1 00:00:00,000 --> 00:00:03,000 เมื่อผมอายุเจ็ดขวบ และน้องสาวผมเพิ่งห้าขวบ 2 00:00:03,000 --> 00:00:06,000 พวกเราเล่นกันอยู่บนเตียงสองชั้น 3 00:00:06,000 --> 00:00:08,000 ณตอนนั้นผมอายุมากกว่าน้องสาวผมสองปี 4 00:00:08,000 --> 00:00:11,000 จริงๆแล้ว ตอนนี้ก็แก่กว่าน้องสองปี 5 00:00:11,000 --> 00:00:14,000 แต่ในเวลานั้น มันแปลว่าน้องสาวผมต้องทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง 6 00:00:14,000 --> 00:00:16,000 และผมก็อยากเล่มเกมสงคราม 7 00:00:16,000 --> 00:00:18,000 พวกเราอยู่บนเตียงสองชั้น 8 00:00:18,000 --> 00:00:20,000 และด้านหนึ่งของเตียงนั้น 9 00:00:20,000 --> 00:00:22,000 ผมวางทหารจีไอโจและอาวุธทั้งหมด 10 00:00:22,000 --> 00:00:25,000 ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็น "ม้าน้อยของฉัน"ทั้งหมดของน้องสาวผม 11 00:00:25,000 --> 00:00:27,000 พร้อมสำหรับการจู่โจมของกองทหารม้า 12 00:00:27,000 --> 00:00:29,000 มีเรื่องเล่าต่างๆกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในบ่ายวันนั้น 13 00:00:29,000 --> 00:00:32,000 และเนื่องจากวันนี้น้องผมไม่ได้อยู่ที่นี่กับพวกเรา 14 00:00:32,000 --> 00:00:34,000 ผมจะเล่าเรื่องจริงให้ฟัง... 15 00:00:34,000 --> 00:00:36,000 (เสียงหัวเราะ)... 16 00:00:36,000 --> 00:00:38,000 ซึ่งก็คือ น้องสาวผมนั้นเอนไปในทางที่่เรียกได้ว่าซุ่มซ่าม 17 00:00:38,000 --> 00:00:41,000 ทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ โดยที่ไม่ได้มีการช่วยหรือดันจากพี่ชายของเธอเลย 18 00:00:41,000 --> 00:00:43,000 ทันใดนั้นเอง เอมี่ก็หายตัวไปจากด้านบนของเตียงสองชั้น 19 00:00:43,000 --> 00:00:45,000 แล้วลงไปอยู่บนพื้นพร้อมกับเสียงกระแทกโครม 20 00:00:45,000 --> 00:00:47,000 ตอนนั้นผมจ้องมองลงไปข้างเตียงด้วยความกลัว 21 00:00:47,000 --> 00:00:50,000 ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวที่ตกลงไป 22 00:00:50,000 --> 00:00:52,000 และเห็นว่าเธอได้ร่วงลงบนมือและเข่าของเธออย่างน่าเจ็บปวด 23 00:00:52,000 --> 00:00:54,000 โดยมีแขนขาทั้งสี่ยันพื้น 24 00:00:54,000 --> 00:00:56,000 ตอนนั้นผมกลัวเพราะว่าพ่อแม่ได้ปรามผมไว้ 25 00:00:56,000 --> 00:00:58,000 ให้พยายามเล่นกับน้อง 26 00:00:58,000 --> 00:01:01,000 อย่างปลอดภัยและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ 27 00:01:01,000 --> 00:01:04,000 และเมื่อคิดถึงเรื่องที่ผมเพิ่งทำเอมี่แขนหักอย่างไม่ได้ตั้งใจ 28 00:01:04,000 --> 00:01:06,000 เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน 29 00:01:06,000 --> 00:01:10,000 (เสียงหัวเราะ) 30 00:01:10,000 --> 00:01:12,000 โดยการผลักเธออย่างกล้าหาญ 31 00:01:12,000 --> 00:01:15,000 ให้พ้นจากวิถีกระสุนสมมุติจากการซุ่มยิง 32 00:01:15,000 --> 00:01:17,000 (เสียงหัวเราะ) 33 00:01:17,000 --> 00:01:19,000 ซึ่งยังไม่มีใครมาขอบคุณเลย 34 00:01:19,000 --> 00:01:21,000 ผมพยายามอย่างเต็มความสามารถจริงๆนะ.. 35 00:01:21,000 --> 00:01:23,000 เธอไม่เห็นกระสุนที่กำลังมาด้วยซ้ำ.. 36 00:01:23,000 --> 00:01:25,000 ผมพยายามอย่างมากเท่าที่จะทำได้ที่จะทำตัวเป็นเด็กดี 37 00:01:25,000 --> 00:01:27,000 เมื่อเห็นหน้าของน้องสาว 38 00:01:27,000 --> 00:01:29,000 เสียงโอดครวญจากความเจ็บปวด และความทรมาน และความตกใจ 39 00:01:29,000 --> 00:01:31,000 กำลังจะระเบิดออกมาจากปากของเธอ และพร้อมที่ 40 00:01:31,000 --> 00:01:34,000 จะทำให้พ่อแม่ผมตื่นจากการนอนกลางวันในฤดูหนาว 41 00:01:34,000 --> 00:01:36,000 ผมก็เลยทำสิ่งเดียว 42 00:01:36,000 --> 00:01:39,000 ที่หัวสมองอันหวาดกลัวของเด็กเจ็ดขวบจะคิดออก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมอันนี้ได้ 43 00:01:39,000 --> 00:01:41,000 และถ้าคุณมีลูก คุณจะต้องเคยได้เห็นสิ่งนี้มาก่อนนับร้อยครั้ง 44 00:01:41,000 --> 00:01:43,000 ผมจึงพูดว่า "เอมี่เอมี่อย่าเพิ่ง อย่าร้องนะ อย่าร้องนะ" 45 00:01:43,000 --> 00:01:45,000 เธอเห็นวิธีที่เธอตกลงมาไม๊? 46 00:01:45,000 --> 00:01:48,000 ไม่มีมนุษย์คนไหนตกลงมาบนแขนกับขาทั้งสี่อย่างนั้นได้หรอก 47 00:01:48,000 --> 00:01:51,000 เอมี่ ฉันว่ามันแปลว่าเธอเป็นยูนิคอร์นนะ 48 00:01:51,000 --> 00:01:54,000 (เสียงหัวเราะ) 49 00:01:54,000 --> 00:01:57,000 นั่นผมโกง เพราะว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่น้องสาวผมอยากเป็นมากกว่า 50 00:01:57,000 --> 00:01:59,000 เอมี่สาวน้อยยูนีคอร์นวิเศษ 51 00:01:59,000 --> 00:02:01,000 แทนที่จะเป็น เอมี่น้องสาวห้าขวบที่กำลังเจ็บอยู่ 52 00:02:01,000 --> 00:02:04,000 แน่นอน นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่เคยอยู่ในสมองเธอมาก่อน 53 00:02:04,000 --> 00:02:07,000 แล้วคุณจะเห็นได้ว่า น้องสาวที่ถูกครอบงำและน่าสงสารของผมนั้นกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น 54 00:02:07,000 --> 00:02:09,000 ในขณะที่สมองน้อยๆของเธอกำลังพยายามที่จะทุ่มเททรัพยากร 55 00:02:09,000 --> 00:02:11,000 เพื่อที่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวด และความทรมาน และความตกใจ 56 00:02:11,000 --> 00:02:13,000 ที่เธอเพิ่งจะประสบ 57 00:02:13,000 --> 00:02:15,000 หรือเพื่อที่จะครุ่นคิดถึงเอกลักษณ์ใหม่ในการเป็นยูนิคอร์นของเธอ 58 00:02:15,000 --> 00:02:17,000 และความคิดหลังก็ชนะ 59 00:02:17,000 --> 00:02:19,000 แทนที่จะร้องไห้ แทนที่จะหยุดเล่น 60 00:02:19,000 --> 00:02:21,000 แทนที่จะปลุกพ่อและแม่ 61 00:02:21,000 --> 00:02:23,000 พร้อมกับผลพวงที่ไม่พึงประสงค์ที่จะตามผมมา 62 00:02:23,000 --> 00:02:25,000 กลับกลายเป็น รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าของเธอ 63 00:02:25,000 --> 00:02:28,000 แล้วเธอก็กระโดดกลับขึ้นมาบนเตียง พร้อมกับความสง่างามของลูกยูนิคอร์นตัวน้อย 64 00:02:28,000 --> 00:02:30,000 (เสียงหัวเราะ) 65 00:02:30,000 --> 00:02:32,000 กับขาที่หักข้างหนึ่ง 66 00:02:32,000 --> 00:02:34,000 สิ่งที่เราได้เจอะเจอโดยบังเอิญ 67 00:02:34,000 --> 00:02:36,000 ในวัยละอ่อนแค่ห้าและเจ็ดขวบ 68 00:02:36,000 --> 00:02:38,000 ซึ่งณ ตอนนั้นพวกเราไม่รู้เลยจริงๆ 69 00:02:38,000 --> 00:02:41,000 คือสิ่งที่กำลังจะเป็นแนวหน้าของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ 70 00:02:41,000 --> 00:02:44,000 ซึ่งได้เกิดขึ้นยี่สิบปีให้หลัง ในวิธีที่เรามองสมองมนุษย์ 71 00:02:44,000 --> 00:02:47,000 สิ่งที่เราได้เจอะเจอโดยบังเอิญ คือสิ่งที่เรียกว่าจิตวิทยาเชิงบวก 72 00:02:47,000 --> 00:02:49,000 ซึ่งคือเหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ 73 00:02:49,000 --> 00:02:51,000 และก็คือเหตุผลที่ผมตื่นขึ้นมาทุกเช้า 74 00:02:51,000 --> 00:02:53,000 ตอนที่ผมเริ่มพูดถึงงานวิจัยนี้ 75 00:02:53,000 --> 00:02:55,000 นอกสถาบันการศึกษา แต่กับบริษัทและโรงเรียน 76 00:02:55,000 --> 00:02:57,000 สิ่งแรกที่สุด ที่พวกเขาบอกไม่ให้ทำ 77 00:02:57,000 --> 00:02:59,000 ก็คือการเริ่มการบรรยายด้วยกราฟ 78 00:02:59,000 --> 00:03:01,000 สิ่งแรกที่สุดที่ผมอยากทำก็คือ เริ่มการบรรยายด้วยกราฟ 79 00:03:01,000 --> 00:03:03,000 กราฟนี้ดูน่าเบื่อ 80 00:03:03,000 --> 00:03:05,000 แต่กราฟนี้คือเหตุผลที่ผมตื่นเต้นและตื่นขึ้นในทุกเช้า 81 00:03:05,000 --> 00:03:07,000 และกราฟนี้ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย มันคือข้อมูลปลอม 82 00:03:07,000 --> 00:03:09,000 สิ่งที่เราพบก็คือ... 83 00:03:09,000 --> 00:03:13,000 (เสียงหัวเราะ) 84 00:03:13,000 --> 00:03:16,000 ถ้าผมได้ข้อมูลนี้จากการวิจัยพวกคุณในห้องนี้ ผมคงจะดีใจมาก 85 00:03:16,000 --> 00:03:18,000 เพราะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจนมาก 86 00:03:18,000 --> 00:03:20,000 ซึ่งก็แปลว่าผมจะได้ตีพิมพ์ผลงาน 87 00:03:20,000 --> 00:03:22,000 ซึ่งคือสิ่งเดียวที่สำคัญ 88 00:03:22,000 --> 00:03:24,000 ข้อเท็จจริงที่ว่ามันมีจุดสีแดงแปลกๆหนึ่งจุดเหนือเส้นโค้งนั้น 89 00:03:24,000 --> 00:03:26,000 แสดงว่ามี่คนประหลาดอยู่หนึ่งคนในห้อง 90 00:03:26,000 --> 00:03:29,000 ผมรู้นะว่าคุณเป็นใคร ผมเห็นคุณตั้งแต่ตอนเริ่มแล้ว 91 00:03:29,000 --> 00:03:31,000 แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา 92 00:03:31,000 --> 00:03:33,000 นั่นไม่ใช่ปัญหา คุณส่วนมากก็รู้ดี 93 00:03:33,000 --> 00:03:35,000 เพราะผมแค่ลบจุดแดงนั้นก็ได้ 94 00:03:35,000 --> 00:03:37,000 ผมสามารถลบจุดนี้ได้ เพราะมันชัดเจนว่าจุดนี้คือข้อผิดพลาดของการวัด 95 00:03:37,000 --> 00:03:39,000 แล้วเราก็รู้ว่ามันคือข้อผิดพลาดของการวัด 96 00:03:39,000 --> 00:03:42,000 เพราะมันกำลังทำให้ผลข้อมูลผมเสีย 97 00:03:42,000 --> 00:03:44,000 ดังนั้นหนึ่งในสิ่งแรกๆที่พวกเราสอนคนอื่น 98 00:03:44,000 --> 00:03:47,000 ไม่ว่าจะในวิชาเศรษฐศาสตร์ สถิติ พาณิชยกรรม หรือจิตวิทยา 99 00:03:47,000 --> 00:03:50,000 ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะกำจัดพวกที่ประหลาดๆนั้นทิ้งไป ตามวิธีทางสถิติที่ถูกต้อง 100 00:03:50,000 --> 00:03:52,000 แล้วเราจะกำจัดค่าที่ผิดปกตินั้นทิ้งไปอย่างไร 101 00:03:52,000 --> 00:03:54,000 เพื่อที่จะหาเส้นที่เหมาะเจาะที่สุดได้ ? 102 00:03:54,000 --> 00:03:56,000 ซึ่งคงจะยอดเยี่ยมถ้าผมพยายามจะค้นพบ 103 00:03:56,000 --> 00:03:59,000 ว่าคนปกติควรกินยาแก้ปวด(Advil)กี่เม็ด -- สองเม็ด 104 00:03:59,000 --> 00:04:01,000 แต่ถ้าผมสนใจในศักยภาพ ถ้าผมสนใจในศักยภาพของคุณ 105 00:04:01,000 --> 00:04:03,000 หรือใน ความสุข หรือการเพิ่มผลผลิต 106 00:04:03,000 --> 00:04:05,000 หรือพลังงาน หรือความคิดสร้างสรรค์ 107 00:04:05,000 --> 00:04:07,000 สิ่งที่พวกเรากำลังทำ ก็คือการสร้างลัทธิค่าเฉลี่ยกับวิทยาศาสตร์ 108 00:04:07,000 --> 00:04:09,000 ถ้าผมถามคำถามอย่างเช่น 109 00:04:09,000 --> 00:04:11,000 "เด็กสามารถเรียนรู้ที่จะอ่านได้เร็วเท่าไหร่ในห้องเรียน?" 110 00:04:11,000 --> 00:04:13,000 นักวิทยาศาสตร์จะเปลี่ยนคำถามเป็น "เด็กโดยเฉลี่ยแล้ว 111 00:04:13,000 --> 00:04:15,000 เรียนรู้ที่จะอ่านได้เร็วเท่าไหร่ในห้องเรียน?" 112 00:04:15,000 --> 00:04:17,000 แล้วเราก็ปรับแต่งชั้นเรียนไปสู่ค่าเฉลี่ยนั้นๆ 113 00:04:17,000 --> 00:04:19,000 แต่ถ้าคุณตกไปอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนั้นละก็ 114 00:04:19,000 --> 00:04:21,000 นักจิตวิทยาจะตื่นเต้นมาก 115 00:04:21,000 --> 00:04:24,000 เพราะนั่นแปลว่าคุณซึมเศร้า หรือไม่ก็มีความผิดปกติบางอย่าง 116 00:04:24,000 --> 00:04:26,000 หรือถ้าให้ดีก็เป็นทั้งสองอย่าง 117 00:04:26,000 --> 00:04:28,000 เราอยากให้เป็นทั้งคู่ เพราะรูปแบบธุรกิจของเราก็คือ 118 00:04:28,000 --> 00:04:30,000 ถ้าคุณมาเข้ารับการบำบัด ด้วยปัญหาหนึ่งอย่าง 119 00:04:30,000 --> 00:04:32,000 เราอยากมั่นใจว่าคุณจะได้ออกไปโดยรู้ว่าคุณมีปัญหาสิบอย่าง 120 00:04:32,000 --> 00:04:34,000 คุณจะได้กลับมาบ่อยๆ 121 00:04:34,000 --> 00:04:36,000 แล้วเราจะกลับไปพูดถึงสมัยเมื่อคุณยังเด็กด้วยถ้าจำเป็น 122 00:04:36,000 --> 00:04:38,000 แต่ในที่สุด สิ่งที่เราต้องการคือให้คุณกลับเป็นปกติอีกครั้ง 123 00:04:38,000 --> 00:04:40,000 แต่ความปกติก็เป็นเพียงค่าเฉลี่ย 124 00:04:40,000 --> 00:04:42,000 และสิ่งที่ผมตั้งสมมติฐาน และสิ่งที่จิตวิทยาเชิงบวกตั้งสมมติฐาน 125 00:04:42,000 --> 00:04:44,000 ก็คือ ถ้าเราศึกษาอะไรที่เป็นเพียงค่าเฉลี่ย 126 00:04:44,000 --> 00:04:46,000 เราก็จะยังคงเป็นได้เพียงแค่ค่าเฉลี่ย 127 00:04:46,000 --> 00:04:48,000 ดังนั้น แทนที่จะลบค่าที่ดีเกินเฉลี่ยทิ้ง 128 00:04:48,000 --> 00:04:50,000 สิ่งที่ผมทำอย่างตั้งใจคือ การเข้าไปหาประชากรพวกนี้ 129 00:04:50,000 --> 00:04:52,000 ทำไมหรือครับ? 130 00:04:52,000 --> 00:04:54,000 ทำไมละ พวกคุณบางคนถึงอยู่สูงนัก เหนือเส้นเฉลี่ยได้ 131 00:04:54,000 --> 00:04:56,000 ทั้งในด้านระดับความสามารถทางสติปัญญา การกีฬา การดนตรี 132 00:04:56,000 --> 00:04:58,000 ความคิดสร่างสรรค์ ระดับพละกำลัง 133 00:04:58,000 --> 00:05:00,000 ความยืดหยุ่นต่อปัญหาเฉพาะหน้า อารมณ์ขัน 134 00:05:00,000 --> 00:05:03,000 ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แทนที่จะลบคุณทิ้ง สิ่งที่ผมอยากทำคือศึกษาคุณ 135 00:05:03,000 --> 00:05:05,000 เพราะเราอาจจะสามารถรวบรวมข้อมูล 136 00:05:05,000 --> 00:05:07,000 ไม่ใช่เพียงเพื่อที่จะผลักดันให้คนขึ้นไปอยู่ที่ระดับปกติ 137 00:05:07,000 --> 00:05:10,000 แต่เพื่อที่จะดันค่าเฉลี่ยทั้งหมดให้สูงขึ้น 138 00:05:10,000 --> 00:05:12,000 ทั้งในบริษัท และในโรงเรียนทั่วโลก 139 00:05:12,000 --> 00:05:14,000 เหตุผลที่กราฟนี้สำคัญกับผมมาก 140 00:05:14,000 --> 00:05:16,000 ก็เพราะ เมื่อผมเปิดดูข่าว มันเหมือนกับว่าข้อมูลข่าวสารส่วนมากนั้น 141 00:05:16,000 --> 00:05:18,000 ไม่ดี จริงๆแล้วมันเป็นไปในเชิงลบ 142 00:05:18,000 --> 00:05:21,000 ส่วนมากก็เกี่ยวกับการฆาตกรรม การทุจริต โรคภัยไข้เจ็บ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ 143 00:05:21,000 --> 00:05:23,000 แล้วด้วยความรวดเร็ว สมองผมก็เริ่มที่จะคิดว่า 144 00:05:23,000 --> 00:05:25,000 นั่นคือสัดส่วนที่ถูกต้องของสิ่งที่ไม่ดี กับสิ่งที่ดีในโลก 145 00:05:25,000 --> 00:05:27,000 สิ่งที่กล่าวนั้นกำลังทำ ก็คือการสร้างสิ่งบางอย่าง 146 00:05:27,000 --> 00:05:29,000 ที่เรียกกันว่าโรคโรงเรียนแพทย์ 147 00:05:29,000 --> 00:05:31,000 ซึ่ง ถ้าคุณรู้จักคนที่เคยเรียนแพทย์ 148 00:05:31,000 --> 00:05:33,000 ช่วงปีเรียกของการฝึกอบรมแพทย์ 149 00:05:33,000 --> 00:05:35,000 เมื่อคุณอ่านรายชื่อทั้งหมดของโรคและอาการที่เกิดขึ้นได้โดยตลอด 150 00:05:35,000 --> 00:05:37,000 อยู่ๆคุณก็รู้สึกว่าคุณเป็นโรคทั้งหมดนั้นเลย 151 00:05:37,000 --> 00:05:40,000 ผมมีน้องเขยชื่อโบโบ่ -- ซึ่งเป็นอีกเรื่องเลย 152 00:05:40,000 --> 00:05:43,000 โบโบ่แต่งงานกับเอมี่สาวน้อยยูนิคอร์น 153 00:05:43,000 --> 00:05:46,000 โบโบ่โทรศัพย์มาหาผม 154 00:05:46,000 --> 00:05:49,000 จากโรงเรียนแพทย์เยล 155 00:05:49,000 --> 00:05:51,000 แล้วโบโบ่ก็พูดว่า "ชอน ผมเป็นโรคเรื้อน " 156 00:05:51,000 --> 00:05:53,000 (เสียงหัวเราะ) 157 00:05:53,000 --> 00:05:55,000 ซึ่ง แม้ที่เยล ก็ถือว่าหายากเหลือเกิน 158 00:05:55,000 --> 00:05:58,000 แต่ผมไม่รู้ว่าจะปลอบโบโบ่ที่น่าสงสารอย่างไร 159 00:05:58,000 --> 00:06:00,000 เพราะโบโบ่เพิ่งจะผ่านช่วงหมดประจำเดือนมาได้หนึ่งอาทิตย์ 160 00:06:00,000 --> 00:06:02,000 (เสียงหัวเราะ) 161 00:06:02,000 --> 00:06:05,000 เห็นไหมครับว่าสิ่งที่เราพบ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงที่มีอิทธิพลกับเรา 162 00:06:05,000 --> 00:06:08,000 แต่เลนส์ที่สมองเรามองโลกต่างหาก ที่สร้างความเป็นจริงนั้นๆของคุณ 163 00:06:08,000 --> 00:06:11,000 และถ้าเราสามารถเปลี่ยนเลนส์นั้นได้ เราไม่เพียงแต่เปลี่ยนความสุขได้เท่านั้น 164 00:06:11,000 --> 00:06:14,000 เรายังสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ทางการศึกษา และธุรกิจทุกๆเรื่องได้ในเวลาเดียวกัน 165 00:06:14,000 --> 00:06:16,000 ตอนที่ผมสมัครเรียนที่ฮาร์วาร์ด ผมสมัครตามคำท้า 166 00:06:16,000 --> 00:06:19,000 ผมไม่ได้คิดว่าจะสอบติด และครอบครัวผมก็ไม่มีเงินส่งผมเรียน 167 00:06:19,000 --> 00:06:21,000 ตอนที่ผมได้ทุนทหารสองอาทิตย์ต่อมา ผมถึงได้ไปเรียน 168 00:06:21,000 --> 00:06:24,000 อยู่ๆ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ได้กลายเป็นจริง 169 00:06:24,000 --> 00:06:27,000 ตอนที่ผมเรียนที่นั่น ผมเลยเข้าใจว่าคนอื่นๆน่าจะคิดว่ามันเป็นสิทธิพิเศษเหมือนกัน 170 00:06:27,000 --> 00:06:29,000 ว่าพวกเขาก็ตื่นเต้นที่ได้อยู่ณจุดนั้น 171 00:06:29,000 --> 00:06:31,000 ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยคนที่ฉลาดกว่าคุณ 172 00:06:31,000 --> 00:06:33,000 คุณก็มีความสุขแค่ได้อยู่ในห้องเรียนนั้น นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนั้น 173 00:06:33,000 --> 00:06:35,000 แต่สิ่งที่ผมค้นพบก็คือ 174 00:06:35,000 --> 00:06:37,000 แม้ว่าบางคนรู้สึกเหมือนผม 175 00:06:37,000 --> 00:06:39,000 หลังจากที่ผมเรียนจบสี่ปี 176 00:06:39,000 --> 00:06:41,000 ผมได้ใช้เวลาแปดปีต่อมา อยู่ในหอพักกับนักศึกษา 177 00:06:41,000 --> 00:06:44,000 ฮาร์วาร์ดจ้างผมนะ ผมไม่ได้เป็นชายที่น่ารำคาญนะ 178 00:06:44,000 --> 00:06:48,000 (เสียงหัวเราะ) 179 00:06:48,000 --> 00:06:51,000 ตอนนั้นผมเป็นเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาฮาร์วาร์ด ให้ผ่านพ้นสี่ปีอันยากลำบากไปได้ 180 00:06:51,000 --> 00:06:53,000 แล้วสิ่งที่ผมพบในงานวิจัยและการเรียนการสอนของผม 181 00:06:53,000 --> 00:06:55,000 ก็คือ นักศึกษาเหล่านั้น ไม่ว่าจะมีความสุขเท่าใด 182 00:06:55,000 --> 00:06:58,000 จากความสำเร็จตอนแรก ที่เข้าเรียนได้นั้น 183 00:06:58,000 --> 00:07:01,000 เมื่อสองอาทิตย์ผ่านไป สมองของพวกเขาจะไม่สนใจกับ สิทธิพิเศษที่ได้เข้าไปเรียนที่นั่น 184 00:07:01,000 --> 00:07:03,000 หรือปรัชญาหรือวิชาฟิสิกส์ของพวกเขา 185 00:07:03,000 --> 00:07:05,000 แต่สมองของพวกเขาจะมุ่งไปสู่ การแข่งขัน ภาระงานที่ต้องทำ 186 00:07:05,000 --> 00:07:07,000 ความยุ่งยาก ความเครียด และข้อร้องเรียนต่างๆ 187 00:07:07,000 --> 00:07:09,000 ตอนแรกที่ผมมาเรียนที่นั่น ผมเดินเข้าโรงอาหารนักศึกษาปีหนึ่ง 188 00:07:09,000 --> 00:07:12,000 ซึ่งคือที่ๆเพื่อนผมจากเวโค่ เทกซัส,ที่ๆผมเติบโตมา 189 00:07:12,000 --> 00:07:14,000 ผมรู้ว่าบางคนอาจจะเคยได้ยินมาก่อน 190 00:07:14,000 --> 00:07:16,000 ตอนที่พวกเขามาเยี่ยมผม พวกเขามองไปรอบๆ 191 00:07:16,000 --> 00:07:18,000 แล้วก็พูดว่า "โรงอาหารนักศึกษาปีหนึ่งเหมือนกับอะไรที่ 192 00:07:18,000 --> 00:07:20,000 มาจากฮอกวาร์ดจากหนังเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์" ซึ่งมันก็จริง 193 00:07:20,000 --> 00:07:22,000 นี่คือฮอกวาร์ดจากหนังเรื่อง"แฮร์รี่ พ็อตเตอร์" และนั่นคือฮาร์วาร์ด 194 00:07:22,000 --> 00:07:24,000 แล้วเมื่อพวกเขาเห็นอย่างนั้น 195 00:07:24,000 --> 00:07:26,000 ก็พูดว่า "ชอน ทำไมนายต้องมาเสียเวลาศึกษาเรื่องความสุขที่ฮาร์วาร์ดด้วย?" 196 00:07:26,000 --> 00:07:28,000 จริงๆนะ มีอะไรที่จะทำให้นักศึกษาฮาร์วาร์ด 197 00:07:28,000 --> 00:07:30,000 ไม่มีความสุขได้? 198 00:07:30,000 --> 00:07:32,000 ฝังอยู่ในคำถามนี้ 199 00:07:32,000 --> 00:07:34,000 คือกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจวิทยาศาสตร์ของความสุข 200 00:07:34,000 --> 00:07:36,000 เพราะสิ่งที่คำถามนั้นทึกทักว่าจริง 201 00:07:36,000 --> 00:07:39,000 ก็คือว่าโลกภายนอกเป็นสิ่งที่ทำนายระดับความสุขของเรา 202 00:07:39,000 --> 00:07:41,000 ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกภายนอกของคุณ 203 00:07:41,000 --> 00:07:44,000 ผมก็สามารถทำนายความสุขระยะยาวของคุณได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ 204 00:07:44,000 --> 00:07:46,000 อีก 90 เปอร์เซ็นต์ของความสุขระยะยาวของคุณ 205 00:07:46,000 --> 00:07:48,000 ไม่ได้ถูกทำนายได้โดยโลกภายนอก 206 00:07:48,000 --> 00:07:50,000 แต่โดยวิธีที่สมองคุณประมวลสิ่งต่างๆในโลก 207 00:07:50,000 --> 00:07:52,000 และถ้าเราเปลี่ยนมันได้ 208 00:07:52,000 --> 00:07:54,000 ถ้าเราเปลี่ยนสูตรของความสุขและความสำเร็จ 209 00:07:54,000 --> 00:07:56,000 สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือเปลี่ยนวิธี 210 00:07:56,000 --> 00:07:58,000 ที่เราสามารถส่งผลกระทบต่อความเป็นจริง 211 00:07:58,000 --> 00:08:00,000 สิ่งที่เราพบก็คือ เพียง25เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จทางการงาน 212 00:08:00,000 --> 00:08:02,000 นั้นคาดการณ์ได้จากไอคิว 213 00:08:02,000 --> 00:08:04,000 อีก 75เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จนั้น 214 00:08:04,000 --> 00:08:07,000 คาดการณ์ได้จากระดับความคิดเชิงบวก และการสนับสนุนทางสังคมของคุณ 215 00:08:07,000 --> 00:08:10,000 และความสามารถในการมองความกดดันให้เป็นความท้าทาย แทนที่จะเป็นการคุกคาม 216 00:08:10,000 --> 00:08:13,000 ผมเคยคุยกับโรงเรียนประจำในนิวอิงแลนด์ ที่น่าจะเป็นโรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็ว่าได้ 217 00:08:13,000 --> 00:08:15,000 พวกเขาบอกว่า "เรารู้อยู่แล้ว 218 00:08:15,000 --> 00:08:18,000 ดังนั้นทุกๆปี แทนที่จะแค่สอนนักเรียน เรายังมีสัปดาห์สุขภาพดี 219 00:08:18,000 --> 00:08:21,000 และพวกเราก็ตื่นเต้นมาก ทุกคืนวันจันทร์เรามีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลก 220 00:08:21,000 --> 00:08:23,000 มาพูดเกี่ยวกับเรื่องภาวะซึมเศร้าของวัยรุ่น 221 00:08:23,000 --> 00:08:25,000 คืนวันอังคาร ความรุนแรงและการข่มเหงในโรงเรียน 222 00:08:25,000 --> 00:08:27,000 คืนวันพุธ ความผิดปกติด้านการรับประทานอาหาร 223 00:08:27,000 --> 00:08:29,000 คืนวันพฤหัสบดี การใช้ยาผิดกฎหมาย 224 00:08:29,000 --> 00:08:32,000 และคืนวันศุกร์ เรากำลังตัดสินใจระหว่างความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์ หรือความสุข" 225 00:08:32,000 --> 00:08:35,000 (เสียงหัวเราะ) 226 00:08:35,000 --> 00:08:37,000 ผมพูดว่า "นั่นแหละ คืนวันศุกร์ของคนส่วนมาก" 227 00:08:37,000 --> 00:08:40,000 (เสียงหัวเราะ) 228 00:08:40,000 --> 00:08:43,000 (เสียงตบมือ) 229 00:08:43,000 --> 00:08:45,000 ผมดีใจที่คุณชอบ แต่พวกเขาไม่ได้ชอบเลย 230 00:08:45,000 --> 00:08:47,000 ที่ปลายสายเงียบ 231 00:08:47,000 --> 00:08:49,000 แล้วผมก็พูดเข้าไปในความเงียบนั้นว่า "ผมพร้อมที่จะไปพูดที่โรงเรียนคุณนะ" 232 00:08:49,000 --> 00:08:52,000 แต่แค่ให้คุณทราบว่า นั่นมันไม่ใช่สัปดาห์สุขภาพดี แต่เป็นสัปดาห์ความเจ็บป่วย 233 00:08:52,000 --> 00:08:54,000 สิ่งที่คุณได้ทำ คือคุณได้สรุปสิ่งร้ายๆทั้งหมดที่สามารถเกิดขึ้นได้ 234 00:08:54,000 --> 00:08:56,000 แต่ไม่ได้พูดถึงสิ่งดีๆเลย 235 00:08:56,000 --> 00:08:58,000 การไม่มีโรคไม่ได้แปลว่าสุขภาพดี 236 00:08:58,000 --> 00:09:00,000 นี่ต่างหากคือหนทางสู่สุขภาพดี 237 00:09:00,000 --> 00:09:03,000 เราต้องกลับสูตรสำหรับความสุขและความสำเร็จ 238 00:09:03,000 --> 00:09:05,000 ในสามปีที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไป 45 ประเทศ 239 00:09:05,000 --> 00:09:07,000 ได้ทำงานร่วมกับโรงเรียน และบริษัท 240 00:09:07,000 --> 00:09:09,000 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ 241 00:09:09,000 --> 00:09:11,000 และสิ่งที่ผมพบก็คือ บริษัทและโรงเรียนส่วนมากนั้น 242 00:09:11,000 --> 00:09:13,000 ทำตามสูตรความสำเร็จ ซึ่งก็คือ 243 00:09:13,000 --> 00:09:15,000 ถ้าฉันทำงานหนักขึ้น ฉันก็จะประสบความสำเร็จมากขึ้น 244 00:09:15,000 --> 00:09:18,000 และถ้าฉันประสบความสำเร็จมากขึ้น ฉันก็จะมีความสุขขึ้น 245 00:09:18,000 --> 00:09:20,000 นี่คือรากฐานหลักของการอบรมเลี้ยงดูส่วนใหญ่ และวิธีการบริหารจัดการของพวกเรา 246 00:09:20,000 --> 00:09:22,000 และเป็นวิธีที่กระตุ้นพฤติกรรมของเรา 247 00:09:22,000 --> 00:09:25,000 ซึ่งปัญหาก็คือ มันผิดหลักวิทยาศาสตร์แล้วก็ล้าหลัง ด้วยเหตุผลสองอย่าง 248 00:09:25,000 --> 00:09:28,000 หนึ่ง ทุกครั้งที่สมองเรารู้สึกประสบความสำเร็จ 249 00:09:28,000 --> 00:09:30,000 คุณก็เปลี่ยนบรรทัดฐานของคำว่าสำเร็จไปแล้ว 250 00:09:30,000 --> 00:09:32,000 คุณเคยได้คะแนนดี ตอนนี้คุณเลยต้องให้ได้คะแนนที่ดีกว่าเดิม 251 00:09:32,000 --> 00:09:34,000 คุณเคยอยู่โรงเรียนที่ดี หลังจากนั้นคุณก็ไปเข้าโรงเรียนที่ดีขึ้นไปอีก 252 00:09:34,000 --> 00:09:36,000 คุณเคยได้งานที่ดี ตอนนี้เลยต้องได้งานที่ดีกว่าเดิม 253 00:09:36,000 --> 00:09:38,000 คุณเคยทำยอดขายเข้าเป้า ตอนนี้เราเลยต้องตั้งเป้ายอดขายใหม่ให้คุณ 254 00:09:38,000 --> 00:09:41,000 และถ้าความสุขอยู่ตรงข้ามกับความสำเร็จ สมองคุณก็จะไม่เคยได้ไปถึงจุดนั้น 255 00:09:41,000 --> 00:09:43,000 สิ่งที่เราได้ทำลงไป คือเมื่อเป็นสังคมเราร่วมกันผลักความสุข 256 00:09:43,000 --> 00:09:46,000 ออกไปจนข้ามขีดจำกัดของการรับรู้ 257 00:09:46,000 --> 00:09:48,000 และนี่ก็เพราะว่าพวกเราคิดว่าเราต้องประสบความสำเร็จ 258 00:09:48,000 --> 00:09:50,000 แล้วเราจึงจะมีความสุข 259 00:09:50,000 --> 00:09:52,000 แต่ปัญหาที่แท้จริง ก็คือสมองเราทำงานในทางตรงกันข้าม 260 00:09:52,000 --> 00:09:55,000 ถ้าคุณสามารถเพิ่มระดับความคิดเชิงบวกของคนบางคน ณเวลานี้ได้ 261 00:09:55,000 --> 00:09:58,000 สมองของเขาก็จะรู้สึกถึงสิ่งที่เราเรียกว่า ผลประโยชน์ของความสุข 262 00:09:58,000 --> 00:10:00,000 ซึ่งก็คือ สมองคุณขณะคิดเชิงบวก 263 00:10:00,000 --> 00:10:02,000 ทำงานได้ดีกว่าปกติมาก 264 00:10:02,000 --> 00:10:04,000 เมื่อเทียบกับ ขณะที่คิดเชิงลบ เป็นกลาง หรือเครียด 265 00:10:04,000 --> 00:10:07,000 สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ระดับพลังงานของคุณเพิ่มสูงขึ้น 266 00:10:07,000 --> 00:10:09,000 จริงๆแล้ว สิ่งที่เราได้พบ 267 00:10:09,000 --> 00:10:11,000 คือผลทางธุรกิจทุกๆอย่างนั้นดีขึ้น 268 00:10:11,000 --> 00:10:13,000 สมองคุณขณะคิดเชิงบวกมีประสิทธิภาพมากขึ้น 31เปอร์เซ็นต์ 269 00:10:13,000 --> 00:10:16,000 เมื่อเทียบกับ ขณะที่คิดเชิงลบ เป็นกลาง หรือเครียด 270 00:10:16,000 --> 00:10:18,000 ยอดขายของคุณเพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์ 271 00:10:18,000 --> 00:10:20,000 หมอรักษาได้เร็ว แม่นยำขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์ 272 00:10:20,000 --> 00:10:22,000 ในการได้ผลวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง 273 00:10:22,000 --> 00:10:24,000 ในขณะที่คิดเชิงบวก แทนที่จะคิดเชิงลบ เป็นกลาง หรือเครียด 274 00:10:24,000 --> 00:10:26,000 ซึ่งแปลว่า เราสามารถกลับสูตรของความสุข 275 00:10:26,000 --> 00:10:29,000 ถ้าเราสามารถหาวิธีที่จะคิดเชิงบวก ณขณะนั้น 276 00:10:29,000 --> 00:10:31,000 แล้วสมองของเราทำงานได้อย่างประสบความสำเร็จมากขึ้น 277 00:10:31,000 --> 00:10:34,000 เพราะเราสามารถทำงานได้หนักขึ้น เร็วขึ้น และอย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น 278 00:10:34,000 --> 00:10:37,000 สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ คือการกลับสูตรของความสุข 279 00:10:37,000 --> 00:10:39,000 เพื่อที่เราจะเริ่มมองเห็นได้ว่าสมองเราจริงๆแล้วสามารถทำอะไรได้บ้าง 280 00:10:39,000 --> 00:10:41,000 เพราะสารโดฟามีน ที่ท่วมท้นออกมาในระบบเมื่อคุณกำลังคิดเชิงบวก 281 00:10:41,000 --> 00:10:43,000 มีหน้าที่สองอย่าง 282 00:10:43,000 --> 00:10:45,000 มันไม่ได้แค่ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น 283 00:10:45,000 --> 00:10:47,000 แต่มันเปิดสวิตซ์ศูนย์เรียนรู้ทั้งหมดในสมองคุณ 284 00:10:47,000 --> 00:10:50,000 ซึ่งทำให้คุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกในแบบที่ต่างออกไป 285 00:10:50,000 --> 00:10:52,000 เราค้นพบว่า มีวิธีที่คุณสามารถฝึกสมอง 286 00:10:52,000 --> 00:10:54,000 ให้สามารถคิดเชิงบวกมากขึ้น 287 00:10:54,000 --> 00:10:57,000 เพียงแค่สองนาทีที่ทำ 21วันติดต่อกัน 288 00:10:57,000 --> 00:10:59,000 เราจัดระบบสมองของคุณใหม่ได้จริง 289 00:10:59,000 --> 00:11:01,000 ให้สมองคุณสามารถที่จะทำงานได้จริง 290 00:11:01,000 --> 00:11:03,000 ในแง่ดีมากขึ้น และประสบความสำเร็จมากขึ้น 291 00:11:03,000 --> 00:11:05,000 ในทุกบริษัทที่ผมเคยทำงานด้วย เราได้ทำสิ่งเหล่านี้แล้วในงานวิจัย 292 00:11:05,000 --> 00:11:07,000 เราได้ทำวิจัยโดยให้ ในทุกๆบริษัทที่ผมได้ไปร่วมทำงานด้วย 293 00:11:07,000 --> 00:11:09,000 พนักงานเขียนสามสิ่งที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งขอบคุณโดยให้พนักงานเขียนสิ่งใหม่สามสิ่งที่พวกเขารู้ซาบซึ้งใจ 294 00:11:09,000 --> 00:11:11,000 21 วันติดต่อกัน แต่ละวันเขียนสามสิ่งใหม่ๆ 295 00:11:11,000 --> 00:11:13,000 และในที่สุด 296 00:11:13,000 --> 00:11:15,000 สมองของพวกเขาก็เริ่มเก็บรูปแแบบ 297 00:11:15,000 --> 00:11:18,000 การมองหาสิ่งดีๆในโลกก่อน แทนที่จะหาสิ่งไม่ดี 298 00:11:18,000 --> 00:11:20,000 การบันทึกสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งที่คุณได้ประสบมาใน 24ชั่วโมงที่ผ่านมา 299 00:11:20,000 --> 00:11:22,000 ทำให้สมองคุณได้จำสิ่งๆนั้นอีกครั้ง 300 00:11:22,000 --> 00:11:25,000 การฝึกฝนสอนให้สมองคุณรู้ถึงความสำคัญของพฤติกรรม 301 00:11:25,000 --> 00:11:27,000 เราพบว่าการนั่งสมาธิทำให้สมองคุณ 302 00:11:27,000 --> 00:11:30,000 เอาชนะอาการสมาธิสั้นทางวัฒนธรรม ที่เราสร้างขึ้นมา 303 00:11:30,000 --> 00:11:32,000 เพราะเราพยายามจะทำทุกๆอย่างในเวลาเดียวกัน 304 00:11:32,000 --> 00:11:35,000 สมาธิทำให้สมองคุณให้ความสำคัญกับงานตรงหน้า 305 00:11:35,000 --> 00:11:37,000 และสุดท้ายนี้ การทำความดีแบบไม่ได้ตั้งใจ คือการทำความดีอย่างมีสติ 306 00:11:37,000 --> 00:11:39,000 เราให้คน ทุกครั้งที่เช็คอีเมล 307 00:11:39,000 --> 00:11:41,000 เขียนข้อความแง่บวกหนึ่งข้อความ 308 00:11:41,000 --> 00:11:43,000 เป็นการชมเชย หรือขอบคุณคนในเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมของเขา 309 00:11:43,000 --> 00:11:45,000 จากการทำกิจกรรมเหล่านี้ 310 00:11:45,000 --> 00:11:47,000 และจากการฝึกสมองคุณ เหมือนกับที่เราฝึกร่างกาย 311 00:11:47,000 --> 00:11:50,000 สิ่งที่เราค้นพบก็คือ เราสามารถกลับสูตรสำหรับความสุขและความสำเร็จได้ 312 00:11:50,000 --> 00:11:53,000 และการทำเช่นนี้ ไม่ได้แค่สร้างคลื่นเล็กๆในการคิดเชิงบวก 313 00:11:53,000 --> 00:11:55,000 แต่เป็นการสร้างการปฏิวัติที่แท้จริง 314 00:11:55,000 --> 00:11:57,000 ขอบคุณมากครับ 315 00:11:57,000 --> 00:12:00,000 (เสียงตบมือ)