0:00:00.750,0:00:02.686 เพื่อจะเห็นโลกผ่านเม็ดทราย 0:00:02.686,0:00:05.006 เห็นสรวงสวรรค์ผ่านมวลดอกไม้ 0:00:05.006,0:00:07.470 เก็บความนิรันดร์ไว้ในอุ้งมือ 0:00:07.470,0:00:10.557 และเวลาชั่วกัลป์ไว้ในหนึ่งช่วงเข็มนาฬิกา 0:00:10.557,0:00:13.557 วิลเลียม เบลค 0:00:18.857,0:00:21.863 เริ่มแรกนั้นเป็นเพียงถ้อยวาจา 0:00:21.863,0:00:26.057 บิ๊กแบงและเสียงโอมอันเป็นต้นกำเนิด 0:00:26.057,0:00:29.267 ทฤษฎีบิ๊กแบงกล่าวว่าจักรวาลแห่งกายภาพนี้ 0:00:29.267,0:00:30.437 เริ่มจากเกลียวความร้อนและความหนาแน่น 0:00:30.437,0:00:31.733 จำนวนมหาศาล 0:00:31.733,0:00:34.843 ของจุดเล็กๆ ที่เรียกว่าภาวะเอกฐาน 0:00:34.843,0:00:39.133 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าหัวเข็มหมุดพันล้านเท่า 0:00:39.133,0:00:42.159 มันไม่ได้บอกว่าทำไม หรืออย่างไร 0:00:43.239,0:00:46.239 แต่กับเรื่องที่มันลึกลับยากจะเข้าใจ 0:00:46.239,0:00:49.459 เรากลับยิ่งคิดว่าเราเข้าใจมันแจ่มแจ้งแล้ว 0:01:00.429,0:01:03.089 เราเคย มีความเข้าใจเกี่ยวกับแรงดึงดูดว่า 0:01:03.089,0:01:07.329 แรงนั้นอาจจะลดลง หรือเอกภพจะหดตัวไปในที่สุด 0:01:09.439,0:01:12.509 แต่หลักฐานจากกล้องโทรทรรศน์ของฮับเบิ้ล 0:01:12.509,0:01:14.609 แสดงให้เห็นว่าการขยายตัวของเอกภพนั้น 0:01:14.611,0:01:18.301 เป็นไปในอัตราเร่ง 0:01:18.301,0:01:23.331 ขยายตัวออกจากจุดเริ่มต้นนั้นเร็วขึ้นทุกทีๆ 0:01:25.268,0:01:27.418 อย่างไรก็ตาม ในเอกภพมีมวลอนุภาค 0:01:27.418,0:01:31.418 มากกว่าที่นักฟิสิกส์คาดการณ์ไว้ 0:01:31.453,0:01:37.293 ตอนนี้พวกเขาพบว่ามีอนุภาคอะตอมในเอกภพอยู่ 4% 0:01:38.208,0:01:40.608 ซึ่งนับได้ว่าเป็นอนุภาคทั่วๆ ไป 0:01:44.559,0:01:47.539 23% เป็นส่วนของสสารมืด 0:01:48.059,0:01:50.239 ส่วนอีก 73% นั้น เป็นพลังงานมืด 0:01:50.984,0:01:53.074 ที่เคยเข้าใจกันว่าเป็นเพียงพื้นที่ว่าง 0:01:55.654,0:01:57.744 คล้ายๆ กับระบบประสาทของสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็น 0:01:57.744,0:02:01.744 ที่โยงใยทั่วทั้งเอกภพเข้าด้วยกัน เชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่าง 0:02:07.597,0:02:10.887 ในคัมภีร์พระเวทได้กล่าวไว้ถึงนาทพรหม (นาท คือ เสียง) 0:02:11.365,0:02:12.885 เอกภพคือการสั่นสะเทือน 0:02:13.900,0:02:16.150 สนามพลังแห่งการสั่นสะเทือนนี้คือบ่อเกิดของ 0:02:16.150,0:02:18.420 ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณทั้งหมดทั้งมวล 0:02:18.420,0:02:20.400 และการสืบค้นทางวิทยาศาสตร์ 0:02:22.824,0:02:26.054 สนามพลังเดียวกันนี้เองที่เหล่านักบุญ, พระพุทธเจ้า 0:02:26.054,0:02:31.320 โยคี, ผู้วิเศษ, พระ, คนทรง และโหร 0:02:31.320,0:02:34.240 ได้ศึกษาโดยการมองย้อนเข้าไปในตัวเอง 0:02:37.323,0:02:41.323 สนามพลังนี้ถูกเรียกในชื่อต่างๆ Akasha, โอม 0:02:42.603,0:02:46.603 ร่างแหแห่งพระอินทร์, บทเพลงแห่งสกลจักรวาล 0:02:47.507,0:02:51.507 และอีกนับพันชื่อเรียก ต่างกันไปตลอดช่วงประวัติศาสตร์ 0:03:00.681,0:03:03.141 สนามนี้เป็นแหล่งกำเนิดของศาสนาทุกศาสนา 0:03:07.719,0:03:11.719 และเป็นสะพานเชื่อมโยง 0:03:11.719,0:03:14.719 ระหว่างโลกภายนอกและโลกภายใน 0:03:14.719,0:03:17.719 โลกภายใน โลกภายนอก 0:03:27.453,0:03:30.853 ตอนที่หนึ่ง - Akasha (ที่ว่าง) 0:03:34.037,0:03:36.337 คติมหายาน ในศตวรรษที่สาม 0:03:36.734,0:03:40.734 อธิบายจักรวาลไว้ไม่แตกต่างจากหลักฟิสิกส์สมัยใหม่ 0:03:42.590,0:03:45.080 ร่างแหแห่งพระอินทร์นั้นคือคำเปรียบเปรยที่ใช้อธิบาย 0:03:45.088,0:03:47.628 คำสอนในคัมภีร์พระเวทอันเก่าแก่ 0:03:48.106,0:03:49.826 ซึ่งทำให้เห็นภาพของจักรวาล 0:03:49.868,0:03:51.748 ที่ถักทอเข้าด้วยกันเหมือนผ้าผืนเดียว 0:03:52.592,0:03:54.702 พระอินทร์ ผู้เป็นกษัตริย์แห่งเหล่าเทพ 0:03:54.765,0:03:56.475 ได้ให้กำนิดแก่พระอาทิตย์ 0:03:59.031,0:04:01.301 และเป็นผู้ขับเคลื่อนลมและน้ำ 0:04:03.996,0:04:05.523 ลองนึกภาพใยแมงมุม 0:04:06.393,0:04:08.223 ที่แผ่ขยายออกไปทุกทิศทุกทาง 0:04:09.133,0:04:11.553 โดยทุกๆ เส้นใยเหล่านั้นเกิดจากหยดน้ำค้าง 0:04:12.047,0:04:14.577 และบนน้ำค้างแต่ละหยด มีภาพสะท้อน 0:04:14.873,0:04:18.283 ของน้ำค้างหยดอื่นๆ อยู่ และบนแต่ละภาพสะท้อนนั้น 0:04:18.580,0:04:23.040 ก็มีภาพสะท้อนบนน้ำค้างหยดอื่นๆ อยู่ 0:04:23.238,0:04:25.988 ภาพของทั้งใยแมงมุมนี้ และภาพสะท้อนของมันอีกที 0:04:26.256,0:04:28.206 ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด 0:04:29.337,0:04:32.407 ร่างแหแห่งพระอินทร์นี้เป็นเหมือนภาพสามมิติของเอกภพ 0:04:32.968,0:04:34.898 ซึ่งแม้กระทั่งลำแสงที่เล็กที่สุด 0:04:35.035,0:04:38.105 ก็ยังสามารถบรรจุข้อมูลของเอกภพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ 0:04:42.994,0:04:45.554 นักวิทยาศาสตร์อเมริกันเชื้อสายเซอร์เบีย นิโคลา เทสลา 0:04:45.625,0:04:49.625 ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้สรรค์สร้างศตวรรษที่ 20 0:04:50.679,0:04:53.869 เทสลาเป็นผู้ค้นพบไฟฟ้ากระแสสลับ 0:04:54.745,0:04:57.275 และเป็นผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ อีกมากมาย 0:04:57.275,0:04:58.525 ที่เราใช้กันทุกวันนี้ 0:04:59.257,0:05:01.877 ด้วยความที่เทสลาสนใจในคัมภีร์พระเวท 0:05:02.310,0:05:05.130 เขาจึงเข้าหาหลักวิทยาศาสตร์ อย่างไม่เหมือนใคร 0:05:05.360,0:05:07.650 เข้าหาด้วยวิถีแห่งตะวันออกและตะวันตก 0:05:10.355,0:05:12.695 เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ทียิ่งใหญ่อื่นๆ 0:05:12.772,0:05:15.402 เทสลามองลึกเข้าไปในความลึกลับแห่งโลกภายนอก 0:05:15.779,0:05:18.025 และยังสืบค้นลึกเข้าไปในตัวเองด้วย 0:05:19.785,0:05:22.115 เช่นเดียวกับเหล่าโยคีในอดีต 0:05:22.115,0:05:24.056 เทสลาใช้คำว่า Akasha เพื่ออธิบาย 0:05:24.056,0:05:27.406 ความว่างเปล่าที่แผ่เข้าไปแทรกซึมอยู่ในทุกสรรพสิ่ง 0:05:31.865,0:05:35.115 เทสลารำ่เรียนมาจากสวามีวิเวกะนันทะ 0:05:35.115,0:05:38.215 โยคีผู้นำหลักคำสอนอันเก่าแก่จากอินเดียไปสู่ตะวันตก 0:05:38.525,0:05:41.925 ในคัมภีร์พระเวท Akasha คือ ที่ว่าง 0:05:42.622,0:05:44.632 ที่ว่างสำหรับให้สิ่งต่างๆ เติมเต็มเข้ามา 0:05:44.814,0:05:47.464 ซึ่งดำรงควบคู่ไปกับพลังของการสั่นสะเทือน 0:05:49.257,0:05:51.707 ทั้งสองสิ่งนี้ไม่อาจแยกออกจากกันได้ 0:05:52.148,0:05:55.398 ที่ว่างคือหยิน พลังนั้นคือหยาง 0:06:05.026,0:06:09.026 แนวคิดยุคใหม่ที่ช่วยให้เราเข้าใจ Akasha 0:06:09.031,0:06:13.031 หรือสสารเริ่มแรกนั้น คือแนวคิดเรื่อง แฟรกทัล 0:06:16.048,0:06:20.048 ในทศวรรษ 80 คอมพิวเตอร์พัฒนาอย่างมาก 0:06:20.048,0:06:24.048 ช่วยให้เราเริ่มเข้าใจแบบแผนแห่งธรรมชาติ 0:06:24.048,0:06:25.618 ผ่านหลักคณิตศาสตร์ 0:06:26.761,0:06:29.181 คำว่าแฟรกทัลนั้น ถูกกำหนดขึ้นในปี 1980 0:06:29.181,0:06:31.231 โดยนักคณิตศาสตร์ เบนัว เมนเดลโบร 0:06:31.231,0:06:33.921 ซึ่งได้ศึกษาสมการคณิตศาสตร์ง่ายๆ 0:06:34.384,0:06:35.787 ซึ่งเมื่อมีการทำซ้ำ 0:06:35.787,0:06:37.957 จะสร้างชุดผลลัพธ์ทางคณิตศาสตร์ 0:06:37.957,0:06:39.977 หรือเรขาคณิตที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ 0:06:39.977,0:06:41.597 หากอยู่ในขอบเขตที่จำกัด 0:06:42.681,0:06:45.591 มันถูกจำกัด แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีที่สิ้นสุด 0:06:49.679,0:06:51.839 แฟรกทัลคือรูปทรงเรขาคณิตคร่าวๆ 0:06:51.839,0:06:53.339 ที่สามารถแบ่งออกเป็นส่วนๆ 0:06:54.065,0:06:58.065 โดยแต่ละส่วนนั้นจะทำซ้ำรูปทรงเดิมในขนาดที่เล็กลง 0:06:59.476,0:07:02.786 ซึ่งคุณสมบัตินี้เรียกว่า ความคล้ายตนเอง 0:07:05.339,0:07:07.273 แฟรกทัลตามแนวคิดของเมนเดลโบรนี้ 0:07:07.273,0:07:09.333 ถูกเรียกว่า พิมพ์นิ้วมือของพระเจ้า 0:07:22.837,0:07:24.447 สิ่งที่ปรากฏอยู่นี้คืองานศิลปะ 0:07:24.447,0:07:26.107 ที่ถูกสร้างสรรค์โดยธรรมชาติ 0:07:26.790,0:07:30.020 ถ้าวางรูปทรงของเมนเดลโบรนี้ให้อยู่ในมุมที่เหมาะสม 0:07:30.020,0:07:33.560 ก็จะเห็นว่าคล้ายคลึงกับเทพเจ้าฮินดู หรือพระพุทธเจ้า 0:07:33.927,0:07:37.197 และภาพนี้มีชื่อเรียกว่าพุทธพรต (Buddhabrot) 0:07:57.324,0:08:00.848 หากพิจารณารูปแบบศิลปะหรือสถาปัตยกรรมโบราณ 0:08:00.848,0:08:04.030 ก็จะเห็นว่ามนุษยชาติได้เข้าถึงความงาม 0:08:04.030,0:08:08.340 และความศักดิ์สิทธิ์แห่งรูปแบบแฟรกทัลนี้มานานแล้ว 0:08:17.663,0:08:19.623 รูปแบบนี้ซับซ้อนที่ไม่มีที่สิ้นสุด 0:08:19.623,0:08:21.633 แต่กระนั้นในทุกๆ ส่วนก็คือเมล็ดพันธุ์ 0:08:21.633,0:08:23.863 ที่สามารถให้กำเนิดสิ่งทั้งหมดขึ้นใหม่ได้ 0:08:24.268,0:08:27.038 แนวคิดแฟรกทัลได้เปลี่ยนแนวคิดของนักคณิตศาสตร์ 0:08:27.038,0:08:29.548 ที่มีต่อจักรวาล และการขับเคลื่อนไปของจักรวาล 0:08:29.864,0:08:31.874 ในการแผ่ขยายออกในทุกๆ ระดับ 0:08:32.265,0:08:34.605 มีความแตกต่างไปจากต้นกำเนิดเดิม 0:08:35.540,0:08:37.560 การเปลี่ยนแปลง แปรสภาพเกิดขึ้นให้เห็นอยู่ตลอด 0:08:37.572,0:08:42.282 เมื่อพิจารณาข้ามจากแฟรกทัลระดับหนึ่งไปอีกระดับหนึ่ง 0:08:42.282,0:08:46.023 การแปรสภาพนี้คือเกลียวหมุนแห่งจักรวาล 0:08:46.023,0:08:49.994 เป็นความชาญฉลาดที่ฝังลึกอยู่ในช่องว่างแห่งเวลา 0:09:14.117,0:09:17.113 ธรรมชาติของแฟรกทัลนั้นมีสภาวะยุ่งเหยิง 0:09:17.113,0:09:20.013 เต็มไปด้วยสรรพเสียงและแบบแผนมากมาย 0:09:20.013,0:09:22.466 เมื่อจิตของเราเข้าใจแบบแผนใดแบบแผนหนึ่ง 0:09:22.466,0:09:24.219 เราก็จะจดจ่อกับแบบแผนนั้น 0:09:24.219,0:09:26.260 ราวกับว่ามันเป็นสิ่งของสักชิ้น 0:09:27.092,0:09:29.992 เราพยายามค้นหาแบบแผนที่เราเห็นว่าสวยงาม 0:09:29.992,0:09:32.542 แต่ความพยายามที่จะรักษาแบบแผนนั้นไว้ให้ได้นั้น 0:09:32.542,0:09:35.242 เราต้องขจัดแฟรกทัลอื่นๆ ออกไปจนหมดสิ้น 0:09:53.179,0:09:56.259 การทำความเข้าใจแฟรกทัลหนึ่งใดด้วยผัสสะ 0:09:56.259,0:09:58.949 กลับเป็นการจำกัดการเคลื่อนไหวของมัน 0:10:00.994,0:10:03.304 พลังงานทุกสิ่งอย่างในเอกภาพล้วนเป็นกลาง 0:10:03.304,0:10:05.714 ไร้เวลา ไร้ทิศทาง 0:10:10.211,0:10:11.211 ความคิดสร้างสรรค์ 0:10:11.211,0:10:13.261 และความสามารถในการเข้าถึงแบบแผน 0:10:13.261,0:10:17.261 คือ สะพานเชื่อมระหว่างโลกภายในและโลกภายนอก 0:10:17.504,0:10:21.504 โลกไร้กาลเวลาแห่งคลื่น กับโลกที่จับต้องได้แห่งสรรพสิ่ง 0:10:26.386,0:10:29.296 การสังเกตคือการสร้างสรรค์ผ่านข้อจำกัดต่างๆ 0:10:29.296,0:10:30.816 อันเป็นธรรมชาติของความคิด 0:10:31.572,0:10:34.802 เราสร้างมายาภาพแห่งโลกที่จับต้องได้ขึ้นมา 0:10:34.802,0:10:37.142 ด้วยการสร้างชื่อเรียกให้สิ่งต่างๆ 0:10:37.921,0:10:39.921 นักปรัชญานาม เคียร์เคการ์ด กล่าวไว้ว่า 0:10:39.921,0:10:43.046 หากเธอสร้างชื่อเรียกให้ฉัน เท่ากับเธอปฏิเสธตัวฉัน 0:10:43.046,0:10:45.246 การสร้างชื่อเรียกฉัน การติดฉลากให้ฉัน 0:10:45.246,0:10:49.532 เท่ากับเธอได้ปฏิเสธศักยภาพอื่นๆ ที่ฉันอาจมีอยู่ไปแล้ว 0:10:49.952,0:10:52.435 เธอกักขังอนุภาคนี้ให้เป็นเพียงสิ่งหนึ่งๆ 0:10:52.435,0:10:54.695 ด้วยการปักหมุดลงไป สร้างชื่อเรียก 0:10:55.441,0:10:58.251 หากในขณะเดียวกัน คุณก็มีส่วนสร้างมันขึ้นมาด้วย 0:10:58.251,0:11:00.091 และกำหนดการดำรงอยู่ให้มัน 0:11:02.999,0:11:05.549 การสรรค์สร้าง คือ คุณสมบัติสูงสุดของมนุษย์ 0:11:06.311,0:11:10.311 เมื่อสิ่งต่างๆ ถูกสร้างขึ้น เวลาก็ถูกสร้างขึ้นตามมา 0:11:10.311,0:11:13.861 และเวลาก็สร้างมายาคติของโลกที่จับต้องได้ขึ้นมาอีกที 0:11:20.554,0:11:23.054 ไอน์สไตน์เป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่มองเห็นทะลุ 0:11:23.054,0:11:25.604 ว่าพื้นที่ว่างที่เรามองว่าไม่มีอะไรนั้น แท้จริงแล้ว 0:11:25.604,0:11:27.814 มันไม่ได้ว่างเปล่า มันมีคุณสมบัติของมันอยู่ 0:11:28.519,0:11:30.369 และในธรรมชาติของพื้นที่ว่างนั้น 0:11:30.369,0:11:32.809 คือพลังปริมาณมหาศาลจนยากจะหยั่งถึง 0:11:35.089,0:11:38.179 นักฟิสิกส์ผู้มีชื่อเสียง ริชาร์ด ไฟน์แมน เคยกล่าวไว้ว่า 0:11:38.922,0:11:41.742 พลังงานในพื้นที่ว่างปริมาตรเพียง 1 ลูกบาศก์เมตร 0:11:41.742,0:11:45.322 ก็เพียงพอแล้วที่จะต้มน้ำในมหาสมุทรทั่วทั้งโลกให้เดือด 0:11:48.264,0:11:50.604 ผู้ที่ฝึกสมาธิจนเชี่ยวชาญจะรู้ว่า 0:11:50.604,0:11:52.804 ในความนิ่งนั้นมีพลังมหาศาลอยู่ 0:11:56.138,0:11:59.398 พระพุทธเจ้าเรียกสสารตั้งต้นนี้ในอีกชื่อหนึ่ง 0:11:59.398,0:12:01.428 คือ กัลป์ 0:12:02.051,0:12:05.272 ซึ่งเป็นเหมือนกับอนุภาคชิ้นเล็กๆ หรือคลื่น 0:12:05.362,0:12:09.252 ที่เกิดแล้วจางหายไป นับหลายล้านล้านครั้งต่อวินาที 0:12:15.702,0:12:18.642 เมื่อพิจารณาในแง่นี้ ความเป็นจริงนั้น ก็เป็นเหมือน 0:12:18.642,0:12:21.842 ชุดภาพถ่ายสามมิติหลายๆ ภาพ 0:12:21.842,0:12:23.702 ที่เคลื่อนไหวต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว 0:12:23.702,0:12:26.842 และสร้างมายาคติว่าสิ่งต่างๆ นั้น เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 0:12:27.350,0:12:31.720 เมื่อจิตนั้นนิ่งสงบ ก็จะเห็นว่ามันคือมายาภาพ 0:12:32.382,0:12:36.182 เพราะว่าก็คือจิตนั่นเองที่สร้างมายาภาพขึ้น 0:13:18.156,0:13:20.456 ในทัศนะของโลกตะวันออกแต่โบราณ 0:13:20.456,0:13:22.516 ความเข้าใจมีมานานนับพันปีแล้ว 0:13:22.516,0:13:25.106 ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องของการสั่นสะเทือน 0:13:27.182,0:13:28.692 นาทพรหม 0:13:28.692,0:13:31.286 จักรวาลคือสรรพเสียง 0:13:31.960,0:13:34.720 นาท หมายถึงเสียง หรือการสั่นสะเทือน 0:13:35.229,0:13:38.379 และพรหม คือนามของเทพเจ้า 0:13:38.604,0:13:43.164 พรหม เป็นทั้งจักรวาล และเป็นทั้งผู้สร้างในเวลาเดียวกัน 0:13:43.879,0:13:47.129 ศิลปินและงานศิลปะ ไม่อาจแยกออกจากกันได้ 0:13:48.545,0:13:50.295 ในคัมภีร์อุปนิษัท 0:13:50.415,0:13:53.722 หนึ่งในที่บันทึกเก่าแก่ที่สุดของมนุษย์จากอินเดียโบราณ 0:13:54.028,0:13:58.158 กล่าวไว้ว่า "พรหมผู้เป็นผู้สร้าง ประทับนั่งบนดอกบัว 0:13:58.810,0:14:02.810 เมื่อพระพรหมเบิกพระเนตรขึ้น โลกก็พลันมีชีวิต 0:14:05.703,0:14:09.703 เมื่อพระพรหมหลับพระเนตรลง โลกก็กลับไร้ชีวิตอีกครา 0:14:13.622,0:14:15.842 บรรดาผู้วิเศษ โยคีและหมอดูในยุคโบราณ 0:14:15.842,0:14:17.972 ต่างยืนยันว่ามีสนามพลังงานอยู่จริง 0:14:17.972,0:14:19.872 ในระดับรากฐานของจิตสำนึก 0:14:20.595,0:14:24.035 สนามแห่งที่ว่าง หรือบันทึกแห่งที่ว่างนี้ 0:14:24.035,0:14:25.955 เต็มไปด้วยข้อมูลของทุกสิ่งทุกอย่าง 0:14:25.955,0:14:29.005 ประสบการณ์ทั้งหมดทั้งมวลทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต 0:14:29.005,0:14:31.135 ดำรงอยู่ ณ สนามแห่งนี้ ในทุกขณะ 0:14:32.213,0:14:34.523 สนามพลัง หรือแหล่งกำเนิด (matrix) นี้เอง 0:14:34.523,0:14:36.663 ที่เป็นแหล่งกำเนิดของทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง 0:14:36.663,0:14:39.553 จากอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม ไปจนถึงแกแล็กซี่ 0:14:39.553,0:14:43.283 ดวงดาว ดาวเคราะห์ และชีวิตทั้งหมดทั้งมวล 0:14:51.204,0:14:54.404 คุณไม่อาจมองเห็นภาพรวมทั้งหมดของสิ่งต่างๆ ได้ 0:14:54.404,0:14:56.484 เพราะมันคือระดับชั้นของการสั่นสะเทือน 0:14:56.484,0:14:58.434 ที่สะสม ต่อยอดขึ้นมาชั้นแล้วชั้นเล่า 0:14:58.434,0:15:00.394 อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 0:15:00.394,0:15:03.094 แลกเปลี่ยนข้อมูลกับ Akasha นี้อยู่ตลอด 0:15:05.214,0:15:08.194 ต้นไม้ดื่มกินแสงอาทิตย์ 0:15:09.516,0:15:12.366 อากาศ สายฝน และผืนดิน 0:15:16.834,0:15:18.204 โลกแห่งพลังงานเคลื่อนที่ 0:15:18.204,0:15:21.814 ผ่านเข้าและผ่านออกจากสิ่งที่เราเรียกมันว่าต้นไม้นี้ 0:15:22.204,0:15:24.474 เมื่อจิตซึ่งครุ่นคิดหยุดนิ่งลง 0:15:24.474,0:15:27.084 คุณก็จะเห็นความจริงที่แท้ 0:15:27.084,0:15:29.495 จากทุกๆ แง่มุม 0:15:30.535,0:15:33.335 ต้นไม้ ท้องฟ้า ผืนดิน 0:15:33.335,0:15:35.785 สายฝน และดวงดาว ไม่อาจแยกออกจากกัน 0:15:36.294,0:15:39.314 ชีวิตและความตาย ตัวเราและคนอื่นๆ 0:15:39.314,0:15:41.284 ก็ไม่อาจแยกออกจากกันได้ 0:15:41.560,0:15:45.560 เช่นเดียวกับภูเขาและหุบเขาที่ไม่อาจแยกออกจากกัน 0:15:46.055,0:15:49.315 ชนพื้นเมืองอเมริกัน และชนเผ่าดั้งเดิมต่างๆ 0:15:49.315,0:15:52.065 มีคติความเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีจิตวิญญาณ 0:15:52.274,0:15:55.074 ซึ่งก็หมายความเช่นเดียวกับการกล่าวว่า 0:15:55.074,0:15:58.884 ทุกสิ่งนั้นเชื่อมโยงกับต้นกำเนิดของการสั่นสะเทือนนี้ 0:15:58.884,0:16:01.564 มีจิตสำนึกเพียงหนึ่งเดียว เพียงหนึ่งสนาม 0:16:01.564,0:16:04.814 หนึ่งพลังงานที่เคลื่อนผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง 0:16:05.354,0:16:07.784 สนามพลังงานนี้ไม่ได้เกิดขึ้นรอบๆ ตัวคุณ 0:16:07.784,0:16:10.094 แต่เกิด "ผ่าน" ตัวคุณ 0:16:10.094,0:16:12.864 และเกิดขึ้น "ในฐานะ" ที่เป็นตัวคุณ 0:16:15.335,0:16:18.825 คุณ คือตัวอักษร U ของ คำว่า "จักรวาล" (Universe) 0:16:18.825,0:16:22.795 คุณคือดวงตาที่มองดูการสรรค์สร้างเหล่านี้เอง 0:16:24.548,0:16:26.958 เมื่อคุณตื่นขึ้นจากความฝันคุณก็จะพบว่า 0:16:26.958,0:16:29.888 ทุกสิ่งในฝันนั้นคือตัวคุณเอง 0:16:29.888,0:16:32.128 คุณสร้างมันขึ้นมา 0:16:32.711,0:16:35.391 สิ่งที่เราเรียกกันว่าชีวิตจริงนั้น ก็ไม่ต่างกัน 0:16:35.391,0:16:38.508 ทุกๆ คน ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็คือตัวคุณนั่นเอง 0:16:39.010,0:16:43.010 จิตสำนึกหนึ่งเดียวนั้น มองผ่านออกมาจากดวงตาทุกๆ คู่ 0:16:45.843,0:16:48.813 ภายใต้หินทุกก้อน 0:16:53.825,0:16:56.375 ภายในอนุภาคแต่ละชิ้น 0:17:06.718,0:17:08.728 นักวิจัยระดับนานาชาติที่ CERN 0:17:09.633,0:17:12.372 ห้องปฏิบัติการด้านฟิสิกส์อนุภาคในยุโรป 0:17:12.372,0:17:14.402 กำลังสืบค้นหาสนามพลังดังกล่าว 0:17:14.402,0:17:16.415 ที่แผ่ขยายอยู่ในทุกสรรพสิ่ง 0:17:16.415,0:17:18.815 แต่แทนที่พวกเขาจะมองเข้าไปยังโลกภายใน 0:17:18.815,0:17:22.015 พวกเขากลับมองออกมาในโลกกายภาพภายนอก 0:17:23.259,0:17:25.579 นักวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการของ CERN 0:17:25.579,0:17:27.799 ในกรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศว่า 0:17:27.799,0:17:31.799 พวกเขาได้พบอนุภาคฮิกส์ หรืออนุภาคพระเจ้า 0:17:31.799,0:17:33.719 การทดลองเกี่ยวกับอนุภาคฮิกส์นี้ 0:17:33.719,0:17:36.029 เป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่า 0:17:36.029,0:17:40.029 มีพลังงานที่มองไม่เห็นอยู่ในสนามแห่งสุญญากาศนั้นจริง 0:17:41.346,0:17:44.166 เครื่องชนอนุภาคขนาดใหญ่ที่ CERN ประกอบไปด้วย 0:17:44.166,0:17:46.806 วงแหวนที่มีเส้นรอบวงยาว 17 ไมล์ 0:17:46.806,0:17:50.576 มีลำของอนุภาคที่วิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกัน 0:17:50.576,0:17:54.336 บรรจบและปะทะกันด้วยความเร็วใกล้ความเร็วแสง 0:17:54.810,0:17:56.910 นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตการณ์ผลที่ได้ 0:17:56.910,0:17:58.890 จากการปะทะอย่างรุนแรงนี้ 0:18:02.223,0:18:04.543 แบบจำลองมาตรฐานไม่สามารถอธิบายได้ว่า 0:18:04.543,0:18:06.923 อนุภาคเหล่านั้นมีมวลเกิดขึ้นได้อย่างไร 0:18:06.923,0:18:09.663 ทุกๆ สิ่งดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือน 0:18:09.663,0:18:12.983 แต่ก็กลับไม่มี "สิ่ง" ซึ่งสั่นสะเทือนนั้น 0:18:16.165,0:18:19.235 ดูราวกับว่ามันมีนักเต้นล่องหนอยู่ 0:18:19.235,0:18:20.435 เป็นร่างเงา 0:18:20.435,0:18:23.125 ร่ายรำอย่างหลบซ่อนอยู่ ในระบำของจักรวาล 0:18:23.911,0:18:26.321 นักเต้นคนอื่นๆ ร่ายรำอย่างไม่หยุดหย่อน 0:18:26.321,0:18:28.291 อยู่รอบๆ นักเต้นที่ซ่อนตัวอยู่นี้ 0:18:29.087,0:18:32.467 เราเฝ้าดูระบำนี้ แต่กระนั้น 0:18:32.467,0:18:35.687 จนบัดนี้เราก็ยังหานักเต้นผู้นี้ไม่พบ 0:18:41.297,0:18:43.747 สิ่งที่ถูกขนานนามว่า อนุภาคพระเจ้า นี้ 0:18:44.294,0:18:47.764 เป็นคุณสมบัติของสสารอันเป็นรากฐานแห่งจักรวาล 0:18:47.764,0:18:49.424 เป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นตัวไขปริศนา 0:18:49.424,0:18:51.222 มวลและพลังงานที่อธิบายไม่ได้ 0:18:51.222,0:18:54.642 ที่ขับเคลื่อนการแผ่ขยายของจักรวาล 0:18:56.247,0:18:59.437 กระนั้น ก็ยังไม่สามารถอธิบายธรรมชาติแห่งจักรวาลได้ 0:18:59.437,0:19:02.457 การค้นพบอนุภาคฮิกส์นั้น ทำได้เพียงแสดงให้เห็นถึง 0:19:02.457,0:19:04.667 ปริศนาที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าเดิม เผยให้เห็นว่า 0:19:04.667,0:19:08.667 จักรวาลยังมีสิ่งลึกลับมากไปกว่าที่เราจินตนาการไว้ 0:19:10.541,0:19:12.901 วิทยาศาสตร์ได้พุ่งเป้าไปที่เส้นแบ่ง 0:19:12.901,0:19:15.445 ระหว่างจิตสำนึก และสรรพสิ่ง 0:19:15.445,0:19:18.405 ดวงตาที่เราใช้มองไปยังสนามพลังต้นกำเนิดนั้น 0:19:18.405,0:19:21.265 กับดวงตาที่สนามพลังนั้นมองกลับมายังเรา 0:19:21.265,0:19:23.525 คือดวงตาหนึ่งเดียวกัน 0:19:34.963,0:19:38.313 นักเขียนชาวเยอรมัน วูล์ฟกัง วอน เกอเธ่ กล่าวไว้ว่า 0:19:38.581,0:19:41.271 "คลื่นนั้นคือปรากฏการณ์เริ่มแรก 0:19:41.271,0:19:43.901 ซึ่งให้กำเนิดโลกใบนี้" 0:19:46.976,0:19:48.486 การถอดรหัสของเสียง (Cymatics) 0:19:48.486,0:19:51.456 คือการศึกษารูปแบบของเสียงที่มองเห็นได้ 0:19:53.756,0:19:56.566 คำว่า cymatic นี้มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 0:19:56.566,0:20:00.036 คือ cyma ซึ่งแปลว่า คลื่น หรือการสั่นสะเทือน 0:20:08.621,0:20:11.761 หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกผู้ศึกษา 0:20:11.761,0:20:14.281 ปรากฏการณ์คลื่นอย่างจริงจัง คือ เอิร์นส์ แคลดนี 0:20:14.281,0:20:16.181 นักดนตรีและนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน 0:20:16.181,0:20:18.091 มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 18 0:20:18.589,0:20:21.189 แคลดนีค้นพบว่าเมื่อเขาโปรยทรายลงบนจานโลหะ 0:20:22.375,0:20:26.073 และใช้คันชักของไวโอลินทำให้จานนั้นสั่นสะเทือน 0:20:26.073,0:20:29.053 ทรายนั้นจะเรียงตัวเป็นลวดลายต่างๆ 0:20:29.053,0:20:31.733 ปรากฏให้เห็นเป็นรูปทรงเรขาคณิตต่างๆ กันไป 0:20:31.733,0:20:34.423 ตามแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น 0:20:38.019,0:20:41.559 แคลดนีบันทึกรูปเหล่านี้เอาไว้ทั้งหมด 0:20:41.559,0:20:43.509 รูปชุดนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า 0:20:43.509,0:20:45.169 ภาพของแคลดนี 0:20:45.169,0:20:47.084 ลวดลายเหล่านี้ หลายๆ ลวดลาย 0:20:47.084,0:20:50.864 พบเห็นได้ตามธรรมชาติ เช่นลายบนเต่าบก 0:20:53.846,0:20:57.266 หรือลายจุดบนเสือดาว 0:21:03.685,0:21:06.995 ศาสตร์แห่งภาพของแคลดนี หรือ ภาพรหัสเสียงนี้ 0:21:06.995,0:21:10.405 เป็นวิธีการลับๆ ที่เหล่านักกีต้าร์และนักไวโอลินชั้นครู 0:21:10.405,0:21:13.245 และเหล่าช่างทำเครื่องดนตรีทั้งหลายใช้บ่งชี้ 0:21:13.245,0:21:16.565 ระดับคุณภาพเสียงของเครื่องดนตรีที่เขาทำขึ้นมา 0:21:21.703,0:21:25.703 ฮานส์ เจนนี ต่อยอดงานของแคลดนีในช่วงยุค 60 0:21:27.511,0:21:30.141 เขาใช้ของเหลวชนิดต่างๆ 0:21:30.141,0:21:33.201 และใช้กระแสไฟฟ้าในการสร้างความถี่เสียง 0:21:33.201,0:21:36.551 และกำหนดคำว่า การถอดรหัสเสียง (cymatics) ขึ้นมาใช้ 0:21:37.516,0:21:40.606 หากคุณส่งรหัสคลื่นแบบไซน์ผ่านลงไปในจานที่มีน้ำอยู่ 0:21:40.606,0:21:43.046 คุณก็จะเห็นลวดลายของคลื่นนั้นในน้ำ 0:21:43.046,0:21:45.646 ลักษณะของคลื่นจะต่างกันไป 0:21:45.646,0:21:47.926 ขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่น 0:21:47.926,0:21:52.126 ยิ่งความถี่สูง ลวดลายของคลื่นก็ยิ่งซับซ้อน 0:21:52.126,0:21:55.586 ลวดลายเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำ ไม่ใช่ลักษณะสุ่ม 0:21:55.586,0:21:58.906 ยิ่งคุณเฝ้าดู คุณก็จะเริ่มเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า 0:21:58.906,0:22:01.916 การสั่นสะเทือนนั้น สร้างสิ่งซึ่งซับซ้อนขึ้นมาจาก 0:22:01.916,0:22:04.626 การเกิดขึ้นซ้ำๆ ของคลื่นธรรมดาๆ ได้อย่างไร 0:22:04.866,0:22:08.866 คลื่นในน้ำที่เห็นนี้ คล้ายคลึงกับรูปดอกทานตะวัน 0:22:29.544,0:22:32.444 แค่เพียงเปลี่ยนความถี่คลื่นเสียงเท่านั้น 0:22:32.444,0:22:35.054 เราก็จะได้ลวดลายที่ต่างไป 0:22:52.156,0:22:55.276 น้ำเป็นสสารที่น่าพิศวงมาก 0:22:55.276,0:22:57.516 มันไวต่อสิ่งกระตุ้นเป็นอย่างมาก 0:22:57.516,0:22:58.466 นั่นหมายความว่า 0:22:58.466,0:23:01.176 มันสามารถรับรหัส และรักษาการสั่นสะเทือนไว้ได้ 0:23:01.176,0:23:04.216 เพราะน้ำสามารถสั่นพ้องได้ดี และมีความอ่อนไหวมาก 0:23:04.216,0:23:06.626 และมีความพร้อมโดยธรรมชาติที่จะรับการสั่นพ้อง 0:23:06.946,0:23:08.506 น้ำจึงสามารถที่จะมีปฏิกิริยา 0:23:08.506,0:23:11.306 ต่อคลื่นเสียงทุกรูปแบบได้อย่างทันทีทันใด 0:23:12.209,0:23:14.009 น้ำและดินซึ่งสั่นสะเทือนนั้น 0:23:14.009,0:23:17.449 คือส่วนประกอบสำคัญในมวลของพืชและสัตว์ 0:23:18.943,0:23:21.883 การเฝ้ามองว่าการสั่นสะเทือน 0:23:21.883,0:23:24.753 ทำให้น้ำเกิดลวดลายขึ้นได้อย่างไร ทำได้ง่าย 0:23:25.626,0:23:29.696 แต่ถ้าเราเติมของแข็งลงไป พร้อมกับเพิ่มกระแสไฟฟ้า 0:23:29.696,0:23:32.926 ผลที่ได้ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก 0:23:35.080,0:23:37.030 เมื่อลองใส่แป้งข้าวโพดลงไปในน้ำ 0:23:37.030,0:23:40.020 เราก็ได้เห็นปรากฎการณ์ที่ซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม 0:23:58.674,0:24:01.154 บางที เราก็อาจจะเข้าใจหลักการของชีวิตได้ 0:24:01.154,0:24:05.154 จากเฝ้ามองการสั่นสะเทือนที่ทำให้ก้อนของแป้งข้าวโพด 0:24:05.154,0:24:08.134 แปรสภาพไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อยู่นิ่ง 0:24:12.757,0:24:15.717 แนวคิดของจักรวาลที่ว่าด้วยชีวิตนี้ 0:24:15.717,0:24:18.477 ถูกอธิบายไว้ในศาสนาทุกศาสนา 0:24:18.477,0:24:19.867 โดยใช้คำพูดต่างๆ กันไป 0:24:19.867,0:24:22.527 ตามแต่บริบทของสังคมในยุคนั้น 0:24:26.071,0:24:28.081 ในภาษาของชาวอินคา 0:24:28.081,0:24:30.031 อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกา 0:24:30.031,0:24:31.801 ในยุคก่อนการค้นพบของโคลัมบัส 0:24:31.801,0:24:34.751 คำว่า "ร่างกายของมนุษย์" คือ อัลพา คามัสคา 0:24:34.751,0:24:37.911 ซึ่งแปลได้ตรงตัวว่า โลกที่มีชีวิต 0:24:41.276,0:24:43.856 ในคติคับบาล่าห์ หรือศาสตร์ลึกลับแห่งยิว 0:24:43.856,0:24:46.656 ได้กล่าวถึงพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า 0:24:46.656,0:24:49.146 พระนามอันไม่สามารถเอื้อนเอ่ยได้ 0:24:49.146,0:24:51.416 เนื่องจากพระนามนี้คือเสียงของการสั่นสะเทือน 0:24:51.416,0:24:52.886 ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง 0:24:52.886,0:24:56.586 คือทุกถ้อยคำ ทุกสรรพสิ่ง 0:24:56.586,0:24:59.466 ทุกสิ่งทุกอย่างคือถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิ์ 0:25:00.246,0:25:01.636 เตตระเฮดรอน (รูปทรงสี่หน้า) 0:25:01.636,0:25:05.116 คือรูปทรงที่เรียบง่ายที่สุด ที่เหมือนกันทุกด้าน 0:25:05.116,0:25:07.576 สิ่งหนึ่งๆ จะมีตัวตนในทางกายภาพได้นั้น 0:25:07.576,0:25:09.706 จะต้องมีจุดเชื่อมอย่างน้อย 4 จุด 0:25:09.706,0:25:12.296 โครงสร้างสามเหลี่ยมนั้นเป็นรูปร่างเดียวในธรรมชาติ 0:25:12.296,0:25:13.806 ที่มีความเสถียรด้วยตัวเอง 0:25:13.806,0:25:17.246 ในคัมภีร์พันธสัญญาเดิม คำว่า "เตตระกรัมมาตอน" 0:25:17.246,0:25:19.726 มักใช้เพื่อแสดงถึงการปรากฏขึ้นของพระเจ้า 0:25:19.726,0:25:21.146 ในลักษณาการเฉพาะ 0:25:21.146,0:25:23.846 มันมักจะถูกใช้เมื่อพูดถึงพระวาจาของพระเจ้า 0:25:23.846,0:25:25.836 หรือพระนามเฉพาะของพระเจ้า 0:25:25.836,0:25:29.636 พระวจนะ (LOGOS) หรือถ้อยกำเนิดจักรวาล 0:25:33.347,0:25:35.357 อารยธรรมโบราณล่วงรู้ว่า 0:25:35.357,0:25:37.717 ที่ฐานรากของโครงสร้างจักรวาลนั้น 0:25:37.717,0:25:39.497 เป็นรูปทรงสี่หน้า 0:25:40.595,0:25:43.905 จากรูปทรงนี้ ธรรมชาติน้อมนำตนเองตามแรงขับ 0:25:43.905,0:25:46.595 ไปสู่สภาวะสมดุล คือ ศิวะ 0:25:47.423,0:25:49.833 ในขณะเดียวกันก็ยังมีแรงขับอีกแรง 0:25:49.833,0:25:53.213 ที่โน้มเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง คือ ศักติ 0:25:56.828,0:25:59.918 ในคัมภีร์ไบเบิ้ล พระกิตติแห่งยอห์น มักถูกเขียนไว้ว่า 0:25:59.918,0:26:02.088 "ในตอนแรกเริ่มนั้นคือถ้อยคำ" 0:26:02.088,0:26:04.558 หากในต้นฉบับเดิมนั้น ใช้คำว่า 0:26:04.558,0:26:06.358 LOGOS 0:26:07.772,0:26:10.302 เฮราไคลตุส นักปรัชญาชาวกรีก 0:26:10.302,0:26:13.272 ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล 0:26:13.272,0:26:16.492 กล่าวถึง LOGOS ว่ามันคือสิ่งซึ่งไม่อาจเข้าถึง 0:26:16.492,0:26:20.492 เป็นพื้นฐานแห่งการทำซ้ำ ลวดลาย และรูปแบบ 0:26:22.372,0:26:26.002 นักปรัชญาสโตอิกที่ยึดถือตามคำสอนของเฮราไคลตุส 0:26:26.002,0:26:27.672 อธิบายคำว่า LOGOS นี้ไว้ว่า 0:26:27.672,0:26:29.652 คือหลักศักดิ์สิทธิ์แห่งความมีชีวิต 0:26:29.652,0:26:32.022 ที่แทรกซึมอยู่ทั่วทั้งจักรวาล 0:26:36.315,0:26:39.695 ในลัทธิซูฟี LOGOS นี้มีอยู่ทุกที่ 0:26:39.695,0:26:41.594 ในทุกสิ่งทุกอย่าง 0:26:42.354,0:26:46.474 มันทำให้ สิ่งที่ไม่เคยสำแดงตน ได้สำแดงตนออกมา 0:26:52.799,0:26:56.799 ในคติฮินดู ศิวนาฏราช มีความหมายตรงตัวว่า 0:26:56.799,0:26:59.269 "ราชาแห่งการร่ายรำ" 0:27:00.121,0:27:03.611 ทั้งจักรวาลนี้ร่ายรำตามเสียงกลองแห่งศิวะ 0:27:03.611,0:27:07.611 สิ่งต่างๆ อาบอิ่มและมีชีวิตขึ้นด้วยจังหวะนั้น 0:27:07.611,0:27:10.411 แค่ตราบเท่าที่ศิวะยังคงร่ายรำ 0:27:10.411,0:27:13.761 โลกนี้ก็จะยังคงวิวัฒน์และเปลี่ยนแปลง 0:27:13.761,0:27:17.251 มิเช่นนั้นแล้ว โลกนี้ก็จะล่มสลายลงสู่ความว่างเปล่า 0:27:19.026,0:27:23.246 ในขณะที่ศิวะคือตัวแทนจิตสำนึกของเรา อันเป็นตัวรู้ 0:27:23.246,0:27:27.016 ศักติก็คือตัวแทนของสิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ 0:27:27.016,0:27:29.856 ในขณะที่ศิวะดำรงอยู่ในภาวะแห่งสมาธิ 0:27:29.856,0:27:32.526 ศักติก็พยายามจะโน้มนำศิวะ 0:27:32.526,0:27:34.470 ให้กลับไปสู่การร่ายรำ 0:27:34.470,0:27:36.130 ดังเช่นหยินและหยาง 0:27:36.130,0:27:40.130 ผู้ร่ายรำและการร่ายรำนั้น ดำรงอยู่เป็นหนึ่งเดียวกัน 0:27:42.837,0:27:45.007 LOGOS ยังหมายความรวมถึง 0:27:45.007,0:27:47.077 ความจริงที่เปิดเผยออก 0:27:47.077,0:27:50.537 ใครที่ล่วงรู้ LOGOS ก็จะล่วงรู้ความเป็นจริงด้วย 0:27:51.267,0:27:54.717 โลกของมนุษย์นั้น มีการปกปิดอยู่หลายชั้น 0:27:54.717,0:27:58.717 และที่ว่างนี้ก็ได้ถูกหมุนไปเป็นโครงสร้างอันซับซ้อน 0:27:58.717,0:28:01.867 และห่อหุ้มแหล่งกำเนิดของมันไว้ 0:28:01.867,0:28:04.437 เฉกเช่นเกมซ่อนหาอันศักดิ์สิทธิ์ 0:28:04.437,0:28:07.407 เราได้เล่นเกมนี้มานับพันๆ ปีแล้ว 0:28:07.407,0:28:10.777 ในที่สุด ก็ลืมไปแล้วว่าเรากำลังเล่นเกมกันอยู่ 0:28:10.777,0:28:15.157 เราลืมไปว่ามีสิ่งที่เรากำลังค้นหาอยู่ 0:28:17.549,0:28:18.679 ในศาสนาพุทธ 0:28:18.679,0:28:21.789 ผู้ปฏิบัติจะถูกฝึกให้รับรู้ถึง LOGOS โดยตรง 0:28:21.789,0:28:24.949 ให้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน 0:28:24.949,0:28:28.059 ภายในตนเอง ผ่านการฝึกสมาธิ 0:28:28.059,0:28:30.439 เมื่อคุณเฝ้าสังเกตโลกภายใน 0:28:30.439,0:28:34.259 คุณจะเห็นพลังงานและความรู้สึกที่ละเอียดมากขึ้น 0:28:34.259,0:28:38.539 เหตุเพราะจิตนั้นนิ่งและจดจ่อมากยิ่งขึ้น 0:28:38.539,0:28:41.149 เมื่อจิตตื่นรู้ถึง "อนิจจัง" 0:28:41.149,0:28:44.529 หรือความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของอารมณ์ความรู้สึก 0:28:44.529,0:28:46.899 บุคคลนั้นก็จะเป็นอิสระจากความยึดมั่นถือมั่น 0:28:46.899,0:28:50.932 ในความไม่เที่ยงแท้ของโลกภายนอก 0:28:50.932,0:28:53.462 เมื่อเราเห็นแล้วว่า สนามพลังของการสั่นสะเทือนนี้ 0:28:53.462,0:28:56.432 มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว และเป็นฐานรากของศาสนาทั้งปวง 0:28:56.432,0:28:59.302 เราจะกล่าวได้อย่างไรว่า "ศาสนาของฉัน" หรือ 0:28:59.302,0:29:03.822 "นี่คือต้นกำเนิดของฉัน" หรือ "สนามควอนตัมของฉัน" 0:29:25.506,0:29:28.606 วิกฤตที่แท้ของโลกนี้ไม่ใช่เรื่องของสังคม 0:29:28.606,0:29:30.666 การเมือง หรือเศรษฐกิจ 0:29:32.109,0:29:35.409 วิกฤตที่เราเผชิญนี้คือวิกฤตแห่งความตระหนักรู้ 0:29:35.409,0:29:37.129 คือความไม่สามารถที่จะสัมผัส 0:29:37.129,0:29:39.819 กับธรรมชาติเดิมแท้ของเราได้ 0:29:41.708,0:29:44.198 ความไม่สามารถที่จะมองเห็นธรรมชาติเดียวกันนี้ 0:29:44.198,0:29:46.708 ในทุกๆ คน และทุกๆ สรรพสิ่งได้ 0:29:53.669,0:29:58.999 ในศาสนาพุทธ "พระโพธิสัตว์" คือผู้ที่ตื่นรู้แล้ว 0:30:00.251,0:30:04.251 และให้คำสัตย์ว่าจะช่วยเหลือสรรพชีวิตทั่วทั้งจักรวาลนี้ 0:30:05.643,0:30:09.003 ให้ตื่นรู้ และมองเห็นสำนึกหนึ่งเดียวกันนี้ด้วย 0:30:09.003,0:30:11.773 การที่จิตสำนึกหนึ่งใดจะตื่นรู้ขึ้นได้นั้น 0:30:11.773,0:30:15.773 จิตนั้นก็จำเป็นจะต้องปลุกให้ชีวิตทุกชีวิตตื่นรู้ขึ้นด้วย 0:30:20.149,0:30:24.149 "มีสรรพชีวิตเหลือคณานับในจักรวาลนี้ 0:30:24.149,0:30:26.029 ข้าพเจ้าตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า 0:30:26.029,0:30:28.729 จะช่วยเหลือพวกเขาให้ตื่นรู้ทั้งหมดให้จงได้ 0:30:28.729,0:30:31.769 ความไม่สมบูรณ์แบบของข้าพเจ้านั้นไม่มีที่สิ้นสุด 0:30:31.769,0:30:35.619 ข้าพเจ้าตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะก้าวข้ามให้จงได้ 0:30:35.619,0:30:37.949 หลักธรรมนั้นไม่อาจจะเป็นที่รู้แจ้ง 0:30:37.949,0:30:41.079 ข้าพเจ้าตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะล่วงรู้ให้จงได้ 0:30:41.079,0:30:44.739 หนทางแห่งการตื่นรู้นั้นไม่อาจเดินล่วงไปได้สำเร็จ 0:30:46.769,0:30:50.009 ข้าพเจ้าตั้งสัตย์ว่าจะเดินล่วงไปให้จงได้"