1 00:00:06,599 --> 00:00:08,543 โรคไบโพลาร์ (อารมณ์สองขั้ว) คืออะไร 2 00:00:08,543 --> 00:00:12,605 คำว่าไบโพลาร์ หมายถึงสองขั้วสุดโต่ง 3 00:00:12,605 --> 00:00:16,785 มีหลายล้านคนบนโลกใบนี้ ที่ป่วยด้วยโรคไบโพลาร์ 4 00:00:16,785 --> 00:00:20,405 โดยการดำเนินชีวิตจะแบ่งระหว่าง ความเป็นจริงสองด้านที่แตกต่างกัน 5 00:00:20,405 --> 00:00:22,836 อารมณ์ดีผิดปกติ และซึมเศร้า 6 00:00:22,836 --> 00:00:25,874 แม้ว่าจะมีโรคไบโพลาร์หลากหลายรูปแบบ 7 00:00:25,874 --> 00:00:27,816 ลองมาดูกันสักสองประเภท 8 00:00:27,816 --> 00:00:31,915 ประเภทที่ 1 มีความคิดฟุ้งซ่านมาก เทียบเท่ากับระดับต่ำสุด 9 00:00:31,915 --> 00:00:36,506 ในขณะที่ประเภทที่ 2จะมีภาวะ อารมณ์ดีกว่าปกติในระยะเวลาสั้นๆ 10 00:00:36,506 --> 00:00:39,736 สลับกับภาวะซึมเศร้าเป็นเวลานาน 11 00:00:39,736 --> 00:00:42,545 สำหรับคนที่มีอารมณ์ความรู้สึกเหวี่ยง ระหว่างสองด้าน 12 00:00:42,545 --> 00:00:48,076 เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหา สมดุลเพื่อให้มีชีวิตที่ดีได้ 13 00:00:48,076 --> 00:00:52,256 ความคิดฟุ้งซ่านประเภทที่ 1 เรียกว่า Manic Episodes 14 00:00:52,256 --> 00:00:56,775 มันทำให้ผู้ป่วยมีอารมณ์ฉุนเฉียว ไปจนถึงขั้นที่ควบคุมไม่ได้ 15 00:00:56,775 --> 00:01:01,225 แต่ช่วงอารมณ์ดีผิดปกติเหล่านี้ มีมากเกินกว่าความสุขแบบธรรมดา 16 00:01:01,225 --> 00:01:03,847 ทำให้เกิดอาการที่ก่อปัญหา เช่น ความคิดแข่งกันในหัว 17 00:01:03,847 --> 00:01:05,336 นอนไม่หลับ 18 00:01:05,336 --> 00:01:06,516 พูดเร็ว 19 00:01:06,516 --> 00:01:07,962 กระทำโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ 20 00:01:07,962 --> 00:01:10,125 และพฤติกรรมเสี่ยง 21 00:01:10,125 --> 00:01:12,904 หากไม่ได้รักษา อาการเหล่านี้จะเป็นบ่อยขึ้น 22 00:01:12,904 --> 00:01:13,827 รุนแรงขึ้น 23 00:01:13,827 --> 00:01:16,216 และใช้เวลานานขึ้นกว่าจะมีอาการดีขึ้น 24 00:01:16,216 --> 00:01:20,626 อาการซึมเศร้าในโรคไบโพลาร์ สามารถแสดงออกได้หลายแบบ 25 00:01:20,626 --> 00:01:21,657 หม่นหมอง 26 00:01:21,657 --> 00:01:23,719 ขาดความสนใจในงานอดิเรก 27 00:01:23,719 --> 00:01:25,257 ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลง 28 00:01:25,257 --> 00:01:27,857 ความรู้สึกไร้ค่าหรือรู้สึกผิดอย่างรุนแรง 29 00:01:27,857 --> 00:01:30,147 การนอนที่อาจจะมากไปหรือน้อยไป 30 00:01:30,147 --> 00:01:32,256 หุนหันพลันแล่น หรือเชื่องช้า 31 00:01:32,256 --> 00:01:35,562 หรือมีความคิดอยากตายอยู่เรื่อยๆ 32 00:01:35,562 --> 00:01:38,397 ทั่วโลก ผู้ใหญ่ประมาณหนึ่งถึง สามเปอร์เซ็นต์ 33 00:01:38,397 --> 00:01:43,597 ประสบกับอาการหลากหลาย ที่บ่งชี้ถึงถึงโรคไบโพลาร์ 34 00:01:43,597 --> 00:01:46,967 คนส่วนใหญ่เหล่านี้มีหน้าที่การงาน และมีส่วนร่วมในสังคม 35 00:01:46,967 --> 00:01:49,527 และชีวิต ตัวเลือก และความสัมพันธ์ของพวกเขา 36 00:01:49,527 --> 00:01:52,097 ไม่ได้ถูกกำหนดโดยความผิดปกติ 37 00:01:52,097 --> 00:01:55,697 แต่สำหรับหลายๆ คน ผลกระทบยังคงเป็นเรื่องร้ายแรง 38 00:01:55,697 --> 00:01:59,426 ความเจ็บป่วยอาจทำให้ประสิทธิภาพ ในการเรียนและการทำงานลดลง 39 00:01:59,426 --> 00:02:00,578 ความสัมพันธ์ 40 00:02:00,578 --> 00:02:01,909 ความมั่นคงทางการเงิน 41 00:02:01,909 --> 00:02:05,297 และความปลอดภัยส่วนตัว 42 00:02:05,297 --> 00:02:08,407 เช่นนั้นแล้ว อะไรทำให้เกิดโรคไบโพลาร์ 43 00:02:08,407 --> 00:02:12,558 นักวิจัยคิดว่าปัจจัยที่สำคัญคือ การเรียงของเส้นสายในสมองที่ซับซ้อนกัน 44 00:02:12,558 --> 00:02:15,949 สมองที่แข็งแรงจะรักษาความสัมพันธ์ ที่ดีระหว่างเซลล์ประสาท 45 00:02:15,949 --> 00:02:19,488 ความพยายามอย่างต่อเนื่อง ของสมองในการตัดแต่งตัวเอง 46 00:02:19,488 --> 00:02:24,682 และขจัดการเชื่อมต่อระบบประสาท ที่ไม่ได้ใช้หรือบกพร่อง 47 00:02:24,682 --> 00:02:28,977 กระบวนการนี้มีความสำคัญ เนื่องจากเส้นทาง ประสาทของเราทำหน้าที่เป็นแผนที่ 48 00:02:28,977 --> 00:02:31,389 สำหรับนำทางทุกสิ่งที่เราทำ 49 00:02:31,389 --> 00:02:33,858 จากการใช้การสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก 50 00:02:33,858 --> 00:02:38,099 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าความสามารถใน การตัดแต่งกิ่งของสมองจะกระจัดกระจาย 51 00:02:38,099 --> 00:02:40,771 ในผู้ป่วยไบโพลาร์ 52 00:02:40,771 --> 00:02:43,058 นั่นหมายความว่าเซลล์ประสาท ของพวกเขายุ่งเหยิง 53 00:02:43,058 --> 00:02:46,398 และสร้างเครือข่ายที่ไม่สามารถนำทางได้ 54 00:02:46,398 --> 00:02:49,228 มีเพียงสัญญาณเดียวที่ทำให้เกิด ความสับสนเป็นแนวทางเท่านั้น 55 00:02:49,228 --> 00:02:53,938 ผู้ป่วยไบโพลาร์พัฒนาความคิด และพฤติกรรมที่ผิดปกติ 56 00:02:53,938 --> 00:02:55,558 รวมทั้งอาการทางจิต 57 00:02:55,558 --> 00:02:57,920 เช่น คำพูดและพฤติกรรมที่ไม่เป็นระเบียบ 58 00:02:57,920 --> 00:02:59,227 ความคิดหลงผิด 59 00:02:59,227 --> 00:03:00,488 หวาดระแวง 60 00:03:00,488 --> 00:03:01,786 และประสาทหลอน 61 00:03:01,786 --> 00:03:05,959 สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงที่อาการ ของโรคไบโพลาร์รุนแรงขึ้น 62 00:03:05,959 --> 00:03:11,379 นี่เป็นผลมาจากการที่สารสื่อประสาท ที่เรียกว่าโดพามีนมีมากเกินไป 63 00:03:11,379 --> 00:03:17,450 แม้จะมีข้อมูลเชิงลึก แต่เราไม่สามารถปักธง ได้ว่าโรคไบโพลาร์เกิดจากสาเหตุเดียว 64 00:03:17,450 --> 00:03:20,069 ในความเป็นจริง มันเป็นปัญหาที่ซับซ้อน 65 00:03:20,069 --> 00:03:23,369 ตัวอย่างเช่น สมองส่วนอะมิกดะลา (amygdala) เกี่ยวข้องกับการคิด 66 00:03:23,369 --> 00:03:24,780 ความทรงจำระยะยาว 67 00:03:24,780 --> 00:03:26,831 และการประมวลผลทางอารมณ์ 68 00:03:26,831 --> 00:03:31,419 ในสมองส่วนนี้ ปัจจัยมีความหลากหลายพอๆ กับ พันธุกรรมและความบอบช้ำทางสังคม 69 00:03:31,419 --> 00:03:36,609 อาจทำให้เกิดความผิดปกติ และกระตุ้นอาการของไบโพลาร์ 70 00:03:36,609 --> 00:03:38,640 ภาวะนี้มีแนวโน้มที่จะส่งต่อในครอบครัว 71 00:03:38,640 --> 00:03:42,200 ดังนั้นเราจึงรู้ว่าพันธุกรรม มีส่วนเกี่ยวข้องกับมันมาก 72 00:03:42,200 --> 00:03:45,469 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า มียีนไบโพลาร์เดี่ยวๆ 73 00:03:45,469 --> 00:03:48,520 ในความเป็นจริง ความเป็นไปได้ ที่จะเกิดโรคไบโพลาร์ 74 00:03:48,520 --> 00:03:52,009 เป็นผลมาจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง หลายๆ ยีน 75 00:03:52,009 --> 00:03:55,591 ในสูตรที่ซับซ้อน ที่เรายังคง พยายามทำความเข้าใจ 76 00:03:55,591 --> 00:03:57,120 สาเหตุมีความซับซ้อน 77 00:03:57,120 --> 00:04:02,360 และด้วยเหตุนี้การวินิจฉัยและการใช้ชีวิต กับโรคไบโพลาร์เป็นความท้าทาย 78 00:04:02,360 --> 00:04:05,280 แต่นอกจากนั้นแล้ว โรคนี้สามารถควบคุมได้ 79 00:04:05,280 --> 00:04:09,801 ยาบางชนิดเช่น ลิเธียม สามารถช่วยจัดการ กับความคิดและพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงได้ 80 00:04:09,801 --> 00:04:11,971 โดยทำให้อารมณ์คงที่ 81 00:04:11,971 --> 00:04:17,861 ยาที่ทำให้อารมณ์คงที่ ทำงานโดยการลด ความผิดปกติของกิจกรรมในสมอง 82 00:04:17,861 --> 00:04:21,070 จึงช่วยเสริมสร้างศักยภาพ ในการเชื่อมต่อประสาท 83 00:04:21,070 --> 00:04:24,451 ยาอื่นๆทีใช้บ่อยๆ มีทั้งยาต้านอาการทางจิต 84 00:04:24,451 --> 00:04:27,281 ซึ่งจะเปลี่ยนผลของโดพามีน 85 00:04:27,281 --> 00:04:29,472 และการรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้า 86 00:04:29,472 --> 00:04:32,772 ซึ่งทำงานเหมือนการ ควบคุมในสมองอย่างรอบคอบ 87 00:04:32,772 --> 00:04:35,752 ซึ่งบางครั้งใช้ในการรักษาแบบฉุกเฉิน 88 00:04:35,752 --> 00:04:38,031 ผู้ป่วยไบโพลาร์บางคนปฏิเสธการรักษา 89 00:04:38,031 --> 00:04:40,321 เนื่องจากกลัวว่าการรักษา จะทำให้อารมณ์หม่นหมอง 90 00:04:40,321 --> 00:04:42,451 และทำลายความคิดสร้างสรรค์ 91 00:04:42,451 --> 00:04:46,062 แต่จิตเวชสมัยใหม่พยายามที่จะ หลีกเลี่ยงปัญหานี้อย่างจริงจัง 92 00:04:46,062 --> 00:04:49,753 ปัจจุบัน แพทย์ทำงานร่วมกับ ผู้ป่วยแยกเป็นแต่ละกรณี 93 00:04:49,753 --> 00:04:53,351 เพื่อจัดการรักษาและการบำบัดด้วยกัน 94 00:04:53,351 --> 00:04:56,973 ที่ช่วยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ได้ อย่างมีศักยภาพสูงสุดเต็มที่ 95 00:04:56,973 --> 00:05:00,182 และนอกเหนือจากการรักษา ผู้ป่วยไบโพลาร์สามารถได้รับประโยชน์ 96 00:05:00,182 --> 00:05:02,312 จากการเปลี่ยนแปลงที่ทำได้ง่ายกว่า คือ 97 00:05:02,312 --> 00:05:03,982 ออกกำลังกายเป็นประจำ 98 00:05:03,982 --> 00:05:05,485 พฤติกรรมการนอนที่ดี 99 00:05:05,485 --> 00:05:08,012 งดยาเสพติดและแอลกอฮอล์ 100 00:05:08,012 --> 00:05:11,667 รวมถึงการยอมรับและการเอาใจใส่ ของครอบครัวและเพื่อน 101 00:05:12,412 --> 00:05:15,522 อย่าลืมว่า โรคไบโพลาร์เป็นภาวะทางการแพทย์ 102 00:05:15,522 --> 00:05:17,340 ไม่ใช่ความผิดของผู้ป่วย 103 00:05:17,340 --> 00:05:18,992 หรือตัวตนทั้งหมด 104 00:05:18,992 --> 00:05:20,969 และเป็นสิ่งที่สามารถควบคุมได้ 105 00:05:20,969 --> 00:05:24,489 ด้วยยาต่างๆที่ทำหน้าที่จากภายใน 106 00:05:24,489 --> 00:05:29,019 การยอมรับและความเข้าใจจาก ภายนอกจากเพื่อน และครอบครัว 107 00:05:29,019 --> 00:05:32,436 และผู้ป่วยไบโพลาร์เองสามารถ เพิ่มขีดความสามารถ 108 00:05:32,436 --> 00:05:34,158 เพื่อหาความสมดุลในชีวิต