1 00:00:06,463 --> 00:00:08,002 เมื่อปลายศตวรรษที่ 17 2 00:00:08,002 --> 00:00:11,762 นักศึกษาแพทย์นาม โยฮันเนส โฮเฟอร์ ได้ค้นพบโรคประหลาด 3 00:00:11,762 --> 00:00:15,593 เกิดขึ้นกับทหารรับจ้างชาวสวิส ที่ถูกส่งไปยังต่างแดน 4 00:00:15,593 --> 00:00:16,622 มีอาการคือ 5 00:00:16,622 --> 00:00:17,534 เหนื่อยล้า 6 00:00:17,534 --> 00:00:18,573 นอนไม่หลับ 7 00:00:18,573 --> 00:00:19,902 หัวใจเต้นผิดปกติ 8 00:00:19,902 --> 00:00:21,223 อาหารไม่ย่อย 9 00:00:21,223 --> 00:00:23,334 และมีไข้ขึ้นสูง 10 00:00:23,334 --> 00:00:26,513 จนทหารเหล่านี้จำต้องถูกปลดระวางไป 11 00:00:26,513 --> 00:00:30,445 โฮเฟอร์ พบว่าสาเหตุนั้น ไม่ได้เกิดจาก ความผิดปกติทางร่างกาย 12 00:00:30,445 --> 00:00:34,124 แต่มาจากความโหยหาบ้านเกิด แดนขุนเขาอย่างรุนแรง 13 00:00:34,124 --> 00:00:36,484 เขาขนานนามภาวะเช่นนี้ว่า นอสแตลเจีย (nostalgia) 14 00:00:36,484 --> 00:00:38,633 ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกคำว่า "นอสโตส" คือ การกลับบ้าน 15 00:00:38,633 --> 00:00:41,693 และ "อัลโกส" คือ ความเจ็บปวด หรือความโหยหา 16 00:00:41,693 --> 00:00:46,845 แรกเริ่ม นอสแตลเจียถูกเข้าใจว่า เป็นโรคที่เกิดกับคนสวิสเท่านั้น 17 00:00:46,845 --> 00:00:51,182 แพทย์บางส่วนลงความเห็นว่า เสียงกระดิ่ง ที่ดังต่อเนื่องของวัวบนเทือกเขาแอลป์ 18 00:00:51,182 --> 00:00:55,244 ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บที่แก้วหูและสมอง 19 00:00:55,244 --> 00:00:59,763 ทำให้พวกผู้บัญชาการถึงกับสั่งห้าม ไม่ให้เหล่าทหารร้องเพลงพื้นเมืองสวิส 20 00:00:59,763 --> 00:01:04,034 ด้วยความกลัวว่ามันจะนำไปสู่การหนีทหาร หรือการฆ่าตัวตาย 21 00:01:04,034 --> 00:01:09,814 แต่เมื่อเกิดการย้ายถิ่นฐานมากขึ้นในทั่วโลก นอสแตลเจียก็ได้ถูกพบในหลากหลายกลุ่ม 22 00:01:09,814 --> 00:01:14,265 ปรากฏว่า ใครก็ตามที่พลัดพราก จากบ้านเกิดเมืองนอนมาเป็นระยะเวลานาน 23 00:01:14,265 --> 00:01:16,815 กลับมีความเสี่ยงที่จะเป็นนอสแตลเจีย 24 00:01:16,815 --> 00:01:18,505 และในต้นศตวรรษที่ 20 25 00:01:18,505 --> 00:01:22,315 ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้มองว่า เป็นโรคทางระบบประสาทอีกต่อไป 26 00:01:22,315 --> 00:01:25,624 แต่เป็นสภาวะทางจิตที่ คล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้า 27 00:01:25,624 --> 00:01:27,555 นักจิตวิทยาในเวลานั้นคาดเดาว่า 28 00:01:27,555 --> 00:01:31,366 มันแสดงถึงความยากเย็นในการ ปล่อยวางช่วงเวลาในวัยเด็ก 29 00:01:31,366 --> 00:01:35,115 หรือแม้แต่ความโหยหาที่จะ กลับไปสู่สภาวะทารกในครรภ์ 30 00:01:35,115 --> 00:01:36,725 แต่ในไม่กี่ทศวรรษถัดมา 31 00:01:36,725 --> 00:01:40,795 ความเข้าใจเกี่ยวกับนอสแตลเจีย ได้พลิกโฉมเป็นสองลักษณะที่สำคัญคือ 32 00:01:40,795 --> 00:01:44,195 ความหมายของมัน ได้ขยายความจากอาการคิดถึงบ้าน 33 00:01:44,195 --> 00:01:47,345 มาเป็นการโหยหาอดีตโดยทั่วไป 34 00:01:47,345 --> 00:01:49,297 และจากการถูกมองว่าเป็นโรคที่น่ากลัว 35 00:01:49,297 --> 00:01:53,585 กลับเริ่มประจักษ์ว่ามันเป็นประสบการณ์ ที่มีทั้งความเจ็บปวดและน่าพอใจ 36 00:01:53,585 --> 00:01:55,575 ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงที่สุด ของความเข้าใจในเรื่องนี้ 37 00:01:55,575 --> 00:01:59,439 ถูกนำเสนอโดยนักเขียนชาวฝรั่งเศส "มาร์แซล พรุสต์" 38 00:01:59,439 --> 00:02:03,446 เขาอธิบายถึงการได้กินเค้กแมเดลินน์ ที่เขาไม่ได้กินนับแต่ตอนเด็กเป็นต้นมา 39 00:02:03,446 --> 00:02:09,166 ได้กระตุ้นความรู้สึกทางกายสัมพันธ์ อันแสนอบอุ่นและแรงกล้าได้อย่างไร 40 00:02:09,166 --> 00:02:14,226 แล้วอะไรกันที่ทำให้มุมมองของเรา ที่มีต่อนอสแตลเจียเกิดกลับตาลปัตร 41 00:02:14,226 --> 00:02:16,445 ส่วนหนึ่งนั้นเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ 42 00:02:16,445 --> 00:02:19,756 จิตวิทยาได้เปลี่ยนจากทฤษฎีบริสุทธิ์ 43 00:02:19,756 --> 00:02:24,516 มาสู่การสังเกตหลักฐานเชิงประจักษ์ อย่างเป็นระบบและใส่ใจยิ่งขึ้น 44 00:02:24,516 --> 00:02:27,906 ดังนั้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญจึงพบว่า กลุ่มอาการด้านลบหลายประการ 45 00:02:27,906 --> 00:02:30,677 อาจแค่สัมพันธ์กับนอสแตลเจีย 46 00:02:30,677 --> 00:02:32,751 มากกว่าจะเกิดจากมันเป็นต้นเหตุ 47 00:02:32,751 --> 00:02:36,681 และอันที่จริง แทนที่จะเป็น สภาวะทางอารมณ์ที่ซับซ้อน 48 00:02:36,681 --> 00:02:39,863 ที่อาจรวมถึงความรู้สึกสูญเสีย และเศร้าโศก 49 00:02:39,863 --> 00:02:44,322 นอสแตลเจียไม่ได้ก่อให้เกิด อารมณ์เชิงลบเสมอไป 50 00:02:44,322 --> 00:02:48,213 หากแต่เป็นการทำให้ปัจเจกบุคคล จดจำช่วงเวลาดี ๆ ที่มีความหมาย 51 00:02:48,213 --> 00:02:51,702 และทรงคุณค่าที่เคยมีร่วมกับผู้อื่น 52 00:02:51,702 --> 00:02:55,042 นอสแตลเจียสามารถยกระดับ สุขภาวะทางจิตได้ 53 00:02:55,042 --> 00:02:58,132 การศึกษาวิจัยพบว่าการกระตุ้น ให้เกิดนอสแตลเจียในคนเรา 54 00:02:58,132 --> 00:03:02,652 สามารถช่วยเสริมความภูมิใจในตัวเอง และการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม 55 00:03:02,652 --> 00:03:04,702 สร้างความเจริญทางจิตใจ 56 00:03:04,702 --> 00:03:07,839 ทั้งยังทำให้คนเรา ปฏิบัติตนอย่างมีเมตตามากขึ้น 57 00:03:07,839 --> 00:03:11,033 ฉะนั้น แทนที่จะเป็นสาเหตุของสภาวะ "เครียดเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แปลกใหม่" (Mental Distress) 58 00:03:11,033 --> 00:03:15,623 นอสแตลเจียสามารถใช้เป็น วิธีในการฟื้นฟูเพื่อรับมือกับมัน 59 00:03:15,623 --> 00:03:19,143 ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคนประสบ กับสภาวะทางอารมณ์เชิงลบ 60 00:03:19,143 --> 00:03:23,063 พวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้นอสแตลเจีย ในการคลายเครียด 61 00:03:23,063 --> 00:03:25,664 และฟื้นคืนสุขภาวะ 62 00:03:25,664 --> 00:03:28,932 ปัจจุบันนอสแตลเจียนั้น เป็นที่พบเห็นได้ทั่วทุกหนทุกแห่ง 63 00:03:28,932 --> 00:03:32,582 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทโฆษณา พบว่ามันทรงอานุภาพมากแค่ไหน 64 00:03:32,582 --> 00:03:34,944 ในฐานะเครื่องมือทางการตลาด 65 00:03:34,944 --> 00:03:39,001 เป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นมันเป็นเสมือน สัญลักษณ์ว่าเรายึดติดกับอดีต 66 00:03:39,001 --> 00:03:42,203 แต่นั่นไม่ใช่ลักษณะที่แท้จริง ของนอสแตลเจีย 67 00:03:42,203 --> 00:03:47,354 ในทางกลับกัน นอสแตลเจียช่วยย้ำเตือนเรา ว่าชีวิตนี้มีความหมายและคุณค่า 68 00:03:47,354 --> 00:03:50,634 ช่วยให้เราค้นพบความมั่นใจ และแรงบันดาลใจ 69 00:03:50,634 --> 00:03:53,293 เพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายในอนาคต