เธอหันหน้ามาทางคุณหรือ
หันออกไปจากคุณกันแน่
ไม่มีใครเห็นพ้องต้องกัน
เธอคือนางแบบผู้ลึกลับของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่
ชาวดัตช์ "โยฮันเนส เวอร์เมียร์"
"หญิงสาวกับต่างหูมุก"
ภาพวาดที่มักกล่าวขานกันว่าเป็น
"โมนาลิซ่าแห่งยุโรปเหนือ"
ภาพตามแบบฉบับแนวคิดอุดมคติชาวดัตช์
ซึ่งบางครั้งก็แสดงออกเกินจริงนี้
เป็นที่รู้จักกันว่า ทรอนี (tronies)
"หญิงสาวกับต่างหูมุก" มีลักษณะที่น่าหลงใหล
และละเมียดละไม
ตามแบบผลงานเวอร์เมียร์
แต่ภาพวาดนี้โดดเด่นขึ้นมา
จากฉากที่บอกเล่าเรื่องอย่างเรียบ ๆ
ที่เราเฝ้าสังเกตอยู่ห่าง ๆ
ในภาพวาดต่าง ๆ ของเวอร์เมียร์
เช่น หญิงสาวที่อ่านจดหมาย
บทเรียนเปียโน
ภาพเหมือนของศิลปินที่กำลังทำงาน
ภาพวาดเหล่านี้ให้ความรู้สึกถึงความใกล้ชิด
แต่ในขณะเดียวกันก็รักษาระยะห่างเอาไว้
ผ้าม่านที่ถูกรูดมักเน้นให้เห็นถึงการแบ่งแยก
เราเห็นได้ว่า
หญิงรีดนมเทนมลงในชามอย่างสงบนิ่ง
แต่นมไม่ได้มีไว้ให้สำหรับเรา
เราเป็นเพียงผู้ชมเท่านั้นเอง
องค์ประกอบที่ถูกศึกษา
ในภาพวาดของเวอร์เมียร์
นำมาซึ่งความสมดุลย์ที่ประสานกลมกลืนกัน
ด้วยพื้นตารางหมากรุก
ในผลงานหลายชิ้นของเขา
เวอร์เมียร์ได้แสดงให้เห็น
ถึงการกำหนดมุมมองและลักษณะกินตา
ซึ่งก็คือเทคนิคที่ใช้การบิดเบือน
เพื่อให้เกิดภาพลวงตา
ทำให้วัตถุมีระยะถอยห่างไกลออกไป
องค์ประกอบอื่น ๆ อย่างเช่นแนวสายตา
ภาพสะท้อน และแหล่งกำเนิดแสง
พรรณนารายละเอียด ณ ขณะนั้น
ผ่านพื้นที่และตำแหน่ง
หญิงสาวที่อ่านจดหมาย
ข้าง ๆ หน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดอยู่
ถูกวางตำแหน่งอย่างเหมาะเจาะ
เพื่อที่หน้าต่างจะสะท้อนภาพเธอกลับมายังผู้ชมได้
เวอร์เมียร์ทำแม้กระทั่งซ่อนขาตั้งภาพ
เพื่อวางองค์ประกอบ
ความขาดหายขององค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านี้
ได้ทำให้ "หญิงสาวกับต่างหูมุก" แลดูมีชีวิต
การปฏิบัติในเรื่องแสงและเงา
หรือค่าต่างแสง ของเวอร์เมียร์
ที่ใช้พื้นหลังมืดและราบเรียบ
เพื่อทำให้เธอเป็นจุดสนใจแบบสามมิติ
แทนที่จะเป็นดั่งวัตถุที่ถูกจัดวางไว้
ในฉากการเล่าเรื่องของละคร
เธอกลับกลายมาเป็นนางแบบหลักในเชิงจิตวิทยา
การสบตาของเธอ และริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อย
ราวกับว่าเธอกำลังจะพูดอะไร
การสะกดเราเข้าไปสบตาเธอ
นายแบบนางแบบแต่ดั้งเดิมในศิลปะภาพวาดมนุษย์
มักจะเป็นชนชั้นสูงหรือนักบวช
แล้วด้วยเหตุใด
เวอร์เมียร์จึงวาดภาพหญิงสาวนิรนาม
ในศตวรรษที่ 17 แคว้นเดลฟท์
ก็เป็นดั่งที่อื่น ๆ ในเนเธอร์แลนด์
ที่ได้ต่อต้านปกครองแบบคณาธิปไตย
และศาสนจักรโรมันคาธอลิก
ภายหลังแปดทศวรรษ
แห่งการต่อต้านอำนาจของสเปน
ชาวดัตช์ก็มาชื่นชอบแนวคิดการปกครองตนเอง
และสาธารณรัฐทางการเมือง
แคว้นอย่างเดลฟท์นั้นไม่ได้รับการจัดการดูแล
จากกษัตริย์หรือบาทหลวง
ดังนั้น ศิลปินมากมายอย่างเวอร์เมียร์
จึงไม่ได้รับการอุปถัมภ์แบบดั้งเดิม
โชคดี ที่นวัตกรรมทางธุรกิจ
ที่มีหัวหอกคือ บริษัทดัชต์ อีสท์อินเดีย
ได้ปฏิรูปสภาพเศรษฐกิจในประเทศเนเธอร์แลนด์
มันได้ก่อให้เกิดชนชั้นวาณิช
และการอุปถัมภ์รูปแบบใหม่
ด้วยหวังว่าจะได้เป็นตัวแทน
ในภาพวาดที่พวกเขาจัดหาเงินทุนให้
พ่อค้าเหล่านี้ชื่นชอบนายแบบนางแบบ
ที่เป็นชนชั้นกลาง
ที่อยู่ในบริบทแวดล้อม
ที่ดูเหมือนบ้านของพวกเขา
รายล้อมไปด้วยสิ่งของที่คุ้นเคยมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น แผนที่ที่ปรากฏ
ในภาพวาดของเวอร์เมียร์
ได้รับการพิจารณาว่าทันสมัยและเป็นสากล
สำหรับชนชั้นวาณิช
ในยุคที่เรียกกันว่า ยุคทองของดัตช์
ผ้าโพกศีรษะแบบตะวันออก
ที่สวมโดย "หญิงสาวกับต่างหูมุก"
ยังเป็นการเน้นหนักถึงความเป็นสากล
ของชนชั้นวาณิช
และไข่มุกซึ่งสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง
ก็เป็นการแสดงออกที่โอ้อวดยิ่งนัก
เวอร์เมียร์ไม่สามารถหาไข่มุกได้ใหญ่ขนาดนั้น
มันน่าจะเป็นเพียงแก้วหรือลูกตุ้มตะกั่ว
ขัดเงาเพื่อให้ดูเหมือนไข่มุก
ภาพลวงตาแห่งความมั่งคั่งนี้
ถูกสะท้อนในตัวภาพวาดนี้เอง
ในการขยายความต่อไป
ไข่มุกมีลักษณะทรงกลมและหนัก
แต่เมื่อมองดูให้ละเอียดก็จะเห็นว่า
มันเป็นแค่จุดด่างจุดหนึ่งที่ลอยเด่นของภาพ
ยามเพ่งพินิจอย่างใกล้ชิด เราได้ระลึก
ถึงอำนาจของเวอร์เมียร์ในฐานะนักสร้างภาพมายา
ในขณะที่เราไม่อาจล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริง
ของ "หญิงสาวกับต่างหูมุก"
เราก็สามารถสัมผัสกับภาพเหมือนของเธอได้
ในแบบที่ตราตรึงใจ
ภาพของเธอถูกแขวนแสดงถาวร
อยู่ในพิพิธภัณฑ์เมาริตส์เฮยส์ ณ กรุงเฮก
กิริยาท่าทางของเธอทั้งดูฉลาดหลักแหลม
และสุขุมล้ำลึกระคนกัน
ในความลับลมคมในนี้ เธอคือตัวแทน
แห่งกำเนิดของทัศนคติสมัยใหม่
ทางเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ และความรัก