาดไป หนึ่งเซนติเมตรต่อวินาที 192 00:10:21,546 --> 00:10:25,888 เจ็ดชั่วโมงมี 25,000 วินาที 193 00:10:25,888 --> 00:10:30,253 นั่นหมายถึงการลงจอดจะ ผิดไป 252 เมตร บนดาวหาง 194 00:10:30,253 --> 00:10:33,597 ฉะนั้น เราต้องรู้ระดับความเร็วของโรเซตต้า 195 00:10:33,597 --> 00:10:36,104 ละเอียดมากกว่าหนึ่งเซนติเมตรต่อวินาที 196 00:10:36,104 --> 00:10:40,168 และรู้ตำแหน่งในอวกาศละเอียดกว่า 100 เมตร 197 00:10:40,168 --> 00:10:43,372 ณ 500 ล้านกิโลเมตรจากโลก 198 00:10:43,372 --> 00:10:45,740 นั่นไม่ง่ายเลยนะครับ 199 00:10:45,740 --> 00:10:50,129 ผมจะแสดงให้คุณเห็นคร่าวๆ ถึงศาสตร์เบื้องหลังและเครื่องมือบางส่วน 200 00:10:50,129 --> 00:10:53,565 ผมจะไม่ทำให้คุณเบื่อด้วยรายละเอียด ของเครื่องมือทั้งหมดหรอกนะครับ 201 00:10:53,565 --> 00:10:55,214 แต่มันมีทุกอย่างเลย 202 00:10:55,214 --> 00:10:58,348 มีเครื่องมือที่ดมกลิ่นก๊าซได้ สามารถวัดอนุภาคฝุ่นได้ 203 00:10:58,348 --> 00:11:00,600 วิเคราะห์รูปทรง และองค์ประกอบของมัน 204 00:11:00,600 --> 00:11:03,108 มีเครื่องวัดแม่เหล็ก ทุกอย่างเลยครับ 205 00:11:03,108 --> 00:11:06,707 นี่เป็นหนึ่งในผลที่ได้จากเครื่องมือ ซึ่งวัดความหนาแน่นก๊าซ 206 00:11:06,707 --> 00:11:08,565 ในตำแหน่งของโรเซตตา 207 00:11:08,565 --> 00:11:10,794 ดังนั้น มันคือก๊าซซี่งออกมาจากดาวหาง 208 00:11:10,794 --> 00:11:13,278 กราฟล่างคือเดือนกันยายนปีที่แล้ว 209 00:11:13,278 --> 00:11:16,575 มันมีความแตกต่างในระยะยาว ซึ่งโดยตัวมันเองนั้นไม่น่าแปลกใจเท่าไร 210 00:11:16,575 --> 00:11:18,456 แต่คุณจะเห็นยอดแหลม 211 00:11:18,456 --> 00:11:20,546 นี่คือวันดาวหาง 212 00:11:20,546 --> 00:11:24,656 คุณเห็นผลจากดวงอาทิตย์ ที่มีต่อการระเหยของก๊าซ 213 00:11:24,656 --> 00:11:27,604 และข้อเท็จจริงที่ดาวหางหมุนรอบตัวเอง 214 00:11:27,604 --> 00:11:29,312 ดังนั้นมันจึงมีจุดหนึ่ง 215 00:11:29,312 --> 00:11:31,459 ซึ่งมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย 216 00:11:31,459 --> 00:11:34,756 มันได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ และจากนั้นก็เย็นลงในทางด้านหลัง 217 00:11:34,756 --> 00:11:38,262 และเราสามารถเห็น การเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นได้ 218 00:11:38,262 --> 00:11:42,395 นี่คือก๊าซ และองค์ประกอบชีวภาพ 219 00:11:42,395 --> 00:11:44,090 ที่เราได้เคยตรวจวัดแล้ว 220 00:11:44,090 --> 00:11:45,878 คุณจะเห็นว่ามันเป็นรายการที่น่าสนใจทีเดียว 221 00:11:45,878 --> 00:11:48,362 และก็จะยังมีอีกมากที่ตามมา 222 00:11:48,362 --> 00:11:50,308 เพราะว่ายังมีการตรวจวัดอีก 223 00:11:50,308 --> 00:11:53,656 อันที่จริง ตอนนี้มีงานสัมมนาที่ฮูสตัน 224 00:11:53,656 --> 00:11:56,117 ซึ่งผลการสำรวจเหล่านี้ถูกนำไปแสดง 225 00:11:56,827 --> 00:11:58,448 นอกจากนั้น เรายังวัดอนุภาคฝุ่น 226 00:11:58,448 --> 00:12:01,250 ทีนี้ สำหรับคุณ อันนี้อาจดูไม่น่าประทับใจนัก 227 00:12:01,250 --> 00:12:04,523 แต่นักวิทยาศาสตร์ตื่นเต้นเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ 228 00:12:04,523 --> 00:12:05,940 อนุภาคฝุ่นสองตัวอย่าง 229 00:12:05,940 --> 00:12:08,934 อันขวาเรียกว่า บอริส และพวกเขายิงมันด้วยแทนทาลัม 230 00:12:08,934 --> 00:12:11,048 เพื่อที่จะวิเคราะห์มัน 231 00:12:11,048 --> 00:12:13,439 พวกเขาพบโซเดียมและแมกนีเซียม 232 00:12:13,439 --> 00:12:17,688 สิ่งที่มันบอกคุณคือ ความเข้มข้นในธาตุทั้งสอง 233 00:12:17,688 --> 00:12:20,404 ในขณะที่ระบบสุริยจักรวาลก่อกำเนิด 234 00:12:20,404 --> 00:12:23,771 ฉะนั้น เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับว่า ตอนนั้นมีธาตุอะไรบ้าง 235 00:12:23,771 --> 00:12:26,859 เมื่อดาวเคราะห์เกิดขึ้น 236 00:12:26,859 --> 00:12:29,577 แน่ล่ะ หนึ่งในส่วนประกอบสำคัญ คือการถ่ายภาพ 237 00:12:29,577 --> 00:12:32,943 นี่คือกล้องตัวหนึ่งของโรเซตตา กล้องโอซิริส (OSIRIS) 238 00:12:32,943 --> 00:12:35,938 และนี่คือหน้าปกนิยสารไซน์ (Science) 239 00:12:35,938 --> 00:12:38,608 ฉบับวันที่ 23 มกราคม ปีนี้ 240 00:12:38,608 --> 00:12:42,046 ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะหน้าตาแบบนี้ 241 00:12:42,046 --> 00:12:45,644 หินก้อนใหญ่ -- ซึ่งดูคล้ายยอดเขา ฮาล์ฟโดม ในอุทยานแห่งชาติโยซีเมติ 242 00:12:45,644 --> 00:12:48,151 มากกว่าอะไรอย่างอื่น 243 00:12:48,151 --> 00:12:50,729 เรายังเห็นสิ่งเหล่านี้: 244 00:12:50,729 --> 00:12:55,651 สันทราย และสิ่งที่อยู่ทางขวา ที่เหมือนกับร่องรอยจากลมพัด 245 00:12:55,651 --> 00:12:59,575 ตอนนี้เรารู้จักสิ่งเหล่านี้จากดาวอังคาร แต่ดาวหางนี้ไม่มีชั้นบรรยากาศ 246 00:12:59,575 --> 00:13:02,454 ดังนั้นมันค่อนข้างยาก ที่จะมีร่องรอยจากลมพัด 247 00:13:02,454 --> 00:13:04,439 มันอาจเป็นการปลดปล่อย ก๊าซบางอย่างในพื้นที่นั้น 248 00:13:04,439 --> 00:13:06,622 เป็นสิ่งที่พุ่งขึ้นไปและกลับลงมา 249 00:13:06,622 --> 00:13:09,803 เราไม่รู้ ฉะนั้นยังมีอะไรอีกมากให้เราสำรวจ 250 00:13:09,803 --> 00:13:11,893 ตรงนี้ คุณเห็นภาพเดียวกันสองครั้ง 251 00:13:11,893 --> 00:13:14,410 ทางซ้าย คุณเห็นในหลุมตรงกลาง 252 00:13:14,410 --> 00:13:16,627 ทางขวามือ ถ้าคุณมองดีๆ 253 00:13:16,627 --> 00:13:19,858 จะเห็นไอก๊าซ 3 ลำ พุ่งออกมาจากส่วนก้นหลุม 254 00:13:19,858 --> 00:13:22,155 นี่คือกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนดาวหาง 255 00:13:22,155 --> 00:13:26,172 เป็นที่แน่ชัดว่าที่ก้นหลุมเหล่านี้ เป็นแหล่งที่มีความเคลื่อนไหวรุนแรง 256 00:13:26,172 --> 00:13:28,935 และเป็นที่ที่สสารระเหยออกมาสู่อวกาศ 257 00:13:28,935 --> 00:13:32,545 มีรอยแตกที่น่าสนใจ ตรงช่วงคอคอดของดาวหาง 258 00:13:32,545 --> 00:13:34,541 คุณจะเห็นมันทางขวามือ 259 00:13:34,541 --> 00:13:38,237 มันยาวประมาณหนึ่งกิโลเมตร และมันกว้างสองเมตรครึ่ง 260 00:13:38,237 --> 00:13:40,483 บางคนเสนอว่า 261 00:13:40,483 --> 00:13:42,551 เมื่อเราเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากๆ 262 00:13:42,551 --> 00:13:44,409 ดาวหางอาจจะแยกเป็นสองส่วน 263 00:13:44,409 --> 00:13:46,089 และจากนั้นเราต้องเลือก 264 00:13:46,089 --> 00:13:48,341 ว่าเราจะตามดาวหางดวงไหน 265 00:13:48,341 --> 00:13:51,514 ตัวลงจอด -- มีอุปกรณ์มากมาย 266 00:13:51,514 --> 00:13:56,855 ส่วนใหญ่แล้วดูใกล้เคียงกัน โดยเพิ่มอุปกรณ์ขุดเจาะเข้ามา 267 00:13:56,855 --> 00:14:00,732 นอกนั้นก็คล้ายกับโรเซตตามาก และเป็นเพราะว่าเราต้องการจะเปรียบเทียบ 268 00:14:00,732 --> 00:14:04,238 สิ่งที่คุณเจอในอวกาศ กับสิ่งที่เจอบนดาวหาง 269 00:14:04,238 --> 00:14:06,931 สิ่งเหล่านี้เรียกว่า การวัดความจริงระดับพื้น 270 00:14:06,931 --> 00:14:10,162 นี่คือภาพการเคลื่อนลงจอด 271 00:14:10,162 --> 00:14:12,210 ที่ถ่ายโดยกล้องโอซิริส 272 00:14:12,210 --> 00:14:16,436 คุณเห็นตัวลงจอดห่างออกไปจากโรเซตตา 273 00:14:16,436 --> 00:14:20,244 บนมุมขวา คุณเห็นภาพที่ถ่ายจากตัวลงจอด ที่ตำแหน่ง 60 เมตร 274 00:14:20,244 --> 00:14:23,100 60 เมตรเหนือพื้นผิวดาวหาง 275 00:14:23,100 --> 00:14:25,514 ก้อนหินบนนั้นมีขนาดประมาณ 10 เมตร 276 00:14:25,514 --> 00:14:30,228 และนี่คือภาพท้ายๆ ที่เราถ่ายได้ ก่อนที่จะลงจอดบนดาวหาง 277 00:14:30,228 --> 00:14:33,786 ตรงนี้คุณเห็นลำดับทั้งหมดอีกครั้ง แต่จากอีกมุมหนึ่ง 278 00:14:33,786 --> 00:14:37,971 และคุณจะเห็นภาพขยาย 3 ภาพ จากด้านล่างซ้ายขึ้นมาถึงตรงกลาง 279 00:14:37,971 --> 00:14:42,156 ซึ่งเป็นภาพของยานลงจอด ที่อยู่เหนือพื้นผิวของดาวหาง 280 00:14:42,156 --> 00:14:46,342 จากนั้น ตรงกลาง เป็นภาพก่อนและหลังการลงจอด 281 00:14:46,342 --> 00:14:50,269 ปัญหาเดียวของรูปหลัง คือมันไม่มีตัวลงจอด 282 00:14:50,269 --> 00:14:53,540 แต่ถ้าคุณดูดีๆ ที่ทางขวามือของภาพ 283 00:14:53,540 --> 00:14:57,569 คุณจะเห็นว่าตัวลงจอดยังอยู่ตรงนั้น แต่มันกระดอนไป 284 00:14:57,569 --> 00:14:59,230 มันแยกออกจากกันอีกครั้ง 285 00:14:59,230 --> 00:15:02,317 ทีนี้ ขอแทรกเรื่องตลกนิดหนึ่งว่า 286 00:15:02,317 --> 00:15:06,937 โรเซตตาถูกออกแบบมาแต่แรก ให้มียานลงจอดที่กระดอนได้ 287 00:15:06,937 --> 00:15:09,510 มันถูกเอาออกไปเพราะว่า มันแพงเกินไป 288 00:15:09,510 --> 00:15:11,784 ทีนี้ พวกเราลืม แต่ยานลงจอดมันรู้ 289 00:15:11,784 --> 00:15:13,388 (เสียงหัวเราะ) 290 00:15:13,388 --> 00:15:15,895 ระหว่างการกระดอนครั้งแรก ในเครื่องวัดแม่เหล็ก 291 00:15:15,895 --> 00:15:19,725 เห็นได้จากข้อมูลจากพวกมันได้ จากสามแกน x, y และ z 292 00:15:19,725 --> 00:15:21,931 ผ่านไปครึ่งหนึ่ง คุณเห็นเส้นสีแดง 293 00:15:21,931 --> 00:15:23,765 ที่เส้นแดงนั้น มันมีการเปลี่ยนแปลง 294 00:15:23,765 --> 00:15:27,690 สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ คือ ระหว่างการกระดอนแรก 295 00:15:27,690 --> 00:15:32,416 ที่ไหนสักแห่ง เราชนขอบปล่องภูเขาไฟ ด้วยขาหนึ่งของตัวลงจอด 296 00:15:32,416 --> 00:15:35,236 และความเร็วการหมุนของตัวลงจอดเปลี่ยนไป 297 00:15:35,236 --> 00:15:37,209 ฉะนั้น เราค่อนข้างโชคดี 298 00:15:37,209 --> 00:15:39,485 ที่เราอยู่ตรงจุดที่เราอยู่นี้ 299 00:15:39,485 --> 00:15:43,154 นี่คือหนึ่งในภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของโรเซตต้า 300 00:15:43,154 --> 00:15:47,077 มันเป็นสิ่งประดิษฐ์จากน้ำมือมนุษย์ ขาของยานลงจอด 301 00:15:47,077 --> 00:15:49,028 ยืนอยู่บนดาวหาง 302 00:15:49,028 --> 00:15:54,159 สิ่งนี้ สำหรับผม คือเป็นภาพที่ดีที่สุด ของวิทยาศาสตร์อวกาศที่ผมเคยได้ชมมา 303 00:15:54,159 --> 00:15:59,340 (เสียงปรบมือ) 304 00:15:59,340 --> 00:16:03,191 สิ่งหนึ่งที่เรายังต้องทำ คือหายานลงจอด ว่าอยู่ที่ไหน 305 00:16:03,191 --> 00:16:06,887 บริเวณสีฟ้าตรงนี้ คือบริเวณที่เราเชื่อว่ามันอยู่ตรงนั้น 306 00:16:06,887 --> 00:16:10,505 เรายังไม่สามารถหามันพบ แต่การค้นหายังดำเนินต่อไป 307 00:16:10,505 --> 00:16:14,270 เช่นเดียวกับความพยายามของเรา ที่จะทำให้ยานลงจอดทำงานได้อีกครั้ง 308 00:16:14,270 --> 00:16:16,012 เราเฝ้าฟังทุกวัน 309 00:16:16,012 --> 00:16:18,570 และเราก็หวังว่า ระหว่างตอนนี้ จนถึงประมาณเดือนเมษายน 310 00:16:18,570 --> 00:16:20,308 ตัวยานลงจอดจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง 311 00:16:20,308 --> 00:16:22,445 สิ่งที่เราได้ค้นพบบนดาวหางดวงนี้คือ 312 00:16:23,795 --> 00:16:26,251 สิ่งนี้อาจลอยน้ำได้ 313 00:16:26,251 --> 00:16:28,875 มันมีความหนาแน่นครึ่งหนึ่งของน้ำ 314 00:16:28,875 --> 00:16:31,893 ดังนั้นมันเหมือนกับหินก้อนใหญ่มากๆ แต่มันไม่ใช่ 315 00:16:31,893 --> 00:16:35,539 เราเห็นกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น ในเดือนมิถุนายน, กรกฏาคม, สิงหาคม ปีที่แล้ว 316 00:16:35,539 --> 00:16:37,930 มีการเพิ่มขึ้นสี่เท่า 317 00:16:37,930 --> 00:16:39,673 เมื่อเราถึงไปถึงดวงอาทิตย์ 318 00:16:39,673 --> 00:16:44,246 สิ่งเหล่านี้จะพุ่งออกจากดาวหาง ในอัตรา 100 กิโลกรัม ต่อวินาที 319 00:16:44,246 --> 00:16:45,802 ก๊าซ, ฝุ่น,หรืออะไรก็ตาม 320 00:16:45,802 --> 00:16:48,333 นั่นหมายถึง 100 ล้านกิโลกรัมต่อวัน 321 00:16:49,603 --> 00:16:51,978 จากนั้น ในที่สุด ในวันลงจอด 322 00:16:51,978 --> 00:16:57,366 ผมไม่เคยลืมเลยครับ -- มันบ้าที่สุดเลย มีคนจากสื่อโทรทัศน์ 250 ช่องในเยอรมัน 323 00:16:57,366 --> 00:16:59,385 บีบีซีมาสัมภาษณ์ผม 324 00:16:59,385 --> 00:17:02,357 และนักข่าวทีวีอีกคนหนึ่งก็วิ่งตามผมทั้งวัน 325 00:17:02,357 --> 00:17:04,493 ถ่ายวีดีโอผมที่กำลังถูกสัมภาษณ์ 326 00:17:04,493 --> 00:17:06,931 และมันก็เป็นอย่างนั้นทั้งวัน 327 00:17:06,931 --> 00:17:08,742 คนจากช่องดิสคัฟเวอรี 328 00:17:08,742 --> 00:17:11,064 เข้ามาหาผมตอนที่ผมออกจากห้องควบคุม 329 00:17:11,064 --> 00:17:13,177 และถามคำถามที่จี้ใจผม 330 00:17:13,177 --> 00:17:16,802 และให้ตายเถอะครับ ผมน้ำตาซึม และยังคงคิดถึงมันอยู่เลย 331 00:17:16,802 --> 00:17:18,485 เป็นเวลาเดือนครึ่ง 332 00:17:18,485 --> 00:17:21,319 ผมไม่เคยคิดถึงวันลงจอด โดยไม่อาจเสียน้ำตาได้เลย 333 00:17:21,319 --> 00:17:24,034 และผมยังคงมีความรู้สึกนั้นอยู่ 334 00:17:24,034 --> 00:17:26,983 ผมอยากจะทิ้งท้ายไว้กับคุณ ด้วยภาพของดาวหางนี้ 335 00:17:26,983 --> 00:17:29,096 ขอบคุณครับ 336 00:17:29,096 --> 00:17:33,975 (เสียงปรบมือ)