เมื่อคิดถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
(natural history museums)
คุณคงนึกถึงงานแสดง ที่เต็มไปด้วย
สิ่งมีชีวิตโบราณไร้วิญญาณ
เช่น ไดโนเสาร์
ก้อนอุกกาบาต
และหินแร่มีค่า
แต่เบื้องหลังฉากหน้าสำหรับการศึกษา
ซึ่งคิดเป็นเพียงประมาณ 1%
ของของสะสมในพิพิธภัณฑ์
มันยังมีห้องทดลองที่ถูกซ่อนอยู่
ที่ซึ่งเกิดการค้นพบทางวิทยาศาสตร์
หลังประตูที่ไม่มีป้ายบอก
และชั้นที่ลิฟท์ไม่พาคุณขึ้นไป
คุณจะได้พบกับหน้าต่างสู่โลกอันน่าทึ่ง
ห้องโถงและห้องทดลองราวกับเขาวงกต
ในที่วิหารแห่งวิทยาศาสตร์
บ้านหลังนี้เหมือนว่าจะมีตัวอย่างมากมาย
ตรงนี้ นักวิจัยทำงาน
เพื่อเผยความลับของวิวัฒนาการ
ต้นกำเนิดแห่งดาว
และประวัติศาสตร์ของดาวเคราะห์ของเรา
พิพิธภัณฑ์เดียวอาจมีตัวอย่างเป็นล้านๆ
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
แห่งอเมริกา ในนครนิวยอร์ค
มีตัวอย่างกว่า 32,000,000
ลองมาดูหนึ่งในนั้นกัน
นักวิทยาศาสตร์บันทึกไว้อย่างชัดเจน
ว่ามันถูกพบที่ไหนและเมื่อไร
และใช้วิธีการหาอายุที่หลากหลาย
เพื่อบ่งบอกที่มา
ทำซ้ำๆ เป็นล้านๆ ครั้ง
และต้นไม้เหล่านี้
สัตว์ต่างๆ
แร่
ฟอสซิล
และตัวอย่างโบราณที่เปิดหน้าต่าง
สู่กาลเวลาและสถานที่ต่างๆ รอบโลก
ตลอดหลายสิบล้านปีในประวัติศาสตร์
เมื่อเกิดปัญหาทางการวิจัย
นักวิทยาศาสตร์จะมองผ่านหน้าต่างเหล่านั้น
และทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับอดีต
ตัวอย่างเช่น ในช่วงยุค 1950
ประชากรของนกนักล่า
อย่าง พิริกริน ฟัลคอน
(peregrine falcon)
นกฮูก
และอินทรีก็เริ่มที่จะลดลงอย่างน่าสงสัย
จนถึงจุดที่จำนวนของสปีชีส์
รวมถึงนกอินทรีหัวล้าน
ถูกประกาศว่าใกล้สูญพันธุ์
โชคดี ที่นักวิทยาศาสตร์ใน
ฟิลด์ มิวเซียม ในชิคาโก้
ได้สะสมไข่ของนกนักล่าเหล่านี้มาหลายสิบปี
พวกเขาค้นพบว่าเปลือกไข่เคยหนากว่านี้
และมันเริ่มที่จะบางลงในช่วงเวลา
เมื่อยาฆ่าแมลงที่เรียกว่า ดีดีที
เริ่มถูกนำมาใช้พ่นพืชไร่
ดีดีที มีประสิทธิภาพในการฆ่าแมลง
แต่เมื่อนกเข้ามา
และกองซากแมลงที่ตายเหล่านี้
ดีดีทีสะสมในร่างกายของพวกมัน
มันถูกส่งต่อขึ้นไปในห่วงโซ่อาหาร
และถูกดูดซึมโดยนกนักล่าที่อยู่ทางด้านบนสุด
ที่ความเข้มข้นที่สุด
และมันทำให้เปลือกไข่บางลง
ดังนั้น พวกมันจึงไม่สามารถ
ที่จะรองรับน้ำหนักของนกที่กกไข่ได้
จึงมีไข่แตกเละเต็มไปหมด
จนการทั่งนักวิทยาศาสตร์จาก
ฟิลด์ มิวเซียม ในชิคาโก้
และสถาบันอื่นๆ
ช่วยกันไขปริศนานี้ และกลายเป็นวีรบุรุษ
อเมริกาขอบคุณ ฟิวด์ มิวเซียม
หน้าต่างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
ที่เปิดสู่อดีต
ได้ไขปริศนาทางวิทยาศาสตร์อีกมากมาย
นักวิทยาศาสตร์พิพิธภัณฑ์ได้ใช้ของสะสม
เพื่อหาลำดับจีโนมของนีแอนเดอร์ทัล
ค้นพบยีนที่ให้ขนสีแดงกับช้างแมมมอท
และแม้กระทั่งบ่งชี้ว่า
ฉลามยักษ์โบราณถือกำเนิดขึ้นที่ไหน
มีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
กว่า 900 แห่ง ในโลก
และทุกปี พวกเขาค้นพบอะไรใหม่ และลึกซึ้ง
เกี่ยวกับโลกของเราในอดึต ปัจจุบัน และอนาคต
ตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์ช่วยเราให้เข้าใจ
กระทั่งเรื่องปัญหาท้าทายใหม่ๆ
อย่างภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพทาง
ภูมิอากาศทั่วโลก
ที่กำลังส่งผลกระทบต่อโลก
ยกตัวอย่างเช่น
นักธรรมชาติวิทยาได้สะสมตัวอย่าง
ตลอด 100 ปี จาก บึง วัลเดน (Walden Pond)
ที่เป็นที่รู้จักกันดี เพราะ แฮนรี เดวิด โทรัล
(Henry David Thoreau)
ต้องขอบคุณนักธรรมชาติวิทยาที่พิจารณา
จำนวนของโทรัลเทียบกับของพวกเขา
เรารู้ว่าต้นไม้รอบๆ บึง วัลเดน
ผลิดอกออกผลเร็วกว่าเดิมสามสัปดาห์
เมื่อเทียบกับเมื่อ 150 ปีก่อน
เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงนี้
เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คนคนหนึ่งอาจไม่สังเกตพวกมัน
ในช่วงเวลาไม่กี่สิบปี
แต่ขอขอบตุณตัวอย่างพิพิธภัณฑ์
พวกเรามีบันทึกที่ไม่ขาดช่วง
ที่แสดงให้เห็นว่าโลกเรากำลังเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณกำลังสำรวจ
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
จำไว้ว่า สิ่งที่คุณกำลังได้เห็น
เป็นเพียงอัญมณีหนึ่ง
ในกรุสมบัติอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์
หลังกำแพงและใต้ฝ่าเท้าของคุณ
คือหน้าต่างสู่โลกที่ถูกลืม
และใครจะไปรู้
สักวันหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ในอนาคต
จะมองผ่านเข้ามาแล้วเห็นคุณ