0:00:06.688,0:00:09.604 วันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1953 0:00:09.604,0:00:13.240 วิลเลี่ยม สโควิล (William Scoville)[br]ใช้ข้อเหวี่ยงมือ และเลื่อยฉลุถูกๆ 0:00:13.240,0:00:17.946 เพื่อเจาะเข้าไปในกระโหลกของชายหนุ่ม[br]ตัดส่วนสำคัญของสมองออกไป 0:00:17.946,0:00:20.806 และดูดมันออกมาผ่านท่อโลหะ 0:00:20.806,0:00:25.111 แต่นี่ไม่ใช่ฉากในหนังสยองขวัญ[br]หรือรายงานชวนคลื่นไส้ของตำรวจ 0:00:25.111,0:00:29.811 ดร. สโควิล เป็นหนึ่งในศัลยแพทย์[br]ที่โด่งดังที่สุดในตอนนั้น 0:00:29.811,0:00:35.114 และชายหนุ่มคนนั้นคือ เฮนรี่ โมเลียสัน [br](Henry Molaison) คนไข้ชื่อดัง [br]ที่รู้กันในนาม "เอช เอ็ม" 0:00:35.114,0:00:40.466 ซึ่งกรณีของเขาได้ให้รายละเอียดเชิงลึก[br]ว่าสมองของเราทำงานอย่างไร 0:00:40.466,0:00:43.866 เมื่อเป็นเด็ก กระโหลกของเฮนรี่[br]เกิดรอยร้าวเนื่องจากอุบัติเหตุ 0:00:43.866,0:00:49.610 ไม่นานก็มีอาการลมชักเฉียบพลัน หน้ามืด[br]และเสียการทรงตัวของร่างกาย 0:00:49.610,0:00:53.901 หลังจากมีอาการถี่ๆ ต่อเนื่องกันหลายปี[br]จนต้องลาออกจากโรงเรียนมัธยม 0:00:53.901,0:00:57.009 ชายหนุ่มผู้สิ้นหวังได้หันไปพึ่ง ดร. สโควิล 0:00:57.009,0:01:00.202 ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักผ่าตัดท้ามฤตยู 0:01:00.202,0:01:04.259 เขาได้ทำการผ่าตัดสมองส่วนหน้าบางส่วน[br]เป็นเวลาหลายสิบปีเพื่อบำบัดผู้ป่วยทางสมอง 0:01:04.259,0:01:07.793 ขึ้นอยู่กับความเข้าใจว่า[br]หน้าที่ต่างๆ ของสมองนั้นอยู่ตรงไหนบ้าง 0:01:07.793,0:01:10.588 ของบริเวณของสมอง 0:01:10.588,0:01:14.162 เขาประสบความสำเร็จในการใช้วิธีนี้[br]ลดอาการชักในผู้ป่วยโรคจิต 0:01:14.162,0:01:17.378 สโควิล ตัดสินใจที่จะตัด[br]ฮิปโปแคมพัสของ เอช เอ็ม 0:01:17.378,0:01:21.142 ส่วนหนึ่งของระบบลิมบิก[br]ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ 0:01:21.142,0:01:23.781 แต่หน้าที่ของมันนั้นไม่เป็นที่ทราบกัน 0:01:23.781,0:01:26.352 มองเผินๆ ตอนแรก[br]การผ่าตัดประสบความสำเร็จ 0:01:26.352,0:01:30.593 อาการชักของ เอช เอ็ม หายไป[br]โดยไม่มีการเปลียนแปลงด้านบุคลิกภาพ 0:01:30.593,0:01:32.854 และไอคิวของเขาก็พัฒนาขึ้น 0:01:32.854,0:01:36.616 แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง[br]ความจำของเขาสั้น 0:01:36.616,0:01:39.907 นอกจากเสียความทรงจำเกือบทั้งหมด 0:01:39.907,0:01:43.290 เอช เอ็ม ไม่สามารถจะสร้างความทรงจำใหม่ได้[br]ลืมว่าวันนี้คือวันอะไร 0:01:43.290,0:01:48.111 พูดซ้ำๆ[br]และแม้กระทั่งกินอาหารหลายมื้อต่อกัน 0:01:48.111,0:01:52.333 เมื่อสโควิลแจ้งผู้เชี่ยวชาญอีกคน[br]ไวเดอร์ เพนฟิล (wilder Penfield) ถึงผลลัพธ์ 0:01:52.333,0:01:57.918 เขาส่งนักเรียนปริญญาเอก ชื่อ แบนดา มิลเนอร์[br](Brenda Milner) ให้ศึกษาเอช เอ็ม ที่บ้านพ่อแม่เขา 0:01:57.918,0:02:00.464 สถานที่ซึ่งเขาใช้ชีวิตทำอะไรน่าเบื่อซ้ำซาก 0:02:00.464,0:02:04.607 และดูหนังเก่าๆ เป็นครั้งแรก[br]ครั้งแล้วครั้งเล่า 0:02:04.607,0:02:07.402 สิ่งที่เธอค้นพบจากการทดสอบและสัมภาษณ์ 0:02:07.402,0:02:10.608 ไม่ได้แค่มีส่วนส่งเสริมการศึกษา[br]ในเรื่องเกี่ยวกับความทรงจำอย่างมาก 0:02:10.608,0:02:13.751 แต่มันยังให้นิยามใหม่กับความทรงจำด้วย 0:02:13.751,0:02:16.692 หนึ่งในสิ่งที่มิลเนอร์พบ ได้ให้ความกระจ่าง[br]กับความจริงหนึ่ง 0:02:16.692,0:02:21.577 คือแม้ว่า เอช เอ็ม จะไม่สามารถ[br]สร้างความทรงจำใหม่ได้ เขาก็ยังคงข้อมูล 0:02:21.577,0:02:26.185 นานพอจากวินาทีหนึ่งถึงอีกวินาทีหนึ่ง[br]เพื่อที่จะพูดจบประโยค หรือหาห้องน้ำเจอ 0:02:26.185,0:02:28.358 เมื่อมิลเนอร์ให้เลขเขาอย่างสุ่ม 0:02:28.358,0:02:31.123 เขาจำมันได้เป็นเวลา 15 นาที 0:02:31.123,0:02:33.474 โดยพูดกับตัวเขาเองอย่างต่อเนื่อง 0:02:33.474,0:02:38.064 แต่แค่ห้านาทีถัดมา[br]เขาลืมด้วยซ้ำว่ามีการทดสอบนี้ 0:02:38.064,0:02:41.812 นักประสาทวิทยาเคยคิดว่าความทรงจำ[br]มีโครงสร้างขนาดใหญ่เสมอกัน 0:02:41.812,0:02:45.800 ทั้งหมดเหมือนๆ กัน และถูกเก็บไว้[br]ทั่วทั้งสมอง 0:02:45.800,0:02:49.868 ผลลัพธ์ของมิลเนอร์ไม่ได้เป็นแค่เบาะแสแรก[br]สำหรับความเด่นชัดที่เราคุ้นเคย 0:02:49.868,0:02:52.536 ระหว่างความทรงจำระยะสั้น และระยะยาว 0:02:52.536,0:02:56.125 แต่แสดงว่าแต่ละหน้าที่ใช้สมองคนละส่วนกัน 0:02:56.125,0:02:59.369 ตอนนี้เรารู้แล้วว่าการสร้างความทรงจำ[br]เกี่ยวข้องกับสองสามขั้นตอน 0:02:59.369,0:03:04.834 หลังจากข้อมูลที่รับสัมผัสมาหมาดๆ ถูกแปลความ[br]โดยเซลล์ประสาทในคอร์เท็ก 0:03:04.834,0:03:06.742 มันได้เดินทางไปสู่ฮิปโปแคมปัส 0:03:06.742,0:03:12.066 ที่ซึ่งโปรตีนชนิดพิเศษทำงาน [br]เพิ่มการเชื่อมต่อของคอร์ติคอล ไซแนปติก 0:03:12.066,0:03:13.749 ถ้าประสบการณ์นั้นมีความสำคัญพอ 0:03:13.749,0:03:16.682 หรือเรานึกขึ้นมาเป็นระยะ ในช่วงวันแรกๆ 0:03:16.682,0:03:22.147 ฮิปโปแคมปัสจะส่งต่อความทรงจำกลับไปยังคอร์เท็ก[br]สำหรับการจัดเก็บอย่างถาวร 0:03:22.147,0:03:25.371 สมองของ เอช.เอ็ม. สามารถก่อสร้างความจำขึ้นได้ 0:03:25.371,0:03:29.325 แต่เมื่อปราศจากฮิปโปแคมปัส[br]ที่จะทำการรวบรวมความทรงจำ 0:03:29.325,0:03:33.361 พวกมันกร่อนสลาย [br]เหมือนกับร่องรอยบนผืนทราย 0:03:33.361,0:03:36.565 แต่นี่ไม่ใช่แค่การทำลายความทรงจำอย่างเดียว[br]ที่มิลเนอร์พบ 0:03:36.565,0:03:41.194 ในการทดลองที่เป็นที่รู้จักกันดีในตอนนี้[br]เธอได้ขอให้ เอช. เอ็ม วาดดาวดวงที่สาม 0:03:41.194,0:03:45.753 ในช่องว่างแคบๆ ระหว่างเส้นขอบสองเส้น[br]ให้ดาวดวงที่สามอยู่ตรงกลาง 0:03:45.753,0:03:49.373 โดยเขาสามารถมองกระดาษและดินสอได้[br]ผ่านกระจกเท่านั้น 0:03:49.373,0:03:52.490 เหมือนกับคนอื่นๆ เขาวาดอย่างงุ่นง่านในหนแรก 0:03:52.490,0:03:54.297 เขาทำได้แย่มาก 0:03:54.297,0:03:57.685 แต่น่าประหลาดใจ เขาทำได้ดีขึ้นมาทำซ้ำ 0:03:57.685,0:04:01.151 แม้ว่าเขาจะไม่มีความทรงจำ[br]เกี่ยวกับความพยายามในครั้งก่อน 0:04:01.151,0:04:06.644 ศูนย์ควบคุมการเคลื่อนไหวนอกอำนาจจิตใจของเขา[br]จดจำสิ่งที่สมองที่ต้องใช้สติจำไม่ได้ 0:04:06.644,0:04:11.690 สิ่งที่มิลเนอร์ได้ค้นพบคือ[br]ความทรงจำเชิงประกาศของชื่อ วันที่ และข้อเท็จจริง 0:04:11.690,0:04:17.256 แตกต่างจากควาทรงจำที่เกี่ยวกับการพินิจพิเคราะห์[br]ของการขี่จักรยาน หรือเซ็นต์ชื่อ 0:04:17.256,0:04:19.500 และตอนนี้เราก็ได้รู้ว่า ความทรงจำที่เกี่ยวกับการพินิจพิเคราะห์นี้ 0:04:19.500,0:04:22.852 พึ่งพามากกว่าปมประสาทพื้นฐาน และซีรีเบลลัม 0:04:22.852,0:04:26.117 ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ยังอยู่ในสมองของ เอช. เอ็ม. 0:04:26.117,0:04:29.556 ความแตกต่างที่เด่นชัดระหว่าง "รู้ว่าคืออะไร"[br]และ "รู้ว่าคืออย่างไร" 0:04:29.556,0:04:32.960 ได้สนับสนุนงานวิจัยทั้งหมดเกี่ยวกับความทรงจำ[br]ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา 0:04:32.960,0:04:38.152 เอช. เอ็ม. เสียชีวิตด้วยวัย 82 [br]หลังจากใช้ชีวิตอย่างสงบที่สถานที่ดูแลผู้ป่วย 0:04:38.152,0:04:42.556 ตลอดหลายปี เขาถูกทดสอบ[br]โดยนักประสาทวิทยากว่า 100 คน 0:04:42.556,0:04:45.750 ทำให้สมองของเขา[br]ถูกศึกษามากที่สุดในประวัติศาสตร์ 0:04:45.750,0:04:48.915 ในตอนที่เขาเสียชีวิต สมองของเขาถูกเก็บรักษา[br]และทำการสแกนด์ 0:04:48.915,0:04:52.356 ก่อนที่จะตัดออกเป็น 2,000 ชิ้น 0:04:52.356,0:04:57.624 และถ่ายภาพเพื่อทำเป็นแผนที่ดิจิตัล[br]ลึงลงไปถึงระดับเซลล์ประสาท 0:04:57.624,0:05:02.017 ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดสด[br]ซึ่งถูกชมโดยคน 400,000 คน 0:05:02.017,0:05:04.684 แม้ว่า เอช เอ็ม จะใช้ชีวิต[br]ไปกับการหลงๆ ลืมๆ 0:05:04.684,0:05:07.602 เขาและสิ่งที่เขาให้ไว้กับเรา[br]คือความเข้าใจเรื่องความทรงจำ 0:05:07.602,0:05:10.013 ทียังจะเป็นที่จดจำไปอีกหลายชั่วอายุคน