WEBVTT 00:00:00.911 --> 00:00:04.727 ลูกชายของฉันกับไอโฟน เกิดห่างกันสามสัปดาห์ 00:00:04.751 --> 00:00:06.771 ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2007 00:00:07.573 --> 00:00:10.916 ดังนั้น ในขณะคนที่เห่อซื้อไอโฟนรุ่นแรก ต่างต่อแถวกรูกันอยู่ด้านนอก 00:00:10.940 --> 00:00:13.865 รอคอยที่จะได้สัมผัสอุปกรณ์ใหม่ อันเยี่ยมยอดนี้ 00:00:13.889 --> 00:00:17.833 ฉันกลับติดแหง็กอยู่ที่บ้าน โดยที่มือของฉันวุ่นอยู่กับอะไรอย่างอื่น 00:00:17.857 --> 00:00:20.103 ที่ส่งเสียงเตือนอยู่ตลอดเวลา NOTE Paragraph 00:00:20.127 --> 00:00:21.960 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:00:21.984 --> 00:00:24.596 ทารกน้อยผู้ทุกข์ทรมานจากอาการโคลิก 00:00:24.620 --> 00:00:29.609 ผู้ที่จะหลับได้ต่อเมื่ออยู่ในรถเข็น ในสภาวะที่ไร้เสียงเท่านั้น 00:00:30.357 --> 00:00:33.367 ฉันต้องเดินถึง 10 ถึง 15 ไมล์ ในแต่ละวัน 00:00:33.391 --> 00:00:34.966 และน้ำหนักของเขา ก็ออกมาตามคาด 00:00:34.990 --> 00:00:36.591 ซึ่งยอดเยี่ยมเลยล่ะ NOTE Paragraph 00:00:36.615 --> 00:00:39.373 แต่ให้ตาย คิดว่าฉันไม่เบื่อหรือไง 00:00:39.397 --> 00:00:41.549 ก่อนที่จะมาเป็นแม่คน ฉันเป็นนักข่าวมาก่อน 00:00:41.573 --> 00:00:44.140 คนที่รีบออกไปตอนที่เครื่องบินคองคอร์ดตก 00:00:44.164 --> 00:00:46.585 ฉันเป็นหนึ่งในบรรดาคนแรก ๆ ที่เข้าไปในเมืองเบลเกรด 00:00:46.609 --> 00:00:49.110 ตอนที่ประเทศเซอร์เบียมีการปฏิวัติ 00:00:49.134 --> 00:00:51.956 มาถึงตอนนี้ ฉันกลับสิ้นไร้เรี่ยวแรง 00:00:52.366 --> 00:00:55.242 การเดินนั้นกินเวลานานหลายสัปดาห์ 00:00:55.266 --> 00:01:00.709 จนกระทั่งประมาณสามเดือนต่อมา ที่บางสิ่งเปลี่ยนไป 00:01:00.733 --> 00:01:02.820 ในขณะที่ฉันเดินย่ำทางเท้าอยู่นั้น 00:01:02.844 --> 00:01:06.007 ความคิดของฉันก็เริ่มล่องลอยไปด้วย 00:01:06.031 --> 00:01:10.281 และฉันก็เริ่มจินตนาการว่าฉันจะทำอะไร เมื่อฉันได้กลับมานอนหลับเต็มอิ่มอีกครั้ง NOTE Paragraph 00:01:10.305 --> 00:01:12.313 สุดท้ายอาการโคลิกก็หายไป 00:01:12.337 --> 00:01:15.136 และฉันก็ได้ไอโฟนมาเครื่องหนึ่ง 00:01:15.160 --> 00:01:18.055 แล้วฉันก็ใช้เวลาในโมงยามเหล่านั้น ระหกระเหินเข้าไปสู่การลงมือทำ 00:01:18.079 --> 00:01:21.995 ฉันสร้างงานในฝันของฉันขึ้นมา ซึ่งก็คือการจัดรายการวิทยุสาธารณะ 00:01:22.019 --> 00:01:24.179 ดังนั้น จึงไม่มีการลงพื้นที่ ไปตามเขตสงครามอีกต่อไป 00:01:24.203 --> 00:01:26.105 แต่ต้องขอบคุณสมาร์ทโฟนของฉัน 00:01:26.129 --> 00:01:28.400 ที่ทำให้ฉันได้เป็นทั้งแม่คน และนักข่าว 00:01:28.424 --> 00:01:32.776 ฉันสามารถอยู่ที่สนามเด็กเล่น แล้วเล่นทวิตเตอร์ได้ในคราวเดียวกัน 00:01:33.721 --> 00:01:35.472 และแน่นอน เมื่อฉันนึกถึงเรื่องนั้น 00:01:35.496 --> 00:01:37.543 ในตอนที่เทคโนโลยีมาถึงและเริ่มยึดครอง 00:01:37.567 --> 00:01:39.717 ตอนนั้นเองคือตอนที่ฉันถึงจุดอิ่มตัว NOTE Paragraph 00:01:40.356 --> 00:01:42.566 ดังนั้น ฉันอยากให้พวกคุณลองนึกภาพดู 00:01:42.590 --> 00:01:44.844 คุณจัดรายการพอดแคสต์ และคุณต้องพิสูจน์ให้ได้ 00:01:44.868 --> 00:01:48.288 ว่าการลงทุนด้วยเม็ดเงินดอลลาร์ ในรายการวิทยุสาธารณะทรงคุณค่าของคุณ 00:01:48.312 --> 00:01:49.488 นั้นคุ้มค่า 00:01:49.512 --> 00:01:53.757 เป้าหมายของฉันคือการเพิ่ม จำนวนผู้ฟังสิบเท่า 00:01:53.781 --> 00:01:56.245 ดังนั้น ในวันหนึ่ง ฉันจึงนั่งระดมสมอง 00:01:56.269 --> 00:01:57.545 ในแบบที่คุณมักทำ 00:01:57.569 --> 00:01:59.538 และฉันก็คิดอะไรใหม่ ๆ ไม่ได้เลย 00:01:59.562 --> 00:02:01.733 และมันก็ไม่เหมือนกับ การเขียนงานไม่ออกด้วยสิ 00:02:01.757 --> 00:02:04.832 มันไม่ใช่ว่ามีอะไรบางอย่างรอคอย อยู่ตรงนั้นให้คุณขุดพบ 00:02:04.856 --> 00:02:06.280 มันไม่มีอะไรอยู่เลย 00:02:06.304 --> 00:02:07.782 ดังนั้น ฉันจึงเริ่มคิดย้อนกลับไป 00:02:07.806 --> 00:02:10.573 ว่าฉันมีความคิดดี ๆ จริง ๆ ล่าสุดเมื่อไรล่ะ 00:02:10.597 --> 00:02:13.347 ใช่แล้ว มันคือตอนที่ฉันกำลัง เข็นรถเข็นบ้านั่นอยู่ยังไงล่ะ 00:02:14.052 --> 00:02:17.461 ในตอนนี้ ช่วงเวลาว่าง ๆ ในแต่ละวัน ถูกเติมเต็มไปด้วยโทรศัพท์ 00:02:17.485 --> 00:02:21.010 ฉันนั่งอ่านหัวข่าวตอนที่นั่งรอกาแฟลาตเท 00:02:21.034 --> 00:02:25.106 ฉันอัปเดตปฏิทินของฉัน ในตอนที่ฉันนั่งอยู่บนโซฟา 00:02:25.130 --> 00:02:27.555 การส่งข้อความเปลี่ยนช่วงเวลา ที่เหลือว่างทั้งหมด 00:02:27.579 --> 00:02:30.868 ให้เป็นโอกาสในการแสดงให้ เพื่อนร่วมงานและสามีสุดที่รักของฉัน 00:02:30.892 --> 00:02:33.494 ว่าฉันเป็นคนที่ฉับไวแค่ไหน 00:02:33.518 --> 00:02:36.403 หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นโอกาส ตามหาโซฟาสมบูรณ์แบบอันใหม่ 00:02:36.427 --> 00:02:38.133 สำหรับเพจของฉันบนพินเทอเรสต์ 00:02:39.009 --> 00:02:41.824 จู่ ๆ ฉันก็รู้ตัวขึ้นมา ว่าฉันไม่รู้สึกเบื่ออีกเลย 00:02:41.848 --> 00:02:44.618 ว่าแต่ว่า ไม่ใช่คนน่าเบื่อ เท่านั้นที่รู้สึกเบื่อหรอกหรอ NOTE Paragraph 00:02:45.208 --> 00:02:46.590 แต่จากนั้นฉันก็เริ่มสงสัย 00:02:46.614 --> 00:02:48.876 ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา กันแน่เวลาที่เราเบื่อ 00:02:48.900 --> 00:02:53.077 หรือที่สำคัญกว่านั้น คือจะมีอะไรเกิดขึ้น กับเราหากเราไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย 00:02:53.101 --> 00:02:58.052 แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหากเราสามารถกำจัด อารมณ์นี้ของมนุษย์ออกไปให้สิ้นซากได้ 00:02:58.076 --> 00:03:02.327 ฉันเริ่มพูดคุยกับนักประสาทวิทยา และนักจิตวิทยาการรู้คิดหลายคน 00:03:02.351 --> 00:03:05.276 และสิ่งที่พวกเขาบอกก็ น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก 00:03:05.300 --> 00:03:07.093 ผลปรากฏว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณเบื่อ 00:03:07.117 --> 00:03:11.201 คุณจะจุดประกายโครงข่ายในสมองของคุณ ที่เรียกว่า "ดีฟอลต์โหมด" 00:03:11.225 --> 00:03:16.084 ดังนั้น ร่างกายของเราจะทำอะไร อัตโนมัติในตอนที่เราพับผ้า 00:03:16.108 --> 00:03:17.475 หรือเดินไปทำงาน 00:03:17.499 --> 00:03:20.460 แต่จริง ๆ แล้วตอนนั้นคือช่วงเวลาที่ สมองของเรานั้นยุ่งเหยิงจริง ๆ 00:03:20.484 --> 00:03:23.356 นี่คือนักวิจัยด้านความเบื่อหน่าย ดร.แซนดี แมนน์ NOTE Paragraph 00:03:24.261 --> 00:03:26.610 (เสียงบันทึก) ดร.แซนดี แมนน์ เมื่อคุณเริ่มฝันกลางวัน 00:03:26.634 --> 00:03:28.450 และปล่อยให้ความคิดของคุณล่องลอยไป 00:03:28.474 --> 00:03:31.033 คุณจะเริ่มคิดออกห่างจากจิตสำนึก 00:03:31.057 --> 00:03:32.780 แล้วดำดิ่งเข้าไปยังจิตใต้สำนึก 00:03:32.804 --> 00:03:35.976 ที่ทำให้การเชื่อมโยงต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ 00:03:36.000 --> 00:03:37.490 จริง ๆ แล้วมันยอดเลยทีเดียว NOTE Paragraph 00:03:37.514 --> 00:03:39.528 มานอช โซโมโรดี: ยอดสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ NOTE Paragraph 00:03:40.044 --> 00:03:42.247 และนี่ก็คือสมองของฉัน ในเครื่องสแกนสมอง (fMRI) 00:03:42.271 --> 00:03:46.224 และฉันก็ได้รู้ว่าดีฟอลต์โหมด คือช่วงเวลา ที่เราเชื่อมโยงความคิดต่าง ๆ เข้าถึงกัน 00:03:46.248 --> 00:03:48.758 เราแก้ปัญหาบางอย่างที่ก่อกวน ใจเรามาเป็นเวลานาน 00:03:48.782 --> 00:03:51.823 และเราก็ทำบางสิ่งที่เรียกว่า "การตั้งเป้าหมายส่วนตัวในอนาคต" 00:03:51.847 --> 00:03:53.742 มันคือเวลาที่เรามองชีวิตเราย้อนกลับไป 00:03:53.766 --> 00:03:56.965 เราจดบันทึกช่วงเวลาที่สำคัญ ๆ เราสร้างเรื่องราวส่วนตัวขึ้นมา 00:03:56.989 --> 00:03:58.497 แล้วเราก็ตั้งเป้าหมาย 00:03:58.521 --> 00:04:01.638 และเราก็หาทางว่าเราจะต้อง ใช้วิธีไหนบ้างในการไปถึงเป้าหมายนั้น 00:04:01.662 --> 00:04:06.111 แต่ในตอนนี้ เรานั่งเล่นอยู่บนโซฟา ไปพร้อม ๆ กับอัปเดตกูเกิลด็อก 00:04:06.135 --> 00:04:08.055 หรือตอบกลับอีเมล์ 00:04:08.079 --> 00:04:10.607 เราเรียกมันว่าการ "ทำให้มันเสร็จ ๆ ไปซะ" 00:04:10.631 --> 00:04:13.669 แต่นี่คือสิ่งที่นักประสาทวิทยา ดร.แดเนียล เลวิทิน บอก 00:04:13.693 --> 00:04:15.009 ว่าจริง ๆ เรากำลังทำอะไร NOTE Paragraph 00:04:15.690 --> 00:04:18.747 (เสียงบันทึก) ดร.แดเนียล เลวิทิน: ในทุกครั้งที่คุณเปลี่ยนความสนใจ 00:04:18.771 --> 00:04:20.083 จากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่ง 00:04:20.107 --> 00:04:22.835 สมองจะต้องทำการสับสวิตช์ สารเคมีในสมองของคุณ 00:04:22.859 --> 00:04:26.090 ซึ่งต้องอาศัยสารอาหารทั้งหมด ในสมองของเราเพื่อทำแบบนั้น 00:04:26.114 --> 00:04:28.533 ดังนั้นถ้าคุณกำลังพยายาม ทำหลายอย่างในคราวเดียวกัน 00:04:28.557 --> 00:04:30.880 แบบว่า ทำสี่ห้าอย่างพร้อมกัน 00:04:30.904 --> 00:04:33.445 จริง ๆ แล้วคุณไม่ได้กำลังทำ สี่ห้าอย่างนั้นพร้อม ๆ กัน 00:04:33.469 --> 00:04:35.394 เพราะว่าสมองของเราไม่ได้ทำงานแบบนั้น 00:04:35.418 --> 00:04:38.269 ตรงกันข้าม คุณกำลังเปลี่ยนความสนใจ จากสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งอย่างรวดเร็ว 00:04:38.293 --> 00:04:40.336 และใช้ทรัพยากรทางประสาท ไปเรื่อย ๆ ในตอนที่คุณทำ NOTE Paragraph 00:04:40.360 --> 00:04:44.147 (เสียงบันทึก) มซ: เท่ากับพอเราเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา เราก็ใช้กลูโคสไปเรื่อย ๆ สินะคะ NOTE Paragraph 00:04:44.171 --> 00:04:47.488 (เสียงบันทึก) ดล: ถูกเผ็งเลยครับ และเราก็มีกลูโคสอยู่จำกัดเสียด้วย NOTE Paragraph 00:04:47.512 --> 00:04:49.921 มซ: เมื่อสิบปีที่แล้ว เราเปลี่ยนความสนใจ เวลาอยู่ที่ทำงาน 00:04:49.945 --> 00:04:51.205 ทุก ๆ สามนาที 00:04:51.229 --> 00:04:54.122 ในตอนนี้ เราทำแบบนั้นทุก ๆ 45 วินาที 00:04:54.146 --> 00:04:55.983 และเราก็ทำแบบนั้นทั้งวัน 00:04:56.007 --> 00:04:59.343 โดยเฉลี่ยแล้วคนหนึ่งคนจะ เช็กอีเมล์ 74 ครั้งต่อวัน 00:04:59.367 --> 00:05:01.654 และเปลี่ยนงานไปมาเวลาใช้คอมพิวเตอร์ 00:05:01.678 --> 00:05:05.574 566 ครั้งต่อวัน 00:05:05.598 --> 00:05:09.099 ฉันรู้เรื่องทั้งหมดนี้ จากการได้พูดคุยกับ ศาสตราจารย์ด้านสนเทศศาสตร์ท่านหนึ่ง 00:05:09.123 --> 00:05:10.847 ดร.กลอเรีย มาร์ก NOTE Paragraph 00:05:11.307 --> 00:05:14.853 (เสียงบันทึก) ดร.กลอเรีย มาร์ก: เราพบว่าเมื่อคนเรารู้สึกเครียด 00:05:14.877 --> 00:05:18.048 พวกเขามักจะเปลี่ยนความสนใจถี่มากขึ้น 00:05:18.072 --> 00:05:20.311 เราพบด้วยว่า แปลกดีที่ 00:05:20.335 --> 00:05:26.035 ยิ่งเรานอนน้อยเท่าไร 00:05:26.059 --> 00:05:28.155 เราก็จะยิ่งมีโอกาสเช็กเฟสบุ๊คมากเท่านั้น 00:05:28.179 --> 00:05:32.221 ดังนั้น เราจึงอยู่ในวัฏจักร เลวร้ายที่ติดเป็นนิสัยนี้ NOTE Paragraph 00:05:32.245 --> 00:05:34.343 มซ: ว่าแต่เราสามารถทำลายวัฏจักรนี้ได้ไหม 00:05:34.367 --> 00:05:38.049 จะเป็นอย่างไรหากเราทำลาย วัฏจักรอันเลวร้ายนี้ 00:05:38.667 --> 00:05:42.160 บางที ผู้ฟังของฉันอาจช่วยฉัน หาคำตอบนี้ได้ก็ได้ 00:05:43.461 --> 00:05:46.111 จะเป็นอย่างไรหากเรานำช่วงเวลา ว่าง ๆ ในแต่ละวันของเรากลับมา 00:05:46.596 --> 00:05:49.830 มันจะช่วยให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ มากขึ้นไหม 00:05:51.222 --> 00:05:54.648 เราเรียกโครงการนี้ว่า "ความเบื่อกับความฉลาด" 00:05:56.264 --> 00:05:59.313 และตอนนั้นฉันก็คาดไว้ว่า จะมีคนแค่สองสามร้อยคนสนใจ 00:05:59.337 --> 00:06:02.414 แต่ปรากฏว่ามีคนนับพันเข้าร่วม 00:06:02.438 --> 00:06:04.610 และพวกเขาก็บอกฉันว่า พวกเขาทำแบบนั้น 00:06:04.634 --> 00:06:08.048 เพราะว่าพวกเขากังวลว่า ความสัมพันธ์ ของพวกเขากับโทรศัพท์มือถือ 00:06:08.072 --> 00:06:12.240 ได้เริ่มกลายเป็นแบบ "พึ่งพากัน" เราอาจจะพูดแบบนั้นก็ได้ NOTE Paragraph 00:06:12.264 --> 00:06:15.935 (เสียงบันทึก) ผู้ชาย: ความสัมพันธ์ ระหว่างเด็กทารกกับตุ๊กตาหมี 00:06:15.959 --> 00:06:17.774 หรือเด็กทารกกับจุกหลอก 00:06:17.798 --> 00:06:21.076 หรือเด็กทารกที่ต้องการให้แม่อุ้ม 00:06:21.100 --> 00:06:24.122 เวลาที่เบื่อกับการให้คนแปลกหน้าอุ้มแล้ว NOTE Paragraph 00:06:24.146 --> 00:06:25.198 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:06:25.222 --> 00:06:28.174 นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างผม กับโทรศัพท์ของผม NOTE Paragraph 00:06:28.198 --> 00:06:30.973 (เสียงบันทึก) ผู้หญิง: ฉันมองโทรศัพท์ มือถือเป็นเหมือนเครื่องมือกล 00:06:30.997 --> 00:06:34.906 มีประโยชน์อย่างมาก แต่อันตราย หากฉันใช้มันผิดวิธี NOTE Paragraph 00:06:34.930 --> 00:06:37.208 (เสียงบันทึก) ผู้หญิง 2: ถ้าฉัน ไม่เพ่งความสนใจมาก ๆ 00:06:37.232 --> 00:06:39.685 ฉันจะฉุกคิดขึ้นมาได้ทันทีว่า ฉันทิ้งเวลาไปเป็นชั่วโมง 00:06:39.709 --> 00:06:41.700 ในการทำเรื่องไร้สาระสุด ๆ NOTE Paragraph 00:06:41.724 --> 00:06:44.027 มซ: โอเค แต่ถ้าเราต้องการวัด ว่ามีอะไรดีขึ้นบ้างไหม 00:06:44.051 --> 00:06:45.472 เราต้องอาศัยข้อมูล ถูกไหมคะ 00:06:45.496 --> 00:06:47.687 เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เราทำในทุกวันนี้ 00:06:47.711 --> 00:06:50.849 ดังนั้น เราจึงร่วมกับแอปบางแอป ที่จะวัดว่าเราใช้เวลาไปกับมือถือของเรา 00:06:50.873 --> 00:06:52.965 ไปมากเท่าไรในแต่ละวัน 00:06:52.989 --> 00:06:54.466 และถ้าคุณคิดว่ามันย้อนแย้ง 00:06:54.490 --> 00:06:56.539 ที่ฉันขอให้คนดาวน์โหลด แอปอีกแอปหนึ่ง 00:06:56.563 --> 00:06:59.086 เพื่อให้พวกเขาใช้เวลากับโทรศัพท์น้อยลง 00:06:59.110 --> 00:07:01.417 ก็นะ แต่ยังไงคุณก็ยังต้องไปหา ผู้คนในที่ที่พวกเขาอยู่อยู่ดี NOTE Paragraph 00:07:01.441 --> 00:07:02.937 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:07:02.967 --> 00:07:04.745 ดังนั้น ก่อนถึงสัปดาห์แห่งการท้าทาย 00:07:04.769 --> 00:07:07.637 เราใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ต่อวันไปกับโทรศัพท์ 00:07:07.661 --> 00:07:09.369 และหยิบมันขึ้นมา 60 ครั้ง 00:07:09.393 --> 00:07:12.120 แบบว่า อย่างการดูผ่าน ๆ เพื่อดูว่ามีอีเมล์ใหม่มาไหมน่ะ 00:07:12.144 --> 00:07:14.354 นี่คือสิ่งที่ทีนา นักเรียนจาก มหาวิทยาลัยบาร์ด 00:07:14.378 --> 00:07:15.890 ค้นพบเกี่ยวกับตัวเธอเอง NOTE Paragraph 00:07:16.732 --> 00:07:18.709 (เสียงบันทึก) ทีนา: ที่ผ่านมา ฉันใช้เวลา 00:07:18.733 --> 00:07:22.195 ประมาณ 150 ถึง 200 นาที ไปกับโทรศัพท์ในแต่ละวัน 00:07:22.219 --> 00:07:25.786 และฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาประมาณ วันละ 70 ถึง 100 ครั้ง 00:07:26.368 --> 00:07:28.044 และมันก็เป็นเรื่องน่ากังวลมาก 00:07:28.068 --> 00:07:30.502 เพราะว่านั่นเป็นเวลามหาศาล ที่ฉันสามารถใช้ 00:07:30.526 --> 00:07:34.378 ไปกับการทำอะไรที่มีประโยชน์กว่า สร้างสรรค์กว่า เพื่อตัวเองมากกว่า 00:07:34.402 --> 00:07:37.360 เพราะว่าเวลาที่ฉันเล่นโทรศัพท์ ฉันไม่ได้ทำอะไรที่สลักสำคัญเลย NOTE Paragraph 00:07:37.384 --> 00:07:40.729 มซ: เช่นเดียวกับทีนา ผู้คนเริ่ม สังเกตพฤติกรรมของตัวเอง 00:07:40.753 --> 00:07:43.327 พวกเขาพร้อมแล้วสำหรับ สัปดาห์แห่งการท้าทาย 00:07:43.351 --> 00:07:45.125 และวันจันทร์นั้นเอง 00:07:45.149 --> 00:07:48.024 พวกเขาก็ตื่นมาพบกับคำสั่ง ในกล่องขาเข้าของพวกเขา 00:07:48.048 --> 00:07:49.614 การทดลองที่พวกเขาต้องลอง NOTE Paragraph 00:07:50.065 --> 00:07:51.616 วันที่หนึ่ง: 00:07:51.640 --> 00:07:53.225 "ใส่มันลงไปในกระเป๋ากางเกง" 00:07:53.249 --> 00:07:55.541 นำโทรศัพท์นั้นออกไปจากมือของคุณ 00:07:55.565 --> 00:07:58.540 ดูซิว่าคุณสามารถกำจัดสัญชาติญาณ ที่ต้องเช็กโทรศัพท์ทั้งวันได้ไหม 00:07:58.564 --> 00:08:00.058 แค่วันเดียวเท่านั้น 00:08:00.082 --> 00:08:01.563 และถ้ามันฟังเหมือนง่าย 00:08:01.587 --> 00:08:02.836 แสดงว่าคุณยังไม่ได้ลอง 00:08:02.860 --> 00:08:04.920 นี่คือผู้ฟังอีกคน อมานดา อิตซ์โกะ NOTE Paragraph 00:08:04.944 --> 00:08:08.684 (เสียงบันทึก) อมานดา อิตซ์โกะ: ฉันกำลังอยู่ไม่สุข 00:08:08.708 --> 00:08:11.164 ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองบ้าหน่อย ๆ 00:08:11.188 --> 00:08:15.872 เพราะว่าฉันสังเกตว่า ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา 00:08:15.896 --> 00:08:19.804 แม้แต่ตอนที่ฉันแค่เดินจาก ห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง 00:08:19.828 --> 00:08:21.094 เวลาขึ้นลงลิฟต์ 00:08:21.118 --> 00:08:24.895 หรือแม้กระทั่ง และนี่คือสิ่งที่ฉัน รู้สึกอับอายมาก 00:08:24.919 --> 00:08:26.906 ที่จะพูดมันออกมาดัง ๆ 00:08:26.930 --> 00:08:28.357 เวลาที่ฉันอยู่ในรถ NOTE Paragraph 00:08:28.381 --> 00:08:29.554 มซ: หยึย 00:08:29.578 --> 00:08:31.247 ก็นะ แต่ อมานดาก็ได้เรียนรู้ว่า 00:08:31.271 --> 00:08:34.654 ความรู้สึกอยู่ไม่สุขที่เธอมีนั้น ไม่ใช่ความผิดของเธอแต่อย่างใด 00:08:34.678 --> 00:08:39.029 มันคือพฤติกรรมที่เทคโนโลยีถูกสร้าง ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นโดยเฉพาะแค่นั้นเอง NOTE Paragraph 00:08:39.053 --> 00:08:41.961 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:08:43.737 --> 00:08:45.783 แบบว่า ใช่ไหมล่ะ 00:08:45.807 --> 00:08:48.699 นี่คืออดีตนักออกแบบของกูเกิล ทริสตัน แฮร์ริส NOTE Paragraph 00:08:49.309 --> 00:08:52.685 (เสียงบันทึก) ทริสตัน แฮรร์ริส ถ้าผมเป็น เฟสบุ๊ค หรือเน็ตฟลิกซ์ หรือสแนปแชต 00:08:52.709 --> 00:08:54.567 ผมก็จะมีวิศวกรเป็นพันคน 00:08:54.591 --> 00:08:57.162 ที่มีหน้าที่เรียกความสนใจจากคุณให้มากขึ้น 00:08:57.186 --> 00:08:58.725 ผมถนัดเรื่องนี้มาก 00:08:58.749 --> 00:09:00.465 และผมก็ไม่อยากให้คุณหยุดมัน 00:09:00.489 --> 00:09:02.711 และคุณรู้ใช้ไหมว่า ซีอีโอเน็ตฟลิกซ์ เพิ่งพูดไปหมาด ๆ ว่า 00:09:02.735 --> 00:09:05.957 "คู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของเราคือ เฟสบุ๊ค ยูทูป และการนอน" 00:09:05.981 --> 00:09:09.255 ผมหมายถึง ในโลกนี้มีเป็นล้านอย่าง ที่คุณสามารถให้ความสนใจได้ 00:09:09.279 --> 00:09:11.206 แต่สงครามหนึ่งกำลังเกิดขึ้น เพื่อแย่งชิงสิ่งนั้น NOTE Paragraph 00:09:11.230 --> 00:09:12.928 มซ: แบบว่า คุณเข้าใจ ความรู้สึกใช่ไหมล่ะคะ 00:09:12.952 --> 00:09:15.081 แบบเวลาที่ซีรีส์ "Transparent" สักตอนจบลงไป 00:09:15.105 --> 00:09:16.857 แล้วอีกตอนหนึ่งก็เล่นต่อขึ้นมา 00:09:16.881 --> 00:09:19.781 คุณก็จะคิดแบบว่า เอ โอเค ได้ ฉันจะอยู่ดึกแล้วดูมันต่อ 00:09:19.805 --> 00:09:22.884 หรืออย่างแถบวัดความก้าวหน้าบนเว็บ LinkedIn ที่บอกว่าคุณเกือบจะมี 00:09:22.908 --> 00:09:25.064 ประวัติที่สมบูรณ์แบบแล้วนะ 00:09:25.088 --> 00:09:28.196 คุณเลยเพิ่มข้อมูลส่วนตัว เข้าไปอีกนิดหน่อย 00:09:28.220 --> 00:09:30.214 อย่างที่นักออกแบบยูเอกซ์คนหนึ่งบอกกับฉัน 00:09:30.238 --> 00:09:33.511 คนกลุ่มเดียวที่เรียกลูกค้าว่า "ผู้ใช้" 00:09:33.535 --> 00:09:35.603 คือพวกค้ายากับนักเทคโนโลยี NOTE Paragraph 00:09:35.627 --> 00:09:36.983 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:09:37.007 --> 00:09:39.951 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:09:43.379 --> 00:09:46.803 และผู้ใช้ อย่างที่เรารู้กัน มีมูลค่าทางการเงินสูงมาก 00:09:46.827 --> 00:09:50.237 นี่คืออดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ เฟสบุ๊คและนักเขียน 00:09:50.261 --> 00:09:52.827 อันโตนิโอ การ์เซีย มาร์ติเนซ NOTE Paragraph 00:09:53.547 --> 00:09:55.939 (เสียงบันทึก) อกม: มีคำพูดหนึ่งว่า ถ้าผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่างฟรี 00:09:55.939 --> 00:09:59.244 เมื่อนั้นคุณนั่นแหละคือผลิตภัณฑ์ ความสนใจของคุณคือผลิตภัณฑ์ 00:09:59.244 --> 00:10:01.088 ว่าแต่ความสนใจของคุณมีค่าตรงไหนล่ะ 00:10:01.112 --> 00:10:03.365 ที่ทำให้ทุก ๆ ครั้งที่คุณ โหลดหน้าสักหน้าขึ้นมา 00:10:03.389 --> 00:10:04.929 ไม่เพียงแค่เฟสบุ๊ค หรือแอปใดแอปหนึ่ง 00:10:04.953 --> 00:10:08.024 ถึงมีการประมูลเกิดขึ้นแทบในทันที หลายพันล้านครั้งต่อวัน 00:10:08.048 --> 00:10:10.362 เพื่อหาว่าจำนวนครั้งที่ผู้ใช้ เห็นโฆษณามีมูลค่าเท่าไร NOTE Paragraph 00:10:10.386 --> 00:10:13.673 มซ: ขอนอกเรื่องนิดหน่อย โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะใช้เวลาสองปีของชีวิต 00:10:13.697 --> 00:10:14.855 ไปกับเฟสบุ๊ค 00:10:15.222 --> 00:10:16.764 ทีนี้ กลับมาสู่สัปดาห์ แห่งการท้าทาย 00:10:16.788 --> 00:10:20.200 ในทันทีทันใด เราเห็น ความคิดสร้างสรรค์เริ่มต้นขึ้น 00:10:20.224 --> 00:10:21.970 นี่คือลิซา อัลเพิร์ต จากนิวยอร์ก NOTE Paragraph 00:10:22.773 --> 00:10:24.937 (เสียงบันทึก) ลิซา อัลเพิร์ต: ฉันเบื่อ ฉันว่างั้นนะ 00:10:24.961 --> 00:10:29.566 จู่ ๆ ฉันเลยมองไปที่ขั้นบันได ที่ขึ้นไปยังด้านบนสุดของสถานี 00:10:29.590 --> 00:10:31.129 แล้วฉันก็คิดว่า แบบว่า 00:10:31.153 --> 00:10:34.414 ฉันเพิ่งเดินลงมาเอง แต่ว่าฉันเดินกลับขึ้นไปก็ได้นะ 00:10:34.438 --> 00:10:36.923 แล้วก็เดินกลับลงมา เพื่อให้เลือดสูบฉีดหน่อย 00:10:36.947 --> 00:10:38.111 ฉันเลยทำแบบนั้น 00:10:38.135 --> 00:10:41.976 แล้วฉันก็เหลือเวลาอีกนิดหน่อย ฉันเลยทำมันอีกครั้ง แล้วก็ทำอีกครั้ง 00:10:42.000 --> 00:10:43.806 แล้วฉันก็ทำไปสิบรอบด้วยกัน 00:10:43.830 --> 00:10:46.201 แล้วฉันก็ได้ออกกำลังกายจนครบชุด 00:10:46.225 --> 00:10:48.652 แล้วฉันก็ขึ้นไปบนรถไฟสายอาร์นั้น และรู้สึกเหนื่อยหน่อย ๆ 00:10:48.676 --> 00:10:51.340 แต่แบบว่า ว้าว ฉันไม่เคยรู้สึก แบบนั้นมาก่อนเลย 00:10:51.364 --> 00:10:52.759 มันเป็นไปได้ยังไงกัน NOTE Paragraph 00:10:52.783 --> 00:10:53.887 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:10:53.911 --> 00:10:57.897 มซ: ดังนั้น ฉันจึงได้เรียนรู้ว่า ความคิด สร้างสรรค์จะเป็นแบบไหนขึ้นกับแต่ละคน NOTE Paragraph 00:10:57.921 --> 00:10:58.921 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:10:58.945 --> 00:11:02.498 แต่ทุกคนต่างพบว่า คำท้าในวันที่สามนั้นยากที่สุด 00:11:02.522 --> 00:11:04.738 มันมีชื่อว่า "ลบแอปนั้นซะ" 00:11:04.762 --> 00:11:06.639 นำแอปนั้น คุณรู้ดีว่าแอปอะไร 00:11:06.663 --> 00:11:09.439 แอปที่ทำให้คุณติดอยู่ตลอด แอปที่ดูดคุณให้ติดหนึบ 00:11:09.463 --> 00:11:10.626 นำมันออกไปจากมือถือของคุณเสีย 00:11:10.650 --> 00:11:12.038 ถึงแม้จะแค่วันนั้นก็ตาม 00:11:12.062 --> 00:11:15.324 ฉันลบเกม Two Dots แล้วก็เกือบเสียน้ำตาให้มัน NOTE Paragraph 00:11:15.348 --> 00:11:16.394 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:11:16.418 --> 00:11:18.837 ก็นะ ผู้เล่น Two Dots คงรู้ว่า ฉันกำลังพูดถึงอะไร 00:11:18.861 --> 00:11:21.377 แต่ความทุกข์ทรมานของฉันก็ถือเป็นเรื่องดี ๆ NOTE Paragraph 00:11:24.374 --> 00:11:26.626 (เสียงบันทึก) ผู้ชาย 2: ผมเลียม จากลอสแอนเจลิส 00:11:26.650 --> 00:11:31.483 และผมก็ลบทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ทัมเบลอร์ สแนปแชต และไวน์ 00:11:31.507 --> 00:11:32.662 ออกไปจากโทรศัพท์ของผม 00:11:32.686 --> 00:11:34.287 ในรวดเดียว 00:11:34.311 --> 00:11:38.952 และตอนแรกมันก็ดูเหมือนเป็นประสบการณ์ ทางอารมณ์ที่น่าอับอายเหลือเกิน 00:11:38.976 --> 00:11:42.848 มันรู้สึกแปลก ๆ เคว้ง ๆ กับ การต้องจ้องมองล็อกหน้าจอนั้น 00:11:42.872 --> 00:11:45.229 โดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนใหม่ ๆ ขึ้นมา 00:11:45.253 --> 00:11:48.301 แต่ผมก็ชอบมากเวลาที่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง 00:11:48.325 --> 00:11:51.717 ว่าจะนึกถึงหรือใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเมื่อไร 00:11:51.741 --> 00:11:55.107 โดยที่ไม่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ใต้อำนาจ การตัดสินใจของโทรศัพท์ 00:11:55.739 --> 00:11:56.917 ดังนั้น ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:11:56.941 --> 00:11:59.632 (เสียงบันทึก 3) ผู้หญิง 3: การลบ แอปทวิตเตอร์นั้นเป็นเรื่องเศร้ามาก 00:11:59.656 --> 00:12:03.194 และฉันรู้สึกเหมือนว่า บางที ตลอดหนึ่งปีที่ ผ่านมาที่ฉันนั่งเล่นทวิตเตอร์ 00:12:03.218 --> 00:12:04.838 ฉันเริ่มมีอาการเสพติดมัน 00:12:04.862 --> 00:12:08.250 และการท้าทาย "ความเบื่อกับความฉลาด" ก็ทำให้ฉันตระหนักถึงอาการนั้น 00:12:08.274 --> 00:12:11.406 หลังจากที่รู้สึกแย่มากกับการ ถูกตัดขาดออกจากโลกอยู่ช่วงหนึ่ง 00:12:11.430 --> 00:12:13.399 เหมือนกับเวลาที่ปวดหัวเพราะขาดกาเฟอีน 00:12:13.423 --> 00:12:14.999 ตอนนี้ฉันรู้สึกดี 00:12:15.023 --> 00:12:16.834 ฉันได้ทานอาหารเย็นกับ ครอบครัวอย่างมีความสุข 00:12:16.858 --> 00:12:21.533 และฉันก็หวังว่าจะควบคุมการใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ พวกนี้ต่อไป NOTE Paragraph 00:12:21.557 --> 00:12:24.056 (เสียงบันทึก) ผู้หญิง 4: ฉันไม่ได้ รู้สึกผิดลึก ๆ อะไร 00:12:24.080 --> 00:12:26.375 ฉันรู้สึกในตอนที่ฉันรู้ตัวว่า กำลังเสียเวลาไปกับโทรศัพท์ 00:12:26.399 --> 00:12:28.975 บางทีฉันอาจต้องเริ่มท้าทายตัวเอง และเตือนตัวเองแบบนี้ 00:12:28.975 --> 00:12:30.051 ในทุก ๆ เช้า NOTE Paragraph 00:12:30.051 --> 00:12:32.794 มซ: ฉันแบบว่า ใช่เลย นี่แหละความก้าวหน้า 00:12:32.818 --> 00:12:35.285 ฉันอดใจรอดูตัวเลขที่จะปรากฏ 00:12:35.309 --> 00:12:36.973 ในตอนท้ายของสัปดาห์ไม่ไหวแล้ว 00:12:38.151 --> 00:12:40.054 แต่ในตอนที่ข้อมูลมาถึง 00:12:40.078 --> 00:12:42.351 ปรากฏว่าเราทำให้คนใช้เวลาลดลงไป 00:12:42.375 --> 00:12:43.613 โดยเฉลี่ยแล้ว 00:12:43.637 --> 00:12:45.903 แค่หกนาทีเท่านั้น 00:12:45.927 --> 00:12:48.737 จาก 120 นาทีต่อวันที่ใช้ไปกับโทรศัพท์ 00:12:48.761 --> 00:12:50.598 ลงมาที่ 114 00:12:51.654 --> 00:12:53.273 ก็นั่นแหละค่ะ NOTE Paragraph 00:12:53.297 --> 00:12:57.007 ดังนั้น ฉันจังกลับไปหานักวิทยาศาสตร์ คนเดิม ๆ และรู้สึกแย่หน่อย ๆ 00:12:57.031 --> 00:12:58.511 แล้วพวกเขาก็หัวเราะเยาะฉัน 00:12:58.535 --> 00:13:00.966 และพวกเขาก็พูดว่า คุณรู้ไหม การเปลี่ยนพฤติกรรมของคน 00:13:00.990 --> 00:13:02.523 ในช่วงเวลาที่สั้นขนาดนั้นน่ะ 00:13:02.547 --> 00:13:04.774 ดูจะทะเยอทะยานจนเพ้อฝันไปหน่อยนะ 00:13:04.798 --> 00:13:10.017 และจริง ๆ แล้วความสำเร็จที่คุณได้รับ ไปไกลกว่าที่เราคาดว่าเป็นไปได้อยู่มาก 00:13:10.041 --> 00:13:13.877 เพราะว่าสิ่งที่สำคัญกว่าตัวเลข คือเรื่องราวของผู้คนต่างหาก 00:13:13.901 --> 00:13:15.543 พวกเขารู้สึกมีพลัง 00:13:15.567 --> 00:13:18.206 มือถือของพวกเขาถูกแปลงโฉม 00:13:18.230 --> 00:13:19.959 จากตัวสั่งงาน 00:13:19.983 --> 00:13:21.605 มาเป็นเครื่องมือบ้าน ๆ เหมือนเดิม NOTE Paragraph 00:13:22.708 --> 00:13:26.658 และจริง ๆ แล้ว ฉันพบว่าสิ่งที่ คนหนุ่มสาวพูดนั้นน่าสนใจมากที่สุด 00:13:26.682 --> 00:13:27.837 พวกเขาบางคนบอกฉัน 00:13:27.861 --> 00:13:30.123 ว่าพวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงอารมณ์บางอย่าง 00:13:30.147 --> 00:13:31.942 ที่พวกเขารู้สึกในช่วง สัปดาห์แห่งการท้าทายนั้น 00:13:31.966 --> 00:13:33.453 เพราะว่า ถ้าคุณลองนึกดูแล้ว 00:13:33.477 --> 00:13:36.441 หากคุณไม่เคยรู้จักชีวิต ที่ปราศจากการเชื่อมต่อมาก่อน 00:13:36.465 --> 00:13:38.894 คุณอาจไม่ได้สัมผัสความเบื่อหน่ายเลยก็ได้ 00:13:39.471 --> 00:13:41.537 และนั่นก็อาจมีผลบางอย่างตามมา 00:13:41.561 --> 00:13:44.990 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูเอสซีได้พบบางอย่าง พวกเขาศึกษาวัยรุ่น 00:13:45.014 --> 00:13:47.974 ที่เล่นโซเชียลในขณะที่พวกเขา พูดคุยอยู่กับเพื่อน 00:13:47.998 --> 00:13:49.284 หรือทำการบ้าน 00:13:49.308 --> 00:13:53.123 และสองปีหลังจากนั้น พวกเขา มีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการที่ลดต่ำลง 00:13:53.147 --> 00:13:55.001 เกี่ยวกับอนาคตส่วนตัวของพวกเขาเอง 00:13:55.025 --> 00:13:59.238 และเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสังคม อย่างเช่น ความรุนแรงในชุมชนของพวกเขา 00:13:59.691 --> 00:14:02.296 และเราก็จำเป็นจะต้อง ทำให้คนรุ่นถัดจากเรานี้ 00:14:02.320 --> 00:14:04.546 สามารถเพ่งความสนใจให้กับ ปัญหาใหญ่ ๆ บางอย่างได้ 00:14:04.570 --> 00:14:07.014 อย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ 00:14:07.038 --> 00:14:09.075 ความแตกต่างสุดขั้วทางวัฒนธรรม 00:14:09.662 --> 00:14:12.383 ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซีอีโอจาก การสำรวจหนึ่งของไอบีเอ็ม 00:14:12.407 --> 00:14:17.020 ถึงระบุว่าความคิดสร้างสรรค์ เป็นส่วนสำคัญ ที่สุดของความสามารถในการเป็นผู้นำ NOTE Paragraph 00:14:18.214 --> 00:14:19.882 แต่ว่าข่าวดีก็มีอยู่ 00:14:19.906 --> 00:14:23.677 ในตอนจบ คน 20,000 คนที่เข้าร่วม "ความเบื่อหน่ายกับความฉลาด" ในสัปดาห์นั้น 00:14:23.701 --> 00:14:26.133 กว่าร้อยละ 90 ลดเวลาใช้มือถือของพวกเขา 00:14:26.157 --> 00:14:29.027 ร้อยละ 70 มีเวลาในการคิดมากขึ้น 00:14:29.051 --> 00:14:31.180 หลายคนบอกฉันว่าพวกเขานอนหลับสบายขึ้น 00:14:31.204 --> 00:14:32.521 พวกเขามีความสุขมากขึ้น 00:14:32.545 --> 00:14:36.169 ข้อความที่ฉันชอบมาจากผู้ชายคนหนึ่ง ที่บอกว่าเขารู้สึกเหมือนเขาตื่นมา 00:14:36.193 --> 00:14:38.372 จากภาวะการจำศีลทางจิตสักอย่างหนึ่ง NOTE Paragraph 00:14:40.141 --> 00:14:42.585 ข้อมูลส่วนตัวบางอย่าง ผนวกกับ ประสาทวิทยาศาสตร์อีกเล็กน้อย 00:14:42.609 --> 00:14:45.750 ทำให้เราสามารถออกจากโลกออนไลน์ ได้นานขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อย 00:14:45.774 --> 00:14:48.717 และความเบื่อหน่ายเล็กน้อยนี้ จะทำให้เราเข้าใจอะไรชัดมากขึ้น 00:14:48.741 --> 00:14:51.060 และช่วยเราบางคนในการตั้งเป้าหมายบางอย่าง 00:14:52.156 --> 00:14:54.267 แบบว่า บางทีการเชื่อมโยง ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา 00:14:54.291 --> 00:14:56.937 อาจไม่ใช่เรื่องที่มองว่าเจ๋ง ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็ได้ 00:14:58.073 --> 00:15:01.631 แต่ในระหว่างนั้น การสอนผู้คน โดยเฉพาะเด็ก ๆ 00:15:01.655 --> 00:15:04.782 ให้ใช้เทคโนโลยีในการ ปรับปรุงคุณภาพชีวิตตนเอง 00:15:04.806 --> 00:15:06.221 รวมถึงให้ควบคุมตัวเองได้ 00:15:06.245 --> 00:15:08.820 จำเป็นจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการรู้ดิจิทัล NOTE Paragraph 00:15:10.685 --> 00:15:12.992 ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณเช็กโทรศัพท์ของคุณ 00:15:13.632 --> 00:15:17.704 จำไว้ว่าถ้าคุณไม่ตัดสินใจว่า คุณจะใช้เทคโนโลยีนั้นอย่างไร 00:15:17.728 --> 00:15:20.046 อุปกรณ์พวกนั้นจะตัดสินใจให้คุณเอง 00:15:21.013 --> 00:15:22.594 และลองถามตัวคุณเองดูว่า 00:15:22.618 --> 00:15:24.356 จริง ๆ แล้วคุณอยากทำอะไรกันแน่ 00:15:24.380 --> 00:15:28.075 เพราะว่าถ้าหากคุณอยากเช็กอีเมล์จริง ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทำแบบนั้นให้เสร็จไป 00:15:28.099 --> 00:15:30.767 แต่ถ้ามันเป็นการเบี่ยงความสนใจคุณ จากการทำงานที่ยาก 00:15:30.791 --> 00:15:33.091 ที่ต้องอาศัยการคิดที่ลึกกว่านั้น 00:15:33.115 --> 00:15:34.523 ให้ลองพักดู 00:15:34.547 --> 00:15:35.945 มองออกไปนอกหน้าต่าง 00:15:36.667 --> 00:15:39.512 และรู้ว่าการที่คุณไม่ได้ทำอะไรนั้น 00:15:39.536 --> 00:15:44.238 จริง ๆ แล้วคุณกำลังอยู่ในช่วงที่ ตนเองมีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด 00:15:44.262 --> 00:15:46.985 ในตอนแรก คุณอาจรู้สึกแปลก ๆ หรืออึดอัด 00:15:47.009 --> 00:15:49.895 แต่ความเบื่อหน่ายนี้เองสามารถนำไปสู่ ความคิดที่ยอดเยี่ยมได้ NOTE Paragraph 00:15:50.394 --> 00:15:51.546 ขอบคุณค่ะ NOTE Paragraph 00:15:51.570 --> 00:15:56.357 (เสียงปรบมือ)