WEBVTT 00:00:00.645 --> 00:00:03.196 ฝูงวัวป่า ฝูงปลา 00:00:03.196 --> 00:00:04.825 ฝูงนก 00:00:04.825 --> 00:00:06.893 สัตว์หลายชนิด ไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มใหญ่ 00:00:06.893 --> 00:00:08.879 นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่อัศจรรย์ที่น่ายลที่สุด 00:00:08.879 --> 00:00:10.597 ในโลกธรรมชาติ 00:00:10.597 --> 00:00:13.321 แต่ทำไมต้องมีการรวมกลุ่มด้วย 00:00:13.321 --> 00:00:14.958 คำตอบทั่วๆ ไปก็มีดั่งเช่น 00:00:14.958 --> 00:00:17.924 เพื่อความปลอดภัยเมื่ออยู่ด้วยกันมากๆ หรือเพื่อการล่าเป็นฝูง 00:00:17.924 --> 00:00:20.420 หรือมารวมตัวกันเพื่อหาคู่ หรือผสมพันธุ์ 00:00:20.420 --> 00:00:22.088 และคำอธิบายทั้งหมดนี้ 00:00:22.088 --> 00:00:23.325 ถึงแม้ว่ามันมักจะถูกต้อง 00:00:23.325 --> 00:00:26.368 ได้สร้างบทสรุปใหญ่ใหักับพฤติกรรมของสัตว์ 00:00:26.368 --> 00:00:29.545 ว่าสัตว์ต่างๆ มีอำนาจควบคุมการกระทำของพวกมัน 00:00:29.545 --> 00:00:31.796 ว่าพวกมันมีอำนาจสั่งร่างกายของมัน 00:00:31.796 --> 00:00:35.223 และมันมักจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น NOTE Paragraph 00:00:35.223 --> 00:00:38.147 นี่คือ อาร์ทีเมีย (Artemia) หรือไรทะเล 00:00:38.147 --> 00:00:40.911 คุณอาจรู้จักมันดีกว่าในนามลิงทะเล (sea monkey) 00:00:40.911 --> 00:00:42.906 มันตัวเล็ก และมักอยู่เดี่ยวๆ เป็นอิสระ 00:00:42.906 --> 00:00:45.983 แต่สามารถมารวมกลุ่มกันเป็นฝูงขนาดใหญ่สีแดง 00:00:45.983 --> 00:00:48.230 ที่กว้างออกไปหลายเมตร 00:00:48.230 --> 00:00:51.320 และการรวมกลุ่มนี้เกิดขึ้นเพราะปรสิต 00:00:51.320 --> 00:00:54.006 ไรทะเลเหล่านี้มีหนอนพยาธิตัวแบน 00:00:54.006 --> 00:00:56.257 หนอนพยาธิตัวแบนเป็นเหมือนทางเดินอาหารยาวๆ ที่มีชีวิต 00:00:56.257 --> 00:00:59.145 และมีอวัยวะสืบพันธุ์ที่ปลายข้างหนึ่ง มีปากแบบตะขอที่ปลายอีกข้างหนึ่ง 00:00:59.145 --> 00:01:01.680 ในฐานะนักข่าวอิสระ ผมสงสารมันนะ 00:01:01.680 --> 00:01:03.835 (เสียงหัวเราะ) 00:01:03.835 --> 00:01:06.743 พยาธิตัวแบนดูดเอาสารอาหารจากร่างกายของไรทะเล 00:01:06.743 --> 00:01:08.820 แต่มันยังทำอย่างอื่นอีก 00:01:08.820 --> 00:01:10.440 มันจัดการตอนไรทะเล 00:01:10.440 --> 00:01:15.158 มันเปลี่ยนให้ไรทะเลมีสีจากที่โปร่งแสงเป็นสีแดงสด 00:01:15.158 --> 00:01:16.674 มันทำให้พวกไรทะเลมีอายุยืนขึ้น 00:01:16.674 --> 00:01:19.031 และนักชีววิทยา นิโคลัส โรด (Nicolas Rode) พบว่า 00:01:19.031 --> 00:01:22.390 มันทำให้ไรทะเลว่าน้ำเป็นกลุ่ม 00:01:22.390 --> 00:01:25.842 ทำไมล่ะ เพราะว่าพยาธิตัวแบน เป็นเหมือนปรสิตอื่นๆ 00:01:25.842 --> 00:01:27.423 ตรงที่พวกมันมีวงชีวิตที่ซับซ้อน 00:01:27.423 --> 00:01:29.687 ข้องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นเจ้าบ้านหลายชนิด 00:01:29.687 --> 00:01:32.091 ไรทะเลเป็นแค่บันไดก้าวหนึ่งในการเดินทางของมัน 00:01:32.091 --> 00:01:34.703 จุดหมายปลายทางของมันก็คือนี่ 00:01:34.703 --> 00:01:36.650 นกฟลามิงโก้ (greater flamingo) 00:01:36.650 --> 00:01:39.675 พยาธิตัวแบนสามารถสืบพันธุ์ได้ในฟลามิงโก้เท่านั้น 00:01:39.675 --> 00:01:42.964 เพื่อที่จะไปถึงที่นั่น มันควบคุมไรทะเลที่เป็นเจ้าบ้านของมัน 00:01:42.964 --> 00:01:46.055 ให้รวมกลุ่มที่มีสีที่เห็นได้ชัดนี้ 00:01:46.055 --> 00:01:48.772 ซึ่งมันง่ายต่อการพบเห็น 00:01:48.772 --> 00:01:50.331 และต่อการกินของฟลามิงโก้ 00:01:50.331 --> 00:01:53.263 และนั่นก็คือความลับของกลุ่มไรทะเล 00:01:53.263 --> 00:01:55.426 พวกมันไม่ได้ชอบเข้าสังคมเพราะมันต้องการ 00:01:55.426 --> 00:01:57.502 แต่เพราะว่าพวกมันถูกควบคุมต่างหาก 00:01:57.502 --> 00:01:59.196 มันไม่ได้ปลอดภัยเมื่ออยู่กันเป็นจำนวนมาก 00:01:59.196 --> 00:02:01.055 มันให้ผลตรงข้ามด้วยอันที่จริง 00:02:01.055 --> 00:02:04.096 พยาธิตัวแบนเข้ายึดสมองและร่างกายของพวกมัน 00:02:04.096 --> 00:02:05.492 เปลี่ยนพวกมันให้เป็นพาหนะ 00:02:05.492 --> 00:02:09.459 สำหรับนำมันไปสู่ฟลามิงโก้ NOTE Paragraph 00:02:09.459 --> 00:02:10.889 และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง 00:02:10.889 --> 00:02:13.415 ของการบังคับควบคุมโดยปรสิต 00:02:13.415 --> 00:02:16.391 นี่คือจิ้งหรีดที่ฆ่าตัวตาย 00:02:16.391 --> 00:02:19.695 จิ้งหรีดตัวนี้กลืนตัวอ่อน ของหนอนกอร์เดียน (Gordian worm) ลงไป 00:02:19.695 --> 00:02:21.588 หรือที่เรียกอีกชื่อว่า หนอนขนม้า (horsehair worm) 00:02:21.588 --> 00:02:23.744 หนอนเติบโตขึ้นจนมีขนาดเท่าตัวเต็มวัยในนั้น 00:02:23.744 --> 00:02:26.782 แต่มันต้องการที่จะลงไปในน้ำเพื่อที่จะผสมพันธุ์ 00:02:26.782 --> 00:02:29.000 และมันทำโดยปล่อยโปรตีน 00:02:29.000 --> 00:02:31.188 ที่ทำให้สมองของจิ้งหรีดสับสน 00:02:31.188 --> 00:02:33.352 ส่งผลให้มันมันมีพฤติกรรมไม่ปกติ 00:02:33.352 --> 00:02:35.307 เมื่อจิ้งหรีดเข้าใกล้แหล่งน้ำ 00:02:35.307 --> 00:02:36.926 อย่างเช่นสระว่ายน้ำ 00:02:36.926 --> 00:02:39.183 มันกระโดดลงไปและจมน้ำ 00:02:39.183 --> 00:02:40.908 และหนอนนั้นก็บิดตัวออกมา 00:02:40.908 --> 00:02:44.764 จากศพที่ฆ่าตัวตายไปนั้น 00:02:44.764 --> 00:02:48.367 จิ้งหรีดนี่ที่เยอะจริงๆ ไม่ยักรู้แฮะ NOTE Paragraph 00:02:48.367 --> 00:02:51.582 ไม่ใช่มีแค่หนอนตัวแบนและหนอนกอร์เดียน 00:02:51.582 --> 00:02:53.302 พวกมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโขยง 00:02:53.302 --> 00:02:55.379 ปรสิตควบคุมสมอง 00:02:55.379 --> 00:02:59.328 เห็ดรา ไวรัส และหนอน และแมลง และอีกมากมาย 00:02:59.328 --> 00:03:01.901 ที่เชี่ยวชาญในการทำลายและครอบงำ 00:03:01.901 --> 00:03:04.110 เจตจำนงของเจ้าบ้านของพวกมัน 00:03:04.110 --> 00:03:05.847 ตอนแรกผมรู้เรื่องวิถีชีวิตแบบนี้ 00:03:05.847 --> 00:03:08.340 มาจาก [สารคดี] "Trials of Life" ของเดวิด แอทเทนโบรก (David Attenborough) 00:03:08.340 --> 00:03:10.062 ประมาณ 20 ปีก่อน 00:03:10.062 --> 00:03:11.764 และจากการอ่านหนังสือที่น่าสนใจ 00:03:11.764 --> 00:03:14.438 "Parasite Rex" โดยเพื่อนของผม คาร์ล ซิมเมอร์ (Carl Zimmer.) 00:03:14.438 --> 00:03:16.581 ผมได้เขียนเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เรื่อยมา 00:03:16.581 --> 00:03:19.392 มีสองสามหัวข้อในชีววิทยาที่ตราตรึงใจผมมากกว่านั้น 00:03:19.392 --> 00:03:23.098 มันเหมือนกับปรสิตได้ทำลายสมองของผม 00:03:23.098 --> 00:03:25.709 เพราะว่าอย่างไรก็ดี พวกมันก็น่าดึงดูดใจ 00:03:25.709 --> 00:03:26.997 และน่าขยะแขยงอย่างจับจิตเสมอ 00:03:26.997 --> 00:03:28.389 เมื่อคุณเขียนเกี่ยวกับปรสิต 00:03:28.389 --> 00:03:30.473 คลังคำศัพท์ของคุณเต็มไปด้วยวลีดั่งเช่น 00:03:30.473 --> 00:03:33.519 "เขมือบกันเป็นๆ" และ "ปะทุออกจากร่างของมัน" 00:03:33.519 --> 00:03:34.756 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:03:34.756 --> 00:03:36.296 แต่มันมีอะไรมากไปกว่านั้นครับ 00:03:36.296 --> 00:03:38.398 ผมเป็นนักเขียน และเพื่อนๆ นักเขียนในกลุ่มผู้ฟัง 00:03:38.398 --> 00:03:41.107 คงรู้ว่าพวกเรารักเรื่องราว 00:03:41.107 --> 00:03:43.500 ปรสิตเชิญชวนเราให้ต่อต้านความเย้ายวน 00:03:43.500 --> 00:03:45.350 ของเรื่องราวที่เห็นได้อย่างชัดเจน 00:03:45.350 --> 00:03:47.660 โลกของพวกมันเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่มีการพลิกบท 00:03:47.660 --> 00:03:51.267 และมีคำอธิยายที่ไม่เป็นที่คาดคิด 00:03:51.267 --> 00:03:52.763 ทำไมล่ะ ยกตัวอย่างนะครับ 00:03:52.763 --> 00:03:54.941 หนอนผีเสื้อตัวนี้ 00:03:54.941 --> 00:03:56.915 เริ่มฟาดไปมาอย่างรุนแรง 00:03:56.915 --> 00:03:58.583 เมื่อแมลงอื่นๆ เข้ามาใกล้มัน 00:03:58.583 --> 00:04:00.840 และดักแด้ขาวๆ เหล่านั้น ที่เหมือนว่า 00:04:00.840 --> 00:04:02.278 มันกำลังเฝ้ายามคุ้มกันอยู่อย่างนั้นหรือ 00:04:02.278 --> 00:04:05.374 มันอาจกำลังปกป้องพี่น้องของมันอยู่หรือเปล่า 00:04:05.374 --> 00:04:06.823 เปล่าเลย 00:04:06.823 --> 00:04:08.280 หนอนผีเสื้อตัวนี้ถูกโจมตี 00:04:08.280 --> 00:04:11.499 ด้วยตัวต่อเบียน (parasitic wasp) ที่วางไข่ในตัวมัน 00:04:11.499 --> 00:04:12.933 ไข่ฟักออกมาและตัวต่อเล็กๆ 00:04:12.933 --> 00:04:14.247 ก็เขมือบหนอนผีเสื้อทั้งเป็น 00:04:14.247 --> 00:04:15.918 ก่อนที่จะปะทุตัวออกมาจากร่างกายของมัน 00:04:15.918 --> 00:04:18.193 เข้าใจผมหรือยังครับ 00:04:18.193 --> 00:04:21.031 ทีนี้ หนอนผีเสื้อไม่ได้ตาย 00:04:21.031 --> 00:04:23.616 ตัวต่อบางส่วนเหมือนว่าจะยังอยู่ 00:04:23.616 --> 00:04:26.953 และควบคุมมันให้ปกป้องพี่น้องของตัวต่อ 00:04:26.953 --> 00:04:28.587 ซึ่งกำลังเจริญเติบโต 00:04:28.587 --> 00:04:30.607 เปลี่ยนแปลงไปเป็นตัวเต็มวัยภายในดักแด้เหล่านั้น 00:04:30.607 --> 00:04:34.146 หนอนผีเสื้อนี้เป็นองค์รักษ์ผีดิบสู้หัวฟัด 00:04:34.146 --> 00:04:35.447 ปกป้องลูกๆ 00:04:35.447 --> 00:04:37.669 ของสิ่งมีชีวิตที่ฆ่ามัน NOTE Paragraph 00:04:37.669 --> 00:04:41.535 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:04:41.535 --> 00:04:45.830 เรายังมีเรื่องอีกเพียบเลยครับ ผมมีเวลาแค่ 13 นาที (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:04:45.830 --> 00:04:47.641 เอาล่ะ บางท่านอาจกำลัง 00:04:47.641 --> 00:04:49.859 ตะเกียกตะกายหาสิ่งปลอบใจ 00:04:49.859 --> 00:04:52.119 ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งประหลาดพิศวง 00:04:52.119 --> 00:04:54.050 แห่งธรรมชาติ ซึ่งมันไม่ปกติ 00:04:54.050 --> 00:04:55.870 และแนวความคิดนั้นก็ยอมรับได้ 00:04:55.870 --> 00:04:58.248 เพราะว่าโดยธรรมชาติของพวกมันนั้น ปรสิตค่อนข้างตัวเล็ก 00:04:58.248 --> 00:04:59.588 และพวกมันใช้เวลาส่วนใหญ่ 00:04:59.588 --> 00:05:02.542 ในร่างกายของสิ่งอื่น 00:05:02.542 --> 00:05:04.313 มันง่ายที่พวกมันจะถูกมองข้าม 00:05:04.313 --> 00:05:06.898 แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าพวกมันไม่สำคัญ 00:05:06.898 --> 00:05:09.103 ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชายผู้หนึ่งนามว่า เควิน แฟลเฟอร์ตี (Kevin Lafferty) 00:05:09.103 --> 00:05:12.472 นำกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ไปยังบริเวณน้ำกร่อยสามแห่งในแคลิฟอร์เนี่ย 00:05:12.472 --> 00:05:14.220 และพวกเขาก็ทำการชั่งน้ำหนักและผ่า 00:05:14.220 --> 00:05:16.215 และจดบันทึกแทบจะทุกสิ่งที่พวกเขาหาเจอ 00:05:16.215 --> 00:05:17.443 และสิ่งที่พวกเขาพบ 00:05:17.443 --> 00:05:20.659 ก็คือปรสิตที่ปรากฎอยู่มากมาย 00:05:20.659 --> 00:05:22.703 โดยเฉพาะหนอนพยาธิตัวแบน 00:05:22.703 --> 00:05:25.353 ซึ่งคือหนอนตัวเล็กๆ ที่สามารถตอนเจ้าบ้านของมัน 00:05:25.353 --> 00:05:27.899 เหมือนกับหอยทากผู้โชคร้ายนี้ 00:05:27.899 --> 00:05:30.788 ครับ หนอนพยาธิตัวแบนมีขนาดเล็กมาก 00:05:30.788 --> 00:05:32.587 แต่รวมกันแล้ว พวกมันมีน้ำหนักมากพอๆ กับ 00:05:32.587 --> 00:05:34.773 ปลาที่อยู่ในแหล่งน้ำกร่อยเหล่านั้น 00:05:34.773 --> 00:05:38.480 และมากกว่านกทั้งหมดถึงสามถึงเก้าเท่า 00:05:38.480 --> 00:05:40.474 และจำหนอนกอร์เดียนที่ผมแสดงให้ดูได้ไหมครับ 00:05:40.474 --> 00:05:41.862 ที่อยู่ในจิ้งหรีดน่ะครับ 00:05:41.862 --> 00:05:44.415 นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่ง ชื่อ ทาคูย่า ซาโต (akuya Sato) 00:05:44.415 --> 00:05:46.111 พบว่าในสายน้ำหนึ่ง 00:05:46.111 --> 00:05:48.082 เจ้าสิ่งนี้สั่งให้จิ้งหรีดมากมาย 00:05:48.082 --> 00:05:49.381 และตั๊กแตนลงไปในน้ำ 00:05:49.381 --> 00:05:50.690 และจมน้ำ 00:05:50.690 --> 00:05:54.994 เป็นจำนวน 60 เปอร์เซนต์ของอาหาร สำหรับปลาเทราส์ท้องถิ่น 00:05:54.994 --> 00:05:57.928 การควบคุมไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด 00:05:57.928 --> 00:06:00.048 เป็นเป็นส่วนที่ธรรมดาแต่สำคัญ 00:06:00.048 --> 00:06:01.939 ในโลกรอบๆ ตัวเรา 00:06:01.939 --> 00:06:03.460 และตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ได้พบ 00:06:03.460 --> 00:06:05.942 ตัวอย่างของนักบงการควบคุมพวกนี้มากมาย 00:06:05.942 --> 00:06:08.379 และที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น พวกเขาเริ่มที่จะเข้าใจจริงๆ 00:06:08.379 --> 00:06:12.437 ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ควบคุมสิ่งมีชีวิตเจ้าบ้านอย่างไร NOTE Paragraph 00:06:12.437 --> 00:06:14.961 และนี่คือหนึ่งในตัวอย่างโปรดของผม 00:06:14.961 --> 00:06:17.418 นี่คือ แอมพูเล็ค คอมเพรสซ่า (Ampulex compressa) 00:06:17.418 --> 00:06:19.642 ต่อสาบมรกต (emerald cockroach wasp) 00:06:19.642 --> 00:06:21.936 และมันก็เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า 00:06:21.936 --> 00:06:23.579 ต่อสาบมรกต 00:06:23.579 --> 00:06:25.375 ที่มีไข่ที่ผสมแล้ว 00:06:25.375 --> 00:06:27.841 จะต้องการแมลงสาบ 00:06:27.841 --> 00:06:29.041 เมื่อมันเจอแมลงสาบ 00:06:29.041 --> 00:06:31.252 มันต่อยแมลงสาบด้วยเหล็กไน 00:06:31.252 --> 00:06:32.701 ซึ่งนั่นก็เป็นอวัยวะรับสัมผัสด้วย 00:06:32.701 --> 00:06:35.372 การค้นพบนี้ถูกรายงานออกมาเมื่อสามสัปดาห์ก่อน 00:06:35.372 --> 00:06:37.677 มันต่อยแมลงสาบด้วยเหล็กไนที่เป็นอวัยวะรับสัมผัส 00:06:37.677 --> 00:06:39.471 ซึ่งประกอบด้วย ตุ่มรับสัมผัสเล็กๆ 00:06:39.471 --> 00:06:42.026 ที่ทำให้มันสามารถรับรู้ได้ถึงพื้นผิวที่มีเอกลักษณ์ 00:06:42.026 --> 00:06:44.133 ของสมองแมลงสาบ 00:06:44.133 --> 00:06:47.174 เหมือนกับคนคลำทางอย่างมืดบอดไปในถุง 00:06:47.174 --> 00:06:49.651 มันพบสมองและมันก็ปล่อยพิษลงไป 00:06:49.651 --> 00:06:53.852 ในจุดเฉพาะสองจุดของกลุ่มเส้นประสาท 00:06:53.852 --> 00:06:56.935 นักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอล เฟเดอริก ลิเบอร์แซท (Frederic Libersat) และแรม แกล (Ram Gal) 00:06:56.935 --> 00:07:00.660 พบว่าพิษนั้นเป็นอาวุธเคมีที่พิเศษสุด 00:07:00.660 --> 00:07:03.204 มันไม่ได้ฆ่าแมลงสาบ หรือกล่อมประสาทมัน 00:07:03.204 --> 00:07:05.331 แมลงสาบจะเดินหนีไปก็ได้ 00:07:05.331 --> 00:07:08.356 หรือจะบิน หรือวิ่งก็ได้ สุดแล้วแต่มันจะเลือก 00:07:08.356 --> 00:07:10.231 แต่มันไม่ทำ 00:07:10.231 --> 00:07:13.611 เพราะว่าพิษทำให้ความต้องการจะเดินของมันหยุดชะงัก 00:07:13.611 --> 00:07:14.725 แค่เพียงเท่านั้น 00:07:14.725 --> 00:07:18.431 หลักๆ คือตัวต่อ ได้ตัดตัวเลือกเรื่องหนีจากอันตราย 00:07:18.431 --> 00:07:20.271 ของระบบควบคุมของแมลงสาบออกไป 00:07:20.271 --> 00:07:23.504 ทำให้มันสามารถนำเหยื่อผู้โชคร้าย 00:07:23.504 --> 00:07:25.615 กลับไปยังรังโดยใช้หนวดของมัน 00:07:25.615 --> 00:07:28.254 เหมือนกับคนจูงสุนัขเดิน 00:07:28.254 --> 00:07:29.931 และเมื่อไปถึงที่นั่น มันวางไข่บนแมลงสาบ 00:07:29.931 --> 00:07:32.207 ไข่ฟักออกมา เขมือบแมลงสาบทั้งเป็น ปะทุออกจากร่าง 00:07:32.207 --> 00:07:34.396 ลา ลา ลา คุณรู้ที่มันซ้ำๆ กันใช่ไหมครับ 00:07:34.396 --> 00:07:37.626 (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:07:37.626 --> 00:07:40.506 เอาล่ะ ผมอาจเถียงว่า ตอนที่ถูกต่อย 00:07:40.506 --> 00:07:42.511 แมลงสาบไม่ใช่แมลงสาบอีกแล้ว 00:07:42.511 --> 00:07:44.861 มันเป็นเหมือนส่วนต่อเติมของตัวต่อ 00:07:44.861 --> 00:07:47.704 เหมือนกับจิ้งหรีดที่เป็นส่วนเพิ่มเติมของหนอนกอร์เดียน 00:07:47.719 --> 00:07:50.519 เจ้าบ้านพวกนี้ไม่มีโอกาสที่จะอยู่รอด หรือสืบพันธุ์ 00:07:50.519 --> 00:07:52.318 พวกมันได้ควบคุมชะตากรรมตัวเองไม่มากไปกว่า 00:07:52.318 --> 00:07:54.102 ที่รถของผมทำได้ 00:07:54.102 --> 00:07:55.602 เมื่อปรสิตเข้าไปแล้ว 00:07:55.602 --> 00:07:58.167 เจ้าบ้านก็ไร้สิทธิไร้เสียง NOTE Paragraph 00:07:58.167 --> 00:07:59.481 ทีนี้คน แน่ล่ะ 00:07:59.481 --> 00:08:01.513 ไม่ได้รู้สึกแปลกต่อการบังคับควบคุม 00:08:01.513 --> 00:08:03.873 เราใช้ยาที่ปรับเคมีต่างๆ ในสมองของเรา 00:08:03.873 --> 00:08:05.004 และเปลี่ยนอารมณ์ของเรา 00:08:05.004 --> 00:08:09.024 และอะไรล่ะที่เป็นข้อพิพาท หรือการกล่าวอ้าง หรือความคิดเจ๋งๆ 00:08:09.024 --> 00:08:12.727 ถ้ามันไม่ใช่ความพยายามในการโน้มน้าว จิตใจของใครสักคน 00:08:12.727 --> 00:08:14.254 แต่ความพยายามของเราในการทำสิ่งนี้ 00:08:14.254 --> 00:08:16.032 ช่างดูหยาบและโง่เง่าเมื่อเปรียบเทียบกับ 00:08:16.032 --> 00:08:19.127 ความจำเพาะที่แสนปราณีตของปรสิต 00:08:19.127 --> 00:08:21.519 ดอน ดราเปอร์ (Don Draper) หวังว่าเขาจะเลิศเลอ 00:08:21.519 --> 00:08:26.479 และทรงคุณค่าดั่งต่อสาบมรกต 00:08:26.479 --> 00:08:30.219 ทีนี้ ผมคิดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำให้ปรสิต 00:08:30.219 --> 00:08:33.005 ช่างลึกลับและน่าดึงดูด 00:08:33.005 --> 00:08:35.627 เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับเจตจำนงเสรีของเรา 00:08:35.627 --> 00:08:36.888 และความเป็นเอกภาพของเรา 00:08:36.888 --> 00:08:38.469 ที่การคาดการถึงการสูญเสียคุณสมบัติเหล่านั้น 00:08:38.469 --> 00:08:39.747 ในการบังคับสิ่งที่มองไม่เห็น 00:08:39.747 --> 00:08:42.915 แจ้งให้พวกเราหลายคนตระหนักถึง ความกลัวในเบื้องลึกของเรา 00:08:42.915 --> 00:08:45.368 ภาวะชีวิตที่ระส่ำระสาย และกลุ่มเงาทมิฬ 00:08:45.368 --> 00:08:47.222 และจอมวายร้ายผู้ครอบงำจิตใจ -- 00:08:47.222 --> 00:08:50.250 เหล่านี้คือกองทัพที่เติมเต็มนิยายสุดมืดของเรา 00:08:50.250 --> 00:08:55.048 แต่ในธรรมชาติ พวกมันเกิดขึ้นตลอดเวลา NOTE Paragraph 00:08:55.048 --> 00:08:57.680 ซึ่งนำผมไปสู่คำถาม 00:08:57.680 --> 00:08:59.980 ที่ชัดเจนและชวนรำคาญ 00:08:59.980 --> 00:09:01.703 มีปรสิตชั่วร้าย 00:09:01.703 --> 00:09:03.659 ที่ทำการกำหนดพฤติกรรมของเรา 00:09:03.659 --> 00:09:05.234 โดยไม่ทำให้เราล่วงรู้ถึงมันได้ 00:09:05.234 --> 00:09:08.053 ยกเว้นหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ (NSA) หรือเปล่า 00:09:08.053 --> 00:09:09.360 ถ้ามันมีล่ะก็ -- 00:09:09.360 --> 00:09:13.326 (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) 00:09:13.326 --> 00:09:15.648 ผมมีจุดแดงจ่อกลางหน้าผากแล้วใช่ไหมครับ 00:09:15.648 --> 00:09:18.175 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:09:18.175 --> 00:09:21.129 ถ้ามันมีล่ะก็ นี่เป็นผู้ท้าชิงที่ดีเลย 00:09:21.129 --> 00:09:24.407 นี่คือ ท๊อคโซพลาสม่า กอนดิไอ (Toxoplasma gondii) หรือเรียกสั้นๆ ว่าท๊อคโซ 00:09:24.407 --> 00:09:25.996 เพราะว่าสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว 00:09:25.996 --> 00:09:28.206 สมควรแล้วที่จะมีชื่อเล่นน่ารักๆ 00:09:28.206 --> 00:09:30.488 ท๊อคโซเข้าไปในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 00:09:30.488 --> 00:09:31.966 หลากหลายชนิด 00:09:31.966 --> 00:09:35.047 แต่มันสามารถมีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ได้ในแมวเท่านั้น 00:09:35.047 --> 00:09:37.808 และนักวิทยาศาสตร์อย่าง โจนาทาน เว็บสเตอร์ (Joanne Webster) ได้แสดงว่า 00:09:37.808 --> 00:09:40.001 ถ้าท๊อคโซเข้าไปในหนู 00:09:40.001 --> 00:09:43.473 มันเปลี่ยนเจ้าสัตว์ฟันแทะให้กลายเป็น จรวดนำวิถีติดตามแมว 00:09:43.473 --> 00:09:46.549 ถ้าหนูที่มีท๊อคโซได้กลิ่นแสนรัญจวน 00:09:46.549 --> 00:09:47.773 ของฉี่แมว 00:09:47.773 --> 00:09:50.493 มันจะวิ่งเข้าหาแหล่งของกลิ่น 00:09:50.493 --> 00:09:54.412 แทนที่จะทำสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลกว่า คือออกห่าง 00:09:54.412 --> 00:09:56.947 แมวกินหนู ท๊อคโซได้มีการสืบพันธุ์ 00:09:56.947 --> 00:09:59.819 มันเป็นเรื่องเล่าแสนอมตะของ "อิ่ม มนต์ รัก" (Eat, Prey, Love) 00:09:59.819 --> 00:10:04.487 (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:10:07.512 --> 00:10:10.714 คุณเป็นคนโอบอ้อมอารีจริงใจมากเลยครับ 00:10:10.714 --> 00:10:13.299 ไงครับ เอลิซาเบธ [ผู้เขียนเรื่อง Eat, Prey, Love] ผมชอบการบรรยายของคุณนะครับ NOTE Paragraph 00:10:13.299 --> 00:10:16.667 ปรสิตควบคุมเจ้าบ้านของมัน 00:10:16.667 --> 00:10:17.871 ในแบบนี้ได้อย่างไร 00:10:17.871 --> 00:10:19.197 พวกเราไม่รู้จริงๆ หรอก 00:10:19.197 --> 00:10:20.885 พวกเรารู้ว่าท๊อคโซหลั่งเอ็นไซม์ 00:10:20.885 --> 00:10:22.877 ที่ทำให้โดพามีน (dopamine) สร้างที่เกี่ยวข้องกับ 00:10:22.877 --> 00:10:24.690 การได้รับรางวัลและแรงผลักดัน 00:10:24.690 --> 00:10:27.121 เรารู้ว่าเป้าหมายของมันคือบางส่วนของสมองหนู 00:10:27.121 --> 00:10:29.586 ซึ่งรวมไปถึงส่วนที่เกี่ยวของกับการกระตุ้นทางเพศ 00:10:29.586 --> 00:10:31.787 แต่ปริศนาเหล่านี้เข้ามาประกอบกันได้อย่างไร 00:10:31.787 --> 00:10:33.631 มันไม่ได้ชัดเจนในทันที 00:10:33.631 --> 00:10:35.927 ที่ชัดเจนก็คือว่า สิ่งนี้ 00:10:35.927 --> 00:10:37.319 เป็นการเรียกในแบบครั้งเดียว 00:10:37.319 --> 00:10:38.689 มันไม่มีระบบประสาท 00:10:38.689 --> 00:10:39.821 มันไม่มีสติสัมปชัญญะ 00:10:39.821 --> 00:10:41.122 มันไม่มีแม้กระทั่งร่าง 00:10:41.122 --> 00:10:43.746 แต่มันสามารถควบคุมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ 00:10:43.746 --> 00:10:45.172 พวกเราเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 00:10:45.172 --> 00:10:47.606 พวกเรามีปัญญามากกว่าหนูทั่วๆ ไปมาก แน่อยู่แล้ว 00:10:47.606 --> 00:10:50.130 แต่สมองของเรามีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกัน 00:10:50.130 --> 00:10:51.523 มีเซลล์ชนิดเดียวกัน 00:10:51.523 --> 00:10:53.111 มีสารเคมีต่างๆ ที่ผ่านพวกมันเหมือนๆ กัน 00:10:53.111 --> 00:10:55.430 และมีปรสิตตัวเดียวกัน 00:10:55.430 --> 00:10:57.778 การคาดการบอกว่ามันเยอะมากๆ แต่สถิติได้บอกว่า 00:10:57.778 --> 00:11:00.138 หนึ่งในสามคนทั่วโลก 00:11:00.138 --> 00:11:01.851 จะมีท๊อคโซในสมองของพวกเขา 00:11:01.851 --> 00:11:05.339 เอาล่ะ นี่ไม่ได้นำไปสู่อาการป่วยที่ชัดเจน 00:11:05.339 --> 00:11:07.217 ปรสิตอยู่ในช่วงพักตัว 00:11:07.217 --> 00:11:09.400 เป็นเวลานาน 00:11:09.400 --> 00:11:11.439 แต่มีหลักฐานบางอย่างที่ว่า คนเหล่านี้ 00:11:11.439 --> 00:11:14.473 ผู้ซึ่งเป็นพาหะ มีคะแนนในแบบสอบถามบุคลิกภาพ 00:11:14.473 --> 00:11:17.202 ต่งไปจากคนอื่นๆ เล็กน้อย 00:11:17.202 --> 00:11:19.686 ซึ่งพวกเขามีความเสี่ยงมากกว่า ในการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ 00:11:19.686 --> 00:11:22.289 และมีหลักฐานบางชิ้นรายงานว่า คนที่มี ชิโซฟรีเนีย (schizophrenia) 00:11:22.289 --> 00:11:24.835 มักจะติดโรคนี้ 00:11:24.835 --> 00:11:27.018 ครับ ผมคิดว่า หลักฐานนี้ยังไม่สมบูรณ์ 00:11:27.018 --> 00:11:28.929 และแม้แต่บรรดานักวิจัยท๊อคโซ 00:11:28.929 --> 00:11:31.369 ก็ยังมีความคิดแตกต่างกันว่าปรสิต 00:11:31.369 --> 00:11:33.754 ควบคุมพฤติกรรมเราอยู่จริงๆ 00:11:33.754 --> 00:11:36.413 แต่ด้วยธรรมชาติที่แพร่หลายของการควบคุมแบบนี้ 00:11:36.413 --> 00:11:38.258 มันคงจะไม่น่าเชื่อเลย 00:11:38.258 --> 00:11:39.907 ว่ามนุษย์จะเป็นเพียงสายพันธุ์เดียว 00:11:39.907 --> 00:11:42.853 ที่ได้รับผลกระทบต่างออกไป NOTE Paragraph 00:11:42.853 --> 00:11:47.246 และผมคิดว่านี่เป็นความสามารถ 00:11:47.246 --> 00:11:50.113 ที่จะทำลายแนวความคิดของเราที่ว่า โลก 00:11:50.113 --> 00:11:51.660 สร้างปรสิตให้น่าอัศจรรย์ 00:11:51.660 --> 00:11:54.869 พวกมันเชิญชวนเราให้มองไปยังโลกธรรมชาติ ในอีกแนว 00:11:54.869 --> 00:11:57.040 และถามว่าพฤติกรรมที่เราเห็น 00:11:57.040 --> 00:11:58.527 พวกมันเรียบง่ายและชัดเจน 00:11:58.527 --> 00:12:00.060 หรือน่างุ่นงงและชวนฉงน 00:12:00.060 --> 00:12:02.146 ไม่ได้เป็นผลมาจากตัวบุคคล 00:12:02.146 --> 00:12:03.999 ที่กระทำผ่านความจำนงใจของพวกเขา 00:12:03.999 --> 00:12:05.808 แต่เพราะว่าพวกเขาถูกดัด 00:12:05.808 --> 00:12:08.478 ให้เป็นไปตามการควบคุมอขงสิ่งอื่น 00:12:08.478 --> 00:12:10.518 และในขณะที่ความคิดนั้นอาจชวนรำคาญ 00:12:10.518 --> 00:12:13.441 และในขณะที่พฤติกรรมของปรสิต อาจจะน่าขยะแขยงมากๆ 00:12:13.441 --> 00:12:15.233 ผมคิดว่านั่นเป็นคุณสมบัติที่จะทำให้เราประหลาดใจ 00:12:15.233 --> 00:12:18.408 ทำให้พวกมันน่าพิศวงพอๆ กับมีสเน่ห์ 00:12:18.408 --> 00:12:21.772 ไม่ต่างอะไรกับ แพนด้า หรือผีเสื้อ หรือโลมา NOTE Paragraph 00:12:21.772 --> 00:12:23.991 ในตอนท้ายของ "กำเนิดสปีชีส์" (On the Origin of Species) 00:12:23.991 --> 00:12:26.980 ชาร์ล ดาวิน (Charles Darwin) เขียนถึงความสง่างามของชีวิต 00:12:26.980 --> 00:12:29.633 และรูปพรรณอันมากมายที่งามที่สุด 00:12:29.633 --> 00:12:31.065 และน่าพิศวงที่สุด 00:12:31.065 --> 00:12:33.644 และผมอยากที่จะคิดว่าเขาได้พูดถึง 00:12:33.644 --> 00:12:36.824 หนอนตัวแบนที่ได้ทำให้ไรน้ำมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม 00:12:36.824 --> 00:12:40.073 หรือตัวต่อที่พาแมลงสาบไปเดินเล่น NOTE Paragraph 00:12:40.073 --> 00:12:43.222 หรือบางที นั่นอาจเป็นแค่เรื่องพูดของปรสิต NOTE Paragraph 00:12:43.222 --> 00:12:44.953 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:12:44.953 --> 00:12:48.953 (เสียงปรบมือ)