WEBVTT 00:00:06.481 --> 00:00:11.020 จะคิดอย่างไรถ้าผมบอกว่า มีแบคทีเรียเล็กๆ หลายล้านล้าน อยู่รอบตัวคุณ 00:00:11.044 --> 00:00:12.499 มันจริงนะ 00:00:12.523 --> 00:00:16.598 จุลชีพที่เรียกว่าแบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตแรกๆ 00:00:16.622 --> 00:00:17.764 ที่ปรากฏตัวขึ้นบนโลก 00:00:18.526 --> 00:00:20.833 แม้ว่าพวกมันจะมีแค่เซลล์เดียว 00:00:20.857 --> 00:00:25.426 ชีวมวลรวมของพวกมันมากกว่า ของพืชและสัตว์รวมกัน 00:00:26.668 --> 00:00:28.618 และพวกมันก็อาศัยอยู่ทุกหนทุกแห่ง 00:00:28.642 --> 00:00:30.995 บนพื้นดิน ในน้ำ 00:00:31.019 --> 00:00:33.531 บนโต๊ะในครัวของคุณ บนผิวหนังของคุณ 00:00:33.555 --> 00:00:35.210 แม้แต่ในตัวคุณ 00:00:35.945 --> 00:00:38.252 อย่าเพิ่งกดปุ่มตกใจ 00:00:38.276 --> 00:00:42.072 แม้คุณจะมีแบคทีเรียในตัวมากเป็น 10 เท่า 00:00:42.096 --> 00:00:43.993 ของเซลล์ร่างกายของคุณ 00:00:44.018 --> 00:00:48.081 ส่วนมากแบคทีเรียพวกนี้ไม่มีพิษภัย และยังเป็นประโยชน์ 00:00:48.106 --> 00:00:50.246 ช่วยย่อยอาหารและให้ภูมิคุ้มกัน 00:00:51.086 --> 00:00:54.871 แต่ก็มีพวกแย่ๆ เหมือนกัน สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่เป็นอันตราย 00:00:54.895 --> 00:00:57.942 ตั้งแต่อาการไม่สบายเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงโรคระบาดที่น่าสะพรึงกลัว 00:00:58.717 --> 00:01:04.120 โชคดี มียาที่น่าทึ่งซึ่งถูกออกแบบมา เพื่อสู้กับการติดเชื้อแบคทีเรีย 00:01:04.144 --> 00:01:08.020 สกัดจากสารเคมีหรือเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่นในเชื้อรา 00:01:08.044 --> 00:01:11.091 ยาปฏิชีวนะเหล่านี้ฆ่าหรือล้างพิษแบคทีเรีย 00:01:11.115 --> 00:01:13.951 โดยยับยั้งการสร้างผนังเซลล์ 00:01:13.975 --> 00:01:18.031 หรือขัดขวางกระบวนการที่สำคัญ อย่างการสังเคราะห์โปรตีน 00:01:18.055 --> 00:01:20.369 โดยไม่ทำอันตรายให้กับเซลล์มนุษย์ 00:01:21.131 --> 00:01:24.430 การพัฒนาของยาปฏิชีวนะ ตลอดศตวรรษที่ 20 00:01:24.454 --> 00:01:27.950 ได้ทำให้โรคร้ายแรงมากมายก่อนหน้านี้ ถูกรักษาได้อย่างง่ายดาย 00:01:27.974 --> 00:01:30.847 แต่ปัจจุบัน ยาปฏิชีวนะของเรา มีมากมายหลายชนิด 00:01:30.871 --> 00:01:32.963 กำลังลดประสิทธิภาพลง 00:01:32.987 --> 00:01:35.564 มีอะไรผิดปกติที่ทำให้มันหยุดทำงานงั้นหรือ 00:01:35.588 --> 00:01:40.423 ปัญหาไม่ได้เกี่ยวกับยาปฏิชีวนะ แต่เป็นแบคทีเรียที่พวกมันต่อสู้ด้วย 00:01:40.447 --> 00:01:43.797 และเหตุผลก็ตั้งอยู่บนทฤษฎี การคัดเลือกโดยธรรมชาติของดาร์วิน 00:01:44.587 --> 00:01:46.238 เหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ 00:01:46.262 --> 00:01:49.596 แบคทีเรียตัวหนึ่งสามารกลายพันธุ์ได้อย่างสุ่ม 00:01:49.937 --> 00:01:53.211 การกลายพันธุ์หลายอย่าง เป็นอันตรายและไร้ประโยชน์ 00:01:53.235 --> 00:01:56.584 แต่บางครั้งบางที ก็มีแบบที่ทำให้สิ่งมีชีวิตนั้น 00:01:56.608 --> 00:01:58.211 มีโอกาสที่จะอยู่รอด 00:01:58.488 --> 00:01:59.870 และสำหรับแบคทีเรีย 00:01:59.895 --> 00:02:02.911 การกลายพันธุ์ที่ทำให้มันสามารถดื้อต่อ ยาปฏิชีวนะบางอย่าง 00:02:02.936 --> 00:02:04.364 ค่อนข้างจะให้โอกาสพวกมัน 00:02:05.208 --> 00:02:07.976 ในขณะที่แบคทีเรียที่ไม่ดื้อยาถูกฆ่าไป 00:02:08.000 --> 00:02:11.350 ซึ่งเกิดขึ้นค่อนข้างเร็วในสภาพแวดล้อม ที่มียาปฏิชีวนะอยู่มาก 00:02:11.374 --> 00:02:12.474 เช่นในโรงพยาบาล 00:02:12.520 --> 00:02:15.715 ทำให้มีพื้นที่และแหล่งอาหารมากกว่า สำหรับแบคทีเรียดื้อยาที่จะเติบโต 00:02:15.740 --> 00:02:19.573 และส่งต่อแต่พันธุกรรมที่กลายพันธุ์นั้น ที่ช่วยพวกมัน 00:02:19.597 --> 00:02:21.905 การสืบพันธุ์ไม่ใช่ทางเดียวที่จะทำสิ่งนี้ 00:02:22.580 --> 00:02:26.572 บางชนิดสามารถปล่อยดีเอ็นเอเมื่อพวกมันตาย ให้แบคทีเรียตัวอื่นเก็บไป 00:02:26.596 --> 00:02:29.158 ในขณะที่ชนิดอื่นอาจใช้วิธีที่เรียกว่า คอนจูเกชั่น (conjugation) 00:02:29.182 --> 00:02:32.107 เชื่อมต่อผ่านพิไล (pili) เพื่อแลกยีนของพวกมัน 00:02:32.131 --> 00:02:34.833 เมื่อเวลาผ่านไป ยีนดื้อยาก็เพิ่มจำนวนขึ้น 00:02:34.857 --> 00:02:37.837 สร้างสายพันธ์ุที่มีความดื้อยายิ่งยวด 00:02:39.127 --> 00:02:42.561 แล้ว เรามีเวลาแค่ไหนก่อนที่แบคทีเรีย เหล่านี้จะเข้าครอบครอง 00:02:43.466 --> 00:02:45.823 อืม มันเกิดขึ้นแล้วในแบคทีเรียบางชนิด 00:02:46.989 --> 00:02:50.352 ยกตัวอย่างเช่น สเตรฟิโลค๊อกคัส ออรูรัส บางสายพันธุ์ 00:02:50.376 --> 00:02:54.157 ที่ทำให้เกิดทุกอย่างตั้งแต่ผิวหนังติดเชื้อ จนถึงปอดบวมและติดเชื้อในกระแสโลหิต 00:02:54.181 --> 00:02:56.209 ได้พัฒนาไปเป็น MRSA 00:02:56.233 --> 00:02:59.100 ที่สามารถดื้อยาปฏิชีวนะ บีต้า-แลคแทม 00:02:59.124 --> 00:03:01.581 เช่นเพนนิซิลิน เมทิซิลิน และออกซาซิลิน 00:03:02.573 --> 00:03:07.377 ต้องขอบคุณยีนที่แทนที่โปรตีนบีต้า-แลคแทม ที่ปกติคือเป้าหมาย และที่เข้าจับ 00:03:07.401 --> 00:03:10.836 MRSA ทำให้ผนังเซลล์ของมัน ไม่สามารถถูกขัดขวางได้ 00:03:10.860 --> 00:03:13.885 แบคทีเรียดื้อยาอื่นๆ อย่าง ซาโมเนลา 00:03:13.909 --> 00:03:17.055 บางทีก็ผลิตเอนไซม์อย่าง บีต้า-แลคแทม 00:03:17.079 --> 00:03:20.678 ที่สลายยาปฏิชีวนะที่บุกเข้ามา ก่อนที่จะทำอะไรมันได้ 00:03:20.702 --> 00:03:21.702 และ อีโคไล ซึ่งเป็นแบคทีเรีย กลุ่มที่มีความหลากหลาย 00:03:23.439 --> 00:03:26.827 ที่มีสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคท้องเสียและไตวาย 00:03:26.851 --> 00:03:28.963 สามารถยับยั้งการทำงานของยาปฏิชีวนะ 00:03:28.987 --> 00:03:31.381 เช่น ควิโนโลนส์ โดยสะกัดกั้นผู้บุกรุกใดๆ 00:03:31.405 --> 00:03:33.214 ที่หมายจะเข้ามาในเซลล์ 00:03:34.566 --> 00:03:36.368 แต่ยังมีข่าวดี 00:03:36.392 --> 00:03:39.587 นักวิทยาศาสตร์กำลังหาทาง ที่จะก้าวล้ำแบคทีเรียพวกนี้ไปหนึ่งก้าว 00:03:39.611 --> 00:03:41.705 และแม้ว่าการพัฒนายาปฏิชีวนะตัวใหม่ 00:03:41.729 --> 00:03:43.373 ค่อนข้างล่าช้าในหลายปีที่ผ่านมา 00:03:43.397 --> 00:03:47.626 องค์กรอนามัยโลกได้ให้ความสำคัญ ในการพัฒนาการบำบัดรักษาแบบใหม่ 00:03:48.487 --> 00:03:51.249 นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ กำลังทำการสำรวจทางเลือกอื่นๆ 00:03:51.273 --> 00:03:54.912 เช่นการบำบัดรักษาโดยฟาร์จ หรือการใช้วัคซีนป้องกันการติดเชื้อ 00:03:55.784 --> 00:03:59.597 ที่สำคัญที่สุด การควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะ ที่มากเกินไปหรือไม่จำเป็น 00:03:59.621 --> 00:04:02.660 สำหรับการติดเชื้อเล็กน้อย ที่สามารถหายได้เอง 00:04:02.684 --> 00:04:06.320 หรือการเปลี่ยนวิธีการทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล 00:04:06.344 --> 00:04:07.717 อาจมีผลกระทบที่สำคัญ 00:04:07.741 --> 00:04:10.265 ในการทำให้แบคทีเรียที่ไม่ดื้อยามีชีวิตอยู่ 00:04:10.289 --> 00:04:12.320 เป็นคู่แข่งของสายพันธุ์ที่ดื้อยา 00:04:13.082 --> 00:04:16.815 ในสงครามต้านแบคทีเรียดื้อยา การลดจำนวนลงอาจได้ผลมากกว่า 00:04:16.839 --> 00:04:18.935 พัฒนาการแข่งขันด้านอาวุธ