[Script Info] Title: [Events] Format: Layer, Start, End, Style, Name, MarginL, MarginR, MarginV, Effect, Text Dialogue: 0,0:00:06.62,0:00:10.51,Default,,0000,0000,0000,,มนุษย์หลงใหลความเร็วมาเนิ่นนานแล้ว Dialogue: 0,0:00:10.51,0:00:14.75,Default,,0000,0000,0000,,สิ่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ความก้าวหน้าของมนุษย์\Nคือการเพิ่มความเร็วให้มากยิ่งขึ้น Dialogue: 0,0:00:14.75,0:00:18.61,Default,,0000,0000,0000,,และหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญที่สุด\Nของความพยายามที่ยาวนานนี้ Dialogue: 0,0:00:18.61,0:00:21.50,Default,,0000,0000,0000,,คือการทำลายกำแพงเสียงลงให้ได้ Dialogue: 0,0:00:21.50,0:00:24.87,Default,,0000,0000,0000,,ไม่นานนักหลังจากการนำเครื่องบิน\Nขึ้นบินได้สำเร็จเป็นครั้งแรก Dialogue: 0,0:00:24.87,0:00:29.98,Default,,0000,0000,0000,,นักบินต่างต้องการ \Nที่จะให้เครื่องบินบินให้เร็วขึ้นและเร็วขึ้นไปอีก Dialogue: 0,0:00:29.98,0:00:32.38,Default,,0000,0000,0000,,แต่เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว\Nจะทำให้เครื่องบินสั่นมากขึ้น Dialogue: 0,0:00:32.38,0:00:37.69,Default,,0000,0000,0000,,แรงกดมหาศาลต่อเครื่องบิน\Nทำให้พวกเขาเร่งความเร็วขึ้นไปอีกไม่ได้ Dialogue: 0,0:00:37.69,0:00:41.65,Default,,0000,0000,0000,,บางคนพยายามแก้ปัญหา\Nด้วยการลองเสี่ยงดำลงไปในน้ำ Dialogue: 0,0:00:41.65,0:00:44.08,Default,,0000,0000,0000,,แต่ก็มักได้ผลลัพท์ที่น่าเศร้า Dialogue: 0,0:00:44.08,0:00:47.55,Default,,0000,0000,0000,,ในที่สุด ในปี ค.ศ. 1947\Nมีการออกแบบที่ดีมากยิ่งขึ้น Dialogue: 0,0:00:47.55,0:00:52.30,Default,,0000,0000,0000,,เช่นมีที่ปรับตัวปรับสมดุลระดับแนวนอนเคลื่อนที่ได้\Nและหางเสือที่เคลื่อนไหวได้ทั้งหมด Dialogue: 0,0:00:52.30,0:00:55.52,Default,,0000,0000,0000,,ทำให้ทหารอากาศชาวอเมริกันที่ชื่อว่า\Nชัค เยเกอร์ Dialogue: 0,0:00:55.52,0:01:03.72,Default,,0000,0000,0000,,นำเครื่องบิน เบลล์ เอ็กซ์วัน บินที่ความเร็ว\N1,127 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้สำเร็จ Dialogue: 0,0:01:03.72,0:01:06.92,Default,,0000,0000,0000,,กลายเป็นมนุษย์คนแรก\Nที่ทำลายกำแพงเสียงลงได้ Dialogue: 0,0:01:06.92,0:01:09.72,Default,,0000,0000,0000,,และเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าความเร็วเสียง Dialogue: 0,0:01:09.72,0:01:13.93,Default,,0000,0000,0000,,เบลล์ เอ็กซ์วัน เป็นเครื่องบินเหนือเสียงลำแรก\Nก่อนที่จะมีรุ่นอื่น ๆ ตามมา Dialogue: 0,0:01:13.93,0:01:17.91,Default,,0000,0000,0000,,โดยรุ่นล่าสุดทำความเร็วเหนือเสียง\Nไปได้มากกว่า 3 มัคแล้ว Dialogue: 0,0:01:17.91,0:01:21.57,Default,,0000,0000,0000,,เครืองบินที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเสียง\Nจะสร้างคลื่นกระแทกออกมา Dialogue: 0,0:01:21.57,0:01:25.68,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยเสียงดังราวกับฟ้าผ่า\Nที่รู้จักกันในชื่อว่า คลื่นโซนิคบูม Dialogue: 0,0:01:25.68,0:01:29.18,Default,,0000,0000,0000,,ที่อาจไปรบกวนคนและสัตว์ที่อยู่ด้านล่าง Dialogue: 0,0:01:29.18,0:01:31.07,Default,,0000,0000,0000,,หรือแม้กระทั่งสร้างความเสียหาย\Nให้กับบ้านเรือน Dialogue: 0,0:01:31.07,0:01:32.07,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยเหตุผลนี้เอง Dialogue: 0,0:01:32.11,0:01:35.34,Default,,0000,0000,0000,,นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจึงสนใจคลื่นโซนิคบูมนี้ Dialogue: 0,0:01:35.34,0:01:37.79,Default,,0000,0000,0000,,โดยพยายามทำนายเส้นทางของมันในบรรยากาศ Dialogue: 0,0:01:37.79,0:01:42.19,Default,,0000,0000,0000,,ที่ที่มันจะตกกระทบ และระดับเสียงของมัน Dialogue: 0,0:01:42.19,0:01:45.31,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นว่า นักวิทยาศาสตร์\Nศึกษาเรื่องของคลื่นโซนิคบูมอย่างไร Dialogue: 0,0:01:45.31,0:01:48.30,Default,,0000,0000,0000,,เรามาเริ่มจากพื้นฐาน\Nการกำเนิดของเสียงกันก่อน Dialogue: 0,0:01:48.30,0:01:51.93,Default,,0000,0000,0000,,ลองคิดว่า เราโยนก้อนหินเล็ก ๆ\Nลงไปในบ่อน้ำที่สงบนิ่งดู Dialogue: 0,0:01:51.93,0:01:53.18,Default,,0000,0000,0000,,เห็นอะไรไหม Dialogue: 0,0:01:53.18,0:01:55.88,Default,,0000,0000,0000,,ก้อนหินทำให้เกิดคลื่นเดินทางไปในน้ำ Dialogue: 0,0:01:55.88,0:01:58.67,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยความเร็วเท่า ๆ กันในทุกทิศทาง Dialogue: 0,0:01:58.67,0:02:02.89,Default,,0000,0000,0000,,วงกลมที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆในทุกทิศทางนี้\Nเรียกว่าแนวคลื่น Dialogue: 0,0:02:02.89,0:02:05.90,Default,,0000,0000,0000,,คล้ายกัน แม้เราจะมองไม่เห็นมันก็ตาม Dialogue: 0,0:02:05.90,0:02:09.31,Default,,0000,0000,0000,,แหล่งต้นกำเนิดเสียงของมัน\Nก็คล้ายกับเครื่องเสียงภายในบ้าน Dialogue: 0,0:02:09.31,0:02:12.20,Default,,0000,0000,0000,,สร้างคลื่นเสียงที่เดินทางออกมาเรื่อย ๆ Dialogue: 0,0:02:12.20,0:02:14.33,Default,,0000,0000,0000,,ความเร็วคลื่นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ Dialogue: 0,0:02:14.33,0:02:18.11,Default,,0000,0000,0000,,รวมถึงระดับความสูงและอุณหภูมิของอากาศ\Nที่มันเคลื่อนที่ผ่านไป Dialogue: 0,0:02:18.11,0:02:24.46,Default,,0000,0000,0000,,ที่ระดับน้ำทะเล เสียงเคลื่อนที่เร็วประมาณ\N1,225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Dialogue: 0,0:02:24.46,0:02:27.29,Default,,0000,0000,0000,,แต่แทนที่จะเป็นวงกลมบนพื้นผิวสองมิติ Dialogue: 0,0:02:27.29,0:02:30.73,Default,,0000,0000,0000,,ตอนนี้หน้าคลื่นมีศูนย์กลางเป็นทรงกลม Dialogue: 0,0:02:30.73,0:02:35.90,Default,,0000,0000,0000,,โดยมีเสียงที่เดินทางไปตามแนวรังสี\Nที่ตั้งฉากกับแนวคลื่นเหล่านี้ Dialogue: 0,0:02:35.90,0:02:40.08,Default,,0000,0000,0000,,มาลองคิดถึงแหล่งกำเนิดเสียงที่เคลื่อนที่\Nอย่างนกหวีดรถไฟดู Dialogue: 0,0:02:40.08,0:02:43.03,Default,,0000,0000,0000,,เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงกำลังเคลื่อนที่\Nไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง Dialogue: 0,0:02:43.03,0:02:47.57,Default,,0000,0000,0000,,คลื่นด้านหน้าของมันที่มีความต่อเนื่อง\Nจะทำให้คลื่นรวมใกล้กันมากขึ้น Dialogue: 0,0:02:47.57,0:02:52.64,Default,,0000,0000,0000,,คลื่นความถี่ที่สูงขึ้นนี้\Nทำให้เกิดปรากฏการณ์ดอปเปลอร์ที่โด่งดัง Dialogue: 0,0:02:52.64,0:02:55.73,Default,,0000,0000,0000,,ที่ยิ่งวัตถุนั้นเข้าใกล้มากเท่าไหร่\Nก็จะยิ่งมึเสียงแหลมสูงมากขึ้นเท่านั้น Dialogue: 0,0:02:55.73,0:02:59.93,Default,,0000,0000,0000,,แต่ตราบใดที่ต้นเสียงยังเคลื่อนที่ช้ากว่า\Nคลื่นเสียงที่มันสร้างขึ้น Dialogue: 0,0:02:59.93,0:03:02.76,Default,,0000,0000,0000,,พวกมันจะซ้อนยู่ภายในซึ่งกันและกัน Dialogue: 0,0:03:02.76,0:03:07.77,Default,,0000,0000,0000,,แต่เมื่อวัตถุกลายเป็นซุปเปอร์โซนิค\Nที่เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเสียงที่มันสร้าง Dialogue: 0,0:03:07.77,0:03:10.60,Default,,0000,0000,0000,,นั่นทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นอย่างมาก Dialogue: 0,0:03:10.60,0:03:13.20,Default,,0000,0000,0000,,ในขณะที่มันแซงหน้าคลื่นที่มันได้ปล่อยออกมา Dialogue: 0,0:03:13.20,0:03:15.70,Default,,0000,0000,0000,,ระหว่างนั้นมันก็สร้างคลื่นขึ้นใหม่\Nณ ตำแหน่งที่มันอยู่ Dialogue: 0,0:03:15.70,0:03:19.82,Default,,0000,0000,0000,,คลื่นจะถูกอัดเข้าด้วยกันกลายเป็นกรวยหน้าคลื่นมัค\N(Mach cone) Dialogue: 0,0:03:19.82,0:03:22.81,Default,,0000,0000,0000,,ผู้สังเกตุการณ์จะไม่ได้ยินเสียงใด ๆ\Nในขณะที่มันเข้ามาใกล้ Dialogue: 0,0:03:22.81,0:03:27.89,Default,,0000,0000,0000,,เพราะวัตถุเคลื่อนที่เร็วกว่า\Nเสียงที่มันสร้างขึ้นมา Dialogue: 0,0:03:27.89,0:03:33.05,Default,,0000,0000,0000,,หลังจากวัตถุผ่านไป\Nผู้สังเกตุการณ์ถึงจะได้ยินเสียงโซนิคบูมนี้ Dialogue: 0,0:03:33.05,0:03:37.01,Default,,0000,0000,0000,,เมื่อกรวยมัคกระทบกับพื้นดิน\Nมันจะสร้างไฮเพอร์โบลาขึ้นมา Dialogue: 0,0:03:37.01,0:03:41.31,Default,,0000,0000,0000,,ทิ้งหางที่รู้จักกันในชื่อว่าหางพรม (boom carpet)\Nเมื่อมันเคลื่อนที่ไปข้างหน้า Dialogue: 0,0:03:41.31,0:03:46.25,Default,,0000,0000,0000,,นี่จึงทำให้เราสามารถวัดพื้นที่\Nที่ได้รับผลกระทบของโซนิคบูมได้ Dialogue: 0,0:03:46.25,0:03:49.30,Default,,0000,0000,0000,,แล้วจะหาความแรง\Nของคลื่นโซนิคบูมได้อย่างไรล่ะ Dialogue: 0,0:03:49.30,0:03:52.87,Default,,0000,0000,0000,,มันต้องใช้การแก้ปัญหาสมการนาเวียร์-สโตกส์\Nที่มีชื่อเสียง Dialogue: 0,0:03:52.87,0:03:56.26,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อค้นหาความแปรผันของความกดอากาศ Dialogue: 0,0:03:56.26,0:03:59.52,Default,,0000,0000,0000,,อันเนื่องมาจากการบินผ่าน\Nของเครื่องบินเหนือเสียง Dialogue: 0,0:03:59.52,0:04:03.85,Default,,0000,0000,0000,,ผลลัพธ์ก็คือคลื่นที่เป็นเอกลักษณ์\Nที่เรียกว่า เอ็นเวฟ (N-wave) Dialogue: 0,0:04:03.85,0:04:05.48,Default,,0000,0000,0000,,รูปร่างนี้มีความหมายว่าอย่างไร Dialogue: 0,0:04:05.48,0:04:09.51,Default,,0000,0000,0000,,โซนิคบูมเกิดขึ้น\Nเมื่อความดันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Dialogue: 0,0:04:09.51,0:04:11.92,Default,,0000,0000,0000,,และเอ็นเวฟเกี่ยวข้องกับโซนิคบูมสองครั้ง Dialogue: 0,0:04:11.92,0:04:15.50,Default,,0000,0000,0000,,ส่วนแรกคือความดันแรก\Nที่เพิ่มขึ้นบริเวณส่วนปลายหัวของเครื่องบิน Dialogue: 0,0:04:15.50,0:04:18.35,Default,,0000,0000,0000,,และอีกส่วนที่หางที่ผ่านเข้ามา Dialogue: 0,0:04:18.35,0:04:21.02,Default,,0000,0000,0000,,และความดันก็กลับไปสู่ปกติในทันที Dialogue: 0,0:04:21.02,0:04:23.13,Default,,0000,0000,0000,,มันจึงทำให้เกิดโซนิคบูมสองครั้ง Dialogue: 0,0:04:23.13,0:04:26.64,Default,,0000,0000,0000,,แต่หูมนุษย์มักจะได้ยินเพียงครั้งเดียวเท่านั้น Dialogue: 0,0:04:26.64,0:04:29.88,Default,,0000,0000,0000,,ในทางปฎิบัติ ตัวอย่างจำลองในคอมพิวเตอร์\Nที่ใช้หลักการเดียวกันนี้ Dialogue: 0,0:04:29.88,0:04:34.02,Default,,0000,0000,0000,,สามารถคาดการณ์ตำแหน่ง\Nและความเข้มของโซนิคบูมได้ Dialogue: 0,0:04:34.02,0:04:37.63,Default,,0000,0000,0000,,ในแต่ละสภาพบรรยากาศและวิถีการบิน Dialogue: 0,0:04:37.63,0:04:40.74,Default,,0000,0000,0000,,และก็มีการวิจัยที่กำลังศึกษา\Nเพื่อลดผลกระทบผลของมัน Dialogue: 0,0:04:40.74,0:04:45.81,Default,,0000,0000,0000,,ระหว่างนี้ เครื่องบินเหนือเสียง\Nยังคงถูกห้ามบินเหนือผืนดิน Dialogue: 0,0:04:45.81,0:04:48.57,Default,,0000,0000,0000,,แล้วโซนิคบูมเป็นสิ่งใหม่\Nที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นใช่ไหม Dialogue: 0,0:04:48.57,0:04:50.09,Default,,0000,0000,0000,,ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว Dialogue: 0,0:04:50.09,0:04:52.52,Default,,0000,0000,0000,,ในขณะที่เรากำลังพยายามหาทาง\Nทำให้มันเงียบลงอยู่นั้น Dialogue: 0,0:04:52.52,0:04:56.04,Default,,0000,0000,0000,,สัตว์บางชนิดใช้คลื่นเหนือเสียงนี้\Nให้เป็นประโยชน์ Dialogue: 0,0:04:56.04,0:05:00.95,Default,,0000,0000,0000,,ไดโนเสาร์ ไดพลอโดคัส\Nอาจสามารถสะบัดหางของมัน Dialogue: 0,0:05:00.100,0:05:07.94,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยความเร็วเหนือเสียงที่มากกว่า\N1,200 กิโลเมตรต่อขั่วโมงเพื่อไล่นักล่า Dialogue: 0,0:05:07.94,0:05:12.44,Default,,0000,0000,0000,,กุ้งบางชนิดสามารถสร้างสิ่งที่คล้ายกันนี้\Nอย่างคลื่นกระแทกใต้น้ำ Dialogue: 0,0:05:12.44,0:05:16.16,Default,,0000,0000,0000,,ทำให้เหยื่อหยุดค้างอยู่กับที่\Nหรือทำให้เหยื่อตายในระยะไกล Dialogue: 0,0:05:16.16,0:05:19.73,Default,,0000,0000,0000,,เพียงแค่ดีดก้ามใหญ่โตของมันเท่านั้น Dialogue: 0,0:05:19.73,0:05:22.20,Default,,0000,0000,0000,,ในขณะที่มนุษย์กำลังพัฒนา\Nสุดยอดความก้าวหน้านี้ขึ้นมา Dialogue: 0,0:05:22.20,0:05:24.85,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยการแสวงหาความรวดเร็วอย่างไม่หยุดยั้ง Dialogue: 0,0:05:24.85,0:05:27.41,Default,,0000,0000,0000,,กลับกลายเป็นว่าธรรมชาติทำได้ก่อนแล้ว